หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1323 ฉิงปูป้าย

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1323 ฉิงปูป้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1323 ฉิงปูป้าย

วันรุ่งขึ้น

พวกมู่เฉินไม่ได้จ่ายของเหลวจื้อจุนห้าสิบล้านหยดตามที่เวินชิงเฉวียนพูดถึงไว้ นั่นเพราะทันทีที่พวกเขามาถึงการชุมนุม ผู้คุมก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว

ในโถงเสียหายพวกมู่เฉินเห็นคนหลายกลุ่มมากันที่นี่พร้อมกับการรวมตัวที่ทรงพลัง แม้แต่กลุ่มที่ด้อยที่สุดก็ยังมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ในหมู่คนเหล่านี้ เขาเห็นมั่วซิน เฉวียนหลัวและชิงซวงที่พบเมื่อวานด้วย

“ดูเหมือนค่าเข้างานก็มีไว้เพื่อป้องกันกลุ่มที่พยายามตกปลาหาผลประโยชน์น่ะ” ในที่สุดมู่เฉินก็เข้าใจเหตุผล

“แต่คนคิดริเริ่มพยายามทำอะไร? ทำไมพวกเขาคิดจะแบ่งปันข้อมูลกับกลุ่มอื่นๆ”

มู่เฉินขมวดคิ้ว นั่นเป็นเพราะตามสถานการณ์ทั่วไปหากคนคิดริเริ่มมีข้อมูลดังกล่าว เหตุใดเขาจึงไม่นำกำลังพลต่อสู้เพื่อคว้าสมบัติให้ตนเอง แต่ดันมาเปิดเผยเพื่อดึงดูดคู่แข่งมากขึ้น

มู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากับลั่วหลีและเวินชิงเฉวียน เขาเห็นความสงสัยเดียวกันในสายตาของพวกนาง

ทว่าไม่ว่าจะสงสัยยังไง พวกเขาก็หาที่รออย่างเงียบๆ เนื่องจากข้อสงสัยจะได้รับการไขให้กระจ่างหลังจากคนคิดริเริ่มปรากฏตัว

ระหว่างรอ กลุ่มทรงพลังก็เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงขึ้นในห้องโถง ก่อนพวกมู่เฉินจะเห็นร่างเงาหนึ่งเดินเข้ามาในโถงภายใต้การคุ้มครอง

เมื่อคนผู้นี้ปรากฏตัว เขาก็ได้รับความสนใจจากทุกคนทันที

มู่เฉินก็เบนศีรษะไปมอง ชายผู้นั้นมีรูปร่างกำยำพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสแขวนอยู่บนใบหน้าของเขา ทว่าประกายแสงพริบพราวเป็นครั้งคราวในดวงตาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนพิเศษเพียงใด

นอกจากนี้มู่เฉินยังสามารถสัมผัสถึงความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังที่มาจากชายคนนั้น แม้จะคลุมเครือแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั่วไปจะเทียบได้

ชายคนนี้ไม่ธรรมดา!

“ฮ่าๆ ในเมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอแนะนำตัวเอง ข้าชื่อฉิงปูป้ายจากสำนักสามเทวะ” ฉิงปูป้ายกวาดมองทุกคนพลางประสานมือยิ้ม

“สำนักสามเทวะ?”

สายตาของมู่เฉินวูบไหวด้วยความประหลาดใจฉายบนใบหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของสำนักสามเทวะ นี่เป็นขั้วอำนาจใหญ่ในมหาพันภพที่ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ

ซึ่งเป็นเพราะในสำนักสามเทวะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนถึงสามคน!

ทว่าดูจากท่าทางกลุ่มคน ชัดว่าคุ้นเคยกับฉิงปูป้าย นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับชายคนนี้

“ฉิงปูป้ายเป็นหัวหน้าศิษย์เอกสำนักสามเทวะ เขามีพรสวรรค์มากล้น ตอนนี้มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด มีชื่อเสียงพอสมควรในมหาพันภพ” เวินชิงเฉวียนอธิบาย

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ตัดสินจากประสาทสัมผัสของเขา ฉิงปูป้ายไม่ด้อยกว่าเฉวียนหลัวและมั่วซินเลย ไม่แปลกใจที่เขาสามารถสงบนิ่งได้ในสถานการณ์เช่นนี้

แดนเซิ่งยวนโบราณเป็นสถานที่ที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแท้จริง

“พี่ฉิงคำพูดที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกเถอะ เจ้าน่าจะรู้สาเหตุที่เรามารวมตัวกันที่นี่ หากเจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับมรดกทั้งสี่ก็รบกวนบอกด้วย” เฉวียนหลัวกล่าวขณะที่ยิ้มยาง

เมื่อเฉวียนหลัวพูดออกมา กลุ่มอื่นๆ ก็ส่งเสียงดังเห็นด้วยทันที

ฉิงปูป้ายยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ทุกคน ข้ารู้เรื่องมรดกทั้งสี่ นอกจากนี้ยังรู้ตำแหน่งที่ชัดเจน”

เมื่อเขาพูดจบห้องโถงก็เงียบลง หลายคนมองที่ฉิงปูป้ายด้วยเพลิงปรารถนาพล่านในดวงตา แต่ที่มีมากกว่าคือความสงสัย เนื่องจากพวกเขาแปลกใจว่าทำไมฉิงปูป้ายถึงคิดเปิดเผยข้อมูล

“ข้าเชื่อว่าทุกคนสงสัยว่าทำไมข้าถึงไม่นำกำลังพลไปคว้าสมบัติในเมื่อรู้ข้อมูล กลับมาเปิดเผยให้ทุกคนรู้” เมื่อเห็นสายตาเหล่านั้นฉิงปูป้ายก็ยิ้ม “ง่ายมากเพราะกำลังคนของสำนักสามเทวะไม่เพียงพอสำหรับงานนี้”

“งั้นเจ้ารู้ข้อมูลของท่านบรรพชนคนใดในสี่คนนี้” มีคนถาม ที่เรียกว่าบรรพชนสี่คนก็หมายถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทั้งสี่ที่เสียชีวิตในแดนเซิ่งยวนในสมัยโบราณ รวมถึงบรรพชนเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงด้วย

ฉิงปูป้ายยิ้ม “ข้าไม่ได้พูดถึงข้อมูลของคนใดคนหนึ่ง เพราะครั้งนี้มรดกทั้งสี่จะปรากฏขึ้นพร้อมกัน”

โห่

ห้องโถงตกลงสู่ความโกลาหล มีคนจำนวนมากเขียนคำว่าไม่เชื่อบนใบหน้า ต้องรู้ว่ามรดกทั้งสี่นั้นหายากเพราะพวกมันจะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มิหนำซ้ำยังมีจิตวิญญาณซึ่งทำให้ผู้อื่นค้นหาได้ยาก

แต่ตอนนี้ฉิงปูป้ายกลับบอกว่าสมบัติทั้งสี่จะปรากฏพร้อมกัน นี่จะไม่ทำให้พวกเขายากที่จะเชื่อได้ยังไง?

“ไม่มีอะไรที่ยากจะเชื่อหรอก มรดกทั้งสี่อัดแน่นด้วยเจตจำนงที่ยังเหลืออยู่ของบรรพชนทั้งสี่ ดังนั้นหากมีเหตุผลให้พวกเขามารวมตัวกัน ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้” ฉิงปูป้ายกล่าว

“เหตุผลอะไร?” มู่เฉินถาม

ฉิงปูป้ายมองมู่เฉิน แต่ไม่ได้แสดงอาการดูถูกใดๆ ต่อมู่เฉินว่าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ชัดว่าได้ข่าวการเผชิญหน้ากันระหว่างมู่เฉินกับมั่วซินเมื่อวานนี้มาแล้ว

“มีอะไรอีกที่เป็นเหตุผลว่าเจตจำนงของบรรพชนทั้งสี่มารวมตัวกันได้?”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงปูป้าย มู่เฉินก็ครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะพูดช้าๆ “จอมปีศาจระดับเทียนทั้งสี่ที่ตายไปด้วย”

“สิ่งที่พี่มู่พูดมาถูกต้อง ตอนนี้มรดกของบรรพชนและจอมปีศาจเกิดการปะทะกัน” ฉิงปูป้ายพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเขาพูดออกมาไม่เพียงแต่กลุ่มทั่วไป แม้แต่เฉวียนหลัวและมั่วซินก็เปลี่ยนสีหน้า

“เป็นอย่างนี้นี่เอง แม้ว่าบรรพชนและจอมปีศาจจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่เจตจำนงของพวกเขาที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็ยังมองว่าแต่ละฝ่ายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเกิดการปะทะกันก็จะส่งสัญญาณไปยังสหายเพื่อทำลายเจตจำนงที่เหลืออยู่ของอีกฝ่ายโดยธรรมชาติ” มู่เฉินเข้าใจเหตุผลทันที

แต่โอกาสเช่นนี้มีน้อยมาก พวกเขาดันเจอขึ้นมา ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่

“ตอนที่ข้าเพิ่งเข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณ ข้าพบพายุกาละและถูกส่งออกไป ซึ่งบังเอิญส่งไปยังที่ตั้งของมรดกทั้งสี่ ตอนนั้นข้าพยายามที่จะเข้า แต่ก็ถูกสกัดโดยเจตจำนงที่น่าจะเป็นส่วนที่เหลือของหนึ่งในสี่บรรพชน เขาบอกว่าข้าต้องหาจอมยุทธ์ให้มากขึ้นเพื่อเข้าสู่มรดก”

ฉิงปูป้ายมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นนี่จึงเป็นเป้าหมายของข้า”

“ทำไมเจตจำนงของบรรพชนทั้งสี่คนจึงต้องการจอมยุทธ์จำนวนมาก?” มั่วซินถามด้วยเสียงเข้ม

มู่เฉินมองไปที่มั่วซิน “เพราะเจตจำนงของจอมปีศาจทั้งสี่ก็ต้องเรียกจอมยุทธ์เผ่าปีศาจมา ดังนั้นข้าเชื่อว่าพวกมันก็มีเป้าหมายเหมือนกัน เพื่อจะทำลายเจตจำนงที่เหลืออยู่ของบรรพชนทั้งสี่ของพวกเรา”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา จอมยุทธ์หลายคนก็ม่านตาหดลง หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าถ้าพวกเขาต้องการรับมรดกของบรรพชนทั้งสี่ พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าปีศาจเรอะ?

มู่เฉินรู้สึกสงบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาได้พบซือเทียนโยวจากเผ่าซือหมัวมาก่อนหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าซือเทียนโยวก็เป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ที่เข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณของเผ่าปีศาจ

“ท่าทางเรื่องนี้จะใหญ่โตเอาเรื่อง” มู่เฉินถอนหายใจอย่างเบาๆ

ในอดีตเมื่อแดนเซิ่งยวนโบราณเปิดออก แม้ว่าจะมีการต่อสู้เป็นครั้งคราวระหว่างมหาพันภพและจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ก็เป็นการต่อสู้ขนาดเล็กที่จะระเบิดออกเมื่อเผชิญหน้ากัน

แต่คราวนี้ถ้าพวกเขาต้องการได้ขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาก็ต้องต่อสู้ด้วยชีวิต

ลั่วหลี หลิงซีและคนอื่นๆ ก็ผงกหัวด้วยสีหน้ารุนแรง ตอนแรกพวกเขาต้องการค้นหาสมบัติเท่านั้น แต่ตอนนี้พัฒนาเป็นการประจันหน้าระหว่างจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของมหาพันภพและเผ่าปีศาจแล้ว

เผ่าปีศาจยากเกินหยั่งถึงและอันตราย

แต่มู่เฉินก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ตราบใดที่เขาสามารถได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์ที่เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่า อันตรายใดๆ ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง

ในห้องโถงหลายกลุ่มที่มีความมั่นใจในตัวเองก็เผยสายตาดุร้าย นั่นคือมรดกตกทอดของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง หากเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่แดนเซิ่งยวนโบราณจะเหลือโอกาสให้พวกเขาซะที่ไหน? หากพวกเขาได้รับก็อาจสามารถใช้เพื่อบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุน กลายเป็นหนึ่งในจุดสุดยอดของมหาพันภพ

ระดับเทียนจื้อจุนเป็นความฝันของผู้คนมากมาย

ฉิงปูป้ายมองห้องโถงเงียบๆ ก่อนที่จะยิ้ม “ถ้าใครไม่สนใจมรดกของบรรพชนก็ขอให้ออกไปได้เลย”

ไม่มีใครพูดและไม่มีใครเลือกที่จะไป ทุกคนที่สามารถมาที่แดนเซิ่งยวนโบราณได้ต่างมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง แม้ว่าเผ่าปีศาจจะยากหยั่งรู้ได้ แต่ผลลัพธ์ก็จะรู้หลังจากต่อสู้กันเท่านั้น

นอกจากนี้ไม่มีใครมีเหตุผลที่จะกลัวการต่อสู้กับเผ่าปีศาจซึ่งเป็นศัตรูยิ่งใหญ่ของมหาพันภพ

ฉิงปูป้ายรอเงียบๆ พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครไป รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า จากนั้นก็เอ่ยเสียงดัง

“ในเมื่อไม่มีใครจะถอยก็ไปเตรียมตัววันนี้ให้เรียบร้อย เราจะมุ่งหน้าสู่มรดกของบรรพชนทั้งสี่ในวันพรุ่งนี้!”

เมื่อฉิงปูป้ายพูดจบ แววตาของหลายคนก็ลุกโชน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด