ราชินีพลิกสวรรค์ 260 ลู่เจี้ย! เจ้าคนบ้า

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 260 ลู่เจี้ย! เจ้าคนบ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาณาจักรซีเฉียนและจยาเซียนมีเมืองสุ่ยหันคั่นกลาง หากซีเฉียนประกาศสงครามก่อน ต้องขอเส้นผ่านทางจากเมืองสุ่ยหัน และถือเป็นการเดินทางไกลที่ยากลำบาก พลทหารจะเสียขวัญได้ หากออกรบกับอาณาจักรจยาเซียนคงจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแน่นอน ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงจุดอ่อนนี้ ทางที่ดีที่สุดคือการโจมตีเมืองสุ่ยหันก่อน ทว่า แม้เมืองสุ่ยหันจะอ่อนแอ แต่หากสู้รบกันจริงๆ อาณาจักรซีเฉียนก็จะต้องได้รับความสูญเสียเช่นกัน ท้ายสุดแล้ว อาณาจักรจยาเซียนจะได้เปรียบที่สุด!

ฮ่องเต้ซีเฉียนได้ตัดสินใจในใจแล้วว่าลู่เจี้ยจงใจทำให้เขาโกรธเพื่อที่จะให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนและตกหลุมพรางที่ราชวงศ์จยาเซียนวางไว้ในที่สุด!

ดังนั้นเขามิอาจติดกับนั้นได้!

“ไสหัวออกไป! ไสหัวออกไปให้หมด!” จู่ๆ ฮ่องเต้ซีเฉียนก็เกรี้ยวโกรธขึ้น

พอเห็นความโกรธของฮ่องเต้ซีเฉียน คนอื่นๆ ก็ได้เดินจากไปทีละคน

ขณะที่ เฉียนจวิ้นและเฉียนลี่กำลังจะเดินจากไป กลับถูกเขาเรียกไว้ “พวกเจ้าสองคน ช่วงนี้อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับองค์หญิงเสวียนเทียน!”

แววตาของเฉียนลี่และเฉียนจวิ้นหม่นหมองพร้อมๆ กัน และทำได้เพียงทำตามคำสั่งแล้วถอยออกไป

หลังจากเดินออกจากพระราชวังซีเฉียน ลู่เจี้ยก็พาเจียงหลีไปที่รถม้าซึ่งรออยู่หน้าประตูพระราชวัง

เจียงเฮ่าและลู่เสวียนถูกเฟิงสิงอวิ๋นที่เดินตามหลังมาเรียกไว้

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้น้องสาวของเขาใกล้ชิดกับลู่เจี้ยมากเกินไป แต่ฉากในพระราชวังซีเฉียน ทำให้ เจียงเฮ่าไม่สามารถรั้งเจียงหลีไม่ให้ขึ้นรถม้าไปได้

เขาถอนหายใจเงียบๆ พลางมองไปที่รถม้าด้วยความกังวลก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเฟิงสิงอวิ๋น

“เจ้ารู้แผนการของฮ่องเต้ซีเฉียนได้อย่างไร” บนรถม้า ดวงตาที่สดใสของเจียงหลีจับจ้องไปที่ใบหน้าของลู่เจี้ยที่เกือบจะทำให้อาณาจักรของพวกเขาได้รับความเสียหาย

นางมิได้โง่ถึงขนาดที่มองไม่ออกว่ากาปรากฏตัวของลู่เจี้ยนั้น ตั้งใจมาช่วยแก้ไขปัญหาอันยุ่งเหยิงตรงหน้าของนาง

“ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลย” ลู่เจี้ยตอบลวกๆ

นอกจากบุคคลทั้งสองบนรถม้าแล้ว ยังมีที่ว่างเหลืออยู่ แต่หลังจากได้ยินคำตอบนั้นจากปากของเขาแล้ว เจียงหลีก็โค้งมุมปากยิ้มและเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้สึกเขินอาย

ตอนนี้ หญิงสาวได้อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว ทำให้ร่างกายของลู่เจี้ยถึงกับแข็งทื่อ

ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวเล็กน้อย หญิงสาวใจกล้าคนนี้มุทะลุและทำในสิ่งที่ท้าทายความยับยั้งชั่งใจของเขาอีกแล้ว

“ท่านอาโปรดรักนวลสงวนตัวด้วย” ลู่เจี้ยเตือนนางด้วยเสียงแหบแห้ง

รอยยิ้มบนมุมปากของเจียงหลีกลับชัดเจนยิ่งขึ้น นางไม่ได้ถอยห่าง แต่กลับทำมือคารวะโค้งในอ้อมอกเขา “หลานชายคนดี อารู้สึกเหนื่อย ให้อาพิงสักหน่อย และไม่ต้องห่วงนะ อาไม่ทำอะไรเกินเลยแน่นอน”

มุมปากของลู่เจี้ยกระตุกอย่างรุนแรง

หากเขาทำได้ เขาอยากจะลงโทษผู้หญิงใจกล้าคนนี้อย่างสาสมที่มาท้าทายเขาเสมอๆ!

“ท่านทำให้ฮ่องเต้ซีเฉียนโกรธเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะสั่งฆ่าพวกเราประเดี๋ยวนั้นเลยหรือ” เจียงหลีเงยหน้ามองดูโครงร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา

ลู่เจี้ยยิ้มจางๆ และดูมั่นใจ “เขาไม่กล้าหรอก ฮ่องเต้ซีเฉียนเป็นคนคิดมาก หากข้ายิ่งแข็งกร้าว เขาก็ยิ่งระวังและสงสัยว่าข้ามีจุดประสงค์อื่น เมื่อยิ่งสงสัย เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรวู่วาม”

“แล้วสิ่งที่ท่านพูดไปล้วนเป็นเพียงแสดงที่ให้ฮ่องเต้ซีเฉียนดูล่ะสิ” น้ำเสียงของเจียงหลีไม่พอใจเล็กน้อย

ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ชั่วครู่นางจะรู้สึกซาบซึ้งไปเพื่ออะไร!

ลู่เจี้ยลดสายตามองนางด้วยดวงตาที่แวววาวประดุจอัญมณีที่งดงาม เจียงหลีเห็นภาพสะท้อนในดวงตาของเขา มันสว่างและชัดเจนมาก

“คำพูดของเจี้ย กลั่นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”

ตึง!

คำพูดเหล่านี้กระแทกใจของเจียงหลีอย่างรุนแรงภายใต้การจ้องมองของเขา

ความซาบซึ้งรินไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และค่อยๆ ลามไปที่ดวงตา

แต่ก่อนที่เจียงหลีจะพูดความรู้สึกลึกๆ ออกมา คำพูดถัดไปของลู่เจี้ยกลับผลักความรู้สึกซาบซึ้งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

“หลีเอ๋อร์เป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งต่อราชวงศ์จยาเซียน”

“เพียงเพราะสิ่งนี้เองหรือ” ใบหน้าของเจียงหลีเคร่งเครียด ดวงตาก็หม่นหมองลงเล็กน้อย

ลู่เจี้ยมองหน้านางอย่างสงสัย และดูเหมือนจะย้อนถามว่า แล้วจะให้เป็นเช่นไรได้เล่า

บ้าชะมัดเลย!

เจียงหลีกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ตั้งใจทำเช่นนี้ ทนได้ขนาดนี้ ก็ไปบวชเป็นไต้ซือเสียเถิด ยอมอดทนไม่กินสาวเนื้อหอมอย่างข้าได้ ก็ไปกินมังจนตายเสียเลย

เจียงหลีตะโกนในใจและหายใจเข้าลึกๆ บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขา อย่าคิดเล็กคิดน้อย อย่าคิดเล็กคิดน้อย!

นางเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มและมองไปที่ชายคนนั้นพร้อมเอาอกเอาใจว่า “ท่านดูสิ ข้าอยู่ที่ซีเฉียน ตั้งแต่ฮ่องเต้จนถึงองค์ชายพวกเขาต่างหวังในตัวข้าทั้งนั้น หรือเราถือโอกาสนี้ให้ข้ากลับไปพร้อมท่านจะดีหรือไม่”

ลู่เจี้ยยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

ภายใต้สายตาแห่งความคาดหวัง เขาก็ค่อยๆ ส่ายหัว “อยู่ต่อและฝึกฝนอย่างไร้กังวลเถิด”

“ไม่เอา! หากกลับไป ข้าจะไม่รอช้าและตั้งใจฝึกฝน” เจียงหลีขัดขืน นางต้องการใช้ชีวิตอยู่กับเขาในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต และบอกกับเขาว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหน นางก็จะรอคอยเขากลับมา

แต่ทว่าตอนนี้นางจะบอกกับเขาเช่นไร ท่านอยู่ได้ไม่นานแล้ว ดังนั้น นางถึงอยากกลับไปอย่างนั้นหรือ

“แน่ใจแล้วหรือ” ลู่เจี้ยถามกลับ

“อืม! ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ลู่เจี้ยจ้องมองไปที่ดวงตาของนางที่มิอาจคาดเดาได้ เหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ระหว่างที่เจียงหลีรออย่างประหม่าอยู่นั้น ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปที่สถาบันไป๋หยวนเพื่อเก็บข้าวของ”

“จริงๆ หรือ” เจียงหลีอุทานด้วยความประหลาดใจ

แต่ทว่า กลับปรากฏความไม่แน่ใจในดวงตาของเขา การตัดสินใจของลู่เจี้ยเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“หลีเอ๋อร์ ไม่เชื่อข้าหรือ” ลู่เจี้ยมองไปที่นางด้วยสีหน้าจริงจัง

คำเหล่านี้ ทำให้เจียงหลีถึงกับขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปาก นางจะไม่เชื่อลู่เจี้ยได้อย่างไร กล่าวอีกนัยหคือในโลกแห่งนี้คนที่นางไว้ใจที่สุดก็คือเขา

รถม้าขับไปจนถึงหน้าประตูของสถาบันไป๋หยวน

เมื่อทั้งสองลงจากรถ พระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว คนในสถาบันจึงมีจำนวนไม่มาก บ้างก็ไปกินข้าว บ้างก็กำลังฝึกฝนอยู่ ทำให้ดูเงียบๆ ไปมาก

เจียงหลีพาลู่เจี้ยกลับไปยังที่พักเป่ยย่วน

“ท่านนั่งรอข้าก่อน ข้าใกล้เสร็จแล้ว” เจียงหลีพูดกับลู่เจี้ยและหันหลังกลับไปที่ห้องพัก แล้วค้นหาป้ายอาญาสิทธิ์ที่สามารถเก็บหินวิญญาณได้

จะจากที่นี่ไปแล้ว ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้มา ต้องนำกลับไปบางส่วน

เพียงแต่ แค่เพียงพริบตาที่เจียงหลีเดินออกมาก็พบว่าลู่เจี้ยไม่ได้นั่งรออยู่ในห้อง แต่กลับยืนอยู่นอกห้องแล้ว

ความวิตกกังวลเกิดขึ้นในหัวใจ

เจียงหลีเดินไปที่ประตู “ลู่เจี้ย ท่านกำลังทำอะไรอยู่ด้านนอก”

ตูม!

หลังจากนั้น เมื่อนางเดินไปที่ประตู พลังอันยิ่งใหญ่ก็ได้ผลักนางกลับไป

เจียงหลีเบิกตากว้างด้วยความตกใจและมองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความเหลือเชื่อ “ท่านทำอะไรกันแน่”

ลู่เจี้ยที่กำลังหันหลังอยู่ค่อยๆ หันหน้าไปสบตานางผ่านประตูที่กั้นทั้งสองไว้ และมองเห็นถึงความโกรธและความตกใจในดวงตาของนาง

เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเจียงหลีกลับลุกเป็นไฟด้วยความโมโห

พลังวิญญาณถูกรวบรวมไว้ในมือของนาง

ตูม ตูม ตูม!

พลังวิญญาณที่รุนแรงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องของเจียงหลี

แต่นางกลับไม่สามารถก้าวออกจากห้องนี้ได้

“ลู่เจี้ย! ” เจียงหลีกัดฟันด้วยดวงตาอันเศร้าหมอง “นี่เจ้ากล้าปิดผนึกที่นี่รึ!” หลังจากได้สัมผัสกับมันแล้ว นางก็รู้ว่าห้องแห่งนี้ถูกพลังจิตของลู่เจี้ยปิดกั้นกับโลกภายนอก

“หลีเอ๋อร์ สัญญากับข้านะว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป” ลู่เจี้ยพูดเสียงเบา

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 260 ลู่เจี้ย! เจ้าคนบ้า

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 260 ลู่เจี้ย! เจ้าคนบ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาณาจักรซีเฉียนและจยาเซียนมีเมืองสุ่ยหันคั่นกลาง หากซีเฉียนประกาศสงครามก่อน ต้องขอเส้นผ่านทางจากเมืองสุ่ยหัน และถือเป็นการเดินทางไกลที่ยากลำบาก พลทหารจะเสียขวัญได้ หากออกรบกับอาณาจักรจยาเซียนคงจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแน่นอน ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงจุดอ่อนนี้ ทางที่ดีที่สุดคือการโจมตีเมืองสุ่ยหันก่อน ทว่า แม้เมืองสุ่ยหันจะอ่อนแอ แต่หากสู้รบกันจริงๆ อาณาจักรซีเฉียนก็จะต้องได้รับความสูญเสียเช่นกัน ท้ายสุดแล้ว อาณาจักรจยาเซียนจะได้เปรียบที่สุด!

ฮ่องเต้ซีเฉียนได้ตัดสินใจในใจแล้วว่าลู่เจี้ยจงใจทำให้เขาโกรธเพื่อที่จะให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนและตกหลุมพรางที่ราชวงศ์จยาเซียนวางไว้ในที่สุด!

ดังนั้นเขามิอาจติดกับนั้นได้!

“ไสหัวออกไป! ไสหัวออกไปให้หมด!” จู่ๆ ฮ่องเต้ซีเฉียนก็เกรี้ยวโกรธขึ้น

พอเห็นความโกรธของฮ่องเต้ซีเฉียน คนอื่นๆ ก็ได้เดินจากไปทีละคน

ขณะที่ เฉียนจวิ้นและเฉียนลี่กำลังจะเดินจากไป กลับถูกเขาเรียกไว้ “พวกเจ้าสองคน ช่วงนี้อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับองค์หญิงเสวียนเทียน!”

แววตาของเฉียนลี่และเฉียนจวิ้นหม่นหมองพร้อมๆ กัน และทำได้เพียงทำตามคำสั่งแล้วถอยออกไป

หลังจากเดินออกจากพระราชวังซีเฉียน ลู่เจี้ยก็พาเจียงหลีไปที่รถม้าซึ่งรออยู่หน้าประตูพระราชวัง

เจียงเฮ่าและลู่เสวียนถูกเฟิงสิงอวิ๋นที่เดินตามหลังมาเรียกไว้

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้น้องสาวของเขาใกล้ชิดกับลู่เจี้ยมากเกินไป แต่ฉากในพระราชวังซีเฉียน ทำให้ เจียงเฮ่าไม่สามารถรั้งเจียงหลีไม่ให้ขึ้นรถม้าไปได้

เขาถอนหายใจเงียบๆ พลางมองไปที่รถม้าด้วยความกังวลก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเฟิงสิงอวิ๋น

“เจ้ารู้แผนการของฮ่องเต้ซีเฉียนได้อย่างไร” บนรถม้า ดวงตาที่สดใสของเจียงหลีจับจ้องไปที่ใบหน้าของลู่เจี้ยที่เกือบจะทำให้อาณาจักรของพวกเขาได้รับความเสียหาย

นางมิได้โง่ถึงขนาดที่มองไม่ออกว่ากาปรากฏตัวของลู่เจี้ยนั้น ตั้งใจมาช่วยแก้ไขปัญหาอันยุ่งเหยิงตรงหน้าของนาง

“ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลย” ลู่เจี้ยตอบลวกๆ

นอกจากบุคคลทั้งสองบนรถม้าแล้ว ยังมีที่ว่างเหลืออยู่ แต่หลังจากได้ยินคำตอบนั้นจากปากของเขาแล้ว เจียงหลีก็โค้งมุมปากยิ้มและเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้สึกเขินอาย

ตอนนี้ หญิงสาวได้อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว ทำให้ร่างกายของลู่เจี้ยถึงกับแข็งทื่อ

ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวเล็กน้อย หญิงสาวใจกล้าคนนี้มุทะลุและทำในสิ่งที่ท้าทายความยับยั้งชั่งใจของเขาอีกแล้ว

“ท่านอาโปรดรักนวลสงวนตัวด้วย” ลู่เจี้ยเตือนนางด้วยเสียงแหบแห้ง

รอยยิ้มบนมุมปากของเจียงหลีกลับชัดเจนยิ่งขึ้น นางไม่ได้ถอยห่าง แต่กลับทำมือคารวะโค้งในอ้อมอกเขา “หลานชายคนดี อารู้สึกเหนื่อย ให้อาพิงสักหน่อย และไม่ต้องห่วงนะ อาไม่ทำอะไรเกินเลยแน่นอน”

มุมปากของลู่เจี้ยกระตุกอย่างรุนแรง

หากเขาทำได้ เขาอยากจะลงโทษผู้หญิงใจกล้าคนนี้อย่างสาสมที่มาท้าทายเขาเสมอๆ!

“ท่านทำให้ฮ่องเต้ซีเฉียนโกรธเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะสั่งฆ่าพวกเราประเดี๋ยวนั้นเลยหรือ” เจียงหลีเงยหน้ามองดูโครงร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา

ลู่เจี้ยยิ้มจางๆ และดูมั่นใจ “เขาไม่กล้าหรอก ฮ่องเต้ซีเฉียนเป็นคนคิดมาก หากข้ายิ่งแข็งกร้าว เขาก็ยิ่งระวังและสงสัยว่าข้ามีจุดประสงค์อื่น เมื่อยิ่งสงสัย เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรวู่วาม”

“แล้วสิ่งที่ท่านพูดไปล้วนเป็นเพียงแสดงที่ให้ฮ่องเต้ซีเฉียนดูล่ะสิ” น้ำเสียงของเจียงหลีไม่พอใจเล็กน้อย

ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ชั่วครู่นางจะรู้สึกซาบซึ้งไปเพื่ออะไร!

ลู่เจี้ยลดสายตามองนางด้วยดวงตาที่แวววาวประดุจอัญมณีที่งดงาม เจียงหลีเห็นภาพสะท้อนในดวงตาของเขา มันสว่างและชัดเจนมาก

“คำพูดของเจี้ย กลั่นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”

ตึง!

คำพูดเหล่านี้กระแทกใจของเจียงหลีอย่างรุนแรงภายใต้การจ้องมองของเขา

ความซาบซึ้งรินไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และค่อยๆ ลามไปที่ดวงตา

แต่ก่อนที่เจียงหลีจะพูดความรู้สึกลึกๆ ออกมา คำพูดถัดไปของลู่เจี้ยกลับผลักความรู้สึกซาบซึ้งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

“หลีเอ๋อร์เป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งต่อราชวงศ์จยาเซียน”

“เพียงเพราะสิ่งนี้เองหรือ” ใบหน้าของเจียงหลีเคร่งเครียด ดวงตาก็หม่นหมองลงเล็กน้อย

ลู่เจี้ยมองหน้านางอย่างสงสัย และดูเหมือนจะย้อนถามว่า แล้วจะให้เป็นเช่นไรได้เล่า

บ้าชะมัดเลย!

เจียงหลีกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ตั้งใจทำเช่นนี้ ทนได้ขนาดนี้ ก็ไปบวชเป็นไต้ซือเสียเถิด ยอมอดทนไม่กินสาวเนื้อหอมอย่างข้าได้ ก็ไปกินมังจนตายเสียเลย

เจียงหลีตะโกนในใจและหายใจเข้าลึกๆ บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขา อย่าคิดเล็กคิดน้อย อย่าคิดเล็กคิดน้อย!

นางเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มและมองไปที่ชายคนนั้นพร้อมเอาอกเอาใจว่า “ท่านดูสิ ข้าอยู่ที่ซีเฉียน ตั้งแต่ฮ่องเต้จนถึงองค์ชายพวกเขาต่างหวังในตัวข้าทั้งนั้น หรือเราถือโอกาสนี้ให้ข้ากลับไปพร้อมท่านจะดีหรือไม่”

ลู่เจี้ยยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

ภายใต้สายตาแห่งความคาดหวัง เขาก็ค่อยๆ ส่ายหัว “อยู่ต่อและฝึกฝนอย่างไร้กังวลเถิด”

“ไม่เอา! หากกลับไป ข้าจะไม่รอช้าและตั้งใจฝึกฝน” เจียงหลีขัดขืน นางต้องการใช้ชีวิตอยู่กับเขาในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต และบอกกับเขาว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหน นางก็จะรอคอยเขากลับมา

แต่ทว่าตอนนี้นางจะบอกกับเขาเช่นไร ท่านอยู่ได้ไม่นานแล้ว ดังนั้น นางถึงอยากกลับไปอย่างนั้นหรือ

“แน่ใจแล้วหรือ” ลู่เจี้ยถามกลับ

“อืม! ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ลู่เจี้ยจ้องมองไปที่ดวงตาของนางที่มิอาจคาดเดาได้ เหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ระหว่างที่เจียงหลีรออย่างประหม่าอยู่นั้น ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปที่สถาบันไป๋หยวนเพื่อเก็บข้าวของ”

“จริงๆ หรือ” เจียงหลีอุทานด้วยความประหลาดใจ

แต่ทว่า กลับปรากฏความไม่แน่ใจในดวงตาของเขา การตัดสินใจของลู่เจี้ยเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“หลีเอ๋อร์ ไม่เชื่อข้าหรือ” ลู่เจี้ยมองไปที่นางด้วยสีหน้าจริงจัง

คำเหล่านี้ ทำให้เจียงหลีถึงกับขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปาก นางจะไม่เชื่อลู่เจี้ยได้อย่างไร กล่าวอีกนัยหคือในโลกแห่งนี้คนที่นางไว้ใจที่สุดก็คือเขา

รถม้าขับไปจนถึงหน้าประตูของสถาบันไป๋หยวน

เมื่อทั้งสองลงจากรถ พระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว คนในสถาบันจึงมีจำนวนไม่มาก บ้างก็ไปกินข้าว บ้างก็กำลังฝึกฝนอยู่ ทำให้ดูเงียบๆ ไปมาก

เจียงหลีพาลู่เจี้ยกลับไปยังที่พักเป่ยย่วน

“ท่านนั่งรอข้าก่อน ข้าใกล้เสร็จแล้ว” เจียงหลีพูดกับลู่เจี้ยและหันหลังกลับไปที่ห้องพัก แล้วค้นหาป้ายอาญาสิทธิ์ที่สามารถเก็บหินวิญญาณได้

จะจากที่นี่ไปแล้ว ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้มา ต้องนำกลับไปบางส่วน

เพียงแต่ แค่เพียงพริบตาที่เจียงหลีเดินออกมาก็พบว่าลู่เจี้ยไม่ได้นั่งรออยู่ในห้อง แต่กลับยืนอยู่นอกห้องแล้ว

ความวิตกกังวลเกิดขึ้นในหัวใจ

เจียงหลีเดินไปที่ประตู “ลู่เจี้ย ท่านกำลังทำอะไรอยู่ด้านนอก”

ตูม!

หลังจากนั้น เมื่อนางเดินไปที่ประตู พลังอันยิ่งใหญ่ก็ได้ผลักนางกลับไป

เจียงหลีเบิกตากว้างด้วยความตกใจและมองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความเหลือเชื่อ “ท่านทำอะไรกันแน่”

ลู่เจี้ยที่กำลังหันหลังอยู่ค่อยๆ หันหน้าไปสบตานางผ่านประตูที่กั้นทั้งสองไว้ และมองเห็นถึงความโกรธและความตกใจในดวงตาของนาง

เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเจียงหลีกลับลุกเป็นไฟด้วยความโมโห

พลังวิญญาณถูกรวบรวมไว้ในมือของนาง

ตูม ตูม ตูม!

พลังวิญญาณที่รุนแรงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องของเจียงหลี

แต่นางกลับไม่สามารถก้าวออกจากห้องนี้ได้

“ลู่เจี้ย! ” เจียงหลีกัดฟันด้วยดวงตาอันเศร้าหมอง “นี่เจ้ากล้าปิดผนึกที่นี่รึ!” หลังจากได้สัมผัสกับมันแล้ว นางก็รู้ว่าห้องแห่งนี้ถูกพลังจิตของลู่เจี้ยปิดกั้นกับโลกภายนอก

“หลีเอ๋อร์ สัญญากับข้านะว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป” ลู่เจี้ยพูดเสียงเบา

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+