หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1322 เผชิญหน้า

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1322 เผชิญหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1322 เผชิญหน้า

การปะทะกันขัดแย้งกับความคาดหวังของทุกคน

ทุกสรรพเสียงที่นี่เงียบงัน สายตาตื่นตะลึงจดจ้องไปที่มู่เฉิน

กลุ่มต่างๆ ที่ดูถูกมู่เฉินในตอนแรกก็เผยความเคร่งเครียด สายตาที่มองไปทางมู่เฉินปรากฏแววหวาดระแวงมากขึ้น

คนที่มาแดนเซิ่งยวนโบราณได้จะไม่มีฝีมือได้อย่างไร

ปัง!

ซากพังพินาศที่กลบมั่วซินกระจายออก เงาร่างหนึ่งย่างสามขุมออกมาอย่างช้าๆ

เวลานี้มั่วซินเปล่งรัศมีน่ากลัวที่มีความหนาแน่นสูง ขณะที่สายตามองไปที่มู่เฉินอัดแน่นด้วยไอสังหาร

มั่วซินไม่คิดมาก่อนเลยว่าตนเองจะอยู่ในสภาวะที่น่าสมเพชจากการแลกกระบวนท่ากับมู่เฉิน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา มู่เฉินเป็นเพียงมดปลวกไม่มีสถานะใดๆ ในสายตาของเขา แม้ว่ามารดาของมู่เฉินจะอยู่ในตำแหน่งสูงของเผ่า แต่มู่เฉินก็ไม่เคยได้เพลิดเพลินกับทรัพยากรใดๆ จากเผ่าฝูถู

ด้วยเหตุนี้มั่วซินจึงมองมู่เฉินอย่างดูถูกเหยียดหยาม

แต่ตอนนี้เขากลับต้องจ่ายราคาแพงระยับสำหรับสิ่งนี้

ตัวกาลกิณีที่ไร้ค่าในสายตาของเขาได้มอบรสชาติขมฝาดคืนกลับมาให้เขา

“ไม่คิดว่าข้ามั่วซินจะมีวันแบบนี้ เจ้าทำให้ข้าผิดคาดจริงๆ” มั่วซินเช็ดเลือดที่มุมปากขณะมองมู่เฉินด้วยสายตาที่ไม่แยแส

ดูเหมือนหลังจากที่เสียเปรียบ ในที่สุดมั่วซินก็มองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

มู่เฉินหรี่ตาลง มั่วซินเป็นประมุขน้อยของตระกูลในเผ่าฝูถูได้ ชัดว่ามีความสามารถใช้ได้ อย่างน้อยหลังจากรับการสูญเสีย เขาก็ยังเก็บความโกรธไว้ในใจและเริ่มที่ปฏิบัติต่อเรื่องนี้จริงจัง

คนประเภทนี้จัดการยากอย่างแท้จริง

มู่เฉินยังรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้มั่วซินอยู่ในสภาพน่าสมเพชก่อนหน้าก็เพราะไม่ทันตั้งตัวจากวิชาสามพิสุทธิ์ เมื่อมีการเตรียมตัวก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับผลกระทบเดียวกันอีกครั้ง

ทว่ามู่เฉินไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แม้มั่วซินจะยากที่จะต่อกร แต่หากเขาต่อสู้ด้วยไพ่ทั้งหมด ก็ไม่ต้องกลัว

“ความประหลาดใจของแกเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” มู่เฉินยิ้มอ่อนไม่ใส่ใจไอสังหารของมั่วซินแม้แต่น้อย

การดวลครั้งนี้ทำให้หลายคนตกใจ ตัดสินจากท่าทางนี้มู่เฉินต้องการปะทะกับมั่วซินจริงๆ

“โอ้? ถ้างั้นข้าขอดูหน่อย!”

มั่วซินเอ่ยเยาะเย้ย อึดใจร่างเงากลุ่มหนึ่งก็ทะยานออกมาจากด้านหลัง ทั้งสามคนล้วนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

จอมยุทธ์เหล่านี้มาจากเผ่าโบราณอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ใต้บัญชาการของมั่วซิน

“ไอ้ตัวกาลกิณีมู่เฉิน แกบังอาจกล้าลบหลู่ประมุขน้อยมั่วซิน รีบยอมแพ้ซะ!” จอมยุทธ์ตระกูลมั่วตะโกนเสียงลั่นพลางจ้องมองมู่เฉินด้วยความเกรี้ยวกราด

“แมลงวันเหล่านี้มาจากไหน? แกมีคุณสมบัติมาเห่านายน้อยของข้าเหรอ?” หลงเซี่ยงก้าวออกมาจากเบื้องหลังของมู่เฉิน ขณะที่สาดสายตาดุร้าย

“โอ้ นายน้อย? ไอ้กาลกิณีนี่เป็นนายน้อยได้ด้วยรึ? หลงเซี่ยงดูเหมือนว่าแกจะสมองกลับในช่วงหลายปีที่ผ่านมานะ!” จอมยุทธ์คนหนึ่งที่รู้จักหลงเซี่ยงก็เอ่ยเยาะเย้ย

“มาสู้กันสักตั้งเดี๋ยวก็รู้” หลงเซี่ยงกระตุกยิ้มขณะที่กำปั้นกำแน่นพร้อมด้วยคลื่นหลิงทรงพลังกวาดออก

“ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม?! แกบรรลุแล้วเรอะ?!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นทรงพลังที่ระเบิดออกมาจากร่างของหลงเซี่ยง ดวงตาเหล่าจอมยุทธ์ตระกูลมั่วก็สั่นไหว จากที่พวกเขารู้หลงเซี่ยงถูกตัดทรัพยากรทั้งหมดของเผ่านานมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงติดแหง็กอยู่ที่ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเนิ่นนาน แต่ตอนนี้เขากลับพัฒนาตัวเองหลังจากติดตามมู่เฉินเป็นเวลาสั้นๆ งั้นหรือ?

หลิงซีก็ย่างกรายออกมาพร้อมกับสีหน้าเยือกเย็น สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนในมือพุ่งออกไปหลอมรวมเข้ามิติรอบด้าน ชัดว่าตราบใดที่เริ่มปะทะก็จะถักทอกลายเป็นค่ายกลทันที

ลั่วหลีมายืนอยู่ที่ข้างกายมู่เฉิน แม้ว่านางจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่แสงที่แล่นพล่านในนัยน์ตาสาดไออันตรายออกมา

ทั้งสองกลุ่มตึงเครียดสูง การต่อสู้สามารถระเบิดได้ทุกเวลา

ผู้คนโดยรอบถอยกรูด กลัวจะถูกลากเข้าไปในวงล้อมด้วย

“มู่เฉิน!”

แต่ขณะที่ความตึงเครียดจะพุ่งทะลุเพดาน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทุกคนเห็นคนกลุ่มหนึ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา ก่อนที่จะยืนเคียงข้างกลุ่มมู่เฉิน สายตาจับจ้องไปที่กลุ่มมั่วซินเขม็ง

นี่คือกลุ่มเวินชิงเฉวียนที่ออกไปเพื่อรวบรวมข้อมูล

“ตระกูลเวิน?”

เมื่อมั่วซินเห็นกลุ่มเวินชิงเฉวียน เขาก็ขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะเป็นพันธมิตรกับตระกูลเวิน

แต่มีเพียงเวินจื่อหยู่เท่านั้นที่ก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ดังนั้นมั่วซินจึงไม่กลัวอะไร แต่ด้วยบรรยากาศที่ถูกทำลาย มั่วซินก็ค่อยๆ สงบลง

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้แบบจัดเต็มกับพวกมู่เฉิน

จากการแลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่ เขาก็รู้ว่ามู่เฉินที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่พลังของการต่อสู้ล้ำไปไกลขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มธรรมดา

นอกจากนี้มั่วซินยังสงสัยว่ามู่เฉินอาจมีไพ่ตายที่ทรงพลังกว่านี้อีก

หากสิ่งที่เขาเดาถูกต้องละก็ เขาจะต้องจ่ายในราคาแพงระยับแม้ว่าจะชนะก็ตาม

มิหนำซ้ำยังมีพวกหมาป่ารอบตัว ไม่ต้องพูดถึงเฉวียนหลัวที่มองดูอยู่ไกลๆ มั่วซินไม่สงสัยเลยว่าเฉวียนหลัวจะเคลื่อนไหวทันทีถ้าสบโอกาส

ในเวลานั้นการทำงานหนักทั้งหมดของเขาจะกลายเป็นสิ่งปรนเปรอเฉวียนหลัว ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่ต้องการเห็น

ฮา

มั่วซินระงับไอสังหารในใจ สูดหายใจเข้าลึก ดึงเจตนาต้องการฆ่าที่พุ่งทะยานรอบตัวกลับลงไป ดวงตาของเขาเย็นเยือกลงหลายส่วนขณะจ้องมองมู่เฉิน “ข้าจะจับแกส่งให้ผู้อาวุโสใหญ่แน่!”

มู่เฉินแสยะยิ้ม “ยินดีต้อนรับทุกที่ทุกเวลา”

มั่วซินจ้องมองมู่เฉิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาโบกมือสะบัดหน้าจากไป

จอมยุทธ์ตระกูลมั่วก็แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาไม่คิดว่ามั่วซินที่สั่งลมสั่งฝนมาตลอดชีวิต จะกลืนความโกรธแค้นหลังจากถูกตัวกาลกิณีทำให้เสียหน้า

“เขาสมเป็นลูกชายชิงเหยี่ยนจิ้งแท้จริง ดีที่มันเป็นตัวกาลกิณีของเผ่า ไม่งั้นมันอาจเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังอีกคนนอกเหนือจากเฉวียนหลัว” ขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากันก็ไตร่ตรองในใจ ก่อนจะรีบตามมั่วซินไปอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น สลายเป็นอากาศธาตุทำให้หลายคนรู้สึกเสียดาย หากทั้งสองฝ่ายฟัดกันจะต้องมีคนที่พ่ายแพ้แน่นอน ซึ่งพวกเขาอาจจะได้รับประโยชน์บ้างก็ได้

เมื่อพวกชิงซวงเห็นภาพนี้ พวกนางก็ตัดสินใจผละไป ไม่ได้มีความตั้งใจจะทักทายมูเฉิน นั่นเป็นเพราะจากท่าทางที่ไม่แยแสของมู่เฉิน ชัดว่าไม่ค่อยรู้สึกเป็นมิตรกับพวกนาง

ทว่าขณะที่พวกนางหันหลังกลับรู้สึกถึงสายตาของมู่เฉินจากระยะไกลเมื่อหันกลับไป มู่เฉินก็พยักหน้าให้ชิงซวงเพื่อเป็นการทักทาย เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกถึงความต้องการช่วยเหลือของพวกนางก่อนหน้านี้

แม้มู่เฉินจะออกห่างจากเผ่าฝูถู แต่ความปราถนาดีจากกลุ่มชิงซวน เขาก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธไปตลอด

ชิงซวงพยักหน้าตอบ ก่อนจะออกเดินไปพร้อมกับชิงหลิงและพรรคพวก

“ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว”

เฉวียนหลัวที่อยู่ไกลออกไปก็ยิ้มบาง ก่อนที่จะหันกลับมาพูดกับไป๋ซินเอ๋อที่ด้านข้าง “แม่นางซินเอ๋อ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องสนใจข้อมูลของข้าแน่”

ดวงตาสีดำขลับของไป๋ซินเอ๋อกลิ้งไปมา นางยิ้มให้อย่างน่ารัก “ใช่เรื่องของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งสี่หรือไม่?”

เฉวียนหลัวเพียงยิ้มตอบ หันกลับไปพร้อมกับไป๋ซินเอ๋อกริมฝีปากขึ้นเดินตามไป

เมื่อเห็นว่าทุกคนไปแล้ว มู่เฉินก็ถือแผ่นทองแดงลึกลับไว้ในมือ จากปฏิกิริยาของมั่วซิน อีกฝ่ายน่าจะรู้สึกถึงบางอย่างจากวัตถุนี้เช่นกัน แต่ก็คงไม่เข้มข้นเท่ากับมู่เฉิน มิฉะนั้นมั่วซินคงไม่ยอมปล่อยไปอย่างง่ายดาย

วัตถุนี้น่าจะต้องเชื่อมโยงกับเผ่าฝูถู อาจจะเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษคนนั้น

“ดูเหมือนว่าข้าต้องหาโอกาสศึกษาสิ่งนี้” มู่เฉินพึมพำในใจ

“มู่เฉิน เจ้าก่อหวอดไปทุกที่จริงๆ” เวินชิงเฉวียนพูดด้วยเสียงหยอกล้อ พวกเขาแยกกันไม่นาน แต่มู่เฉินก็สร้างปัญหาอีกแล้ว

มู่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นยังไงบ้าง? ได้อะไรมา?”

ที่เขาถามก็คือข้อมูลเกี่ยวกับมรดกของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งสี่ ทว่าเขาไม่ได้ถามอย่างจริงจัง เพราะเขาไม่คิดว่าเวินชิงเฉวียนจะสามารถรับข้อมูลใดๆ ได้อย่างรวดเร็ว

แต่ตรงกันข้ามกับความคิดเขา เวินชิงเฉวียนพยักหน้าเบาๆ

“ได้มาจริงหรือ?” มู่เฉินอึ้งไป ‘ศักยภาพสูงเกินไปรึเปล่าเนี่ย?’

เวินชิงเฉวียนพยักหน้าจริงจัง

“จากข้อมูลดังกล่าวจะมีงานชุมนุมในวันพรุ่งนี้เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งสี่คน”

“เปิดเผย?” มู่เฉินขมวดคิ้ว ทำไมถึงเปิดเผยข้อมูลที่มีค่าให้คนอื่นกัน?

“ไม่ได้ให้เปล่า”

เวินชิงเฉวียนยิ้มก่อนที่จะกางห้านิ้วออกมา

“ค่าเข้างานคือของเหลวจื้อจุนห้าสิบล้านหยด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด