หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 855 ตีหมาที่ตกน้ำ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 855 ตีหมาที่ตกน้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 855 ตีหมาที่ตกน้ำ

ขณะที่มู่เฉินเข้าควบคุมหน่วยรบวิหคโลกันตร์อีกครั้ง

รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งออกมา รัศมีนี้ที่ได้รับการชำระจนกลั่นตัวจะแข็งแกร่งมาก แม้แต่พวกเลี่ยซันที่อยู่ไกลออกไปก็ยังต้องเหลือบตามองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

แต่มู่เฉินไม่ได้ใส่ใจ เขายืนอยู่บนท้องฟ้า รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์กวาดเข้ามาที่ใต้ฝ่าเท้าเขาราวกับมหาสมุทรน้ำหมึก จากนั้นดวงตาเขาก็ปิดลง จิตใต้สำนึกหลอมรวมเข้ากับรัศมีจั้นยี่ ราวกับมีเสียงคำรามไม่มีที่สิ้นสุดดังสะท้อนก้องอยู่ในใจ เสียงนี้ทำให้กระทั่งเลือดในกายของเขายังเริ่มเดือดพล่าน

การให้มู่เฉินเข้าบัญชารัศมีจั้นยี่อีกครั้งก็เท่ากับปล่อยพยัคฆ์เข้าป่า เขาสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดายถึงพลังทำลายล้างที่น่ากลัวที่เขาสามารถบัญชาในมหาสุมทรรัศมีจั้นยี่เพียงแค่สะบัดมือ

ถ้ามู่เฉินใช้พลังนี้ต่อสู้กับฟังยี่ก่อนหน้า กระทั่งร่างแสงดาวปฐมกาลของฟังยี่ก็คงจะถูกเขาทำลายโดยสิ้นเชิง

เพราะนี่ก็คือพลังของรัศมีจั้นยี่

แม้ว่าพลังนี้จะไม่ใช่ของตนเองและมีข้อจำกัดในการใช้มากมาย แต่บางครั้งทุกคนก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นพลังคุกคามที่น่ากลัวมากเช่นกัน

ในอดีตจั้นเจิ้นซือชั้นสุดยอดสามารถปะทะกับจอมยุทธ์ชั้นนำของโลกได้เลยทีเดียว ทว่าเมื่อแยกออกจากกองทัพแล้วพลังของพวกเขาจะลดลงมาก แต่ถ้าจั้นเจิ้นซือทรงพลังมีกองทัพชั้นยอดในมือ พวกเขาก็จะมีพลังที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ไม่อาจดูถูกได้

“ก่อนหน้าเราสู้กันบาดเจ็บทั้งคู่…งั้นตอนนี้มาลองอีกสักตั้งไหม?” ม่านตาสีดำของมู่เฉินจ้องไปยังที่ไกล ตรงนั้นกองทัพจระเข้สวรรค์จัดกระบวนทัพป้องกันกำลังถอยหนีอย่างรวดเร็วโดยมีฟังยี่อยู่ด้วย แต่ถึงจะมีจอมยุทธ์มากมายปกป้องเขา มู่เฉินก็ยังรู้สึกถึงสายตาเย็นเยือกของอีกฝ่ายที่กินลึกถึงกระดูก

“กีด!”

มือของมู่เฉินกดลงโดยไม่ลังเลพร้อมกับสั่งการในหัวใจ มหาสมุทรสีดำรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์กวาดออกพร้อมกับเปล่งเสียงร้องไปทั่วพื้นที่ ขณะที่รัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่พวยพุ่งก่อร่างเป็นวิหคโลกันตร์ขนาดใหญ่ ร่างสัตว์อสูรใหญ่นี้ประทับลวดลายสลับซับซ้อนที่เห็นได้อย่างชัดเจน มิหนำซ้ำระลอกรัศมีทรงพลังยังสร้างลอนคลื่นไปทั่วมิติ

“วิญญาณสงคราม?!”

เมื่อวิญญาณสงครามปรากฏขึ้น ผู้บัญชาการทั้งสามจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ตรวจพบได้ทันที ม่านตาของพวกเขาหดลงด้วยความตื่นตะลึง ขณะที่จ้องมองไปยังทิศที่มู่เฉินยืนอยู่

“อัจฉริยะแท้จริง ผู้บัญชาการมู่มีความสามารถบัญชารัศมีจั้นยี่ได้ถึงระดับนี้ทั้งที่อายุน้อยขนาดนี้” เลี่ยซันกล่าวอย่างเคร่งขรึม ในหน่วยรบเขาก็มีผู้ใต้บัญชาการหลายคนที่เชี่ยวชาญและโดดเด่น แต่ก็ไม่มีสักคนเดียวที่สามารถสร้างวิญญาณสงครามได้เหมือนกับมู่เฉิน

ไม่ไกลจากเลี่ยซัน โจวเยี่ยหนึ่งในสี่ยอดแม่ทัพของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เผยสีหน้าซับซ้อน เขามองวิญญาณสงครามที่กวนตัวอยู่เหนือหน่วยรบวิหคโลกันตร์ สุดท้ายก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจด้วยความชื่นชม การขับเคลื่อนครั้งนี้ของมู่เฉินทำให้เขาไม่มีแม้กระทั่งความกล้าที่จะท้าทาย…

“วาบ!”

เมื่อวิญญาณสงครามปรากฏขึ้น ปีกก็สับลงมาพร้อมกับเสียงดังสนั่นภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ลำแสงที่ราวกับใบมีดแหลมคมฟันลงมา ฉีกขาดท้องฟ้าเป็นริ้วปรากฏเหนือกองทัพจระเข้สวรรค์ ก่อนที่จะซัดลงมาโดยไม่ลังเล

ในเส้นทางของลำแสง มิติราวกับถูกฉีกออกเป็นสองส่วน

สูป้าที่ยืนอยู่ในกองทัพก็รู้สึกเย็นยะเยือกบนชั้นผิว เมื่อเห็นลำแสงส่องลงมา ทันใดนั้นเขาก็แผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

“รัศมีจระเข้สวรรค์!”

ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่สีแดงสดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากกองทัพจระเข้สวรรค์ จากนั้นก็ทะยานไปที่เส้นขอบฟ้าพุ่งเข้าหาลำแสงหมายจะขัดขวาง

ปุ! ปุ!

ทว่าการกีดขวางช่างไร้ความหมาย รัศมีจั้นยี่ถูกฉีกออกโดยลำแสง การทำลายล้างที่พุ่งเข้ามาทำให้หัวใจของสูป้าหนาวสะท้าน

ลำแสงที่มีความคมเพียงพอจะฉีกมิติออกจากกันในที่สุดก็พุ่งลงมา ทำให้เกิดเสียงแหลมบาดแก้วหูราวกับใบมีดกรีดเฉือนร่าง ในกองทัพจระเข้สวรรค์ ร่างหลายร่างถึงกับกระอักเลือดออกจากปากขณะที่ร่วงลงจากบนฟ้า เห็นได้ชัดว่าถูกปะทะจากการโจมตีเข้าอย่างจัง

นี่เป็นเพียงการแลกกกระบวนท่าสั้นๆ กองทัพจระเข้สวรรค์ก็สูญเสียนักรบชั้นยอดไปหลายร้อยคน

ใบหน้าของสูป้ากระตุกดูเหี้ยมเกรียมอย่างยิ่ง ที่ด้านข้างใบหน้าของฟังยี่ก็เขียวคล้ำ เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะน่าเกรงขามขนาดนี้ หลังจากบัญชาหน่วยรบวิหคโลกันตร์

“ถอยเร็ว!”

สูป้าคำราม เนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตซึ่งถูกล้อมไว้ในหุบเขาก็เตรียมที่จะพุ่งเข้าโจมตีกองทัพจระเข้สวรรค์ เป็นการตีขนาบทั้งหน้าหลัง ถ้าแผนนี้สำเร็จพวกเขาต้องสูญเสียมหาศาลแน่

มิหนำซ้ำตอนนี้เจ้าภูเขาเหยียนหลังและเจ้าภูเขาเทียนสงก็กำลังถูกหน่วยรบทั้งสามของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไล่ล่าอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ ได้ พวกเขาต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้นในการถอยร่น

มู่เฉินมองไปที่กองทัพจระเข้สวรรค์ที่ถอยร่นอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการเสียโอกาสในการตีหมาที่ตกน้ำ เขาโบกมือ หน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็เคลื่อนทัพราวกับเมฆดำขนาดใหญ่ บนท้องฟ้าวิญญาณสงครามกระพือปีกวูบไหว ทำให้รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพลุ่งพล่าน ก่อตัวเป็นขนนกรัศมีจั้นยี่สีดำนับไม่ถ้วน พุ่งออกราวกับห่าลูกธนูจากทุกทิศทาง

บนท้องฟ้า กองทัพขนาดใหญ่กำลังถอยอย่างรวดเร็ว โดยมีอีกกองทัพไล่ล่ามาจากด้านหลัง ทุกการปะทะระหว่างพวกเขา ทำให้มิติถึงกับกระเพื่อมไหว พื้นดินเบื้องล่างฉีกขาดออกจากกัน…

ภายใต้การปะทะกันของรัศมีจั้นยี่ มีคนบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย แต่ชัดว่ากองทัพจระเข้สวรรค์นั้นสูญเสียสมาธิในการต่อสู้ทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่า แม้จะมีข้อได้เปรียบในด้านจำนวน แต่หน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็ใช้วิญญาณสงครามในการถมช่องว่างนี้

มู่เฉินปรากฏตัวบนหัวของวิญญาณสงครามพลางหรี่ตามองไปที่กองทัพจระเข้สวรรค์ที่กำลังถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หรือพูดให้ชัดก็คือฟังยี่ที่แทรกตัวอยู่ในกลุ่มนักรบ จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วออกกดลงเบาๆ

ฮึ่ม!

ขนนกรัศมีจั้นยี่สีดำยิงออกมาจากทุกทิศทาง ส่วนขนนกสิบกว่าสายก็แหวกผ่านรัศมีจั้นยี่ที่ปกป้องจากกองทัพจระเข้สวรรค์เข้าไป ค้นหาร่างฟังยี่แล้วยิงเข้าใส่ไม่ยั้ง

ชัดว่ามู่เฉินตั้งใจจะสังหารฟังยี่ให้สิ้นซาก

เมื่อฟังยี่เห็นขนนกสีดำที่พุ่งมายังทิศของตนเอง ใบหน้าก็แปรเปลี่ยน เขาสัมผัสได้ถึงพลังยิ่งใหญ่ที่บรรจุอยู่ในขนนกสีดำเหล่านี้

นั่นคือสิ่งที่รวมพลังรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ทั้งหมดไว้

ยามนี้มู่เฉินไม่ใช่คนก่อนหน้าแล้ว

ตู้ม!

แต่ถึงจะรู้คนอย่างฟังยี่ก็ไม่นอนรอความตาย เขาแผดเสียงคำรามต่ำ คลื่นหลิงที่ฟื้นคืนพวยพุ่งออกมาไม่หยุดยั้ง ร่างมหึมาก่อตัวรอบร่างเขาอีกครั้ง ซึ่งก็คือร่างแสงดาวปฐมกาลนั่นเอง

มู่เฉินมองร่างแสงดาวปฐมกาล มุมปากก็ยกเป็นมุมโค้งเย็นเยือก เขาตวัดนิ้วลงเบาๆ ขนนกสีดำสิบกว่าสายก็พุ่งทะลุมิติกระแทกลงบนร่างแสงดาวปฐมกาลจังใหญ่

ปัง!

คลื่นหลิงรุนแรงแผ่ขยายออกไป มู่เฉินก็ทำลายร่างแสงดาวปฐมกาลที่เคยทำให้เขาบาดเจ็บ ร่างฟังยี่กระเด็นออกไปอย่างน่าสมเพช เลือดกระอักออกมากบปาก ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษเลยทีเดียว

เพียงแค่สัมผัส ฟังยี่ก็พ่ายแพ้แล้ว!

โห้

ที่ห่างออกไป กองทัพอื่นๆ ที่กำลังจดจ่ออยู่กับสมรภูมิแห่งนี้ก็อดอ้าปากตาค้างไม่ได้ ใครจะคิดว่ามู่เฉินที่เคยได้รับอาการบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายจากการต่อสู้ระหว่างเขากับฟังยี่หลังจากงัดกลยุทธ์ออกมาหลากหลายจะน่าสะพรึงกลัวมากในตอนนี้ เพียงกระบวนท่าเดียวก็เอาชนะฟังยี่ได้แล้ว

แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ได้ทำคนเดียว แต่เป็นการรวบรวมพลังกับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ แต่ก็ไม่มีใครคิดเยาะเย้ยว่านี่เป็นพลังภายนอก เพราะนี่คือสมรภูมิรบ ทุกอย่างดูที่ผลลัพธ์ ไม่มีใครสนใจวิธีการหรอก…

มีแต่คนโง่ที่เชื่อเรื่องความยุติธรรม

มู่เฉินมองไปที่ฟังยี่ที่หมดท่าอย่างไม่แยแส ตอนนี้ฟังยี่ไม่มีความเก่งกาจที่มีระหว่างการเผชิญหน้าก่อนหน้า เพราะตอนนี้จอมยุทธ์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไป

ฟิ้ว!

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อขนนกสีดำที่โอบล้อมกองทัพจระเข้สวรรค์ก็ยิงออกมาอีกสิบกว่าสาย ซัดไปทางฟังยี่ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะตีสุนัขที่ตกน้ำให้ตายเลยทีเดียว

ฟังยี่ก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวของมู่เฉิน ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำลงขณะที่เร่งถอยไปอย่างรวดเร็ว เขารู้แล้วว่ามู่เฉินที่บัญชารัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ไม่ใช่คนที่เขาสามารถเผชิญหน้าได้ด้วยคนเดียว

แต่ตอนนี้ชัดว่ามู่เฉินไม่ให้โอกาสเขาแล้วแน่นอน ขนนกสีดำคมกริบมาพร้อมกับรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ไร้ขอบเขตเจาะทะลุมิติราวกับสายฟ้าฟาด ปรากฏขึ้นเหนือร่างฟังยี่ในไม่กี่อึดใจก่อนที่จะพุ่งลงมา

เส้นทางการหลบหนีของฟังยี่ถูกปิดตาย

ตู้ม!

แต่ขณะที่ขนนกกำลังจะปะทะร่างฟังยี่ สูป้าก็ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาตะเบ็งเสียงคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกมา

ปัง!

จังหวะที่ขนนกสีดำสัมผัสกับคลื่นหลิงดุดัน พลังงานทั้งสองสายก็แตกสลาย

“ไอ้เหลือขอปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม โอหังขนาดจะฆ่าคนตรงหน้าข้าเชียวเรอะ!”

สูป้าจ้องมองมู่เฉินอย่างดุร้าย ก่อนจะคำรามออกคำสั่งกับกองทัพจระเข้สวรรค์ “ทุกคนรีบถอย ข้าจะจัดการไอ้จอมหยิ่งนี่เอง!”

“จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเก่งมากเรอะ? ในเมื่ออยากลองดีก็ใช้เจ้ามาสังเวยชีวิตให้หน่วยรบวิหคโลกันตร์ซะ”

ทว่ามู่เฉินกลับสาดยิ้มไม่แสแยเมื่อเผชิญกับสูป้าที่กำลังคำรามลั่น เขาวาดตราประทับด้วยฝ่ามือเดียว ทันใดนั้นวิญญาณสงครามก็ปลดปล่อยเสียงร้องยาวพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกวาดไปทั่วบริเวณ

ขนนกสีดำเปลี่ยนเป้าหมาย เล็งเป้าไปที่สูป้า จากนั้นก็ยิงใส่ทุกทิศทาง จิตสังหารอัดแน่นอยู่ภายใน

ผู้คนที่เฝ้าดูถึงกับสูดอากาศเย็นสุดปอด มู่เฉินโอหังจริงที่คิดจะจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกด้วยพลังกองทัพ!

**สุภาษิต ตีหมาที่ตกน้ำแปลว่าจัดการคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด