หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1220 ผู้เฒ่าตง

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1220 ผู้เฒ่าตง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1220 ผู้เฒ่าตง

มู่เฉินยืนเอามือไพล่หลัง

ที่เบื้องหลังคลื่นหลิงมหึมาระเบิดออก ก่อนที่มิติจะบิดเบี้ยว ร่างเงากลุ่มหนึ่งเยื้องย่างออกมายืนอยู่ด้านหลังมู่เฉินภายใต้สายตาเบิกกว้าง

นั่นคือร่างเงาห้าคน

ทั้งห้าปลดปล่อยคลื่นหลิงทรงพลังพร้อมกับความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวกระจายออกไปฉีกเมฆบนท้องฟ้า

พวกเขาทั้งหมดเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น!

เมื่อการปรากฏตัวนี้เกิดขึ้น แรงกดดันจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหกคนก็ถูกระงับทันที ในทางตรงข้ามพวกเขาเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัวที่ห่อหุ้มมาจากท้องฟ้าฝ่ายตรงข้าม

ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที ความกลัวที่ไม่อาจคาดการณ์ได้เพิ่มขึ้นในสายตา

“จะ…จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นห้าคน?! พวกเขามาจากตำหนักมู่หมดเลยรึ? ความแข็งแกร่งของตำหนักมู่ทรงพลังขนาดนี้เชียว?”

มีบางคนหายจากอาการตกตะลึง พวกเขามองฉากนี้แบบไม่อยากเชื่อ แม้แต่ในดินแดนซีเทียนเล็กทั้งหมด อาจมีเพียงตระกูลเสี่ยเสินเท่านั้นที่มีจำนวนขนาดนี้ แต่ตำหนักมู่ที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนมีพลังเช่นนี้เหมือนกันรึ?

นอกจากนี้พวกเขายังสามารถบอกได้ว่าจอมยุทธ์ทั้งห้าที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉินมีสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพ นั่นก็หมายความว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉินจริงๆ

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมู่เฉินจึงไม่กลัวเมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเสี่ยเสิน เป็นเพราะเขามีพลังและคุณสมบัติที่จะต่อสู้ แม้แต่เสี่ยหลิงจื่อก็ยังต้องถอยเมื่อเผชิญหน้ากับการรวมตัวดังกล่าว

หากเขาต้องการที่จะสู้ แม้ว่าเขาจะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ก็รังแต่ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายต้องทนทุกข์ทรมาน

“เจ้าหนูนี่…”

ลั่วเทียนเสินก็ตกใจกับฉากนี้เช่นกัน ครู่ต่อมาเขายิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวไปมา การแสดงศักยภาพของมู่เฉินกินขาดเลยจริงๆ แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าชายหนุ่มจะซ่อนมือไว้ในแขนเสื้ออีกด้วย

ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นจอมยุทธ์ทรงพลัง เขายังรวบรวมจอมยุทธ์ทรงพลังที่มีเช่นนี้ได้อีกด้วย

จากการประเมินของลั่วเทียนเสิน ด้วยพลังปัจจุบันของมู่เฉิน เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลลั่วเสินเลย…

เมื่อเทียบกับสิ่งนี้สายตาลั่วเทียนเสินยิ่งลุกโชนเมื่อมองไปที่มู่เฉิน ชายหนุ่มคนนี้เป็นปาฏิหาริย์แท้จริง บางทีถ้าเขาและลั่วหลีตกร่องปล่องชิ้นกัน ก็อาจนำสิ่งมหัศจรรย์มาสู่ตระกูลลั่วเสินได้…

“คารวะท่านประมุข!”

ภายใต้สายตาตกละลึงนับไม่ถ้วน ทั้งห้าคนก็ไม่ได้ใส่ใจ พวกเขาประสานมือแสดงมารยาทต่อมู่เฉิน

มองท่าทางของพวกเขาคิ้วของมู่เฉินก็เลิกขึ้น ในอดีตแม้ว่าพวกเขาจะเอ่ยถึงเขาในฐานะเจ้าตำหนัก เขาก็บอกได้ถึงความอึดอัดใจที่พวกเขามีให้ แต่ครั้งนี้มู่เฉินสัมผัสได้ว่าพวกเขาพูดจากส่วนลึกของหัวใจ

เขามองไปที่ทั้งห้าด้วยสายตาลึกซึ้งและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าความสำเร็จของเขาไม่เพียงแต่ข่มขู่ตระกูลเสี่ยเสินได้เท่านั้น แต่ยังทำให้คนเหล่านี้ยำเกรงขึ้นด้วย

นี่เป็นผลที่คาดไม่ถึง มู่เฉินยิ้มบาง เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะทำให้จอมยุทธ์ที่เคยเป็นผู้ปกครองภูมิภาคทางเหนือยอมรับเขาได้

“ท่านประมุขจัดการไปแล้ว ที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้กับพวกเราเถอะ” โยวมิ่งยิ้ม เขาเป็นคนแน่วแน่ ในเมื่อยอมรับตำแหน่งของมู่เฉินแล้ว เขาก็จะวางตัวเองให้ดีทำหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา

คนอื่นๆ ก็พยักหน้าพลางมองไปที่ฝั่งศัตรู

เผชิญหน้ากับทั้งห้าคน พวกเสี่ยถงก็รู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด แม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบจากจำนวน แต่มู่เฉินก็ทำให้บาดเจ็บไปเกือบครึ่ง หากพวกเขาต้องสู้ งานนี้ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แน่

ผู้อาวุโสทั้งสามของสาขาตระกูลลั่วเสินก็รู้สึกขมขื่นในใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแต่ชายหนุ่มคนนี้มีพลังที่ทรงศักยภาพ สำนักที่เรียกว่าตำหนักมู่ก็ยิ่งน่ากลัวไปกว่าเนื่องจากมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นถึงห้าคน!

การรวมตัวทรงพลังนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลเสี่ยเสินเลย!

เนื่องจากการปรากฏตัวของชายหนุ่มคนนี้ ทำให้สถานการณ์ของตระกูลลั่วเสินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้การคุ้มครองของเขา ลั่วหลีจะสามารถรับมรดกได้สำเร็จ ตำแหน่งของนางในตระกูลไม่มีทางสั่นคลอนในอนาคตอีกเลย

ความล้มเหลวของพวกเขาราวกับถูกกำหนดแล้ว

พวกเขามองไปที่เสี่ยหลิงจื่อด้วยความตื่นตระหนก ขณะนี้เขามีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน การปรากฏตัวของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นห้าคนทำให้เขาตกใจอย่างมาก แต่เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นจึงสามารถระงับอารมณ์เอาไว้

เขามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตามืดมนพูดช้าๆ ว่า “ข้าเสี่ยหลิงจื่อได้พบกับผู้คนมามากมาย ไม่คิดว่าจะมามองพลาดที่แก”

น้ำเสียงของเขาไม่มีการดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป เขาเริ่มมองมู่เฉินเป็นคนในระดับเดียวกัน สถานะของมู่เฉินในฐานะผู้นำตำหนักมู่เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

มู่เฉินยิ้มให้กับคำพูดนี่

เสี่ยหลิงจื่อครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะพูดว่า “ข้าจะปล่อยเรื่องที่เจ้าฆ่าผู้อาวุโสตระกูลเสี่ยเสินและจะมอบของเหลวจื้อจุนให้เจ้าสามร้อยล้านหยด ที่ข้าขอคือให้เจ้าจากไปโดยสามารถพาลั่วหลีไปกับเจ้าได้!”

คำพูดของเขาทำให้เกิดความปั่นป่วนในทันที เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าเสี่ยหลิงจื่อจะเด็ดขาดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ไล่ล่ามู่เฉิน เขายังเต็มใจที่จะจ่ายค่าชดเชยและปล่อยลั่วหลีไป

แต่ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นตระกูลลั่วเสินพินาศแน่นอน

สายตาทุกคนมองไปที่มู่เฉิน เพราะจำนวนสามร้อยล้านหยดไม่น้อยเลย แม้แต่ตระกูลเสี่ยเสินยังต้องเทคลังทั้งหมดเพื่อสิ่งนั้น พลเมืองตระกูลลั่วเสินมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับตัวสั่นงันงก สำหรับพวกเขาจำนวนนั่นไม่อาจจินตนาการได้เลย กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังหวั่นไหว

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาทราบดีถ้ามู่เฉินปฏิเสธ เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ข้อดีข้อเสียเห็นได้อย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ เป็นข้อเสนอที่ดึงดูดนัก” มู่เฉินทึ่งกับความกล้าได้กล้าเสียของเสี่ยหลิงจื่อ เขาหัวเราะเบาๆ มองไปที่ลั่วเทียนเสิน “ท่านประมุขลั่วคิดเห็นว่าอย่างไร?”

ลั่วเทียนเสินนิ่งเฉยหลังจากได้ยินคำถามโดยไม่มีความกังวล ไม่ใช่เพราะเขาเชื่อในมู่เฉิน ลั่วหลีต่างหากที่เป็นคนที่เขาเชื่อ สายตาของนางไม่เลือกคู่ครองที่ถูกดึงดูดด้วยเงินหรอก…

เมื่อเห็นท่าทางลั่วเทียนเสิน มู่เฉินก็เบ้ปากยิ้มให้เสี่ยหลิงจื่อ “ยังมีวิธีอะไรอีกก็ใช้มาซะ”

ประโยคนี้บอกคำตอบของเขาแล้ว

เมื่อเสี่ยหลิงจื่อได้ยิน เขาก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย ชัดว่าคาดไว้แล้ว แต่สายตากลับเย็นเยือกลง อึดใจก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ในเมื่อให้ทางแล้วพวกแกไม่ไป งั้นก็โทษข้าไม่ได้แล้ว”

ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาตะโกนด้วยความเคารพว่า “ผู้เฒ่าตงโปรดแสดงตัว!”

พร้อมกับเสียงของเสี่ยหลิงจื่อ ท้องฟ้าที่ไกลออกไปก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยือกด้วยเกล็ดหิมะโปรยปราย แช่แข็งดินแดนเอาไว้ทันที

เกล็ดหิมะลอยล่องมารวมกันเบื้องหน้าเสี่ยหลิงจื่อ เผยร่างชายชราสวมเสื้อคลุมสีขาว คิ้วและเคราขาวโพลน รูปร่างผอมบาง บนใบหน้าที่ไม่มีการแสดงออกใดๆ ปรากฏลวดลายเกล็ดหิมะคลุมเครือ

เมื่อทุกคนมองไปที่ชายชรา สีหน้าบางคนก็เปลี่ยนไปรุนแรง เสียงอุทานดังก้องออกมา

“นั่น…นั่นผู้เฒ่าหลิงตง?!”

“สวรรค์ทำไมเขามาที่นี่!”

ทุกคนฉายสีหน้าหวาดผวาบนใบหน้า สมาชิกตระกูลลั่วเสินใบหน้าซีดเป็นขี้เถ้าทันที แม้แต่ลั่วเทียนเสินก็มีเหงื่อหยดลงจากหัวเมื่อมองดูชายชราคนนี้

นั่นเป็นเพราะชายชราคนนี้เป็นคนมีชื่อเสียงในทวีปซีเทียนและเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!

แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านี้คือ เขามาจากตำหนักซีเทียน!

“กะ…แกเชิญคนจากตำหนักซีเทียนมาเรอะ?!” ลั่วเทียนเสินมองเสี่ยหลิงจื่อด้วยดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเสี่ยหลิงจื่อจะวางแผนขนาดนี้เพื่อจัดการกับตระกูลลั่วเสิน!

เสี่ยหลิงจื่อยิ้ม เขาจ่ายราคามหาศาลเพื่อเชิญจอมยุทธ์ผู้นี้มา ครั้งนี้ไม่ว่ามู่เฉินจะกระโดดโลดเต้นยังไง ก็ต้องตายแน่นอน!

“ก่อนหน้านี้ข้าให้ทางลงแล้ว แต่แกปฏิเสธ ตอนนี้สายไปแล้ว!” เสี่ยหลิงจื่อมองมู่เฉินอย่างเย็นชา รังสีสังหารพล่านในดวงตาของเขา

นั่นเป็นเพราะหากผู้เฒ่าหลิงตงเผยตัวตระกูลเสี่ยเสินจะต้องจ่ายราคามหาศาล ตอนแรกเสี่ยหลิงจื่อไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายเผยตัวด้วยซ้ำ…

เสี่ยหลิงจื่อหันมาทางหลิงตงกล่าวเสียงเคารพ “ท่านผู้เฒ่าช่วยลงมือกำจัดไอ้หนูจอมหยิ่งนั่นด้วย”

หลิงตงมองไปที่มู่เฉินโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ เกล็ดหิมะรอบตัวเขากวนตัวยิ่งขึ้น แม้แต่มิติยังถูกฉีกขาดออกจากกัน

ทว่าขณะที่ทุกคนรู้สึกว่ามู่เฉินจะต้องตาย หลิงตงก็ส่ายหัวตอบด้วยความเฉยเมยว่า “ข้าไม่สามารถฆ่าเขาได้”

เสี่ยหลิงจื่ออึ้งไปกับคำพูดนี่ คิดว่าได้ยินผิด ทันใดนั้นเขาก็ยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าตงล้อเล่นแน่ๆ ท่านเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แค่พลิกมือก็สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ?”

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลั่วเทียนเสินและคนอื่นๆ ก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความประหลาดใจ

“ฮ่าๆ เขาพูดถูก เมื่อมีข้าอยู่ด้วย เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้…”

ขณะที่ทุกคนสับสน เสียงหัวเราะพลิ้วหวานนุ่มนวลก็ดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะเห็นร่างเงาเล็กปรากฏอยู่ข้างมู่เฉิน

เมื่อร่างเล็กปรากฏขึ้นดินแดนที่ถูกแช่แข็งก็กลับมาเป็นปกติ…

ลั่วเทียนเสิน เสี่ยหลิงจื่อและคนอื่นๆ ม่านตาหดเกร็ง ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่เงาละเอียดอ่อนด้วยความหวาดผวา เสียงตกใจหวาดกลัวดังก้องจากริมฝีปากของพวกเขา

“จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด