ราชินีพลิกสวรรค์ 346 เปิดประตูแห่งความโชคร้าย

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 346 เปิดประตูแห่งความโชคร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันใดนั้นการบีบอัดที่น่ากลัวเยื้องกรายเข้ามาปกคลุมร่างของลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

“ระวัง!”

มันแทบจะมาพร้อมเสียงเตือนของเจียงหลี ลู่เสวียนคว้ามือของเหวินเหรินชิ่งชิ่งแล้วพานางลงมาจากขั้นบันไดและยืนขนาบข้างเจียงหลีตามสัญชาติญาณ

“โฮกกก!”

“นี่เกิดอะไรขึ้น พวกมัน!” ลู่เสวียนมองฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เจียงหลีเม้มริมฝีปากแน่น สายตาอันเคร่งขรึมมองไปที่ประตูหินสูงใหญ่เช่นกัน

เสาสองต้นนั้นสูงพอๆ กับประตูหิน รอยแกะสลักรูปสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นคาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่นี้จะมีชีวิตปรากฏออกมาตรงหน้าพวกเขาจริงๆ

ร่างหินแกะสลักของสัตว์ประหลาดที่คล้ายมังกรก็มิใช่งูก็มิเชิง รูปร่างของมันราวกับหินภูเขาไฟที่หลอมละลายในดินแตกระแหงไหลรวมเป็นแสงสีแดงเพลิงหยาดเยิ้ม ร่างกายท่อนบนของพวกมันไร้ซึ่งพันธนาการจากเสาหิน หลังจากที่ลอบโจมตีเมื่อครู่นี้ ส่วนหัวของพวกมันก็พันเกี่ยวเลี้ยวลดจากด้านหน้าประตูหินเพื่อขวางทางพวกเขาเอาไว้

ในขณะที่ท่อนล่างของพวกมันยังคงถูกแกะสลักอยู่บนเสาหินเอาไว้อย่างมั่นคง

ตกลงสัตว์ประหลาดนี้มีชีวิตจริงหรือไม่ เจียงหลีลอบพูดในใจ จู่ๆ สัตว์ประหลาดก็ ‘ฟื้นคืนชีพ’ แม้จะประหวั่นพรั่นพรึงบ้าง แต่พวงมันยังถูกจองจำอยู่ในเสาหิน ขอเพียงไม่เข้าไปใกล้ก็จะไม่ถูกมันข่มขู่ ซึ่งข้อนี้เองทำให้เจียงหลีใจเย็นลง

“นี่ เจ้ารีบปล่อยข้าซะ!” ข้างหลังของเขามีเสียงพึมพำไม่พอใจของเหวินเหรินชิ่งชิ่งดังขึ้นมา

แววตาเจียงหลีวาวโรจน์ ไม่ได้ให้ความสนใจกับทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อถูกเหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเตือนสติ ลู่เสวียนถึงได้สังเกตว่าเมื่อครู่นี้ภายใต้เหตุการณ์ฉุกละหุก คิดไม่ถึงว่าเขาจะลืมปล่อยมือนางเสียนี่

ใบหน้าของใครบางคนแดงระเรื่อถูกปล่อยมือราวกับโดนเข็มทิ่มตำ เพื่อเป็นการปกปิดความเขินอายของตน ลู่เสวียนก็ตอบแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง “เหอะ ยังไม่รู้จักขอบคุณผู้มีพระคุณสักคำ”

เดิมทีคิดว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งจะโมโหเขากลับมาเหมือนครั้งก่อนๆ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป สาวน้อยกลับมีสีหน้าเคอะเขินทั้งยังกระซิบเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณ”

เอ่อ…

เมื่อลู่เสวียนได้ยินคำขอบคุณก็เผยสีหน้าตกตะลึงราวกับว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดหน้าประตูหินเสียอีก

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตจ้องเขาแล้วยื่นขาออกไปเหยียบเท้าเขาเต็มแรง

ซี๊ดดด!

เมื่อลู่เสวียนถูกจู่โจมกะทันหันก็เจ็บจนร้องซี๊ดแล้วเบิกตามองนาง

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเผยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ

“ผู้หญิงปากจัด” ลู่เสวียนขบกรามพูดสองคำนั้นในลำคอ

“เลิกทะเลาะกันสักที” เจียงหลีเข้าใจสองคนที่เย้าแหย่กันข้างหลังอย่างชัดเจน นางจึงเอ่ยเสียงปรามทั้งสองเอาไว้

ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งจึงเงียบเสียงพร้อมกัน พวกเขาไม่ลืมว่ายังมีสัตว์ประหลาดสองตัวกำลัง

จ้องเขมือบเราอยู่

“พวกมันขวางประตูเอาไว้แล้ว” ลู่เสวียนที่ยืนข้างเจียงหลีมีสีหน้าเคร่งขรึม

ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสองคนช่างคลุมเครือดูเหมือนไม่ได้เป็นเพียงนายบ่าวเท่านั้น ในสายตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งมีความประหลาดใจ แม้แต่นางยังรู้สึกว่าหลังจากเข้าไปในสุสานโบราณแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ลู่เสวียนต้องเอาแต่ถามความคิดเห็นของเซ่าจจวินผู้นี้อย่างแน่นอน

แต่ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาติดตามเรื่องเหล่านี้

“เช่นนั้นก็ฆ่ามันซะ”

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตทันทีแล้วมองไปที่เจียงหลี ประโยคที่ดูใจกล้าบ้าบิ่นเมื่อครู่นี้ คือนางพูดออกมาเองหรือ “ตกลงพวกมันเป็นตัวอะไรเราก็ไม่รู้ แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไร”

“ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร โจมตีจนพวกมันไม่เป็นรูปเป็นร่างก็สามารถฆ่ามันตายได้แล้ว” หลังเจียงหลีเอ่ยเสร็จสิ้น เงาร่างของนางก็ส่องประกาย จากนั้นจึงหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน

นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มายืนอยู่ด้านล่างของสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวแล้ว

เมื่อเห็นว่านางปรากฏตัวบนขั้นบันได จู่ๆ ลำคอที่พันเลื้อยก็คลายจากกัน ในขณะเดียวกันก็อ้าปากกว้างน่าสะพรึงราวกับจะกลืนนางลงท้องเข้าไปในทันที

เจียงหลีรีบยกแขนขวาขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองแต่ไม่ถดกายหนีไปไหน ลำแสงของเกราะเสวียนกังกระพริบขึ้นที่แขนขวาของนาง

เคร้ง!

เขี้ยวคมของสัตว์ประหลาดกระทบเกราะเสวียนกังจนเปล่งเสียงเสียดสีกันบาดแก้วหู

“ระวัง!”

ฉากนี้ทำเอาลู่เสวียนใจหายใจคว่ำ

เพราะแขนที่ยังไม่เสียหายจึงทำให้เจียงหลีโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ยังดีที่ความแข็งแกร่งของเกราะเสวียนกังทนทานต่อเขี้ยวคมของสัตว์ประหลาด

“นางจะทำอะไรน่ะ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งหน้าซีดเผือด นางมิได้โง่เขลา ฉากตื่นตาตื่นใจเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเซ่าจวินผู้นี้จงใจกระทำ

นางยิ่งแปลกใจตรงที่เหตุใดแม้กระทั่งสัตว์ประหลาดยังไม่สามารถพิชิตแขนของเซ่าจวินได้

“โฮกก!”

เจียงหลียืนข้างหน้าตัวเองอย่างไม่มีตรงไหนที่บาดเจ็บ ดูเหมือนสัตว์ประหลาดจะถูกยั่วยุให้โมโหร้ายยิ่งขึ้น จมูกของมันพ่นไอร้อนออกมาราวกับเปลวไฟลุกโชนที่กำลังแผดเผาอยู่ข้างหน้าเจียงหลี นางรู้สึกทรมานเหลือคณาราวกับว่าตัวเองกำลังหลอมละลายก็มิปาน

สัตว์ประหลาดที่กัดแขนเจียงหลีเหวี่ยงนางสุดแรง มันอยากเปลี่ยนวิธีโดยการจับนางกลืนลงไป

ร่างของเจียงหลีถูกเหวี่ยงไปกลางอากาศ นางหันหลังกลับไปมองสัตว์ประหลาดผงกหัวขึ้นเพื่อเปิดแอ่งเลือดเหวอะหวะราวกับป่องภูเขาไฟในแดนชำระตามแนวเขี้ยวแหลมคม

หากนางร่วงลงมาเมื่อใดก็จะตกลงไปในปากของสัตว์ประหลาด

ทันใดนั้นในขณะที่กำลังร่วงหล่นมาร่างของเจียงหลีก็บิดม้วนกลางอากาศ มุมมองที่แปลกประหลาดและร่างกายที่ยืดหยุ่นนั้นเกินขีดจำกัดกว่าสภาพร่างกายของคนทั่วไป!

การหมุนตัวนี้ทำให้นางเฉียดปากของสัตว์ประหลาดไปเพียงนิดเดียว แต่ทว่านางกลับขึ้นไปขี่คร่อมหลังคอสัตว์ประหลาดจึงทำให้สัตว์ประหลาดกัดเอาความว่างเปล่าอย่างแรง

หากจะให้เล่าทั้งหมดคงยาว แต่ความจริงเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

พอเจียงหลีลงสู่พื้น สัตว์ประหลาดอีกตัวก็อ้าปากพุ่งเข้าใส่ร่างของนาง

“จับมันไว้!” เจียงหลีหลบหลีกอย่างหวุดหวิด ไอร้อนที่สัตว์ประหลาดพ่นออกมาทำให้เส้นผมนางไหม้เกรียม

เมื่อสิ้นเสียงนาง ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็รีบขยับขึ้นมากระโดดเข้าไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีกตัว เพื่อต่อสู้กับวิกฤตยามคับขัน ร่างกายของเจียงหลีจึงสั่นไหวอย่างรุนแรง

“โฮกกกก!”

สัตว์ประหลาดตัวที่นางขี่คร่อมนั้นเหวี่ยงสะบัดหัวมันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่ออยากให้นางไถลตกลงมา

เจียงหลีที่ถูกสะบัดไปทั่วสารทิศแล้วนึกแค้นใจ มือทั้งคู่แสดงอิทธิฤทธิ์ของเลี่ยเทียนซื่อออกมา มือข้างหนึ่งจิกกรงเล็บอย่างแรงจนเสียบแทงเข้าร่างของสัตว์ประหลาดและนางก็รู้สึกถึงความร้อนของเลือดที่แผดเผาราวกับเปลวไฟ

“โฮกก!” เสียงสัตว์ประหลาดร้องทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด

จากนั้นเจียงหลีจึงยกมืออีกข้างชูกำปั้นปล่อยพลังหกหมัดหนักด้วยพลังความสามารถของหลิงไซว่ผนวกกับวิชาหกหมัด ดวงตาเป็นประกายของนางวูบไหวแล้วปล่อยหมัดชกไปที่หัวของมันอย่างรุนแรงจนหน้าหัน

ตู้มๆๆ!

เสียงเจ็บปวดของสัตว์ประหลาดดังขึ้นไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะฮึดสู้เพียงใดก็ไม่สามารถทำให้เจียงหลีร่วงลงมาได้ อีกทั้งร่างกายของมันยังมีส่วนหัวที่ถูกหกหมัดหนักกระหน่ำต่อยจนร่วง

อีกด้านหนึ่ง ลู่เสวียนก็ทำตามแบบเดียวกันโดยให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งควบคุมอยู่ด้านข้าง ส่วนเขาปล่อยหกหมัดหนักเพื่อจู่โจมสัตว์ประหลาดอีกตัว

หัวและคอของสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างใต้ร่างเขายุบไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นเจียงหลีก็ปล่อยมือจากสัตว์ประหลาดอีกตัวเพื่อกระโดดขึ้นและเหวี่ยงหมัดอีกครั้งจากอากาศ

“ไปตายซะ!”

“โฮกกกกก!”

เสียงคำรามดังกึกก้อง หัวของสัตว์ประหลาดระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หล่นกระจายสู่ผืนดิน มันแตกละเอียดกลายเป็นก้อนหิน เจียงหลีสวนหกหมัดหนักออกไปอีกครั้ง พลังของหกหมัดหนักก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดตายไปได้อีกตัว

ทันทีที่สัตว์ประหลาดตายประตูหินที่เคยปิดอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออกมา

เพียงแต่ว่าก่อนทั้งสามคนที่อยู่นอกประตูจะเกิดความประหลาดใจ พวกเขาก็ต้องตกใจกับจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากด้านหลังของประตู

……………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 346 เปิดประตูแห่งความโชคร้าย

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 346 เปิดประตูแห่งความโชคร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันใดนั้นการบีบอัดที่น่ากลัวเยื้องกรายเข้ามาปกคลุมร่างของลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

“ระวัง!”

มันแทบจะมาพร้อมเสียงเตือนของเจียงหลี ลู่เสวียนคว้ามือของเหวินเหรินชิ่งชิ่งแล้วพานางลงมาจากขั้นบันไดและยืนขนาบข้างเจียงหลีตามสัญชาติญาณ

“โฮกกก!”

“นี่เกิดอะไรขึ้น พวกมัน!” ลู่เสวียนมองฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เจียงหลีเม้มริมฝีปากแน่น สายตาอันเคร่งขรึมมองไปที่ประตูหินสูงใหญ่เช่นกัน

เสาสองต้นนั้นสูงพอๆ กับประตูหิน รอยแกะสลักรูปสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นคาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่นี้จะมีชีวิตปรากฏออกมาตรงหน้าพวกเขาจริงๆ

ร่างหินแกะสลักของสัตว์ประหลาดที่คล้ายมังกรก็มิใช่งูก็มิเชิง รูปร่างของมันราวกับหินภูเขาไฟที่หลอมละลายในดินแตกระแหงไหลรวมเป็นแสงสีแดงเพลิงหยาดเยิ้ม ร่างกายท่อนบนของพวกมันไร้ซึ่งพันธนาการจากเสาหิน หลังจากที่ลอบโจมตีเมื่อครู่นี้ ส่วนหัวของพวกมันก็พันเกี่ยวเลี้ยวลดจากด้านหน้าประตูหินเพื่อขวางทางพวกเขาเอาไว้

ในขณะที่ท่อนล่างของพวกมันยังคงถูกแกะสลักอยู่บนเสาหินเอาไว้อย่างมั่นคง

ตกลงสัตว์ประหลาดนี้มีชีวิตจริงหรือไม่ เจียงหลีลอบพูดในใจ จู่ๆ สัตว์ประหลาดก็ ‘ฟื้นคืนชีพ’ แม้จะประหวั่นพรั่นพรึงบ้าง แต่พวงมันยังถูกจองจำอยู่ในเสาหิน ขอเพียงไม่เข้าไปใกล้ก็จะไม่ถูกมันข่มขู่ ซึ่งข้อนี้เองทำให้เจียงหลีใจเย็นลง

“นี่ เจ้ารีบปล่อยข้าซะ!” ข้างหลังของเขามีเสียงพึมพำไม่พอใจของเหวินเหรินชิ่งชิ่งดังขึ้นมา

แววตาเจียงหลีวาวโรจน์ ไม่ได้ให้ความสนใจกับทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อถูกเหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเตือนสติ ลู่เสวียนถึงได้สังเกตว่าเมื่อครู่นี้ภายใต้เหตุการณ์ฉุกละหุก คิดไม่ถึงว่าเขาจะลืมปล่อยมือนางเสียนี่

ใบหน้าของใครบางคนแดงระเรื่อถูกปล่อยมือราวกับโดนเข็มทิ่มตำ เพื่อเป็นการปกปิดความเขินอายของตน ลู่เสวียนก็ตอบแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง “เหอะ ยังไม่รู้จักขอบคุณผู้มีพระคุณสักคำ”

เดิมทีคิดว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งจะโมโหเขากลับมาเหมือนครั้งก่อนๆ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป สาวน้อยกลับมีสีหน้าเคอะเขินทั้งยังกระซิบเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณ”

เอ่อ…

เมื่อลู่เสวียนได้ยินคำขอบคุณก็เผยสีหน้าตกตะลึงราวกับว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดหน้าประตูหินเสียอีก

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตจ้องเขาแล้วยื่นขาออกไปเหยียบเท้าเขาเต็มแรง

ซี๊ดดด!

เมื่อลู่เสวียนถูกจู่โจมกะทันหันก็เจ็บจนร้องซี๊ดแล้วเบิกตามองนาง

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเผยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ

“ผู้หญิงปากจัด” ลู่เสวียนขบกรามพูดสองคำนั้นในลำคอ

“เลิกทะเลาะกันสักที” เจียงหลีเข้าใจสองคนที่เย้าแหย่กันข้างหลังอย่างชัดเจน นางจึงเอ่ยเสียงปรามทั้งสองเอาไว้

ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งจึงเงียบเสียงพร้อมกัน พวกเขาไม่ลืมว่ายังมีสัตว์ประหลาดสองตัวกำลัง

จ้องเขมือบเราอยู่

“พวกมันขวางประตูเอาไว้แล้ว” ลู่เสวียนที่ยืนข้างเจียงหลีมีสีหน้าเคร่งขรึม

ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสองคนช่างคลุมเครือดูเหมือนไม่ได้เป็นเพียงนายบ่าวเท่านั้น ในสายตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งมีความประหลาดใจ แม้แต่นางยังรู้สึกว่าหลังจากเข้าไปในสุสานโบราณแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ลู่เสวียนต้องเอาแต่ถามความคิดเห็นของเซ่าจจวินผู้นี้อย่างแน่นอน

แต่ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาติดตามเรื่องเหล่านี้

“เช่นนั้นก็ฆ่ามันซะ”

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตทันทีแล้วมองไปที่เจียงหลี ประโยคที่ดูใจกล้าบ้าบิ่นเมื่อครู่นี้ คือนางพูดออกมาเองหรือ “ตกลงพวกมันเป็นตัวอะไรเราก็ไม่รู้ แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไร”

“ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร โจมตีจนพวกมันไม่เป็นรูปเป็นร่างก็สามารถฆ่ามันตายได้แล้ว” หลังเจียงหลีเอ่ยเสร็จสิ้น เงาร่างของนางก็ส่องประกาย จากนั้นจึงหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน

นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มายืนอยู่ด้านล่างของสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวแล้ว

เมื่อเห็นว่านางปรากฏตัวบนขั้นบันได จู่ๆ ลำคอที่พันเลื้อยก็คลายจากกัน ในขณะเดียวกันก็อ้าปากกว้างน่าสะพรึงราวกับจะกลืนนางลงท้องเข้าไปในทันที

เจียงหลีรีบยกแขนขวาขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองแต่ไม่ถดกายหนีไปไหน ลำแสงของเกราะเสวียนกังกระพริบขึ้นที่แขนขวาของนาง

เคร้ง!

เขี้ยวคมของสัตว์ประหลาดกระทบเกราะเสวียนกังจนเปล่งเสียงเสียดสีกันบาดแก้วหู

“ระวัง!”

ฉากนี้ทำเอาลู่เสวียนใจหายใจคว่ำ

เพราะแขนที่ยังไม่เสียหายจึงทำให้เจียงหลีโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ยังดีที่ความแข็งแกร่งของเกราะเสวียนกังทนทานต่อเขี้ยวคมของสัตว์ประหลาด

“นางจะทำอะไรน่ะ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งหน้าซีดเผือด นางมิได้โง่เขลา ฉากตื่นตาตื่นใจเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเซ่าจวินผู้นี้จงใจกระทำ

นางยิ่งแปลกใจตรงที่เหตุใดแม้กระทั่งสัตว์ประหลาดยังไม่สามารถพิชิตแขนของเซ่าจวินได้

“โฮกก!”

เจียงหลียืนข้างหน้าตัวเองอย่างไม่มีตรงไหนที่บาดเจ็บ ดูเหมือนสัตว์ประหลาดจะถูกยั่วยุให้โมโหร้ายยิ่งขึ้น จมูกของมันพ่นไอร้อนออกมาราวกับเปลวไฟลุกโชนที่กำลังแผดเผาอยู่ข้างหน้าเจียงหลี นางรู้สึกทรมานเหลือคณาราวกับว่าตัวเองกำลังหลอมละลายก็มิปาน

สัตว์ประหลาดที่กัดแขนเจียงหลีเหวี่ยงนางสุดแรง มันอยากเปลี่ยนวิธีโดยการจับนางกลืนลงไป

ร่างของเจียงหลีถูกเหวี่ยงไปกลางอากาศ นางหันหลังกลับไปมองสัตว์ประหลาดผงกหัวขึ้นเพื่อเปิดแอ่งเลือดเหวอะหวะราวกับป่องภูเขาไฟในแดนชำระตามแนวเขี้ยวแหลมคม

หากนางร่วงลงมาเมื่อใดก็จะตกลงไปในปากของสัตว์ประหลาด

ทันใดนั้นในขณะที่กำลังร่วงหล่นมาร่างของเจียงหลีก็บิดม้วนกลางอากาศ มุมมองที่แปลกประหลาดและร่างกายที่ยืดหยุ่นนั้นเกินขีดจำกัดกว่าสภาพร่างกายของคนทั่วไป!

การหมุนตัวนี้ทำให้นางเฉียดปากของสัตว์ประหลาดไปเพียงนิดเดียว แต่ทว่านางกลับขึ้นไปขี่คร่อมหลังคอสัตว์ประหลาดจึงทำให้สัตว์ประหลาดกัดเอาความว่างเปล่าอย่างแรง

หากจะให้เล่าทั้งหมดคงยาว แต่ความจริงเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

พอเจียงหลีลงสู่พื้น สัตว์ประหลาดอีกตัวก็อ้าปากพุ่งเข้าใส่ร่างของนาง

“จับมันไว้!” เจียงหลีหลบหลีกอย่างหวุดหวิด ไอร้อนที่สัตว์ประหลาดพ่นออกมาทำให้เส้นผมนางไหม้เกรียม

เมื่อสิ้นเสียงนาง ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็รีบขยับขึ้นมากระโดดเข้าไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอีกตัว เพื่อต่อสู้กับวิกฤตยามคับขัน ร่างกายของเจียงหลีจึงสั่นไหวอย่างรุนแรง

“โฮกกกก!”

สัตว์ประหลาดตัวที่นางขี่คร่อมนั้นเหวี่ยงสะบัดหัวมันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่ออยากให้นางไถลตกลงมา

เจียงหลีที่ถูกสะบัดไปทั่วสารทิศแล้วนึกแค้นใจ มือทั้งคู่แสดงอิทธิฤทธิ์ของเลี่ยเทียนซื่อออกมา มือข้างหนึ่งจิกกรงเล็บอย่างแรงจนเสียบแทงเข้าร่างของสัตว์ประหลาดและนางก็รู้สึกถึงความร้อนของเลือดที่แผดเผาราวกับเปลวไฟ

“โฮกก!” เสียงสัตว์ประหลาดร้องทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด

จากนั้นเจียงหลีจึงยกมืออีกข้างชูกำปั้นปล่อยพลังหกหมัดหนักด้วยพลังความสามารถของหลิงไซว่ผนวกกับวิชาหกหมัด ดวงตาเป็นประกายของนางวูบไหวแล้วปล่อยหมัดชกไปที่หัวของมันอย่างรุนแรงจนหน้าหัน

ตู้มๆๆ!

เสียงเจ็บปวดของสัตว์ประหลาดดังขึ้นไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะฮึดสู้เพียงใดก็ไม่สามารถทำให้เจียงหลีร่วงลงมาได้ อีกทั้งร่างกายของมันยังมีส่วนหัวที่ถูกหกหมัดหนักกระหน่ำต่อยจนร่วง

อีกด้านหนึ่ง ลู่เสวียนก็ทำตามแบบเดียวกันโดยให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งควบคุมอยู่ด้านข้าง ส่วนเขาปล่อยหกหมัดหนักเพื่อจู่โจมสัตว์ประหลาดอีกตัว

หัวและคอของสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างใต้ร่างเขายุบไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นเจียงหลีก็ปล่อยมือจากสัตว์ประหลาดอีกตัวเพื่อกระโดดขึ้นและเหวี่ยงหมัดอีกครั้งจากอากาศ

“ไปตายซะ!”

“โฮกกกกก!”

เสียงคำรามดังกึกก้อง หัวของสัตว์ประหลาดระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หล่นกระจายสู่ผืนดิน มันแตกละเอียดกลายเป็นก้อนหิน เจียงหลีสวนหกหมัดหนักออกไปอีกครั้ง พลังของหกหมัดหนักก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดตายไปได้อีกตัว

ทันทีที่สัตว์ประหลาดตายประตูหินที่เคยปิดอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออกมา

เพียงแต่ว่าก่อนทั้งสามคนที่อยู่นอกประตูจะเกิดความประหลาดใจ พวกเขาก็ต้องตกใจกับจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากด้านหลังของประตู

……………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+