หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 869 ห้าผู้บัญชาการออกโรง

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 869 ห้าผู้บัญชาการออกโรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 869 ห้าผู้บัญชาการออกโรง

กองทัพสีดำแผ่ออกไปราวกับคลื่นยักษ์ที่เบื้องหน้า

ขณะที่รัศมีจั้นยี่สีดำน้ำหมึกพลุ่งพล่านที่เบื้องบน ปีศาจหมาป่าส่งเสียงหอนทั่วชั้นฟ้ารัศมีจั้นยี่ก็ม้วนตัว ทำให้ผู้คนที่เฝ้ามองรู้สึกถึงแรงกดดันอันอัศจรรย์ที่พัดเข้ามา

สีหน้าของเหล่าผู้บัญชาการเปลี่ยนไปรุนแรงในยามนี้

แรงกดดันของรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามต่อชีวิต ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกของสำนักหลักสงครามจึงถูกสังหาร

มู่เฉินมองกองทัพตรงหน้าด้วยสายตาเคร่งขรึม จากนั้นสายตาก็จดจ่อไปที่ภาพเงาดำในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่พลางพูดว่า “กองทัพนี้มีแม่ทัพที่สามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้…”

สีหน้าของจิ่วโยวและคนอื่นกระตุกรุนแรง ซากอารยธรรมความตายนี้เต็มไปด้วยอันตรายแท้จริง แม้แต่ในกองทัพนักรบผีดิบที่สูญเสียสติปัญญายังมีคนที่สามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้

ภายใต้สายตาตื่นระวังของพวกเขา ร่างเงาดำที่อยู่ในกองทัพห่างไกลก็เงยหน้าขึ้นมองมายังพวกมู่เฉินด้วยดวงตาที่ไม่มีริ้วความมีชีวิตชีวา เสียงแหบห้าวสะท้อนไปทั่ว

“ข้าคือ… ผู้ใต้บังคับบัญชาแห่งจักรพรรดิเทียนเจิ้น… แม่ทัพห้า… ทุกคนที่บุกรุกเข้ามาในสมรภูมิของจักรพรรดิข้าจะต้องตาย!”

เสียงพร่าและโบราณดังสะท้อนโดยไร้อารมณ์ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพคนนี้ก็ถูกรุกรานโดยรัศมีปีศาจ ทำให้ร่างของเขาไม่สมบูรณ์จนราวกับผีดิบที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ

“จักรพรรดิเทียนเจิ้น? แม่ทัพห้า…”

แต่เมื่อพวกมู่เฉินได้ยินเสียงที่พร่าเลือน ก็รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หรือว่าซากอารยธรรมความตายนี้จะถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิเทียนเจิ้น? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าจักรพรรดิเทียนเจิ้นน่าจะเป็นจั้นเจิ้นซือที่พวกเขากำลังตามหาอยู่

“สมกับการเป็นจั้นเจิ้นซือ แม้กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชายังสามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้ และบัญชากองทัพทรงพลังเช่นนี้” จิ่วโยวอุทานชื่นชม หากแม่ทัพเงาดำคนนี้ถูกวางในกองทัพชั้นสูงของภูมิภาคทางเหนือ เขาจะต้องมีตำแหน่งสูงแน่นอน ทว่าภายใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเทียนเจิ้น เขาเป็นได้แค่แม่ทัพห้าเท่านั้น

จั้นเจิ้นซือทรงพลังอย่างแท้จริง

“กองทัพนี้แข็งแกร่งกว่าทุกหน่วยรบของพวกเรา” มู่เฉินจ้องมองไปที่วิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจเบื้องบนก็พูดอย่างช้าๆ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตที่กำจายออกมาเป็นสิ่งที่แม้แต่หน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็ไม่อาจต่อกรได้ นั่นเพราะขนาดกองทัพของสองฝ่ายต่างกันมากไป กองทัพนักรบผีดิบเบื้องหน้าคงมีกำลังพลเกินสองหมื่น กระทั่งเซียวเทียนก็ยังเทียบไม่ได้

“ทุกคน เตรียมโจมตีพร้อมกัน” มู่เฉินมองไปที่เหล่าผู้บัญชาการพร้อมกับพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม

แม้ว่ารัศมีจั้นยี่ของกองทัพเบื้องหน้าพวกเขาจะกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกคนเดียวก็ต้องถูกสังหาร แต่น่าเสียดายที่พวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกถึงห้าคน!

ยิ่งถ้ามู่เฉินยืมพลังจากหน่วยรบวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิตด้วย เขาก็จะสามารถเทียบเคียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก ดังนั้นถ้ามองมุมนี้พวกเขานับว่ามีจอมยุทธ์ระดับนี้ถึงหกคนเลยทีเดียว

กระบวนทัพนี้เป็นแหล่งที่มาของความมั่นใจที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉิน ซึ่งนี่ก็ทำให้เข้ารู้สึกโชคดีมาก ถ้าเวลานั้นมีเพียงเขาและจิ่วโยวที่มาตามลำพัง พวกเขาคงยากที่จะเดินหน้าต่อไป สมรภูมิหยุ่นลั้วเต็มไปด้วยอันตรายนานัปการ ด้วยพลังของหน่วยรบวิหคโลกันตร์อย่างเดียวยากที่จะผ่านไปได้

“ฮ่าๆ ศึกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกข้าห้าคนก็พอ ผู้บัญชาการมู่ช่วยเฝ้าระวังเถอะ นี่เป็นปลาใหญ่ในอวน จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด” เลี่ยซันหัวเราะขณะที่กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ที่เบื้องหลังเหล่าผู้บัญชาการอีกสี่คนก็ทะยานตามไป ทั้งห้าเร้าคลื่นหลิงทุกอณุในร่างออกมา ทำเอาระลอกคลื่นหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า สร้างพายุพลังงานรุนแรงกวาดออกไปทั่วบริเวณ

“ตู้ม!”

กองทัพนักรบผีดิบก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่ดุเดือดตอบสนองเต็มที่ ทว่ารัศมีเสื่อมทรามเน่าเหม็นทำให้ผู้คนถึงกับรู้สึกสะอิดสะเอียน ส่วนวิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจก็อ้าปากกว้าง ทันใดนั้นลำแสงสีดำพันจั้งก็ยิงใส่เลี่ยซันที่อยู่หน้าสุด

“มาเลย!”

เมื่อเลี่ยซันเห็นการโจมตีนี้ นอกจากจะไม่กลัวยังหัวเราะใส่ เขากำมือแน่นแล้วเหวี่ยงกำปั้นไปข้างหน้า คลื่นหลิงมหาศาลกวาดออกไปราวกับกระแสน้ำ ก่อเป็นเงาภูเขาขนาดใหญ่ที่เบื้องหลัง ประหนึ่งกำปั้นนี้มีพลังเทียบกับขุนเขาเลยทีเดียว

“หมัดเทพห้าคีรี!”

มิติเบื้องหน้าเลี่ยซันแตกสลายภายใต้กำปั้นนี้ กำปั้นที่มีน้ำหนักพอกับภูเขาก็ปะทะเข้ากับลำแสงของศัตรูราวกับสายฟ้าฟาด

ปัง!

ลอนคลื่นพลังป่าเถื่อนกวาดออก ทำให้มิติถึงกับผันผวน ร่างของเลี่ยซันกระเด็นไปด้านหลังนับพันจั้น ก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไปจนพื้นที่ใต้ฝ่าเท้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ถึงทรงตัวไว้ได้

ใบหน้าเขาเหมือนจะพลุ่งพล่านไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้ ขณะสายตาจ้องมองกองทัพเบื้องหน้าพลางฉีกยิ้ม “ช่างเป็นรัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลัง สะใจจริงๆ แม้แต่ข้ายังไม่ได้เปรียบเลย!”

เมื่อจิ่วโยวและคนอื่นเห็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มถูกซัดไปด้านหลังด้วยรัศมีจั้นยี่ สายตาของพวกเขาก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน ทั้งสี่แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็ออกกระบวนท่าโจมตีพร้อมกัน

“ขนนกเก้าโลกันตร์”

“เพลงกระบี่สวรรค์”

“ปีกเหยี่ยวโลหิตสังหาร”

“…”

ทั้งสี่ปลดปล่อยวิชาโจมตี การใส่เต็มกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกทำให้แม้แต่มิติยังเกิดรอยแตกยาว ขณะที่คลื่นหลิงกระเพื่อมไหว รัศมีสีดำที่อัดแน่นทั่วบริเวณก็ลดลงอย่างมีนัย

“โฮก!”

แม่ทัพห้าของกองทัพนักรบผีดิบก็แผดเสียงคำรามต่ำลึกออกมาจากมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่พลุ่งพล่าน ดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาจากการโจมตีสอดประสานของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสี่คน ทันใดนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ รัศมีจั้นยี่พวยพุ่ง วิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจเปล่งเสียงหอนยาว ลวดลายสีดำกะพริบบนร่างไม่หยุด ก่อนที่จะรวมเป็นเสี้ยวจันทร์สีดำที่ใต้ปาก

มีลวดลายพล่านบนเสี้ยวจันทร์ด้วยเช่นกัน รัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่ฟุ้งกระจายออกมา

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ สายตาก็หดเกร็งเล็กน้อย รัศมีจั้นยี่ที่บัญชาโดยแม่ทัพห้าดูเหมือนจะละเอียดอ่อนมากกว่า อย่างน้อยการโจมตีเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

หัวของหมาป่าปีศาจสะบัดรุนแรง เสี้ยวจันทร์สีดำก็พุ่งออกมา ความเร็วไม่อาจบรรยายเลยทีเดียว พริบตาก็ไปปรากฏเบื้องหน้ากระบวนท่าการโจมตีของผู้บัญชาการทั้งสี่ก่อนที่จะทะลุทะลวงผ่านไป

ปัง! ปัง!

คลื่นพลังโจมตีสองสายปะทะกัน เสี้ยวจันทร์สีดำสำแดงพลังในการทำลายล้างที่น่าอัศจรรย์ ในเส้นทางที่กวาดผ่านสามารถทำลายการโจมตีได้ถึงสามกระบวนท่า ก่อนที่จะอันตรธานหายไป

แต่ถึงกระนั้นพลังการโจมตี่นี่ก็ทำให้จิ่วโยวและคนอื่นตกใจมากแล้ว เนื่องจากการโจมตีกระบวนท่านี้ทำลายทักษะวิชาของพวกเขาได้ถึงสามคนเลยทีเดียว!

ตู้ม!

แต่เมื่อเสี้ยวจันทร์สีดำแตกเป็นเสี่ยง การโจมตีสายสุดท้ายก็พุ่งทะลุท้องฟ้าซัดลงบนกองทัพนักรบผีดิบ ทันใดนั้นคลื่นหลิงป่าเถื่อนก็กวาดออก ขณะที่นักรบผีดิบนับพันกลายเป็นเถ้าถ่าน

โฮก!

แม่ทัพห้าปล่อยเสียงคำรามด้วยเกรี้ยวกราด ทำเอารัศมีจั้นยี่ถึงกับเดือดพล่านมากขึ้นไปอีกหลายส่วน ขณะที่เริ่มปล่อยการโจมตีบ้าคลั่งเข้าใส่พวกจิ่วโยว รัศมีจั้นยี่ส่งเสียงฮึมฮัมไปทั่วพื้นที่ ช่างเป็นฉากที่ตระการตานัก

อีกด้านหนึ่งมู่เฉินกำลังเฝ้าดูฉากการต่อสู้จากระยะไกล เขาสั่งการให้หน่วยรบทั้งสี่ปิดล้อมบริเวณนี้เอาไว้ แม้ว่ากองทัพนักรบผีดิบนี้จะยากในการจัดการ แต่ก็เป็นถ้วยข้าวที่ส่งกลิ่นเย้ายวน ตามการประเมินของมู่เฉิน หากสามารถกลั่นกองทัพนักรบผีดิบนี้ได้ อย่างน้อยก็จะได้รับยาหยุ่นลั้วหลายพันเม็ดเลยทีเดียว ซึ่งนี่ไม่ใช่ปริมาณน้อยๆ เลย

นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือ…

มู่เฉินหรี่ตาพลางมองไปยังแม่ทัพห้าซึ่งยืนจังก้าอยู่ในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่สีดำที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการทั้งห้า… บางทีพวกเขาอาจจะได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับจักรพรรดิเทียนเจิ้นจากมันก็เป็นได้

ตึง! ตึง!

ขณะที่ความคิดแล่นผ่านในใจมู่เฉิน การต่อสู้ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ระลอกคลื่นผันผวนป่าเถื่อนทำให้แม้แต่หัวใจของเขายังเต้นไม่เป็นส่ำ

ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือแม้จะเผชิญกับการโจมตีดุเดือดของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกห้าคน แต่กองทัพนักรบผีดิบก็ยังพยายามจะยืนหยัดสุดกำลังเพื่อจะต่อต้าน ทุกการโจมตีของวิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อผู้บัญชาการทั้งห้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะปลดปล่อยการโจมตีอย่างไม่คำนึงถึงอะไร

แต่ชัดว่าสถานการณ์นี้อยู่ได้เพียงชั่วคราว แม้ว่ากองทัพนี้จะทรงพลัง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะต้านทานจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกห้าคนได้

แล้วสถานการณ์ก็ไม่ได้เกินจากการคาดหมายของมู่เฉิน การเข้าโรมรันกันกินเวลาประมาณสิบนาที ความสูญเสียของกองทัพนักรบผีดิบก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตตอนแรกเริ่มแสดงสัญญาณปั่นป่วนไปหมด

วิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจตกอยู่ในการโจมตีของผู้บัญชาการสามคน ก็คือเลี่ยซัน จิ่วโยวและหลิงเจี้ยน ร่างของมันหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ดูท่าว่ากำลังสูญเสียรัศมีจั้นยี่ไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าแม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตราย แม่ทัพห้าก็ไม่มีท่าท่างที่จะถอยเลยสักนิด รัศมีทำลายล้างเปล่งออกมาอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น

ตู้ม!

พลังงานสามสายที่มีขนาดพันจั้งระเบิดจากมือเลี่ยซัน จิ่วโยวและหลิงเจี้ยน เจาะทะลุวิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจ ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องเสียงหลงแล้วร่างมหึมาก็แตะสลายอย่างรวดเร็ว

เมื่อวิญญาณสงครามหมาป่าปีศาจถูกทำลาย รัศมีจั้นยี่ของกองทัพนักรบผีดิบก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว รัศมีจั้นยี่ดุเดือดลดฮวบลงต่ำสุด

โฮก!

แม่ทัพห้าเปล่งเสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่เขายังไม่คิดถอย พุ่งเข้าห้ำหั่นกับผู้บัญชาการทั้งห้า

แต่เมื่อปราศจากกองทัพ พลังในการต่อสู้ของเขาก็ด้อยกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เสียอีก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สร้างอันตรายใดๆ กับผู้บัญชาการทั้งห้า แต่ท่าทางที่ไม่กลัวตายของเขา ทำเอาใบหน้าของผู้บัญชาการทั้งห้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน เนื่องจากอีกฝ่ายคือจอมยุทธ์อาวุโสที่เคยเข้าต่อสู้กับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกเคารพ เพราะคนเหล่านี้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องมหาพันภพ

“ปล่อยให้ข้าเถอะ”

มู่เฉินถอนหายใจขณะที่ทะยานมาปรากฏตัวที่เบื้องหน้าแม่ทัพห้า เขามองไปที่ดวงตากลวงโบ๋ จากนั้นก็นาบฝ่ามือลงบนหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พริบตาคลื่นหลิงยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกจากฝ่ามือราวกับพายุ

บึ้ม!

เมื่อคลื่นหลิงรุนแรงแทรกซึมเข้าไปในร่างแม่ทัพห้า แววหลุดพ้นก็เผยบนใบหน้าแห้งกรัง ในดวงตาที่กลวงโบ๋เหมือนจะมีสติกลับคืนมาในช่วงเวลาสุดท้าย

“ขะ…ขอบใจมาก…ข้างหน้ามีค่ายกลจตุเทวะ…”

“ระวัง… นายท่าน…”

ขณะที่ร่างแม่ทัพห้าระเบิดออกอย่างสมบูรณ์ เสียงแหบพร่าก็สะท้อนในโสตประสาทของมู่เฉินอย่างติดๆ ขัดๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด