หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอีกครั้ง

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โห้!

เมื่อเสียงนั้นดังก้องความปั่นป่วนก็กวนตัวทั่วสำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนมองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกตะลึง

‘มู่เฉิน?!’

เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะปรากฏตัวที่นี่หลังจากหายหน้าไปหลายปี

นอกจากนี้ที่น่าตกใจที่สดคือเขาสามารถแก้ไขการโจมตีของจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้อย่างง่ายดาย ต้องรู้ว่ากระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ง่าย

เห็นได้ชัดว่าพลังของมู่เฉินแกร่งกร้าวขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี

“พี่ใหญ่มู่เฉิน…”

เยี่ยสุนเอ๋อตกตะลึงไปเมื่อมองร่างเงานั้น ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความตื่นเต้น นางกวาดมองไปรอบๆ เท้าเอวหัวเราะร่วนขณะประกาศเบื้องหน้าสมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่ว “เห็นไหม?! นั่นคือผู้ก่อตั้งอีกคนของชุมนุมเทพธิดาลั่ว—พี่ใหญ่มู่เฉิน!”

“เขา…เขาทรงพลังมาก!”

ทุกคนร้องออกมา พวกเขารู้สึกได้ว่าเมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้น แรงกดดันที่น่ากลัวจากจอมปีศาจก็ถูกรับไว้โดยเขาคนเดียว ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป

นั่นหมายความว่าพลังของศิษย์พี่มู่เฉินอยู่ในระดับที่น่ากลัวยากหยั่งถึงแล้ว

“ทุกคนไม่ต้องกลัวอีกต่อไป! ในเมื่อพี่ใหญ่มู่เฉินอยู่ที่นี่ ไอ้ปีศาจนั่นจะไม่สามารถแตะต้องสำนักศึกษาของเราได้! พี่ใหญ่มู่เฉินจะต้องสอนบทเรียนให้มันอย่างสาสม!”

เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินความเชื่อมั่นของเยี่ยสุนเอ๋อที่มีต่อมู่เฉิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกาหัวและยิ้มอย่างขมขื่น ‘พี่สุนเอ๋อ เจ้าอย่าปฏิบัติต่อจอมปีศาจเฮยซือเทียนแบบอ่อนแอได้ไหม? ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือยอดนักรบของจักรวรรดิปีศาจ แม้แต่ในมหาพันภพ นอกเหนือจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ก็คงไม่มีใครไม่เห็นมันอยู่ในสายตามั้ง?’

แต่ไม่ว่าอย่างไรความกลัวที่ปกคลุมไปทั่วก็เบาบางลงเมื่อมู่เฉินปรากฏตัว

“มู่เฉิน?”

ลั่วหลีก็ตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อมองไปร่างเงาสูงโปร่งด้วยความไม่เชื่อ

ท้ายที่สุดแม้แต่นางก็ไม่ได้รับข่าวสารใดๆ จากมู่เฉินในช่วงที่เขาเข้าเก็บตัวฝึกฝนวรยุทธ

พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี รัศมีหลิงก็ถอยกลับ ร่างเงานั้นหันกลับมาเผยให้เห็นสีหน้าที่คุ้นเคย

“ข้ารีบสุดชีวิตตอนที่ได้รับข่าว โชคดีที่ไม่ได้มาสาย” มู่เฉินยิ้ม

เมื่อมองใบหน้าคุ้นเคยไหล่ที่ตึงเกร็งขึ้นของลั่วหลีก็คลายลงมา ร่างอดที่จะอ่อนยวบลงมาไม่ได้

เห็นได้ชัดว่านางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเมื่อเผชิญหน้ากับจอมปีศาจเฮยซือเทียน

มือข้างหนึ่งของมู่เฉินยื่นออกมาจับที่เอวบาง เขามองใบหน้าที่อ่อนล้าด้วยความปวดใจ “ข้าขอโทษที่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวตั้งหลายปี”

ลั่วหลีคลี่ยิ้มอ่อนโยนตอบว่า “เจ้าเลือกที่จะเข้าสู่สมาธิก็เพื่อทุกคนไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่านะ”

