หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1543 ภัยพิบัติปีศาจ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1543 ภัยพิบัติปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไฟสงครามลุกโชน

นำมาซึ่งข้อพิพาทเมื่อความเป็นตายเกิดขึ้นในแนวป้องกันต่างๆ

ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนชายแดนมหาพันภพกลายเป็นเครื่องบดเนื้อโดยมีนักรบจากทั้งสองฝ่ายกระโจนเข้าหากันราวกับฝูงตั๊กแตน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ดูอ่อนแอภายใต้สมรภูมินี้ มีร่างล้มลงทุกวัน…ทุกวันในสงคราม

สงครามช่างโหดร้ายอย่างยิ่ง

แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เนื่องจากไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ฝ่ายหนึ่งต้องการยึดครองและอีกฝ่ายหนึ่งต้องการปกป้อง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็พิจารณาได้เพียงว่ามีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดในสงครามได้

ขณะที่เกิดการต่อสู้ดุเดือดที่แนวหน้า ภายในมหาพันภพก็ไม่ได้สงบสุข

บนท้องฟ้าของทวีปแห่งหนึ่งในมหาพันภพ ทันใดนั้นมิติก็ถูกฉีกออกจากกันขณะที่รัศมีปีศาจพวยพุ่งออกมาราวกับกลุ่มเมฆควันพร้อมกับเสียงหอนดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ร่างปีศาจนับไม่ถ้วนทะยานออกมา

ตึง ตึง!

เมื่อปีศาจเหล่านั้นปรากฏขึ้น เสียงระฆังก็ดังก้องไปทั่วทวีปพร้อมกับร่างแสงนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขามองไปที่เหล่าปีศาจด้วยความครั่นครามในดวงตา

“คึๆ ฆ่าพวกมันทั้งหมด! ทำให้มหาพันภพกลายเป็นทะเลโลหิต!” พร้อมกับเสียงปีศาจร้องโหยหวนดังก้อง ฝูงปีศาจตั๊กแตนก็กวาดออกไป

“ต้านพวกมันไว้! ส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริม!”

เสียงคำรามดังก้องมาจากทวีป ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ทั้งหมดก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกมา ยามนี้ทุกขั้วอำนาจละทิ้งความขัดแย้งในอดีตช่วยกันเผชิญหน้ากับศัตรู

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อรัศมีไร้ขอบเขตปะทะกันการระเบิดก็ปะทุขึ้น

ทั้งทวีปเข้าสู่ความโกลาหล

ในเวลาเดียวกันรอยแตกมิติก็เริ่มเปิดกว้างพร้อมกับนักรบปีศาจหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น พวกมันพยายามสร้างความโกลาหลให้กับมหาพันภพ

ดังนั้นไฟแห่งสงครามจึงลุกโชนทั่วจักรวาล

ขณะที่จักรวรรดิปีศาจบุกเข้ามา หน้าวังยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง มีร่างเงาจำนวนมากยืนอยู่ ซึ่งเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง ขณะเดียวกันสีหน้าของทุกคนก็เขียวคล้ำเมื่อมองภาพในม่านแสงที่เผ่าปีศาจเปิดฉากจู่โจมดินแดนภายในมหาพันภพ

“หน่วยลาดตระเวนฟังคำสั่ง จัดตั้งกลุ่มเพื่อเก็บกวาดเบื้องหลัง!”

ด้านหน้าเป็นร่างเงาสองร่างยืนอยู่ โดยคนที่นำหน้าเป็นชายชราผมขาวและชายหนุ่มทรงเสน่ห์

เมื่ออยู่ที่เบื้องหน้าพวกเขาก็ไม่มีใครในวังกล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ

เนื่องจากคนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี ส่วนอีกคนเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเทพจักรพรรดิสงคราม

นี่ก็คือเย่าเฉินและหลินเตียว ขณะนี้พวกเขาเป็นผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการของหน่วยลาดตระเวนซึ่งรับผิดชอบดูแลความสงบของดินแดนภายใน ไม่ให้กองกำลังที่อยู่แนวหน้าต้องกังวล

“หน่วยรบที่หนึ่งจะนำโดยจักรพรรดิสัประยุทธ์มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้!”

ในห้องโถงจักรพรรดิสัประยุทธ์เผยสีหน้าหนักแน่นขณะที่ประสานมือ “รับทราบ”

“หน่วยรบที่สอง…”

“หน่วยรบที่สาม…” หน่วยรบต่างๆ ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้คำสั่งของเย่าเฉินและหลินเตียว ทุกคนเรียกรวมตัวพรรคพวกพุ่งออกไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย

“หน่วยรบที่สามสิบ…” เย่าเฉินมองไปที่ร่างคุ้นเคยทั้งสามในห้องโถงก็พูดว่า “ให้ลั่วหลีเป็นหัวหน้า เซียวเซียวและหลินจิ้งเป็นรองหัวหน้ารวบรวมคนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ!”

“รับทราบ!”

ลั่วหลีกระชับกระบี่ในมือสะบัดพร้อมกับเสียงอ่อนโยนดังก้องออกมาทำให้หลายคนในห้องโถงต้องหันหน้าไปมองความงดงามสะท้อนในครรลองสายตาพวกเขา ยากเหลือเกินที่ใครจะไม่ถูกดึงดูดโดยผู้หญิงโดดเด่นเช่นนี้

แต่น่าเสียดายที่หัวใจของนางไม่ว่างแล้ว

เซียวเซียวและหลินจิ้งก็ประสานมือรับคำสั่ง ดวงตาของทั้งสองคนพราวแสงด้วยความตื่นเต้น ชัดว่าพวกนางคิดอยากลงมือนานแล้ว

หญิงสาวทั้งสามไม่ได้ชักช้า รีบรวบรวมจอมยุทธ์ร้อยกว่าคนมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย

พวกนางกระโจนเข้าสู่สงครามด้วยตัวเองแล้ว

 

ขณะที่ลั่วหลีนำหน่วยรบมุ่งหน้าไปยังทวีปหนึ่ง

ไฟสงคราม เสียงกรีดร้องก็สะท้อนทั่วขอบฟ้า เผ่าปีศาจโจมตีเมืองต่างๆ กลิ่นคาวเลือดซึมผ่านในอากาศ

“เผ่าปีศาจที่บุกมานี่นำโดยนักรบราชันปีศาจสามคน”

ลั่วหลีกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นนางจึงหันไปหาหลินจิ้งและเซียวเซียว “พวกเราช่วยกันจัดการจอมปีศาจทั้งสาม ส่วนคนที่เหลือไปช่วยเมืองต่างๆ”

“ได้เลย!” หลินจิ้งที่กำลังไฟโหมกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ไอเย็นเยือกวาบบนใบหน้าของเซียวเซียว

“รับทราบ!” จอมยุทธ์คนอื่นๆ ตอบรับทันที

“ลุยเลย!”

เมื่อลั่วหลีตะโกน ร่างเงานับร้อยก็ทะยานออกไป ร่างแสงของลั่วหลีพุ่งข้ามขอบฟ้า ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีนางก็เล็งเป้าหมายไปที่จอมปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้แล้ว

นี่คือราชันปีศาจเฉวียนหมัวซึ่งเปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ด้วยความแข็งแกร่งที่มีจึงไม่มีใครในทวีปนี้เทียบเคียงได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธ์ที่นี่ถึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วภายใต้การนำของเขา

แต่โชคของราชันปีศาจก็ถึงคราวจบสิ้นแล้ว เนื่องจากเมื่อลั่วหลีกำหนดเป้าหมายมาที่เขา เขาก็รู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างสมบูรณ์

โดยไม่ลังเลใดๆ ราชันปีศาจเฉวียนหมัวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าคิดจะหลบหนี

ฮึ่ม!

แต่เมื่อเขาเคลื่อนไหว มิติก็บิดเบี้ยวพร้อมกับม้วนภาพโบราณปรากฏขึ้น รัศมีหลิงห่อหุ้มเขาเอาไว้แยกเขาออกจากโลกทันที

ขณะที่รัศมีปีศาจกลั่นตัวเป็นร่าง เขาก็มองไปที่รัศมีที่ปกคลุมร่างกายด้วยท่าทางไม่น่าดู เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนอันตราย

“สร้างความวุ่นวายซะขนาดนี้ คิดจะหนีไปง่ายๆ รึ?” เสียงเยือกเย็นดังก้อง ลั่วหลีปรากฏตัวขึ้นมองลงไปที่ร่างราชันปีศาจเฉวียนหมัว

“เฮ้ คนสวย คอยดูกันว่าข้าจะจับเจ้ามาลูบมาไล้ยังไง!”

เมื่อมองไปที่ลั่วหลี ราชันปีศาจเฉวียนหมัวก็เผยความปรารถนาในดวงตา สีหน้าดูหื่นกระหาย แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าถูกคุกคามจากม้วนภาพ แต่หญิงสาวที่เบื้องหน้าก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น ตราบใดที่จับนางได้เขาก็จะสามารถรอดพ้นจากการคุมขัง

วาบ!

ราชันปีศาจเฉวียนหมัวพุ่งออกมากลายร่างเป็นปีศาจนับไม่ถ้วนพลางประสานมือเข้าด้วยกัน รัศมีปีศาจหนาแน่นพุ่งออกมากลืนกินลั่วหลี

เผชิญหน้ากับการโจมตีของราชันปีศาจก็ไม่มีแรงกระเพื่อมใดในดวงตาของลั่วหลี นางเพียงสะบัดนิ้วเบาๆ

ฮึ่ม!

แผนภาพวิญญาณโบราณสั่นสะเทือน ลำแสงพุ่งลงมาในอึดใจต่อมา แม้ว่าลำแสงจะไม่ได้เจิดจ้า แต่ก็มีเอกลักษณ์ของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต…

ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่ราชันปีศาจก็ยังรู้สึกหวาดกลัวพร้อมกับความหวาดหวั่นฉายบนใบหน้า

ตู้ม!

ขณะที่รัศมีกวาดไปทั่วร่างราชันปีศาจ เขาก็ร้องโหยหวน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างกายเพื่อพยายามต่อต้าน

แต่แผนภาพวิญญาณโบราณเปรียบได้กับร่างมหาปราชญ์วิญญาณ ซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงในปริมาณแทบจะไร้ขีดจำกัด ดังนั้นการต่อต้านจึงคงอยู่เพียงสิบกว่านาที ก่อนที่เขาจะกรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง

รัศมีหลิงบีบกดลงมาบนร่างกายราชันปีศาจเฉวียนหลัวก็ค่อยๆ สลายจนไม่เหลืออะไร

ลั่วหลียืนอยู่บนท้องฟ้าเฝ้าดูฉากนี้อย่างไม่แยแส พลังของแผนภาพวิญญาณโบราณเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรับมือ แล้วราชันปีศาจแค่นี้จะต้านทานได้อย่างไร?

พร้อมกับการตายของราชันปีศาจเฉวียนหมัว ใบหน้าของนักรบปีศาจก็ถูกปกคลุมไปด้วยความกลัวสุดขีด กองทัพแตกฉานซ่านเซ็น

เหล่าจอมยุทธ์มหาพันภพก็คว้าโอกาสนี้ไล่ตามไป

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ ลั่วหลีก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะหันไปมองยังสมรภูมิอื่นที่มีความผันผวนของพลังงานรุนแรง ซึ่งหลินจิ้งและเซียวเซียวกำลังต่อสู้กับนักรบราชันปีศาจอีกสองคนอยู่

การจัดการกับความวุ่นวายทั้งหมดนี้ใช้เวลาครึ่งวันก่อนที่จะจบลงด้วยเผ่าปีศาจถูกสังหาร สำหรับส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้จอมยุทธ์ในทวีปนี้จัดการเอง

ดังนั้นหลังจากที่ทำให้สถานการณ์คงที่ได้แล้ว ลั่วหลีก็โบกมือให้กับหน่วยรบออกจากทวีปนี้ มุ่งหน้าไปยังทวีปอื่นที่ประสบภัย

ช่วงเวลาครึ่งเดือนต่อมา ลั่วหลี หลินจิ้งและเซียวเซียวราวกับนักผจญเพลิง พวกนางพุ่งไปยังสมรภูมิต่างๆเพื่อขับไล่ภัยพิบัติ

ภายใต้ความพยายามของพวกนางภัยพิบัติก็ค่อยๆ ดับลง แต่ทุกครั้งที่หายนะคลี่คลาย หายนะอีกแห่งก็จะเกิดขึ้น

 

ในทวีปเฟิงโยว

ทั้งทวีปถูกปกคลุมไปด้วยซากปรักหักพัง แม้แต่เทือกเขาก็ถล่มลงมาราวกับเป็นฉากวันสิ้นโลก

ลั่วหลียืนอยู่บนภูเขามองไปที่ดินแดนแห่งนี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ทวีปนี้ความเสียหายร้ายแรงมาก เมื่อพวกนางมาถึงที่นี่ก็เต็มไปด้วยภูเขาซากศพ

ดังนั้นแม้ว่าจะมาถึงก็ยังต้องใช้ความพยายามมากก่อนที่จะสามารถระงับหายนะได้

“หัวหน้าพวกเผ่าปีศาจถูกจัดการหมดแล้ว” เสียงดังก้องขณะที่หลินจิ้งและเซียวเซียวเข้ามา หลังจากครึ่งเดือนในการสังหารหมู่ หญิงสาวทั้งสองก็เปลี่ยนไปอย่างมีนัย ในดวงตาไม่มีความไร้ประสบการณ์อีกต่อไป มีแต่ความมุ่งมั่นสังหาร

เนื่องจากจำนวนนักรบราชันปีศาจที่ตายด้วยมือของพวกนางมีมากกว่านับด้วยมือสองข้างแล้ว

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก” ลั่วหลีหันกลับมาและพยักหน้าให้เซียวเซียวและหลินจิ้ง

แม้กระทั่งนางยังอดทนไม่ไหวกับการต่อสู้ติดต่อกันครึ่งเดือน ส่วนเซียวเซียวและหลิงจิ้งเผยให้เห็นความเหนื่อยล้าขึ้นบนใบหน้า

“พักก่อนไหม?”

พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี เซียวเซียวก็ส่ายหน้า “ข้ากลัวว่าเราจะไม่มีเวลาขนาดนั้น…”

“เกิดอะไรขึ้น? มีภัยพิบัติใหม่อีกแล้วเรอะ?”

หลินจิ้งพยักหน้า

“ที่ไหน?” ลั่วหลีขมวดคิ้วกับคำถาม

เซียวเซียวและหลินจิ้งสบตากันตอบว่า “ทวีปเป่ยชางว่ากันว่าภัยพิบัติที่นั่นถึงระดับสูงสุดแล้วและอันตรายมาก”

“ทวีปเป่ยชาง?!”

ลั่วหลีอึ้งไปก่อนที่จะหดดวงตาพร้อมกับมือกำแน่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“บ้าล่ะ ที่นั่นคือสำนักศึกษาเป่ยชาง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1543 ภัยพิบัติปีศาจ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1543 ภัยพิบัติปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไฟสงครามลุกโชน

นำมาซึ่งข้อพิพาทเมื่อความเป็นตายเกิดขึ้นในแนวป้องกันต่างๆ

ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนชายแดนมหาพันภพกลายเป็นเครื่องบดเนื้อโดยมีนักรบจากทั้งสองฝ่ายกระโจนเข้าหากันราวกับฝูงตั๊กแตน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ดูอ่อนแอภายใต้สมรภูมินี้ มีร่างล้มลงทุกวัน…ทุกวันในสงคราม

สงครามช่างโหดร้ายอย่างยิ่ง

แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เนื่องจากไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ฝ่ายหนึ่งต้องการยึดครองและอีกฝ่ายหนึ่งต้องการปกป้อง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็พิจารณาได้เพียงว่ามีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดในสงครามได้

ขณะที่เกิดการต่อสู้ดุเดือดที่แนวหน้า ภายในมหาพันภพก็ไม่ได้สงบสุข

บนท้องฟ้าของทวีปแห่งหนึ่งในมหาพันภพ ทันใดนั้นมิติก็ถูกฉีกออกจากกันขณะที่รัศมีปีศาจพวยพุ่งออกมาราวกับกลุ่มเมฆควันพร้อมกับเสียงหอนดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ร่างปีศาจนับไม่ถ้วนทะยานออกมา

ตึง ตึง!

เมื่อปีศาจเหล่านั้นปรากฏขึ้น เสียงระฆังก็ดังก้องไปทั่วทวีปพร้อมกับร่างแสงนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขามองไปที่เหล่าปีศาจด้วยความครั่นครามในดวงตา

“คึๆ ฆ่าพวกมันทั้งหมด! ทำให้มหาพันภพกลายเป็นทะเลโลหิต!” พร้อมกับเสียงปีศาจร้องโหยหวนดังก้อง ฝูงปีศาจตั๊กแตนก็กวาดออกไป

“ต้านพวกมันไว้! ส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริม!”

เสียงคำรามดังก้องมาจากทวีป ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ทั้งหมดก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกมา ยามนี้ทุกขั้วอำนาจละทิ้งความขัดแย้งในอดีตช่วยกันเผชิญหน้ากับศัตรู

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อรัศมีไร้ขอบเขตปะทะกันการระเบิดก็ปะทุขึ้น

ทั้งทวีปเข้าสู่ความโกลาหล

ในเวลาเดียวกันรอยแตกมิติก็เริ่มเปิดกว้างพร้อมกับนักรบปีศาจหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น พวกมันพยายามสร้างความโกลาหลให้กับมหาพันภพ

ดังนั้นไฟแห่งสงครามจึงลุกโชนทั่วจักรวาล

ขณะที่จักรวรรดิปีศาจบุกเข้ามา หน้าวังยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง มีร่างเงาจำนวนมากยืนอยู่ ซึ่งเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง ขณะเดียวกันสีหน้าของทุกคนก็เขียวคล้ำเมื่อมองภาพในม่านแสงที่เผ่าปีศาจเปิดฉากจู่โจมดินแดนภายในมหาพันภพ

“หน่วยลาดตระเวนฟังคำสั่ง จัดตั้งกลุ่มเพื่อเก็บกวาดเบื้องหลัง!”

ด้านหน้าเป็นร่างเงาสองร่างยืนอยู่ โดยคนที่นำหน้าเป็นชายชราผมขาวและชายหนุ่มทรงเสน่ห์

เมื่ออยู่ที่เบื้องหน้าพวกเขาก็ไม่มีใครในวังกล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ

เนื่องจากคนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี ส่วนอีกคนเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเทพจักรพรรดิสงคราม

นี่ก็คือเย่าเฉินและหลินเตียว ขณะนี้พวกเขาเป็นผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการของหน่วยลาดตระเวนซึ่งรับผิดชอบดูแลความสงบของดินแดนภายใน ไม่ให้กองกำลังที่อยู่แนวหน้าต้องกังวล

“หน่วยรบที่หนึ่งจะนำโดยจักรพรรดิสัประยุทธ์มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้!”

ในห้องโถงจักรพรรดิสัประยุทธ์เผยสีหน้าหนักแน่นขณะที่ประสานมือ “รับทราบ”

“หน่วยรบที่สอง…”

“หน่วยรบที่สาม…” หน่วยรบต่างๆ ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้คำสั่งของเย่าเฉินและหลินเตียว ทุกคนเรียกรวมตัวพรรคพวกพุ่งออกไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย

“หน่วยรบที่สามสิบ…” เย่าเฉินมองไปที่ร่างคุ้นเคยทั้งสามในห้องโถงก็พูดว่า “ให้ลั่วหลีเป็นหัวหน้า เซียวเซียวและหลินจิ้งเป็นรองหัวหน้ารวบรวมคนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ!”

“รับทราบ!”

ลั่วหลีกระชับกระบี่ในมือสะบัดพร้อมกับเสียงอ่อนโยนดังก้องออกมาทำให้หลายคนในห้องโถงต้องหันหน้าไปมองความงดงามสะท้อนในครรลองสายตาพวกเขา ยากเหลือเกินที่ใครจะไม่ถูกดึงดูดโดยผู้หญิงโดดเด่นเช่นนี้

แต่น่าเสียดายที่หัวใจของนางไม่ว่างแล้ว

เซียวเซียวและหลินจิ้งก็ประสานมือรับคำสั่ง ดวงตาของทั้งสองคนพราวแสงด้วยความตื่นเต้น ชัดว่าพวกนางคิดอยากลงมือนานแล้ว

หญิงสาวทั้งสามไม่ได้ชักช้า รีบรวบรวมจอมยุทธ์ร้อยกว่าคนมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย

พวกนางกระโจนเข้าสู่สงครามด้วยตัวเองแล้ว

 

ขณะที่ลั่วหลีนำหน่วยรบมุ่งหน้าไปยังทวีปหนึ่ง

ไฟสงคราม เสียงกรีดร้องก็สะท้อนทั่วขอบฟ้า เผ่าปีศาจโจมตีเมืองต่างๆ กลิ่นคาวเลือดซึมผ่านในอากาศ

“เผ่าปีศาจที่บุกมานี่นำโดยนักรบราชันปีศาจสามคน”

ลั่วหลีกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นนางจึงหันไปหาหลินจิ้งและเซียวเซียว “พวกเราช่วยกันจัดการจอมปีศาจทั้งสาม ส่วนคนที่เหลือไปช่วยเมืองต่างๆ”

“ได้เลย!” หลินจิ้งที่กำลังไฟโหมกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ไอเย็นเยือกวาบบนใบหน้าของเซียวเซียว

“รับทราบ!” จอมยุทธ์คนอื่นๆ ตอบรับทันที

“ลุยเลย!”

เมื่อลั่วหลีตะโกน ร่างเงานับร้อยก็ทะยานออกไป ร่างแสงของลั่วหลีพุ่งข้ามขอบฟ้า ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีนางก็เล็งเป้าหมายไปที่จอมปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้แล้ว

นี่คือราชันปีศาจเฉวียนหมัวซึ่งเปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ด้วยความแข็งแกร่งที่มีจึงไม่มีใครในทวีปนี้เทียบเคียงได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธ์ที่นี่ถึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วภายใต้การนำของเขา

แต่โชคของราชันปีศาจก็ถึงคราวจบสิ้นแล้ว เนื่องจากเมื่อลั่วหลีกำหนดเป้าหมายมาที่เขา เขาก็รู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างสมบูรณ์

โดยไม่ลังเลใดๆ ราชันปีศาจเฉวียนหมัวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าคิดจะหลบหนี

ฮึ่ม!

แต่เมื่อเขาเคลื่อนไหว มิติก็บิดเบี้ยวพร้อมกับม้วนภาพโบราณปรากฏขึ้น รัศมีหลิงห่อหุ้มเขาเอาไว้แยกเขาออกจากโลกทันที

ขณะที่รัศมีปีศาจกลั่นตัวเป็นร่าง เขาก็มองไปที่รัศมีที่ปกคลุมร่างกายด้วยท่าทางไม่น่าดู เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนอันตราย

“สร้างความวุ่นวายซะขนาดนี้ คิดจะหนีไปง่ายๆ รึ?” เสียงเยือกเย็นดังก้อง ลั่วหลีปรากฏตัวขึ้นมองลงไปที่ร่างราชันปีศาจเฉวียนหมัว

“เฮ้ คนสวย คอยดูกันว่าข้าจะจับเจ้ามาลูบมาไล้ยังไง!”

เมื่อมองไปที่ลั่วหลี ราชันปีศาจเฉวียนหมัวก็เผยความปรารถนาในดวงตา สีหน้าดูหื่นกระหาย แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าถูกคุกคามจากม้วนภาพ แต่หญิงสาวที่เบื้องหน้าก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น ตราบใดที่จับนางได้เขาก็จะสามารถรอดพ้นจากการคุมขัง

วาบ!

ราชันปีศาจเฉวียนหมัวพุ่งออกมากลายร่างเป็นปีศาจนับไม่ถ้วนพลางประสานมือเข้าด้วยกัน รัศมีปีศาจหนาแน่นพุ่งออกมากลืนกินลั่วหลี

เผชิญหน้ากับการโจมตีของราชันปีศาจก็ไม่มีแรงกระเพื่อมใดในดวงตาของลั่วหลี นางเพียงสะบัดนิ้วเบาๆ

ฮึ่ม!

แผนภาพวิญญาณโบราณสั่นสะเทือน ลำแสงพุ่งลงมาในอึดใจต่อมา แม้ว่าลำแสงจะไม่ได้เจิดจ้า แต่ก็มีเอกลักษณ์ของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต…

ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่ราชันปีศาจก็ยังรู้สึกหวาดกลัวพร้อมกับความหวาดหวั่นฉายบนใบหน้า

ตู้ม!

ขณะที่รัศมีกวาดไปทั่วร่างราชันปีศาจ เขาก็ร้องโหยหวน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างกายเพื่อพยายามต่อต้าน

แต่แผนภาพวิญญาณโบราณเปรียบได้กับร่างมหาปราชญ์วิญญาณ ซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงในปริมาณแทบจะไร้ขีดจำกัด ดังนั้นการต่อต้านจึงคงอยู่เพียงสิบกว่านาที ก่อนที่เขาจะกรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง

รัศมีหลิงบีบกดลงมาบนร่างกายราชันปีศาจเฉวียนหลัวก็ค่อยๆ สลายจนไม่เหลืออะไร

ลั่วหลียืนอยู่บนท้องฟ้าเฝ้าดูฉากนี้อย่างไม่แยแส พลังของแผนภาพวิญญาณโบราณเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรับมือ แล้วราชันปีศาจแค่นี้จะต้านทานได้อย่างไร?

พร้อมกับการตายของราชันปีศาจเฉวียนหมัว ใบหน้าของนักรบปีศาจก็ถูกปกคลุมไปด้วยความกลัวสุดขีด กองทัพแตกฉานซ่านเซ็น

เหล่าจอมยุทธ์มหาพันภพก็คว้าโอกาสนี้ไล่ตามไป

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ ลั่วหลีก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะหันไปมองยังสมรภูมิอื่นที่มีความผันผวนของพลังงานรุนแรง ซึ่งหลินจิ้งและเซียวเซียวกำลังต่อสู้กับนักรบราชันปีศาจอีกสองคนอยู่

การจัดการกับความวุ่นวายทั้งหมดนี้ใช้เวลาครึ่งวันก่อนที่จะจบลงด้วยเผ่าปีศาจถูกสังหาร สำหรับส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้จอมยุทธ์ในทวีปนี้จัดการเอง

ดังนั้นหลังจากที่ทำให้สถานการณ์คงที่ได้แล้ว ลั่วหลีก็โบกมือให้กับหน่วยรบออกจากทวีปนี้ มุ่งหน้าไปยังทวีปอื่นที่ประสบภัย

ช่วงเวลาครึ่งเดือนต่อมา ลั่วหลี หลินจิ้งและเซียวเซียวราวกับนักผจญเพลิง พวกนางพุ่งไปยังสมรภูมิต่างๆเพื่อขับไล่ภัยพิบัติ

ภายใต้ความพยายามของพวกนางภัยพิบัติก็ค่อยๆ ดับลง แต่ทุกครั้งที่หายนะคลี่คลาย หายนะอีกแห่งก็จะเกิดขึ้น

 

ในทวีปเฟิงโยว

ทั้งทวีปถูกปกคลุมไปด้วยซากปรักหักพัง แม้แต่เทือกเขาก็ถล่มลงมาราวกับเป็นฉากวันสิ้นโลก

ลั่วหลียืนอยู่บนภูเขามองไปที่ดินแดนแห่งนี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ทวีปนี้ความเสียหายร้ายแรงมาก เมื่อพวกนางมาถึงที่นี่ก็เต็มไปด้วยภูเขาซากศพ

ดังนั้นแม้ว่าจะมาถึงก็ยังต้องใช้ความพยายามมากก่อนที่จะสามารถระงับหายนะได้

“หัวหน้าพวกเผ่าปีศาจถูกจัดการหมดแล้ว” เสียงดังก้องขณะที่หลินจิ้งและเซียวเซียวเข้ามา หลังจากครึ่งเดือนในการสังหารหมู่ หญิงสาวทั้งสองก็เปลี่ยนไปอย่างมีนัย ในดวงตาไม่มีความไร้ประสบการณ์อีกต่อไป มีแต่ความมุ่งมั่นสังหาร

เนื่องจากจำนวนนักรบราชันปีศาจที่ตายด้วยมือของพวกนางมีมากกว่านับด้วยมือสองข้างแล้ว

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก” ลั่วหลีหันกลับมาและพยักหน้าให้เซียวเซียวและหลินจิ้ง

แม้กระทั่งนางยังอดทนไม่ไหวกับการต่อสู้ติดต่อกันครึ่งเดือน ส่วนเซียวเซียวและหลิงจิ้งเผยให้เห็นความเหนื่อยล้าขึ้นบนใบหน้า

“พักก่อนไหม?”

พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี เซียวเซียวก็ส่ายหน้า “ข้ากลัวว่าเราจะไม่มีเวลาขนาดนั้น…”

“เกิดอะไรขึ้น? มีภัยพิบัติใหม่อีกแล้วเรอะ?”

หลินจิ้งพยักหน้า

“ที่ไหน?” ลั่วหลีขมวดคิ้วกับคำถาม

เซียวเซียวและหลินจิ้งสบตากันตอบว่า “ทวีปเป่ยชางว่ากันว่าภัยพิบัติที่นั่นถึงระดับสูงสุดแล้วและอันตรายมาก”

“ทวีปเป่ยชาง?!”

ลั่วหลีอึ้งไปก่อนที่จะหดดวงตาพร้อมกับมือกำแน่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“บ้าล่ะ ที่นั่นคือสำนักศึกษาเป่ยชาง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+