ราชินีพลิกสวรรค์ 353 ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้อื่นไปทั่ว

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 353 ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้อื่นไปทั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เลี่ยฉางเหล่า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร” เจียงหลียกยิ้มมุมปาก ดวงตาเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน

ไป๋เซี่ยงเลี่ยขมวดคิ้ว ให้นางทาสติดตามเข้าไปในสุสานก็ทำให้พวกเขาเหล่าตระกูลไป๋เซี่ยงโกรธอยู่แล้ว ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะให้นางมาพูดจาฉอดๆ กับเขาเยี่ยงนี้

“หึ เจ้ากล้าแตะต้องของในสุสานโบราณจึงทำให้มันถล่มลงมา ทั้งยังทำร้ายลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าอีก ตอนนี้ให้เจ้าเอาของออกมาย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว” ไป๋เซี่ยงเลี่ยปฏิบัติต่อเจียงหลีไม่สุภาพเหมือนปฏิบัติต่อเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เหวินเหรินชิ่งชิ่งขมวดคิ้ว “เลี่ยฉางเหล่า เจ้าจักฟังความเพียงข้างเดียวได้เยี่ยงไรล่ะ”

ไป๋เซี่ยงเลี่ยหันมามองนาง จากนั้นยกยิ้มแสร้งทำเป็นใจดี “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน อย่ายื่นมือเข้าแทรกจะดีกว่า เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงของกระหม่อม ในฐานะที่หระหม่อมเป็นผู้อาวุโสของตระกูลจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้า!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพลันมีสีหน้าเย็นชาดวงตาเฉียบคม “พวกเขาเป็นพระราชอาคันตุกะของฝ่าบาท แล้วก็เป็นประชาชนของเป่ยโหรว เลี่ยฉางเล่าอย่าพึ่งวู่วาม ถึงอย่างไรสุสานถล่มด้วยสาเหตุใดจะระบุได้อย่างไรว่าเกี่ยวข้องกับเซ่าจวิน หากบอกว่าเป็นเพราะฉกฉวยเอาของมาถึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราที่เข้าไปเกือบทุกคนที่แตะต้องของในสุสาน คนในตระกูลไป๋เซี่ยงของท่านก็หาสมบัติในสุสานมาไม่น้อย ใครจะไปรู้ว่าผู้ใดแตะต้องอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้สุสานถล่ม”

คำพูดของนางทำให้สีหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยมัวหม่น แววตาของคนในตระกูลไป๋เซี่ยงคนอื่นต่างเยือกเย็น ลู่เสวียนและเจียงหลีหันไปมองนาง ลู่เสวียนพึมพำ แม่นางน้อยผู้นี้นับว่ามีน้ำใจ ส่วนเจียงหลีเองก็ประทับใจในตัวเหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งกว่าเดิม

อย่างน้อยเมื่อเผชิญความขัดแย้งดังกล่าว นางก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว

ไป๋เซี่ยงเลี่ยกลับยิ้มเย็นเยียบ “องค์หญิงต้องการแอบอ้างถึงฝ่าบาทเพื่อกดดันกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลไป๋เซี่ยงไม่ได้หมายถึงหยวนหวัง แต่นางทาสผู้นี้จำเป็นต้องนำของที่เอามาจากสุสานโบราณออกมา จากนั้นกักตัวที่จวนไป๋เซี่ยงชั่วคราวก่อน รอจนกว่าพวกเราจะตรวจสอบแน่ชัดแล้ว หากทำให้แม่นางผู้นี้ขุ่นข้องหมองใจ พวกเราจะคืนของตามจำนวนที่นางได้มาให้พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้ พวกเจ้าจะมาพาตัวนางกำนัลของข้าไปได้อย่างไร” ลู่เสวียนปฏิเสธออกไปโดยไม่ทันคิด

แม้ไป่เซี่ยงเลี่ยกำลังยิ้มให้อยู่แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “หยวนหวัง ที่นี่คือเป่ยโหรวมิใช่ราชวงศ์จยาเซียน ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ทำอะไรนางกำนัลของท่านหรอก หากท่านไม่สบายใจจริงๆ ก็เตือนให้นางส่งของในมือออกมา ตระกูลไป๋เซี่ยงของเราเห็นแก่หน้าของหยวนหวังและฝ่าบาทก็จะไม่ถือสาเอาความนางอีกแล้วปล่อยนางกลับไปกับท่าน”

“ไม่ได้!” ลู่เสวียนปฏิเสธอีกครั้งด้วยท่าทีหนักแน่น

เขาจะให้คนในตระกูลไป๋เซี่ยงจับตัวเจียงหลีไปได้อย่างไร

“หึ! เจ้าคนพวกนี้ การฝึกประสบการณ์ครั้งนี้เดิมที่เป็นการฝึกภายในตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า เหยียดหยามตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า พวกท่านหาว่าพวกข้าใส่ร้ายนาง เพราะหลังนางปรากฏตัวสุสานถึงได้พังถล่มมิใช่หรือไง ไม่ต้องคิดให้รกสมอง ต้องเป็นเพราะนางฉวยเอาของบางสิ่งออกมาเป็นแน่ อีกอย่างของนั้นตอนนี้ต้องอยู่ในกระเป๋าของนางแน่!”

ผู้มีความสามารถคนหนึ่งในตระกูลไป๋เซี่ยงที่หนีออกมาจากสุสานได้ตะโกนอย่างมั่นหน้ามั่นใจ

คราวนี้ไป๋เซี่ยงเลี่ยยืนข้างอย่างภูมิใจ แววตาเรียบนิ่งไม่ตั้งใจหยุดเขาเลย

“ตลกดี! ข้ามาที่นี่เพราะได้รับเชิญจากฮ่องเต้เป่ยโหรวของพวกเจ้า ในสุสานโบราณไม่ใช่เพราะคนในตระกูลไป๋เซี่ยงต่อสู้กับเราเพื่ออะไรบางอย่างหรอกหรือ พวกเจ้าจะเอาไปฝ่ายเดียวโดยที่คนอื่นเอาไปไม่ได้ด้วยหรือ สุสานโบราณถล่มลงมาแล้ว พวกข้ายังพูดอยู่เลยว่าเป็นเพราะพวกเจ้าไปโดนกลไกอะไรโดยไม่ทันระวังหรือไม่ถึงทำให้สุสานถล่มล่ะ” ลู่เสวียนตะโกนกลับไปเช่นกัน

เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองพวกเขากลับไปอย่างเย็นชาเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้พูดแต่กลับแสดงท่าทีออกมา

เมื่อฟังถึงตรงนี้เจียงหลีถึงได้รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาแยกกัน ดูเหมือนลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งจะปะทะกับพวกตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างแรง

มิน่าล่ะตอนนี้เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างไม่พอใจนัก

“ฮ่าๆๆๆ…”

จู่ๆ เจียงหลีก็หัวเราะร่วน เสียงหัวเราะของนางทำให้คนอื่นหันมามองนางเป็นตาเดียว เมื่อถูกสายตาทุกคนจับจ้องเจียงหลีกลับไม่เกรงกลัวสักนิดแล้วแสยะยิ้ม “เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าโลภเอาของๆ ข้า ทั้งยังพูดอย่างสง่าผ่าเผยเยี่ยงนี้ ที่แท้ตระกูลไป๋เซี่ยงล้วนเป็นพวกหน้าซื่อใจคดเองหรือ”

“บังอาจ!”

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า”

“พูดจาสามหาวจริงๆ ไม่ให้เกียรติพวกข้าไป๋เซี่ยงเลย”

“ก็แค่นางทาสชั้นต่ำ ฆ่าให้ตายเลยดีกว่า”

“…”

เมื่อสิ้นเสียงเจียงหลี พวกตระกูลไป๋เซี่ยงก็แสดงความโมโหออกมาจนแทบอยากพุ่งเข้าไปฉีกเจียงหลีให้แหลกเป็นชิ้นๆ

แน่นอนไม่ใช่เพราะพวกเขาฆ่านางไม่ได้แต่เมื่อฆ่านางแล้วสิ่งของในมือนางจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าและต้องกลับคืนตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างที่ควรจะเป็น

“พวกเจ้าจะทำอะไร” เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้กรูกันเข้ามา ลู่เสวียนก็บังหน้าเจียงหลีเอาไว้ สายตามองไปที่พวกเขาอย่างหวาดระแวง

“เจ้าไม่ต้องยั่วโมโหพวกเขา มิฉะนั้นแม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเข้ามาใกล้เจียงหลีแล้วพูดเสียงต่ำข้างหูนาง นางและลู่เสวียนมีสถานะอยู่ที่นี่จึงสามารหว่านล้อมไป๋เซี่ยงเลี่ยได้ แต่เวลานี้เจียงหลีมีสถานะเป็นข้ารับใช้เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเหมาะสม

เจียงหลีฟังออกถึงความกลัวในน้ำเสียงของนาง แล้วรู้สึกถึงตำแหน่งของตระกูลไป๋เซี่ยงในเป่ยโหรวจริงๆ

องค์หญิงเหวินเหรินชิ่งชิ่งผู้นี้พวกเขาสามารถไว้หน้าได้ แต่ไม่จำเป็นต้องถูกคุกคามจากสถานะองค์หญิงของนาง

แต่ทว่ากลับไม่ได้สงบปากสงบคำเพราะเหตุผลนี้ นางผลักลู่เสวียนที่กำลังปกป้องนางไว้ด้านหลังออกแล้วเผชิญหน้ากับไป๋เซี่ยงเลี่ย “ก่อนเข้าไปในสุสาน พวกเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงพูดเองว่าเมื่อเข้าไปในสุสานแล้วได้สิ่งไหนสิ่งนั้นก็เป็นของตน เหตุใดตอนนี้พึ่งพ้นอันตรายออกมาจากสุสาน พวกเจ้าก็เผยความโลภออกมาแล้วหรือ”

รอยยิ้มบนใบหน้ามืดหม่นของไป๋เซี่ยงเลี่ยหายไป เขาจ้องเจียงหลีด้วยแววตาเฉียบคม “แม่นาง เจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เจ้ากล่าวออกมา พูดจาหยามหมิ่นตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าที่เป่ยโหรว ดูแล้วข้าก็ทำได้เพียงเชิญเจ้าไปเป็นแขกตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าแล้วล่ะ”

เมื่อเอ่ยจบเขาก็ยกมือออกคำสั่ง “ให้คนพาตัวนางไป!”

“ข้าจะดูว่าใครกล้า!” ลู่เสวียนยืนหยัดอีกครั้ง

คราวนี้เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่พูดอะไรแล้วยังคงยืนข้างเจียงหลีเพื่อร่วมกับลู่เสวียนปกป้องนาง

“องค์หญิง หยวนหวัง เรื่องนี้เป็นเพราะนางกำนัลผู้นี้เสียมารยาท เรื่องที่เกิดในสุสานโบราณ พวกเราต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เชิญทั้งสองท่านถอยไปก่อน อย่าทำให้เราลำบาก” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

“เจ้าไม่ต้องสนข้า” เจียงหลีเอ่ยกับลู่เสวียนเสียงเรียบ

“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ลู่เสวียนหันไปมองนางด้วยสายตาไม่เห็นด้วย หากเขาทิ้งไม่สนใจเจียงหลี แล้วเขาจะมีหน้าไปเจอพี่ใหญ่ได้เยี่ยงไร

“อย่าลืมเรื่องของเจ้าสิ!” เจียงหลีเตือนสติเขา

ลู่เสวียนขมวดคิ้ว นี่มันเวลาไหนแล้ว นางยังจำแผนสมรู้ร่วมคิดกับเป่ยโหรวได้อีก

“เชิญองค์หญิงและหยวนหวังหลีกทางด้วย”

คราวนี้น้ำเสียงของไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่เกรงใจอีกต่อไป แม้เขาจะพูดคำว่า ‘เชิญ’ แต่สาวกของตระกูล ไป๋เซี่ยงที่เดินออกมาจากด้านหลังเขาไม่เกรงใจเลยสักนิดแล้วปล่อยพลังวิญญาณเข้าใส่ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่เดินเข้ามา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 353 ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้อื่นไปทั่ว

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 353 ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้อื่นไปทั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เลี่ยฉางเหล่า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร” เจียงหลียกยิ้มมุมปาก ดวงตาเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน

ไป๋เซี่ยงเลี่ยขมวดคิ้ว ให้นางทาสติดตามเข้าไปในสุสานก็ทำให้พวกเขาเหล่าตระกูลไป๋เซี่ยงโกรธอยู่แล้ว ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะให้นางมาพูดจาฉอดๆ กับเขาเยี่ยงนี้

“หึ เจ้ากล้าแตะต้องของในสุสานโบราณจึงทำให้มันถล่มลงมา ทั้งยังทำร้ายลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าอีก ตอนนี้ให้เจ้าเอาของออกมาย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว” ไป๋เซี่ยงเลี่ยปฏิบัติต่อเจียงหลีไม่สุภาพเหมือนปฏิบัติต่อเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เหวินเหรินชิ่งชิ่งขมวดคิ้ว “เลี่ยฉางเหล่า เจ้าจักฟังความเพียงข้างเดียวได้เยี่ยงไรล่ะ”

ไป๋เซี่ยงเลี่ยหันมามองนาง จากนั้นยกยิ้มแสร้งทำเป็นใจดี “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน อย่ายื่นมือเข้าแทรกจะดีกว่า เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงของกระหม่อม ในฐานะที่หระหม่อมเป็นผู้อาวุโสของตระกูลจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้า!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพลันมีสีหน้าเย็นชาดวงตาเฉียบคม “พวกเขาเป็นพระราชอาคันตุกะของฝ่าบาท แล้วก็เป็นประชาชนของเป่ยโหรว เลี่ยฉางเล่าอย่าพึ่งวู่วาม ถึงอย่างไรสุสานถล่มด้วยสาเหตุใดจะระบุได้อย่างไรว่าเกี่ยวข้องกับเซ่าจวิน หากบอกว่าเป็นเพราะฉกฉวยเอาของมาถึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราที่เข้าไปเกือบทุกคนที่แตะต้องของในสุสาน คนในตระกูลไป๋เซี่ยงของท่านก็หาสมบัติในสุสานมาไม่น้อย ใครจะไปรู้ว่าผู้ใดแตะต้องอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้สุสานถล่ม”

คำพูดของนางทำให้สีหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยมัวหม่น แววตาของคนในตระกูลไป๋เซี่ยงคนอื่นต่างเยือกเย็น ลู่เสวียนและเจียงหลีหันไปมองนาง ลู่เสวียนพึมพำ แม่นางน้อยผู้นี้นับว่ามีน้ำใจ ส่วนเจียงหลีเองก็ประทับใจในตัวเหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งกว่าเดิม

อย่างน้อยเมื่อเผชิญความขัดแย้งดังกล่าว นางก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว

ไป๋เซี่ยงเลี่ยกลับยิ้มเย็นเยียบ “องค์หญิงต้องการแอบอ้างถึงฝ่าบาทเพื่อกดดันกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลไป๋เซี่ยงไม่ได้หมายถึงหยวนหวัง แต่นางทาสผู้นี้จำเป็นต้องนำของที่เอามาจากสุสานโบราณออกมา จากนั้นกักตัวที่จวนไป๋เซี่ยงชั่วคราวก่อน รอจนกว่าพวกเราจะตรวจสอบแน่ชัดแล้ว หากทำให้แม่นางผู้นี้ขุ่นข้องหมองใจ พวกเราจะคืนของตามจำนวนที่นางได้มาให้พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้ พวกเจ้าจะมาพาตัวนางกำนัลของข้าไปได้อย่างไร” ลู่เสวียนปฏิเสธออกไปโดยไม่ทันคิด

แม้ไป่เซี่ยงเลี่ยกำลังยิ้มให้อยู่แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “หยวนหวัง ที่นี่คือเป่ยโหรวมิใช่ราชวงศ์จยาเซียน ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ทำอะไรนางกำนัลของท่านหรอก หากท่านไม่สบายใจจริงๆ ก็เตือนให้นางส่งของในมือออกมา ตระกูลไป๋เซี่ยงของเราเห็นแก่หน้าของหยวนหวังและฝ่าบาทก็จะไม่ถือสาเอาความนางอีกแล้วปล่อยนางกลับไปกับท่าน”

“ไม่ได้!” ลู่เสวียนปฏิเสธอีกครั้งด้วยท่าทีหนักแน่น

เขาจะให้คนในตระกูลไป๋เซี่ยงจับตัวเจียงหลีไปได้อย่างไร

“หึ! เจ้าคนพวกนี้ การฝึกประสบการณ์ครั้งนี้เดิมที่เป็นการฝึกภายในตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า เหยียดหยามตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า พวกท่านหาว่าพวกข้าใส่ร้ายนาง เพราะหลังนางปรากฏตัวสุสานถึงได้พังถล่มมิใช่หรือไง ไม่ต้องคิดให้รกสมอง ต้องเป็นเพราะนางฉวยเอาของบางสิ่งออกมาเป็นแน่ อีกอย่างของนั้นตอนนี้ต้องอยู่ในกระเป๋าของนางแน่!”

ผู้มีความสามารถคนหนึ่งในตระกูลไป๋เซี่ยงที่หนีออกมาจากสุสานได้ตะโกนอย่างมั่นหน้ามั่นใจ

คราวนี้ไป๋เซี่ยงเลี่ยยืนข้างอย่างภูมิใจ แววตาเรียบนิ่งไม่ตั้งใจหยุดเขาเลย

“ตลกดี! ข้ามาที่นี่เพราะได้รับเชิญจากฮ่องเต้เป่ยโหรวของพวกเจ้า ในสุสานโบราณไม่ใช่เพราะคนในตระกูลไป๋เซี่ยงต่อสู้กับเราเพื่ออะไรบางอย่างหรอกหรือ พวกเจ้าจะเอาไปฝ่ายเดียวโดยที่คนอื่นเอาไปไม่ได้ด้วยหรือ สุสานโบราณถล่มลงมาแล้ว พวกข้ายังพูดอยู่เลยว่าเป็นเพราะพวกเจ้าไปโดนกลไกอะไรโดยไม่ทันระวังหรือไม่ถึงทำให้สุสานถล่มล่ะ” ลู่เสวียนตะโกนกลับไปเช่นกัน

เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองพวกเขากลับไปอย่างเย็นชาเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้พูดแต่กลับแสดงท่าทีออกมา

เมื่อฟังถึงตรงนี้เจียงหลีถึงได้รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาแยกกัน ดูเหมือนลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งจะปะทะกับพวกตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างแรง

มิน่าล่ะตอนนี้เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างไม่พอใจนัก

“ฮ่าๆๆๆ…”

จู่ๆ เจียงหลีก็หัวเราะร่วน เสียงหัวเราะของนางทำให้คนอื่นหันมามองนางเป็นตาเดียว เมื่อถูกสายตาทุกคนจับจ้องเจียงหลีกลับไม่เกรงกลัวสักนิดแล้วแสยะยิ้ม “เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าโลภเอาของๆ ข้า ทั้งยังพูดอย่างสง่าผ่าเผยเยี่ยงนี้ ที่แท้ตระกูลไป๋เซี่ยงล้วนเป็นพวกหน้าซื่อใจคดเองหรือ”

“บังอาจ!”

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า”

“พูดจาสามหาวจริงๆ ไม่ให้เกียรติพวกข้าไป๋เซี่ยงเลย”

“ก็แค่นางทาสชั้นต่ำ ฆ่าให้ตายเลยดีกว่า”

“…”

เมื่อสิ้นเสียงเจียงหลี พวกตระกูลไป๋เซี่ยงก็แสดงความโมโหออกมาจนแทบอยากพุ่งเข้าไปฉีกเจียงหลีให้แหลกเป็นชิ้นๆ

แน่นอนไม่ใช่เพราะพวกเขาฆ่านางไม่ได้แต่เมื่อฆ่านางแล้วสิ่งของในมือนางจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าและต้องกลับคืนตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างที่ควรจะเป็น

“พวกเจ้าจะทำอะไร” เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้กรูกันเข้ามา ลู่เสวียนก็บังหน้าเจียงหลีเอาไว้ สายตามองไปที่พวกเขาอย่างหวาดระแวง

“เจ้าไม่ต้องยั่วโมโหพวกเขา มิฉะนั้นแม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเข้ามาใกล้เจียงหลีแล้วพูดเสียงต่ำข้างหูนาง นางและลู่เสวียนมีสถานะอยู่ที่นี่จึงสามารหว่านล้อมไป๋เซี่ยงเลี่ยได้ แต่เวลานี้เจียงหลีมีสถานะเป็นข้ารับใช้เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเหมาะสม

เจียงหลีฟังออกถึงความกลัวในน้ำเสียงของนาง แล้วรู้สึกถึงตำแหน่งของตระกูลไป๋เซี่ยงในเป่ยโหรวจริงๆ

องค์หญิงเหวินเหรินชิ่งชิ่งผู้นี้พวกเขาสามารถไว้หน้าได้ แต่ไม่จำเป็นต้องถูกคุกคามจากสถานะองค์หญิงของนาง

แต่ทว่ากลับไม่ได้สงบปากสงบคำเพราะเหตุผลนี้ นางผลักลู่เสวียนที่กำลังปกป้องนางไว้ด้านหลังออกแล้วเผชิญหน้ากับไป๋เซี่ยงเลี่ย “ก่อนเข้าไปในสุสาน พวกเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงพูดเองว่าเมื่อเข้าไปในสุสานแล้วได้สิ่งไหนสิ่งนั้นก็เป็นของตน เหตุใดตอนนี้พึ่งพ้นอันตรายออกมาจากสุสาน พวกเจ้าก็เผยความโลภออกมาแล้วหรือ”

รอยยิ้มบนใบหน้ามืดหม่นของไป๋เซี่ยงเลี่ยหายไป เขาจ้องเจียงหลีด้วยแววตาเฉียบคม “แม่นาง เจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เจ้ากล่าวออกมา พูดจาหยามหมิ่นตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าที่เป่ยโหรว ดูแล้วข้าก็ทำได้เพียงเชิญเจ้าไปเป็นแขกตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าแล้วล่ะ”

เมื่อเอ่ยจบเขาก็ยกมือออกคำสั่ง “ให้คนพาตัวนางไป!”

“ข้าจะดูว่าใครกล้า!” ลู่เสวียนยืนหยัดอีกครั้ง

คราวนี้เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่พูดอะไรแล้วยังคงยืนข้างเจียงหลีเพื่อร่วมกับลู่เสวียนปกป้องนาง

“องค์หญิง หยวนหวัง เรื่องนี้เป็นเพราะนางกำนัลผู้นี้เสียมารยาท เรื่องที่เกิดในสุสานโบราณ พวกเราต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เชิญทั้งสองท่านถอยไปก่อน อย่าทำให้เราลำบาก” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

“เจ้าไม่ต้องสนข้า” เจียงหลีเอ่ยกับลู่เสวียนเสียงเรียบ

“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ลู่เสวียนหันไปมองนางด้วยสายตาไม่เห็นด้วย หากเขาทิ้งไม่สนใจเจียงหลี แล้วเขาจะมีหน้าไปเจอพี่ใหญ่ได้เยี่ยงไร

“อย่าลืมเรื่องของเจ้าสิ!” เจียงหลีเตือนสติเขา

ลู่เสวียนขมวดคิ้ว นี่มันเวลาไหนแล้ว นางยังจำแผนสมรู้ร่วมคิดกับเป่ยโหรวได้อีก

“เชิญองค์หญิงและหยวนหวังหลีกทางด้วย”

คราวนี้น้ำเสียงของไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่เกรงใจอีกต่อไป แม้เขาจะพูดคำว่า ‘เชิญ’ แต่สาวกของตระกูล ไป๋เซี่ยงที่เดินออกมาจากด้านหลังเขาไม่เกรงใจเลยสักนิดแล้วปล่อยพลังวิญญาณเข้าใส่ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่เดินเข้ามา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+