ราชินีพลิกสวรรค์ 265 วิญญาณยุทธ์อมตะ

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 265 วิญญาณยุทธ์อมตะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เว้นแต่ผู้นั้น!

เงาถอนหายใจในใจ นายน้อยสามารถทำลายคนทั้งโลกได้ แต่นางคือคนเดียวเท่านั้นที่เขามอบหัวใจอันจริงใจให้

“อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว แต่ข้ายังรู้สึกเหน็บหนาว”

ในพระราชวังขนาดใหญ่ ลู่เจี้ยค่อยๆ หันหลังกลับ เดินผ่านเงาและมุ่งหน้าไปยังด้านในของพระราชวัง เงาหันกลับไปมองร่างสูงยาวของเขาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมยาวตัวใหญ่ โดยรู้สึกถึงเพียงลมหายใจแห่งความตายอยู่รอบตัวเขา

ณ อาณาจักรซีเฉียน ในช่วงเวลานี้ แต่ละวันของฮ่องเต้ซีเฉียนผ่านไปอย่างหนักพระทัย

บุตรชายทั้งสองต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและลับๆ เขาแอบช่วยเหลือบุตรชายรองอย่างลับๆ แต่เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจากพลังอำนาจของฮองเฮา

ช่วงเวลานี้ อาณาจักรซีเฉียนตกอยู่ในสภาวะการต่อสู้เพื่อแย่งบัลลังก์จากบุตรชายทั้งสอง โดยไม่ทราบว่าแคว้นเพื่อนบ้านอย่างสุ่ยหันกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ

กำแพงกั้นระหว่างอาณาจักรซีเฉียนและจยาเซียนกำลังถูกกลืนหายไปทีละน้อย!

ณ สถาบันไป๋หยวน เจียงเฮ่าและลู่เสวียนปรากฏตัวนอกลานกว้างของเจียงหลี โดยในที่สุดแล้ว ลู่เสวียนได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงเจี้ยง ขณะที่ ลมปราณของเจียงเฮ่าก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

“ซ้อเล็กเก็บตัวมาหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ลู่เสวียนพูดด้วยความกังวล

เจียงเฮ่าเม้มริมฝีปากและพูดว่า “อย่ากังวลไป อาหลีจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”

บึ้ม!

ทันใดนั้น เกิดเสียง หึ่ง ดังขึ้นในลานกว้างของเจียงหลี

พวกเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่นอกลานบ้านมองหน้ากัน และมุ่งตรงไปที่ลานกว้างพร้อมกัน พวกเขาอาจเป็นลูกศิษย์เพียงสองคนของสถาบันนี้ทั้งหมดที่สามารถเข้าใกล้เจียงหลีภายใต้การเฝ้าระวังของฝ่ายยุติธรรมได้

ทั้งสองรีบตรงไปที่ประตูซึ่งเปิดอยู่ แต่พวกเขาถูกกันไม่ให้เข้าไป

ขณะนี้ เจียงหลียืนอยู่ด้านใน โดยเอามือไขว้หลังและใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยความเย็นชา

“อาหลี!”

“ซ้อออ!”

เจียงเฮ่าและลู่เสวียนหยุดอยู่ที่ประตู

สายตาของเจียงหลีกวาดไปทั่วใบหน้าของทั้งสองคน และแสดงสีหน้าสงบนิ่ง “ช่วยเรียกเฟิงสิงอวิ๋นมาหาข้าที”

ดวงตาของเจียงเฮ่าเป็นประกายและพูดอย่างตื่นเต้น “อาหลี เจ้า…”

เจียงหลีพยักหน้าและมองไปที่ลู่เสวียน

ลู่เสวียนเข้าใจและรีบหันหลังวิ่งออกไปทันที เขากำลังจะไปหาเฟิงสิงอวิ๋นและบอกกับเขาว่าพี่สะใภ้ของเขาสามารถประสานวิญญาณยุทธ์ขั้นที่สามได้แล้ว

“อาหลี” หลังจากลู่เสวียนเดินออกไป เจียงเฮ่าก็มองไปที่น้องสาวด้วยสีหน้าสับสน

เดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่อายุไม่มาก แต่หลังจากประสบกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย นางก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

“พี่ใหญ่” เจียงหลีตะโกนเรียกด้วยรอยยิ้ม

นางนิ่งกว่าสี่เดือนก่อนมาก

เจียงหลีเค้นรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรดี จนสุดท้ายพูดเพียงว่า “ลำบากพี่แล้ว”

เจียงหลีส่ายศีรษะเบาๆ และถามว่า “มีข่าวจากอาณาจักรจยาเซียนหรือไม่ ลู่เจี้ย…ยังมีชีวิตอยู่ไหม”

เมื่อได้ยินว่านางยังคงห่วงใยลู่เจี้ยอยู่เช่นนี้ อารมณ์ในใจของเจียงเฮ่าก็สับสนขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องการปกปิดความจริง แต่การโกหกน้องสาวเป็นสิ่งที่เขามิอาจทำได้ “อาณาจักรจยาเซียนไม่เป็นอะไร เพียงแต่ร่างกายของนายน้อยลู่…”

ทันใดนั้น ดวงตาของเจียงหลีก็ดุร้ายขึ้นทันทีและก้าวไปข้างหน้าอย่างประหม่า โดยพลังวิญญาณได้กระแทกเข้ากับตาข่ายป้องกันที่ไร้รูปร่างโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเสียงดังและเกิดระลอกคลื่นที่โปร่งแสงเป็นชั้นๆ ขึ้น

“อย่าตื่นเต้นไป” เจียงเฮ่าพูดอย่างรีบร้อน

เขาสงบสติอารมณ์ของน้องสาว “มีข่าวเพียงว่าสุขภาพของเขาแย่ลง แต่ยังอยู่ดี”

เจียงหลีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ขณะนี้ สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการไม่ได้พบกับลู่เจี้ยอีกครั้ง

หากเป็นเช่นนั้น นางจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต และจะปวดใจ ปวดมาก ปวดมาก

“พี่ใหญ่ ช่วงนี้อาณาจักรซีเฉียนมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง และระหว่างที่อยู่สถานบัน เฉียนจวิ้นนั่นมาหาเรื่องพวกพี่หรือไม่” เจียงหลีถามในขณะที่นางยังว่างอยู่

ทันใดนั้น เจียงเฮ่าก็รู้สึกทันทีว่าเจียงหลีดูเหมือนจะแตกต่างจากเดิมไปเล็กน้อยหลังจากการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้

โดยที่ผ่านมา ปกติแล้วนางจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้และไม่ค่อยนึกถึงเท่าไรนัก แต่บัดนี้กลับเริ่มพูดถึงมันก่อน…

“วางใจได้ ตอนนี้เฉียนจวิ้นกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับองค์รัชทายาทแห่งซีเฉียน และสถานการณ์ในราชสำนักก็คานอำนาจกันอยู่ เขาไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก เจ้าเก็บตัวได้ไม่นาน ข้าก็เข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่เป็นเพื่อนลู่เสวียน หลังจากกลับออกมา เราทั้งสองก็ต่างฝึกฝนกันอย่างเงียบๆ และไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดเกิดขึ้น” เจียงเฮ่าสาธยายสั้นๆ

ทุกอย่างเรียบร้อยดี เจียงหลีจึงรู้สึกโล่งใจไปบ้าง

สองพี่น้องพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ ก็มองเห็นลู่เสวียนเดินกลับมาพร้อมกับคนเดินตามหลังสองคน

คนหนึ่งคือเฟิงสิงอวิ๋น และอีกคนหนึ่งนางก็รู้จัก เพราะเป็นผู้อำนวยการสอบวัดผลครั้งนั้น

นางจำได้ว่าเฟิงสิงอวิ๋นเคยพูดไว้ว่ากุญแจที่เก็บวิญญาณยุทธ์ลึกลับนั้นอีกอันหนึ่งอยู่ที่ผู้อำนวยการคนนั้น

ส่วนสถานะและเบื้องหลังของอำนวยการคนนี้ นางไม่ได้สืบหาต่อ

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังของสถาบันไป๋หยวนย่อมไม่ธรรมดา มีกลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่จากดินแดนซีฮวงสักกลุ่มคอยหนุนหลังอยู่ สิ่งที่นางรู้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะสืบค้นจนเจอ

“ท่านอาจารย์เฟิง” เจียงเฮ่าหันหลังกลับมาเรียกเฟิงสิงอวิ๋นและทำความเคารพต่อผู้อำนวยการ

 เฟิงสิงอวิ๋นตอบกลับและมองไปที่เจียงหลีซึ่งยืนอยู่ด้านในแล้วยิ้ม “ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้า ช่างน่าตกใจยิ่งนัก”

เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร นางไม่สามารถบอกความลับของเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อให้แก่เขาได้

เมื่อเห็นนางเงียบ เฟิงสิงอวิ๋นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

เจียงหลีกล่าว “หวังว่าท่านอาจารย์เฟิงจะไม่ผิดสัญญา”

เฟิงสิงอวิ๋นหัวเราะลั่น “เจ้านี่ช่างใจร้อนเสียจริง”

“ข้าใจร้อนจริงๆ ท่านอาจารย์เฟิงก็รู้ว่าข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว” เจียงหลีก็มิได้ปฏิเสธ

ใบหน้าเล็กๆ อันจริงจังของนาง ถึงกับทำให้เฟิงสิงอวิ๋นไม่อยากที่จะพูดเล่นอีกต่อไป และหันไปมองผู้อำนวยการที่เดินมาพร้อมกัน แต่เขากลับนิ่งเงียบคงเดิม

ท่ามกลางการจ้องมองของเขา คนหลังหยิบลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ออกมา

ทันทีที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ปรากฎตัว ดวงตาของเจียงหลีก็เป็นประกายและจ้องมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์

ที่แห่งนั้น คือความหวังที่นางจะออกจากตาข่ายป้องกันนี้!

“รบกวนแล้ว” เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มให้กับผู้อำนวยการและกำลังจะรับลูกเก็บวิญญาณยุทธ์มาจากเขา

แต่ทว่า ขณะที่เขาถือมันไว้นั้น กลับไม่สามารถขยับได้เลย เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่ผู้อำนวยการอย่างสงสัย คนหลังกลับไม่สนใจเขาและมองตรงไปที่เจียงหลี “เจียงหลี เจ้ารู้หรือไม่ว่าในลูกเก็บวิญญาณยุทธ์นี้คือวิญญาณยุทธ์ตัวไหน”

คำถามนี้แปลกเล็กน้อย เจียงหลีจะรู้ได้อย่างไร

“ข้าไม่รู้” เจียงหลีส่ายหัวตามความเป็นจริง

ทันทีที่ผู้อำนวยการออกแรงปัดลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ที่วางอยู่บนมือของเฟิงสิงอวิ๋นทิ้ง คนหลังทั้งตะลึง ทั้งไม่ใส่ใจ และได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ผู้อำนวยการเดินเข้าใกล้เจียงหลีและมองหน้านางอย่างจริงจัง “วิญญาณยุทธ์ในนี้คือสัตว์อสูรอันดับที่หก เรียกว่านกอมตะ”

นกอมตะ!

ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงเล็กน้อยและมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ในมือของเขาด้วยความตกใจ นกอมตะ นกอมตะ อมตะ…อมตะ…

เมื่อเจียงเฮ่าและลู่เสวียนได้ยินชื่อนี้ พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พวกเขาก็สามารถคาดเดาความเก่งกาจของวิญญาณยุทธ์นี้ได้

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมวิญญาณยุทธ์นกอมตะจึงมีค่ามหาศาล” ผู้อำนวยการก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

เจียงหลีส่ายศีรษะช้าๆ

วิญญาณยุทธ์มีมากเกินไป นางไม่สามารถรู้จักทั้งหมดได้

“เพราะถ้าหากประสานสำเร็จ เจ้าจะไม่เพียงมีพลังในการรักษาที่ยอดเยี่ยม และยังจะมีชีวิตเพิ่มขึ้นอีกสามชีวิตด้วย!” เจียงหลีตะลึงกับคำพูดของผู้อำนวยการ

……………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 265 วิญญาณยุทธ์อมตะ

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 265 วิญญาณยุทธ์อมตะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เว้นแต่ผู้นั้น!

เงาถอนหายใจในใจ นายน้อยสามารถทำลายคนทั้งโลกได้ แต่นางคือคนเดียวเท่านั้นที่เขามอบหัวใจอันจริงใจให้

“อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว แต่ข้ายังรู้สึกเหน็บหนาว”

ในพระราชวังขนาดใหญ่ ลู่เจี้ยค่อยๆ หันหลังกลับ เดินผ่านเงาและมุ่งหน้าไปยังด้านในของพระราชวัง เงาหันกลับไปมองร่างสูงยาวของเขาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมยาวตัวใหญ่ โดยรู้สึกถึงเพียงลมหายใจแห่งความตายอยู่รอบตัวเขา

ณ อาณาจักรซีเฉียน ในช่วงเวลานี้ แต่ละวันของฮ่องเต้ซีเฉียนผ่านไปอย่างหนักพระทัย

บุตรชายทั้งสองต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและลับๆ เขาแอบช่วยเหลือบุตรชายรองอย่างลับๆ แต่เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจากพลังอำนาจของฮองเฮา

ช่วงเวลานี้ อาณาจักรซีเฉียนตกอยู่ในสภาวะการต่อสู้เพื่อแย่งบัลลังก์จากบุตรชายทั้งสอง โดยไม่ทราบว่าแคว้นเพื่อนบ้านอย่างสุ่ยหันกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ

กำแพงกั้นระหว่างอาณาจักรซีเฉียนและจยาเซียนกำลังถูกกลืนหายไปทีละน้อย!

ณ สถาบันไป๋หยวน เจียงเฮ่าและลู่เสวียนปรากฏตัวนอกลานกว้างของเจียงหลี โดยในที่สุดแล้ว ลู่เสวียนได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงเจี้ยง ขณะที่ ลมปราณของเจียงเฮ่าก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

“ซ้อเล็กเก็บตัวมาหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ลู่เสวียนพูดด้วยความกังวล

เจียงเฮ่าเม้มริมฝีปากและพูดว่า “อย่ากังวลไป อาหลีจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”

บึ้ม!

ทันใดนั้น เกิดเสียง หึ่ง ดังขึ้นในลานกว้างของเจียงหลี

พวกเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่นอกลานบ้านมองหน้ากัน และมุ่งตรงไปที่ลานกว้างพร้อมกัน พวกเขาอาจเป็นลูกศิษย์เพียงสองคนของสถาบันนี้ทั้งหมดที่สามารถเข้าใกล้เจียงหลีภายใต้การเฝ้าระวังของฝ่ายยุติธรรมได้

ทั้งสองรีบตรงไปที่ประตูซึ่งเปิดอยู่ แต่พวกเขาถูกกันไม่ให้เข้าไป

ขณะนี้ เจียงหลียืนอยู่ด้านใน โดยเอามือไขว้หลังและใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยความเย็นชา

“อาหลี!”

“ซ้อออ!”

เจียงเฮ่าและลู่เสวียนหยุดอยู่ที่ประตู

สายตาของเจียงหลีกวาดไปทั่วใบหน้าของทั้งสองคน และแสดงสีหน้าสงบนิ่ง “ช่วยเรียกเฟิงสิงอวิ๋นมาหาข้าที”

ดวงตาของเจียงเฮ่าเป็นประกายและพูดอย่างตื่นเต้น “อาหลี เจ้า…”

เจียงหลีพยักหน้าและมองไปที่ลู่เสวียน

ลู่เสวียนเข้าใจและรีบหันหลังวิ่งออกไปทันที เขากำลังจะไปหาเฟิงสิงอวิ๋นและบอกกับเขาว่าพี่สะใภ้ของเขาสามารถประสานวิญญาณยุทธ์ขั้นที่สามได้แล้ว

“อาหลี” หลังจากลู่เสวียนเดินออกไป เจียงเฮ่าก็มองไปที่น้องสาวด้วยสีหน้าสับสน

เดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่อายุไม่มาก แต่หลังจากประสบกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย นางก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

“พี่ใหญ่” เจียงหลีตะโกนเรียกด้วยรอยยิ้ม

นางนิ่งกว่าสี่เดือนก่อนมาก

เจียงหลีเค้นรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรดี จนสุดท้ายพูดเพียงว่า “ลำบากพี่แล้ว”

เจียงหลีส่ายศีรษะเบาๆ และถามว่า “มีข่าวจากอาณาจักรจยาเซียนหรือไม่ ลู่เจี้ย…ยังมีชีวิตอยู่ไหม”

เมื่อได้ยินว่านางยังคงห่วงใยลู่เจี้ยอยู่เช่นนี้ อารมณ์ในใจของเจียงเฮ่าก็สับสนขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องการปกปิดความจริง แต่การโกหกน้องสาวเป็นสิ่งที่เขามิอาจทำได้ “อาณาจักรจยาเซียนไม่เป็นอะไร เพียงแต่ร่างกายของนายน้อยลู่…”

ทันใดนั้น ดวงตาของเจียงหลีก็ดุร้ายขึ้นทันทีและก้าวไปข้างหน้าอย่างประหม่า โดยพลังวิญญาณได้กระแทกเข้ากับตาข่ายป้องกันที่ไร้รูปร่างโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเสียงดังและเกิดระลอกคลื่นที่โปร่งแสงเป็นชั้นๆ ขึ้น

“อย่าตื่นเต้นไป” เจียงเฮ่าพูดอย่างรีบร้อน

เขาสงบสติอารมณ์ของน้องสาว “มีข่าวเพียงว่าสุขภาพของเขาแย่ลง แต่ยังอยู่ดี”

เจียงหลีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ขณะนี้ สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการไม่ได้พบกับลู่เจี้ยอีกครั้ง

หากเป็นเช่นนั้น นางจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต และจะปวดใจ ปวดมาก ปวดมาก

“พี่ใหญ่ ช่วงนี้อาณาจักรซีเฉียนมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง และระหว่างที่อยู่สถานบัน เฉียนจวิ้นนั่นมาหาเรื่องพวกพี่หรือไม่” เจียงหลีถามในขณะที่นางยังว่างอยู่

ทันใดนั้น เจียงเฮ่าก็รู้สึกทันทีว่าเจียงหลีดูเหมือนจะแตกต่างจากเดิมไปเล็กน้อยหลังจากการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้

โดยที่ผ่านมา ปกติแล้วนางจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้และไม่ค่อยนึกถึงเท่าไรนัก แต่บัดนี้กลับเริ่มพูดถึงมันก่อน…

“วางใจได้ ตอนนี้เฉียนจวิ้นกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับองค์รัชทายาทแห่งซีเฉียน และสถานการณ์ในราชสำนักก็คานอำนาจกันอยู่ เขาไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก เจ้าเก็บตัวได้ไม่นาน ข้าก็เข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่เป็นเพื่อนลู่เสวียน หลังจากกลับออกมา เราทั้งสองก็ต่างฝึกฝนกันอย่างเงียบๆ และไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดเกิดขึ้น” เจียงเฮ่าสาธยายสั้นๆ

ทุกอย่างเรียบร้อยดี เจียงหลีจึงรู้สึกโล่งใจไปบ้าง

สองพี่น้องพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ ก็มองเห็นลู่เสวียนเดินกลับมาพร้อมกับคนเดินตามหลังสองคน

คนหนึ่งคือเฟิงสิงอวิ๋น และอีกคนหนึ่งนางก็รู้จัก เพราะเป็นผู้อำนวยการสอบวัดผลครั้งนั้น

นางจำได้ว่าเฟิงสิงอวิ๋นเคยพูดไว้ว่ากุญแจที่เก็บวิญญาณยุทธ์ลึกลับนั้นอีกอันหนึ่งอยู่ที่ผู้อำนวยการคนนั้น

ส่วนสถานะและเบื้องหลังของอำนวยการคนนี้ นางไม่ได้สืบหาต่อ

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังของสถาบันไป๋หยวนย่อมไม่ธรรมดา มีกลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่จากดินแดนซีฮวงสักกลุ่มคอยหนุนหลังอยู่ สิ่งที่นางรู้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะสืบค้นจนเจอ

“ท่านอาจารย์เฟิง” เจียงเฮ่าหันหลังกลับมาเรียกเฟิงสิงอวิ๋นและทำความเคารพต่อผู้อำนวยการ

 เฟิงสิงอวิ๋นตอบกลับและมองไปที่เจียงหลีซึ่งยืนอยู่ด้านในแล้วยิ้ม “ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้า ช่างน่าตกใจยิ่งนัก”

เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร นางไม่สามารถบอกความลับของเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อให้แก่เขาได้

เมื่อเห็นนางเงียบ เฟิงสิงอวิ๋นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

เจียงหลีกล่าว “หวังว่าท่านอาจารย์เฟิงจะไม่ผิดสัญญา”

เฟิงสิงอวิ๋นหัวเราะลั่น “เจ้านี่ช่างใจร้อนเสียจริง”

“ข้าใจร้อนจริงๆ ท่านอาจารย์เฟิงก็รู้ว่าข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว” เจียงหลีก็มิได้ปฏิเสธ

ใบหน้าเล็กๆ อันจริงจังของนาง ถึงกับทำให้เฟิงสิงอวิ๋นไม่อยากที่จะพูดเล่นอีกต่อไป และหันไปมองผู้อำนวยการที่เดินมาพร้อมกัน แต่เขากลับนิ่งเงียบคงเดิม

ท่ามกลางการจ้องมองของเขา คนหลังหยิบลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ออกมา

ทันทีที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ปรากฎตัว ดวงตาของเจียงหลีก็เป็นประกายและจ้องมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์

ที่แห่งนั้น คือความหวังที่นางจะออกจากตาข่ายป้องกันนี้!

“รบกวนแล้ว” เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มให้กับผู้อำนวยการและกำลังจะรับลูกเก็บวิญญาณยุทธ์มาจากเขา

แต่ทว่า ขณะที่เขาถือมันไว้นั้น กลับไม่สามารถขยับได้เลย เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่ผู้อำนวยการอย่างสงสัย คนหลังกลับไม่สนใจเขาและมองตรงไปที่เจียงหลี “เจียงหลี เจ้ารู้หรือไม่ว่าในลูกเก็บวิญญาณยุทธ์นี้คือวิญญาณยุทธ์ตัวไหน”

คำถามนี้แปลกเล็กน้อย เจียงหลีจะรู้ได้อย่างไร

“ข้าไม่รู้” เจียงหลีส่ายหัวตามความเป็นจริง

ทันทีที่ผู้อำนวยการออกแรงปัดลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ที่วางอยู่บนมือของเฟิงสิงอวิ๋นทิ้ง คนหลังทั้งตะลึง ทั้งไม่ใส่ใจ และได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ผู้อำนวยการเดินเข้าใกล้เจียงหลีและมองหน้านางอย่างจริงจัง “วิญญาณยุทธ์ในนี้คือสัตว์อสูรอันดับที่หก เรียกว่านกอมตะ”

นกอมตะ!

ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงเล็กน้อยและมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ในมือของเขาด้วยความตกใจ นกอมตะ นกอมตะ อมตะ…อมตะ…

เมื่อเจียงเฮ่าและลู่เสวียนได้ยินชื่อนี้ พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พวกเขาก็สามารถคาดเดาความเก่งกาจของวิญญาณยุทธ์นี้ได้

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมวิญญาณยุทธ์นกอมตะจึงมีค่ามหาศาล” ผู้อำนวยการก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

เจียงหลีส่ายศีรษะช้าๆ

วิญญาณยุทธ์มีมากเกินไป นางไม่สามารถรู้จักทั้งหมดได้

“เพราะถ้าหากประสานสำเร็จ เจ้าจะไม่เพียงมีพลังในการรักษาที่ยอดเยี่ยม และยังจะมีชีวิตเพิ่มขึ้นอีกสามชีวิตด้วย!” เจียงหลีตะลึงกับคำพูดของผู้อำนวยการ

……………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+