หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 843 ความช่วยเหลือจากพันลี้

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 843 ความช่วยเหลือจากพันลี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 843 ความช่วยเหลือจากพันลี้

“ทำยังไงดี?”

สีหน้าของจิ่วโยวเคร่งเครียดลงหลายส่วนขณะมองไปที่มู่เฉินที่มีสีหน้าไม่ได้ดีไปกว่ากัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสูญเสียความสงบสติอารมณ์จากสัญญาณที่เกิดขึ้นกะทันหัน

มีเก้าหน่วยรบในหมู่ผู้บัญชาการ ซึ่งแต่ละหน่วยรบถือเป็นคานอำนาจของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หากหน่วยใดหน่วยหนึ่งถูกทำลายล้าง ก็จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อพลังสำนัก ยิ่งในสงครามล่าที่โหดร้ายนี้ หากพวกเขาต้องการจะอยู่รอด พวกเขาก็ต้องพยายามรักษาพลังของทุกหน่วยรบให้ได้มากที่สุด

ดังนั้นมู่เฉินและจิ่วโยวถึงได้ตกตะลึงจากความจริงที่มีผู้บัญชาการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ทั้งที่สงครามล่าเพิ่งจะเริ่มไปไม่ถึงวันเท่านั้น

มู่เฉินรู้ชัดถึงความภาคภูมิใจของผู้บัญชาการคนอื่น พวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แม้แต่ในภูมิภาคทางเหนือก็ยังมีชื่อเสียงขจรขจายบวกกับการมีหน่วยรบทรงพลัง ดังนั้นถ้าต้องการบีบให้ผู้บัญชาการใช้สัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ ก็แปลว่ามันเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วจริงๆ

“ไม่รู้ว่าใครกันที่ต้องการความช่วยเหลือ… นอกจากนี้พวกเขาปะทะกับใคร? ถึงถูกบีบจนต้องใช้วิธีสุดท้ายนี้” จิ่วโยวกำมือเบาๆ ขณะที่พูดช้าๆ

มู่เฉินส่ายหน้า กระจกบอกได้เพียงสัญญาณขอความช่วยเหลือและทิศทางคร่าวๆ เท่านั้น ส่วนข้อมูลอื่นๆ ไม่มีทางที่จะส่งผ่านมาได้

“ตอนนี้เหล่าจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ของขั้วอำนาจสูงสุดต่างกำลังค้นหาขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ดังนั้นข้าเชื่อว่าจะต้องเป็นขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ที่สามารถบังคับให้ตกอยู่ในสภาพนั้นได้” มู่เฉินกล่าวอย่างใจเย็น

“ยิ่งกว่านั้น…มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะตกหลุมพราง”

ดวงตาจิ่วโยวหดลงเล็กน้อยมองไปที่มู่เฉิน “เจ้าคิดว่าเราควรทำยังไง? ถ้าเป็นอย่างนี้เราอาจตกไปในปัญหาเหมือนกันนะหากเข้าไปช่วย”

มู่เฉินเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหายใจเข้าลึก “ไม่ว่าจะอันตรายขนาดไหน เราก็ต้องไป เราไม่สามารถยืนมองหน่วยรบอื่นของเราถูกทำลายได้ มั่นถัวหลัวบอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมุ่งหน้าลึกเข้าไปในสมรภูมิหยุ่นลั้วนี้ตามลำพัง”

จิ่วโยวพยักหน้าเห็นด้วยและชื่นชมกับความคิดมู่เฉินในใจ แม้ว่าผู้บัญชาการทุกคนจะอยู่ภายใต้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่ก็มีการแข่งขันสูงระหว่างพวกเขา ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งต่างๆ นานา เช่นหน่วยรบวิหคโลกันตร์และหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต พวกเขาต่างไม่มีความสัมพันธ์กลมกลืนกัน ดังนั้นจิ่วโยวจึงรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นมู่เฉินตัดสินใจจะช่วยเหลือทันทีที่ได้รับสัญญาณ

“อย่าชักช้า ไปกันเถอะ!” มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยว จากนั้นก็มองนักรบวิหคโลกันตร์ที่ติดอาวุธครบมือ เขาไม่พูดมาก เพียงแค่โบกมือส่งสัญญาณ ทะยานตัวนำขึ้นไปบนท้องฟ้า

ที่ด้านหลัง จิ่วโยวและหน่วยรบก็กลายเป็นลำแสงนับไม่ถ้วนติดตามมา

ฟิ้ว!

เวลากระชั้นชิด ดังนั้นมู่เฉินจึงเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด ขณะที่เขาพุ่งนำพรรคพวกไปยังทิศทางที่กระจกชี้บอก

ระหว่างทางพวกเขาปะหน้ากับกองทัพมากมาย แต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่กำจายจิตสังหารน่าตกใจ ก็ไม่มีใครกล้าแหย่เท้าเข้ามา

ภายใต้ความเร็วสูงสุดพวกเขาก็เข้าใกล้พื้นที่ที่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในสองชั่วโมงต่อมา หลังจากเข้ามาในบริเวณนี้ได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มได้ข้อมูลข่าวสารบางอย่าง ซึ่งทำให้สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างมาก

เช่นเดียวกับที่พวกเขาคาดไว้ กองทัพที่เข้ามารุกรานอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังเป็นขั้วอำนาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในภูมิภาคทางเหนืออีกด้วย

หมู่ตึกเทวะ!

ว่ากันว่านี่เป็นยักษ์ใหญ่ที่มีประสบการณ์เข้าร่วมสงครามล่าถึงห้าครั้งติดต่อกัน ในแง่ของรากฐานถือเป็นขั้วอำนาจที่เก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคทางเหนือ แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่สามารถมองข้ามได้

“ตามข่าวกรองที่เรารวบรวมมา น่าจะเป็นหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตที่ตกลงไปในหลุมพรางนี้” จิ่วโยวมองไปที่มู่เฉินขณะที่ทำปากยื่นด้วยความรู้สึกช่วยไม่ได้ ชัดว่านางไม่คิดว่าคนที่เปิดใช้สัญญาณขอความช่วยเหลือจะเป็นหอเหยี่ยวโลหิตที่มีความขัดแย้งกับพวกเขา ตอนที่อยู่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ทั้งสองหอก็ฮึ่มฮั่มใส่กันตลอดเวลา ฉายความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอีกด้วย

“พวกที่บีบให้พวกเขาตกอยู่ในที่นั่งยากลำบากก็คือกองทัพจระเข้สวรรค์ที่นำโดยเจ้าภูเขาเอ่อแห่งหมู่ตึกเทวะ”

“เจ้าภูเขาเอ่อเรอะ…” มู่เฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ใช่คนใหม่ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรอีกต่อไป ข้อมูลเกี่ยวกับขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ เขาก็รู้มาพอสมควร ในหมู่ตึกเทวะมีประมุขในตำแหน่งสูงสุด โดยมีหัตถ์เหนือ-ใต้-ตะวันออก-ตะวันตกรองลงมา ซึ่งเปรียบได้สามจอมพลอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ลำดับถัดจากหัตถ์ทั้งสี่ก็คือเจ้าภูเขาทั้งสิบที่ได้รับการตั้งชื่อเหมือนอสูรจอมโหด เช่น เจ้าภูเขาเอ่อในครั้งนี้…

“ยังมีศัตรูเก่าอีกคน คู่แค้นก็ชอบมารวมกันอยู่ในที่แคบซะจริง” มู่เฉินมองไปไกลพลางยิ้มจนใจ นั่นเพราะไม่ใช่แค่เจ้าภูเขาเอ่อแห่งหมู่ตึกเทวะที่กำลังห้ำหั่นกับหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต ยังมีคนหน้าคุ้นอีกคน ซึ่งก็คือฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะ ชายที่พ่ายแพ้ยับเยินให้กับไฉ่เซียวจนต้องหนีหางจุกตูด แต่ก็ยังสามารถรักษาแท่นอันดับหนึ่งบนบันทึกมังกรหงส์ได้อย่างเหนียวแน่น

มู่เฉินกับไฉ่เซียวมีความสัมพันธ์ฉันมิตรต่อกัน ตอนนี้นางกลับไปพร้อมกับฐานะธิดาเทพจักรพรรดิอัคคีเปิดเผย ต่อให้ฟังยี่จะกล้าหาญกว่านี้อีกสักสิบเท่า เขาก็ไม่กล้าไปที่แคว้นหวู่จิ้งฮั่วเพื่อล่านางหรอก ดังนั้นเขาจะต้องใส่ความโกรธทั้งหมดมาที่มู่เฉิน ดังนั้นมู่เฉินนึกภาพออกเลยว่าฟังยี่จะคลั่งขนาดไหนเมื่อพวกเขาพบหน้ากัน

เมื่อเวลานั้นมาถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่คงยากจะหลีกเลี่ยง

เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์รุ่นใหม่อันดับหนึ่งของบันทึกมังกรหงส์แห่งภูมิภาคทางเหนือตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่มู่เฉินก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะฟังยี่ ถึงจะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่แล้วก็ตาม

นั่นเพราะเขารู้ว่าฟังยี่ก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ที่ต่อกรได้ง่าย ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะหยุดนิ่งขณะที่เขาพัฒนา ด้วยทรัพยากรของหมู่ตึกเทวะ ความเร็วในการเพาะบ่มพลังและไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของฟังยี่จะต้องน่าทึ่งแน่นอนเช่นกัน

เพราะมู่เฉินไม่ใช่ตัวประหลาดแบบไฉ่เซียวที่เชี่ยวชาญในการทรมานพวกอัจฉริยะ

“ตอนนี้หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตถูกบีบให้ถอยร่นเข้าไปในหุบเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้และถูกล้อมอย่างสมบูรณ์ เหตุการณ์นี้ดึงดูดกองทัพมากมาย เนื่องจากการต่อสู้ของกองทัพชั้นสูงเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจ” จิ่วโยวยักไหล่เบาๆ ในสงครามล่า การต่อสู้ระหว่างกองทัพชั้นสูงเป็นเรื่องบันเทิงผสมกับความโหดร้าย และยิ่งตอนนี้ยังเป็นอาณาเขตกงเวทสวรรค์และหมู่ตึกเทวะ ไม่รู้ว่าจะดึงดูดคนมากมายขนาดไหน ดังนั้นถ้ามีข่าวหลุดออกมาแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะดึงดูดความสนใจมหาศาลแน่นอน

“แต่ดันเป็นไอ้บ้าเสี่ยยิงซะนี่ เรายังจะไปอยู่ไหม?” จิ่วโยวคิดหนักขณะมองไปที่มู่เฉินที่อยู่ข้างๆ พวกชิวซันก็มองมาที่มู่เฉิน รอให้เขาตัดสินใจ

“บ้าเอ๊ย”

มู่เฉินถูหน้าผาก อดสบถคำด่าออกมาไม่ได้ เห็นชัดว่าเขาก็ปวดหัวกับเรื่องนี้ หอวิหคโลกันตร์ไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหอเหยี่ยวโลหิตเลย

ถ้าเป็นผู้บัญชาการคนอื่น มู่เฉินไม่ลังเลแน่นอน แต่นี่เป็นเสี่ยยิง เขาจึงปวดกบาลมากในตอนนี้

“ถึงข้าจะไม่ชอบเขา แต่เราก็เป็นสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์เหมือนกัน ไม่มีประโยชน์ถ้าเรายืนมองพวกเขาถูกทำลายโดยหมู่ตึกเทวะ” สุดท้ายมู่เฉินก็สูดลมหายใจลึกสุดปอด ระงับอคติที่มีต่อเสี่ยยิง

“เรื่องบาดหมางของเราจะได้รับการแก้ไขด้วยตัวเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้อื่นที่จะจัดการพวกเขา ถ้าพวกเราช่วยพวกเขาแล้ว ยังกล้ามาผยองใส่อีก ข้าจะจัดการขั้นเด็ดขาดแน่”

พวกชิวซันมองมู่เฉินที่ฉายท่าทางเผด็จการ ก็อดไม่ได้ที่ไฟการต่อสู้ในดวงตาจะลุกโชน พวกเขารู้ว่าภายใต้ฝีมือของมู่เฉินพลังหน่วยรบวิหคโลกันตร์ไปไกลเกินกว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตหลายขุมแล้ว ดังนั้นมู่เฉินจึงมีสิทธิ์ที่จะพูดคำเหล่านี้ออกมา

“ไป!”

มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยว เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้าเบาๆ เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ลุกขึ้นยืน พุ่งตัวเป็นลำแสงออกไป

ที่นี่เป็นหุบเขาสีแดงเข้ม

ราวกับว่าถูกปกคลุมไปด้วยเลือดมอบความกดดันให้ผู้คน

ตอนนี้มีคนกลุ่มใหญ่อยู่ในหุบเขา แต่ละคนสวมชุดเกราะสีแดงเลือด สายตาค่อนข้างคมกริบ ทว่ารัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตที่รวบรวมอยู่ด้วยกันกำลังปั่นป่วน ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนัก

ที่ตรงกลางของกองทัพ เสี่ยยิงสวมชุดเกราะสีแดงเลือดมองออกไปนอกหุบเขาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เขาสามารถมองเห็นร่างมากมายลอยตัวอยู่ภายนอกพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ทรงพลังปิดทางเข้าออกหุบเขา ไม่ให้พวกเขาหนีไปได้

“ท่านผู้บัญชาการ เราเสียกำลังพลไปเกือบพันนาย…” ที่ด้านข้างเสี่ยยิง หวูเทียนที่ร่างปกคลุมไปด้วยเลือดก็พูดขึ้นเสียงต่ำ ใบหน้าที่แต่เดิมเย็นชาและเฉียบคม บัดนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บใจ

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เสี่ยยิงก็ตัวสั่นเทิ้ม นักรบหนึ่งพันนายเท่ากับหนึ่งในห้าของหน่วยรบ กว่าจะฝึกมาได้ไม่รู้ต้องใช้ทรัพยากรและพลังงานไปมากเท่าไร แต่ตอนนี้พวกเขากลับสิ้นชีพลงในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

“กองทัพจระเข้สวรรค์ปิดล้อมที่แห่งนี้แล้ว ท่านเสี่ยยิง ข้าจะนำทัพออกไปสู้ตายเพื่อเปิดทางให้ ถึงตอนนั้นท่านรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!” หวูเทียนเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าขณะที่พูดขึ้น

ดวงตาของเสี่ยยิงเปล่งประกายคมกล้าขณะที่แผดเสียง “จะให้ข้าคนนี้หนีอย่างหมาจรจัดเหรอ? แล้วอนาคตข้าจะมีหน้าอยู่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ยังไง? ถ้าพวกมันโจมตีเข้ามาอีกครั้ง ทุกคนก็ออกไปพร้อมกับข้า ในเมื่อพวกมันคิดว่าทัพของข้าเคี้ยวง่ายนัก ข้าก็จะให้พวกมันรู้ว่าต้องเตรียมรับการโต้กลับด้วยเช่นกัน!”

ใบหน้าของเสี่ยยิงเต็มไปด้วยความดุร้าย ความดุร้ายในแกนกระดูกก็ถูกกระตุ้นในตอนนี้อย่างสมบูรณ์

“ท่านผู้บัญชาการไม่ต้องกังวล เราได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้ว ตราบใดที่สามารถซื้อเวลาไว้ได้ กำลังเสริมต้องมาแน่นอน!” หวูเทียนเอ่ยเตือนอย่างเร่งรีบ เมื่อเขาเห็นเสี่ยยิงตั้งใจจะสู้ตายและเอาชีวิตไปทิ้ง

“ไม่ทันแล้ว” เสี่ยยิงส่ายหน้าสายตาคมกริบจ้องมองไปที่ท้องฟ้าเหนือหุบเขา รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตกำลังบีบกระชับพื้นที่เข้ามาในหุบเขา ชัดว่ากองทัพจระเข้สวรรค์เลือกที่จะโจมตีแล้ว

หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตก็สัมผัสถึงรัศมีจั้นยี่ที่แผ่ซ่านเข้ามา พวกเขากำง้าวในมือแน่นขณะที่เตรียมพร้อมสู้ตาย

เสี่ยยิงสูดหายใจเข้าลึกพลางกำหมัดแน่น ง้าวโลหิตปรากฏขึ้นในพริบตา ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างเขา

แต่ขณะที่เสี่ยยิงตัดสินใจจะสู้ตาย จู่ๆ ดวงตาเขาก็หดเกร็ง นั่นเพราะเขาเห็นรัศมีจั้นยี่ของกองทัพจระเข้สวรรค์เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาในตอนนี้

“ท่านผู้บัญชาการกำลังเสริมของเรามาแล้ว!” หวูเทียนดีใจสุดขีดเมื่อเห็นภาพดังกล่าว เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นไม่ได้ด้อยกว่ากองทัพจระเข้สวรรค์เลย

“ไม่รู้ว่าเป็นผู้บัญชาการคนใดที่มา”

สายตาเฉียบคมของเสี่ยยิงจ้องมองไปในระยะไกล จากนั้นสีหน้าก็ซับซ้อนขึ้น เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำเสียงเบา “นั่นผู้บัญชาการจิ่วโยวและผู้บัญชาการมู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด