หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1146 ร่างราชันฟากฟ้า

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1146 ร่างราชันฟากฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1146 ร่างราชันฟากฟ้า

ครืนๆๆๆ!

ส่วนลึกของทะเลสาบสวรรค์เสียงไร้ขอบเขตสะท้อนออกมาขณะคลื่นยกตัวขึ้น ร่างเทห์สวรรค์ครอบงำควบแน่นอยู่ที่ด้านหลังเซี่ยหยู่ ทำให้มวลน้ำในทะเลสาบกวนตัวขึ้นราวกับพายุทอร์นาโด

แรงกดดันที่ส่งความเย็นเยียบไปตามแนวกระดูกสันหลังแผ่ออกมา ทำให้ผู้ชมฉายความกลัวบนใบหน้า

นั่นเป็นเพราะนี่คือร่างเทห์สวรรค์ที่เซี่ยหยู่ฝึกฝน ร่างราชันฟากฟ้าจัดอยู่ในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างในอันดับที่สี่สิบห้า

แม้จะอยู่ในขั้วอำนาจทรงพลัง ร่างเทห์สวรรค์ระดับนี้ก็ถูกมองเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักต่างๆ ดังนั้นจึงรู้ได้ว่านี่น่ากลัวขนาดไหน

“เซี่ยหยู่สมกับเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ยอย่างแท้จริง ฮ่องเต้เซี่ยให้ความสำคัญกับเขามาก!” บางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาด้วยความอิจฉาพร้อมกับแววริษยาแวบในดวงตา ในแง่ของความคุ้มค่าร่างเทห์สวรรค์เช่นนี้อาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงของแท้!

ท่ามกลางดวงตาแดงก่ำนับไม่ถ้วน เซี่ยหยู่ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าร่างราชันฟากฟ้าเขม่นมองมู่เฉินอย่างเย็นชา ช่วงเวลาที่เขาเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมา พลังของเขาก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

ในตอนนี้เขาสามารถทำลายจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้ด้วยการพลิกฝ่ามือ กระทั่งระยะเต็มก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน แม้กระทั่งฝ่ายตรงข้ามทรงพลังยิ่งกว่าก็ต้องล่าถอยเมื่อเผชิญกับพลังยิ่งใหญ่ของร่างราชันฟากฟ้า

ท้ายที่สุดแล้วการได้รับการจัดอันดับที่สี่สิบห้าก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าทรงพลังเพียงใด

การรับรู้ถึงอากาศครอบงำจากร่างราชันฟากฟ้า แม้แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาอยู่ชั่วครู่ เมื่อตัดสินจากผลกระทบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ร่างเทห์สวรรค์ธรรมดาที่เขาเคยพบในอดีตจะเทียบเคียงได้

เซี่ยหยู่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงสมกับอันดับสี่ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของทวีปเทียนหลัว

ถือได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง

เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส แต่ก็ไม่พูดให้มากความ เขากระทืบฝ่าเท้า ร่างราชันฟากฟ้าก็กวาดดวงตาครอบงำไปที่มู่เฉิน

ตู้ม!

ร่างราชันฟากฟ้ายื่นมือออกมาปกคลุมท้องฟ้าพลางเหวี่ยงไปที่มู่เฉิน

ไม่มีทักษะใดอยู่เบื้องหลังฝ่ามือ เพราะพลังที่อยู่เบื้องหลังอย่างเดียวก็สามารถทำร้ายจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้แล้ว ดังนั้นกระบวนท่างดงามทั้งหมดจึงไร้ประโยชน์เบื้องหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง

เมื่อฝ่ามือกดลงน้ำในทะเลสาบก็ถูกบีบแล้วกระฉอกออกอย่างรวดเร็วกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศขนาดใหญ่

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นขณะที่ฝ่ามือโอบล้อมรัศมีหนึ่งพันจั้งปิดผนึกเส้นทางหลบหนีทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังคงสงบสติอารมณ์โดยไม่ตื่นตระหนก

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึกก่อนที่มิติจะแปรปรวนอยู่ข้างหลัง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปภายใต้สายตาตกใจนับไม่ถ้วน

ครืน!

คลื่นหลิงทรงพลังพุ่งออกมาจากทะเลพลังของเขา ก่อนที่ประกายแสงสีทองจะเบ่งบานระหว่างสวรรค์และโลก จากนั้นทุกคนก็เห็นร่างเงาสีทองขนาดใหญ่ควบแน่นอยู่ด้านหลังมู่เฉิน

ร่างสีทองนั้นมีดวงตะวันทรงกลดอยู่ด้านหลังศีรษะ แม้ว่ามันจะไม่โอ่อ่าเหมือนร่างราชันฟากฟ้า แต่ก็มีความรู้สึกลึกลับเล็ดลอดออกมาซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกไม่อาจหยั่งรู้ได้

เมื่อร่างสีทองปรากฏขึ้นก็โบกมือออกไป คลื่นหลิงรวมตัวกันที่ฝ่ามือมันกลายเป็นแสงสีทองหมื่นจั้งปะทะกับฝ่ามือของร่างราชันฟากฟ้า

ปัง ปัง ปัง!

จังหวะที่ปะทะกัน สวรรค์และโลกก็ราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงเสียดแก้วหูดังขึ้นโอบล้อมทั่วบริเวณพร้อมกับน้ำพุร้อนดันตัวลอยขึ้นโดยรอบ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

คลื่นกระแทกรุนแรงทำให้ทุกคนต้องหดตาลง พวกเขาหวาดผวาเนื่องจากเห็นว่าร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินไม่ได้รับความเสียหายใดเมื่อรับฝ่ามือจากร่างราชันฟากฟ้าของเซี่ยหยู่

“เป็นไปได้ยังไง?! มู่เฉินฝึกร่างเทห์สวรรค์อะไร? ทำไมถึงทรงพลังมากขนาดนี้?!”

“ดูจากพลังที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างราชันฟากฟ้าเลย มู่เฉินมีไพ่ตายแท้จริง!”

“แต่ทำไมร่างเทห์สวรรค์นี้ไม่ค่อยคุ้น…”

“…”

ความโกลาหลปั่นป่วน ท้ายที่สุดแล้วร่างเทห์สวรรค์ที่สามารถเทียบเคียงกับร่างราชันฟากฟ้าได้หายากมาก นั่นเป็นเพราะร่างเทห์สวรรค์ใดๆ ที่เหนือกว่าร่างราชันฟากฟ้ามีน้อยมากจนแม้แต่บางขั้วอำนาจระดับสูงยังไม่มีครอบครอง

ดวงตาของเซี่ยหยู่จับจ้องไปที่ร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่ด้านหลังมู่เฉินพร้อมกับความตกตะลึงและประหลาดใจปะปนในดวงตา

แม้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินจะไม่คุ้นตา แต่เซี่ยหยูรู้สึกว่ามีความค่อนข้างคุ้นเคยด้วยเหตุผลบางอย่าง ราวกับว่าเขาเคยเห็นมาจากที่ไหนสักแห่ง

“ร่างเทห์สวรรค์นี้…” ดวงตาของเซี่ยหยู่วูบไหว อึดใจหัวใจก็สั่นสะท้าน “ดูคล้ายกับร่างเทห์สวรรค์ลึกลับที่จาโหลหลัวฝึกฝน”

ครั้งหนึ่งเขาเคยสู้กับจาโหลหลัวและได้เห็นร่างเทห์สวรรค์ของอีกฝ่าย นั่นเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ไม่ได้ถูกจัดอันดับ แต่พลังอำนาจที่มีทำให้แม้แต่เซี่ยหยู่เองก็หวังอยากจะครอบครอง

ตอนที่ปะทะกับจาโหลหลัวเขาก็แพ้ให้กับร่างเทห์สวรรค์นี้ แต่ตอนนี้เขาได้เห็นร่างเทห์สวรรค์ที่คล้ายกันบนร่างมู่เฉิน

ทว่าเซี่ยหยู่ก็มีเพียงความสงสัย แม้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินจะคล้ายกับจาโหลหลัวอยู่บ้าง แต่รัศมีกลับมีความแตกต่าง

“น่าจะไม่ใช่ร่างเทห์สวรรค์เดียวกัน!” ใบหน้าของเซี่ยหยู่เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ระงับความคิดที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมด เขาไม่เชื่อว่าด้วยภูมิหลังของมู่เฉินจะสามารถครอบครองร่างเทห์สวรรค์ทรงพลังเช่นนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นร่างเทห์สวรรค์เดียวกัน คนอย่างเซี่ยหยู่ก็ไม่กลัว เพราะแม้แต่ร่างเทห์สวรรค์ที่เหมือนกันก็ยังแสดงพลังอำนาจที่แตกต่างกันเมื่ออยู่ในมือจอมยุทธ์คนละคน

มู่เฉินสามารถเปรียบได้กับจาโหลหลัวได้เหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้เลยในความคิดของเซี่ยหยู่

เซี่ยหยู่ค่อยๆ ถอนความตกใจบนใบหน้าขณะมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับไอสังหารพล่านในดวงตา “หากนี่คือความมั่นใจของแก ข้าบอกได้เลยว่ายังไม่พอ”

“ก็ลองดูสิ” มู่เฉินตอบกลับแบบใจเย็น

เซี่ยหยู่เค้นเสียงเย็นชาก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นคมกริบ อึดใจร่างเขาก็เคลื่อนไหวไปปรากฏบนไหล่ของร่างราชันฟากฟ้าก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไปอย่างหนักหน่วง

ฮึ่ม

ระลอกคลื่นกระจายออกไปใต้เท้าเทลงสู่ร่างเทห์สวรรค์

มอ!

ลวดลายแสงแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนร่างขนาดใหญ่ ก่อนที่มันจะอ้าปากส่งเสียงคำรามผิดแผกพร้อมกับคลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทุกคลื่นเสียงก่อตัวเป็นตราศักดิ์สิทธิ์ขนาดร้อยจั้ง

ตราศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นราวกับมงกุฎของราชัน เผด็จการอย่างยิ่งพร้อมกับพลังที่สามารถปราบปรามภูเขาได้

ทุกตราศักดิ์สิทธิ์สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้ ด้วยจำนวนดังกล่าวแม้แต่ขั้นเก้าระยะเต็มก็อาจถูกสังหารได้หากประมาท

“ผนึกอมตะราชัน!”

เซี่ยหยู่คำราม ตราศักดิ์สิทธิ์หมุนคว้างออกมาราวกับพายุปกคลุมไปที่มู่เฉิน

สายตาของเซี่ยหยู่เย็นเยือกลง หลายปีที่ผ่านมามีจอมยุทธ์หลายคนสิ้นชีวิตจากกระบวนการโจมตีนี้ของเขา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังเคยถูกเขาสังหาร

เนื่องจากผนึกอมตะราชันมีความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต่อให้ถูกทำลายพวกมันก็จะรวมเข้ากันใหม่และเริ่มการโจมตีไม่หยุดหย่อน เว้นแต่จะถูกทำลายทั้งหมดในครั้งเดียว แต่ก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่ามู่เฉินไม่สามารถทำได้ด้วยพลังในตอนนี้

ดังนั้นมู่เฉินจะต้องตาย!

โดยปกติเซี่ยหยู่จะไม่ใช้ทักษะนี้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ทว่ามู่เฉินนั้นผิดประหลาดเกินไป ทำให้เซี่ยหยู่ตัดสินใจที่จะใส่จนเต็มพิกัด

ความผันผวนของการทำลายล้างปกคลุมท้องฟ้า ดวงตามู่เฉินก็หดเกร็ง นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนไม่มีที่สิ้นสุดจากตราศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น

ถ้าเขาถูกปิดล้อมด้วยการโจมตีนั้นก็อาจตายคาที่ ถ้าเขาเลือกที่จะตอบโต้ก็จะเหนื่อยจนแทบขาดใจ

สายตาของมู่เฉินวูบไหวก่อนที่จะยื่นมือออก วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว

ฮึ่ม!

ดวงตะวันสีทองลอยขึ้นมาจากร่างเทพสุริยะก่อนที่จะระเบิดกลายเป็นของเหลวกวาดออกมา

ร่างเทพสุริยะยื่นมือออกมา กระแสสีทองก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นกงล้อสีทองที่มีลวดลายโบราณสลักอยู่ราวกับมีพลังเหลือล้น

“เปิดแปดตะวัน กงล้อแสงสวรรค์!”

มู่เฉินคำรามในใจขณะที่เกลียวแสงสีทองไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากกงล้อ

ในเมื่อข้าเผชิญหน้ากับมันไม่ได้ งั้นก็ส่งกลับไปให้เจ้าของดีกว่า ให้เซี่ยหยู่ได้ลิ้มรสผนึกอมตะราชันของตัวเอง!

ครืน!

ตราศักดิ์สิทธิ์ปะทะกับกงล้อสีทอง ทันใดนั้นกงล้อก็หมุนทวนเข็มนาฬิการาวกับว่าเวลาหยุดลงในขณะนั้น

ม่านตาเซี่ยหยู่หดเกร็งลงฉับพลัน เนื่องจากเห็นว่าตราศักดิ์สิทธิ์ที่เล็งเป้าหมายไว้ที่มู่เฉินในตอนแรก หันกลับมาแล้วทะยานเข้ามาในทิศทางของเขาพร้อมกับแรงผลักดันที่ดุร้ายยิ่งขึ้น

“นรกแล้ว!”

ใบหน้าของเซี่ยหยู่เขียวคล้ำทันที

ขณะที่มู่เฉินใช้ทักษะเทห์สวรรค์เปิดแปดตะวันโจมตีเซี่ยหยู่

อีกพื้นที่หนึ่งจาโหลหลัวที่กำลังจับจิตทะเลสาบก็เงยหน้าขึ้นมองไปทิศทางนั้น

“เปิดถึงคลื่นแปดตะวันแล้วรึ?”

จาโหลหลัวคลึงก้อนอัญมณีของจิตทะเลสาบในมือ ก่อนที่มุมปากของเขาจะโค้งขึ้นโดยไม่มีอุณหภูมิใดๆ จากนั้นก็หันกลับพุ่งไปยังทิศทางที่มู่เฉินและเซี่ยหยู่ปะทะกัน

“ถึงเวลากำจัดมันแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด