หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1505 ปะทะหมัวเฮอเทียน

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1505 ปะทะหมัวเฮอเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงหัวเราะของมู่เฉินดังก้องไปทั่วท้องฟ้า

ทำเอาทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด เห็นได้ชัดไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะกล้าท้าทายหมัวเฮอเทียน…

ต้องรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเป็นจอมยุทธ์ที่สามารถต่อกรกับเทพจักรพรรดิอัคคีได้!

แม้แต่ในมหาพันภพชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนก็ยิ่งใหญ่มาก

“มู่เฉินไร้ความกลัวอย่างแท้จริง หมัวเฮอเทียนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางของแท้ มีไม่กี่คนในมหาพันภพที่อยู่เหนือกว่าเขา”

“ใช่ แม้ว่ามู่เฉินจะครอบครองกายาเซิ่ง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมัวเฮอเทียน”

“สุดท้ายเขาก็เป็นชายหนุ่มจอมหยิ่งผยองที่อยากอวดต่อหน้าสาวงาม…”

“…”

เสียงสนทนาดังก้อง แต่ไม่มีใครมองในแง่ดีเกี่ยวกับมู่เฉินเลย เนื่องจากชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนยิ่งใหญ่เกินไป

“เฮ้ เจ้าหนุ่มคนรักของเจ้าหยิ่งยโสนัก” ไท่หมิงส่งสายตาอัศจรรย์ใจไปที่มู่เฉินก่อนจะยิ้มให้ลั่วหลี

เผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะ แต่มู่เฉินกลับกล้าท้าทาย คิดบวกก็เป็นเรื่องของความกล้าหาญ แต่ถ้าคิดลบชายหนุ่มคนนี้เป็นจอมยโสโอหัง

ได้เห็นอาการเยาะเย้ยของไท่หมิง ลั่วหลีก็ยิ้มเรียบไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร นางเข้าใจมู่เฉินดี แม้หมัวเฮอเทียนจะแข็งแกร่ง แต่มู่เฉินก็ไม่ใช่คนที่ประมาท ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องมีความมั่นใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน หมัวเฮอทียนก็หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ฮ่าๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าหมัวเฮอเทียนถูกมองต่ำ…”

ฐานะของเขาคืออะไร? แต่ตอนนี้เขากลับถูกท้าทายโดยไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปละก็ จะเป็นเรื่องตลกแค่ไหน

มู่เฉินยกยิ้ม “เจ้าไม่กล้าเหรอ?”

สถานการณ์นี้ซับซ้อนและหากเกิดสงครามขึ้นก็จะเป็นการทำลายล้างโลก ผลที่ตามมาก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ เขาไม่อยากลากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือเอง ตราบใดที่เขายับยั้งหมัวเฮอเทียนได้สถานการณ์นี้ก็จะคลี่คลายลง

หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตามืดมน เขารู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าเขาก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ หากสี่เผ่าโบราณต่อสู้กันเอง แม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ

ดังนั้นนี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากเขาสามารถจัดการกับมู่เฉินได้เอง

หมัวเฮอเทียนลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้ายืนอยู่ในระดับเดียวกับมู่เฉิน เขาเอามือไพล่ไปด้านหลังพูดอย่างไม่แยแสว่า “ในเมื่อเจ้าชอบความอัปยศอดสูนัด ก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่มอบความปรารถนาให้”

ตู้ม!

เมื่อน้ำเสียงสะท้อนก้อง เสียงฟ้าคำรนเชี่ยวกรากก็กวาดออกพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายได้ ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน

“งั้นวันนี้ข้าขอคำชี้นำจากเผ่าหมัวเฮอด้วย!”

ดวงตาของมู่เฉินลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้ เขาประสานมือเข้าด้วยกัน รัศมีกำจายออกมาจากร่างกายซึ่งดูราวกับว่าถูกหลอมมาจากทองคำพร้อมกับเอิบอาบด้วยรัศมีอมตะ

แกร็ก

ตรงบริเวณของมู่เฉิน เสียงแตกดังมาจากในห้วงมิติ ความกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายน่ากลัวยิ่งนัก

ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ที่เคยต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคี ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มที่มีกายาเซิ่ง การดวลกันครั้งนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นศึกสุดยอดแค่ไหน

สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่หมัวเฮอเทียน อึดใจต่อมาเขาก็พุ่งออกไปในพริบตา

ตู้ม!

เมื่อมู่เฉินเคลื่อนไหว มิติเบื้องหน้าก็ระเบิดด้วยความเร็วเหนือแสง ทำให้เกิดเป็นพื้นที่สุญญากาศ…

พริบตาเขาก็ปรากฏเบื้องหน้าหมัวเฮอเทียน ร่างที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีนิรันดร์ กำหมัดแน่นพลางเหวี่ยงออกไป

นี่เป็นหมัดธรรมดาที่ไม่มีทักษะใดอยู่เบื้องหลัง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของกายาเซิ่งก็มีพลังเพียงพอที่จะทำลายสวรรค์และโลก ภายใต้การชกนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดก็จะถูกสังหารได้

“กายาเซิ่งน่ากลัวจริงๆ”

พลังน่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้าทำให้ดวงตาของหมัวเฮอเทียนกะพริบ อุทานชื่นชมก่อนจะโบกมือ

ฟิ้ว!

ลำแสงสีดำและสีขาวก่อตัวเป็นมังกรสองตัวเกี่ยวพันกันส่งเสียงคำรามก้องขณะปะทะกับหมัดของมู่เฉิน

ตึง!

เมื่อพลังสองสายปะทะกัน พื้นดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น มิติพังทลายลงจากจุดปะทะก่อนที่คลื่นกระแทกขนาดหลายหมื่นจั้งจะขยายออกไปอย่างรวดเร็ว…

พลังกายที่ไม่อาจบรรยายได้ระเบิดออก ลำแสงสีดำและสีขาวก็รับไม่ไหวจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และสลายกลายเป็นจุดแสงขาวดำ

ชี่!

ทว่าลำแสงสีดำและสีขาวก็รวมตัวกันใหม่อย่างรวดเร็วและได้รับการขัดเกลามากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวและรุนแรงอีกครั้ง

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ช่วงลมหายใจสั้นๆ ลำแสงสีดำและสีขาวก็ปะทะกับหมัดทองคำของมู่เฉินหลายร้อยกระบวนท่า ทุกครั้งที่ปะทะกันจะแผ่ซ่านคลื่นกระแทกที่น่ากลัว ก่อนที่หมัดของมู่เฉินจะค่อยๆ จางลง จากนั้นลำแสงสีดำและสีขาวก็ทะลุแนวป้องกันซัดลงบนหน้าอกของเขา

ปัง!

มู่เฉินกระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ทำลายบ้านเรือนนับไม่ถ้วนในเมือง …

ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าจากซากบ้านเรือน มู่เฉินปัดฝุ่นบนร่างกาย หน้าอกของเขาปริแตกเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ท่าทางของเขาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

แสงสีทองไหลเวียนไปทั่วสรรพางค์กาย ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นหน้าอกของมู่เฉินฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือพลังของกายาเซิ่งรึ? น่ากลัวมาก แม้ว่าจะรับการโจมตีจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแต่ก็ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ” ผู้คนนับไม่ถ้วนเบ้ปาก การโจมตีของหมัวเฮอเทียนไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้น ทว่ามู่เฉินสามารถต้านทานไว้ได้ มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกายาเซิ่งนี้

หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจเกี่ยวกับพลังกายนี้

“สมกับเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง…”

มู่เฉินแตะหน้าอกพลางถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่กายาเซิ่งนี้ การโจมตีกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เขากลายเป็นขี้เถ้าได้

ดูเหมือนว่าเขาต้องเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียนแล้ว

มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเปล่งประกาย อึดใจคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ปะทุออกมาจากร่างกาย

เสาพลังงานหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะแตะระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง

“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง?!”

หมัวเฮอโยวใบหน้าบิดเบี้ยวหลังจากสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของมู่เฉิน ต้องจำได้ว่าตอนที่เขาต่อสู้กับมู่เฉินในเจดีย์วั้นกู่ อีกฝ่ายเพิ่งจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่ในเวลาเพียงครึ่งปีไอ้เจ้านี่ก็บรรลุขั้นเซียนระยะกลางแล้ว?!

ทุกคนต่างอุทานด้วยความอิจฉาพล่านในดวงตา นั่นเพราะรู้สึกอิจฉาโอกาสของมู่เฉินในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เขาได้ฝึกฝนกายาเซิ่งเท่านั้น แต่ยังได้รับการครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์ มิหนำซ้ำขุมพลังหลิงก็บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนอีกด้วย

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านในร่างกาย การหลอมรวมเข้าด้วยกันของคลื่นหลิงและร่างกายทำให้เกิดพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งนั้น มู่เฉินก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ

ห้าปีในสมาธิไม่เพียงแต่เขาได้รับกายาเซิ่งเท่านั้น แต่คลื่นหลิงยังเพิ่มขึ้นด้วย

“ลองรับกระบวนท่าของข้าบ้าง!”

พลังทำลายล้างที่ไหลเวียนไปทั่วแทบจะทำให้ร่างระเบิด ม่านตาสีทองของมู่เฉินเลื่อนไปมองหมัวเฮอเทียน จากนั้นก็แสยะยิ้ม

มู่เฉินยกมือขึ้นช้าๆ รัศมีนิรันดร์ไหลเวียนผ่านฝ่ามือพร้อมกับลวดลายโบราณแผ่กระจายออก ก่อนที่เขาจะตบลงเบาๆ ไปทางหมัวเฮอเทียน

ตู้ม!

ทั้งเมืองสั่นสะเทือนรุนแรง หมัวเฮอเทียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นฝ่ามือสีทองพุ่งลงมาจากสวรรค์ ทอดเงาขนาดใหญ่เมื่อเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว

ไม่รอให้มือกดลงมา เมืองวั้นกู่ก็พังทลายไปแล้วชั้นหนึ่ง

ฝ่ามือนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังจากการหลอมรวมของพลังกายและพลังหลิงของมู่เฉิน พลังนั้นทำลายล้างได้ แม้แต่คนอย่างหมัวเฮอเทียนก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด

ฝ่ามือสีทองพุ่งลงมากระแทกใส่หมัวเฮอเทียน ขณะเดียวกันเสียงต่ำก็สะท้อนในใจมู่เฉิน

“นี่คือ…หัตถ์สวรรค์อมตะ”

ตู้ม!

ฝ่ามือสีทองเคลื่อนลงมาในลักษณะที่กดขี่ สุดท้ายก็กระแทกลงบนก้อนเมฆสีดำขาวภายใต้สายตาตกใจหวาดผวาของทุกคน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1505 ปะทะหมัวเฮอเทียน

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1505 ปะทะหมัวเฮอเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงหัวเราะของมู่เฉินดังก้องไปทั่วท้องฟ้า

ทำเอาทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด เห็นได้ชัดไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะกล้าท้าทายหมัวเฮอเทียน…

ต้องรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเป็นจอมยุทธ์ที่สามารถต่อกรกับเทพจักรพรรดิอัคคีได้!

แม้แต่ในมหาพันภพชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนก็ยิ่งใหญ่มาก

“มู่เฉินไร้ความกลัวอย่างแท้จริง หมัวเฮอเทียนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางของแท้ มีไม่กี่คนในมหาพันภพที่อยู่เหนือกว่าเขา”

“ใช่ แม้ว่ามู่เฉินจะครอบครองกายาเซิ่ง แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมัวเฮอเทียน”

“สุดท้ายเขาก็เป็นชายหนุ่มจอมหยิ่งผยองที่อยากอวดต่อหน้าสาวงาม…”

“…”

เสียงสนทนาดังก้อง แต่ไม่มีใครมองในแง่ดีเกี่ยวกับมู่เฉินเลย เนื่องจากชื่อเสียงของหมัวเฮอเทียนยิ่งใหญ่เกินไป

“เฮ้ เจ้าหนุ่มคนรักของเจ้าหยิ่งยโสนัก” ไท่หมิงส่งสายตาอัศจรรย์ใจไปที่มู่เฉินก่อนจะยิ้มให้ลั่วหลี

เผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะ แต่มู่เฉินกลับกล้าท้าทาย คิดบวกก็เป็นเรื่องของความกล้าหาญ แต่ถ้าคิดลบชายหนุ่มคนนี้เป็นจอมยโสโอหัง

ได้เห็นอาการเยาะเย้ยของไท่หมิง ลั่วหลีก็ยิ้มเรียบไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร นางเข้าใจมู่เฉินดี แม้หมัวเฮอเทียนจะแข็งแกร่ง แต่มู่เฉินก็ไม่ใช่คนที่ประมาท ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องมีความมั่นใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน หมัวเฮอทียนก็หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ฮ่าๆ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าหมัวเฮอเทียนถูกมองต่ำ…”

ฐานะของเขาคืออะไร? แต่ตอนนี้เขากลับถูกท้าทายโดยไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปละก็ จะเป็นเรื่องตลกแค่ไหน

มู่เฉินยกยิ้ม “เจ้าไม่กล้าเหรอ?”

สถานการณ์นี้ซับซ้อนและหากเกิดสงครามขึ้นก็จะเป็นการทำลายล้างโลก ผลที่ตามมาก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ เขาไม่อยากลากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือเอง ตราบใดที่เขายับยั้งหมัวเฮอเทียนได้สถานการณ์นี้ก็จะคลี่คลายลง

หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตามืดมน เขารู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าเขาก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ หากสี่เผ่าโบราณต่อสู้กันเอง แม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ

ดังนั้นนี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากเขาสามารถจัดการกับมู่เฉินได้เอง

หมัวเฮอเทียนลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้ายืนอยู่ในระดับเดียวกับมู่เฉิน เขาเอามือไพล่ไปด้านหลังพูดอย่างไม่แยแสว่า “ในเมื่อเจ้าชอบความอัปยศอดสูนัด ก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่มอบความปรารถนาให้”

ตู้ม!

เมื่อน้ำเสียงสะท้อนก้อง เสียงฟ้าคำรนเชี่ยวกรากก็กวาดออกพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายได้ ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน

“งั้นวันนี้ข้าขอคำชี้นำจากเผ่าหมัวเฮอด้วย!”

ดวงตาของมู่เฉินลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้ เขาประสานมือเข้าด้วยกัน รัศมีกำจายออกมาจากร่างกายซึ่งดูราวกับว่าถูกหลอมมาจากทองคำพร้อมกับเอิบอาบด้วยรัศมีอมตะ

แกร็ก

ตรงบริเวณของมู่เฉิน เสียงแตกดังมาจากในห้วงมิติ ความกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายน่ากลัวยิ่งนัก

ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน คนหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ที่เคยต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคี ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มที่มีกายาเซิ่ง การดวลกันครั้งนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นศึกสุดยอดแค่ไหน

สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่หมัวเฮอเทียน อึดใจต่อมาเขาก็พุ่งออกไปในพริบตา

ตู้ม!

เมื่อมู่เฉินเคลื่อนไหว มิติเบื้องหน้าก็ระเบิดด้วยความเร็วเหนือแสง ทำให้เกิดเป็นพื้นที่สุญญากาศ…

พริบตาเขาก็ปรากฏเบื้องหน้าหมัวเฮอเทียน ร่างที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีนิรันดร์ กำหมัดแน่นพลางเหวี่ยงออกไป

นี่เป็นหมัดธรรมดาที่ไม่มีทักษะใดอยู่เบื้องหลัง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของกายาเซิ่งก็มีพลังเพียงพอที่จะทำลายสวรรค์และโลก ภายใต้การชกนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดก็จะถูกสังหารได้

“กายาเซิ่งน่ากลัวจริงๆ”

พลังน่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้าทำให้ดวงตาของหมัวเฮอเทียนกะพริบ อุทานชื่นชมก่อนจะโบกมือ

ฟิ้ว!

ลำแสงสีดำและสีขาวก่อตัวเป็นมังกรสองตัวเกี่ยวพันกันส่งเสียงคำรามก้องขณะปะทะกับหมัดของมู่เฉิน

ตึง!

เมื่อพลังสองสายปะทะกัน พื้นดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น มิติพังทลายลงจากจุดปะทะก่อนที่คลื่นกระแทกขนาดหลายหมื่นจั้งจะขยายออกไปอย่างรวดเร็ว…

พลังกายที่ไม่อาจบรรยายได้ระเบิดออก ลำแสงสีดำและสีขาวก็รับไม่ไหวจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และสลายกลายเป็นจุดแสงขาวดำ

ชี่!

ทว่าลำแสงสีดำและสีขาวก็รวมตัวกันใหม่อย่างรวดเร็วและได้รับการขัดเกลามากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวและรุนแรงอีกครั้ง

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ช่วงลมหายใจสั้นๆ ลำแสงสีดำและสีขาวก็ปะทะกับหมัดทองคำของมู่เฉินหลายร้อยกระบวนท่า ทุกครั้งที่ปะทะกันจะแผ่ซ่านคลื่นกระแทกที่น่ากลัว ก่อนที่หมัดของมู่เฉินจะค่อยๆ จางลง จากนั้นลำแสงสีดำและสีขาวก็ทะลุแนวป้องกันซัดลงบนหน้าอกของเขา

ปัง!

มู่เฉินกระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ทำลายบ้านเรือนนับไม่ถ้วนในเมือง …

ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าจากซากบ้านเรือน มู่เฉินปัดฝุ่นบนร่างกาย หน้าอกของเขาปริแตกเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ท่าทางของเขาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

แสงสีทองไหลเวียนไปทั่วสรรพางค์กาย ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นหน้าอกของมู่เฉินฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือพลังของกายาเซิ่งรึ? น่ากลัวมาก แม้ว่าจะรับการโจมตีจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแต่ก็ไม่มีการบาดเจ็บใดๆ” ผู้คนนับไม่ถ้วนเบ้ปาก การโจมตีของหมัวเฮอเทียนไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้น ทว่ามู่เฉินสามารถต้านทานไว้ได้ มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกายาเซิ่งนี้

หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจเกี่ยวกับพลังกายนี้

“สมกับเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง…”

มู่เฉินแตะหน้าอกพลางถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่กายาเซิ่งนี้ การโจมตีกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เขากลายเป็นขี้เถ้าได้

ดูเหมือนว่าเขาต้องเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียนแล้ว

มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเปล่งประกาย อึดใจคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ปะทุออกมาจากร่างกาย

เสาพลังงานหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะแตะระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง

“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง?!”

หมัวเฮอโยวใบหน้าบิดเบี้ยวหลังจากสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากร่างกายของมู่เฉิน ต้องจำได้ว่าตอนที่เขาต่อสู้กับมู่เฉินในเจดีย์วั้นกู่ อีกฝ่ายเพิ่งจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย แต่ในเวลาเพียงครึ่งปีไอ้เจ้านี่ก็บรรลุขั้นเซียนระยะกลางแล้ว?!

ทุกคนต่างอุทานด้วยความอิจฉาพล่านในดวงตา นั่นเพราะรู้สึกอิจฉาโอกาสของมู่เฉินในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เขาได้ฝึกฝนกายาเซิ่งเท่านั้น แต่ยังได้รับการครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์ มิหนำซ้ำขุมพลังหลิงก็บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนอีกด้วย

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านในร่างกาย การหลอมรวมเข้าด้วยกันของคลื่นหลิงและร่างกายทำให้เกิดพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งนั้น มู่เฉินก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ

ห้าปีในสมาธิไม่เพียงแต่เขาได้รับกายาเซิ่งเท่านั้น แต่คลื่นหลิงยังเพิ่มขึ้นด้วย

“ลองรับกระบวนท่าของข้าบ้าง!”

พลังทำลายล้างที่ไหลเวียนไปทั่วแทบจะทำให้ร่างระเบิด ม่านตาสีทองของมู่เฉินเลื่อนไปมองหมัวเฮอเทียน จากนั้นก็แสยะยิ้ม

มู่เฉินยกมือขึ้นช้าๆ รัศมีนิรันดร์ไหลเวียนผ่านฝ่ามือพร้อมกับลวดลายโบราณแผ่กระจายออก ก่อนที่เขาจะตบลงเบาๆ ไปทางหมัวเฮอเทียน

ตู้ม!

ทั้งเมืองสั่นสะเทือนรุนแรง หมัวเฮอเทียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นฝ่ามือสีทองพุ่งลงมาจากสวรรค์ ทอดเงาขนาดใหญ่เมื่อเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว

ไม่รอให้มือกดลงมา เมืองวั้นกู่ก็พังทลายไปแล้วชั้นหนึ่ง

ฝ่ามือนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังจากการหลอมรวมของพลังกายและพลังหลิงของมู่เฉิน พลังนั้นทำลายล้างได้ แม้แต่คนอย่างหมัวเฮอเทียนก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด

ฝ่ามือสีทองพุ่งลงมากระแทกใส่หมัวเฮอเทียน ขณะเดียวกันเสียงต่ำก็สะท้อนในใจมู่เฉิน

“นี่คือ…หัตถ์สวรรค์อมตะ”

ตู้ม!

ฝ่ามือสีทองเคลื่อนลงมาในลักษณะที่กดขี่ สุดท้ายก็กระแทกลงบนก้อนเมฆสีดำขาวภายใต้สายตาตกใจหวาดผวาของทุกคน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+