หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 973 ค่ายกลตาข่ายฟ้า

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 973 ค่ายกลตาข่ายฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนลานหินสีฟ้าอมเขียวขนาดใหญ่

มีรอยลึกสองรอยทิ้งไว้ต่างหน้า ขณะที่ร่างสองร่างยืนอยู่ปลายสุดของแต่ละรอย ฝ่าเท้าของพวกเขาจมลึกลงไปบนพื้น ก่อนที่พวกเขาจะดึงตัวออกมาช้าๆ

สายตาจากเหล่าผู้ชมจ้องมาจากรอบจัตุรัส เสียงเยาะเย้ยถากถางหายไปหมดสิ้น เห็นได้ชัดว่าฉากที่มู่เฉินตั้งรับการโจมตีของฉิงเฉวียนได้โดยพลังกาย ทำให้ผู้คนในเผ่าวิหคโลกันตร์ตกตะลึงมาก

ภายใต้สายตาที่จ้องมองมา ฉิงเฉวียนก็ดึงเท้าออกจากพื้น สายตาลึกล้ำมองไปที่มู่เฉิน นี่เป็นครั้งแร้กที่แววตาของเขาเคร่งเครียดลง

จากการแลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่ เขารู้แล้วว่ามนุษย์ตรงหน้าทรงพลังเพียงใด แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบจากร่างเทพอสูรและการเพาะบ่มขุมพลังที่สูงกว่า แต่เขาก็ไม่ได้เปรียบในการปะทะเมื่อครู่

ทั้งหมดนี้พิสูจน์ว่ามู่เฉินเป็นคนที่ควรค่าแก่การสู้แบบเอาจริงเอาจังด้วยพลังทั้งหมดของเขา

“ดูท่าว่าข้าจะตัดสินเจ้าผิดไป” ฉิงเฉวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่พูดช้าๆ

“ไม่ต้องเกรงใจ”

มู่เฉินยิ้มบาง ทว่าเขาไม่ได้ภูมิใจกับเรื่องนี้ ฉิงเฉวียนทรงพลังแท้จริง การเผชิญหน้าเมื่อครู่เขาเร้าวิชากายามังกรหงส์ไปถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เปรียบนักเมื่อปะทะด้วยพลังกายของพวกเขา

ครั้งก่อนเมื่อมู่เฉินสู้กับโยวหมิง เขาได้เปรียบทันทีที่ใช้วิชานี้ แต่ในเวลานี้กลับไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์เทพอสูรเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

“เพื่อแสดงคำขอโทษ… ต่อไปข้าจะใช้พลังเต็มที่แล้ว”

ฉิงเฉวียนจ้องมองมู่เฉินขณะที่ความเฉียบคมวูบวาบในม่านตาก่อนที่จะกระแทกฝ่าเท้าลงไป ทันใดนั้นลมเย็นยะเยือกก็ระเบิดออกมาจากร่าง วิหคน้ำแข็งขนาดมหึมาก่อร่างขึ้นเบื้องหลังภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะโปรยปราย

กีดดดด!

เมื่อวิหคน้ำแข็งปรากฏขึ้นก็กระพือปีก ทำให้เกล็ดหิมะกวาดออกพร้อมกับเสียงร้องแหลมคมที่เต็มไปด้วยไอเย็นเยือกดังก้องระหว่างฟ้าดิน

แรงกดดันคลื่นหลิงที่ทรงพลังครอบงำไปทั่ว

“ฉิงเฉวียนเรียกร่างเทพอสูรออกมาแล้ว… ดูท่าเขาไม่คิดจะออมมือแล้วล่ะ”

“มู่เฉินก็มีฝีมือใช้ได้ สามารถบีบให้ฉิงเฉวียนมาถึงจุดนี้”

“แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้ การปะทะครั้งนี้ก็คงจบอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว”

“…”

เมื่อวิหคน้ำแข็งปรากฏตัว บทสนทนาหลากหลายก็ดังกึกก้องออกมาจากโดยรอบ ความมั่นใจฟื้นฟูขึ้นในแววตาของสมาชิกเผ่าวิหคโลกันตร์ นั่นเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจชัดเจนว่าฉิงเฉวียนจะทรงพลังเพียงใดหากเขาตั้งใจขึ้นมา

