หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1053 ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1053 ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บ่อน้ำยังคงใสกระจ่างอยู่ใจกลางบึง

เมื่อมู่เฉินเห็นก็รู้สึกโล่งใจมาก โชคดีที่สมบัติยังอยู่ดี มิฉะนั้นเขาคงกระอักเลือดออกมาแน่

เมื่อเห็นว่าดอกบัวมรกตเก้าโคจรยังคงสภาพดี มู่เฉินก็ไม่กล้าหน่วงเวลา เนื่องจากความปั่นป่วนในพื้นที่นี้ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งจะต้องถูกหลายกลุ่มรับรู้ได้แน่นอน ดังนั้นเขาต้องรีบเอาสมบัติแล้วจากไปให้เร็วที่สุด

คิดถึงตรงนี้ มู่เฉินก็ปรากฏตัวเหนือบ่อน้ำลงมือฉับพลัน คลื่นหลิงระเบิดออกมาจากฝ่ามือ สายตาจับจ้องไปที่ดอกบัวสีเขียวมรกตด้านล่าง ก่อนจะระเบิดแรงดูดลงไป

มวลน้ำกระจ่างใสยกตัวขึ้นพร้อมกับดอกบัวสีเขียวที่ห่อหุ่มด้วยดินโคลนลอยคว้างอยู่เบื้องหน้ามู่เฉิน

กลิ่นหอมแปลกประหลาดตลบอบอวลซึ่งเต็มไปด้วยพลังชีวิตไร้ขอบเขต บรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายมู่เฉินทันที ราวกับว่ากระดูกที่แตกหักของเขาได้รับการฟื้นฟู นำมาซึ่งความรู้สึกที่ซาบซ่านและชาวาบไปหมด

มู่เฉินสะบัดนิ้ว โคลนหลุดร่อนออกไปเผยให้เห็นดอกบัวมรกตชัดเจนยิ่งขึ้น ดอกบัวนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ดูชดช้อยราวกับว่าถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง โดยเฉพาะเม็ดบัวที่เปล่งพลังงานชีวิตที่น่าตกใจ พื้นผิวของเม็ดสลักด้วยอักขระลึกซึ้งมากมาย อักขระเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติซึ่งทำให้ยิ่งลึกซึ้งและลึกลับ

“นี่หรือดอกบัวมรกตเก้าโครจร…” มู่เฉินรู้สึกเคลิบเคลิ้มเล็กน้อยจากความงาม อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจ หากสมุนไพรวิเศษชิ้นนี้ถูกวางไว้ในโรงประมูลของมหาพันภพจะต้องดึงดูดการแข่งขันที่ดุเดือดของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าแน่นอน นั่นเป็นเพราะตราบใดที่ผู้ฝึกมีสิ่งนี้ โอกาสในการปลดตรวนของระดับจื้อจุนก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนได้อย่างแท้จริง

และเมื่อก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนไป เทียบได้กับการพุ่งทะยาน หากระดับจื้อจุนเป็นจอมยุทธ์ทรงพลัง ระดับตี้จื้อจุนก็เป็นเจ้าของขุมกำลังได้เลย

ในภูมิภาคทางเหนือระดับจื้อจุนขั้นเก้าอาจมีตำแหน่งสูงสุดในขั้วอำนาจ แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างขุมกำลังของตนเองได้ นั่นเป็นเพราะมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่สามารถปกป้องขั้วอำนาจได้

ตราบใดที่พวกเขามีสถานะแบบนั้นก็จะสามารถเข้าถึงทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนในปริมาณที่มากขึ้น แล้วเดินหน้าต่อไปในการเส้นทางยอดยุทธ์

หลังจากมู่เฉินรำพึงอยู่ในใจ เขาก็เก็บดอกบัวสีเขียวไว้อย่างระมัดระวัง เมื่อเขาหันหลังจากไปก็โบกมือคลื่นหลิงพุ่งออกมาทำลายบ่อน้ำจนไม่เหลือซาก

เขาไม่ต้องการให้คนอื่นมาที่นี่และพบเบาะแสของดอกบัวมรกตเก้าโคจร ยิ่งเมื่อรวมกับความวินาศสันตะโรของสถานที่แห่งนี้ บางคนอาจจะคาดเดาอะไรได้ หากเป็นเช่นนั้นก็จะสร้างปัญหาให้กับตัวเขา

มู่เฉินวางใจลงเมื่อทำลายบ่อน้ำทิ้ง ร่างเขาขยับเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปจากที่นี่

ไม่นานหลังจากที่มู่เฉินจากไป เสียงลมแหวกอากาศดังขึ้น หลายกลุ่มปรากฏตัวในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะเข้าใกล้ดินแดนล่มสลายนี้อย่างระมัดระวัง

แต่ละกลุ่มสำรวจพื้นที่ด้วยความอยากรู้ สุดท้ายก็มองไปที่ซากบ่อน้ำที่ถูกทำลาย แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกทำลายไปแล้ว แต่พลังชีวิตในดินแดนนี้ซึ่งถูกปกคลุมด้วยรัศมีความตายก็ยังคงสะดุดตา

แม้ว่าจะพบสถานที่แห่งนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากการทำลายล้างจนเฮี้ยนเตียน ดังนั้นจึงได้แต่ส่ายหัวด้วยความเสียใจ

พวกเขาเดาได้ว่ามีสมบัติอยู่ที่นี่ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคืออะไร ดังนั้นแต่ละกลุ่มจึงจากไปหลังจากตรวจสอบเพิ่มอีกไม่นาน

ตอนนี้มู่เฉินออกไปไกลจากที่เกิดเหตุแล้ว พริบตาเขาก็มาปรากฏตัวบนเนินเขาที่พรรคพวกกำลังรออยู่

เมื่อจิ่วโยวและคนอื่นๆ เห็นว่ามู่เฉินกลับมาโดยไม่เป็นอันตราย ใบหน้าก็ฉายความยินดีและรู้สึกโล่งใจมาก หากพวกเขาไม่มีมู่เฉินไปต่อด้วย การเดินทางของพวกเขาคงจะสิ้นหวังแน่

“สำเร็จใช่ไหม?” จิ่วโยวยิ้มเมื่อเห็นความสุขกำจายในดวงตาของมู่เฉิน ดูท่าครั้งนี้เขาเก็บเกี่ยวได้ดีทีเดียว

มู่เฉินยิ้มตาหยีพลางพยักหน้า การได้ดอกบัวมรกตเก้าโคจรมาครอบครอง ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง

เมื่อจิ่วโยวเห็นปฏิกิริยานี้ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก นางรู้ว่าสิ่งที่ทำให้มู่เฉินยอมเสี่ยงชีวิตและใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้าไม่ใช่วัตถุธรรมดาแน่ แต่นี่เป็นสิ่งที่มู่เฉินหามาได้ด้วยตัวเอง โดยที่พวกนางไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ ดังนั้นวัตถุนี้จึงเป็นของมู่เฉินผู้เดียวเท่านั้น

ไม่เพียงแต่จิ่วโยวที่ใกล้ชิดกับมู่เฉินที่มีความคิดนี้ แม้แต่หานซัน มั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ถามอะไรมากความ เพราะพวกเขาเข้าใจดีในเรื่องนี้

“เราหาสถานที่พักผ่อนเตรียมความพร้อมกันก่อนเถอะ แล้วค่อยมุ่งหน้าไปยังส่วนในของสุสานสักการะเทพกัน” มู่เฉินมองทุกคน ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมรบ นอกจากนี้ในเมื่อได้รับดอกบัวมรกตมาแล้ว เขาก็ต้องใช้มันเพื่อช่วยบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างแท้จริง

ตราบใดที่ขุมพลังหลิงของเขาไปถึงระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด บวกกับความจริงที่พลังกายของเขาเปรียบได้กับจอมยุทธ์ระดับนี้ มู่เฉินก็มั่นใจเต็มร้อยว่าไม่มีจอมยุทธ์หน้าไหนที่อยู่ใต้ระดับจื้อจุนขั้นแปดต่อกรกับเขาได้

แม้แต่ไป๋หมิงที่มีอาวุธเสมือนมหสวรรค์ในมือเขาก็ไม่กลัว

กลุ่มที่สามารถเข้าสู่ส่วนในได้ล้วนเป็นพวกหัวกะทิ ผู้นำเหล่านั้นทรงพลัง พวกเขาแข็งแกร่งกว่าจิงชิงเทียนอย่างแน่นอน ดังนั้นมู่เฉินจะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง

คนอื่นก็รับรู้ถึงเจตนาของมู่เฉินจึงพยักหน้าให้กัน

ทั้งกลุ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ด้วยเนตรดับชีวิตของมู่เฉิน พวกเขาก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝูงอสูรวิญญาณและรัศมีความตายเชี่ยวกราก สถานที่เหล่านี้ไม่ได้กระจอกกว่าหุบเขาที่เคยเจอก่อนหน้า จากประสบการณ์ของมู่เฉินจะต้องมีสมบัติในดินแดนอันตรายเหล่านั้นแน่

แต่เขาไม่มีความคิดเกี่ยวกับดินแดนสมบัติเหล่านี้อีกต่อไป เมื่อปราศจากหัวใจพาฬกินสายฟ้า หากเขายังเข้าสู่ดินแดนอันตรายอีกก็เป็นการรนหาความตายแล้วจริงๆ

ดังนั้นเฉินมู่จึงตัดสินใจเด็ดขาดระงับความปรารถนาในใจ ก่อนที่จะค้นหาสถานที่ที่มีรัศมีความตายเบาบาง จากนั้นก็ระเบิดถ้ำบนยอดเขาโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง

พรรคพวกที่เหลือกระจายตัวรอบยอดเขาเพื่อปกป้องเขา

ในถ้ำมู่เฉินนั่งลงพร้อมกับดอกบัวมรกตเก้าโคจรลอยคว้างตรงหน้า แสงส่องประกายระยิบระยับพร้อมกับพลังชีวิตไร้ขอบเขตอัดแน่นไปทั้งถ้ำ ทำให้ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ขนาดพืชที่เหี่ยวแห้งยังแตกยอดออกมาอีกครั้ง

สายตาของมู่เฉินจับจ้องอยู่กับเม็ดสีขาวที่เกสรดอกบัว นี่คือแก่นของดอกบัวมรกตเก้าโคจร เขาต้องดูดซับมันถึงจะสามารถยืมพลังพิเศษของมันตัดตรวนระดับจื้อจุนและเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนในอนาคตได้…

ทว่าพลังชีวิตน่ากลัวที่บรรจุอยู่ภายในเม็ดสีขาวไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทนได้ในขณะนี้ แต่โชคดีที่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องชำระล้างอะไร เขาแค่ต้องการดูดซับมันเข้าไปในร่างกาย เพื่อใช้พลังงานตอนบุกทะลวงขั้นในอนาคต

ฮา!

มู่เฉินสูดหายใจลึกแล้วงอนิ้วทั้งสอง เม็ดสีขาวที่อยู่ในเกสรดอกบัวลอยขึ้นช้าๆ ก่อนที่เขาจะโยนคลื่นหลิงไปยังดอกบัวสีเขียว

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

เมื่อแสงหลิงเบ่งบานออกมาดอกบัวมรกตที่มีขนาดเท่าฝ่ามือก็เริ่มขยายอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีขนาดประมาณครึ่งจั้งคล้ายกับแท่นดอกบัว

ร่างมู่เฉินพลิ้วลงมาช้าๆ บนแท่นดอกบัว แท่นนี้ไม่สามารถใช้ในการชำระ แต่มีองค์ประกอบทำให้จิตใจสงบและคลื่นหลิงคงที่ ตัวดอกบัวเป็นสมบัติที่สนับสนุนการเพาะบ่มพลัง ดังนั้นในเมื่อมีประโยชน์มู่เฉินก็ไม่คิดละทิ้งไป

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมมู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขามองไปที่เม็ดบัวสีขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เปิดปากทันที แรงดูดระเบิดออกมาดึงเม็ดบัวเข้าสู่ร่างกาย

ทันทีที่เขากลืนเม็ดบัว พลังชีวิตที่น่ากลัวก็ระเบิดออกจากร่างของมู่เฉิน เส้นผมของเขางอกยาวอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจเส้นผมก็คลุมทั้งถ้ำราวกับวัชพืช

พลังชีวิตที่ระเบิดออกมาอย่างฉับพลันจากร่างกายทำให้มู่เฉินตกตะลึงภายในใจ นี่เป็นเพียงแค่พลังงานที่รั่วไหลออกมาจากเม็ด ถ้าทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมา เขาคงตายคาที่ได้

แต่โชคดีที่เขาต้องการเพียงพลังงานที่รั่วไหลออกมาจากเม็ดเท่านั้น เมื่อชำระพลังส่วนนั้นก็น่าจะช่วยให้เขาบรรลุ ผลักดันการพัฒนาขุมพลังหลิงไปสู่ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดได้

และด้วยพลังในปัจจุบัน เขาน่าจะสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดังนั้นเวลาจึงผ่านไปเงียบๆ ในการฝึกฝนของเขา พลังชีวิตในถ้ำก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ขณะที่มู่เฉินกำลังเพาะบ่มขุมพลัง จิ่วโยวและคนอื่นๆ ก็กระจายตัวนั่งรอบยอดเขาเพื่อปกป้องสถานที่ สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ถ้ำที่มู่เฉินอยู่ด้วยความตกตะลึงเป็นครั้งคราว เนื่องจากพวกเขาสามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตที่แรงกล้า ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกดีใจที่มู่เฉินหาสถานที่ที่มีรัศมีความตายเบาบางและมีอสูรวิญญาณเพียงไม่กี่ตัว มิฉะนั้นแค่พลังชีวิตอย่างเดียวก็ดึงดูดอสูรวิญญาณเข้ามานับไม่ถ้วนแล้ว

จิ่วโยวมองไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนสายตา นางไม่กังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของมู่เฉิน เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาเกินขอบเขตของระดับจื้อจุนขั้นหกไปนานแล้ว บวกกับการสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ที่มีทั้งหมดก็เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเขาที่จะพัฒนาความก้าวหน้าได้

และเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนา เขาก็จะมีพลังในการเผชิญหน้ากับไป๋หมิงอย่างแท้จริง

ในเวลานั้นมู่เฉินจะไม่กลัวแม้ว่าจะเผชิญกับจอมยุทธุ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดก็ตาม

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ในใจ จิ่วโยวก็รู้สึกพอใจ โดยไม่รู้ตัวเด็กหนุ่มที่ต้องการการปกป้องจากนางก็แซงนางไปแล้ว

หลังจากเรื่องดินแดนเสินโซ่จบลง เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าคงไม่กล้าที่จะดูถูกเขาอีกต่อไป

นอกจากนี้นางยังรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ในอนาคตมู่เฉินจะต้องแข็งแกร่งขึ้น บางทีคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นยอดยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต แต่ตัวนางไม่เคยสงสัยเลยแม้แต่น้อย

นางรำพึงในใจก่อนที่จะหลับตาลงเพื่อฝึกฝน หนึ่งวันผ่านไป ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้นมองพลังงานหลิงไร้ขอบเขตที่ระเบิดออกมาจากถ้ำ ร่างเงาสูงโปร่งค่อยๆ ก้าวย่างออกจากคลื่นพลังนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด