ราชินีพลิกสวรรค์ 200 เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมา

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 200 เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คุณหนูใหญ่ของตระกูลลู่ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเจียงหลี ลูกสาวบุญธรรมคนใหม่

เมื่อละจากงานกองทัพ มาถึงกระโจมของเจียงหลี ลู่เจี้ยกลับไม่เห็นใครหลังม่านเลย

คิ้วที่สวยงามของเขาขมวดเล็กน้อย รีบเดินไป สิ่งที่เห็นหลังจากแหวกม่านก็คือสาวน้อยที่กอดผ้าห่มและที่นอนอยู่บนเตียงไว้อย่างแน่น

“หลีเอ๋อร์!” ลู่เจี้ยเรียกนางเบาๆ

เขาก็ขึ้นบนเตียงอย่างไม่คิดอะไรมาก โอบสาวน้อยที่เจ็บปวดจนหมดสติไปไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง

“อืม!” กลิ่นและอ้อมกอดที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีที่ไม่ได้สติอยู่ส่งเสียงออกมา ซุกเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความคุ้นชิน คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง

ลู่เจี้ยจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดขาวและเต็มไปด้วยเหงื่อ เจ็บปวดใจเล็กน้อย เขากระตุ้นพลังในร่างกายที่ลึกลับนั้นเอง ทำให้พลังนั้นยิ่งปรากฏออกมา และถูกเจียงหลีดูดซับ หลีเอ๋อร์ เพราะเหตุใดกันเจ้าถึงได้มีอาการเช่นนี้ รอให้เจ้าหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม จะหายจากอาการนี้หรือไม่

พอนึกถึงปัญหานี้ แววตาของลู่เจี้ยก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา เขาไม่เคยลืมว่าตอนที่เขาให้นางเลือกวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม นางโพล่งคำพูดเหล่านั้นออกมา

นางถามว่าถ้านางมีความสามารถในการรักษา จะรักษาเขาได้ไหม

แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่เขาให้นางเลือกหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ประเภทการรักษา ก็เพราะโรคร้ายในร่างกายของนาง

หลีเอ๋อร์ เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว ถ้าหากว่าข้าไม่อยู่แล้ว ตอนที่เจ้าอาการกำเริบ ใครจะเป็นคนระงับความเจ็บปวดให้กับเจ้าได้เล่า นิ้วมือที่เรียวยาวของลู่เจี้ยลูบที่แก้มของเจียงหลีเบาๆ มีคำพูดบางคำที่พูดได้แค่ในใจ

ลู่เจี้ยถอนหายใจเบาๆ แล้วโอบเจียงหลีไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็หยิบหยกขาวออกมาจากด้านในเสื้อ

“อืม!”

เขาส่งเสียงด้วยความอึดอัด พลังที่บ้าคลั่งในร่างกายกำลังจะฉีกร่างกายของเขาออก ทุกครั้งที่พลังนี้เคลื่อนไหว ทำให้เขารับรู้ได้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

พลังที่ลึกลับ ออกมาจากร่างกายของเขา ส่วนหนึ่งถูกเจียงหลีดูดซับ อีกส่วนหนึ่งก็ถูกหยกดูดซ้ำ

ภายใต้พลังที่มากมายนี้ ผิวที่ซีดขาวของเจียงหลีก็ค่อยๆ แดงขึ้นมา แต่ทว่าสีหน้าของลู่เจี้ยกลับยิ่งซีดขาวไปเรื่อยๆ เหมือนว่าจะซีดจนเหลืองเล็กน้อย

หลังจากที่ลมปราณของนางคงที่แล้ว ลู่เจี้ยถึงได้นำหยกเก็บไว้ในเสื้อ และจากไปอย่างเงียบๆ

วันรุ่งขึ้น เจียงหลีตื่นขึ้นมา มองเตียงที่ว่างเปล่าด้วยความงุนงง นางจำได้ว่าเมื่อคืนนางไม่สบาย คล้ายๆ ว่าลู่เจี้ยจะมาหา

เป็นเพราะพลังนั้นที่บรรเทาความเจ็บปวดของนาง ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าเส้นเอ็นและเส้นเลือดของนางเปลี่ยนเป็นแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยพลังนี้

ความลับในร่างกายของลู่เจี้ย ดวงชะตาของลู่เจี้ย……

เจียงหลีค่อยๆ กัดฟัน ใคร่อยากจะรีบหาคำตอบนี้ นางบีบกำปั้นของตัวเอง พูดว่า “วิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม! ไม่สนว่าจะได้ผลไหม อย่างไรข้าก็ต้องลองดู!”

ฝึกฝน! ฝึกฝน!

จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็ว นางถึงจะสามารถทำเรื่องที่อยากทำได้!

……

ณ ซั่งตู ปิดประตูเมืองไปนานแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงอันตราย

แม้แต่สถาบันหลิงอู่ก็ปิดประตูใหญ่ชั่วคราว อาจารย์และนักเรียนทั้งหมดต่างถูกดึงตัวไปเป็นกองกำลังลาดตระเวน เดินตรวจตราไปมาอยู่ในเมืองซั่งตู

มีเพียงหนึ่งเดียวในนั้นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เหมือนเดิมทุกประการ ก็คือสถาบันไป๋หยวนที่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่

ไม่ว่าราชวงศ์โฮ่วจิ้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันนี้

เพียงแต่ว่ารอบนอกสถาบันไป๋หยวน กลับมีทหารม้าของราชสำนักประจำการอยู่ ที่พวกเขามุ่งเป้าไม่ใช่สถาบันไป๋หยวน แต่เป็นลู่เสวียนที่ถูกสงสัยว่าซ่อนตัวอยู่ในสถาบันไป๋หยวน นักฆ่าที่ลอบสังหารราชนิกุลของโฮ่วจิ้นหลายครั้งหลายคราในเมืองซั่งตู

เสียดาย ประจำการอยู่นานขนาดนี้แล้ว แม้แต่เงาของลู่เสวียน พวกเขาก็ยังไม่เคยได้เห็น นี่ก็ทำให้คนสงสัยไม่น้อยเลยว่าลู่เสวียนอยู่ในสถาบันไป๋หยวนจริงๆ หรือ

ในจวนคังอ๋อง เมืองซั่งตู

มู่หว่านโหรวยืนอยู่ข้างๆ เสด็จพ่ออย่างเงียบๆ

หลังจากที่คังอ๋องดูข่าวคราวในมือเสร็จ ก็เผาทิ้งไปกับเปลวไฟ เขาพูดกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มว่า “ลู่เสวียนนี่ก็นับว่าฉลาด รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”

มู่หว่านโหรวเม้มปาก “เสด็จพ่อ ในบรรดาทายาทของราชวงศ์ก็ถูกลู่เสวียนสังหารไปไม่น้อย จวนคังอ๋องของพวกเราจะยังไม่ทำอะไรอีกหรือเพคะ”

“นั่นเป็นบุญคุณและความแค้นระหว่างตระกูลลู่และฝ่าบาท เกี่ยวอะไรกับพวกเรา” คังอ๋องมองนาง ภายใต้รอยยิ้มนั้น ทำให้ยากต่อการคาดเดาความหมายที่แท้จริงได้

มู่หว่านโหรวขมวดคิ้ว

คังอ๋องกลับหยอกล้อในเวลานี้ “เดิมที่เจ้าได้หมั้นหมายกับลู่เจี้ย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าใจร้อน ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้เป็นฮ่องเฮาราชวงศ์ใหม่ไปแล้ว”

“เสด็จพ่อเพคะ!” ได้ยินคำพูดนี้ มู่หว่านโหรวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

คังอ๋องหัวเราะขึ้นมา มองลูกสาวแล้วพูดว่า “หว่านโหรวของตระกูลข้าคือหงส์ที่สามารถทะยานขึ้นถึงสวรรค์ทั้งเก้าได้ ตำแหน่งฮ่องเฮาแค่นี้ จะไปมีค่าอะไร ท้องฟ้าของเจ้าคงจะกว้างใหญ่กว่านี้”

ในดวงตาที่ใสแจ๋วของมู่หว่านโหรว เผยให้เห็นความประหลาดใจ นางมองพ่อของตัวเอง ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

ในตอนนี้คังอ๋องกลับหุบยิ้ม “หว่านโหรว พ่อได้เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว คืนนี้พวกเราจะไปจากโฮ่วจิ้น เดินทาง…ไปจากหนานฮวง”

มู่หว่านโหรวมองคังอ๋องด้วยความตกใจ เหมือนว่าไม่เคยได้ยินคำพูดนี้ของเขามาก่อน “พวกเราจะไปกันตอนไหนนะเพคะ”

คังอ๋องพยักหน้า “หลังจากที่เจ้าไปถึงที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่านี้ ก็จะค้นพบว่าสงครามการชิงอำนาจฮ่องเต้นี้น่าเบื่อแค่ไหน”

“……” มู่หว่านโหรวเงียบไป สำหรับนางแล้ว สายเลือดไม่ได้สำคัญที่สุด

“ใช่แล้ว ไป๋หลี่เฟิ่งคนนั้นที่เจ้าชอบ……”

ทันใดนั้นคังอ๋องก็พูดออกมา ทำให้มู่หว่านโหรวกะพริบตาเล็กน้อย พูดอย่างไม่ลังเลว่า “คุณสมบัติของเขาไม่ได้ดีที่สุด”

คังอ๋องพยักหน้า “ช่างเถอะ โลกภายนอกยังมีเทียนเจียวที่แข็งแกร่งกว่า ลูกสาวของข้าต้องหาสามีที่สมปรารถนาได้อย่างแน่นอน แสวงหาคุณธรรมไปด้วยกัน”

มู่หว่านโหรวเม้มปาก ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของพ่อ

ตั้งแต่หลังจากที่นางได้รู้ว่าเสด็จพ่อมีคัมภีร์ซวงซิวฉีซูอยู่เล่มหนึ่ง นางก็ตัดสินใจว่าจะหาคนรักสักคนที่สามารถควบคุมได้ และมีพรสวรรค์ที่ดี ช่วยให้นางฝึกฝนจนแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น

นางเคยชอบไป๋หลี่เฟิ่ง แต่ภายใต้การถูกเจียงหลีโจมตีแต่ละครั้ง ก็ละทิ้งความรู้สึกนั้นเสีย

……

ตกดึก มีคนสองสามคน แอบเข้ามาที่จวนขององค์หญิง

องค์หญิงคนโตของโฮ่วจิ้น เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับมู่เจิ้งเฟิง เพียงแต่พรสวรรค์การฝึกฝนขององค์หญิงคนโตองค์นี้กลับธรรมดา อยู่เพียงหลิงซื่อขั้นหก และหลังจากที่แต่งงาน ก็ไม่ได้ฝึกฝนอีก

คืนนี้ ลู่เสวียนมีความสับสน มาถึงจวนขององค์หญิงคนโต

เพราะว่าองค์หญิงใหญ่เป็นแม่ของโจวยวน แต่ว่าพ่อแม่ของเขากลับตายอย่างอนาถในแผนการร้ายของราชวงศ์ เขาสาบานไว้ว่าจะลอบสังหารคนของราชวงศ์ เอาเลือดของคนในราชวงศ์มาเซ่นไหว้วิญญาณของพ่อแม่

“เจ้ามาแล้วรึ”

เพิ่งจะเข้ามาในห้องขององค์หญิงคนโต ในนั้นก็มีเสียงที่ประหลาดใจดังขึ้นมา

ลู่เสวียนหรี่ตา จ้องมองไปที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วที่สง่างามและสุภาพเยือกเย็นซึ่งนั่งตัวตรงอยู่ในห้อง ราวกับว่ากำลังรอเขาอยู่

“เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมา” ลู่เสวียนกัดฟันถาม

เดิมทีเขาไม่กลัวองครักษ์ในจวนอยู่แล้ว เพราะว่าทหารของตระกูลลู่จัดการเรียบร้อยแล้ว ในมือของลู่เสวียนถือดาบที่แหลมคม เดินเข้ามาใกล้องค์หญิงใหญ่ทีละก้าวๆ

ในตอนที่ปลายดาบที่แหลมคมจ่อเข้าที่คอขององค์หญิง เขาก็หยุดลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 200 เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมา

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 200 เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คุณหนูใหญ่ของตระกูลลู่ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเจียงหลี ลูกสาวบุญธรรมคนใหม่

เมื่อละจากงานกองทัพ มาถึงกระโจมของเจียงหลี ลู่เจี้ยกลับไม่เห็นใครหลังม่านเลย

คิ้วที่สวยงามของเขาขมวดเล็กน้อย รีบเดินไป สิ่งที่เห็นหลังจากแหวกม่านก็คือสาวน้อยที่กอดผ้าห่มและที่นอนอยู่บนเตียงไว้อย่างแน่น

“หลีเอ๋อร์!” ลู่เจี้ยเรียกนางเบาๆ

เขาก็ขึ้นบนเตียงอย่างไม่คิดอะไรมาก โอบสาวน้อยที่เจ็บปวดจนหมดสติไปไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง

“อืม!” กลิ่นและอ้อมกอดที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีที่ไม่ได้สติอยู่ส่งเสียงออกมา ซุกเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความคุ้นชิน คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง

ลู่เจี้ยจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดขาวและเต็มไปด้วยเหงื่อ เจ็บปวดใจเล็กน้อย เขากระตุ้นพลังในร่างกายที่ลึกลับนั้นเอง ทำให้พลังนั้นยิ่งปรากฏออกมา และถูกเจียงหลีดูดซับ หลีเอ๋อร์ เพราะเหตุใดกันเจ้าถึงได้มีอาการเช่นนี้ รอให้เจ้าหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม จะหายจากอาการนี้หรือไม่

พอนึกถึงปัญหานี้ แววตาของลู่เจี้ยก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา เขาไม่เคยลืมว่าตอนที่เขาให้นางเลือกวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม นางโพล่งคำพูดเหล่านั้นออกมา

นางถามว่าถ้านางมีความสามารถในการรักษา จะรักษาเขาได้ไหม

แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่เขาให้นางเลือกหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ประเภทการรักษา ก็เพราะโรคร้ายในร่างกายของนาง

หลีเอ๋อร์ เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว ถ้าหากว่าข้าไม่อยู่แล้ว ตอนที่เจ้าอาการกำเริบ ใครจะเป็นคนระงับความเจ็บปวดให้กับเจ้าได้เล่า นิ้วมือที่เรียวยาวของลู่เจี้ยลูบที่แก้มของเจียงหลีเบาๆ มีคำพูดบางคำที่พูดได้แค่ในใจ

ลู่เจี้ยถอนหายใจเบาๆ แล้วโอบเจียงหลีไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็หยิบหยกขาวออกมาจากด้านในเสื้อ

“อืม!”

เขาส่งเสียงด้วยความอึดอัด พลังที่บ้าคลั่งในร่างกายกำลังจะฉีกร่างกายของเขาออก ทุกครั้งที่พลังนี้เคลื่อนไหว ทำให้เขารับรู้ได้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

พลังที่ลึกลับ ออกมาจากร่างกายของเขา ส่วนหนึ่งถูกเจียงหลีดูดซับ อีกส่วนหนึ่งก็ถูกหยกดูดซ้ำ

ภายใต้พลังที่มากมายนี้ ผิวที่ซีดขาวของเจียงหลีก็ค่อยๆ แดงขึ้นมา แต่ทว่าสีหน้าของลู่เจี้ยกลับยิ่งซีดขาวไปเรื่อยๆ เหมือนว่าจะซีดจนเหลืองเล็กน้อย

หลังจากที่ลมปราณของนางคงที่แล้ว ลู่เจี้ยถึงได้นำหยกเก็บไว้ในเสื้อ และจากไปอย่างเงียบๆ

วันรุ่งขึ้น เจียงหลีตื่นขึ้นมา มองเตียงที่ว่างเปล่าด้วยความงุนงง นางจำได้ว่าเมื่อคืนนางไม่สบาย คล้ายๆ ว่าลู่เจี้ยจะมาหา

เป็นเพราะพลังนั้นที่บรรเทาความเจ็บปวดของนาง ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าเส้นเอ็นและเส้นเลือดของนางเปลี่ยนเป็นแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยพลังนี้

ความลับในร่างกายของลู่เจี้ย ดวงชะตาของลู่เจี้ย……

เจียงหลีค่อยๆ กัดฟัน ใคร่อยากจะรีบหาคำตอบนี้ นางบีบกำปั้นของตัวเอง พูดว่า “วิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม! ไม่สนว่าจะได้ผลไหม อย่างไรข้าก็ต้องลองดู!”

ฝึกฝน! ฝึกฝน!

จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็ว นางถึงจะสามารถทำเรื่องที่อยากทำได้!

……

ณ ซั่งตู ปิดประตูเมืองไปนานแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงอันตราย

แม้แต่สถาบันหลิงอู่ก็ปิดประตูใหญ่ชั่วคราว อาจารย์และนักเรียนทั้งหมดต่างถูกดึงตัวไปเป็นกองกำลังลาดตระเวน เดินตรวจตราไปมาอยู่ในเมืองซั่งตู

มีเพียงหนึ่งเดียวในนั้นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เหมือนเดิมทุกประการ ก็คือสถาบันไป๋หยวนที่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่

ไม่ว่าราชวงศ์โฮ่วจิ้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันนี้

เพียงแต่ว่ารอบนอกสถาบันไป๋หยวน กลับมีทหารม้าของราชสำนักประจำการอยู่ ที่พวกเขามุ่งเป้าไม่ใช่สถาบันไป๋หยวน แต่เป็นลู่เสวียนที่ถูกสงสัยว่าซ่อนตัวอยู่ในสถาบันไป๋หยวน นักฆ่าที่ลอบสังหารราชนิกุลของโฮ่วจิ้นหลายครั้งหลายคราในเมืองซั่งตู

เสียดาย ประจำการอยู่นานขนาดนี้แล้ว แม้แต่เงาของลู่เสวียน พวกเขาก็ยังไม่เคยได้เห็น นี่ก็ทำให้คนสงสัยไม่น้อยเลยว่าลู่เสวียนอยู่ในสถาบันไป๋หยวนจริงๆ หรือ

ในจวนคังอ๋อง เมืองซั่งตู

มู่หว่านโหรวยืนอยู่ข้างๆ เสด็จพ่ออย่างเงียบๆ

หลังจากที่คังอ๋องดูข่าวคราวในมือเสร็จ ก็เผาทิ้งไปกับเปลวไฟ เขาพูดกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มว่า “ลู่เสวียนนี่ก็นับว่าฉลาด รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”

มู่หว่านโหรวเม้มปาก “เสด็จพ่อ ในบรรดาทายาทของราชวงศ์ก็ถูกลู่เสวียนสังหารไปไม่น้อย จวนคังอ๋องของพวกเราจะยังไม่ทำอะไรอีกหรือเพคะ”

“นั่นเป็นบุญคุณและความแค้นระหว่างตระกูลลู่และฝ่าบาท เกี่ยวอะไรกับพวกเรา” คังอ๋องมองนาง ภายใต้รอยยิ้มนั้น ทำให้ยากต่อการคาดเดาความหมายที่แท้จริงได้

มู่หว่านโหรวขมวดคิ้ว

คังอ๋องกลับหยอกล้อในเวลานี้ “เดิมที่เจ้าได้หมั้นหมายกับลู่เจี้ย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าใจร้อน ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้เป็นฮ่องเฮาราชวงศ์ใหม่ไปแล้ว”

“เสด็จพ่อเพคะ!” ได้ยินคำพูดนี้ มู่หว่านโหรวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

คังอ๋องหัวเราะขึ้นมา มองลูกสาวแล้วพูดว่า “หว่านโหรวของตระกูลข้าคือหงส์ที่สามารถทะยานขึ้นถึงสวรรค์ทั้งเก้าได้ ตำแหน่งฮ่องเฮาแค่นี้ จะไปมีค่าอะไร ท้องฟ้าของเจ้าคงจะกว้างใหญ่กว่านี้”

ในดวงตาที่ใสแจ๋วของมู่หว่านโหรว เผยให้เห็นความประหลาดใจ นางมองพ่อของตัวเอง ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

ในตอนนี้คังอ๋องกลับหุบยิ้ม “หว่านโหรว พ่อได้เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว คืนนี้พวกเราจะไปจากโฮ่วจิ้น เดินทาง…ไปจากหนานฮวง”

มู่หว่านโหรวมองคังอ๋องด้วยความตกใจ เหมือนว่าไม่เคยได้ยินคำพูดนี้ของเขามาก่อน “พวกเราจะไปกันตอนไหนนะเพคะ”

คังอ๋องพยักหน้า “หลังจากที่เจ้าไปถึงที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่านี้ ก็จะค้นพบว่าสงครามการชิงอำนาจฮ่องเต้นี้น่าเบื่อแค่ไหน”

“……” มู่หว่านโหรวเงียบไป สำหรับนางแล้ว สายเลือดไม่ได้สำคัญที่สุด

“ใช่แล้ว ไป๋หลี่เฟิ่งคนนั้นที่เจ้าชอบ……”

ทันใดนั้นคังอ๋องก็พูดออกมา ทำให้มู่หว่านโหรวกะพริบตาเล็กน้อย พูดอย่างไม่ลังเลว่า “คุณสมบัติของเขาไม่ได้ดีที่สุด”

คังอ๋องพยักหน้า “ช่างเถอะ โลกภายนอกยังมีเทียนเจียวที่แข็งแกร่งกว่า ลูกสาวของข้าต้องหาสามีที่สมปรารถนาได้อย่างแน่นอน แสวงหาคุณธรรมไปด้วยกัน”

มู่หว่านโหรวเม้มปาก ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของพ่อ

ตั้งแต่หลังจากที่นางได้รู้ว่าเสด็จพ่อมีคัมภีร์ซวงซิวฉีซูอยู่เล่มหนึ่ง นางก็ตัดสินใจว่าจะหาคนรักสักคนที่สามารถควบคุมได้ และมีพรสวรรค์ที่ดี ช่วยให้นางฝึกฝนจนแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น

นางเคยชอบไป๋หลี่เฟิ่ง แต่ภายใต้การถูกเจียงหลีโจมตีแต่ละครั้ง ก็ละทิ้งความรู้สึกนั้นเสีย

……

ตกดึก มีคนสองสามคน แอบเข้ามาที่จวนขององค์หญิง

องค์หญิงคนโตของโฮ่วจิ้น เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับมู่เจิ้งเฟิง เพียงแต่พรสวรรค์การฝึกฝนขององค์หญิงคนโตองค์นี้กลับธรรมดา อยู่เพียงหลิงซื่อขั้นหก และหลังจากที่แต่งงาน ก็ไม่ได้ฝึกฝนอีก

คืนนี้ ลู่เสวียนมีความสับสน มาถึงจวนขององค์หญิงคนโต

เพราะว่าองค์หญิงใหญ่เป็นแม่ของโจวยวน แต่ว่าพ่อแม่ของเขากลับตายอย่างอนาถในแผนการร้ายของราชวงศ์ เขาสาบานไว้ว่าจะลอบสังหารคนของราชวงศ์ เอาเลือดของคนในราชวงศ์มาเซ่นไหว้วิญญาณของพ่อแม่

“เจ้ามาแล้วรึ”

เพิ่งจะเข้ามาในห้องขององค์หญิงคนโต ในนั้นก็มีเสียงที่ประหลาดใจดังขึ้นมา

ลู่เสวียนหรี่ตา จ้องมองไปที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วที่สง่างามและสุภาพเยือกเย็นซึ่งนั่งตัวตรงอยู่ในห้อง ราวกับว่ากำลังรอเขาอยู่

“เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมา” ลู่เสวียนกัดฟันถาม

เดิมทีเขาไม่กลัวองครักษ์ในจวนอยู่แล้ว เพราะว่าทหารของตระกูลลู่จัดการเรียบร้อยแล้ว ในมือของลู่เสวียนถือดาบที่แหลมคม เดินเข้ามาใกล้องค์หญิงใหญ่ทีละก้าวๆ

ในตอนที่ปลายดาบที่แหลมคมจ่อเข้าที่คอขององค์หญิง เขาก็หยุดลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+