“วิหคน้ำแข็งอเวจีเรอะ…”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองวิหคน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของฉิงเฉวียน จากนั้นดวงตาก็หดเกร็งไปเล็กน้อย นี่น่าจะเป็นร่างต้นกำเนิดของฉิงเฉวียนสินะ ซึ่งเป็นเส้นทางวิวัฒนาการแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากวิหคอนธโลกันตร์ แม้ว่าจะไม่ได้หายากเท่าวิหคอนธโลกันตร์ แต่พลังน้ำแข็งก็ยากที่จะจัดการได้เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าฉิงเฉวียนไม่คิดจะออมมือต่อไปแล้ว

ท่าทางของมู่เฉินเคร่งขรึมลงหลายส่วน ก่อนที่เขาจะกำหมัดทั้งคู่ แสงหลิงกำจายออกมาจากปลายนิ้ว

ฟิ้ว!

ฉิงเฉวียนกระโจนตัวขึ้นไปบนร่างวิหคน้ำแข็งอเวจี แววตาของเขาเยือกเย็นลง ก่อนที่เขาจะกำกำปั้น เกล็ดหิมะรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในฝ่ามือ ครู่เดียวก็กลายเป็นคันธนูน้ำแข็งโบราณขนาดใหญ่ที่มีอักขระน้ำแข็งสลักไว้ด้านบน

เมื่อธนูน้ำแข็งปรากฏขึ้นในมือของฉิงเฉวียน รัศมีทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกและคมกริบซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

สายตาของฉิงเฉวียนจับจ้องไปที่มู่เฉินราวกับเหยี่ยว จากนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ดึงสายธนูขึ้นทันที เกล็ดหิมะกวาดไปกลายเป็นลูกศรน้ำแข็งยาวสิบกว่าจั้ง

แสงสีน้ำเงินเข้มกะพริบวูบวาบบนปลายลูกศรคมชัดที่เปล่งรัศมีคมกริบออกมาเงียบๆ ซึ่งดูเหมือนจะสามารถทะลุผ่านมิติได้

ชี่! ชี่!

คันธนูขึ้นสายเป็นรูปพระจันทร์เต็มดวง ลูกศรเล็งเป้าไปที่มู่เฉิน โดยไม่รอให้มู่เฉินได้โต้ตอบ ฉิงเฉวียนก็ปล่อยสายธนูออกไป

ปัง!

ท้องฟ้าหิมะโปรยระเบิดออก ทุกคนเห็นเพียงแสงสีขาวกวาดข้ามท้องฟ้าพุ่งไปที่หว่างคิ้วของมู่เฉินด้วยความเร็วสูง

ทันทีที่ลูกศรถูกยิงออกมา มู่เฉินก็รู้สึกว่าเส้นผมลุกชูชัน ไอเย็นยะเยือกหมุนเวียนบนพื้นผิว แสงสีทองพล่านในดวงตาทันที วินาทีต่อมาเขาก็กระทืบเท้า ร่างขยับไปทางซ้ายหลายจั้ง

ตึง!

เมื่อมู่เฉินเคลื่อนตัวออกไป ลูกศรก็ยิงลงบนตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก่อนหน้า ทำให้พื้นดินพังทลายลง เกิดหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง

มู่เฉินปรากฏตัวนอกหลุมสิบกว่าจั้ง เขาหันไปมองหัวใจก็ถึงกับสั่นสะท้าน นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าก้อนหินน้อยใหญ่ในหลุมถูกกัดกร่อนด้วยไอเย็นที่น่าสะพรึงกลัว การแตะถูกเพียงเล็กน้อยก็ทำให้กลายเป็นฝุ่นผงได้

พลังเบื้องหลังเกล็ดหิมะทรงพลังอย่างแท้จริง นอกจากนี้ที่สำคัญก็คือลูกศรเร็วมาก กระทั่งมู่เฉินที่พยายามหลบหนีเต็มกำลังก็แทบจะปลีกตัวหนีไม่ได้

ครืด

ขณะที่มู่เฉินยังตกตะลึงกับพลังลูกศร เสียงแผ่วเบาอีกเสียงก็ดังขึ้นมา เขารีบเงยหน้าขึ้น จากนั้นดวงตาก็หดเกร็งลงทันที ฉิงเฉวียนดึงสายธนูบนวิหคน้ำแข็งอีกครั้ง ยามนี้มีลูกศรสามดอกถูกขึ้นสาย อักขระโบราณรวมตัวกันอยู่ที่ปลายลูกศร

แคร็ก!

เสียงลูกศรฉีกผ่านสายลมดังขึ้นฉับพลัน แสงสามสายพุ่งทะลุขอบฟ้า

ร่างของมู่เฉินทะยานถอยไปด้านหลังพร้อมกับเร้ากายามังกรหงส์จนถึงขีดสุด แสงสีทองกระจาย ร่างมายานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ทว่าทันทีที่ภาพเหล่านั้นปรากฏขึ้นก็ถูกลูกศรสลายลงทันที

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงระเบิดดังสามครั้งติดจากลานหินสีฟ้าอมเขียว หลุมน้ำแข็งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ขณะที่มู่เฉินเผยร่างออกมาในระยะไกลโดยมีสภาพทุลักทุเลไปหมด

ฉิงเฉวียนมองไปที่มู่เฉินโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขาไม่ปริปากพูดสักคำ แต่ครั้งนี้เมื่อดึงคันธนูลูกศรน้ำแข็งห้าดอกก็ปรากฏขึ้น

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น หากเขาปล่อยให้ฉิงเฉวียนยิงลูกศรออกมาอย่างไม่สิ้นสุด เขาจะตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบในการต่อสู้ยกนี้ เมื่อไรที่เขาโดนลูกศรซัดเข้าสักดอก ห่าลูกศรก็คงกระหน่ำไม่ยั้งเอาชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์

“ชายคนนี้ต่อสู้ระยะไกลได้ดีกว่าระยะประชิดตัว”

ประกายแสงวูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นร่างเขาพุ่งเข้าหาฉิงเฉวียนทันที ชัดว่าเขาวางแผนที่จะเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายให้มากที่สุด เพื่อฉิงเฉวียนจะไม่สามารถยิงลูกศรได้แบบไม่รู้จบเช่นนี้

ทว่าเมื่อฉิงเฉวียนเห็นการเคลื่อนไหวของมู่เฉิน เขาก็ยิ้มบางก่อนที่จะกระแทกฝ่าเท้าลงบนพื้น วิหคน้ำแข็งขนาดใหญ่กางปีกออก พายุหิมะโหมกระหน่ำภายในรัศมีพันจั้ง ปีกแข็งแรงกระพือวูบไหวแล้วไปปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะไกล ในเวลาเดียวกันแสงสีขาวหลายสายก็ยิงออกมาจากมือของฉิงเฉวียน

ปัง!

ลูกธนูพุ่งเข้าชนพื้นเบื้องหน้ามู่เฉินอย่างแรง ชั้นน้ำแข็งกวาดออกอย่างรวดเร็ว บีบให้ฝ่าเท้าของมู่เฉินต้องแตะพื้นเพื่อเปลี่ยนทิศทาง

ปัง! ปัง! ปัง!

ถัดจากนั้นไม่กี่นาที มู่เฉินก็อยู่ในสภาพน่าอนาจจากห่าลูกศร ทุกครั้งที่เขากำลังจะเข้าไปภายในรัศมีพันจั้งจากตัวฉิงเฉวียน เขาก็จะถูกบีบหยุดชะงักด้วยลูกศรที่แปลกประหลาด ทำได้เพียงเปลี่ยนทิศทางหลบลูกศรที่พุ่งมาหาเขา

ภาพนี้ทำเอาสมาชิกเผ่าวิหคโลกันตร์รู้สึกโล่งใจอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์กี่คนที่เสียเปรียบภายใต้กลยุทธ์การต่อสู้นี้จากฉิงเฉวียน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่ยังต้องกระโดดไปมาซึ่งดูน่าสมเพชอย่างยิ่ง

ทุกคนรู้ว่าเวลานี้ฉิงเฉวียนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่แพ้แล้ว

บนแท่นศิลา ผู้อาวุโสหลายคนที่เห็นภาพนี้ก็พยักหน้าเบาๆ แม้ว่าฉิงเฉวียนจะหน้าไม่อายไปหน่อยที่ต่อสู้ด้วยวิธีนี้ แต่ผลลัพธ์สำคัญที่สุดในโลก เพราะหากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูในดินแดนเสินโซ่ คู่ต่อสู้ของพวกเขาคงไม่มีใครพูดถึงการต่อสู้อย่างยุติธรรมหรอก

“ดูท่าการปะทะครั้งนี้จะได้ผลลัพธ์แล้ว” ผู้อาวุโสชุดสีฟ้าอมเขียวยิ้มบางก่อนจะพูดต่อ “เจียงย่ายังไม่ได้ลงประลองเลย แค่ฉิงเฉวียนคนเดียวก็บังคับให้เขาอยู่ในสภาพน่าสมเพชแล้ว… จากภาพนี้มู่เฉินไม่ได้รับตำแหน่งไปแน่นอน”

จิ่วโยวกำมือแน่น นางมองร่างเงาที่กระโดดไปมาหลบโจมตีที่พุ่งมาหาเขาจากทุกทิศทุกทาง นางอดไม่ได้ที่จะขบฟันแน่น

นางรู้ว่ามู่เฉินอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปีรยบเพียงใด

“ไอ้น้องโง่นั่นทำไมยังไม่ใช้ร่างเทพสุริยะอีก…” จิ่วโยวกังวลใจมาก หากมู่เฉินใช้ร่างเทพสุริยะ แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะฉิงเฉวียนได้ เขาก็จะไม่บีบให้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้

ขณะที่จิ่วโยวรู้สึกกังวลในใจ เทียนฮวงที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปที่ลานประลองด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เขาจ้องดูร่างเงาของมู่เฉินที่หลบหัวซุกหัวซุน ทันใดนั้นม่านตาเขาก็หดลง

“เจ้าเด็กนั่น…”

เทียนฮวงมองร่างมู่เฉินที่หลบหนีไปมา ด้วยการควบคุมคลื่นหลิงที่น่ากลัวของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ทำให้เขารู้สึกได้เลือนรางว่าทุกครั้งที่ร่างมู่เฉินพุ่งไปมา ปลายเท้าจะสัมผัสกับพื้นดิน ซึ่งวินาทีนั้นเหมือนจะมีคลื่นหลิงซึมลงไปในพื้นดิน

สายตาของเทียนฮวงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดิ่งลึกราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ยามนี้ผืนฟ้าและผืนดินเริ่มโปร่งใสในสายตาของเขา ทันใดนั้นเขาก็หดตาลง

นั่นเป็นเพราะขณะนี้เขาเห็นค่ายกลแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นดินของลานประลอง นี่เป็นค่ายกลที่สร้างซ่อนไว้ใต้ดินโดยที่คนนอกยากที่จะตรวจจับได้

“นั่นมัน…ค่ายกล!”

“เขาเป็นหลิงเจิ้นซือด้วยรึ?!”

หัวใจของเทียนฮวงเต้นไม่เป็นส่ำ ที่แท้เฉินไม่ได้ถูกบังคับให้อยู่ในสถานะน่าสมเพชโดยฉิงเฉวียนจนต้องกระโดดขึ้นๆ ลงๆ จริงๆ แล้วเขาแอบใช้โอกาสนี้วางโครงข่ายค่ายกลขนาดใหญ่รอบร่างฉิงเฉวียนต่างหาก!

ขณะที่ในใจเทียนฮวงสั่นสะท้านไปหมด ร่างของมู่เฉินซึ่งหลบไปมาก็หยุดลง เขากระทืบพื้นเบาๆ ก่อนที่จะเทคลื่นหลิงสายสุดท้ายลงไป

“ในที่สุดเจ้าก็หลบไม่ไหวแล้วรึ?”

เมื่อฉิงเฉวียนดังนี้ก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “งั้นก็มาจบศึกนี้กันเถอะ”

พูดจบเขาก็ดึงสายธนูจนสุดอีกครั้ง ลูกศรหลายสิบก่อตัวขึ้นบนธนู ไอเยือกเย็นที่น่าสะพรึงกวาดออกมา

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองฉิงเฉวียนที่ดึงธนูด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่อ่อนเยาว์พูดเบาๆ ว่า “เล่นกับเจ้ามาตั้งนานก็ควรจบได้แล้ว”

พูดจบมู่เฉินก็กระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง

ตึง!

พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าร่วงกราว ลำแสงนับหมื่นพุ่งพรวดออกมาจากลานประลอง ความผันผวนคลื่นหลิงที่น่าตกใจระเบิดออกมาจากพื้นดิน

ค่ายกลตาข่ายฟ้าเปิดใช้งาน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด