หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 747

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 747 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 เปิดเผย

 

บนพื้นดินวินาศสันตะโร

ร่างสูงโปร่งปรากฏบนอากาศ แม้ร่างกายของเขาจะดูสะบักสะบอมจากการประลอง แต่สายตายังคงเด็ดเดี่ยวและเปล่งประกาย ทำให้จอมยุทธ์มากมายถึงกับตัวสั่นเทา หลังจากเห็นการประลองที่น่าตะลึงนี้ ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์เขาอีกเลย

ทั่วบริเวณเงียบกริบ สายตางุนงงจำนวนมากที่จ้องมองไปยังไม่ฟื้นคืนสติจากการต่อสู้เมื่อครู่…

ความเงียบงันดำเนินต่อไปพักใหญ่ก่อนที่สายตาหลายคู่จะเริ่มเดือดพล่าน อึดใจที่ฝั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์เสียงโห่ร้องยินดีสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้น

ใครจะคิดว่าการประลองยกสุดท้ายที่ตอนแรกไม่สำคัญกลับเป็นตัวแปรชี้ชะตาของกองทัพทั้งสอง!

เหล่าผู้บัญชาการก็ถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าเย็นชาของจิ่วโยวก็เผยรอยยิ้มสั่นใจผู้คน นางมองไปที่ร่างบนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกภูมิใจ ชายหนุ่มที่เคยอ่อนแอกำลังเติบโตด้วยความเร็วน่าทึ่ง

สูชิงกับโจวเยี่ยสบตากันแล้วถอนหายใจ แววประทับใจวูบไหวในดวงตาของพวกเขา หากการเอาชนะหวูเทียนทำให้พวกเขาแค่ให้ความสำคัญกับมู่เฉิน งั้นครั้งนี้ก็ทำให้คนทระนงตนอย่างพวกเขายอมรับอีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์

เพราะพวกเขารู้ว่าหากเป็นพวกเขาออกไปสู้ ก็คงแพ้ด้วยน้ำมือของฉิงเปยไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการทนต่อแรงกดดันมหาศาลและพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย

ไม่ไกลกัน ใบหน้าของหวูเทียนที่อยู่ในหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตก็กลายเป็นขาวสลับเขียวด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เพราะเขารู้ว่านับจากวันนี้ช่องว่างระหว่างเขากับมู่เฉินจะห่างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ

ท่ามกลางกองทัพน้อยใหญ่ของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หน่วยรบวิหคโลกันตร์ส่งเสียงโห่ร้องดังที่สุด ตอนนี้แม้แต่ถังปิงที่มีท่าทางเย็นชาเป็นนิจก็มีใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อมองร่างที่อยู่ไกลออกไป นับตั้งแต่ก่อตั้งหอวิหคโลกันตร์ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีความสุขกับชื่อเสียงเกียรติยศจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์

“ฮ่าๆ สายตาท่านประมุขมองขาดจริงๆ” เทียนจิ้วยิ้มตาหยีกับภาพนี้ มู่เฉินเป็นคนที่จิ่วโยวพากลับมา ดังนั้นเทียนจิ้วจึงคาดหวังกับเขาไว้เช่นกัน

“ไม่เลวเลยจริงๆ” แม้แต่ซุ่ยนอนที่ไม่ค่อยพูดยังเอ่ยแสดงความเห็น

กรอบแสงที่ห่อหุ้มร่างประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์กระเพื่อมไหวขณะที่เสียงหัวเราะดังออกมา “เด็กคนนี้มีศักยภาพไม่น้อย จิ่วโยวพาอัจฉริยะตัวจริงกลับมายังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราแล้ว”

เห็นชัดว่าเขารู้สึกพอใจอย่างยิ่งกับการแสดงฝีมือครั้งนี้ของมู่เฉิน

ขณะที่ฝั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องยินดีมืดฟ้ามัวดิน ฝั่งแดนร้อยสงครามกลับเงียบกริบลง จอมยุทธ์จำนวนมากใบหน้าเขียวคล้ำ เนื่องจากพวกเขาไม่คิดเลยว่าการประลองที่มีแต่คำว่าชัยชนะจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้…

เฒ่าเร้นกระบี่ ปีศาจภูเขาศพและอสูรพิลาลสต่างมีสีหน้าน่าเกลียด พวกเขาคำนวณการประลองครั้งนี้มาแล้ว มีโอกาสไม่น้อยที่จะชนะ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา การประลองสองยกแรกเป็นไปตามที่พวกเขาคาดคิด มีเพียงยกที่สามเท่านั้นที่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเขาไปแบบกู่ไม่กลับเลย…

ด้วยพลังของฉิงเปยน่าจะกวาดบรรดาแม่ทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ทั้งหมดได้ แม้แต่สูชิงกับโจวเยี่ยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ใครจะคิดว่าอยู่ๆ แม่ทัพหน้าใหม่อย่างมู่เฉินที่มีไพ่ตายซ่อนขนาดนี้จะโผล่มา

การประลองครั้งนี้มีของเหลวจื้อจุนหนึ่งล้านหยดและเมืองหนึ่งพันเมืองเป็นเดิมพัน แม้แต่ขั้วอำนาจทรงพลังอย่างแดนร้อยสงครามยังต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับการยกสิ่งเหล่านี้ให้

เฒ่าเร้นกระบี่และคนอื่นๆ มองมู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย คิดจะฉีกทึ้งเขาออกเป็นส่วนๆ

“การประลองจบลงแล้ว อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าชนะสองแพ้หนึ่ง เตรียมของเหลวจื้อจุนหนึ่งล้านหยดและเมืองหนึ่งพันเมืองให้เร็วที่สุด อย่าให้ข้าได้มารับด้วยตัวเอง” น้ำเสียงเรียบเฉยของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ดังขึ้น ทำให้เหล่าจอมยุทธ์แดนร้อยสงครามหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว

เฒ่าเร้นกระบี่และปีศาจภูเขาศพกัดฟันกรอดพลางปรายตามองหลิ่วเทียนเต้าที่มีสีหน้ามืดครึ้ม ทว่าสายตาของหลิ่วเทียนเต้าไม่ได้มองมาที่พวกเขา กลับพุ่งตรงไปที่มู่เฉินที่อยู่บนท้องฟ้าไกลออกไป

สัมผัสได้ถึงสายตานั่น มู่เฉินก็รู้สึกหนาวเยือกบนผิวกายขณะที่ความตื่นระวังพล่านในหัวใจ

“ฮ่าๆ…”

ในที่สุดหลิ่วเทียนเต้าก็หัวเราะเบาพลางเอ่ยออกมา “ในเมื่อแพ้แล้ว ก็ต้องถือข้อตกลงอยู่แล้ว”

พวกแดนร้อยสงครามทำได้เพียงพยักหน้าด้วยความปวดใจเมื่อได้ยิน จากนิสัยของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หากพวกเขาไม่รู้สึกสำนึกหนี้ครั้งนี้ แดนร้อยสงครามคงจะต้องรีดเลือดออกมาจ่ายหนักกว่านี้แน่

“ประมุขหลิ่วรักษาคำพูดจริงๆ” ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์เอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ

หลิ่วเทียนเต้ายิ้ม แต่ไม่คิดพูดต่อจากประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ สายตาคมกริบราวกับสามารถเจาะผ่านผู้คนพุ่งตรงไปที่มู่เฉินขณะเอ่ยออกมาช้าๆ “แต่ตอนนี้ข้ามีบางอย่างอยากจะสอบถามแม่ทัพมู่เฉินซะหน่อย”

พอได้ยินคำพูดนั่น หัวใจของมู่เฉินก็สั่นไหวขณะที่ไอหนาวเยือกพวยพุ่ง หรือว่าที่เขาหาเรื่องจะเป็นเพราะรู้เรื่องของหลิ่วหมิงแล้ว?

ที่ด้านหลัง จิ่วโยวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะที่ดวงตาวูบไหวไปมา

“ไม่รู้ว่าประมุขหลิ่วต้องการอะไรจากข้าหรือ?” แม้จะรู้สึกกังวล แต่มู่เฉินก็ยังคงสีหน้าสงบนิ่งขณะเอ่ยถามขึ้น

“ครึ่งปีก่อน บุตรชายของข้าไปที่ทวีปซังประมูลวิชาเก้ามังกรคชสารมาด้วยราคามหาศาล แต่เขากลับหายตัวไประหว่างการเดินทางกลับ ขนาดมีผู้อาวุโสสองคนคอยปกป้องเขาทั้งที่แจ้งและที่ลับก็หายตัวไปกันทั้งหมด” เสียงของหลิ่วเทียนเต้าดังแว่วบนท้องฟ้า ทำให้กระทั่งอุณหภูมิบริเวณนี้ยังลดลงอย่างช้าๆ

เฒ่าเร้นกระบี่และคนอื่นมองหลิ่วเทียนเต้าด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติได้จากอีกฝ่าย ก็รีบเบนสายตาไปทางมู่เฉิน

แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าวิชาเก้ามังกรคชสารคืออะไร แต่วิชาเทพทรงพลังที่มู่เฉินใช้ในกระบวนท่าสุดท้ายดูเหมือนจะคล้ายวิชาดังกล่าว

“หลังจากที่ข้าตามสืบจากนั้นก็รู้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองกับลูกชายข้าถูกขังอยู่ใต้พื้นดินด้วยฝีมือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน”

หลิ่วเทียนเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์สุดๆ “และตอนนี้วิชาเก้ามังกรคชสารก็ดันปรากฏที่เจ้า ไหนลองอธิบายเรื่องนี้หน่อยสิ?”

หัวใจมู่เฉินสั่นไหวเล็กน้อย หลิ่วเทียนเต้าน่าสะพรึงยิ่งนักที่สามารถค้นเจอสถานที่ที่หลิ่วหมิงถูกขังไว้

“แม้วิชาเก้ามังกรคชสารจะหายาก แต่ก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว ข้าสามารถได้มาครอบครอง ก็เพราะข้ามีโอกาส… หรือว่าประมุขหลิ่วคิดว่าข้าเป็นคนเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนมาจัดการหรือขอรับ? ข้าไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก” มู่เฉินเอ่ย ยังไงเขาก็ไม่ยอมรับ ไม่งั้นโทสะของหลิ่วเทียนเต้าเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านไหว

“งั้นหรือ?”

สายตาของหลิ่วเทียนเต้าไม่มีอารมณ์ใดๆ ขณะมองมู่เฉิน จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มน่าขนลุกพลางสะบัดมือ มิติฉีกออกที่เบื้องหลังก่อตัวเป็นอุโมงค์ อึดใจแสงหลิงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากอุโมงค์ ก่อตัวเป็นร่างคนสองคนยืนอยู่เบื้องหลังหลิ่วเทียนเต้า

เมื่อสายตากวาดมองไป ใบหน้าของมู่เฉินก็น่าเกลียดลงเมื่อเห็นคนหนึ่งในนั้น เพราะนั่นก็คือหลิ่วหมิงที่แม่ของหลินจิ้งฝังไว้ใต้พื้นพิภพ!

ไอ้เจ้านั่นถูกช่วยเหลือออกมาแล้ว!

คนทื่ยืนข้างหลิ่วหมิงเป็นชายชุดขาวเอามือไพล่หลัง เขามีรูปลักษณ์คล้ายกับหลิ่วหมิง แต่บุคลิกไม่ใช่สิ่งที่หลิ่วหมิงจะเทียบได้

“หมิงเอ๋อ รู้จักมันหรือไม่?” หลิ่วเทียนเต้าถามเบาๆ

หลิ่วหมิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสายตาจับจ้องไปที่มู่เฉิน ความชั่วร้ายไม่รู้จบหลั่งไหลออกมาจากนัยน์ตา เขาแสยะยิ้มน่าขนลุก “ฮ่าๆ แกทำให้ข้าตามหาอย่างยากลำบากมากนะ ไอ้เวร!”

หัวใจของมู่เฉินร่วงลงตาตุ่ม

จอมยุทธ์ทั้งสองฝั่งเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะเคยฟัดกับหลิ่วหมิงมาก่อน มิหนำซ้ำยังผนึกอีกฝ่ายไว้ แต่เขาทำได้ไม่แนบเนียนเลยโดยจับได้ในตอนนี้

ฝั่งแดนร้อยสงคราม ทุกคนยินดีกับความโชคร้ายของมู่เฉิน ขณะที่ฝั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เหล่าจอมยุทธ์มีสีหน้าเคร่งขรึมลง หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างดี พวกเขาต้องตกหลุมพรางตำหนักสุดนภาหมดท่าแน่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหนักกว่าการทำศึกกับแดนร้อยสงคราม เพราะทั้งสองสำนักต่างเป็นขั้วอำนาจชั้นยอดแท้จริง

“จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่แกเชิญมามีวิธีการบางอย่าง ข้าไม่สามารถทำลายผนึกได้คนเดียวต้องออกรวบรวมค่าใช้จ่ายเชิญผู้ยิ่งใหญ่มาช่วยเหลือลูกข้า แต่หลังจากช่วยมาได้ เส้นลมปราณภายในร่างเขาก็ถูกทำลายไปเกือบหมด คลื่นหลิงกระเจิดกระเจิง แม้ข้าจะช่วยเหลือเขาด้วยยาอายุวัฒนะ แต่ก็ทำให้ชีวิตนี้ของเขาประสบผลสำเร็จได้อย่างมีขีดจำกัด” หลิ่วเทียนเต้ายิ้มบาง ทว่าเสียงหัวเราะอัดแน่นด้วยรังสีสังหารที่ปิดไม่มิด

“แกเป็นคนทำลายคลื่นหลิงของหลิ่วหมิงเรอะ?” ชายชุดขาวที่ยืนตรงหน้าหลิ่วหมิงขมวดคิ้วจ้องมองมู่เฉิน จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แกก็ควรถูกทำลายวรยุทธเหมือนกัน”

เมื่อสิ้นเสียงพูดร่างชายชุดขาวก็ขยับเขยื้อนมาปรากฏตรงหน้ามู่เฉิน เขาถือพัดหยกในมือชี้ไปที่หว่างคิ้วของมู่เฉินอย่างรวดเร็ว

เมื่อชายชุดขาวโจมตีก็เผยถึงพลังแข็งแกร่งอันน่าทึ่งออกมา นอกจากนี้มู่เฉินที่เพิ่งจบการประลองครั้งใหญ่ก็มีคลื่นหลิงในร่างอ่อนกำลังลง ดังนั้นเผชิญการโจมตีจากชายชุดขาว เขาจึงไม่สามารถหลบหลีกได้ทันที

ทว่าคนอย่างมู่เฉินไม่เคยนั่งรอความตายมา ขณะที่เขากำลังจะเร้าคลื่นหลิงที่เหลืออยู่ออกมา ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวที่ตรงหน้าเหยียดนิ้วเรียวปะทะกับพัดหยก

ปัง!

คลื่นหลิงน่าตกใจระเบิดออกจากการปะทะ ร่างงดงามสั่นเทิ้มเบาบาง ขณะที่ชายชุดขาวถอยไปสิบกว่าก้าว พัดหยกในมือคลี่ออกพร้อมกับเพลิงสีแดงลุกไหม้ สายตาเย็นชาพุ่งตรงไปที่ร่างตรงหน้ามู่เฉิน

“หลิ่วหมิงบอกว่ามีหญิงสาวแข็งแกร่งคนหนึ่งอยู่กับมู่เฉินด้วย ข้าว่าคงเป็นเจ้าสินะ” ชายชุดขาวจ้องมองจิ่วโยวที่ยืนตรงหน้ามู่เฉินขณะเอ่ยช้าๆ

จิ่วโยวที่ยืนเบื้องหน้ามู่เฉินสาดสีหน้าเย็นชา ทว่ามู่เฉินก็สังเกตได้ว่ามือของนางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เห็นชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนาง

หลิ่วเทียนเต้าสะบัดมือห้ามชายชุดขาวขณะมองมู่เฉินกับจิ่วโยวอย่างเฉยเมย จากนั้นก็เบนสายตาไปที่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา “ทั้งสองคนทำลูกชายข้าพิการ นี่เป็นความแค้นยิ่งใหญ่ระหว่างพวกข้า หวังว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมอบทั้งสองให้ เพื่อเป็นการชดเชยตำหนักสุดนภาเต็มใจที่จะจ่ายเป็นของเหลวจื้อจุนสองล้านหยด อีกอย่างหนึ่ง…ข้าสัญญาว่าตำหนักสุดนภาจะไม่ลงมือกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในสงครามล่า”

ฮือฮา!

เมื่อหลิ่วเทียนเต้าพูดจบ ไม่เพียงแต่สมาชิกแดนร้อยสงครามจะตกตะลึงไป แม้แต่สมาชิกจำนวนมากของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ใจกระตุกไปเช่นเดียวกัน เพราะข้อเสนอที่หลิ่วเทียนเต้าให้น่าดึงดูดใจแท้จริง ไม่ต้องพูดถึงของเหลวจื้อจุนสองล้านหยดเลย แค่คำสัญญาว่าจะไม่ปะทะกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในสงครามล่าก็เพียงพอแล้วที่จะจูงใจจอมยุทธ์ชั้นสูง ทุกคนรู้ว่าสงครามล่าเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของขั้วอำนาจชั้นยอดอย่างพวกเขา หากพวกเขาท้าทายศัตรูน่าสะพรึงอย่างตำหนักสุดนภาเอาไว้ ก็ไม่มีใครรู้สึกสบายใจได้หรอก

บางทีแม้แต่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่อาจปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว ยิ่งกว่านั้นจุดสำคัญก็คือพวกเขาทำเพียงแค่ส่งตัวมู่เฉินกับจิ่วโยวไปเท่านั้น ในสายตาของคนจำนวนมากนี่เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดสักวินาที!

ใบหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนไป นางไม่คิดว่าหลิ่วเทียนเต้าจะชิงชังพวกนางขนาดยอมจ่ายราคามหาศาลเช่นนี้ จิ่วโยวเป็นคนฉลาด ดังนั้นนางรู้ชัดเจนว่าข้อเสนอนี้ดึงดูดใจขั้วอำนาจมากเพียงใด

มือบางเย็นเฉียบแตะบนมือของมู่เฉิน นางใช้เสียงที่ได้ยินกันสองคน “ถ้าเกิดอะไรขึ้น หนีไปให้ไกลสุดกู่!”

ใบหน้าของมู่เฉินมืดครึ้มลง เห็นชัดว่าจิ่วโยวมองในแง่ร้าย อย่างว่ากำไรอยู่ตรงหน้า แม้แต่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่ยากหยั่งถึงก็คงจะเลือกตัดหางปล่อยวัดพวกเขา

ต่อให้ที่เขาเพิ่งจะคว้าชัยชนะให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ตาม

นี่คือทวีปเทียนหลัวอันโหดร้าย ไม่ใช่สำนักศึกษาเป่ยชางที่จากมา ไม่มีคนอย่างอาจารย์ใหญ่ไท่ชางที่จะบอกเขาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสำนักก็จะคอยสนับสนุนเขาตลอดไป

ทั่วบริเวณตกอยู่ในบรรยากาศตึงเครียดที่น่าอึดอัด

สายตาของหลิ่วเทียนเต้าจ้องมองประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาไม่เห็นมู่เฉินกับจิ่วโยวอยู่ในสายตาอยู่แล้ว เนื่องจากเขามั่นใจมากว่าตราบใดที่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ฉลาด ก็ย่อมไม่ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว ผู้บัญชาการจิ่วโยวและแม่ทัพเล็กจ้อยร่อยไม่เป็นจุดสนใจของคนในระดับพวกเขาหรอก!

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน แสงรอบร่างประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็กระเพื่อมไหวเบาบาง เสียงแผ่วเปล่งออกมา “ฮ่าๆ ราคานี้ดึงดูดใจนัก…”

ใบหน้าของมู่เฉินกับจิ่วโยวเปลี่ยนไปพร้อมกับคลื่นหลิงไหลเวียนเร็วรี่ในร่างกาย

“แต่ว่า…” ราวกับมีสายตาเยาะเย้ยพุ่งออกมาจากกลุ่มแสงที่ปกคลุมร่างประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จากนั้นเสียงแหบพร่าที่ดังไปทั่วบริเวณก็ทำให้ทุกคนอึ้งตะลึงไป

“ข้าปฏิเสธข้อเสนอ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด