ราชินีพลิกสวรรค์ 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กน้อยที่น่าสงสาร!

จุ๊ๆ!

ความเห็นอกเห็นใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเจียงหลี ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ใช่ชีวิตมานานเพียงนี้แล้ว แต่กลับไม่มีชื่อซะอย่างนั้น

“สายตาแบบนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร” ความเห็นอกเห็นใจในดวงตาที่สดใสคู่นั้น ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เมื่อรู้สึกถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มกำลังจะคลุ้มคลั่งนั้น เจียงหลีก็รีบกระพริบตาอย่างเร็วไวและเก็บความเห็นอกเห็นใจนี้กลับไป ในขณะเดียวกันนางก็พูดอย่างไม่เชื่อว่า “มนุษย์เกิดมาบนโลก ล้วนมีชื่อเพื่อง่ายต่อการเรียกทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านไม่มีชื่อจริงๆ”

“…” คำพูดของนาง ทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดเบาๆ ต่อสายตาอันแน่วแน่ของนางว่า “ลืมแล้ว”

คำตอบนั้น ทำให้ปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง “ลืมแล้วหรือ” ความจำของข้าไม่ค่อยดีนัก

“เพราะใช้ชีวิตนานเกินไปก็เลยลืมแล้ว” ชายหนุ่มอธิบายอย่างสง่างาม

เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและมองไปที่สายตาของเขาที่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย

ดูเหมือนนางจะเข้าใจแล้วว่า ชายผู้เย่อหยิ่งตรงหน้านางนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีชื่อ แต่เป็นเพราะเขาลืมชื่อตนเองเพราะกาลเวลา สงสัย สถานะของเขาจะสูงส่งมาก ผู้คนที่เคยติดต่อกับเขา จะเรียกเพียงตำแหน่งของเขาเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อก็จะถูกลืม หรืออาจเป็นเขาอยู่ในโลกที่ยาวนานเช่นนี้ เลยไม่สนใจชื่อเรียกของตนนัก เจียงหลีแอบกล่าวในใจ

“แล้วตำแหน่งของท่านคืออะไร” เจียงหลีถาม

แววตาเย็นชาของชายหนุ่มมองไปที่นาง มองเห็นความอยากรู้อยากเห็นภายใต้ดวงตาที่เหมือนกับเด็กน้อยของนาง เขาเห็นถึงความคาดหวังในดวงตาของนาง แต่…เมื่อนึกถึงท่าทางเจ้าเล่ห์ของนางแล้ว เขาก็ไม่อยากทำตามสิ่งที่นางต้องการอย่างง่ายดายเพียงนี้

“ไม่สามารถพูดได้ หรือเพราะไม่อยากพูดกันแน่”

ความเงียบงันของชายหนุ่ม ทำให้เจียงหลีเข้าใจทันที

“แต่อย่างน้อยท่านก็ต้องมีชื่อเรียกบ้างสิ เนื่องจากท่านไม่พูด ข้าก็จะไม่บังคับท่าน ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า ลู่เจี้ย เหมือนเดิมแล้วกัน อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นชื่อในชาติก่อนของท่าน ท่านน่าจะคุ้นเคยและข้าก็เรียกสะดวกด้วย”

“…”

หญิงสาวตัดสินใจเอง ทำให้จักรพรรดิประหลาดใจนางยอมแพ้เร็วขนาดนี้เลยหรือ อีกอย่าง…เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมพรางของนางแล้วสินะ

จักรพรรดิที่เย็นชาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน หลังจากที่หญิงสาวเรียกชื่อ “ลู่เจี้ย” ออกมานั้น ความเจ้าเล่ห์ก็ฉายออกมาจากดวงตาของนางอย่างรวดเร็ว

“ลู่เจี้ยๆ” เจียงหลีโน้มตัวเข้าใกล้เขาและเอามือโอบแขนเขาอย่างกล้าหาญ จากนั้นก็เรียกอยู่ข้างๆเขาไม่หยุด

ยิ่งเรียกมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ไม่ดีมากเท่านั้น เขาพบว่าตอนนี้เขาต้องเผชิญกับสองทางเลือก อย่างแรกคือ ต้องบอกตำแหน่งของตนให้นางทราบ ให้นางเลิกเรียกชื่อลู่เจี้ยนี้ซะ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ายอมแพ้แล้วน่ะสิ ทางเลือกที่สองนั่นคือ ยอมให้นางเรียกตัวเองว่าลู่เจี้ย แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ เขามักจะรู้สึกว่านางกำลังมองคนอื่นผ่านตัวเองอยู่ แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นชาติก่อนของเขาก็เถอะ เขาเป็นถึงจักรพรรดิสูงสุดเลยนะ จะไปเป็นตัวแทนชองคนอื่นได้อย่างไรกัน

“… ” ความสับสนที่ไม่เคยมีมาก่อน เกิดขึ้นในใจของจักรพรรดิผู้เย็นชา

แต่เขากลับลืมไปว่า ณ ขณะนี้ เขาสามารถผลักจักรพรรดินีบางคนที่เข้ามาพัวพันออกไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็จากไปอย่างสง่างาม

รวมถึงการเข้าใกล้อย่างกล้าหาญของจักรพรรดินีบางคน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

“ลู่เจี้ย ข้าเรียกท่านหลายรอบขนาดนี้ อย่างน้อยท่านก็ควรตอบข้าบ้าง” ปากของเจียงหลีเริ่มแห้ง ทำได้เพียงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

หึ ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องไม่หลงกล นางเพียงแค่อยากรู้ชื่อของข้า ต้องไม่ปล่อยให้นางสมดั่งปรารถนา ชายหนุ่มหันมามองอย่างช้าๆ สายตาจดจ่อบนใบหน้าอันน่าหลงใหลของนาง

ในความคาดหวังของนาง ในที่สุดเขาก็ยอม “อืม” ออกว่าอย่างไม่เต็มใจ

การตอบอย่างไม่เต็มใจนี้ กลับทำให้หัวใจของเจียงหลีหวานฉ่ำราวกับว่านางได้กินน้ำผึ้งไปอย่างไรอย่างงั้น ดวงตาของนางยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวและรอยยิ้มที่สดใส ทำให้จักรพรรดิสับสนเล็กน้อย ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ จะมีรอยยิ้มที่สดใสขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

“ลู่เจี้ย เรามาคุยกันหน่อยสิ”

ในขณะที่ไม่รู้ตัวนั้น เจียงหลีก็ดึงตัวเขามาถึงที่เตียงมังกรและผลักเขาล้มลง

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง และมองนางด้วยสายตาอันเย็นชา “บังอาจ!”

การดุด่าที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างไม่ใยดีและพึมพำว่า “ทั้งร่างปกติและร่างเปิ่นจุนต่างก็ใช้คำนี้เพื่อว่ากล่าวตักเตือน”

แต่แล้ว นางก็ยิ้มและอธิบายว่า “ข้าไม่บังอาจ เพียงแค่อยากนอนคุยกับท่านสักพัก ข้าจะไม่ทำอะไร” หลังจากพูดเสร็จ นางก็ลืมตาขึ้นอย่างไร้เดียงสาและกระพริบตาต่อเขา

หลังจากพูดเสร็จ นางก็ไม่สนใจว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ ก็นอนลงข้างๆ เขาทันที โดยวางศีรษะไว้บนหน้าอกของเขา ฟังเสียงเต้นของหัวใจที่คุ้นเคย มุมปากของนางก็โค้งงอโดยไม่สามารถควบคุมได้ “ลู่เจี้ย ท่านกลับมาแล้ว ดีจัง”

หญิงสาวพึมพำและเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อ่อนแอ ความโกรธของชายที่ถูกเหยียดหยามก็หายไปทันที เขานอนนิ่งไม่ขยับปล่อยให้เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แววตาที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตาอันไม่สบอารมณ์ของเขา

เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่เจี้ยอย่างเกียจคร้านเหมือนแมวตัวน้อย ดูเหมือนว่าอ้อมกอดของชายคนนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสบายใจที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น “ลู่เจี้ย ท่านรู้ไหมมีคำพูดหนึ่งพูดว่า ความสบายใจนั้นคือบ้าน ตอนนี้ข้าสบายใจจริงๆ”

ความสบายใจคือบ้าน หัวใจของจักรพรรดิลู่เจี้ยก็สั่นอย่างรุนแรง เพราะคำพูดคำนี้ของนาง

ในขณะนั้น เขาต้องการกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขาให้แน่น และปกป้องนางไว้ใต้ปีกของเขา ไม่ให้ใครทำร้ายได้

โชคดีที่ เขาบดขยี้ความคิดเพียงชั่ววูบนี้ได้ แน่นอนการที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เขาหงุดหงิดมาก หลงใหล! หลงใหล! เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น ทำไมถึงได้หนักแน่นนัก

“ลู่เจี้ย พรุ่งนี้ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ ข้าไม่อยากทุกครั้งที่ท่านมาหาข้า เมื่อข้าตื่นนอนก็ตัวคนเดียวทุกครั้ง” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

หลังจากติดต่อกันหลายครั้ง ดูเหมือนว่านางจะค้นพบวิธีหนึ่งในการพิชิตเปิ่นจุน

อืม! แสร้งทำตัวน่าสงสาร!

เจียงหลีพบว่า ทุกครั้งที่นางแสร้งทำตัวน่าสงสารและเหมือนเด็กนั้น เปิ่นจุนดูเหมือนยากที่จะต้านทานได้!

เมื่อควบคุมเสียงหัวเราะในใจ นางพยายามรักษารูปลักษณ์ที่น่าสงสารของนางไว้ เงยหน้าจากอ้อมแขนของเขาและมองไปที่เขาเพื่อรอคำตอบ

ภายใต้ความกดดันจากสายตาของนาง จักรพรรดิลู่เจี้ยก็ใช้เสียงจากจมูกตอบว่า “อืม” อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปอยู่แล้ว เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพื่อจัดการกับปัญหาที่ครอบงำจิตใจนี้

คำสัญญาของจักรพรรดิลู่เจี้ย ทำให้ดวงตาที่คาดหวังของเจียงหลีกลายเป็นความปีติยินดี

“ท่านใจดีจัง!”

นางลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขา แล้วเอาแขนไปคล้องคอของเขาอย่างเร็วไวและ ’จุ๊บ’ ไปที่แก้มของเขาหนึ่งครั้ง

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นในสายตาของจักรพรรดิผู้รุกราน มองไปที่นางอย่างเย็นชา ดูเหมือนจะตั้งคำถามด้วยสายตาของเขา ใครบอกว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น

จักรพรรดินีองค์หนึ่งกำลังยิ้มที่ถูกสายตาของเขาจ้องจนขนลุก จากนั้นก็เอามือออกจากคอของเขาและกลับเข้าสู่อ้อมกอด “ช่วยไม่ได้ๆ”

ช่วยไม่ได้อย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น สายตาดูขี้เล่น อืม เป็นเหตุผลที่ดีจริงๆ

“ลู่เจี้ย ข้าขอถามอะไรท่านหน่อย”

เปลี่ยนเรื่องหรือ จักรพรรดิลู่เจี้ยมองนางด้วยท่าทางขี้เล่น

แต่จักรพรรดินีองค์หนึ่งมองเขาอย่างจริงจัง โดยไม่สนใจความขี้เล่นในสายตาของเขา “ในชีวิตที่ยืนยาวของท่านนั้น นอกจากข้าแล้ว ยังมีหญิงอื่นหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กน้อยที่น่าสงสาร!

จุ๊ๆ!

ความเห็นอกเห็นใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเจียงหลี ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ใช่ชีวิตมานานเพียงนี้แล้ว แต่กลับไม่มีชื่อซะอย่างนั้น

“สายตาแบบนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร” ความเห็นอกเห็นใจในดวงตาที่สดใสคู่นั้น ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เมื่อรู้สึกถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มกำลังจะคลุ้มคลั่งนั้น เจียงหลีก็รีบกระพริบตาอย่างเร็วไวและเก็บความเห็นอกเห็นใจนี้กลับไป ในขณะเดียวกันนางก็พูดอย่างไม่เชื่อว่า “มนุษย์เกิดมาบนโลก ล้วนมีชื่อเพื่อง่ายต่อการเรียกทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านไม่มีชื่อจริงๆ”

“…” คำพูดของนาง ทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดเบาๆ ต่อสายตาอันแน่วแน่ของนางว่า “ลืมแล้ว”

คำตอบนั้น ทำให้ปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง “ลืมแล้วหรือ” ความจำของข้าไม่ค่อยดีนัก

“เพราะใช้ชีวิตนานเกินไปก็เลยลืมแล้ว” ชายหนุ่มอธิบายอย่างสง่างาม

เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและมองไปที่สายตาของเขาที่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย

ดูเหมือนนางจะเข้าใจแล้วว่า ชายผู้เย่อหยิ่งตรงหน้านางนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีชื่อ แต่เป็นเพราะเขาลืมชื่อตนเองเพราะกาลเวลา สงสัย สถานะของเขาจะสูงส่งมาก ผู้คนที่เคยติดต่อกับเขา จะเรียกเพียงตำแหน่งของเขาเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อก็จะถูกลืม หรืออาจเป็นเขาอยู่ในโลกที่ยาวนานเช่นนี้ เลยไม่สนใจชื่อเรียกของตนนัก เจียงหลีแอบกล่าวในใจ

“แล้วตำแหน่งของท่านคืออะไร” เจียงหลีถาม

แววตาเย็นชาของชายหนุ่มมองไปที่นาง มองเห็นความอยากรู้อยากเห็นภายใต้ดวงตาที่เหมือนกับเด็กน้อยของนาง เขาเห็นถึงความคาดหวังในดวงตาของนาง แต่…เมื่อนึกถึงท่าทางเจ้าเล่ห์ของนางแล้ว เขาก็ไม่อยากทำตามสิ่งที่นางต้องการอย่างง่ายดายเพียงนี้

“ไม่สามารถพูดได้ หรือเพราะไม่อยากพูดกันแน่”

ความเงียบงันของชายหนุ่ม ทำให้เจียงหลีเข้าใจทันที

“แต่อย่างน้อยท่านก็ต้องมีชื่อเรียกบ้างสิ เนื่องจากท่านไม่พูด ข้าก็จะไม่บังคับท่าน ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า ลู่เจี้ย เหมือนเดิมแล้วกัน อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นชื่อในชาติก่อนของท่าน ท่านน่าจะคุ้นเคยและข้าก็เรียกสะดวกด้วย”

“…”

หญิงสาวตัดสินใจเอง ทำให้จักรพรรดิประหลาดใจนางยอมแพ้เร็วขนาดนี้เลยหรือ อีกอย่าง…เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมพรางของนางแล้วสินะ

จักรพรรดิที่เย็นชาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน หลังจากที่หญิงสาวเรียกชื่อ “ลู่เจี้ย” ออกมานั้น ความเจ้าเล่ห์ก็ฉายออกมาจากดวงตาของนางอย่างรวดเร็ว

“ลู่เจี้ยๆ” เจียงหลีโน้มตัวเข้าใกล้เขาและเอามือโอบแขนเขาอย่างกล้าหาญ จากนั้นก็เรียกอยู่ข้างๆเขาไม่หยุด

ยิ่งเรียกมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ไม่ดีมากเท่านั้น เขาพบว่าตอนนี้เขาต้องเผชิญกับสองทางเลือก อย่างแรกคือ ต้องบอกตำแหน่งของตนให้นางทราบ ให้นางเลิกเรียกชื่อลู่เจี้ยนี้ซะ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ายอมแพ้แล้วน่ะสิ ทางเลือกที่สองนั่นคือ ยอมให้นางเรียกตัวเองว่าลู่เจี้ย แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ เขามักจะรู้สึกว่านางกำลังมองคนอื่นผ่านตัวเองอยู่ แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นชาติก่อนของเขาก็เถอะ เขาเป็นถึงจักรพรรดิสูงสุดเลยนะ จะไปเป็นตัวแทนชองคนอื่นได้อย่างไรกัน

“… ” ความสับสนที่ไม่เคยมีมาก่อน เกิดขึ้นในใจของจักรพรรดิผู้เย็นชา

แต่เขากลับลืมไปว่า ณ ขณะนี้ เขาสามารถผลักจักรพรรดินีบางคนที่เข้ามาพัวพันออกไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็จากไปอย่างสง่างาม

รวมถึงการเข้าใกล้อย่างกล้าหาญของจักรพรรดินีบางคน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

“ลู่เจี้ย ข้าเรียกท่านหลายรอบขนาดนี้ อย่างน้อยท่านก็ควรตอบข้าบ้าง” ปากของเจียงหลีเริ่มแห้ง ทำได้เพียงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

หึ ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องไม่หลงกล นางเพียงแค่อยากรู้ชื่อของข้า ต้องไม่ปล่อยให้นางสมดั่งปรารถนา ชายหนุ่มหันมามองอย่างช้าๆ สายตาจดจ่อบนใบหน้าอันน่าหลงใหลของนาง

ในความคาดหวังของนาง ในที่สุดเขาก็ยอม “อืม” ออกว่าอย่างไม่เต็มใจ

การตอบอย่างไม่เต็มใจนี้ กลับทำให้หัวใจของเจียงหลีหวานฉ่ำราวกับว่านางได้กินน้ำผึ้งไปอย่างไรอย่างงั้น ดวงตาของนางยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวและรอยยิ้มที่สดใส ทำให้จักรพรรดิสับสนเล็กน้อย ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ จะมีรอยยิ้มที่สดใสขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

“ลู่เจี้ย เรามาคุยกันหน่อยสิ”

ในขณะที่ไม่รู้ตัวนั้น เจียงหลีก็ดึงตัวเขามาถึงที่เตียงมังกรและผลักเขาล้มลง

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง และมองนางด้วยสายตาอันเย็นชา “บังอาจ!”

การดุด่าที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างไม่ใยดีและพึมพำว่า “ทั้งร่างปกติและร่างเปิ่นจุนต่างก็ใช้คำนี้เพื่อว่ากล่าวตักเตือน”

แต่แล้ว นางก็ยิ้มและอธิบายว่า “ข้าไม่บังอาจ เพียงแค่อยากนอนคุยกับท่านสักพัก ข้าจะไม่ทำอะไร” หลังจากพูดเสร็จ นางก็ลืมตาขึ้นอย่างไร้เดียงสาและกระพริบตาต่อเขา

หลังจากพูดเสร็จ นางก็ไม่สนใจว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ ก็นอนลงข้างๆ เขาทันที โดยวางศีรษะไว้บนหน้าอกของเขา ฟังเสียงเต้นของหัวใจที่คุ้นเคย มุมปากของนางก็โค้งงอโดยไม่สามารถควบคุมได้ “ลู่เจี้ย ท่านกลับมาแล้ว ดีจัง”

หญิงสาวพึมพำและเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อ่อนแอ ความโกรธของชายที่ถูกเหยียดหยามก็หายไปทันที เขานอนนิ่งไม่ขยับปล่อยให้เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แววตาที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตาอันไม่สบอารมณ์ของเขา

เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่เจี้ยอย่างเกียจคร้านเหมือนแมวตัวน้อย ดูเหมือนว่าอ้อมกอดของชายคนนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสบายใจที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น “ลู่เจี้ย ท่านรู้ไหมมีคำพูดหนึ่งพูดว่า ความสบายใจนั้นคือบ้าน ตอนนี้ข้าสบายใจจริงๆ”

ความสบายใจคือบ้าน หัวใจของจักรพรรดิลู่เจี้ยก็สั่นอย่างรุนแรง เพราะคำพูดคำนี้ของนาง

ในขณะนั้น เขาต้องการกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขาให้แน่น และปกป้องนางไว้ใต้ปีกของเขา ไม่ให้ใครทำร้ายได้

โชคดีที่ เขาบดขยี้ความคิดเพียงชั่ววูบนี้ได้ แน่นอนการที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เขาหงุดหงิดมาก หลงใหล! หลงใหล! เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น ทำไมถึงได้หนักแน่นนัก

“ลู่เจี้ย พรุ่งนี้ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ ข้าไม่อยากทุกครั้งที่ท่านมาหาข้า เมื่อข้าตื่นนอนก็ตัวคนเดียวทุกครั้ง” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

หลังจากติดต่อกันหลายครั้ง ดูเหมือนว่านางจะค้นพบวิธีหนึ่งในการพิชิตเปิ่นจุน

อืม! แสร้งทำตัวน่าสงสาร!

เจียงหลีพบว่า ทุกครั้งที่นางแสร้งทำตัวน่าสงสารและเหมือนเด็กนั้น เปิ่นจุนดูเหมือนยากที่จะต้านทานได้!

เมื่อควบคุมเสียงหัวเราะในใจ นางพยายามรักษารูปลักษณ์ที่น่าสงสารของนางไว้ เงยหน้าจากอ้อมแขนของเขาและมองไปที่เขาเพื่อรอคำตอบ

ภายใต้ความกดดันจากสายตาของนาง จักรพรรดิลู่เจี้ยก็ใช้เสียงจากจมูกตอบว่า “อืม” อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปอยู่แล้ว เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพื่อจัดการกับปัญหาที่ครอบงำจิตใจนี้

คำสัญญาของจักรพรรดิลู่เจี้ย ทำให้ดวงตาที่คาดหวังของเจียงหลีกลายเป็นความปีติยินดี

“ท่านใจดีจัง!”

นางลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขา แล้วเอาแขนไปคล้องคอของเขาอย่างเร็วไวและ ’จุ๊บ’ ไปที่แก้มของเขาหนึ่งครั้ง

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นในสายตาของจักรพรรดิผู้รุกราน มองไปที่นางอย่างเย็นชา ดูเหมือนจะตั้งคำถามด้วยสายตาของเขา ใครบอกว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น

จักรพรรดินีองค์หนึ่งกำลังยิ้มที่ถูกสายตาของเขาจ้องจนขนลุก จากนั้นก็เอามือออกจากคอของเขาและกลับเข้าสู่อ้อมกอด “ช่วยไม่ได้ๆ”

ช่วยไม่ได้อย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น สายตาดูขี้เล่น อืม เป็นเหตุผลที่ดีจริงๆ

“ลู่เจี้ย ข้าขอถามอะไรท่านหน่อย”

เปลี่ยนเรื่องหรือ จักรพรรดิลู่เจี้ยมองนางด้วยท่าทางขี้เล่น

แต่จักรพรรดินีองค์หนึ่งมองเขาอย่างจริงจัง โดยไม่สนใจความขี้เล่นในสายตาของเขา “ในชีวิตที่ยืนยาวของท่านนั้น นอกจากข้าแล้ว ยังมีหญิงอื่นหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กน้อยที่น่าสงสาร!

จุ๊ๆ!

ความเห็นอกเห็นใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเจียงหลี ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ใช่ชีวิตมานานเพียงนี้แล้ว แต่กลับไม่มีชื่อซะอย่างนั้น

“สายตาแบบนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร” ความเห็นอกเห็นใจในดวงตาที่สดใสคู่นั้น ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เมื่อรู้สึกถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มกำลังจะคลุ้มคลั่งนั้น เจียงหลีก็รีบกระพริบตาอย่างเร็วไวและเก็บความเห็นอกเห็นใจนี้กลับไป ในขณะเดียวกันนางก็พูดอย่างไม่เชื่อว่า “มนุษย์เกิดมาบนโลก ล้วนมีชื่อเพื่อง่ายต่อการเรียกทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านไม่มีชื่อจริงๆ”

“…” คำพูดของนาง ทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดเบาๆ ต่อสายตาอันแน่วแน่ของนางว่า “ลืมแล้ว”

คำตอบนั้น ทำให้ปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง “ลืมแล้วหรือ” ความจำของข้าไม่ค่อยดีนัก

“เพราะใช้ชีวิตนานเกินไปก็เลยลืมแล้ว” ชายหนุ่มอธิบายอย่างสง่างาม

เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและมองไปที่สายตาของเขาที่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย

ดูเหมือนนางจะเข้าใจแล้วว่า ชายผู้เย่อหยิ่งตรงหน้านางนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีชื่อ แต่เป็นเพราะเขาลืมชื่อตนเองเพราะกาลเวลา สงสัย สถานะของเขาจะสูงส่งมาก ผู้คนที่เคยติดต่อกับเขา จะเรียกเพียงตำแหน่งของเขาเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อก็จะถูกลืม หรืออาจเป็นเขาอยู่ในโลกที่ยาวนานเช่นนี้ เลยไม่สนใจชื่อเรียกของตนนัก เจียงหลีแอบกล่าวในใจ

“แล้วตำแหน่งของท่านคืออะไร” เจียงหลีถาม

แววตาเย็นชาของชายหนุ่มมองไปที่นาง มองเห็นความอยากรู้อยากเห็นภายใต้ดวงตาที่เหมือนกับเด็กน้อยของนาง เขาเห็นถึงความคาดหวังในดวงตาของนาง แต่…เมื่อนึกถึงท่าทางเจ้าเล่ห์ของนางแล้ว เขาก็ไม่อยากทำตามสิ่งที่นางต้องการอย่างง่ายดายเพียงนี้

“ไม่สามารถพูดได้ หรือเพราะไม่อยากพูดกันแน่”

ความเงียบงันของชายหนุ่ม ทำให้เจียงหลีเข้าใจทันที

“แต่อย่างน้อยท่านก็ต้องมีชื่อเรียกบ้างสิ เนื่องจากท่านไม่พูด ข้าก็จะไม่บังคับท่าน ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า ลู่เจี้ย เหมือนเดิมแล้วกัน อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นชื่อในชาติก่อนของท่าน ท่านน่าจะคุ้นเคยและข้าก็เรียกสะดวกด้วย”

“…”

หญิงสาวตัดสินใจเอง ทำให้จักรพรรดิประหลาดใจนางยอมแพ้เร็วขนาดนี้เลยหรือ อีกอย่าง…เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมพรางของนางแล้วสินะ

จักรพรรดิที่เย็นชาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน หลังจากที่หญิงสาวเรียกชื่อ “ลู่เจี้ย” ออกมานั้น ความเจ้าเล่ห์ก็ฉายออกมาจากดวงตาของนางอย่างรวดเร็ว

“ลู่เจี้ยๆ” เจียงหลีโน้มตัวเข้าใกล้เขาและเอามือโอบแขนเขาอย่างกล้าหาญ จากนั้นก็เรียกอยู่ข้างๆเขาไม่หยุด

ยิ่งเรียกมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ไม่ดีมากเท่านั้น เขาพบว่าตอนนี้เขาต้องเผชิญกับสองทางเลือก อย่างแรกคือ ต้องบอกตำแหน่งของตนให้นางทราบ ให้นางเลิกเรียกชื่อลู่เจี้ยนี้ซะ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ายอมแพ้แล้วน่ะสิ ทางเลือกที่สองนั่นคือ ยอมให้นางเรียกตัวเองว่าลู่เจี้ย แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ เขามักจะรู้สึกว่านางกำลังมองคนอื่นผ่านตัวเองอยู่ แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นชาติก่อนของเขาก็เถอะ เขาเป็นถึงจักรพรรดิสูงสุดเลยนะ จะไปเป็นตัวแทนชองคนอื่นได้อย่างไรกัน

“… ” ความสับสนที่ไม่เคยมีมาก่อน เกิดขึ้นในใจของจักรพรรดิผู้เย็นชา

แต่เขากลับลืมไปว่า ณ ขณะนี้ เขาสามารถผลักจักรพรรดินีบางคนที่เข้ามาพัวพันออกไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็จากไปอย่างสง่างาม

รวมถึงการเข้าใกล้อย่างกล้าหาญของจักรพรรดินีบางคน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

“ลู่เจี้ย ข้าเรียกท่านหลายรอบขนาดนี้ อย่างน้อยท่านก็ควรตอบข้าบ้าง” ปากของเจียงหลีเริ่มแห้ง ทำได้เพียงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

หึ ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องไม่หลงกล นางเพียงแค่อยากรู้ชื่อของข้า ต้องไม่ปล่อยให้นางสมดั่งปรารถนา ชายหนุ่มหันมามองอย่างช้าๆ สายตาจดจ่อบนใบหน้าอันน่าหลงใหลของนาง

ในความคาดหวังของนาง ในที่สุดเขาก็ยอม “อืม” ออกว่าอย่างไม่เต็มใจ

การตอบอย่างไม่เต็มใจนี้ กลับทำให้หัวใจของเจียงหลีหวานฉ่ำราวกับว่านางได้กินน้ำผึ้งไปอย่างไรอย่างงั้น ดวงตาของนางยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวและรอยยิ้มที่สดใส ทำให้จักรพรรดิสับสนเล็กน้อย ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ จะมีรอยยิ้มที่สดใสขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

“ลู่เจี้ย เรามาคุยกันหน่อยสิ”

ในขณะที่ไม่รู้ตัวนั้น เจียงหลีก็ดึงตัวเขามาถึงที่เตียงมังกรและผลักเขาล้มลง

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง และมองนางด้วยสายตาอันเย็นชา “บังอาจ!”

การดุด่าที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างไม่ใยดีและพึมพำว่า “ทั้งร่างปกติและร่างเปิ่นจุนต่างก็ใช้คำนี้เพื่อว่ากล่าวตักเตือน”

แต่แล้ว นางก็ยิ้มและอธิบายว่า “ข้าไม่บังอาจ เพียงแค่อยากนอนคุยกับท่านสักพัก ข้าจะไม่ทำอะไร” หลังจากพูดเสร็จ นางก็ลืมตาขึ้นอย่างไร้เดียงสาและกระพริบตาต่อเขา

หลังจากพูดเสร็จ นางก็ไม่สนใจว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ ก็นอนลงข้างๆ เขาทันที โดยวางศีรษะไว้บนหน้าอกของเขา ฟังเสียงเต้นของหัวใจที่คุ้นเคย มุมปากของนางก็โค้งงอโดยไม่สามารถควบคุมได้ “ลู่เจี้ย ท่านกลับมาแล้ว ดีจัง”

หญิงสาวพึมพำและเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อ่อนแอ ความโกรธของชายที่ถูกเหยียดหยามก็หายไปทันที เขานอนนิ่งไม่ขยับปล่อยให้เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แววตาที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตาอันไม่สบอารมณ์ของเขา

เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่เจี้ยอย่างเกียจคร้านเหมือนแมวตัวน้อย ดูเหมือนว่าอ้อมกอดของชายคนนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสบายใจที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น “ลู่เจี้ย ท่านรู้ไหมมีคำพูดหนึ่งพูดว่า ความสบายใจนั้นคือบ้าน ตอนนี้ข้าสบายใจจริงๆ”

ความสบายใจคือบ้าน หัวใจของจักรพรรดิลู่เจี้ยก็สั่นอย่างรุนแรง เพราะคำพูดคำนี้ของนาง

ในขณะนั้น เขาต้องการกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขาให้แน่น และปกป้องนางไว้ใต้ปีกของเขา ไม่ให้ใครทำร้ายได้

โชคดีที่ เขาบดขยี้ความคิดเพียงชั่ววูบนี้ได้ แน่นอนการที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เขาหงุดหงิดมาก หลงใหล! หลงใหล! เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น ทำไมถึงได้หนักแน่นนัก

“ลู่เจี้ย พรุ่งนี้ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ ข้าไม่อยากทุกครั้งที่ท่านมาหาข้า เมื่อข้าตื่นนอนก็ตัวคนเดียวทุกครั้ง” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

หลังจากติดต่อกันหลายครั้ง ดูเหมือนว่านางจะค้นพบวิธีหนึ่งในการพิชิตเปิ่นจุน

อืม! แสร้งทำตัวน่าสงสาร!

เจียงหลีพบว่า ทุกครั้งที่นางแสร้งทำตัวน่าสงสารและเหมือนเด็กนั้น เปิ่นจุนดูเหมือนยากที่จะต้านทานได้!

เมื่อควบคุมเสียงหัวเราะในใจ นางพยายามรักษารูปลักษณ์ที่น่าสงสารของนางไว้ เงยหน้าจากอ้อมแขนของเขาและมองไปที่เขาเพื่อรอคำตอบ

ภายใต้ความกดดันจากสายตาของนาง จักรพรรดิลู่เจี้ยก็ใช้เสียงจากจมูกตอบว่า “อืม” อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปอยู่แล้ว เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพื่อจัดการกับปัญหาที่ครอบงำจิตใจนี้

คำสัญญาของจักรพรรดิลู่เจี้ย ทำให้ดวงตาที่คาดหวังของเจียงหลีกลายเป็นความปีติยินดี

“ท่านใจดีจัง!”

นางลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขา แล้วเอาแขนไปคล้องคอของเขาอย่างเร็วไวและ ’จุ๊บ’ ไปที่แก้มของเขาหนึ่งครั้ง

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นในสายตาของจักรพรรดิผู้รุกราน มองไปที่นางอย่างเย็นชา ดูเหมือนจะตั้งคำถามด้วยสายตาของเขา ใครบอกว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น

จักรพรรดินีองค์หนึ่งกำลังยิ้มที่ถูกสายตาของเขาจ้องจนขนลุก จากนั้นก็เอามือออกจากคอของเขาและกลับเข้าสู่อ้อมกอด “ช่วยไม่ได้ๆ”

ช่วยไม่ได้อย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น สายตาดูขี้เล่น อืม เป็นเหตุผลที่ดีจริงๆ

“ลู่เจี้ย ข้าขอถามอะไรท่านหน่อย”

เปลี่ยนเรื่องหรือ จักรพรรดิลู่เจี้ยมองนางด้วยท่าทางขี้เล่น

แต่จักรพรรดินีองค์หนึ่งมองเขาอย่างจริงจัง โดยไม่สนใจความขี้เล่นในสายตาของเขา “ในชีวิตที่ยืนยาวของท่านนั้น นอกจากข้าแล้ว ยังมีหญิงอื่นหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 306 จะเรียกเจ้าว่าลู่เจี้ยเหมือนเคย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กน้อยที่น่าสงสาร!

จุ๊ๆ!

ความเห็นอกเห็นใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเจียงหลี ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ใช่ชีวิตมานานเพียงนี้แล้ว แต่กลับไม่มีชื่อซะอย่างนั้น

“สายตาแบบนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร” ความเห็นอกเห็นใจในดวงตาที่สดใสคู่นั้น ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เมื่อรู้สึกถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มกำลังจะคลุ้มคลั่งนั้น เจียงหลีก็รีบกระพริบตาอย่างเร็วไวและเก็บความเห็นอกเห็นใจนี้กลับไป ในขณะเดียวกันนางก็พูดอย่างไม่เชื่อว่า “มนุษย์เกิดมาบนโลก ล้วนมีชื่อเพื่อง่ายต่อการเรียกทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านไม่มีชื่อจริงๆ”

“…” คำพูดของนาง ทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดเบาๆ ต่อสายตาอันแน่วแน่ของนางว่า “ลืมแล้ว”

คำตอบนั้น ทำให้ปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง “ลืมแล้วหรือ” ความจำของข้าไม่ค่อยดีนัก

“เพราะใช้ชีวิตนานเกินไปก็เลยลืมแล้ว” ชายหนุ่มอธิบายอย่างสง่างาม

เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและมองไปที่สายตาของเขาที่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย

ดูเหมือนนางจะเข้าใจแล้วว่า ชายผู้เย่อหยิ่งตรงหน้านางนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีชื่อ แต่เป็นเพราะเขาลืมชื่อตนเองเพราะกาลเวลา สงสัย สถานะของเขาจะสูงส่งมาก ผู้คนที่เคยติดต่อกับเขา จะเรียกเพียงตำแหน่งของเขาเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อก็จะถูกลืม หรืออาจเป็นเขาอยู่ในโลกที่ยาวนานเช่นนี้ เลยไม่สนใจชื่อเรียกของตนนัก เจียงหลีแอบกล่าวในใจ

“แล้วตำแหน่งของท่านคืออะไร” เจียงหลีถาม

แววตาเย็นชาของชายหนุ่มมองไปที่นาง มองเห็นความอยากรู้อยากเห็นภายใต้ดวงตาที่เหมือนกับเด็กน้อยของนาง เขาเห็นถึงความคาดหวังในดวงตาของนาง แต่…เมื่อนึกถึงท่าทางเจ้าเล่ห์ของนางแล้ว เขาก็ไม่อยากทำตามสิ่งที่นางต้องการอย่างง่ายดายเพียงนี้

“ไม่สามารถพูดได้ หรือเพราะไม่อยากพูดกันแน่”

ความเงียบงันของชายหนุ่ม ทำให้เจียงหลีเข้าใจทันที

“แต่อย่างน้อยท่านก็ต้องมีชื่อเรียกบ้างสิ เนื่องจากท่านไม่พูด ข้าก็จะไม่บังคับท่าน ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า ลู่เจี้ย เหมือนเดิมแล้วกัน อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นชื่อในชาติก่อนของท่าน ท่านน่าจะคุ้นเคยและข้าก็เรียกสะดวกด้วย”

“…”

หญิงสาวตัดสินใจเอง ทำให้จักรพรรดิประหลาดใจนางยอมแพ้เร็วขนาดนี้เลยหรือ อีกอย่าง…เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมพรางของนางแล้วสินะ

จักรพรรดิที่เย็นชาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน หลังจากที่หญิงสาวเรียกชื่อ “ลู่เจี้ย” ออกมานั้น ความเจ้าเล่ห์ก็ฉายออกมาจากดวงตาของนางอย่างรวดเร็ว

“ลู่เจี้ยๆ” เจียงหลีโน้มตัวเข้าใกล้เขาและเอามือโอบแขนเขาอย่างกล้าหาญ จากนั้นก็เรียกอยู่ข้างๆเขาไม่หยุด

ยิ่งเรียกมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ไม่ดีมากเท่านั้น เขาพบว่าตอนนี้เขาต้องเผชิญกับสองทางเลือก อย่างแรกคือ ต้องบอกตำแหน่งของตนให้นางทราบ ให้นางเลิกเรียกชื่อลู่เจี้ยนี้ซะ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ายอมแพ้แล้วน่ะสิ ทางเลือกที่สองนั่นคือ ยอมให้นางเรียกตัวเองว่าลู่เจี้ย แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ เขามักจะรู้สึกว่านางกำลังมองคนอื่นผ่านตัวเองอยู่ แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นชาติก่อนของเขาก็เถอะ เขาเป็นถึงจักรพรรดิสูงสุดเลยนะ จะไปเป็นตัวแทนชองคนอื่นได้อย่างไรกัน

“… ” ความสับสนที่ไม่เคยมีมาก่อน เกิดขึ้นในใจของจักรพรรดิผู้เย็นชา

แต่เขากลับลืมไปว่า ณ ขณะนี้ เขาสามารถผลักจักรพรรดินีบางคนที่เข้ามาพัวพันออกไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็จากไปอย่างสง่างาม

รวมถึงการเข้าใกล้อย่างกล้าหาญของจักรพรรดินีบางคน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

“ลู่เจี้ย ข้าเรียกท่านหลายรอบขนาดนี้ อย่างน้อยท่านก็ควรตอบข้าบ้าง” ปากของเจียงหลีเริ่มแห้ง ทำได้เพียงมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

หึ ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ต้องไม่หลงกล นางเพียงแค่อยากรู้ชื่อของข้า ต้องไม่ปล่อยให้นางสมดั่งปรารถนา ชายหนุ่มหันมามองอย่างช้าๆ สายตาจดจ่อบนใบหน้าอันน่าหลงใหลของนาง

ในความคาดหวังของนาง ในที่สุดเขาก็ยอม “อืม” ออกว่าอย่างไม่เต็มใจ

การตอบอย่างไม่เต็มใจนี้ กลับทำให้หัวใจของเจียงหลีหวานฉ่ำราวกับว่านางได้กินน้ำผึ้งไปอย่างไรอย่างงั้น ดวงตาของนางยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวและรอยยิ้มที่สดใส ทำให้จักรพรรดิสับสนเล็กน้อย ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ จะมีรอยยิ้มที่สดใสขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

“ลู่เจี้ย เรามาคุยกันหน่อยสิ”

ในขณะที่ไม่รู้ตัวนั้น เจียงหลีก็ดึงตัวเขามาถึงที่เตียงมังกรและผลักเขาล้มลง

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง และมองนางด้วยสายตาอันเย็นชา “บังอาจ!”

การดุด่าที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีเม้มริมฝีปากอย่างไม่ใยดีและพึมพำว่า “ทั้งร่างปกติและร่างเปิ่นจุนต่างก็ใช้คำนี้เพื่อว่ากล่าวตักเตือน”

แต่แล้ว นางก็ยิ้มและอธิบายว่า “ข้าไม่บังอาจ เพียงแค่อยากนอนคุยกับท่านสักพัก ข้าจะไม่ทำอะไร” หลังจากพูดเสร็จ นางก็ลืมตาขึ้นอย่างไร้เดียงสาและกระพริบตาต่อเขา

หลังจากพูดเสร็จ นางก็ไม่สนใจว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ ก็นอนลงข้างๆ เขาทันที โดยวางศีรษะไว้บนหน้าอกของเขา ฟังเสียงเต้นของหัวใจที่คุ้นเคย มุมปากของนางก็โค้งงอโดยไม่สามารถควบคุมได้ “ลู่เจี้ย ท่านกลับมาแล้ว ดีจัง”

หญิงสาวพึมพำและเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อ่อนแอ ความโกรธของชายที่ถูกเหยียดหยามก็หายไปทันที เขานอนนิ่งไม่ขยับปล่อยให้เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แววตาที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตาอันไม่สบอารมณ์ของเขา

เจียงหลีนอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่เจี้ยอย่างเกียจคร้านเหมือนแมวตัวน้อย ดูเหมือนว่าอ้อมกอดของชายคนนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสบายใจที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น “ลู่เจี้ย ท่านรู้ไหมมีคำพูดหนึ่งพูดว่า ความสบายใจนั้นคือบ้าน ตอนนี้ข้าสบายใจจริงๆ”

ความสบายใจคือบ้าน หัวใจของจักรพรรดิลู่เจี้ยก็สั่นอย่างรุนแรง เพราะคำพูดคำนี้ของนาง

ในขณะนั้น เขาต้องการกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขาให้แน่น และปกป้องนางไว้ใต้ปีกของเขา ไม่ให้ใครทำร้ายได้

โชคดีที่ เขาบดขยี้ความคิดเพียงชั่ววูบนี้ได้ แน่นอนการที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เขาหงุดหงิดมาก หลงใหล! หลงใหล! เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น ทำไมถึงได้หนักแน่นนัก

“ลู่เจี้ย พรุ่งนี้ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ ข้าไม่อยากทุกครั้งที่ท่านมาหาข้า เมื่อข้าตื่นนอนก็ตัวคนเดียวทุกครั้ง” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

หลังจากติดต่อกันหลายครั้ง ดูเหมือนว่านางจะค้นพบวิธีหนึ่งในการพิชิตเปิ่นจุน

อืม! แสร้งทำตัวน่าสงสาร!

เจียงหลีพบว่า ทุกครั้งที่นางแสร้งทำตัวน่าสงสารและเหมือนเด็กนั้น เปิ่นจุนดูเหมือนยากที่จะต้านทานได้!

เมื่อควบคุมเสียงหัวเราะในใจ นางพยายามรักษารูปลักษณ์ที่น่าสงสารของนางไว้ เงยหน้าจากอ้อมแขนของเขาและมองไปที่เขาเพื่อรอคำตอบ

ภายใต้ความกดดันจากสายตาของนาง จักรพรรดิลู่เจี้ยก็ใช้เสียงจากจมูกตอบว่า “อืม” อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปอยู่แล้ว เขาต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพื่อจัดการกับปัญหาที่ครอบงำจิตใจนี้

คำสัญญาของจักรพรรดิลู่เจี้ย ทำให้ดวงตาที่คาดหวังของเจียงหลีกลายเป็นความปีติยินดี

“ท่านใจดีจัง!”

นางลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขา แล้วเอาแขนไปคล้องคอของเขาอย่างเร็วไวและ ’จุ๊บ’ ไปที่แก้มของเขาหนึ่งครั้ง

เจตนาฆ่ากำลังก่อตัวขึ้นในสายตาของจักรพรรดิผู้รุกราน มองไปที่นางอย่างเย็นชา ดูเหมือนจะตั้งคำถามด้วยสายตาของเขา ใครบอกว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น

จักรพรรดินีองค์หนึ่งกำลังยิ้มที่ถูกสายตาของเขาจ้องจนขนลุก จากนั้นก็เอามือออกจากคอของเขาและกลับเข้าสู่อ้อมกอด “ช่วยไม่ได้ๆ”

ช่วยไม่ได้อย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น สายตาดูขี้เล่น อืม เป็นเหตุผลที่ดีจริงๆ

“ลู่เจี้ย ข้าขอถามอะไรท่านหน่อย”

เปลี่ยนเรื่องหรือ จักรพรรดิลู่เจี้ยมองนางด้วยท่าทางขี้เล่น

แต่จักรพรรดินีองค์หนึ่งมองเขาอย่างจริงจัง โดยไม่สนใจความขี้เล่นในสายตาของเขา “ในชีวิตที่ยืนยาวของท่านนั้น นอกจากข้าแล้ว ยังมีหญิงอื่นหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+