หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1240 ศึกมาถึงแล้ว

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1240 ศึกมาถึงแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1240 ศึกมาถึงแล้ว

ไม่กี่วันบรรยากาศในเมืองซีเทียนจั้นก็เดือดพล่าน

เนื่องจากศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นทั้งเมืองจึงร้อนระอุด้วยความคาดหมาย

นอกจากนี้ยังมีข่าวมากมายแพร่สะพัดไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตารางความนิยมซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งเมือง

แต่ภายใต้บรรยากาศนี้ก็มีจอมยุทธ์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเริ่มเผยให้เห็นความสามารถ พวกเขาปิดบังตัวตนไว้เพื่อศึกนักรบทวีป ด้วยความตั้งใจที่จะทะยานขึ้นบนท้องฟ้าด้วยความสำเร็จครั้งเดียว

ภายใต้บรรยากาศนี้ข่าวที่มู่เฉินซัดสงป้ากระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียวก็แพร่กระจายออกไป ดึงดูดความสนใจไว้ได้อย่างรวดเร็ว

เป็นเพราะเหตุนี้จำนวนเงินเดิมพันของมู่เฉินก็พุ่งขึ้นเป็นของเหลวจื้อจุนหนึ่งร้อยล้านหยด เข้าสู่สิบอันดับแรกของตาราง ทว่า…

แปดสิบล้านหยดเป็นการลงทุนของเขาเอง

แต่ไม่ว่าอย่างไรการต่อสู้กับสงป้าได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้ามาท้าทายเขาให้ต้องปวดหัว

ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาหนึ่งหมัดของมู่เฉินเท่ากับแปดสิบล้านหยดของเหลวจื้อจุนนั่นเอง… นี่เป็นราคาที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่เต็มใจที่จะจ่าย ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุผลตามที่ต้องการหลังจากจ่ายไปแล้วไหม

เนื่องจากมีสงป้าเป็นตัวอย่างไปก่อนหน้า กำปั้นของมู่เฉินแปลกประหลาดเกินไป ขนาดสงป้ายังไม่มีหน้าที่จะอยู่ในเมืองต่อไป ดังนั้นหลายคนไม่รู้ว่ามีความลับอะไรอยู่เบื้องหลังกำปั้นของมู่เฉินที่ทำให้เกิดความทุกข์ยากยิ่งขึ้นสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

ธรรมชาติของมนุษย์มักกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก

ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องมู่เฉิน ทำให้เกิดความสงบสุขไปอีกหลายวัน

เวลาผ่านไปในพริบตา ท่ามกลางการอคอยของผู้คนศึกนักรบทวีปก็มาถึง

เมื่อวันเปิดศึกมาถึงเมืองซีเทียนจั้นก็อึกทึกด้วยเสียงกลองที่ดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก กลองเหล่านั้นอัดแน่นด้วยรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตที่ทำให้ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้น

เมื่อเสียงกลองสะท้อนก้อง เสียงแหวกอากาศก็ปกคลุมไปทั่ว เหล่าจอมยุทธ์โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกความผันผวนช่างทรงพลังมาจากทั่วสารทิศ ถ้าเป็นที่อื่นพวกเขาจะเป็นจุดรวมความสนใจแน่นอน แต่วันนี้พวกเขาเป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้สามารถบอกได้ว่ามีจอมยุทธ์มากเพียงใดที่รวมตัวกันเพื่อศึกนักรบทวีปครั้งนี้

ตำหนักซีเทียนตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีจัตุรัสที่ทำจากหยกขาว ขณะนี้ทั่วจัตุรัสแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

กลองในจัตุรัสดังก้องอยู่ตลอดเวลา เสียงกลองที่ดังไปทั่วเมืองก็มาจากที่นี่

วาบ วาบ!

ยามนี้ร่างแสงพุ่งเข้ามาในท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เหล่าจอมยุทธ์ก็พลิ้วตัวลงมาบนจัตุรัสด้วยมือไพล่ไว้ด้านหลัง แต่ละคนฉายท่าท่างเคร่งเครียดน่ากลัว ไม่แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิที่มีอีกต่อไป

ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับตำหนักซีเทียนและยอดยุทธ์ที่อยู่ข้างในก็ปลดปล่อยรัศมีออกมาเลือนราง เบื้องหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนพวกเขาไม่กล้าทำตัวยโสแม้แต่น้อย

มู่เฉินกับลั่วหลีก็พลิ้วลงมาเคียงข้างกัน

เมื่อทั้งสองมาถึงสายตาหลายคู่ก็พุ่งเป้ามา ทว่าส่วนใหญ่มุ่งไปที่ลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน

วันนี้ลั่วหลีสวมชุดยาวเผยรูปร่างยั่วยวน ทำให้เกิดบรรยากาศสง่างามรอบตัวนาง ผมยาวสีเงินยวงปล่อยระบั้นเอว แม้ว่าใบหน้าจะคลุมไว้ด้วยผ้าคลุม ดวงตาที่ถูกเปิดเผยก็ตรึงตาทุกคนที่จ้องมองมา

“สมกับเป็นทายาทเทพธิดาลั่วเสินแห่งมหาพันภพ…”

หลายคนถอนหายใจ ลั่วหลีขัดเกลาความนุ่มนวลลงโดยสิ้นเชิง ดูแล้วทรงเสน่ห์อย่างมากในขณะนี้

ไม่เพียงแต่นางจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบนอก แม้แต่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็เบนสายตามองไป ตอนนี้ทุกคนรู้สึกรำคาญมู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างกายนาง

“ไอ้บ้าพวกนี้”

มู่เฉินสบถด้วยรอยยิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา ทว่าลั่วหลีก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงยิ้มตาหยีหันไปหามู่เฉิน อากัปกิริยานี้ทำให้หลายคนตกตะลึงพรึงเพริด

วาบ วาบ!

ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศสามสายก็ดังขึ้น ก่อนที่เงาร่างสามร่างจะเผยตัวบนจัตุรัสดึงดูดสายตาจำนวนมากไป

มู่เฉินเพ่งสายตามอง เขารู้สึกถึงไออันตรายที่มาจากทั้งสามคน

มู่เฉินกวาดสายตามองไปก็เห็นในร่างทั้งสาม มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ ลวดลายดวงดาวปักบนเสื้อคลุม เขาดูเหมือนอยู่ในช่วงกลางคน แต่ผมกลับเป็นสีขาว ทำให้ดูอ่อนโยนราวกับเป็นบัณฑิตทรงภูมิ

คนที่สองสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอมเขียว กระบี่โลหะคร่ำเครอะพาดอยู่ข้างหลัง ร่างกระจายรัศมีคมชัดทิ้งรอยไว้บนพื้นอย่างต่อเนื่องจากรัศมีกระบี่

คนที่สามมีโครงสร้างแข็งแรง เส้นผมยุ่งเหยิง เขาดูดิบเถื่อนเมื่อยืนอยู่ เปล่งแสงรัศมีครอบงำไม่สามารถอธิบายได้ออกมา

มู่เฉินมองดูทั้งสามคนก็ครุ่นคิด หากการเดาถูกต้องทั้งสามคนคงจะเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในทวีปซีเทียนที่ลั่วหลีเคยพูดถึง

เจ้าตำหนักแสงดาว—หลิ่วซิงเฉิน

กระบี่เทพหมาป่า—ซูมู่

ดาบทรราช—ฉู่เหมิน

“พวกเขาไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง” สายตาของมู่เฉินกะพริบวูบไหว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงดวงตาของผู้คนจำนวนมากที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดด้วยความกลัวที่มีต่อทั้งสามคน

สำหรับทั้งสามก็ยังคงความสงบหลังจากปรากฏตัว ไม่ได้แสดงท่าทางกดดันเหมือนคนอื่นๆ ชัดว่าไม่ธรรมดา

ตึง!

เมื่อผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่จัตุรัส จู่ๆ เสียงกลองก็ดังก้อง ทุกคนเงยหน้าขึ้นก็เห็นบัลลังก์สีทองสองตัวปรากฏขึ้นบนตำหนักใหญ่ มีร่างสง่างามสวมเสื้อคลุมสีทองนั่งอยู่บนบัลลังก์ตัวหนึ่ง

เมื่อเขาปรากฏตัวทั่วบริเวณก็ถูกห่อหุ้มด้วยแรงกดไม่มีรูป เสียงเงียบลงทันควัน สายตาเคารพนับถือก็จ้องมองไปที่ร่างเงานั้น

“คารวะจักรพรรดิสัประยุทธ์!”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือดังก้อง ทุกคนประสานมือโค้งคำนับ

นั่นเป็นเพราะชายผู้นี้คือผู้ปกครองทวีปซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน!

เฝ้ามองทุกคน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะมองไปในอากาศแล้วยิ้ม “น่ายินดีอย่างยิ่งที่เทพจักรพรรดิอัคคีมาเยี่ยมเยือนตำหนักซีเทียนของข้า”

“ในเมื่อเจ้าเชิญมา ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?”

มิติบิดเบี้ยวเปลวไฟพวยพุ่งแล้วกวาดออก ก่อนจะก่อตัวเป็นร่างสูงบนท้องฟ้า

ร่างนั้นลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟ ทุกคนรู้สึกได้ว่าความกดดันที่มาจากจักรพรรดิสัประยุทธ์หายไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือ…เทพจักรพรรดิอัคคีแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว?!”

หลายคนเงยหน้าขึ้นทันควัน จ้องมองร่างเงานั้นด้วยความตกใจและเทิดทูนในดวงตา เพราะชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคียิ่งใหญ่นักในมหาพันภพ

แม้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์จะเป็นยอดยุทธ์ในมหาพันภพ แต่ก็ยังด้อยกว่าคนอย่างเทพจักรพรรดิอัคคี

บางทีแม้แต่ตัวจักรพรรดิสัประยุทธ์เองก็ยังต้องยอมรับความจริงข้อนี้

แต่โดยปกติแล้วจอมยุทธ์แบบนี้ยากที่จะพบเจอ ต่อให้ตอนนี้เขาจะเป็นเพียงร่างสำเนาเท่านั้น แต่ทำไมเขาถึงมาดูศึกนักรบทวีปแห่งนี้?

บางคนเหลือบมองไปในทิศทางของมู่เฉิน เนื่องจากเป็นมู่เฉินเคยเชื้อเชิญเทพจักรพรรดิอัคคีมาตอนที่ตระกูลลั่วเสินตกอยู่ในอันตรายทำให้จักรพรรดิสัประยุทธ์ต้องกลับไปมือเปล่า…

ยิ่งกว่านั้นมีลือกันว่าเทพจักรพรรดิอัคคีเป็นคนต่อรองให้จักรพรรดิสัประยุทธ์มอบสิทธิ์เข้าร่วมศึกนักรบทวีปนี้ให้…

ชัดว่างานนี้เทพจักรพรรดิอัคคีมาที่นี่เพราะมู่เฉิน

“ไอ้เด็กเหลือขอนั่นมีภูมิหลังแบบนั้นเชียวเหรอ? ไม่น่าแปลกที่เขาไม่กลัวตำหนักซีเทียน…” หลายคนถอนหายใจด้วยความอิจฉาในใจ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะมีความสัมพันธ์ใดกับเทพจักรพรรดิอัคคีแห่งมหาพันภพคนนี้

ท่ามกลางสายตาเคารพนับถือเกินคณนา ร่างสำเนาของเซียวเหยียนก็นั่งลงไปบนบัลลังก์สีทองข้างจักรพรรดิสัประยุทธ์

เมื่อนั่งลง เซียวเหยียนก็กวาดสายตายิ้มให้มู่เฉิน

เมื่อเห็นสายตานั่น มู่เฉินก็ยิ้มพลางโค้งคำนับ

“หืม?”

สายตาของเซียวเหยียนหยุดชะงักเมื่อมองที่มู่เฉิน เสียงอุทานแผ่วเบาดังขึ้นในใจ

ขณะที่เซียวเหยียนอุทานในใจ มู่เฉินก็รู้สึกถึงเจดีย์ผลึกแก้วใสในร่างกายสั่นไหว เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกตกใจในใจไม่น้อย

“มองปราดเดียว… ก็สามารถตรวจพบเจดีย์ผลึกแก้วในร่างข้าได้เหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด