หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 881 ทำลายค่ายกล

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 881 ทำลายค่ายกล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตู้ม!!!

ลำแสงมืดมิดที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นทำลายล้างพุ่งทะลุมิติราวกับสายฟ้าฟาดมาปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินในเวลาอึดใจ ราวกับค้อนเทพแห่งความตายทุบลงมาห่มหุ่มร่างมู่เฉินทุกทิศทาง

เงามืดสะท้อนบนใบหน้ามู่เฉิน แต่เขาก็ยังสงบนิ่งไม่มีความหวาดกลัวใดๆ กับการโจมตีทำลายล้างที่เบื้องหน้า เขาตวัดนิ้วทั้งสองลงมาเบาๆ

“ร่วง!”

เสียงแผ่วเบาเปล่งออกมาจากริมฝีปากเขา

ฉ่า!

ทันใดนั้นเสียงแสบแก้วหูก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมาเสาแสงสะท้อนในดวงตาเป็นประกายแวววาว เสาแสงเคลื่อนลงมาจากวงแสงขนาดหมื่นจั้ง ช่างดูเป็นเสาแสงที่เรียบง่าย ทว่ากลับมีรัศมีจั้นยี่ห้าสีสอดประสานอยู่ภายใน!

นี่คือผลของรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าหน่วยรบรวมเข้าด้วยกัน

ด้วยกระแสจิตที่ทรงพลังของมู่เฉินจึงสามารถรวมเอารัศมีจั้นยี่ทั้งห้าเป็นหนึ่งเดียวได้!

แม้ว่าจะไม่ใช่การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ แต่พลังก็ยังคงเกินขีดจำกัดของแต่ละหน่วยรบไปไกล

ตู้ม!

ภายใต้สายตาตื่นตกใจนับไม่ถ้วน เสาแสงก็บีบกดลงมาปะทะกับรัศมีจั้นยี่สีดำมืดมิดที่กำลังจะโจมตีมู่เฉิน

จังหวะปะทะกัน ประกายไฟก็กวาดออกทั่วค่ายกลทิศนี้ เมื่อเกิดการแพร่กระจายออกไปก็สามารถเห็นคลื่นกระแทกรัศมีจั้นยี่ด้วยตาเปล่าได้…

ปุ! ปุ!

คลื่นกระแทกแล่นเข้าสู่ร่างของมู่เฉินด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ร่างถลาออกไปอย่างดูไม่ได้ ทว่าเวลาเดียวกันนั้นก็เกิดมุมโค้งขึ้นที่มุมปาก จากนั้นสองนิ้วของเขาก็งอลงเบาๆ

ตู้ม!

เสาแสงเจิดจ้าทำลายลำแสงมืดมิดขนาดใหญ่ ก่อนที่จะทะยานออกไปตามเส้นขอบฟ้า ดูราวกับอุกกาบาตพุ่งลงมาบนขอบฟ้าไปปรากฏเหนือร่างวิญญาณสงครามเต่าดำ มันหยุดลงชั่วครู่ พริบตานั้นก็พังทลายลงมาพร้อมกับคลื่นล้างโลก!

ขณะที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในค่ายกลเต่าดำ

ดวงตาของจินไถหลิวหลีที่อยู่ในค่ายกลเสือขาวก็หดเกร็ง ควบคุมรัศมีจั้นยี่ทรงพลังเพื่อป้องกัน

นั่นเพราะนางสัมผัสได้ว่าเกิดความล่าช้าวูบหนึ่งในการโจมตีของเสือขาว ราวกับว่ามันเริ่มอ่อนตัวลง

“ในที่สุดก็เริ่มเหนื่อยแล้วเหรอ? ถึงแม้ว่าวิญญาณสงครามทั้งสี่ทิศจะไม่ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พลังจั้นยี่จะไม่มีจุดสิ้นสุด!”

จินไถหลิวหลียิ้มบาง ขณะที่ดวงหน้างดงามเย็นชาลงอีกหลายส่วน จากนั้นมือนางก็ขยับวาดตราประทับแปลกๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง

“ตราประทับสงครามผลึกฟ้า!”

เมื่อเสียงของจินไถหลิวหลีเปล่งออกมา ร่างหินสีฟ้าแวววาวที่อยู่ด้านหลังก็ก่อตราประทับประหลาดออกมาคล้ายคลึงกับของนาง

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

รัศมีจั้นยี่ดุเดือดรวมตัวกันเชื่อมโยงกับตราประทับสงครามผลึกฟ้า ประกายไฟแล่นเปรียะ ก่อนที่ตราประทับแสงขนาดพันจั้งจะปรากฏขึ้นใต้ฝ่ามือของวิญญาณสงคราม

ช่างเป็นตราประทับที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง บนพื้นผิวเต็มไปด้วยลวดลายมากมาย ซึ่งลวดลายนี้ไม่แปลกตาเลยเพราะก็คือวิญญาณสงครามนั่นเอง!

ตราประทับแสงนี้สร้างขึ้นจากรัศมีจั้นยี่!

กระบวนท่าของจินไถหลิวหลี ทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนตกใจ นั่นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นจอมยุทธ์ที่ควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ถึงระดับนี้!

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธียอดเยี่ยมกว่ามู่เฉินและเซียวเทียนในการควบคุมรัศมีจั้นยี่ จินไถหลิวหลีรู้จักวิธีใช้รัศมีจั้นยี่ที่แท้จริง!

ตู้ม!

ทว่าจินไถหลิวหลีไม่ได้ใส่ใจว่าการกระทำของตนทำให้ใครตกใจ นางมองเสือขาวด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วสะบัดมือลงมาเบาๆ

มือใหญ่โตของวิญญาณสงครามผลึกฟ้าก็เคลื่อนลงมาเช่นกัน ตราประทับฉีกขาดมิติเกิดเสียงลั่นดัง พริบตาก็ไปปรากฏเหนือร่างเสือขาว กระแทกลงมาอย่างไร้ปรานี!

ครืน!

ก่อนที่ฝ่ามือจะฟาดไปถึงเป้าหมาย พื้นที่โดยรอบตัวเสือขาวก็พังทลายลง เสือขาวคำรามดุเดือด เส้นขนลุกชันขึ้นราวกับหนามแหลมคม ในเนื้อเสียงมีร่องรอยของความกลัวอยู่ภายใน

ปัง!

แต่ไม่ว่าจะส่งคลื่นเสียงคำรามอย่างไร ตราประทับก็กระแทกบนร่างกายใหญ่โตของมันอย่างโหดร้าย

ตู้ม! ตู้ม!

มิติที่มืดมิดเกิดคลื่นกระเพื่อมไหวรุนแรงในยามนี้

ด้านนอกค่ายกลศึก

กองทัพอื่นๆ ต่างตะลึงกับการต่อสู้สะเทือนฟ้าดินในค่ายกลเสือขาวและเต่าดำ วิญญาณสงครามทั้งสองที่มีชั้นเชิงเหนือกว่าเมื่อไม่นานกลับตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเสียแล้ว

“จินไถหลิวหลีและมู่เฉินน่าเกรงขามอย่างแท้จริง… สามารถบีบวิญญาณสงครามที่ทรงพลังได้ถึงระดับนี้!”

“จินไถหลิวหลีเก่งกว่าเห็นได้ชัด ในการเร้ารัศมีจั้นยี่ของนางแข็งแกร่งกว่ามู่เฉินซะอีก”

“แต่มู่เฉินก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาสามารถรวบรวมรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าไว้ด้วยกัน แค่จุดนี้จินไถหลิวหลีก็ไม่อาจทำสำเร็จได้”

“ตอนนี้ทุกอย่างน่าตื่นตาไปหมด ไม่รู้ว่าคนไหนที่จะสามารถทำลายค่ายกลได้ก่อนกัน”

“นี่น่าจะเป็นไพ่ตายสุดท้ายของพวกเขาแล้ว ถ้าล้มเหลวก็หมดหวังที่จะทำลายค่ายกลได้”

“…”

บทสนทนากระจายออกไปทั่วบริเวณ ใบหน้าของจอมยุทธ์จากหลากหลายกองทัพฉายความตกใจ เห็นได้ชัดว่าการแสดงฝีมือของมู่เฉินและจินไถหลิวหลี ทำให้พวกเขารู้สึกอึ้งทึ่งไปเลยทีเดียว

จิ่วโยวและเหล่าผู้บัญชาการรู้สึกโล่งใจ ขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้มอย่างขมขื่น การต่อสู้ของมู่เฉินพลิกตาลปัตรไปมา หากเป็นคนธรรมดาได้ดูภาพนี้ หัวใจของพวกเขาคงรับไม่ไหวแล้ว

ใบหน้าของหลิ่วเหยียนมืดครึ้มลงขณะที่จ้องไปในค่ายกลศึก การที่มู่เฉินพลิกสถานการณ์ได้ ทำให้เขาแทบคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นทั้งมู่เฉินและจินไถหลิวหลีแสดงสัญญาณว่าสามารถทำลายค่ายกลที่พวกเขากำลังปะทะอยู่ได้ ส่วนเซียวเทียนยังพยายามต่อต้านอย่างขมขื่นและมีนักรบบาดเจ็บล้มตายอย่างต่อเนื่อง ภาพนี้ทำเอาเส้นเลือดบนหน้าผากของเขากระตุกไม่หยุด

แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน เวลานี้เขารู้ว่าไม่มีอะไรที่ตนเองสามารถทำได้เพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ในค่ายกลศึก ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือสาปแช่งให้การโต้กลับของมู่เฉินล้มเหลวในการเอาชนะวิญญาณสงครามเต่าดำ

ภายใต้สายตาจ้องมองนับไม่ถ้วน

ริ้วแสงเจิดจรัสในค่ายกลเต่าดำก็เริ่มหมัวหมองลง รัศมีจั้นยี่ที่ฉีกฟ้าดินออกจากกันก็ถอยกลับราวกับกระแสน้ำหลาก

ทุกสายตาจ้องเขม็งไปทันที

เมื่อแสงหายไป วิญญาณสงครามเต่าดำยังคงยืนหยัดอยู่บนมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ได้ ร่างมหึมาราวกับก้อนหินไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เมื่อจิ่วโยวและคนอื่นๆ เห็นว่าวิญญาณสงครามเต่าดำยังยืนอยู่ได้ หัวใจของพวกเขาก็ดิ่งลง ทว่าก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกสิ้นหวัง สายตาพวกเขาก็หดลง นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นรอยแตกกระจายไปตามร่างเต่าดำ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตไหลซึมออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น

แคร็ก!

รอยแตกขยายอย่างรวดเร็ว ในเวลาสิบกว่าลมหายใจ รอยแตกก็แพร่กระจายไปทั่วร่างใหญ่โตของเต่าดำแล้ว!

ตู้ม!

เมื่อรอยแตกกระจายออกไปจนสุด เต่าดำก็ปลดปล่อยเสียงร้องอย่างสิ้นหวัง ร่างใหญ่โตระเบิดออก ภายใต้สายตาตกตะลึงมากมาย!

พร้อมกับการทำลายล้างวิญญาณสงครามเต่าดำ มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ใต้เท้ามันก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

มิติมืดมิดกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ราวกับว่าการต่อสู้เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

อ็อก! อ็อก!

เมื่อเต่าดำหายไป ใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว เลือดกระอักกบปาก จากนั้นร่างก็โซเซ คลื่นหลิงที่กำจายอยู่รอบร่างก็อ่อนล้าลงอย่างรวดเร็ว

วงแสงหมื่นจั้งบนท้องฟ้าก็หายไปด้วย หน่วยรบทั้งห้าก็มีท่าทางอ่อนล้าลง รัศมีจั้นยี่ที่ม้วนตัวอยู่โดยรอบไม่สามารถเทียบกับครึ่งหนึ่งของสภาพพร้อมรบได้เลย เห็นได้ชัดแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะวิญญาณสงครามเต่าดำได้ แต่ก็จ่ายไปมหาศาลเช่นกัน

มู่เฉินเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ด้วยกายามังกรหงส์ซึ่งเปรียบได้กับร่างเทพอสูร อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดที่เต่าดำพังทลาย มิติตรงนั้นบิดเบี้ยวค่อยๆ ก่อตัวเป็นประตูมิติสีดำขนาดใหญ่ ดูมืดดำน่ากลัวยิ่งนัก

ทว่าเมื่อมู่เฉินมองเห็นประตูบานนั้น ประกายแสงก็แวววาวในนัยน์ตา เขาลังเลวูบเดียวก่อนที่จะกัดฟัน ทันใดนั้นร่างเขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในประตู

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังรออยู่ในประตูนั่น แต่เพื่อได้รับมรดกของจักรพรรดิเทียนเจิ้น เขาผ่านความยากลำบากมามากกว่าจะมาไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นโอกาสตรงหน้า ยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้

ทว่ามู่เฉินก็สำรองแผนไว้ เขาไม่ได้นำหน่วยรบติดตามไป กลับมีคำสั่งลับว่าหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ให้รีบติดต่อกับผู้บัญชาการที่อยู่ภายนอกเพื่อทำลายค่ายกลทันที

จากการคาดการณ์ของมู่เฉิน คนภายในมองไม่เห็นภายนอก แต่คนภายนอกน่าจะเห็นสถานการณ์ในค่ายกลตลอดเวลา

ขณะที่มู่เฉินพุ่งเข้าไปในประตูมืดมิด ความโกลาหลก็กระจายไปทั่วด้านนอก

“มู่เฉินทำลายค่ายกลได้สำเร็จจริงด้วย ประตูบานนั้นจะต้องเชื่อมต่อกับจุดลึกที่สุดของซากอารยธรรมความตายแน่!”

“ที่นั่นน่าจะมีมรดกของจักรพรรดิเทียนเจิ้นอยู่ หรือนี่จะถูกมู่เฉินคว้าไป?”

“หืม? มีประตูอีกบานปรากฏในค่ายกลเสือขาวด้วย! จินไถหลิวหลีและมู่เฉินผ่านด่านนี้พร้อมกัน!”

“…”

ภายใต้เสียงอุทานหลากหลาย วิญญาณเสือขาวก็พังทลายลงเช่นกัน เมื่อมันสลายลง ประตูมืดมิดขนาดใหญ่ก็ปรากฏที่เบื้องหลัง

ทันใดที่ประตูปรากฏ จินไถหลิวหลีก็ไม่ลังเลทะยานตัวเข้าไปในประตูเวลาเดียวกับมู่เฉิน!

จอมยุทธ์ทั้งสองหายวับไปจากค่ายกลในเวลาเดียวกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 881 ทำลายค่ายกล

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 881 ทำลายค่ายกล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 881 ทำลายค่ายกล

ตู้ม!!!

ลำแสงมืดมิดที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นทำลายล้างพุ่งทะลุมิติราวกับสายฟ้าฟาดมาปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินในเวลาอึดใจ ราวกับค้อนเทพแห่งความตายทุบลงมาห่มหุ่มร่างมู่เฉินทุกทิศทาง

เงามืดสะท้อนบนใบหน้ามู่เฉิน แต่เขาก็ยังสงบนิ่งไม่มีความหวาดกลัวใดๆ กับการโจมตีทำลายล้างที่เบื้องหน้า เขาตวัดนิ้วทั้งสองลงมาเบาๆ

“ร่วง!”

เสียงแผ่วเบาเปล่งออกมาจากริมฝีปากเขา

ฉ่า!

ทันใดนั้นเสียงแสบแก้วหูก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมาเสาแสงสะท้อนในดวงตาเป็นประกายแวววาว เสาแสงเคลื่อนลงมาจากวงแสงขนาดหมื่นจั้ง ช่างดูเป็นเสาแสงที่เรียบง่าย ทว่ากลับมีรัศมีจั้นยี่ห้าสีสอดประสานอยู่ภายใน!

นี่คือผลของรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าหน่วยรบรวมเข้าด้วยกัน

ด้วยกระแสจิตที่ทรงพลังของมู่เฉินจึงสามารถรวมเอารัศมีจั้นยี่ทั้งห้าเป็นหนึ่งเดียวได้!

แม้ว่าจะไม่ใช่การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ แต่พลังก็ยังคงเกินขีดจำกัดของแต่ละหน่วยรบไปไกล

ตู้ม!

ภายใต้สายตาตื่นตกใจนับไม่ถ้วน เสาแสงก็บีบกดลงมาปะทะกับรัศมีจั้นยี่สีดำมืดมิดที่กำลังจะโจมตีมู่เฉิน

จังหวะปะทะกัน ประกายไฟก็กวาดออกทั่วค่ายกลทิศนี้ เมื่อเกิดการแพร่กระจายออกไปก็สามารถเห็นคลื่นกระแทกรัศมีจั้นยี่ด้วยตาเปล่าได้…

ปุ! ปุ!

คลื่นกระแทกแล่นเข้าสู่ร่างของมู่เฉินด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ร่างถลาออกไปอย่างดูไม่ได้ ทว่าเวลาเดียวกันนั้นก็เกิดมุมโค้งขึ้นที่มุมปาก จากนั้นสองนิ้วของเขาก็งอลงเบาๆ

ตู้ม!

เสาแสงเจิดจ้าทำลายลำแสงมืดมิดขนาดใหญ่ ก่อนที่จะทะยานออกไปตามเส้นขอบฟ้า ดูราวกับอุกกาบาตพุ่งลงมาบนขอบฟ้าไปปรากฏเหนือร่างวิญญาณสงครามเต่าดำ มันหยุดลงชั่วครู่ พริบตานั้นก็พังทลายลงมาพร้อมกับคลื่นล้างโลก!

ขณะที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในค่ายกลเต่าดำ

ดวงตาของจินไถหลิวหลีที่อยู่ในค่ายกลเสือขาวก็หดเกร็ง ควบคุมรัศมีจั้นยี่ทรงพลังเพื่อป้องกัน

นั่นเพราะนางสัมผัสได้ว่าเกิดความล่าช้าวูบหนึ่งในการโจมตีของเสือขาว ราวกับว่ามันเริ่มอ่อนตัวลง

“ในที่สุดก็เริ่มเหนื่อยแล้วเหรอ? ถึงแม้ว่าวิญญาณสงครามทั้งสี่ทิศจะไม่ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พลังจั้นยี่จะไม่มีจุดสิ้นสุด!”

จินไถหลิวหลียิ้มบาง ขณะที่ดวงหน้างดงามเย็นชาลงอีกหลายส่วน จากนั้นมือนางก็ขยับวาดตราประทับแปลกๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง

“ตราประทับสงครามผลึกฟ้า!”

เมื่อเสียงของจินไถหลิวหลีเปล่งออกมา ร่างหินสีฟ้าแวววาวที่อยู่ด้านหลังก็ก่อตราประทับประหลาดออกมาคล้ายคลึงกับของนาง

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

รัศมีจั้นยี่ดุเดือดรวมตัวกันเชื่อมโยงกับตราประทับสงครามผลึกฟ้า ประกายไฟแล่นเปรียะ ก่อนที่ตราประทับแสงขนาดพันจั้งจะปรากฏขึ้นใต้ฝ่ามือของวิญญาณสงคราม

ช่างเป็นตราประทับที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง บนพื้นผิวเต็มไปด้วยลวดลายมากมาย ซึ่งลวดลายนี้ไม่แปลกตาเลยเพราะก็คือวิญญาณสงครามนั่นเอง!

ตราประทับแสงนี้สร้างขึ้นจากรัศมีจั้นยี่!

กระบวนท่าของจินไถหลิวหลี ทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนตกใจ นั่นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นจอมยุทธ์ที่ควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ถึงระดับนี้!

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธียอดเยี่ยมกว่ามู่เฉินและเซียวเทียนในการควบคุมรัศมีจั้นยี่ จินไถหลิวหลีรู้จักวิธีใช้รัศมีจั้นยี่ที่แท้จริง!

ตู้ม!

ทว่าจินไถหลิวหลีไม่ได้ใส่ใจว่าการกระทำของตนทำให้ใครตกใจ นางมองเสือขาวด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วสะบัดมือลงมาเบาๆ

มือใหญ่โตของวิญญาณสงครามผลึกฟ้าก็เคลื่อนลงมาเช่นกัน ตราประทับฉีกขาดมิติเกิดเสียงลั่นดัง พริบตาก็ไปปรากฏเหนือร่างเสือขาว กระแทกลงมาอย่างไร้ปรานี!

ครืน!

ก่อนที่ฝ่ามือจะฟาดไปถึงเป้าหมาย พื้นที่โดยรอบตัวเสือขาวก็พังทลายลง เสือขาวคำรามดุเดือด เส้นขนลุกชันขึ้นราวกับหนามแหลมคม ในเนื้อเสียงมีร่องรอยของความกลัวอยู่ภายใน

ปัง!

แต่ไม่ว่าจะส่งคลื่นเสียงคำรามอย่างไร ตราประทับก็กระแทกบนร่างกายใหญ่โตของมันอย่างโหดร้าย

ตู้ม! ตู้ม!

มิติที่มืดมิดเกิดคลื่นกระเพื่อมไหวรุนแรงในยามนี้

ด้านนอกค่ายกลศึก

กองทัพอื่นๆ ต่างตะลึงกับการต่อสู้สะเทือนฟ้าดินในค่ายกลเสือขาวและเต่าดำ วิญญาณสงครามทั้งสองที่มีชั้นเชิงเหนือกว่าเมื่อไม่นานกลับตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเสียแล้ว

“จินไถหลิวหลีและมู่เฉินน่าเกรงขามอย่างแท้จริง… สามารถบีบวิญญาณสงครามที่ทรงพลังได้ถึงระดับนี้!”

“จินไถหลิวหลีเก่งกว่าเห็นได้ชัด ในการเร้ารัศมีจั้นยี่ของนางแข็งแกร่งกว่ามู่เฉินซะอีก”

“แต่มู่เฉินก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาสามารถรวบรวมรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าไว้ด้วยกัน แค่จุดนี้จินไถหลิวหลีก็ไม่อาจทำสำเร็จได้”

“ตอนนี้ทุกอย่างน่าตื่นตาไปหมด ไม่รู้ว่าคนไหนที่จะสามารถทำลายค่ายกลได้ก่อนกัน”

“นี่น่าจะเป็นไพ่ตายสุดท้ายของพวกเขาแล้ว ถ้าล้มเหลวก็หมดหวังที่จะทำลายค่ายกลได้”

“…”

บทสนทนากระจายออกไปทั่วบริเวณ ใบหน้าของจอมยุทธ์จากหลากหลายกองทัพฉายความตกใจ เห็นได้ชัดว่าการแสดงฝีมือของมู่เฉินและจินไถหลิวหลี ทำให้พวกเขารู้สึกอึ้งทึ่งไปเลยทีเดียว

จิ่วโยวและเหล่าผู้บัญชาการรู้สึกโล่งใจ ขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้มอย่างขมขื่น การต่อสู้ของมู่เฉินพลิกตาลปัตรไปมา หากเป็นคนธรรมดาได้ดูภาพนี้ หัวใจของพวกเขาคงรับไม่ไหวแล้ว

ใบหน้าของหลิ่วเหยียนมืดครึ้มลงขณะที่จ้องไปในค่ายกลศึก การที่มู่เฉินพลิกสถานการณ์ได้ ทำให้เขาแทบคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นทั้งมู่เฉินและจินไถหลิวหลีแสดงสัญญาณว่าสามารถทำลายค่ายกลที่พวกเขากำลังปะทะอยู่ได้ ส่วนเซียวเทียนยังพยายามต่อต้านอย่างขมขื่นและมีนักรบบาดเจ็บล้มตายอย่างต่อเนื่อง ภาพนี้ทำเอาเส้นเลือดบนหน้าผากของเขากระตุกไม่หยุด

แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน เวลานี้เขารู้ว่าไม่มีอะไรที่ตนเองสามารถทำได้เพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ในค่ายกลศึก ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือสาปแช่งให้การโต้กลับของมู่เฉินล้มเหลวในการเอาชนะวิญญาณสงครามเต่าดำ

ภายใต้สายตาจ้องมองนับไม่ถ้วน

ริ้วแสงเจิดจรัสในค่ายกลเต่าดำก็เริ่มหมัวหมองลง รัศมีจั้นยี่ที่ฉีกฟ้าดินออกจากกันก็ถอยกลับราวกับกระแสน้ำหลาก

ทุกสายตาจ้องเขม็งไปทันที

เมื่อแสงหายไป วิญญาณสงครามเต่าดำยังคงยืนหยัดอยู่บนมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ได้ ร่างมหึมาราวกับก้อนหินไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เมื่อจิ่วโยวและคนอื่นๆ เห็นว่าวิญญาณสงครามเต่าดำยังยืนอยู่ได้ หัวใจของพวกเขาก็ดิ่งลง ทว่าก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกสิ้นหวัง สายตาพวกเขาก็หดลง นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นรอยแตกกระจายไปตามร่างเต่าดำ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตไหลซึมออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น

แคร็ก!

รอยแตกขยายอย่างรวดเร็ว ในเวลาสิบกว่าลมหายใจ รอยแตกก็แพร่กระจายไปทั่วร่างใหญ่โตของเต่าดำแล้ว!

ตู้ม!

เมื่อรอยแตกกระจายออกไปจนสุด เต่าดำก็ปลดปล่อยเสียงร้องอย่างสิ้นหวัง ร่างใหญ่โตระเบิดออก ภายใต้สายตาตกตะลึงมากมาย!

พร้อมกับการทำลายล้างวิญญาณสงครามเต่าดำ มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ใต้เท้ามันก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

มิติมืดมิดกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ราวกับว่าการต่อสู้เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

อ็อก! อ็อก!

เมื่อเต่าดำหายไป ใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว เลือดกระอักกบปาก จากนั้นร่างก็โซเซ คลื่นหลิงที่กำจายอยู่รอบร่างก็อ่อนล้าลงอย่างรวดเร็ว

วงแสงหมื่นจั้งบนท้องฟ้าก็หายไปด้วย หน่วยรบทั้งห้าก็มีท่าทางอ่อนล้าลง รัศมีจั้นยี่ที่ม้วนตัวอยู่โดยรอบไม่สามารถเทียบกับครึ่งหนึ่งของสภาพพร้อมรบได้เลย เห็นได้ชัดแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะวิญญาณสงครามเต่าดำได้ แต่ก็จ่ายไปมหาศาลเช่นกัน

มู่เฉินเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ด้วยกายามังกรหงส์ซึ่งเปรียบได้กับร่างเทพอสูร อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดที่เต่าดำพังทลาย มิติตรงนั้นบิดเบี้ยวค่อยๆ ก่อตัวเป็นประตูมิติสีดำขนาดใหญ่ ดูมืดดำน่ากลัวยิ่งนัก

ทว่าเมื่อมู่เฉินมองเห็นประตูบานนั้น ประกายแสงก็แวววาวในนัยน์ตา เขาลังเลวูบเดียวก่อนที่จะกัดฟัน ทันใดนั้นร่างเขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในประตู

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังรออยู่ในประตูนั่น แต่เพื่อได้รับมรดกของจักรพรรดิเทียนเจิ้น เขาผ่านความยากลำบากมามากกว่าจะมาไกลถึงเพียงนี้ ดังนั้นโอกาสตรงหน้า ยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้

ทว่ามู่เฉินก็สำรองแผนไว้ เขาไม่ได้นำหน่วยรบติดตามไป กลับมีคำสั่งลับว่าหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ให้รีบติดต่อกับผู้บัญชาการที่อยู่ภายนอกเพื่อทำลายค่ายกลทันที

จากการคาดการณ์ของมู่เฉิน คนภายในมองไม่เห็นภายนอก แต่คนภายนอกน่าจะเห็นสถานการณ์ในค่ายกลตลอดเวลา

ขณะที่มู่เฉินพุ่งเข้าไปในประตูมืดมิด ความโกลาหลก็กระจายไปทั่วด้านนอก

“มู่เฉินทำลายค่ายกลได้สำเร็จจริงด้วย ประตูบานนั้นจะต้องเชื่อมต่อกับจุดลึกที่สุดของซากอารยธรรมความตายแน่!”

“ที่นั่นน่าจะมีมรดกของจักรพรรดิเทียนเจิ้นอยู่ หรือนี่จะถูกมู่เฉินคว้าไป?”

“หืม? มีประตูอีกบานปรากฏในค่ายกลเสือขาวด้วย! จินไถหลิวหลีและมู่เฉินผ่านด่านนี้พร้อมกัน!”

“…”

ภายใต้เสียงอุทานหลากหลาย วิญญาณเสือขาวก็พังทลายลงเช่นกัน เมื่อมันสลายลง ประตูมืดมิดขนาดใหญ่ก็ปรากฏที่เบื้องหลัง

ทันใดที่ประตูปรากฏ จินไถหลิวหลีก็ไม่ลังเลทะยานตัวเข้าไปในประตูเวลาเดียวกับมู่เฉิน!

จอมยุทธ์ทั้งสองหายวับไปจากค่ายกลในเวลาเดียวกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+