หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1536 สระมรดกราชัน

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1536 สระมรดกราชัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ร่างมหาเทพปฐมกาลอีกสองร่าง…”

เมื่อเสียงของมู่เฉินสะท้อนก้อง ท่าทางของจอมยุทธ์ทั้งหมดก็ซับซ้อนขึ้น เงื่อนไขนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกนัก

ในมหาพันภพมีร่างมหาเทพปฐมกาลห้าร่างเท่านั้น แต่ละร่างก็เข้าถึงยากเย็นและทรงพลัง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหมัวเฮอเทียนถึงประกาศสงครามเพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์

แต่เวลานี้มู่เฉินต้องการร่างมหาเทพปฐมกาลอีกสองร่าง นี่ทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เซียวเหยียนและหลินต้งก็แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็หันไปมองประมุขและผู้อาวุโสใหญ่ของสี่เผ่าโบราณ เพราะร่างมหาเทพปฐมกาลที่เหลือถูกเก็บไว้ที่เผ่าโบราณเหล่านี้

เผชิญหน้ากับสายตาจากเทพจักรพรรดิทั้งสอง นอกเหนือจากชิงเหยี่ยนจิ้ง ทั้งสามเผ่าก็มีสายตาวูบไหว ท้ายที่สุดร่างมหาเทพปฐมกาลสำคัญมาก แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตัดสินใจทันที

ดังนั้นความเงียบที่น่าอึดอัดจึงเขย่าไปทั่วโถงวังแห่งนี้

“เผ่าฝูถูยินดีที่จะนำร่างมหารัศมีอนันต์ออกมา”

ชิงเหยี่ยนจิ้งเป็นคนแรกที่พูดขึ้นทำลายความเงียบ แม้ว่านางจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถู แต่อันที่จริงก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากสภาผู้อาวุโสก่อน หากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างมหาเทพปฐมกาล ทว่าเวลานี้มหาพันภพตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม หากไม่สามารถหยุดยั้งเทพปีศาจจักรพรรดิในอีกห้าปีข้างหน้า แม้แต่เผ่าโบราณก็จะถูกล้างบาง แล้วจะสำคัญอะไรกับครอบครองร่างมหารัศมีอนันต์ไว้แต่ใช้ไม่ได้?

ที่สำคัญที่สุดก็คือมู่เฉินเป็นบุตรชายที่รักของนาง ในฐานะมารดานางต้องสนับสนุนเขาทุกอย่างอยู่แล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้ง ตัวแทนอีกสามเผ่าโบราณก็ยิ้มขมขื่น มู่เฉินเป็นลูกของนาง มิหนำซ้ำยังกำลังจะขึ้นเป็นประมุขเผ่า ดังนั้นการที่ชิ้งเหยี่ยนจิ้งสนับสนุนเขาก็สมควรแล้ว

เซียวเหยียนและหลินต้งพยักหน้า ตอนนี้พวกเขาขาดร่างมหาเทพปฐมกาลอีกร่างหนึ่ง

ผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิง ประมุขเฮยเธียนและประมุขหวางฉิวดูกังวล แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไร ชัดว่ารอให้คนอื่นออกปากก่อน

ทันใดนั้นลั่วหลีก็มองไปที่ไท่หมิงและยิ้ม “ท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิง”

เมื่อได้ยินลั่วหลีเรียกเสียงหวาน ไท่หมิงก็สะดุ้งก่อนที่เขาจะมองนางด้วยรอยยิ้มน่าอึดอัดใจ

ทว่าลั่วหลีไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจกล่าวว่า “ในฐานะธิดาเทพเผ่าไท่หลิง ข้ามีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ใช่ไหม?”

ไท่หมิงพยักหน้าพลางยิ้มฝืด “ธิดาเทพประหนึ่งประมุข โดยปกติแล้วเจ้ามีอำนาจมากในการตัดสินใจ”

“ร่างมหาปราชญ์วิญญาณเป็นสมบัติของเผ่าไท่หลิง เป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะมีความลังเล… แต่ข้าอยากจะถามคำถามสักหน่อย ร่างมหาปราชญ์วิญญาณจะมีปะโยชน์อะไรหากไม่มีเผ่าไท่หลิงอีกแล้ว?” เสียงของลั่วหลีดังสะท้อนเบาๆ ทำให้ใบหน้าของไท่หมิงตึงเครียดขึ้น

หากพวกเขาไม่มีจอมยุทธ์ทำเนียบคนที่สามในอีกห้าปีข้างหน้า มหาพันภพจะต้องประสบกับการทำลายล้างเผ่าพันธุ์และเผ่าโบราณก็ต้องรวมอยู่ในนั้นด้วย

หลังจากลังเลชั่วครู่ไท่หมิงก็ยิ้มฝืดออกมา “คำพูดของเจ้านั้นถูกต้อง หากตอนนี้เรายังเห็นแก่ตัวก็คงต้องตายตกตามกันไปในสงครามครั้งนี้”

ไท่หมิงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เซียวเหยียน หลินต้งและมู่เฉิน ก่อนที่จะพูดเสียงต่ำ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าไท่หมิงยินดีส่งมอบร่างมหาปราชญ์วิญญาณให้กับมู่เฉิน”

“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิง” มู่เฉินประสานมือคารวะ

เมื่อเฮยเธียนและหวางฉิวเห็นว่าไท่หมิงยอมมอบร่างมหาปราชญ์วิญญาณให้กับมู่เฉิน พวกเขาก็รู้สึกกระอักกระอวนเนื่องจากสิ่งที่มู่เฉินทำนั้นก็เพื่อประโยชน์ของมหาพันภพ

“หากมีความต้องการเพิ่ม เผ่าของพวกข้าก็ยินดีมอบร่างมหาเทพปฐมกาลไปให้เช่นกัน”

แม้ว่าทั้งสองจะตัดสินใจช้าไปบ้าง แต่มู่เฉินก็ยังยิ้มให้เพื่อแสดงความขอบคุณในน้ำใจ

“การรวมร่างมหาเทพปฐมกาลถึงสามร่างไม่เคยมีมาก่อน เจ้าอย่าทำให้ทุกคนผิดหวังละกัน” หมัวเฮอเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดแดกดัน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความอิจฉา

มู่เฉินยิ้ม “ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพราะข้ารู้ดีถึงผลของความล้มเหลว”

หมัวเฮอเทียนทำท่าเหมือนจะพึมพำอะไรบางอย่าง แต่ก็เงียบไป แม้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็รู้ว่าควรจะชั่งน้ำหนักสถานการณ์อย่างไร ยามนี้มู่เฉินคือความหวังสุดท้ายของมหาพันภพ

เมื่อมองภาพใหญ่เขาก็หวังว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน

“ในเมื่อปัญหาเรื่องร่างมหาเทพปฐมกาลได้รับการแก้ไขแล้ว” เทพจักรพรรดิทั้งสองพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “จากนั้นก็ต้องคิดต่อว่าจะให้เจ้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในห้าปีได้ยังไง”

ทุกคนในห้องโถงขมวดคิ้วแน่น มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ฝึกที่จะก้าวจากขั้นเซียนระยะกลางเป็นขั้นเซิ่งภายในเวลาห้าปี

เพราะนั่นจะต้องใช้โอกาสมหาศาล

ขณะที่ทุกคนจมลงในความเงียบ ปู้สื่อก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉิน “ห้าปีจากนี้ด้วยพรสวรรค์ของราชันมู่และความช่วยเหลือจากภายนอกก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้…”

คำพูดของเขาดึงดูดสายตาของทุกคนทันที

“ความช่วยเหลือจากภายนอกคืออะไร?”

ปู้สื่อถอนหายใจขณะที่เหยียดนิ้วชี้ไปที่ดินแดนวั้นมู่พลางยิ้ม “ในสมัยโบราณตอนที่ท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์ต่อสู้กับเทพปีศาจจักรพรรดิ เขายุติการต่อสู้ด้วยการสละชีวิตเพื่อปิดผนึก”

“แต่ท่านเทพครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์และมีกายานิรันดร์ร่วมผสาน แม้ว่าเขาจะสิ้นชีพ แต่ร่างกายยังคงถูกเก็บรักษาไว้

“ขณะเดียวกันคลื่นหลิงที่ท่านเทพได้เพาะบ่มก็ถูกเก็บไว้ในกายานิรันดร์ของเขาซึ่งมีพลังไร้ขอบเขต พวกข้าเรียกบริเวณนั้นว่า…สระมรดกราชัน”

คำพูดของปู้สื่อทำให้เกิดความปั่นป่วนในทันที เหล่าจอมยุทธ์เกิดไฟลุกโชนในหัวใจ คลื่นหลิงของเทพจักรพรรดินิรันดร์! ต่อให้อ่อนแรงลงหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี แต่ก็ยังมีพลังงานมหาศาล หากพลังงานนั้นได้รับการขัดเกลาและดูดซับก็มีโอกาสมากที่จะไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้

“แต่ว่าคลื่นหลิงของท่านปู้ซิ่วมีคลื่นนิรันดร์อยู่ ไม่มีใครสามารถดูดซับได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกกลืนกินเข้าไปแทน…” คำพูดครึ่งหลังของปู้สื่อดับความตื่นเต้นของทุกคนลง

จากนั้นปู้สื่อก็ยิ้มมองไปที่มู่เฉิน “ซึ่งนั่นหมายความว่ามีเพียงผู้ที่ฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์เท่านั้นที่สามารถดูดซับสระมรดกราชันได้”

“ฮ่าๆ ตามจริงสระมรดกราชันนี้ก็เป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับราชันมู่ และนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด”

ทุกคนในห้องโถงแอบเดาะลิ้นขณะมองมู่เฉินด้วยความอิจฉา เจ้าหนุ่มคนนี้มาพร้อมโชคแห่งมหาพันภพด้วยการผูกขาดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของตน

“เวลาจะหล่อหลอมวีรบุรุษ…”

ทุกคนถอนหายใจ ถ้าเป็นในช่วงเวลาปกติแค่ร่างมหาเทพปฐมกาลสองร่างก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับ ไม่ต้องพูดถึงสระมรดกราชัน

ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากมีเพียงมู่เฉินที่กล้ายืนหยัดแบกรับภาระนี้

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอย่างฉิงเทียนก็ไม่กล้าที่จะแบกรับ

มงกุฎแห่งปณิธานมีน้ำหนักหนาแน่น

หลังจากได้รับโอกาสทั้งหมดแล้วเขาต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมา

เมื่อเห็นว่าเงื่อนไขทั้งสองเรียบร้อยดี เซียวเหยียนและหลินต้งก็รู้สึกโล่งใจมาก พวกเขามองไปที่มู่เฉิน กล่าวอย่างจริงจัง “เงื่อนไขเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว จากนี้ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว”

ดวงตาของมู่เฉินคมกล้าขณะพยักหน้า “ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

เซียวเหยียนและหลินต้งพยักหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังขณะที่ใบหน้าเย็นเยือกลง “แต่เราไม่สามารถนั่งรอโดยไม่ทำอะไร”

“นับจากนี้เป็นต้นไปเราจะเปิดเผยแผนการที่เทพปีศาจต้องการจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์เราและรวบรวมขุมกำลังทั้งหมดของมหาพันภพเพื่อประกาศสงครามกับจักรวรรดิปีศาจ!”

“ในเมื่อไอ้เทพปีศาจต้องใช้เวลาห้าปีในการฟื้นตัว เราก็จะสร้างปัญหาให้มัน หลินต้งและข้าจะคอยตรวจจับตำแหน่งของมัน บีบให้มันต้องออกมาต่อสู้เพื่อชะลอการฟื้นตัว!”

จอมยุทธ์ทั้งหมดยืนขึ้นพร้อมกับไอสังหารพลุ่งพล่านบนใบหน้า ในเมื่อจักรวรรดิปีศาจต่างมิติต้องการทำลายล้างมหาพันภพ พวกเขาก็ต้องต่อสู้ด้วยชีวิตทั้งหมดที่มี

ทันใดนั้นวังมหาพันภพก็อบอวลไปด้วยกลิ่นไอสังหาร

แม้แต่มู่เฉินก็ยังได้รับผลกระทบจากบรรยากาศ เขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นเยือก

เซียวเหยียนกับหลินต้งหันมามองมามู่เฉินและยิ้ม “แต่เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมในสงครามนี้ เจ้าจงอยู่ที่ดินแดนวั้นมู่รับสระมรดกราชัน ชำระร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสองร่างและไปให้ถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง เพื่อจะก้าวขึ้นเป็นจอมยุทธ์ทำเนียบ…”

“เมื่อไรที่เจ้าทำสำเร็จ มหาพันภพก็จะมีโอกาสมากขึ้น”

แม้ว่ามู่เฉินจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม แต่เขาก็รู้ว่าตนเองคือตัวแปรสำคัญ ดังนั้นจึงพยักหน้ารับทราบ

เทพจักรพรรดิทั้งสองหันมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ เสียงก็ก้องกังวานขึ้น

“ทุกคนจงกลับไปที่ของตนเอง สองเดือนนับจากนี้เราจะไปรวมตัวกันที่ชายแดนมหาพันภพเพื่อโจมตีจักรวรรดิปีศาจ!”

“รับทราบ!”

เหล่าจอมยุทธ์ขานทราบ เสียงสั่นสะเทือนทั้งวัง อึดใจต่อมาร่างแสงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งออกจากดินแดนวั้นมู่หายไปในเส้นขอบฟ้า

เมื่อมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ที่กลับไป เซียวเหยียนและหลินต้งก็ฉายท่าทางเคร่งขรึม

เนื่องจากพวกเขารู้ว่าข่าวนี้จะทำให้ทั้งจักรวาลสั่นสะเทือน

ความสงบสุขในมหาพันภพจบลงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1536 สระมรดกราชัน

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1536 สระมรดกราชัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ร่างมหาเทพปฐมกาลอีกสองร่าง…”

เมื่อเสียงของมู่เฉินสะท้อนก้อง ท่าทางของจอมยุทธ์ทั้งหมดก็ซับซ้อนขึ้น เงื่อนไขนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกนัก

ในมหาพันภพมีร่างมหาเทพปฐมกาลห้าร่างเท่านั้น แต่ละร่างก็เข้าถึงยากเย็นและทรงพลัง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหมัวเฮอเทียนถึงประกาศสงครามเพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์

แต่เวลานี้มู่เฉินต้องการร่างมหาเทพปฐมกาลอีกสองร่าง นี่ทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เซียวเหยียนและหลินต้งก็แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็หันไปมองประมุขและผู้อาวุโสใหญ่ของสี่เผ่าโบราณ เพราะร่างมหาเทพปฐมกาลที่เหลือถูกเก็บไว้ที่เผ่าโบราณเหล่านี้

เผชิญหน้ากับสายตาจากเทพจักรพรรดิทั้งสอง นอกเหนือจากชิงเหยี่ยนจิ้ง ทั้งสามเผ่าก็มีสายตาวูบไหว ท้ายที่สุดร่างมหาเทพปฐมกาลสำคัญมาก แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตัดสินใจทันที

ดังนั้นความเงียบที่น่าอึดอัดจึงเขย่าไปทั่วโถงวังแห่งนี้

“เผ่าฝูถูยินดีที่จะนำร่างมหารัศมีอนันต์ออกมา”

ชิงเหยี่ยนจิ้งเป็นคนแรกที่พูดขึ้นทำลายความเงียบ แม้ว่านางจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่เผ่าฝูถู แต่อันที่จริงก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากสภาผู้อาวุโสก่อน หากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างมหาเทพปฐมกาล ทว่าเวลานี้มหาพันภพตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม หากไม่สามารถหยุดยั้งเทพปีศาจจักรพรรดิในอีกห้าปีข้างหน้า แม้แต่เผ่าโบราณก็จะถูกล้างบาง แล้วจะสำคัญอะไรกับครอบครองร่างมหารัศมีอนันต์ไว้แต่ใช้ไม่ได้?

ที่สำคัญที่สุดก็คือมู่เฉินเป็นบุตรชายที่รักของนาง ในฐานะมารดานางต้องสนับสนุนเขาทุกอย่างอยู่แล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้ง ตัวแทนอีกสามเผ่าโบราณก็ยิ้มขมขื่น มู่เฉินเป็นลูกของนาง มิหนำซ้ำยังกำลังจะขึ้นเป็นประมุขเผ่า ดังนั้นการที่ชิ้งเหยี่ยนจิ้งสนับสนุนเขาก็สมควรแล้ว

เซียวเหยียนและหลินต้งพยักหน้า ตอนนี้พวกเขาขาดร่างมหาเทพปฐมกาลอีกร่างหนึ่ง

ผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิง ประมุขเฮยเธียนและประมุขหวางฉิวดูกังวล แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไร ชัดว่ารอให้คนอื่นออกปากก่อน

ทันใดนั้นลั่วหลีก็มองไปที่ไท่หมิงและยิ้ม “ท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิง”

เมื่อได้ยินลั่วหลีเรียกเสียงหวาน ไท่หมิงก็สะดุ้งก่อนที่เขาจะมองนางด้วยรอยยิ้มน่าอึดอัดใจ

ทว่าลั่วหลีไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจกล่าวว่า “ในฐานะธิดาเทพเผ่าไท่หลิง ข้ามีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ใช่ไหม?”

ไท่หมิงพยักหน้าพลางยิ้มฝืด “ธิดาเทพประหนึ่งประมุข โดยปกติแล้วเจ้ามีอำนาจมากในการตัดสินใจ”

“ร่างมหาปราชญ์วิญญาณเป็นสมบัติของเผ่าไท่หลิง เป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะมีความลังเล… แต่ข้าอยากจะถามคำถามสักหน่อย ร่างมหาปราชญ์วิญญาณจะมีปะโยชน์อะไรหากไม่มีเผ่าไท่หลิงอีกแล้ว?” เสียงของลั่วหลีดังสะท้อนเบาๆ ทำให้ใบหน้าของไท่หมิงตึงเครียดขึ้น

หากพวกเขาไม่มีจอมยุทธ์ทำเนียบคนที่สามในอีกห้าปีข้างหน้า มหาพันภพจะต้องประสบกับการทำลายล้างเผ่าพันธุ์และเผ่าโบราณก็ต้องรวมอยู่ในนั้นด้วย

หลังจากลังเลชั่วครู่ไท่หมิงก็ยิ้มฝืดออกมา “คำพูดของเจ้านั้นถูกต้อง หากตอนนี้เรายังเห็นแก่ตัวก็คงต้องตายตกตามกันไปในสงครามครั้งนี้”

ไท่หมิงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เซียวเหยียน หลินต้งและมู่เฉิน ก่อนที่จะพูดเสียงต่ำ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าไท่หมิงยินดีส่งมอบร่างมหาปราชญ์วิญญาณให้กับมู่เฉิน”

“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิง” มู่เฉินประสานมือคารวะ

เมื่อเฮยเธียนและหวางฉิวเห็นว่าไท่หมิงยอมมอบร่างมหาปราชญ์วิญญาณให้กับมู่เฉิน พวกเขาก็รู้สึกกระอักกระอวนเนื่องจากสิ่งที่มู่เฉินทำนั้นก็เพื่อประโยชน์ของมหาพันภพ

“หากมีความต้องการเพิ่ม เผ่าของพวกข้าก็ยินดีมอบร่างมหาเทพปฐมกาลไปให้เช่นกัน”

แม้ว่าทั้งสองจะตัดสินใจช้าไปบ้าง แต่มู่เฉินก็ยังยิ้มให้เพื่อแสดงความขอบคุณในน้ำใจ

“การรวมร่างมหาเทพปฐมกาลถึงสามร่างไม่เคยมีมาก่อน เจ้าอย่าทำให้ทุกคนผิดหวังละกัน” หมัวเฮอเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดแดกดัน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความอิจฉา

มู่เฉินยิ้ม “ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพราะข้ารู้ดีถึงผลของความล้มเหลว”

หมัวเฮอเทียนทำท่าเหมือนจะพึมพำอะไรบางอย่าง แต่ก็เงียบไป แม้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็รู้ว่าควรจะชั่งน้ำหนักสถานการณ์อย่างไร ยามนี้มู่เฉินคือความหวังสุดท้ายของมหาพันภพ

เมื่อมองภาพใหญ่เขาก็หวังว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน

“ในเมื่อปัญหาเรื่องร่างมหาเทพปฐมกาลได้รับการแก้ไขแล้ว” เทพจักรพรรดิทั้งสองพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “จากนั้นก็ต้องคิดต่อว่าจะให้เจ้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในห้าปีได้ยังไง”

ทุกคนในห้องโถงขมวดคิ้วแน่น มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลาง โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ฝึกที่จะก้าวจากขั้นเซียนระยะกลางเป็นขั้นเซิ่งภายในเวลาห้าปี

เพราะนั่นจะต้องใช้โอกาสมหาศาล

ขณะที่ทุกคนจมลงในความเงียบ ปู้สื่อก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉิน “ห้าปีจากนี้ด้วยพรสวรรค์ของราชันมู่และความช่วยเหลือจากภายนอกก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้…”

คำพูดของเขาดึงดูดสายตาของทุกคนทันที

“ความช่วยเหลือจากภายนอกคืออะไร?”

ปู้สื่อถอนหายใจขณะที่เหยียดนิ้วชี้ไปที่ดินแดนวั้นมู่พลางยิ้ม “ในสมัยโบราณตอนที่ท่านเทพจักรพรรดินิรันดร์ต่อสู้กับเทพปีศาจจักรพรรดิ เขายุติการต่อสู้ด้วยการสละชีวิตเพื่อปิดผนึก”

“แต่ท่านเทพครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์และมีกายานิรันดร์ร่วมผสาน แม้ว่าเขาจะสิ้นชีพ แต่ร่างกายยังคงถูกเก็บรักษาไว้

“ขณะเดียวกันคลื่นหลิงที่ท่านเทพได้เพาะบ่มก็ถูกเก็บไว้ในกายานิรันดร์ของเขาซึ่งมีพลังไร้ขอบเขต พวกข้าเรียกบริเวณนั้นว่า…สระมรดกราชัน”

คำพูดของปู้สื่อทำให้เกิดความปั่นป่วนในทันที เหล่าจอมยุทธ์เกิดไฟลุกโชนในหัวใจ คลื่นหลิงของเทพจักรพรรดินิรันดร์! ต่อให้อ่อนแรงลงหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี แต่ก็ยังมีพลังงานมหาศาล หากพลังงานนั้นได้รับการขัดเกลาและดูดซับก็มีโอกาสมากที่จะไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้

“แต่ว่าคลื่นหลิงของท่านปู้ซิ่วมีคลื่นนิรันดร์อยู่ ไม่มีใครสามารถดูดซับได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกกลืนกินเข้าไปแทน…” คำพูดครึ่งหลังของปู้สื่อดับความตื่นเต้นของทุกคนลง

จากนั้นปู้สื่อก็ยิ้มมองไปที่มู่เฉิน “ซึ่งนั่นหมายความว่ามีเพียงผู้ที่ฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์เท่านั้นที่สามารถดูดซับสระมรดกราชันได้”

“ฮ่าๆ ตามจริงสระมรดกราชันนี้ก็เป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับราชันมู่ และนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด”

ทุกคนในห้องโถงแอบเดาะลิ้นขณะมองมู่เฉินด้วยความอิจฉา เจ้าหนุ่มคนนี้มาพร้อมโชคแห่งมหาพันภพด้วยการผูกขาดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของตน

“เวลาจะหล่อหลอมวีรบุรุษ…”

ทุกคนถอนหายใจ ถ้าเป็นในช่วงเวลาปกติแค่ร่างมหาเทพปฐมกาลสองร่างก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับ ไม่ต้องพูดถึงสระมรดกราชัน

ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากมีเพียงมู่เฉินที่กล้ายืนหยัดแบกรับภาระนี้

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายอย่างฉิงเทียนก็ไม่กล้าที่จะแบกรับ

มงกุฎแห่งปณิธานมีน้ำหนักหนาแน่น

หลังจากได้รับโอกาสทั้งหมดแล้วเขาต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมา

เมื่อเห็นว่าเงื่อนไขทั้งสองเรียบร้อยดี เซียวเหยียนและหลินต้งก็รู้สึกโล่งใจมาก พวกเขามองไปที่มู่เฉิน กล่าวอย่างจริงจัง “เงื่อนไขเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว จากนี้ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว”

ดวงตาของมู่เฉินคมกล้าขณะพยักหน้า “ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

เซียวเหยียนและหลินต้งพยักหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังขณะที่ใบหน้าเย็นเยือกลง “แต่เราไม่สามารถนั่งรอโดยไม่ทำอะไร”

“นับจากนี้เป็นต้นไปเราจะเปิดเผยแผนการที่เทพปีศาจต้องการจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์เราและรวบรวมขุมกำลังทั้งหมดของมหาพันภพเพื่อประกาศสงครามกับจักรวรรดิปีศาจ!”

“ในเมื่อไอ้เทพปีศาจต้องใช้เวลาห้าปีในการฟื้นตัว เราก็จะสร้างปัญหาให้มัน หลินต้งและข้าจะคอยตรวจจับตำแหน่งของมัน บีบให้มันต้องออกมาต่อสู้เพื่อชะลอการฟื้นตัว!”

จอมยุทธ์ทั้งหมดยืนขึ้นพร้อมกับไอสังหารพลุ่งพล่านบนใบหน้า ในเมื่อจักรวรรดิปีศาจต่างมิติต้องการทำลายล้างมหาพันภพ พวกเขาก็ต้องต่อสู้ด้วยชีวิตทั้งหมดที่มี

ทันใดนั้นวังมหาพันภพก็อบอวลไปด้วยกลิ่นไอสังหาร

แม้แต่มู่เฉินก็ยังได้รับผลกระทบจากบรรยากาศ เขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นเยือก

เซียวเหยียนกับหลินต้งหันมามองมามู่เฉินและยิ้ม “แต่เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมในสงครามนี้ เจ้าจงอยู่ที่ดินแดนวั้นมู่รับสระมรดกราชัน ชำระร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสองร่างและไปให้ถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง เพื่อจะก้าวขึ้นเป็นจอมยุทธ์ทำเนียบ…”

“เมื่อไรที่เจ้าทำสำเร็จ มหาพันภพก็จะมีโอกาสมากขึ้น”

แม้ว่ามู่เฉินจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม แต่เขาก็รู้ว่าตนเองคือตัวแปรสำคัญ ดังนั้นจึงพยักหน้ารับทราบ

เทพจักรพรรดิทั้งสองหันมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ เสียงก็ก้องกังวานขึ้น

“ทุกคนจงกลับไปที่ของตนเอง สองเดือนนับจากนี้เราจะไปรวมตัวกันที่ชายแดนมหาพันภพเพื่อโจมตีจักรวรรดิปีศาจ!”

“รับทราบ!”

เหล่าจอมยุทธ์ขานทราบ เสียงสั่นสะเทือนทั้งวัง อึดใจต่อมาร่างแสงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งออกจากดินแดนวั้นมู่หายไปในเส้นขอบฟ้า

เมื่อมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ที่กลับไป เซียวเหยียนและหลินต้งก็ฉายท่าทางเคร่งขรึม

เนื่องจากพวกเขารู้ว่าข่าวนี้จะทำให้ทั้งจักรวาลสั่นสะเทือน

ความสงบสุขในมหาพันภพจบลงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+