เหตุผลที่มู่เฉินเลือกปลีกตัวฝึกฝนก็เพื่อมหาพันภพ ในเวลาเดียวกันก็เพื่อปกป้องนางเช่นกัน

“เอาเถอะปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” มู่เฉินลูบไล้ใบหน้าลั่วหลีอย่างแสนรัก

ใบหน้าของลั่วหลีเห่อแดงจากท่าทางใกล้ชิดของเขา นางผลักเขาออกไปเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงหวาน

“อย่าเพิ่งมายุ่มย่ามกับข้านะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะจัดการปีศาจนั้นให้เสร็จก่อน”

มองไปที่ร่างเงาสะคราญโฉม มู่เฉินก็ไล้นิ้วเข้าด้วยกันขณะที่ระลึกถึงสัมผัสนิ่มนวล

“ถ้าพวกแกร่ำลากันเรียบร้อยก็มารับความตายซะ!”

เสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าดังก้องขณะที่มู่เฉินกำลังรำพึงรำพัน

เมื่อมู่เฉินหันกลับมาก็เห็นจอมปีศาจเฮยซือเทียนมองมาอย่างเย็นชาพร้อมกับจิตสังหารที่เอิบอาบทั่วร่างกาย

“จอมปีศาจเฮยซือเทียนเจอกันอีกแล้วนะ” มู่เฉินยิ้มบาง

ย้อนกลับไปตอนที่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนในพิภพเขตล่างก็ถูกจอมปีศาจเฮยซือเทียนไล่ล่า โชคดีที่เทพจักรพรรดิสงครามมาช่วยทันเวลา

“ตอนนั้นมีคนช่วยแก แต่ตอนนี้คงได้แต่ฝันเฟื่องแล้ว” เสียงน่าขนลุกของจอมปีศาจเฮยซือเทียนดังก้อง

“แกฆ่าลูกชายข้า ดังนั้นวันนี้ข้าจะฆ่าทุกคนรอบตัวแก!”

ภายในสำนักผู้คนอดไม่ได้ที่จะมีท่าทางเปลี่ยนไปจากไอสังหารของจอมปีศาจเฮยซือเทียน พวกเขาประหลาดใจที่ทั้งคู่มีความแค้นต่อกันในอดีต

เผชิญหน้ากับสายตาที่น่ากลัวของจอมปีศาจ มู่เฉินก็ยิ้มอ่อน “ข้าคิดว่าตอนนี้แกน่าจะคิดหาวิธีป้องกันชีวิตตัวเองไว้ซะก่อนดีกว่า”

“ฮ่าๆ ไอ้เวรปากดี!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนเยาะเย้ยขณะที่จ้องมองมู่เฉิน “แกคิดว่าพอตัวเองบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว จะมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้าเรอะ?!”

ตู้ม!

เมื่อพูดจบใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนเป็นน่าขนพองสยองเกล้า สองมือประสานกัน รัศมีความตายที่ไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นธงปีศาจสีดำเมื่อม

“ธงศพปีศาจ!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนคำรามกร้าว ขณะที่ธงโบกสะบัดก็ปล่อยซากศพออกมาร้อยล้านศพ เมื่อศพรวมกันก็กลายเป็นแม่น้ำมรณะ

ภายในแม่น้ำมีซากศพส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด

“แม่น้ำศพปีศาจ!”

แม่น้ำแผดเสียงคำรามราวกับมังกรขนาดใหญ่กวาดไปในทิศทางของมู่เฉิน ในเส้นทางที่พาดผ่านมิติก็พังทลายลงพร้อมกับคลื่นความตายพวยพุ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่กล้าที่จะแตะต้อง เนื่องจากสามารถกัดกร่อนคลื่นหลิงของพวกเขาจนสิ้นซากได้

ขณะที่แม่น้ำไหลบ่าปกคลุมลงมา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่มีสีหน้าใด เขาเหยียดนิ้วออกมาแล้วเคาะลงไปเบาๆ

“แม่น้ำแรกนิรันดร์!”

ครืน

แม่น้ำโบราณพวยพุ่งออกมาจากนิ้วของมู่เฉิน ราวกับว่ามีการไหลเวียนของเวลาไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกสิ่งที่ตกลงไปภายในนั้นจะถูกกัดกร่อนจนสูญสิ้นโดยกาลเวลา

ครืนๆๆ!

เมื่อแม่น้ำสองสายปะทะกัน บนท้องฟ้ามิติก็พังทลายลงทีละชั้น…ละชั้นจากการเผชิญหน้า

ขณะที่เกิดการชนกันใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าแม่น้ำปีศาจจะพยายามกัดกร่อนอย่างไรแม่น้ำโบราณก็ไม่ได้สูญสลายลง ในทางกลับกันแม่น้ำปีศาจกลับเป็นฝ่ายแหลกสลายลงไปเอง ศพที่อยู่ภายในร้องโหยหวนถูกกร่อนเซาะอย่างต่อเนื่อง

ตู้ม ตู้ม!

คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดออก แม่น้ำศพปีศาจก็พังทลายลงในช่วงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ

“บ้าเอ้ย!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งได้อีกต่อไป ขณะที่ผุดลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์มองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตามืดครึ้ม ดวงตาของเขาวูบไหวด้วยความประหลาดใจ

การเคลื่อนไหวของมู่เฉิน ทรงพลังเหนือล้ำเกินไป

นอกจากนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเขายังรู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่มาจากมู่เฉิน

นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้สึกได้จากจอมยุทธ์สองคนในมหาพันภพเท่านั้น

ซึ่งก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

‘หรือว่ามู่เฉินก้าวไปถึงระดับนั้นได้ในเวลาเพียงห้าปี?!’

“เป็นไปได้ยังไง?!”

หัวใจของจอมปีศาจเฮยซือเทียนสั่นสะท้านก่อนที่แสงโหดเหี้ยมจะวูบไหวในดวงตา ดูเหมือนว่าหากเขาต้องการสู้กับไอ้หนูนี่ก็ต้องใช้ทักษะขั้นสูงสุดของตัวเองแล้ว

“ข้าจะดูสิว่าแกจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน!”

“ร่างอสูรศพปีศาจสวรรค์!”

ฝ่ามือของจอมปีศาจเฮยซือเทียนประสานกัน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างเป็นอสูรปีศาจตัวมหึมาที่ด้านหลังเขา

ร่างอสูรปีศาจเต็มไปด้วยรัศมีความตาย มีใบหน้านับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวอยู่บนร่างมันพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน แค่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายจอมยุทธ์เปลี่ยนเป็นอาละวาดได้

เมื่อแรงกดดันปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปพื้นที่ทั้งหมดในทวีปเป่ยชางก็โยกคลอน

ในสำนักผู้คนถึงกับหน้าถอดสีเมื่อมองไปที่ร่างอสูรปีศาจ พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าพลังของร่างอสูรปีศาจนี้จะสามารถฉีกพื้นทวีปออกเป็นชิ้นๆ ได้

พลังที่น่ากลัวนี้ทำให้กระทั่งลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งยังรู้สึกหวาดหวั่น

จอมปีศาจเฮยซือเทียนมองไปที่มู่เฉิน ขณะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ค่อยๆ หลอมรวมร่างเข้ากับร่างอสูรปีศาจ

ฮึ่ม!

เมื่อดวงตาอสูรปีศาจเปิดขึ้น ลำแสงปีศาจก็แผ่วงรัศมีออกมาดูราวกับว่าสามารถฉีกโลกออกจากกันได้ มันแผ่เสียงกระหึ่มพร้อมกับจิตสังหารไร้ขอบเขต

“มู่เฉิน สังเวยชีวิตเซ่นไหว้ลูกชายข้าซะ!

“วันนี้แกต้องตาย!”

เผชิญหน้ากับเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของจอมปีศาจเฮยซือเทียน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างอสูรปีศาจพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนจะแฝงด้วยแววเหยียดหยาม

“นี่คือสุดยอดพลังของแกแล้วเรอะ?”

เขาพึมพำพลางก้าวย่างออกไป

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถึงวาระที่จะตายได้แล้ว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอีกครั้ง

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โห้!

เมื่อเสียงนั้นดังก้องความปั่นป่วนก็กวนตัวทั่วสำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนมองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกตะลึง

‘มู่เฉิน?!’

เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะปรากฏตัวที่นี่หลังจากหายหน้าไปหลายปี

นอกจากนี้ที่น่าตกใจที่สดคือเขาสามารถแก้ไขการโจมตีของจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้อย่างง่ายดาย ต้องรู้ว่ากระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ง่าย

เห็นได้ชัดว่าพลังของมู่เฉินแกร่งกร้าวขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี

“พี่ใหญ่มู่เฉิน…”

เยี่ยสุนเอ๋อตกตะลึงไปเมื่อมองร่างเงานั้น ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความตื่นเต้น นางกวาดมองไปรอบๆ เท้าเอวหัวเราะร่วนขณะประกาศเบื้องหน้าสมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่ว “เห็นไหม?! นั่นคือผู้ก่อตั้งอีกคนของชุมนุมเทพธิดาลั่ว—พี่ใหญ่มู่เฉิน!”

“เขา…เขาทรงพลังมาก!”

ทุกคนร้องออกมา พวกเขารู้สึกได้ว่าเมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้น แรงกดดันที่น่ากลัวจากจอมปีศาจก็ถูกรับไว้โดยเขาคนเดียว ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป

นั่นหมายความว่าพลังของศิษย์พี่มู่เฉินอยู่ในระดับที่น่ากลัวยากหยั่งถึงแล้ว

“ทุกคนไม่ต้องกลัวอีกต่อไป! ในเมื่อพี่ใหญ่มู่เฉินอยู่ที่นี่ ไอ้ปีศาจนั่นจะไม่สามารถแตะต้องสำนักศึกษาของเราได้! พี่ใหญ่มู่เฉินจะต้องสอนบทเรียนให้มันอย่างสาสม!”

เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินความเชื่อมั่นของเยี่ยสุนเอ๋อที่มีต่อมู่เฉิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกาหัวและยิ้มอย่างขมขื่น ‘พี่สุนเอ๋อ เจ้าอย่าปฏิบัติต่อจอมปีศาจเฮยซือเทียนแบบอ่อนแอได้ไหม? ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือยอดนักรบของจักรวรรดิปีศาจ แม้แต่ในมหาพันภพ นอกเหนือจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ก็คงไม่มีใครไม่เห็นมันอยู่ในสายตามั้ง?’

แต่ไม่ว่าอย่างไรความกลัวที่ปกคลุมไปทั่วก็เบาบางลงเมื่อมู่เฉินปรากฏตัว

“มู่เฉิน?”

ลั่วหลีก็ตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อมองไปร่างเงาสูงโปร่งด้วยความไม่เชื่อ

ท้ายที่สุดแม้แต่นางก็ไม่ได้รับข่าวสารใดๆ จากมู่เฉินในช่วงที่เขาเข้าเก็บตัวฝึกฝนวรยุทธ

พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี รัศมีหลิงก็ถอยกลับ ร่างเงานั้นหันกลับมาเผยให้เห็นสีหน้าที่คุ้นเคย

“ข้ารีบสุดชีวิตตอนที่ได้รับข่าว โชคดีที่ไม่ได้มาสาย” มู่เฉินยิ้ม

เมื่อมองใบหน้าคุ้นเคยไหล่ที่ตึงเกร็งขึ้นของลั่วหลีก็คลายลงมา ร่างอดที่จะอ่อนยวบลงมาไม่ได้

เห็นได้ชัดว่านางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเมื่อเผชิญหน้ากับจอมปีศาจเฮยซือเทียน

มือข้างหนึ่งของมู่เฉินยื่นออกมาจับที่เอวบาง เขามองใบหน้าที่อ่อนล้าด้วยความปวดใจ “ข้าขอโทษที่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวตั้งหลายปี”

ลั่วหลีคลี่ยิ้มอ่อนโยนตอบว่า “เจ้าเลือกที่จะเข้าสู่สมาธิก็เพื่อทุกคนไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่านะ”

เหตุผลที่มู่เฉินเลือกปลีกตัวฝึกฝนก็เพื่อมหาพันภพ ในเวลาเดียวกันก็เพื่อปกป้องนางเช่นกัน

“เอาเถอะปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” มู่เฉินลูบไล้ใบหน้าลั่วหลีอย่างแสนรัก

ใบหน้าของลั่วหลีเห่อแดงจากท่าทางใกล้ชิดของเขา นางผลักเขาออกไปเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงหวาน

“อย่าเพิ่งมายุ่มย่ามกับข้านะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะจัดการปีศาจนั้นให้เสร็จก่อน”

มองไปที่ร่างเงาสะคราญโฉม มู่เฉินก็ไล้นิ้วเข้าด้วยกันขณะที่ระลึกถึงสัมผัสนิ่มนวล

“ถ้าพวกแกร่ำลากันเรียบร้อยก็มารับความตายซะ!”

เสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าดังก้องขณะที่มู่เฉินกำลังรำพึงรำพัน

เมื่อมู่เฉินหันกลับมาก็เห็นจอมปีศาจเฮยซือเทียนมองมาอย่างเย็นชาพร้อมกับจิตสังหารที่เอิบอาบทั่วร่างกาย

“จอมปีศาจเฮยซือเทียนเจอกันอีกแล้วนะ” มู่เฉินยิ้มบาง

ย้อนกลับไปตอนที่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนในพิภพเขตล่างก็ถูกจอมปีศาจเฮยซือเทียนไล่ล่า โชคดีที่เทพจักรพรรดิสงครามมาช่วยทันเวลา

“ตอนนั้นมีคนช่วยแก แต่ตอนนี้คงได้แต่ฝันเฟื่องแล้ว” เสียงน่าขนลุกของจอมปีศาจเฮยซือเทียนดังก้อง

“แกฆ่าลูกชายข้า ดังนั้นวันนี้ข้าจะฆ่าทุกคนรอบตัวแก!”

ภายในสำนักผู้คนอดไม่ได้ที่จะมีท่าทางเปลี่ยนไปจากไอสังหารของจอมปีศาจเฮยซือเทียน พวกเขาประหลาดใจที่ทั้งคู่มีความแค้นต่อกันในอดีต

เผชิญหน้ากับสายตาที่น่ากลัวของจอมปีศาจ มู่เฉินก็ยิ้มอ่อน “ข้าคิดว่าตอนนี้แกน่าจะคิดหาวิธีป้องกันชีวิตตัวเองไว้ซะก่อนดีกว่า”

“ฮ่าๆ ไอ้เวรปากดี!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนเยาะเย้ยขณะที่จ้องมองมู่เฉิน “แกคิดว่าพอตัวเองบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว จะมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้าเรอะ?!”

ตู้ม!

เมื่อพูดจบใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนเป็นน่าขนพองสยองเกล้า สองมือประสานกัน รัศมีความตายที่ไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นธงปีศาจสีดำเมื่อม

“ธงศพปีศาจ!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนคำรามกร้าว ขณะที่ธงโบกสะบัดก็ปล่อยซากศพออกมาร้อยล้านศพ เมื่อศพรวมกันก็กลายเป็นแม่น้ำมรณะ

ภายในแม่น้ำมีซากศพส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด

“แม่น้ำศพปีศาจ!”

แม่น้ำแผดเสียงคำรามราวกับมังกรขนาดใหญ่กวาดไปในทิศทางของมู่เฉิน ในเส้นทางที่พาดผ่านมิติก็พังทลายลงพร้อมกับคลื่นความตายพวยพุ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่กล้าที่จะแตะต้อง เนื่องจากสามารถกัดกร่อนคลื่นหลิงของพวกเขาจนสิ้นซากได้

ขณะที่แม่น้ำไหลบ่าปกคลุมลงมา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่มีสีหน้าใด เขาเหยียดนิ้วออกมาแล้วเคาะลงไปเบาๆ

“แม่น้ำแรกนิรันดร์!”

ครืน

แม่น้ำโบราณพวยพุ่งออกมาจากนิ้วของมู่เฉิน ราวกับว่ามีการไหลเวียนของเวลาไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกสิ่งที่ตกลงไปภายในนั้นจะถูกกัดกร่อนจนสูญสิ้นโดยกาลเวลา

ครืนๆๆ!

เมื่อแม่น้ำสองสายปะทะกัน บนท้องฟ้ามิติก็พังทลายลงทีละชั้น…ละชั้นจากการเผชิญหน้า

ขณะที่เกิดการชนกันใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าแม่น้ำปีศาจจะพยายามกัดกร่อนอย่างไรแม่น้ำโบราณก็ไม่ได้สูญสลายลง ในทางกลับกันแม่น้ำปีศาจกลับเป็นฝ่ายแหลกสลายลงไปเอง ศพที่อยู่ภายในร้องโหยหวนถูกกร่อนเซาะอย่างต่อเนื่อง

ตู้ม ตู้ม!

คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดออก แม่น้ำศพปีศาจก็พังทลายลงในช่วงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ

“บ้าเอ้ย!”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งได้อีกต่อไป ขณะที่ผุดลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์มองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตามืดครึ้ม ดวงตาของเขาวูบไหวด้วยความประหลาดใจ

การเคลื่อนไหวของมู่เฉิน ทรงพลังเหนือล้ำเกินไป

นอกจากนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเขายังรู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่มาจากมู่เฉิน

นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้สึกได้จากจอมยุทธ์สองคนในมหาพันภพเท่านั้น

ซึ่งก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

‘หรือว่ามู่เฉินก้าวไปถึงระดับนั้นได้ในเวลาเพียงห้าปี?!’

“เป็นไปได้ยังไง?!”

หัวใจของจอมปีศาจเฮยซือเทียนสั่นสะท้านก่อนที่แสงโหดเหี้ยมจะวูบไหวในดวงตา ดูเหมือนว่าหากเขาต้องการสู้กับไอ้หนูนี่ก็ต้องใช้ทักษะขั้นสูงสุดของตัวเองแล้ว

“ข้าจะดูสิว่าแกจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน!”

“ร่างอสูรศพปีศาจสวรรค์!”

ฝ่ามือของจอมปีศาจเฮยซือเทียนประสานกัน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างเป็นอสูรปีศาจตัวมหึมาที่ด้านหลังเขา

ร่างอสูรปีศาจเต็มไปด้วยรัศมีความตาย มีใบหน้านับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวอยู่บนร่างมันพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน แค่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายจอมยุทธ์เปลี่ยนเป็นอาละวาดได้

เมื่อแรงกดดันปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปพื้นที่ทั้งหมดในทวีปเป่ยชางก็โยกคลอน

ในสำนักผู้คนถึงกับหน้าถอดสีเมื่อมองไปที่ร่างอสูรปีศาจ พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าพลังของร่างอสูรปีศาจนี้จะสามารถฉีกพื้นทวีปออกเป็นชิ้นๆ ได้

พลังที่น่ากลัวนี้ทำให้กระทั่งลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งยังรู้สึกหวาดหวั่น

จอมปีศาจเฮยซือเทียนมองไปที่มู่เฉิน ขณะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ค่อยๆ หลอมรวมร่างเข้ากับร่างอสูรปีศาจ

ฮึ่ม!

เมื่อดวงตาอสูรปีศาจเปิดขึ้น ลำแสงปีศาจก็แผ่วงรัศมีออกมาดูราวกับว่าสามารถฉีกโลกออกจากกันได้ มันแผ่เสียงกระหึ่มพร้อมกับจิตสังหารไร้ขอบเขต

“มู่เฉิน สังเวยชีวิตเซ่นไหว้ลูกชายข้าซะ!

“วันนี้แกต้องตาย!”

เผชิญหน้ากับเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของจอมปีศาจเฮยซือเทียน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างอสูรปีศาจพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนจะแฝงด้วยแววเหยียดหยาม

“นี่คือสุดยอดพลังของแกแล้วเรอะ?”

เขาพึมพำพลางก้าวย่างออกไป

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถึงวาระที่จะตายได้แล้ว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+