หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 941 หอกห้าสุริยะ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 941 หอกห้าสุริยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนขอบฟ้า

ร่างเทห์สวรรค์ใหญ่โตสามร่างยืนตระหง่านปกคลุมไปด้วยพายุคลื่นหลิงที่ก่อตัวขึ้นเป็นหมอก ราวกับสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ที่น่าสะพรึงกลัว

ทว่าแม้ร่างทั้งสามนี้จะทรงพลัง แต่แรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากร่างเทพสุริยะของมู่เฉินก็แข็งแกร่งกว่าร่างเทพใต้พิภพของโยวหมิงและร่างแสงดาวปฐมกาลของฟังยี่

เพราะไม่ว่าอย่างไรร่างเทพสุริยะก็เป็นร่างต้นของร่างมหาเทพนิรันดร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของร่างมหาเทพปฐมกาลที่เหลืออยู่ในมหาพันภพ

และอย่างน้อยก็อยู่ห้าอันดับแรกของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังไม่สามารถครอบครองได้ ดังนั้นแม้ความจริงที่ว่าร่างเทพใต้พิภพและร่างแสงดาวปฐมกาลจะไม่ธรรมดา แต่ก็ยังด้อยร่างเทพสุริยะมาก

ภายใต้สายตาของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วน มู่เฉินก็ปรากฏตัวบนหัวของร่างเทพสุริยะ เมื่อยืนอยู่บนนั้นก็รู้สึกถึงพลังแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวภายในร่างเทห์สวรรค์ได้อย่างชัดเจน พร้อมกับขุมพลังของเขาที่เข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นห้า ร่างเทพสุริยะนี้ก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

พลังงานมหาศาลทำให้เขาไม่ต้องหวาดกลัว แม้ต้องเผชิญกับร่างทรงพลังสองร่างในทำเนียบก็ตาม

“ไอ้บ้านั้นไปฝึกร่างเทห์สวรรค์มาจากไหน ถึงจะไม่ได้อยู่ในทำเนียบร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง แต่ก็จัดการยากมาก” โยวหมิงปรากฏตัวบนร่างเทพใต้พิภพเช่นกัน เขาจ้องมองไปที่ร่างเจิดจรัสด้วยสายตาเย็นชา มุมปากกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่ส่งเสียงไปทางฟังยี่

“มหาพันภพกว้างใหญ่ไพศาล แม้ว่าการจัดทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างจะเป็นที่ยอมรับ แต่ก็มีร่างที่หายากซึ่งไม่ได้รับการบันทึกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องแปลกใจ”

ฟังยี่ขมวดคิ้วพูดต่อเสียงเยือกเย็น “ต่อให้ร่างไอ้นั่นจะทรงพลัง แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะสามารถเอาชนะการรวมพลังของเราสองคนได้!”

“ถ้าเราไม่สามารถกำจัดไอ้บ้านี่ได้ในวันนี้ อนาคตจะมีที่ยืนในหมู่คนรุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือให้พวกเราที่ไหนอีก!” แววตาของโยวหมิงเย็นเยียบลงขณะที่ตอบ

“งั้นก็ทุ่มสุดพลัง อย่าลากการต่อสู้อีกต่อไป!” ฟังยี่สูดลมหายใจขณะที่ตะเบ็งเสียง

สายตาทั้งสองลุกโชนด้วยจิตสังหาร วินาทีต่อมาพวกเขาก็ก้มตัวลงกระแทกฝ่ามือลงบนศีรษะร่างเทห์สวรรค์ เมื่อฝ่ามือตบลงเลือดสีแดงเข้มข้นก็กระเซ็นออกมา ก่อร่างเป็นอักขระโลหิตโชติช่วงในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ก่อนที่จะกระจายออกไปบนหัวของร่างเทห์สวรรค์และซึมซาบช้าๆ

ตู้ม!

พร้อมกับอักขระโลหิตซึมเข้าในหัว ร่างเทห์สวรรค์ทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ดวงตาที่เจิดจ้าแต่เดิมก็มีริ้วสีแดงเข้มผสมเข้าด้วย

โฮก!

คลื่นหลิงในร่างเทห์สวรรค์ปะทุขึ้นรุนแรง ราวกับมังกรถูกขังส่งเสียงคำรามไม่หยุด ดังกึกก้องไปทั่วขอบฟ้า

“ขยายร่างเทห์สวรรค์ด้วยแก่นโลหิตของตัวเอง… โยวหมิงกับฟังยี่เหี้ยมโหดจริงๆ…”

เมื่อหงหยูและซูปี้เยี่ยเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปแบบควบคุมไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่คิดว่าไม่เพียง แต่จะโยวหมิงและฟังยี่จะเร้าร่างเทห์สวรรค์ขึ้นมา แต่พวกเขายังจะขยายขนาดด้วยการปลดปล่อยแก่นโลหิต ด้วยวิธีนี้แม้ร่างเทห์สวรรค์จะน่ากลัวขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าผลสะท้อนกลับก็ไม่เบาเลยทีเดียว คงต้องใช้เวลาฟักฟื้นถึงครึ่งปีเลยทีเดียว

ดังนั้นทุกคนบอกได้ว่าโยวหมิงและฟังยี่หวาดกลัวมู่เฉินเพียงใด

มู่เฉินที่ยืนอยู่บนหัวร่างเทพสุริยะก็หดดวงตาลง เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองก็อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหก บวกกับการขยายพลังด้วยทักษะลับ เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน ต่อให้เผชิญหน้ากับพยัคฆามังกรฟ้าก็สู้ได้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกทั่วไปยังต้องเดินหลีกพวกเขาเมื่อเจอ

ลมหายใจขาวขุ่นพ่นออกมาช้าๆ จากปากของมู่เฉิน ใบหน้าก็เคร่งขรึมลงหลายส่วน จากนั้นมือทั้งสองประสานกันก่อตราประทับด้วยความเร็วปานสายฟ้า สร้างภาพลวงตาขึ้นตามมา

เขาไม่เคยดูถูกศัตรู แม้แต่สิงโตยังต้องใช้กำลังเต็มที่เมื่อล่ากระต่าย ยิ่งทั้งสองคนที่เบื้องหน้าไม่ได้เป็นกระต่ายที่อ่อนโยน แต่เป็นหมาป่าดุร้ายต่างหาก

ตู้ม! ตู้ม!

ขณะที่ตราประทับในมือมู่เฉินเปลี่ยนแปลง คลื่นหลิงรอบร่างแสงดาวปฐมกาลและร่างเทพใต้พิภพก็เดือดพล่าน แรงเสียดสีระหว่างกัน ดึงดูดพายุสายฟ้าที่รุนแรง

เส้นเลือดคืบคลานขึ้นมาบนดวงตาของฟังยี่ เขาจ้องเขม็งอยู่ที่มู่เฉิน จากนั้นมือก็ประสานกันฉับพลัน “ทักษะเทห์สวรรค์ หอกแสงดาว!”

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

คลื่นหลิงในฟ้าดินรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่งในมือของร่างแสงดาวปฐมกาล ในเวลาไม่กี่อึดใจหอกขนาดหนึ่งพันจั้งก็ปรากฏขึ้น

หอกเล่มนี้โบราณและสลักด้วยภาพดวงดาวนับไม่ถ้วน เมื่อกวัดแกว่งไปมา พลังของแสงดวงดาวก็สามารถแยกภูเขาและผ่าพสุธาได้

ครั้งก่อนตอนที่ฟังยี่ปะทะกับมู่เฉิน เขาก็ใช้หอกแสงดาวนี้ แต่ชัดเจนว่าตอนนี้เมื่อเขาใช้ทักษะเทห์สวรรค์นี้อีกครั้งก็แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า

ครั้งก่อนที่ใช้ทักษะนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คราวนี้ฟังยี่ตั้งใจใช้กระบวนท่านี้เผด็จศึกมู่เฉินให้ราบคาบ!

“ทักษะเทห์สวรรค์ ง้าวเทพใต้พิภพเลือด!” อีกด้านหนึ่งเสียงเย็นเยือกของชายโยวหมิงก็ดังก้องพร้อมกับรัศมีเยือกเย็นเกรี้ยวกราด

หมอกสีดำกลิ้งมารวมกันที่เบื้องหน้าร่างเทพใต้พิภพราวกับเมฆดำหนาแน่นจนท่วมขอบฟ้า ส่วนร่างเทพใต้พิภพก็ยื่นมือออกไปคว้าเมฆดำหนานั่น

เมื่อมันดึงมือออกมา ง้าวสีแดงเข้มขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างหน้ากลับก็ปรากฏอยู่ในมือ บนง้าวมีใบหน้าดุร้ายนับไม่ถ้วนเปล่งเสียงครวญครางไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้คลื่นหลิงของผู้อื่นถึงกับเดือดพล่านและบิดเบี้ยวเลยทีเดียว

“ทั้งสองคนนั้นบ้าไปแล้ว… ถึงกับใช้ทักษะเทห์สวรรค์เลย…”

เมื่อจอมยุทธ์สำนักอื่นเห็นภาพนี้ ปลายหางตาก็กระตุก มีเพียงร่างเทห์สวรรค์ทรงพลังเท่านั้นที่ครอบครองทักษะเทห์สวรรค์ ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด แต่ตอนนี้กลับถูกโยวหมิงและฟังยี่นำออกมาใช้โดยไม่คิดอะไร

“เฉือน!”

ฟังยี่และโยวหมิงสาดสายตาเย็นชาจับจ้องไปที่มู่เฉิน จากนั้นก็แผดเสียงลั่นออกมา หอกและง้าวพุ่งออกมาราวกับมังกรขนาดใหญ่สองตัว คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวสองสายเล็งเป้าไปที่มู่เฉิน

ตู้ม! ตู้ม!

ลำแสงสองสายทำให้มิติที่อยู่ในเส้นทางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทิ้งรอยยาวเอาไว้เป็นเวลานาน

จิตสังหารที่น่ากลัวครอบงำในเวลาเดียวกัน ขอบฟ้าถึงกับกระเพื่อมไหว

ลำแสงสองสายยิงเข้ามา แรงกดดันจากคลื่นหลิงปิดกั้นมิติบริเวณที่มู่เฉินยืนไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ตั้งใจที่จะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อกำจัดมู่เฉิน

ขณะที่ลำแสงยิงเข้ามา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้น การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวสองสายสะท้อนให้เห็นในดวงตา จากนั้นตราประทับเลือนรางก็หยุดลงทันที

“คลื่นเก้าตะวัน เปิดสามตะวัน!”

พร้อมกับเสียงของมู่เฉิน ริ้วแสงสีทองสามสายก็ยิงออกมาจากร่างเทพสุริยะกลายเป็นดวงตะวันสีทองเรืองรองสามดวง

“หึ กระบวนท่านี้อีกแล้ว ครั้งก่อนเจ้าใช้มันหยุดข้าได้ ครั้งนี้เจ้าคิดว่าจะได้ผลอีกเรอะ?!” ดวงตาของฟังยี่สาดแสงเย็นชาขณะมองฉากนี้

พลังของกระบวนท่าเปิดสามตะวันไม่สามารถข่มขู่ฟังยี่ที่ได้ขยายความแข็งแกร่งของตนในเวลานี้

แต่นี่ก็เป็นไปตามความคิดของมู่เฉิน เขามองฟังยี่อย่างไม่แยแส ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ แล้วทำไมเขาจะมีพัฒนาการด้วยไม่ได้?

มู่เฉินเค้นเสียงเย็นขึ้นจมูก ตราประทับในมือที่หยุดข้างกายก็วูบไหวอีกครั้ง

“คลื่นเก้าตะวัน เปิดสี่ตะวัน!”

เสียงคำรามดังกึกก้องอยู่หัวใจของมู่เฉิน ทันทีที่สิ้นเสียงพูด มือข้างขวาของร่างเทพสุริยะก็มีรัศมีสีทองเปล่งปลั่งอีกดวงหนึ่ง

คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างเทพสุริยะ ทำให้เกิดเสียงลมและฟ้าคำรน

ใบหน้าของฟังยี่และโยวหมิงก็น่าเกลียดลง

ทว่าสายตาของมู่เฉินกลับเต็มไปด้วยความขบขันเมื่อมองทั้งคู่ขณะยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่านี่จบแล้วเหรอ?”

พอได้ยินคำพูดนั่น หัวใจของฟังยี่และโยวหมิงก็โลดขึ้น

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน ตราประทับเปลี่ยนไป จุดจื้อจุนไห่ที่อยู่ข้างหลังก็กวนตัวไม่หยุด ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเทลงมาในร่างเทพสุริยะ

ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า เขารู้สึกได้ว่าการเปิดสี่ตะวันไม่ใช่ขีดจำกัด ดังนั้นเขาจึงทุ่มเต็มพลังเพื่อที่จะบรรลุให้ได้!

ตราประทับของมู่เฉินช้าลงเรื่อยๆ ราวกับว่ามือของเขาหนักเป็นพันชั่ง คลื่นหลิงในร่างเขาเทไปรวมตัวกันที่มือซ้ายของร่างเทพสุริยะ ในเวลาเดียวกันแสงสีทองก็พุ่งพรวดขึ้นไปบนท้องฟ้า

ดวงตะวันสีทองขึ้นอีกดวงแล้ว

ตอนนี้เหนือร่างเทพสุริยะมีดวงตะวันสีทองเจิดจรัสถึงห้าดวง!

“คลื่นเก้าตะวัน เปิดห้าตะวัน!”

เสียงคำรามดังสนั่นในใจ อึดใจต่อมาดวงตะวันสีทองทั้งห้าดวงก็ระเบิดออกพร้อมกับของเหลวสีทองไหลไปรวมตัวกันในมือของร่างเทพสุริยะ

เมื่อแสงสีทองกระจายออกไป หอกทองคำขนาดพันจั้งก็ปรากฏขึ้น บนหอกทองคำนี้ราวกับมีดวงตะวันลุกโชติช่วงห้าดวงซึ่งมีคลื่นหลิงรุนแรงที่สามารถทำลายมิติเมื่อเกิดการโคจร

“คลื่นเก้าตะวัน หอกห้าสุริยะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 941 หอกห้าสุริยะ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 941 หอกห้าสุริยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 941 หอกห้าสุริยะ

บนขอบฟ้า

ร่างเทห์สวรรค์ใหญ่โตสามร่างยืนตระหง่านปกคลุมไปด้วยพายุคลื่นหลิงที่ก่อตัวขึ้นเป็นหมอก ราวกับสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ที่น่าสะพรึงกลัว

ทว่าแม้ร่างทั้งสามนี้จะทรงพลัง แต่แรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากร่างเทพสุริยะของมู่เฉินก็แข็งแกร่งกว่าร่างเทพใต้พิภพของโยวหมิงและร่างแสงดาวปฐมกาลของฟังยี่

เพราะไม่ว่าอย่างไรร่างเทพสุริยะก็เป็นร่างต้นของร่างมหาเทพนิรันดร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของร่างมหาเทพปฐมกาลที่เหลืออยู่ในมหาพันภพ

และอย่างน้อยก็อยู่ห้าอันดับแรกของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังไม่สามารถครอบครองได้ ดังนั้นแม้ความจริงที่ว่าร่างเทพใต้พิภพและร่างแสงดาวปฐมกาลจะไม่ธรรมดา แต่ก็ยังด้อยร่างเทพสุริยะมาก

ภายใต้สายตาของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วน มู่เฉินก็ปรากฏตัวบนหัวของร่างเทพสุริยะ เมื่อยืนอยู่บนนั้นก็รู้สึกถึงพลังแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวภายในร่างเทห์สวรรค์ได้อย่างชัดเจน พร้อมกับขุมพลังของเขาที่เข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นห้า ร่างเทพสุริยะนี้ก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

พลังงานมหาศาลทำให้เขาไม่ต้องหวาดกลัว แม้ต้องเผชิญกับร่างทรงพลังสองร่างในทำเนียบก็ตาม

“ไอ้บ้านั้นไปฝึกร่างเทห์สวรรค์มาจากไหน ถึงจะไม่ได้อยู่ในทำเนียบร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง แต่ก็จัดการยากมาก” โยวหมิงปรากฏตัวบนร่างเทพใต้พิภพเช่นกัน เขาจ้องมองไปที่ร่างเจิดจรัสด้วยสายตาเย็นชา มุมปากกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่ส่งเสียงไปทางฟังยี่

“มหาพันภพกว้างใหญ่ไพศาล แม้ว่าการจัดทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างจะเป็นที่ยอมรับ แต่ก็มีร่างที่หายากซึ่งไม่ได้รับการบันทึกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องแปลกใจ”

ฟังยี่ขมวดคิ้วพูดต่อเสียงเยือกเย็น “ต่อให้ร่างไอ้นั่นจะทรงพลัง แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะสามารถเอาชนะการรวมพลังของเราสองคนได้!”

“ถ้าเราไม่สามารถกำจัดไอ้บ้านี่ได้ในวันนี้ อนาคตจะมีที่ยืนในหมู่คนรุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือให้พวกเราที่ไหนอีก!” แววตาของโยวหมิงเย็นเยียบลงขณะที่ตอบ

“งั้นก็ทุ่มสุดพลัง อย่าลากการต่อสู้อีกต่อไป!” ฟังยี่สูดลมหายใจขณะที่ตะเบ็งเสียง

สายตาทั้งสองลุกโชนด้วยจิตสังหาร วินาทีต่อมาพวกเขาก็ก้มตัวลงกระแทกฝ่ามือลงบนศีรษะร่างเทห์สวรรค์ เมื่อฝ่ามือตบลงเลือดสีแดงเข้มข้นก็กระเซ็นออกมา ก่อร่างเป็นอักขระโลหิตโชติช่วงในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ก่อนที่จะกระจายออกไปบนหัวของร่างเทห์สวรรค์และซึมซาบช้าๆ

ตู้ม!

พร้อมกับอักขระโลหิตซึมเข้าในหัว ร่างเทห์สวรรค์ทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ดวงตาที่เจิดจ้าแต่เดิมก็มีริ้วสีแดงเข้มผสมเข้าด้วย

โฮก!

คลื่นหลิงในร่างเทห์สวรรค์ปะทุขึ้นรุนแรง ราวกับมังกรถูกขังส่งเสียงคำรามไม่หยุด ดังกึกก้องไปทั่วขอบฟ้า

“ขยายร่างเทห์สวรรค์ด้วยแก่นโลหิตของตัวเอง… โยวหมิงกับฟังยี่เหี้ยมโหดจริงๆ…”

เมื่อหงหยูและซูปี้เยี่ยเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปแบบควบคุมไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่คิดว่าไม่เพียง แต่จะโยวหมิงและฟังยี่จะเร้าร่างเทห์สวรรค์ขึ้นมา แต่พวกเขายังจะขยายขนาดด้วยการปลดปล่อยแก่นโลหิต ด้วยวิธีนี้แม้ร่างเทห์สวรรค์จะน่ากลัวขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าผลสะท้อนกลับก็ไม่เบาเลยทีเดียว คงต้องใช้เวลาฟักฟื้นถึงครึ่งปีเลยทีเดียว

ดังนั้นทุกคนบอกได้ว่าโยวหมิงและฟังยี่หวาดกลัวมู่เฉินเพียงใด

มู่เฉินที่ยืนอยู่บนหัวร่างเทพสุริยะก็หดดวงตาลง เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองก็อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหก บวกกับการขยายพลังด้วยทักษะลับ เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน ต่อให้เผชิญหน้ากับพยัคฆามังกรฟ้าก็สู้ได้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกทั่วไปยังต้องเดินหลีกพวกเขาเมื่อเจอ

ลมหายใจขาวขุ่นพ่นออกมาช้าๆ จากปากของมู่เฉิน ใบหน้าก็เคร่งขรึมลงหลายส่วน จากนั้นมือทั้งสองประสานกันก่อตราประทับด้วยความเร็วปานสายฟ้า สร้างภาพลวงตาขึ้นตามมา

เขาไม่เคยดูถูกศัตรู แม้แต่สิงโตยังต้องใช้กำลังเต็มที่เมื่อล่ากระต่าย ยิ่งทั้งสองคนที่เบื้องหน้าไม่ได้เป็นกระต่ายที่อ่อนโยน แต่เป็นหมาป่าดุร้ายต่างหาก

ตู้ม! ตู้ม!

ขณะที่ตราประทับในมือมู่เฉินเปลี่ยนแปลง คลื่นหลิงรอบร่างแสงดาวปฐมกาลและร่างเทพใต้พิภพก็เดือดพล่าน แรงเสียดสีระหว่างกัน ดึงดูดพายุสายฟ้าที่รุนแรง

เส้นเลือดคืบคลานขึ้นมาบนดวงตาของฟังยี่ เขาจ้องเขม็งอยู่ที่มู่เฉิน จากนั้นมือก็ประสานกันฉับพลัน “ทักษะเทห์สวรรค์ หอกแสงดาว!”

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

คลื่นหลิงในฟ้าดินรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่งในมือของร่างแสงดาวปฐมกาล ในเวลาไม่กี่อึดใจหอกขนาดหนึ่งพันจั้งก็ปรากฏขึ้น

หอกเล่มนี้โบราณและสลักด้วยภาพดวงดาวนับไม่ถ้วน เมื่อกวัดแกว่งไปมา พลังของแสงดวงดาวก็สามารถแยกภูเขาและผ่าพสุธาได้

ครั้งก่อนตอนที่ฟังยี่ปะทะกับมู่เฉิน เขาก็ใช้หอกแสงดาวนี้ แต่ชัดเจนว่าตอนนี้เมื่อเขาใช้ทักษะเทห์สวรรค์นี้อีกครั้งก็แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า

ครั้งก่อนที่ใช้ทักษะนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คราวนี้ฟังยี่ตั้งใจใช้กระบวนท่านี้เผด็จศึกมู่เฉินให้ราบคาบ!

“ทักษะเทห์สวรรค์ ง้าวเทพใต้พิภพเลือด!” อีกด้านหนึ่งเสียงเย็นเยือกของชายโยวหมิงก็ดังก้องพร้อมกับรัศมีเยือกเย็นเกรี้ยวกราด

หมอกสีดำกลิ้งมารวมกันที่เบื้องหน้าร่างเทพใต้พิภพราวกับเมฆดำหนาแน่นจนท่วมขอบฟ้า ส่วนร่างเทพใต้พิภพก็ยื่นมือออกไปคว้าเมฆดำหนานั่น

เมื่อมันดึงมือออกมา ง้าวสีแดงเข้มขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างหน้ากลับก็ปรากฏอยู่ในมือ บนง้าวมีใบหน้าดุร้ายนับไม่ถ้วนเปล่งเสียงครวญครางไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้คลื่นหลิงของผู้อื่นถึงกับเดือดพล่านและบิดเบี้ยวเลยทีเดียว

“ทั้งสองคนนั้นบ้าไปแล้ว… ถึงกับใช้ทักษะเทห์สวรรค์เลย…”

เมื่อจอมยุทธ์สำนักอื่นเห็นภาพนี้ ปลายหางตาก็กระตุก มีเพียงร่างเทห์สวรรค์ทรงพลังเท่านั้นที่ครอบครองทักษะเทห์สวรรค์ ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด แต่ตอนนี้กลับถูกโยวหมิงและฟังยี่นำออกมาใช้โดยไม่คิดอะไร

“เฉือน!”

ฟังยี่และโยวหมิงสาดสายตาเย็นชาจับจ้องไปที่มู่เฉิน จากนั้นก็แผดเสียงลั่นออกมา หอกและง้าวพุ่งออกมาราวกับมังกรขนาดใหญ่สองตัว คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวสองสายเล็งเป้าไปที่มู่เฉิน

ตู้ม! ตู้ม!

ลำแสงสองสายทำให้มิติที่อยู่ในเส้นทางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทิ้งรอยยาวเอาไว้เป็นเวลานาน

จิตสังหารที่น่ากลัวครอบงำในเวลาเดียวกัน ขอบฟ้าถึงกับกระเพื่อมไหว

ลำแสงสองสายยิงเข้ามา แรงกดดันจากคลื่นหลิงปิดกั้นมิติบริเวณที่มู่เฉินยืนไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ตั้งใจที่จะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อกำจัดมู่เฉิน

ขณะที่ลำแสงยิงเข้ามา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้น การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวสองสายสะท้อนให้เห็นในดวงตา จากนั้นตราประทับเลือนรางก็หยุดลงทันที

“คลื่นเก้าตะวัน เปิดสามตะวัน!”

พร้อมกับเสียงของมู่เฉิน ริ้วแสงสีทองสามสายก็ยิงออกมาจากร่างเทพสุริยะกลายเป็นดวงตะวันสีทองเรืองรองสามดวง

“หึ กระบวนท่านี้อีกแล้ว ครั้งก่อนเจ้าใช้มันหยุดข้าได้ ครั้งนี้เจ้าคิดว่าจะได้ผลอีกเรอะ?!” ดวงตาของฟังยี่สาดแสงเย็นชาขณะมองฉากนี้

พลังของกระบวนท่าเปิดสามตะวันไม่สามารถข่มขู่ฟังยี่ที่ได้ขยายความแข็งแกร่งของตนในเวลานี้

แต่นี่ก็เป็นไปตามความคิดของมู่เฉิน เขามองฟังยี่อย่างไม่แยแส ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ แล้วทำไมเขาจะมีพัฒนาการด้วยไม่ได้?

มู่เฉินเค้นเสียงเย็นขึ้นจมูก ตราประทับในมือที่หยุดข้างกายก็วูบไหวอีกครั้ง

“คลื่นเก้าตะวัน เปิดสี่ตะวัน!”

เสียงคำรามดังกึกก้องอยู่หัวใจของมู่เฉิน ทันทีที่สิ้นเสียงพูด มือข้างขวาของร่างเทพสุริยะก็มีรัศมีสีทองเปล่งปลั่งอีกดวงหนึ่ง

คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างเทพสุริยะ ทำให้เกิดเสียงลมและฟ้าคำรน

ใบหน้าของฟังยี่และโยวหมิงก็น่าเกลียดลง

ทว่าสายตาของมู่เฉินกลับเต็มไปด้วยความขบขันเมื่อมองทั้งคู่ขณะยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่านี่จบแล้วเหรอ?”

พอได้ยินคำพูดนั่น หัวใจของฟังยี่และโยวหมิงก็โลดขึ้น

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน ตราประทับเปลี่ยนไป จุดจื้อจุนไห่ที่อยู่ข้างหลังก็กวนตัวไม่หยุด ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเทลงมาในร่างเทพสุริยะ

ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า เขารู้สึกได้ว่าการเปิดสี่ตะวันไม่ใช่ขีดจำกัด ดังนั้นเขาจึงทุ่มเต็มพลังเพื่อที่จะบรรลุให้ได้!

ตราประทับของมู่เฉินช้าลงเรื่อยๆ ราวกับว่ามือของเขาหนักเป็นพันชั่ง คลื่นหลิงในร่างเขาเทไปรวมตัวกันที่มือซ้ายของร่างเทพสุริยะ ในเวลาเดียวกันแสงสีทองก็พุ่งพรวดขึ้นไปบนท้องฟ้า

ดวงตะวันสีทองขึ้นอีกดวงแล้ว

ตอนนี้เหนือร่างเทพสุริยะมีดวงตะวันสีทองเจิดจรัสถึงห้าดวง!

“คลื่นเก้าตะวัน เปิดห้าตะวัน!”

เสียงคำรามดังสนั่นในใจ อึดใจต่อมาดวงตะวันสีทองทั้งห้าดวงก็ระเบิดออกพร้อมกับของเหลวสีทองไหลไปรวมตัวกันในมือของร่างเทพสุริยะ

เมื่อแสงสีทองกระจายออกไป หอกทองคำขนาดพันจั้งก็ปรากฏขึ้น บนหอกทองคำนี้ราวกับมีดวงตะวันลุกโชติช่วงห้าดวงซึ่งมีคลื่นหลิงรุนแรงที่สามารถทำลายมิติเมื่อเกิดการโคจร

“คลื่นเก้าตะวัน หอกห้าสุริยะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+