หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1139 พบหน้าจาโหลหลัวครั้งแรก

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1139 พบหน้าจาโหลหลัวครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1139 พบหน้าจาโหลหลัวครั้งแรก

ออกจากเกาะมังกร

พวกมู่เฉินทั้งสี่ใช้ตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรทองคำสามคนในการข่มขู่ผู้อื่น แม้ว่าผู้คนจะรู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะได้รับสมบัติมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าจะโจมตีหรือติดตามไป ขนาดเซี่ยหยู่ยังได้แต่จ้องมองพวกมู่เฉินจากไปโดยไม่กล้าเคลื่อนไหว

หลังจากออกจากเกาะมังกรพวกมู่เฉินก็ไม่ได้สำรวจเกาะอื่นๆ แม้ว่าอาจจะมีสมบัติอื่นอีก แต่เเป้าหมายหลักของพวกเขาในตอนนี้คือทะเลสาบสวรรค์ในตำนาน

เพราะการรับพิธีชำระล้างของทะเลสาบสวรรค์เป็นโอกาสที่หายากมากสำหรับจอมยุทธ์แบบพวกเขาที่ยังไม่บรรลุระดับตี้จื้อจุน แม้แต่คนที่มีสถานะแบบเซียวเซียวและหลินจิ้งยังสนอกสนใจ ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินเลย

หลังจากยืนยันเป้าหมายของกลุ่ม ทั้งสี่คนก็เร่งรุดเดินทางโดยใช้เวลาครึ่งวันผ่านเกาะต่างๆ ด้วยความเร็วเต็มที่

พวกเขาปรากฏตัวบนเกาะโดดเดี่ยวและกวาดสายตาไปรอบๆ

ก่อนจะสังเกตเห็นว่ารัศมีหนึ่งร้อยลี้เริ่มว่างเปล่า ไม่มีเกาะหินลอยอีกให้เห็น พวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดของหมู่เกาะหินลอยแล้ว

“ที่นี่อยู่ใกล้กับส่วนลึกของวังสวรรค์บรรพกาลแล้ว”

มู่เฉินมองออกไป ความหนาแน่นของคลื่นหลิงที่นี่ไม่น่าเชื่อ หมอกหลิงลอยไปมากระทั่งเมฆสีรุ้งก็สามารถมองเห็นได้บนท้องฟ้า ซึ่งนี่เกิดจากการก่อตัวขึ้นหลังจากคลื่นหลิงควบแน่นจนน่าตกใจ

เมื่อสายตาพุ่งตรงไปก็สามารถมองเห็นเจดีย์กระดำกระด่างบนยอดเขา บริเวณไกลออกไปอีกก็เห็นเค้าโครงของวังโบราณเลือนราง

ชั้นฟ้าและชั้นดินโอบล้อมด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและเก่าแก่

“หลังจากพ้นแนวเกาะนี้ก็น่าจะใกล้ถึงทะเลสาบสวรรค์แล้ว” มู่เฉินหยิบแผนที่ออกมาดูก่อนที่จะพูดหญิงสาวทั้งสาม

เซียวเซียวพยักหน้าจากนั้นก็มองไปที่ฟ้าดินเงียบงัน แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะดูสงบไม่มีอันตราย แต่นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“เจ้ารู้สึกได้เหรอ?” เมื่อมู่เฉินเห็นท่าทางของนางก็ยิ้มออกมา

“เกิดอะไรขึ้น?” หลินจิ้งถามด้วยความสงสัย นางก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่ไม่สามารถหาต้นตอของอันตรายนั้นได้

จิ่วโยวกวาดสายตาไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบต้นตอปัญหาเช่นกัน

“เห็นเสาเหล่านั้นไหม?” มู่เฉินชี้ไปที่เสาแสงขนาดเท่ากำปั้นที่ดูเหมือนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าราวกับลำแสงธรรมดา

เมื่อได้ยินคำเตือนของมู่เฉิน หญิงสาวทั้งสามก็รู้สึกถึงความผันผวนแปลกประหลาดที่มาจากเสาแสงเหล่านั้น

เซียวเซียวสะบัดนิ้วคลื่นหลิงกวาดออกไปปัดก้อนหินเล็งไปที่เสา แต่เมื่อหินสัมผัสกับเสาก็ถูกเฉือนออกเป็นสองท่อนรอยตัดราบเรียบราวกับกระจก เสานี้ช่างนั้นคล้ายกับใบมีดแหลมคม

“หืม?” หญิงสาวทั้งสามประหลาดใจไป

“มีค่ายกลตั้งอยู่ในกลุ่มเมฆเหล่านั้น คลื่นหลิงจะรวมตัวกันและยิงลงมาคล้ายกับตาข่ายห่อหุ้มฟ้าดิน เสาเหล่านั้นแหลมคมมากจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้ายังได้รับบาดเจ็บและเสียแขนขาได้” มู่เฉินชี้ไปที่เมฆล่องลอยขณะอธิบาย

เมื่อทั้งสามคนได้ยินคำ ใบหน้าของพวกนางก็เปลี่ยนไปเบาบาง หากพวกนางพุ่งเข้าไปโดยไม่มีการป้องกันใดๆ ก็ต้องจ่ายราคาสำหรับสิ่งนี้

“ทำไมวังสวรรค์บรรพกาลจึงเต็มไปด้วยกับดักอันตราย?” จิ่วโยวอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป

“นี่น่าจะเป็นวิธีการป้องกันของวังที่เปิดใช้ตอนจักรวรรดิปีศาจต่างมิติบุกทวีปเทียนหลัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ถูกปิดอีก” มู่เฉินถอนหายใจเบาๆ เนื่องจากเขาเห็นโครงกระดูกนับไม่ถ้วนที่สวมเกราะและอาวุธหักพังกองอยู่บนพื้นที่ไกลออกไป โครงกระดูกเหล่านั้นเปล่งรัศมีแวววาวจางๆ ซึ่งบ่งบอกว่าก่อนตายพวกเขาต่างเป็นจอมยุทธ์ทรงพลัง

ดูเหมือนในตอนนั้นจะเกิดสงครามดุเดือดที่วังสวรรค์บรรพกาล ถึงได้ทำให้สูญเสียจอมยุทธ์จำนวนมากขนาดนี้

“แต่ทำไมถึงไม่เห็นพวกศพปีศาจเลยล่ะ?” จู่ๆ มู่เฉินก็นึกบางอย่างออก รู้สึกว่าตั้งเข้ามาเขายังไม่เห็นศพปีศาจสักร่างอยู่ที่นี่

“นั่นเป็นเพราะรัศมีปีศาจที่พวกปีศาจฝึกฝนไม่เข้ากันกับมหาพันภพ ดังนั้นหลังจากตายซากศพของพวกมันก็ได้รับการขัดเกลาด้วยคลื่นหลิงในฟ้าดินเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูกไว้ให้เห็น” หลินจิ้งอธิบาย เรื่องพวกนี้จอมยุทธ์ทั่วไปไม่รู้ แต่นางไม่เหมือนพวกเขา ในฐานะธิดาเทพจักรพรรดิสงคราม นางรู้ข้อมูลเกี่ยวกับจักรวรรดิปีศาจไม่น้อย

เมื่อได้ยิน มู่เฉินก็เข้าใจขึ้นมา

“งั้นก็ลุยต่อเถอะ แม้ว่าเสาแสงเหล่านี้จะลำบากสักหน่อย แต่ถ้าระมัดระวังก็หลีกเลี่ยงได้ ” มู่เฉินพูดกับทั้งสามก่อนจะค่อยๆ ทะยานออกไป เมื่อเขาเข้าไปใกล้บริเวณเสาแสงก็ปาดซ้ายปาดขวาหลบหลีก ในเวลาเดียวกันเสาเหล่านั้นก็ไม่ได้ไล่ตามเขา เนื่องจากชัดเจนว่าจะต้องเกิดข้อบกพร่องจากกาลเวลาที่ผ่านไป

เมื่อทั้งสามเห็นว่ามู่เฉินเดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัย พวกนางก็รู้สึกโล่งใจติดตามเขาไปอย่างรวดเร็ว

บริเวณนี้ทำให้ความเร็วในการเดินทางลดลง แต่ด้วยคำเตือนของเขา ทั้งสี่ก็ผ่านบริเวณที่อันตรายในตอนแรกไปได้อย่างง่ายดาย

หลังจากผ่านบริเวณเมฆหลิงพวกมู่เฉินก็เร่งความเร็วเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะเริ่มชะลอตัวลง

นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้ยินเสียงแปลกดังมาจากระยะไกล

ซ่า-ซ่า!

นั่นคือเสียงน้ำใสกระจ่าง

แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงก็รู้สึกอย่างชัดเจนถึงแรงดึงดูดของคลื่นหลิงในร่างกายที่เริ่มปั่นป่วน สัมผัสช่างคล้ายกับคนที่กำลังจะขาดน้ำตายได้เจอกับบ่อน้ำใส…

ทั้งสี่รับรู้ถึงพลังงานในร่างกายกวนตัววุ่นวาย ก็รีบระงับลงไปอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาชั่วครู่ก่อนที่คลื่นหลิงจะค่อยๆ สงบลง แต่ความตกตะลึงยังคงฉายบนใบหน้าแต่ละคน

นี่เป็นเพียงเสียงน้ำก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายปั่นป่วนได้ขนาดนี้ ดังนั้นต้นกำเนิดของเสียงจะต้องเป็นเป้าหมายที่จะไปอย่างแน่นอน!

ทะเลสาบสวรรค์!

ดวงตาทั้งสี่สว่างวาบด้วยความตื่นเต้นฉายบนใบหน้าก่อนที่จะเร่งความเร็วในสิบกว่าลมหายใจก็ผ่านยอดเขาสูงนับไม่ถ้วนไป

เมื่อยอดสูงตระหง่านหายไป วิสัยทัศน์การมองเห็นกว้างขึ้นฉับพลัน ในเวลาเดียวกันแสงแวววาวก็เบ่งบานทำให้พวกเขารู้สึกแสบนัยน์ตา แม้ว่าจะมีการปกป้องเอาไว้ด้วยคลื่นหลิงแล้วก็ตาม ทำให้พวกเขาหรี่ตาลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้

แสงแวววาวอยู่ชั่วครู่ก่อนที่พวกเขาจะคุ้นชิน การมองเห็นก็เริ่มชัดเจนขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาก็ต้องสูดลมหายใจอัดอากาศเย็นเข้าปอดอย่างควบคุมไม่ได้

สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าครรลองสายตาคือมหาสมุทรสีฟ้าไร้ขอบเขตที่มีท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวเป็นพื้นหลัง มหาสมุทรเปล่งประกายระยิบระยับท่ามกลางความมืดมัวพร้อมกับเกลียวแสงวูบไหว บางครั้งเมื่อน้ำกลิ้งตัวไปมาจะเกิดสะเก็ดผลึกอัญมณีกวาดขึ้น ทุกชิ้นส่วนได้รับการขัดเกลาด้วยคลื่นหลิงก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นน้ำตกลงสู่มหาสมุทร…

เนื่องจากคลื่นหลิงที่หนาแน่นเหนือมหาสมุทร หมอกหลิงจึงดูคล้ายกับมังกรและหงส์ฟ้าพร้อมกับเทพอสูรมากมายฉวัดเฉวียนออกมา ดูลึกซึ้งประหนึ่งอาณาจักรเล็กๆ

มิหนำซ้ำมหาสมุทรแห่งนี้ยังลอยอยู่บนท้องฟ้า!

มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่ขอบมหาสมุทรทำให้เกิดการแปรปรวนเมื่อคลื่นในมหาสมุทรพัดออกไป พวกมู่เฉินสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าแม้ว่ามหาสมุทรจะอยู่เบื้องหน้าแต่ก็อยู่คนละมิติกับพวกเขา

เห็นได้ชัดว่ามหาสมุทรแห่งนี้ถูกปิดผนึกในมิติแยกที่สร้างจากผู้เชี่ยวชาญ

พวกมู่เฉินถูกขู่ขวัญจากท้องทะเลเบื้องหน้าจากนั้นพักใหญ่ก็ค่อยๆ ฟื้นตัว ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความสุข เพราะพวกเขารู้ว่ามหาสมุทรที่ดูเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่แท้จริงถูกผนึกไว้ในมิติแยกเป็นเป้าหมายที่พวกเขาอยากมาเยือน

ทะเลสาบสวรรค์!

“สมกับเป็นรากฐานสำคัญที่เสริมความแข็งแกร่งของวังสวรรค์บรรพกาลอย่างแท้จริง…” เซียวเซียวที่มีสถานะน่าทึ่งยังอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม ทะเลสาบสวรรค์แห่งนี้ยอดเยี่ยมแท้จริง ตอนที่ถูกสร้างขึ้นจักรพรรดิฟ้าแห่งวังสวรรค์บรรพกาลต้องลงทุกลงแรงทำอะไรไปมากกมาย ทรัพยากรยิ่งใหญ่เช่นนี้แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดบางแห่งในมหาพันภพปัจจุบันยังไม่สามารถนำออกมาได้

หลินจิ้งพยักหน้าเห็นด้วย รากฐานของขั้วอำนาจที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าทวีปเทียนหลัวน่าทึ่งอย่างแท้จริง

ขณะที่พูดกัน มู่เฉินก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติถอนสายตาจากทะเลสาบสวรรค์ เมื่อเขากำลังจะพูดความสนใจก็ถูกเบี่ยงเบนจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากหัวใจ เขาหันหน้ามองไปยังภูเขาที่ห่างไกล

บนภูเขามีร่างชายสูงโปร่งสวมชุดสีดำยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทางประหนึ่งเหวลึกที่หยั่งไม่ถึง ยอดเขาสูงหมื่นจั้งที่อยู่ใต้เท้าควรจะสูงตระหง่าน แต่เมื่อเขายืนอยู่ที่นั่นกลับเหมือนยับยั้งภูเขาลง ทำให้ความสนใจทั้งหมดมุ่งตรงไปที่เขาเท่านั้น

ชายคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!

มู่เฉินหดดวงตาขณะที่การตั้งระวังโดยไม่อาจอธิบายลุกโชนในส่วนลึกของหัวใจ ร่างกายเกร็งเครียดเข้าสู่สภาวะพร้อมรบ

แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับผู้ชายคนนั้น แต่มู่เฉินก็สามารถบอกตัวตนอีกฝ่ายได้ทันที

การที่จะทำให้ร่างกายของเขาเข้าสู่สภาวะพร้อมรบได้โดยการสะท้อนกลับ นอกจากจาโหลหลัวที่ครอบครองร่างเทพสุริยะแล้ว ยังจะมีใครอีก?!

ขณะที่มู่เฉินตกตะลึงไปเล็กน้อย ชายคนนั้นก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างดวงตาที่ราวกับเหวลึกพุ่งมาจากระยะไกล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด