ราชินีพลิกสวรรค์ 258 เขายังไม่คู่ควร!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 258 เขายังไม่คู่ควร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่เขาขยับตัวนั้นประดุจกับเมฆหมอกเลือนลาง และเมื่อเขานั่งลงกลับรู้สึกเหมือนเป็นราชาแห่งฟ้าดินที่ทำให้ทุกคนรู้สึกต่ำต้อย

ลู่เจี้ยนั่งอยู่บนที่นั่งด้วยดวงตาที่เกียจคร้านและปล่อยตัวตามสบาย เขามองไปที่ฮ่องเต้ซีเฉียนและไม่ใส่ใจกับการจ้องมองที่ก้าวร้าวจากดวงตาคู่นั้นแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับการต้อนรับในครั้งนี้”

เขามาได้อย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะจากไปแล้วหรือ เหตุใดฮ่องเต้ซีเฉียนถึงรู้ว่าเขาจะมา! และเตรียมที่นั่งไว้ให้ล่วงหน้าเช่นนี้! การปรากฏตัวของลู่เจี้ย ทำให้เจียงหลีสับสนในใจ

“ทำไมพี่ใหญ่ถึงมาที่นี่ได้” ลู่เสวียนพึมพำด้วยความงุนงง

นางไม่อยากให้ลู่เจี้ยต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!

“ท่านทั้งหลายนั่งลงก่อนเถิด” ฮ่องเต้ซีเฉียนไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน และใบหน้าอันยิ้มแย้มของเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่โดยมิอาจล่วงรู้ได้

“วันนี้ข้าอยากเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้ถูกเลือกของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนและแสดงความยินดีกับนางที่ทำลายสถิติหลายรายการในการสอบวัดผลของทางสถาบัน เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสตรงไปตรงมา

เขาไม่ต้องพูดอะไร เพราะเมื่อเขามองไปที่เจียงหลี ทุกคนล้วนมองไปที่เจียงหลีแล้ว ซึ่งแม้แต่ลู่เจี้ยเองก็มิได้ยกเว้น

เหล่าขุนนางแห่งซีเฉียนจดจ้องไปที่เจียงหลี ทั้งสำรวจและทั้งสงสัย

“ท่านทั้งหลายคงจะยังไม่รู้จักผู้ถูกเลือกคนนี้นัก นางคือองค์หญิงเสวียนเทียนจากอาณาจักรจยาเซียน” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสเสริมอีกประโยค

อะไรนะ

จากอาณาจักรจยาเซียนหรือ!

ขุนนางซีเฉียนแสดงสีหน้าตกใจ

พวกเขารู้ผลการสอบวัดผลของทางสถาบันไป๋หยวน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเจียงหลีมาจากอาณาจักรจยาเซียน ดังนั้น พอฮ่องเต้ของพวกเขากล่าวเช่นนี้ ขุนนางเหล่านี้จึงถึงกับตกใจ

เจียงหลีเก็บความนึกคิดไว้ด้วยการใบหน้าขี้เล่น

นางไม่ได้ขัดจังหวะการพูดของฮ่องเต้ซีเฉียน แต่เฝ้าดูเขาการแสดงของเขาต่อไปด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง

“บังเอิญที่เมื่อสองวันก่อนข้าได้ทราบข่าวการมาเยือนของราชวงศ์จยาเซียน ดังนั้น วันนี้จึงมีแขกผู้มีเกียรติถึงสองท่าน”

คำพูดของฮ่องเต้ซีเฉียน ทำให้ดวงตาของเจียงหลีจดจ้องไปที่ลู่เจี้ยอีกครั้ง

ความงดงามของลู่เจี้ยเป็นที่รู้จักกันดีในดินแดนหนานฮวง

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแนะนำเขาอีก เพราะขุนนางซีเฉียนเหล่านี้สามารถคาดเดาสถานะของเขาได้อยู่แล้ว ซึ่งเวลาหนึ่งปีกว่าที่ลู่เจี้ยเป็นที่รู้จักไม่ใช่เพียงเรื่องความงดงามเท่านั้น

ผู้ที่ปกครองจยาเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ มีความตื้นลึกหนาบางอะไรแฝงอยู่กันแน่

“องค์หญิงเสวียนเทียนรู้ก่อนหรือไม่ว่านายน้อยลู่จะเดินทางมาถึงซีเฉียนของข้า” ฮ่องเต้ซีเฉียนถามเจียงหลีกะทันหัน

เจียงหลีกำลังจะตอบ แต่กลับพบว่ามีแสงอันคลุมเครือซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้นางรู้สึกอึดอัด ทันใดนั้น นางก็นึกถึงสิ่งที่เฉียนลี่เคยเล่าว่าเสด็จพ่อของเขาพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มและหญิงสาวรูปงาม!

ดวงตาของเจียงหลีหม่นหมอง แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มและเอ่ย “ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพคะ”

“หากเป็นเช่นนั้น วันนี้ก็ถือว่าสร้างความประหลาดใจให้แก่องค์หญิงแล้ว” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัส

“เพคะ! เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ เพคะ” ดวงตาของเจียงหลีกวาดไปที่ลู่เจี้ย

หลังจากลู่เจี้ยปรากฏตัว โจวยวนได้บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และไม่หุนหันพลันแล่น แต่ความเกลียดชังในดวงตาคู่นั้น มิอาจเก็บซ่อนไว้ได้

และลู่เจี้ยเองก็สังเกตเห็นถึงความเกลียดชังนั้น จึงชายตามองด้วยแววตาสงบนิ่ง จากนั้นก็มิได้สนใจนางอีกเลย

ขณะที่โจวยวนหลังจากถูกลู่เจี้ยกวาดสายตามอง นางก็รู้สึกราวกับถูกจับให้เข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น แล้วนางก็มองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความตกใจ และสำหรับความงดงามของชายผู้นี้ที่มิอาจสาธยายออกมาเป็นคำพูดได้ ก็ปรากฏความน่าหวาดกลัวอย่างต้านทานไม่ได้กะทันหัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…! ดี ทุกคนมากันพร้อมแล้ว เริ่มงานเลี้ยงได้” ฮ่องเต้ซีเฉียนยกมือขึ้นโบก นางรำที่รออยู่ด้านข้างนานแล้วจึงเดินออกมาทีละคนและร่ายรำกลางเวที

นางรำเหล่านี้ยังเด็กเกินไปและหนึ่งในนั้นเกรงว่าจะมีอายุเพียงสิบสองสิบสาม

จากนั้น เมื่อนางปรากฏตัว เจียงหลีก็พบว่าดวงตาของฮ่องเต้ซีเฉียนเป็นประกายแวววาว และจ้องมองนางราวกับว่าเขากำลังถูกใจเหยื่อตรงหน้าก็ไม่ปาน

เมื่อเห็นดวงตาของเขาเป็นเช่นนั้น เจียงหลีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก “ขยะแขยง” ในใจ

เจียงหลีไม่ได้สนใจเสียงดนตรีตรงหน้าเลย แสงจากหางตาของนางตกกระทบไปที่ลู่เจี้ย

อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาอันดุร้ายคู่นั้นจ้องมาที่นางและดึงดูดความสนใจจากนาง

เมื่อมองกลับไปอย่างเงียบๆ เจียงหลีก็เห็นเจ้านายของดวงตาคู่นั้นเป็นของเฉียนจวิ้น!

เขาหายตัวไปสามวัน ซึ่งการปรากฏตัวในวันนี้ ใบหน้าของเขาไม่มีอาการบวมแล้ว และมองไม่ออกว่าเคยกระเซอะกระเซิงบนสังเวียนเมื่อสองสามวันก่อน แต่เจียงหลีเองก็มองออกว่าเขาทาแป้งหนาหนึ่งชั้น เพื่อปกปิดสีผิวอันน่ารังเกียจ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…! ” เจียงหลีหัวเราะไม่ออกเสียง และยกจอกสุราจิบไปหนึ่งอึกอย่างมีความสุข

“เหตุใดองค์หญิงเสวียนเทียนถึงหัวเราะ” เฉียนลี่ถามอย่างกะทันหัน

เจียงหลีเงยหน้ามองเขาและพูดติดตลก “องค์ชายรัชทายาทยุ่งมากเรื่องเสียจริง ข้าอยากหัวเราะ ก็หัวเราะสิ”

ทันใดนั้น พยับเมฆมืดก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉียนลี่ และเอ่ยในใจว่า ไม่รู้จักเสือ เอาเรือมาจอด! เขาจงใจสร้างความเป็นมิตรและความอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน ซึ่งเฉียนจวิ้นก็แค่ฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเด็กบ้านี่จะไม่สนใจเขาเช่นนี้ ตกลงว่าให้เวลาคิดไตร่ตรองสามวันนางยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าควรเลือกทำอย่างไรถึงจะดีกับนางที่สุด

“อืมหรือ องค์หญิงยิ้มแล้ว ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะพอใจกับงานเลี้ยงครั้งนี้ และวันนี้นายน้อยลู่แห่งอาณาจักรจยาเซียนอยู่ที่นี่ด้วย ข้าก็พูดเรื่องหนึ่งเลยแล้วกัน” ฮ่องเต้ซีเฉียนถือโอกาสกล่าว

มาแล้ว!

ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงและมองไปที่ลู่เจี้ยโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่คนหลังยังคงดูสงบนิ่งและเอนกายบนที่นั่งอย่างเกียจคร้าน

เจียงหลีมองไปที่ฮ่องเต้ซีเฉียน แต่ลู่เจี้ยมิได้ตอบโต้แต่อย่างใด

เพลานี้ การบรรเลงเพลงและการร่ายรำได้จบลงแล้ว และปรากฏความเงียบสงัดขึ้นท่ามกลางดอกไม้ทั้งหลาย

ฮ่องเต้ซีเฉียนเหลือบมองไปที่เฉียนจวิ้น และขณะที่เขากำลังจะพูด องค์ชายรัฐทายาทก็ลุกขึ้นและน้อมคาราวะต่อเขาว่า “เสด็จพ่อ ลูกมีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซีเฉียนขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “มีอะไรรึ”

จู่ๆ เฉียนจวิ้นก็รู้สึกแย่ในใจ และมองไปที่พี่ชายด้วยสายตาเศร้าหมอง

เฉียนลี่ดีใจมากและรีบพูดว่า “ลูกตกหลุมรักองค์หญิงเสวียนเทียนตั้งแต่แรกเห็น และลูกอยากจะขอเสด็จพ่อพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้กับเราทั้งสองพ่ะย่ะค่ะ”

เจียงหลีขมวดคิ้ว นี่เฉียนลี่ถูกบีบบังคับจนบ้าไปเสียแล้วหรือ

นางมองไปที่ลู่เจี้ย และในที่สุดก็ได้ปรากฏความเย็นชาในใบหน้าอันสงบนิ่งของเขา

“เสด็จพี่มีพระชายาเอกอยู่แล้ว หรือท่านจะให้องค์หญิงเสวียนเทียนเป็นพระชายารองอย่างนั้นหรือ” เฉียนจวิ้นพูดประชด

แววตาประดุจมีดของเฉียนลี่กวาดไปที่เฉียนจวิ้น แต่คนหลังกลับไม่แยแส

“ใช่ องค์หญิงเสวียนเทียนมีเกียรติสูงศักดิ์ จะให้เป็นพระชายารองของเจ้าได้อย่างไร น้องชายเจ้ายังไม่ได้แต่งงาน และชื่นชมองค์หญิงเสวียนเทียนมาก เจ้าเป็นพี่ต้องรู้จักเสียสละให้น้อง” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัส

เสียสละหรือ

ดวงตาอันเย้ยหยันฉายประกายบนใบหน้าที่ก้มต่ำของเฉียนลี่

“ฮ่องเต้ซีเฉียน เหตุใดการแต่งงานขององค์หญิงใหญ่แห่งจยาเซียน พวกท่านถึงมีอำนาจตัดสินใจเช่นนี้” ลู่เจี้ยเอ่ย

เจียงหลีเม้มริมฝีปาก และกลั้นความรู้สึกโมโหนั้นไว้โดยไม่พูด

ดูเหมือนฮ่องเต้ซีเฉียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลู่เจี้ยก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน จึงรีบยิ้มและมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “นายน้อยลู่พูดอะไรเช่นนั้นเล่า ข้าตั้งใจจะสู่ขอองค์หญิงเสวียนเทียนให้กับลูกชายเฉียนจวิ้น ไม่ทราบว่านายน้อยมีความเห็นเช่นไร พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน หากปองดองกัน ไม่เพียงแต่จะเกิดประโยชน์ต่อเราทั้งสองอาณาจักร และยังเป็นเรื่องเล่าขานอันดีให้กับสถาบันไป๋หยวนด้วย”

ลู่เจี้ยยิ้มช้าๆ ด้วยความรู้สึกดั่งหมาเห่าเครื่องบิน “เขายังไม่คู่ควร! ”

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 258 เขายังไม่คู่ควร!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 258 เขายังไม่คู่ควร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่เขาขยับตัวนั้นประดุจกับเมฆหมอกเลือนลาง และเมื่อเขานั่งลงกลับรู้สึกเหมือนเป็นราชาแห่งฟ้าดินที่ทำให้ทุกคนรู้สึกต่ำต้อย

ลู่เจี้ยนั่งอยู่บนที่นั่งด้วยดวงตาที่เกียจคร้านและปล่อยตัวตามสบาย เขามองไปที่ฮ่องเต้ซีเฉียนและไม่ใส่ใจกับการจ้องมองที่ก้าวร้าวจากดวงตาคู่นั้นแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับการต้อนรับในครั้งนี้”

เขามาได้อย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะจากไปแล้วหรือ เหตุใดฮ่องเต้ซีเฉียนถึงรู้ว่าเขาจะมา! และเตรียมที่นั่งไว้ให้ล่วงหน้าเช่นนี้! การปรากฏตัวของลู่เจี้ย ทำให้เจียงหลีสับสนในใจ

“ทำไมพี่ใหญ่ถึงมาที่นี่ได้” ลู่เสวียนพึมพำด้วยความงุนงง

นางไม่อยากให้ลู่เจี้ยต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!

“ท่านทั้งหลายนั่งลงก่อนเถิด” ฮ่องเต้ซีเฉียนไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน และใบหน้าอันยิ้มแย้มของเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่โดยมิอาจล่วงรู้ได้

“วันนี้ข้าอยากเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้ถูกเลือกของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนและแสดงความยินดีกับนางที่ทำลายสถิติหลายรายการในการสอบวัดผลของทางสถาบัน เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสตรงไปตรงมา

เขาไม่ต้องพูดอะไร เพราะเมื่อเขามองไปที่เจียงหลี ทุกคนล้วนมองไปที่เจียงหลีแล้ว ซึ่งแม้แต่ลู่เจี้ยเองก็มิได้ยกเว้น

เหล่าขุนนางแห่งซีเฉียนจดจ้องไปที่เจียงหลี ทั้งสำรวจและทั้งสงสัย

“ท่านทั้งหลายคงจะยังไม่รู้จักผู้ถูกเลือกคนนี้นัก นางคือองค์หญิงเสวียนเทียนจากอาณาจักรจยาเซียน” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสเสริมอีกประโยค

อะไรนะ

จากอาณาจักรจยาเซียนหรือ!

ขุนนางซีเฉียนแสดงสีหน้าตกใจ

พวกเขารู้ผลการสอบวัดผลของทางสถาบันไป๋หยวน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเจียงหลีมาจากอาณาจักรจยาเซียน ดังนั้น พอฮ่องเต้ของพวกเขากล่าวเช่นนี้ ขุนนางเหล่านี้จึงถึงกับตกใจ

เจียงหลีเก็บความนึกคิดไว้ด้วยการใบหน้าขี้เล่น

นางไม่ได้ขัดจังหวะการพูดของฮ่องเต้ซีเฉียน แต่เฝ้าดูเขาการแสดงของเขาต่อไปด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง

“บังเอิญที่เมื่อสองวันก่อนข้าได้ทราบข่าวการมาเยือนของราชวงศ์จยาเซียน ดังนั้น วันนี้จึงมีแขกผู้มีเกียรติถึงสองท่าน”

คำพูดของฮ่องเต้ซีเฉียน ทำให้ดวงตาของเจียงหลีจดจ้องไปที่ลู่เจี้ยอีกครั้ง

ความงดงามของลู่เจี้ยเป็นที่รู้จักกันดีในดินแดนหนานฮวง

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแนะนำเขาอีก เพราะขุนนางซีเฉียนเหล่านี้สามารถคาดเดาสถานะของเขาได้อยู่แล้ว ซึ่งเวลาหนึ่งปีกว่าที่ลู่เจี้ยเป็นที่รู้จักไม่ใช่เพียงเรื่องความงดงามเท่านั้น

ผู้ที่ปกครองจยาเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ มีความตื้นลึกหนาบางอะไรแฝงอยู่กันแน่

“องค์หญิงเสวียนเทียนรู้ก่อนหรือไม่ว่านายน้อยลู่จะเดินทางมาถึงซีเฉียนของข้า” ฮ่องเต้ซีเฉียนถามเจียงหลีกะทันหัน

เจียงหลีกำลังจะตอบ แต่กลับพบว่ามีแสงอันคลุมเครือซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้นางรู้สึกอึดอัด ทันใดนั้น นางก็นึกถึงสิ่งที่เฉียนลี่เคยเล่าว่าเสด็จพ่อของเขาพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มและหญิงสาวรูปงาม!

ดวงตาของเจียงหลีหม่นหมอง แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มและเอ่ย “ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพคะ”

“หากเป็นเช่นนั้น วันนี้ก็ถือว่าสร้างความประหลาดใจให้แก่องค์หญิงแล้ว” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัส

“เพคะ! เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ เพคะ” ดวงตาของเจียงหลีกวาดไปที่ลู่เจี้ย

หลังจากลู่เจี้ยปรากฏตัว โจวยวนได้บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และไม่หุนหันพลันแล่น แต่ความเกลียดชังในดวงตาคู่นั้น มิอาจเก็บซ่อนไว้ได้

และลู่เจี้ยเองก็สังเกตเห็นถึงความเกลียดชังนั้น จึงชายตามองด้วยแววตาสงบนิ่ง จากนั้นก็มิได้สนใจนางอีกเลย

ขณะที่โจวยวนหลังจากถูกลู่เจี้ยกวาดสายตามอง นางก็รู้สึกราวกับถูกจับให้เข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น แล้วนางก็มองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความตกใจ และสำหรับความงดงามของชายผู้นี้ที่มิอาจสาธยายออกมาเป็นคำพูดได้ ก็ปรากฏความน่าหวาดกลัวอย่างต้านทานไม่ได้กะทันหัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…! ดี ทุกคนมากันพร้อมแล้ว เริ่มงานเลี้ยงได้” ฮ่องเต้ซีเฉียนยกมือขึ้นโบก นางรำที่รออยู่ด้านข้างนานแล้วจึงเดินออกมาทีละคนและร่ายรำกลางเวที

นางรำเหล่านี้ยังเด็กเกินไปและหนึ่งในนั้นเกรงว่าจะมีอายุเพียงสิบสองสิบสาม

จากนั้น เมื่อนางปรากฏตัว เจียงหลีก็พบว่าดวงตาของฮ่องเต้ซีเฉียนเป็นประกายแวววาว และจ้องมองนางราวกับว่าเขากำลังถูกใจเหยื่อตรงหน้าก็ไม่ปาน

เมื่อเห็นดวงตาของเขาเป็นเช่นนั้น เจียงหลีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก “ขยะแขยง” ในใจ

เจียงหลีไม่ได้สนใจเสียงดนตรีตรงหน้าเลย แสงจากหางตาของนางตกกระทบไปที่ลู่เจี้ย

อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาอันดุร้ายคู่นั้นจ้องมาที่นางและดึงดูดความสนใจจากนาง

เมื่อมองกลับไปอย่างเงียบๆ เจียงหลีก็เห็นเจ้านายของดวงตาคู่นั้นเป็นของเฉียนจวิ้น!

เขาหายตัวไปสามวัน ซึ่งการปรากฏตัวในวันนี้ ใบหน้าของเขาไม่มีอาการบวมแล้ว และมองไม่ออกว่าเคยกระเซอะกระเซิงบนสังเวียนเมื่อสองสามวันก่อน แต่เจียงหลีเองก็มองออกว่าเขาทาแป้งหนาหนึ่งชั้น เพื่อปกปิดสีผิวอันน่ารังเกียจ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…! ” เจียงหลีหัวเราะไม่ออกเสียง และยกจอกสุราจิบไปหนึ่งอึกอย่างมีความสุข

“เหตุใดองค์หญิงเสวียนเทียนถึงหัวเราะ” เฉียนลี่ถามอย่างกะทันหัน

เจียงหลีเงยหน้ามองเขาและพูดติดตลก “องค์ชายรัชทายาทยุ่งมากเรื่องเสียจริง ข้าอยากหัวเราะ ก็หัวเราะสิ”

ทันใดนั้น พยับเมฆมืดก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉียนลี่ และเอ่ยในใจว่า ไม่รู้จักเสือ เอาเรือมาจอด! เขาจงใจสร้างความเป็นมิตรและความอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน ซึ่งเฉียนจวิ้นก็แค่ฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเด็กบ้านี่จะไม่สนใจเขาเช่นนี้ ตกลงว่าให้เวลาคิดไตร่ตรองสามวันนางยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าควรเลือกทำอย่างไรถึงจะดีกับนางที่สุด

“อืมหรือ องค์หญิงยิ้มแล้ว ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะพอใจกับงานเลี้ยงครั้งนี้ และวันนี้นายน้อยลู่แห่งอาณาจักรจยาเซียนอยู่ที่นี่ด้วย ข้าก็พูดเรื่องหนึ่งเลยแล้วกัน” ฮ่องเต้ซีเฉียนถือโอกาสกล่าว

มาแล้ว!

ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงและมองไปที่ลู่เจี้ยโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่คนหลังยังคงดูสงบนิ่งและเอนกายบนที่นั่งอย่างเกียจคร้าน

เจียงหลีมองไปที่ฮ่องเต้ซีเฉียน แต่ลู่เจี้ยมิได้ตอบโต้แต่อย่างใด

เพลานี้ การบรรเลงเพลงและการร่ายรำได้จบลงแล้ว และปรากฏความเงียบสงัดขึ้นท่ามกลางดอกไม้ทั้งหลาย

ฮ่องเต้ซีเฉียนเหลือบมองไปที่เฉียนจวิ้น และขณะที่เขากำลังจะพูด องค์ชายรัฐทายาทก็ลุกขึ้นและน้อมคาราวะต่อเขาว่า “เสด็จพ่อ ลูกมีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซีเฉียนขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “มีอะไรรึ”

จู่ๆ เฉียนจวิ้นก็รู้สึกแย่ในใจ และมองไปที่พี่ชายด้วยสายตาเศร้าหมอง

เฉียนลี่ดีใจมากและรีบพูดว่า “ลูกตกหลุมรักองค์หญิงเสวียนเทียนตั้งแต่แรกเห็น และลูกอยากจะขอเสด็จพ่อพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้กับเราทั้งสองพ่ะย่ะค่ะ”

เจียงหลีขมวดคิ้ว นี่เฉียนลี่ถูกบีบบังคับจนบ้าไปเสียแล้วหรือ

นางมองไปที่ลู่เจี้ย และในที่สุดก็ได้ปรากฏความเย็นชาในใบหน้าอันสงบนิ่งของเขา

“เสด็จพี่มีพระชายาเอกอยู่แล้ว หรือท่านจะให้องค์หญิงเสวียนเทียนเป็นพระชายารองอย่างนั้นหรือ” เฉียนจวิ้นพูดประชด

แววตาประดุจมีดของเฉียนลี่กวาดไปที่เฉียนจวิ้น แต่คนหลังกลับไม่แยแส

“ใช่ องค์หญิงเสวียนเทียนมีเกียรติสูงศักดิ์ จะให้เป็นพระชายารองของเจ้าได้อย่างไร น้องชายเจ้ายังไม่ได้แต่งงาน และชื่นชมองค์หญิงเสวียนเทียนมาก เจ้าเป็นพี่ต้องรู้จักเสียสละให้น้อง” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัส

เสียสละหรือ

ดวงตาอันเย้ยหยันฉายประกายบนใบหน้าที่ก้มต่ำของเฉียนลี่

“ฮ่องเต้ซีเฉียน เหตุใดการแต่งงานขององค์หญิงใหญ่แห่งจยาเซียน พวกท่านถึงมีอำนาจตัดสินใจเช่นนี้” ลู่เจี้ยเอ่ย

เจียงหลีเม้มริมฝีปาก และกลั้นความรู้สึกโมโหนั้นไว้โดยไม่พูด

ดูเหมือนฮ่องเต้ซีเฉียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลู่เจี้ยก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน จึงรีบยิ้มและมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “นายน้อยลู่พูดอะไรเช่นนั้นเล่า ข้าตั้งใจจะสู่ขอองค์หญิงเสวียนเทียนให้กับลูกชายเฉียนจวิ้น ไม่ทราบว่านายน้อยมีความเห็นเช่นไร พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน หากปองดองกัน ไม่เพียงแต่จะเกิดประโยชน์ต่อเราทั้งสองอาณาจักร และยังเป็นเรื่องเล่าขานอันดีให้กับสถาบันไป๋หยวนด้วย”

ลู่เจี้ยยิ้มช้าๆ ด้วยความรู้สึกดั่งหมาเห่าเครื่องบิน “เขายังไม่คู่ควร! ”

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+