หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 828 เลือดเทพอสูรชำระกายา

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 828 เลือดเทพอสูรชำระกายา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 828 เลือดเทพอสูรชำระกายา

บนรูปปั้นสิงห์ในลานฝึก

มู่เฉินมองม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวที่เปี่ยมด้วยไฟการต่อสู้ภายใต้แสงตะวันที่ส่องลงมาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

ไม่คิดว่าประมุขร่างน้อยจะบ้าบิ่นได้ลึกถึงกระดูกแบบนี้ สำนักอื่นๆ อาจหวาดกลัวสงครามล่า แต่สำหรับนางกลับตั้งตารอ

ทว่าขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก็ไม่ใช่ลูกแกะที่สามารถฆ่าได้ง่ายๆ พวกเขาต่างเป็นจอมยุทธ์ทรงพลังที่สามารถสั่นสะเทือนภูมิภาคทางเหนือทั้งหมดได้ด้วยการกระทืบเท้าครั้งเดียว

มู่เฉินเม้มปาก แม้สงครามล่าจะยังไม่มาถึง แต่เขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ แล้ว ไม่รู้ว่าขั้วอำนาจสูงสุดใดจะถูกกลืนกินในสงครามครั้งนี้…

แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ผลลัพธ์ก็ย่อมสั่นสะเทือนภูมิภาคทางเหนืออย่างแน่นอน ทรัพยากรและดินแดนของหนึ่งขั้วอำนาจสูงสุดเพียงพอที่จะทำให้คนอื่นตาลุกวาว

ไฟในดวงตามั่นถัวหลัวค่อยๆ ถอยกลับไป นางมองมู่เฉินด้วยม่านตาสีทองคำก็ยิ้มหวานออกมาโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า “เจ้ารู้เกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลหรือไม่?”

พอได้ยินชื่อคุ้นเคย ร่างกายของมู่เฉินก็สะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมั่นถัวหลัวด้วยความดีใจ แม้แต่หัวใจของเขาก็เต้นรัวแรง

เป้าหมายในตอนแรกที่เขามายังทวีปเทียนหลัวพร้อมกับจิ่วโยวก็เพราะวังสวรรค์บรรพกาลไม่ใช่หรือ?!

นั่นเป็นเพราะมีหน้ารายการนิรันดร์อีกหน้าในวังสวรรค์บรรพกาลที่จะสามารถวิวัฒนาการร่างเทพสุริยะของเขาได้อีกขั้นหนึ่ง!

“ดูเหมือนวังสวรรค์บรรพกาลจะเป็นเหตุผลที่เจ้ามายังทวีปเทียนหลัวสินะ” มั่นถัวหลัวยิ้มบางพลางเหลือบมองมู่เฉิน “อย่าเพิ่งเอะอะไป ในเมื่อเจ้ามีร่างเทพสุริยะ เจ้าก็ต้องรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับมันอยู่แล้ว ในวังสวรรค์บรรพกาลมีบางสิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆ”

ทันใดนั้นสายตาของมู่เฉินก็ร้อนแรง แม้แต่ลมหายใจก็ยังหอบถี่ ในปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับข้อมูลยืนยัน แม้เขาจะไม่รู้ว่าวังสวรรค์บรรพกาลคืออะไร แต่อย่างน้อยก็หมายความว่ามีสิ่งที่เขาต้องการอยู่ในทวีปเทียนหลัวแน่นอน

“เจ้ารู้ไหมวังสวรรค์บรรพกาลตั้งอยู่ที่ไหน?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อมองมั่นถัวหลัว

มั่นถัวหลัวจือริมฝีปากสีแดงชาดเอ่ยตอบ “วังสวรรค์บรรพกาลซ่อนอยู่ในทวีปเทียนหลัวก็จริง แต่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ข้าเดาว่ามันน่าจะเป็นมิติแยก เพียงแต่ถูกใครบางคนผนึกไว้”

“แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอย่างเจ้ายังหาตำแหน่งไม่ได้เลยหรือ?” มู่เฉินถามพร้อมขมวดคิ้ว

มั่นถัวหลัวกลอกตาใส่มู่เฉิน “แม้กระทั่งอยู่ในยุคโบราณ วังสวรรค์บรรพกาลก็เป็นขั้วอำนาจที่มีชื่อเสียง ประมุขวังก็เป็นจอมยุทธ์สุดยอด ผนึกที่จอมยุทธ์ระดับนั้นสร้างขึ้นก่อนตายจะเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสามารถเจาะเข้าไปได้ยังไง?”

มู่เฉินยิ้มเจื่อนพลางถอนหายใจ เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ

“แต่แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งของวังสวรรค์บรรพกาลได้ แต่ในสมรภูมิหยุ่นลั้วเคยมีจอมยุทธ์จากวังสวรรค์บรรพกาลสิ้นชีพ ข้าว่าเราน่าจะสามารถสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลได้ที่นั่น”

มู่เฉินพยักหน้าแม้ว่าข้อมูลจะคลุมเครือเกินไป แต่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลบ้าง อย่างน้อยก็ดีกว่าเดินเงอะงะไปรอบๆ แบบตาบอด เนื่องจากจุดประสงค์หลักที่เขามาทวีปเทียนหลัวก็คือหน้ารายการนิรันดร์

เพราะมู่เฉินรู้ชัดว่าหากต้องการมุ่งสู่เส้นทางการเป็นยอดยุทธ์ รายการนิรันดร์จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเขาได้มหาศาล

วันที่เขาสามารถพัฒนาร่างเทพสุริยะเข้าสู่ร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ ก็จะเป็นวันที่เขามีคุณสมบัติสั่นสะเทือนมหาพันภพด้วยชื่อเสียงแห่งตน

ในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นตระกูลลั่วเสินหรือพวกลึกลับที่ขังมารดาเขาไว้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรแล้ว!

“ดูเหมือนข้าจะต้องไปยังสมรภูมิหยุ่นลั้วซะแล้ว”

มู่เฉินพึมพำ ไม่ว่าสุดท้ายเขาจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลหรือไม่ เขาก็ต้องไปลองสักหน่อย เพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนาน

ในเวลาอีกสองเดือนที่เหลือ ขณะที่มู่เฉินฝึกหน่วยรบวิหคโลกันตร์ เขาก็เร่งฝึกฝนวรยุทธด้วย ขนาดของสงครามล่ามีผลต่อขั้วอำนาจน้อยใหญ่ในภูมิภาคทางเหนือ จินตนาการได้ว่าน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

แม้เขาจะมีสถานะสูงขึ้นในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ตอนนี้ แต่เขาก็รู้ว่าพลังของตนเองยังห่างไกลจากคำว่าเพียงพอในสงครามล่า

เมื่อสงครามเริ่มขึ้น แม้แต่มั่นถัวหลัวก็อาจไม่สามารถดูแลทุกคนได้ทั่วถึง ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามเพิ่มพลังให้ตัวเองก่อนสงครามล่าให้ได้มากที่สุด

แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่และควบคุมสมดุลคลื่นหลิงในร่างได้ จึงไม่เหมาะที่เขาจะเริ่มโจมตีขุมพลังอีกครั้ง ดังนั้นหากเขาต้องการจะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งก็ต้องใช้วิธีอื่นแทน

อย่างการฝึกคัมภีร์หลงเฟิ่ง

ลึกลงไปในหอวิหคโลกันตร์

บนบ่อหินว่างเปล่า มู่เฉินนั่งอยู่เงียบๆ พร้อมกับพลิกนิ้วขวดหยกทั้งสิบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ขวดหยกเหล่านั้นวูบไหวด้วยอักขระแสงบนพื้นผิว นี่เป็นตราประทับแบบง่ายที่ผนึกแก่นเลือดเทพอสูรเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นหลิงรุนแรงเล็ดลอดออกมา

มู่เฉินจ้องมองขวดหยกทั้งสิบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงหลายส่วน แม้เขาจะได้รับกายามังกรหงส์ในตำนานมาจากเขตหลงเฟิ่ง แต่เขารู้ชัดว่านี่เป็นแค่ระดับพื้นฐาน ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น หากเขาต้องการไปถึงจุดที่สามารถครอบครองพลังแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า เขาก็ต้องผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบาก

และตอนนี้ก็ถึงเวลาก้าวแรก

มู่เฉินถอดเสื้อผ้าออกเผยร่างกายไม่กำยำนัก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา บนหน้าอกและแผ่นหลังมีลายสักของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าอยู่

มู่เฉินก้มหน้ามองลายสักเทพอสูรทั้งสองก่อนจะแตะเบาๆ พวกมันไม่ใช่ลายสักธรรมดา แต่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่ามีชีวิต

ตามที่คัมภีร์หลงเฟิ่งบันทึกไว้ การฝึกกายามังกรหงส์มีสามขั้น ขั้นแรกปลุกวิญญาณ ขั้นสองสร้างกายาและขั้นสามมังกรหงส์ปรากฏ

ลวดลายทั้งสองของมู่เฉินควรเรียกว่าวิญญาณมังกรและหงส์ฟ้ามากกว่า เนื่องจากลวดลายเหล่านี้มีเศษเสี้ยววิญญาณที่มังกรและหงส์ฟ้าฝังเอาไว้

กระบวนการนี้จะต้องใช้แก่นเลือดเทพอสูรจำนวนมากในการกระตุ้นเพื่อปลุกวิญญาณ ทำให้พวกมันสามารถมอบพลังที่แข็งแกร่งกว่าให้กับมู่เฉินได้

เมื่อวิญญาณแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ ก็จะเข้าสู่ขั้น ‘สร้างกายา’ มาถึงขั้นนี้ ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าก็จะสามารถหลุดพ้นจากขอบเขตร่างกายเขาได้ ปลุกพลังแท้จริงที่เป็นของมังกรและหงส์ฟ้าออกมาได้

ส่วนขั้นสามที่บอกว่า ‘มังกรหงส์ปรากฏ’… แค่ชื่อก็บอกชัดเจนแล้วว่าหมายถึงอะไร

สิ่งที่มู่เฉินต้องทำในตอนนี้ก็คือขั้นแรก-ปลุกวิญญาณ

ฟู่

มู่เฉินพ่นลมหายใจออกเบาๆ ขณะละสายตาที่จ้องมองลวดลาย เขาไม่ลังเลพลิกนิ้วดีดลำแสงออกไปทำลายขวดหยกขวดหนึ่ง

ชี่! ชี่!

เลือดสีแดงเข้มหลายหยดร่วงหล่นลงมา เมื่อความเร็วที่ตกลงมาเร็วขึ้นก็มีเสียงคลื่นซัดสาด

เลือดหยดลงสู่บ่อหินแผ่กระจายออกไปเร็วรี่ด้วยความเร็วน่าทึ่ง ทว่าไม่กี่อึดใจหยดเลือดไม่กี่หยดก็กลายเป็นบ่อเลือดเดือดพล่าน

คลื่นหลิงรุนแรงและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกจากบ่อเลือดขณะที่พวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า แก่นเลือดเหล่านั้นมีพลังรุนแรงอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำยังพยายามกัดกร่อนบ่อหินด้วย แต่โชคดีที่มู่เฉินเตรียมการไว้แล้ว บ่อหินถูกสร้างมาจากวัสดุพิเศษที่สามารถป้องกันการกัดกร่อนได้

“สมแล้วที่เป็นเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ…”

มู่เฉินมองบ่อเลือดเดือดก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นี่เป็นเพียงหยดเลือดไม่กี่หยดแต่กลับสร้างบ่อเลือดบ่อหนึ่งได้ อสรพิษเก้าหัวโบราณสมกับอยู่ลำดับต้นบนบันทึกหมื่นอสูรจริงๆ

เนื่องจากแก่นเลือดเทพอสูรเหล่านี้ยังไม่ได้ชำระมาก่อน จึงเต็มไปด้วยความก้าวร้าว แต่นี่เป็นสิ่งที่มู่เฉินต้องการ มีเพียงเลือดเทพอสูรดั้งเดิมที่สุดจึงจะสามารถปลุกวิญญาณของมังกรและหงส์ฟ้าได้

เว้นแต่ว่ากระบวนการนี้จะเจ็บปวดมาก

มู่เฉินมองบ่อเลือดเดือดพล่านก็ค่อยๆ กำหมัด จากนั้นเขาก็ทิ้งความลังเล ถอดเสื้อผ้าก้าวลงไปในบ่อ

ซ่า

เลือดสดกระเซ็น มู่เฉินนั่งในบ่อเลือดพลางสร้างตราประทับด้วยสองมือ ทั้งบ่อเริ่มเดือดปุด ก่อตัวเป็นหลุมน้ำวนสีแดงเลือดที่มีมู่เฉินอยู่ใจกลาง

ชี่! ชี่!

เสียงขู่ฟ่อนับไม่ถ้วนดังจากในบ่อ เมื่อเลือดโถมตัวขึ้น ก็ก่อตัวเป็นอสรพิษเลือดขนาดเล็กกัดฉกบนร่างของมู่เฉินอย่างบ้าคลั่ง

ร่างของมู่เฉินสั่นเทิ้มรุนแรง ความเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาทำให้ใบหน้าของเขาซีดลง

ทว่าความเจ็บปวดก็ไม่สามารถกลืนกินสติของมู่เฉิน เขากลับสูดหายใจลึกก่อนจะเปลี่ยนตราประทับวูบไหว เริ่มท่องบทสวดคัมภีร์หลงเฟิ่ง

เมื่อเปิดใช้งานคัมภีร์หลงเฟิ่ง ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าบนแผ่นอกและแผ่นหลังของมู่เฉินก็เริ่มเปล่งแสงหลิงออกมา พร้อมกับเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้า จากนั้นอสรพิษเลือดเหล่านั้นก็แตกออกจากกัน เส้นใยเลือดเลื้อยไปบนผิวของมู่เฉินไม่รู้จบ สุดท้ายถูกลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าเขมือบเข้าไป

แม้แก่นเลือดของอสรพิษเก้าหัวโบราณจะมีความครอบงำ แต่ก็ยังด้อยกว่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง

ทว่ามู่เฉินรู้ว่ากระบวนการใช้แก่นเลือดเทพอสูรชำระกายาเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด