หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1134 โอกาสของจิ่วโยว

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1134 โอกาสของจิ่วโยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1134 โอกาสของจิ่วโยว

“ตัวปัญหาใหญ่?”

เมื่อมู่เฉินได้ยินใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ไพ่ตายของหลินจิ้งบวกกับตุ๊กตาน้ำแข็ง นางสามารถสู้กับคนอย่างจู้เยี่ยนได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้จู้เยี่ยนยังติดอยู่ในค่ายกลของตำหนักสายลมจากฝีมือพวกเขา แล้วใครกันที่ทำให้หลินจิ้งรู้สึกเป็นปัญหา?

หรือว่าจะเป็นจาโหลหลัว?

สายตาของมู่เฉินหดเกร็ง แม้ว่าจาโหลหลัวจะอยู่อันดับสาม แต่มู่เฉินไม่เชื่อว่าคนอย่างนั้นจะอ่อนแอกว่าจู้เยี่ยนและซูชิงหยิง…

ท่าทางเขาต้องรีบไปดูแล้ว

มู่เฉินมองไปข้างหน้าก็เห็นเปลวไฟที่ลุกโชนพัดเทพสายลมกำลังครางกระหึ่มที่ภายใน แก่นเลือดกลั่นของเขาทิ้งรอยประทับไว้ในลมเหลืองสุดขั้วจนกลายเป็นสีแดงเข้มเรียบร้อยแล้ว

เมื่อรอยประทับถูกสร้างขึ้น มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ทันทีถึงการเชื่อมต่อที่น่าอัศจรรย์กับพัดเทพสายลม ตอนนี้ต่อให้มีคนอื่นมาเอาไปจากเขา แต่แค่ความคิดเดียวของเขาพัดก็จะเริ่มการตอบโต้ สถานการณ์เช่นคนที่ใช้พัดเพื่อจัดการกับเขาจะไม่มีอีกแล้วแน่

มู่เฉินยื่นมือออก เปลวไฟคลื่นหลิงก็หายไป พัดเทพสายลมพลิ้วลงมาในมือ มันให้ความเย็นลื่นเมื่อสัมผัส ทำให้เขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

หลังจากชำระพัดเทพสายลมสำเร็จ เขาก็สามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพลังที่มีอยู่ภายใน แต่ถ้าเขาต้องการใช้เต็มรูปแบบก็ยังต้องดึงคลื่นหลิงจำนวนมหาศาล ซึ่งด้วยขุมพลังของเขาตอนนี้ยังไม่สามารถใช้ได้

ทว่าต่อให้เขายังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มรูปแบบ แต่อาวุธมหสวรรค์ก็ยังคงเป็นของล้ำค่า ด้วยเหตุนี้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมู่เฉินจะทะยานขึ้นแน่นอน ถ้าเขาพบกับจู้เยี่ยนอีกครั้งแม้ว่าจะไม่มีค่ายกล มู่เฉินก็เผชิญหน้าได้ด้วยความช่วยเหลือจากพัดเทพสายลมนี้

มู่เฉินถือพัดในมือดูราวกับบัณฑิตสง่างาม เขาทำท่าพัดไปมาอย่างโอ้อวดก่อนจะเก็บไว้ จากนั้นร่างเงาก็วาบขึ้นไปปรากฏอีกมุมหนึ่งของเจดีย์ จิ่วโยวยังคงยืนอยู่บนท้องฟ้ามีพายุรุนแรงรวมตัวอยู่รอบกายนาง

มู่เฉินจ้องนางด้วยความประหลาดใจในดวงตา นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกได้ว่าแม้จะสามารถพุ่งเป้าไปที่จิ่วโยว แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับรู้สึกว่าถ้าเขาโจมตีนางในตอนนี้ จะไม่สามารถโดนตัวนางได้อย่างแน่นอน

นางราวกับสายลมที่ไม่สามารถคาดเดาได้

เมื่อมู่เฉินมองมา จิ่วโยวก็ลืมตาขึ้น ก้มมองมู่เฉินพร้อมรอยยิ้มคลี่บนใบหน้าเย็นชา

ทว่าเมื่อจิ่วโยวคลี่ยิ้มให้ มู่เฉินก็ต้องหดดวงตา ทันใดนั้นก็หันขวับไปเห็นร่างเงางดงามมาอยู่ที่ข้างหลังแล้ว

“ตอบสนองรวดเร็วจริง” จิ่วโยวมองไปที่มู่เฉินและยิ้ม

มู่เฉินตกใจไปเล็กน้อยขณะมองจิ่วโยว “ความเร็วของเจ้า…”

ความเร็วของจิ่วโยวเกินการรับรู้ของเขาจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคุ้นเคยกับรัศมีนาง เขาคงไม่สามารถตรวจจับได้

ความเร็วนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง

“กระบวนท่าเรียกสายลมไม่ธรรมดาเลย” สีหน้ามู่เฉินเคร่งเครียดลง แม้ว่าเมื่อก่อนจิ่วโยวจะเร็วมากอยู่แล้ว แต่ความเร็วของนางก็ใกล้เคียงกับมู่เฉินแบบสูสี ทว่าความเร็วในปัจจุบันของนางเตะเขาโด่งออกไปเลย ดังนั้นกระบวนท่าเรียกสายลมนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กธรรมดาไม่มีทางสุดยอดขนาดนี้

“กระบวนท่าเรียกสายลมไม่ธรรมดาจริงๆ…ถ้าพูดให้ถูก กระบวนท่าเรียกสายลมสมบูรณ์ที่ไม่ธรรมดา” จิ่วโยวพยักหน้าเห็นด้วย

“สมบูรณ์?” มู่เฉินอึ้งไป

“กระบวนท่าเรียกสายลมสมบูรณ์ถูกเรียกว่าคัมภีร์เรียกสายลม… อย่าคิดว่าเป็นเพียงคำเพิ่มเติมนะ ว่ากันว่าคัมภีร์เรียกสายลมเป็นหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนาน…” ความตื่นเต้นที่ไม่อาจปิดบังได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ่วโยว นางรู้เกี่ยวกับข้อมูลนี้หลังจากที่ได้ฝึกฝนกระบวนท่านี้แล้ว ผลกระทบของข้อมูลรุนแรงสำหรับนางมาก เพราะวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่ามีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วมหาพันภพเลยทีเดียว

จิ่วโยวไม่เคยคิดฝันว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กที่ได้รับมานั้นจะเป็นส่วนต้นของวิทยายุทธในตำนาน

“คัมภีร์เรียกสายลม… หนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า?”

มู่เฉินสูดลมหายใจเย็นลุกสุดปอด ชัดว่าตกตะลึงไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังไม่คิดว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กจากตำหนักสายลมจะมีต้นกำเนิดที่น่ากลัวเช่นนี้

นั่นเป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า ซึ่งแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังถูกล่อลวง แม้ว่านี่จะไม่ใช่คัมภีร์สมบูรณ์ แต่หากในอนาคตจิ่วโยวมีโอกาสทำให้สมบูรณ์ มูลค่าก็เหลือคณานับ

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมความเร็วของเจ้าถึงน่ากลัวมากหลังจากฝึกฝน…” ถึงตอนนี้มู่เฉินก็เข้าใจจนอดถอนหายใจไม่ได้ โอกาสของจิ่วโยวน่าตกใจอย่างแท้จริง ใครจะรู้ว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กจะมีต้นกำเนิดมาจากคัมภีร์เรียกสายลม?

ตามการคาดการณ์ของเขา ถ้าจิ่วโยวหมุนเวียนกระบวนท่านี้อย่างเต็มกำลัง ตราบใดที่นางไม่ได้ปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนตัวจริง นางก็สามารถไปมาได้ตามสบาย

“แม้ว่าความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะไม่ได้อยู่ลำดับหน้าๆ แต่ข้าเชื่อว่าความเร็วของเขาเป็นอันดับหนึ่ง” จิ่วโยวยิ้ม เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นได้หลังจากได้รับสมบัตินี้

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าฝึกฝนกระบวนท่าเรียกสายลมนี้ได้แล้ว พวกเราก็รีบไปกันเถอะ หลินจิ้งกำลังเจอปัญหา…”

ขณะเดียวกันเขาก็เล่าถึงสิ่งที่ได้มาจากหลินจิ้งให้จิ่วโยวฟัง

“คนที่กระทั่งหลินจิ้งยังจัดการไม่ได้เหรอ” เมื่อได้ยินจิ่วโยวก็หดดวงตาพูดต่อ “งั้นก็รีบไปกันเถอะ”

การจะทำให้หลินจิ้งรู้สึกลำบากแน่นอนว่าต้องไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นพวกนางต้องรีบเร่งแล้วมิฉะนั้นหลินจิ้งจะเสียเปรียบเอา

มู่เฉินผงกศีรษะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะพุ่งไปในระยะไกล

ขณะที่มู่เฉินกลายเป็นร่างแสง จิ่วโยวก็ยืนเอามือไพล่หลังมีพายุปรากฏอยู่ใต้เท้า นางเดินไปบนสายลมมาปรากฏตัวด้านหลังมู่เฉินอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ไม่ว่ามู่เฉินจะเพิ่มความเร็วมากแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดนางออกไปได้

ทั้งสองเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ดงเกาะวูบผ่านสายตาไป ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีพวกเขาก็ค่อยๆ เข้าใกล้เกาะมังกรที่หลินจิ้งส่งข้อความมาบอก

ยังมีผู้คนอออยู่นอกเกาะมังกรมากมาย แต่พวกเขาก็จนหนทางเบื้องหน้าพิษลมปราณมังกรไม่มีใครกล้าแหย่เท้าเข้าไป แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้จึงทำได้แค่รออยู่เฉยๆ

“พิษลมปราณมังกร?”

มู่เฉินจำหมอกพิษได้เพียงเห็นแวบเดียว แต่ก็ไม่ประหลาดใจอะไร หลังจากเงียบลงชั่วครู่เขาก็ทะยานเข้าไปพร้อมกับจิ่วโยว

เมื่อพวกเขาเคลื่อนตัวเข้าไปในเกาะ เพลิงโปร่งใสก็พวยพุ่งออกมาจากร่างทั้งสองนี่ก็คือเพลิงอมตะ แต่ในแง่ของคุณภาพมู่เฉินด้อยกว่าเล็กน้อย ดังนั้นเพลิงของจิ่วโยวจึงเข้าขั้นบริสุทธิ์กว่า

ทว่ามู่เฉินต้องการเพียงแค่ปิดกั้นหมอกพิษตราบใดที่ใช้งานได้ดีก็ไม่มีปัญหา

ทั้งสองเข้าไปในส่วนลึกของเกาะ หลังจากนั้นไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงที่มาจากส่วนลึกซึ่งน่าจะเป็นจุดที่หลินจิ้งอยู่ แต่ตัดสินจากการเคลื่อนไหวดูเหมือนการต่อสู้จะรุนแรงมาก

มู่เฉินและจิ่วโยวพุ่งเข้าไปในจุดที่มีความผันผวนอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใกล้รอบตัวทั้งสองก็พลุ่งพล่านด้วยคลื่นหลิง ชัดว่าเตรียมลงมือทุกเมื่อ

วาบ!

ทั้งสองคนพุ่งเข้าไปหมอกพิษก็เบาบางลงเนื่องจากการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น

มู่เฉินกวาดมองก็เห็นการเผชิญหน้าที่รุนแรง ขณะนี้หญิงสาวทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยคลื่นหลิงทรงพลังพร้อมด้วยเสาหลิงขนาดหมื่นจั้งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

วาบ!

มู่เฉินกำหมัดแน่นหอกสงครามมังกรแดงปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะเทพลังงานไร้ขอบเขตเข้าไปภายใน แขนของเขาสั่นสะท้าน หอกก็พุ่งออกไปราวกับมังกรที่ตวัดกรงเล็บด้วยความรุนแรง

หอกแทรกผ่านระหว่างหญิงสาวสองคน คลื่นหลิงที่ระเบิดออกก็แยกทั้งสองออกจากกัน

ทั้งสองแยกจากกัน แต่ใบหน้าของหลินจิ้งก็เปล่งประกายด้วยความสุขเมื่อเห็นหอกนี้ นางแผดเสียงร้องทันที “จับนางไว้เร็ว! อย่าปล่อยให้หนีไปได้!”

มู่เฉินปรากฏตัวข้างๆ หลินจิ้งเมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็รู้สึกโล่งใจก่อนจะมองไปที่ภาพเงาที่อยู่ไม่ไกล เขาต้องการดูว่าใครกันที่สามารถบังคับให้หลินจิ้งอยู่ในสภาพนี้ได้…

มู่เฉินมองไปก็เห็นหญิงสาวชุดสีรุ้งยืนอยู่บนก้อนหินด้วยท่าทางงดงามชวนหลงใหลซึ่งทำให้เขาอึ้งไปเล็กน้อย เขาเลื่อนสายตาขึ้นไป ผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าถูกฉีกขาดเป็นริ้วจนไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ได้ ดังนั้นมู่เฉินจึงสามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน

อืม? ช่างงดงามจริง…นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของมู่เฉิน

ทำไมนางดูคุ้นจัง? นี่เป็นความคิดที่สองในใจ

มู่เฉินตะลึงงันจ้องมองร่างสะคราญโฉม ทันใดนั้นสมองของเขาราวกับหยุดทำงานไป ทว่าไม่นานก็ฟื้นสติขึ้นมาในช่วงสั้นๆ จากนั้นก็เบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด