หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1293 เผ่าฝูถูมาถึง

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1293 เผ่าฝูถูมาถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1293 เผ่าฝูถูมาถึง

ในหอหมื่นพัน

กลุ่มสามกลุ่มเข้ามาพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่มีรูปร่างครอบคลุมทั่วพื้นที่ ความปั่นป่วนในหอก็เงียบลงทันที

จากนั้นทุกสายตาก็จ้องไปยังคนสามกลุ่มที่เข้ามา

ทั้งสามกลุ่มนำโดยสองชายชราและหนึ่งสตรี ชายชราทั้งสองมีผมสีขาว คนหนึ่งสวมชุดดำ อีกคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเงิน ร่างกายของพวกเขาเหี่ยวย่นขณะที่เดินทอดน่องเข้ามา

ทว่าไม่มีใครกล้าฉายสายตาเย้ยหยัน ในทางตรงกันข้ามดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพอย่างหนาแน่น เพราะทุกคนที่ไม่ใช่คนโง่ต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากทั้งสามคน

นอกจากนี้นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาปล่อยออกมาโดยเจตนา แต่เป็นการสะท้อนพลังงานของพวกเขาที่เกิดจากฟ้าดิน

นอกเหนือจากชายชราสองคนแล้ว ยังมีหญิงสะคราญโฉมสวมชุดแบบดั้งเดิมดูเป็นผู้ใหญ่และทรงเสน่ห์ ทว่าตัดสินจากการที่นางเดินเข้ามาพร้อมชายสองคน นางจะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนด้วยเช่นกัน

ถัดจากจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนสามคน ก็ยังมีอีกสามคนที่ได้รับความสนใจอย่างมาก หนึ่งคือชายสวมชุดสีฟ้าอมเขียวที่เดินอยู่ด้านหลังชายชราชุดดำ รอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าของเขา เมื่อเขากวาดสายตาไปรอบๆ ทุกคนที่ประสานสายตากับเขาจะมีความประทับใจที่ดี

ทว่ามีเพียงคนประสาทสัมผัสดีเยี่ยมเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงความเย็นชาและน่าสะพรึงในส่วนลึกสายตาของเขา

ด้านหลังชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีเงินเป็นชายสวมชุดสีดำ บุคลิกของเขาแตกต่างจากชายสวมชุดสีฟ้าอมเขียวโดยสิ้นเชิง เขาให้ความรู้สึกไม่แยแสและเย็นเยือก ราวกับอสรพิษร้ายออกล่าเหยื่อ

ด้านหลังหญิงคนนั้นเป็นหญิงสาวสวมชุดขาวที่มีส่วนโค้งเว้างดงามและน่าภาคภูมิใจ แต่ตรงกันข้ามกับร่างอันร้อนแรง ใบหน้าของนางเย็นชาและรัศมีเย็นสุดขั้วก็เล็ดลอดออกมาจากตัวนาง ช่างคล้ายกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้

ด้านหลังพวกเขาเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว ถึงแม้ว่าจะไม่โดดเด่นเท่ากับสามคนนี้ แต่ก็ยังคงโดดเด่นหากไปยืนอยู่ที่อื่น

“หึๆ หัวกะทิจากเผ่าฝูถูถูกส่งมาถึงสามกลุ่ม ดูเหมือนว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะรับวิชาเจดีย์แปดองค์ไปนะเนี่ย” ชื่อเหยียนมองทั้งสามกลุ่มก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะเหลือบมองไปที่มู่เฉิน

ขณะนี้มู่เฉินไม่ได้แสดงออกสีหน้าใดๆ แต่มีเพียงคนที่รู้จักเขาอย่างลั่วหลีถึงสังเกตเห็นระลอกคลื่นในดวงตาของเขาเมื่อทั้งสามกลุ่มนี้ปรากฏตัว

สายตาของหลิงซีและหลงเซี่ยงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ขณะที่ทั้งสองก้าวออกไปครึ่งก้าว ปกป้องมู่เฉินไว้ที่เบื้องหลัง

แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจากเผ่าฝูถูได้ แต่อีกฝ่ายก็อย่าฝันที่จะทำอะไรมู่เฉินภายใต้สายตาของพวกเขา

ทั้งสามกลุ่มเมินเฉยต่อสายตามากมาย มุ่งหน้ามายังโต๊ะที่อยู่ส่วนลึก

เมื่อพวกเขาเห็นชื่อเหยียนและแม่เฒ่าเหอ ทั้งสามกลุ่มก็ชะลอตัวลง

“ไม่คิดว่าเผ่าไท่หลิงกับตระกูลเวินจะมาถึงที่นี่ก่อน” ชายชราสวมเสื้อคลุมสีเงินเหลือบมองไปที่ชื่อเหยียนและแม่เฒ่าเหอด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่พูดสายตาของเทียนจื้อจุนสามคนก็จ้องไปที่คนที่ยืนอยู่เบื้องหลังชื่อเหยียน ก่อนที่จะเบนสายตามาให้ความสนใจกับมู่เฉินพร้อมกัน

ตู้ม!

จังหวะนั้นดวงตาของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งสามก็ฉายเจดีย์ในม่านตา

เวลาเดียวกันมู่เฉินก็สัมผัสถึงเจดีย์ในร่างกายเขาถูกกระตุ้น เจดีย์ผลึกแก้วใสปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

มู่เฉินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ระงับเจดีย์ในทันที ก่อนที่จะถอยหลังสองก้าวด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เขาไม่คิดว่าเพียงแค่การเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของเผ่าฝูถู เจดีย์ในร่างก็ถูกกระตุ้นโดยไม่อาจควบคุม

“เจดีย์เก้าชั้น!”

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งสามคนตกใจ พวกเขามองมู่เฉินด้วยความตกตะลึง

คนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็จ้องมองด้วยความประหลาดใจมาที่มู่เฉินเช่นกัน พวกเขาสัมผัสได้ชัดเจนถึงความผันผวนของเจดีย์จากร่างของมู่เฉิน

ที่ด้านหลังชายชราชุดดำ สายตาของชายชุดฟ้าอมเขียวก็หรี่แคบลงขณะจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยความสนใจ พึมพำกับตัวเองว่า “น่าสนใจ ไม่คิดว่าไอ้กาลกิณีนี่จะมาที่ทวีปเซิ่งยวน อุตส่าห์หาไปทั่วสุดท้ายก็ปรากฏตรงหน้า…”

“ไอ้หนู แกเป็นสมาชิกเผ่าฝูถูด้วยหรือ? ทำไมถึงไปเข้ากับเผ่าไท่หลิงได้? ใครเป็นผู้อาวุโสสายเจ้า? เจ้าเป็นสายเลือดสายไหน?” ชายชราสวมชุดคลุมสีเงินขมวดคิ้วพลางตะเบ็งเสียง

เผชิญกับคำถามนั่นก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้าของมู่เฉิน เขาตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ใช่คนจากเผ่าฝูถู”

เมื่อได้ยินชายชราสวมชุดคลุมสีเงินก็อารมณ์พุ่งด้วยความเกรี้ยวกราด “เจ้าฝึกฝนทักษะวิชาของเผ่าฝูถู หากเจ้าไม่มีสายเลือดจะทำสำเร็จได้อย่างไร”

เวินชิงเฉวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉินก็ตกใจ เพราะนางไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะมีสายสัมพันธ์กับหนึ่งในห้าเผ่าโบราณ อย่างเผ่าฝูถูด้วย

“เหอๆ ผู้อาวุโสมั่วหยิง มันไม่ถือว่าเป็นสมาชิกเผ่าฝูถูหรอก เพราะมันคือตัวกาลกิณีไงขอรับ” ขณะที่กลุ่มจากเผ่าฝูถูกำลังประหลาดใจ เสียงถากถางก็ดังก้อง

ร่างหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังชายหนุ่มชุดฟ้าอมเขียว เขาคือคนที่ต่อสู้กับพวกมู่เฉินที่เกาะหัวใจหยก—กู้ซือหวง

“อะไรนะ?!”

คนจากเผ่าฝูถูพากันตกใจเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ ก่อนที่พวกเขาจะส่งสายตาแปลกๆ ไปที่มู่เฉิน แม้ว่ามู่เฉินจะไม่เคยมาที่เผ่าแต่ทุกคนรู้เกี่ยวกับเขา เนื่องจากสถานะสูงส่งของมารดาเขาในเผ่า

“ที่แท้แกก็คือเด็กกาลกิณีที่ผู้อาวุโสใหญ่พูดถึง!”

มั่วหยิงตกตะลึงชั่วครู่ ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่มู่เฉินราวกับเหยี่ยวเอ่ยเย้ยหยัน “ดีจริงๆ แกกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้า งั้นข้าจะจับแกกลับไปส่งให้ผู้อาวุโสใหญ่วันนี้แหละ!”

ขณะที่พูดเขาก็ก้าวออกไป มิติถึงกับสั่นสะเทือน คลื่นหลิงระหว่างสวรรค์และโลกก่อร่างเป็นห่วงห่อหุ้มมู่เฉินเอาไว้ ทำให้หลบหนีไม่ได้

ปัง!

ทว่าจังหวะนั้นเอง มือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาทำลายห่วงเหล่านั้น

“ชื่อเหยียนนี่เป็นเรื่องของเผ่าฝูถู เผ่าไท่หลิงมาสะเออะทำไม?” นัยน์ตาของมั่วหยิงหดลง เมื่อมองชื่อเหยียนที่ยืนเด่นปิดกั้นมู่เฉินเอาไว้

ชื่อเหยียนส่ายหัวไปมา “เจ้าอย่าคิดทำอะไรเด็กคนนี้ ไม่งั้นความพยายามทั้งหมดของข้าคงลงแม่น้ำไปหมดแน่”

“ฮึ่ม นี่เป็นเรื่องภายในของเผ่าฝูถู เจ้าไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!” มั่วหยิงเค้นเสียงเย็นชาก่อนที่จะหันไปมองชายชราที่สวมชุดดำ “เฮยกวาง เจ้าคิดแต่จะมองไอ้กาลกิณีนี่หลบหนีไปเรอะ? ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะรอดูสิว่าเจ้าจะตอบคำถามผู้อาวุโสใหญ่อย่างไร!”

ชายชุดดำที่ไม่ได้พูดอะไรก็มองไปที่มู่เฉิน ราวกับว่าต้องการมองผ่านอีกฝ่าย

จากนั้นเขาหันไปมองชายหนุ่มชุดฟ้าอมเขียวที่อยู่ด้านหลังที่พยักหน้าให้

มู่เฉินครอบครองวิชาสามพิสุทธิ์ หากพวกเขาสามารถจับมู่เฉินและได้รับวิธีฝึกฝนก็จะเป็นการดีที่สุด

เมื่อได้รับคำตอบจากชายหนุ่มชุดฟ้าอมเขียว เฮยกวางก็ก้าวเท้าออกไป จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสองคนหันมาประจันหน้ากับชื่อเหยียน แรงกดดันนี้ทำให้ดวงตาเขาเปลี่ยนไป เขากำมือน้ำเต้าสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้น

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งสามยืนเผชิญหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้คลื่นหลิง แต่ความกดดันที่เกิดขึ้นก็ยังน่ากลัว ทำให้ทุกคนที่นี่ร่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

เมื่อชายชราที่อยู่หลังโต๊ะเห็นสิ่งนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น

“ช้าก่อน!”

ทว่าขณะที่เขากำลังจะพูด เสียงไม่แยแสก็ดังก้องขัดขวางจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั้งสามไว้

สายตาทุกคู่พุ่งตรงไป พวกเขาก็เห็นว่าเป็นผู้อาวุโสหญิงของเผ่าฝูถูที่พูดออกมา

เมื่อมั่วหยิงเห็น สายตาก็สั่นไหว “ผู้อาวุโสชิงเซวียน ทำไม? เจ้ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับการจับไอ้เด็กนี่รึ?”

ผู้อาวุโสหญิงที่มีชื่อว่าชิงเซวียนตอบด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าสองคนจะรีบร้อนอะไรกัน ข้าจำได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เคยสั่งไว้ว่าห้ามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนลงมือจับเขาไม่ใช่รึ? ที่พวกเจ้ากำลังทำมันผิดกฎน่ะ”

มู่เฉินรู้สึกตกใจขณะมองผู้อาวุโสหญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่านางจะช่วยเขา

เฮยกวางหัวเราะเบาๆ “ชิงเซวียน ไอ้เด็กนี่เป็นกาลกิณีทำไมต้องสนใจกฎด้วยล่ะ? ในมุมมองของข้า ไม่ใช่เราที่ต้องกังวล แต่เป็นคนอื่นมากกว่ามั้ง”

มั่วหยิงก็เยาะเย้ย “ข้าลืมไปว่าชิงเหยี่ยนจิ้งเป็นน้องสาวของเจ้า นั่นหมายความว่าไอ้เด็กคนนี้ก็เป็นหลานของเจ้าสินะ ทำไม? เจ้าคิดจะช่วยมันเหรอ!”

ร่างกายของมู่เฉินสั่นไหว ขณะที่เขาเบนสายตาตกใจมองไปที่ผู้อาวุโสหญิง นางเป็นพี่สาวของท่านแม่เขาเรอะ?!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด