A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1538 ยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือด

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1538 ยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หานลี่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ม่านหมอกห่อหุ้มเรือนกายเอาไว้ ตัวเองกลับหลับตาทั้งสองข้างลง

 

 

และไม่รู้ว่าหมอกสีดำเหล่านั้นคืออะไร หลังจากที่หมุนโคจรล้อมรอบหานลี่อยู่ชั่วครู่ ถึงได้สลายหายไป

 

 

“ไม่เลว วิธีการหลอมอาวุธของเจ้าช่างวิเศษนัก ไม่ต้องให้ข้าใช้จิตสัมผัส ก็สามารถนำเข้ามาในจิตสัมผัสได้โดยอัตโนมัติ” พริบตาที่หมอกสลายหายไปหมด หานลี่พลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง แต่ปากกลับเอ่ยภาษาที่เหมือนกับมนุษย์อสรพิษคนอื่นๆ ไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

“ท่านอาวุโสเห็นเรื่องขบขันแล้ว นี่เป็นเพียงความสามารถอันน้อยนิดเท่านั้น นี่คือแผนที่หมู่เกาะปะการังเพลิงของพวกเรา เชิญท่านอาวุโสตรวจสอบได้เจ้าค่ะ!” ฮูหยินฉีกยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วโยนแผ่นหินสีขาวโพลนมาให้อีกครั้ง

 

 

ครั้งนี้แผ่นหินไม่ได้ระเบิดออก หลังจากถูกหานลี่อ้าปากพ่นลำแสงวิญญาณออกมาดูดเข้าไปแล้ว ก็แปะอยู่ที่หน้าผากไม่ขยับเขยื้อน

 

 

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง สีหน้าเริ่มเปลี่ยนจากราบเรียบเป็นตกตะลึง แต่ไม่นานนักก็ฟื้นฟูกลับเป็นดังเดิม

 

 

ฮูหยินที่อยู่ไกลออกไปเห็นหานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นนี้ แววตาพลันฉายแววประหลาดใจออกมา แต่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ แผ่นหินบนหน้าผากของหานลี่พลันเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบแล้วดีดตัวออก พุ่งย้อนกลับเข้าไปหาฮูหยินอย่างแผ่วเบา

 

 

ฮูหยินใช้มือหนึ่งกวักมือ แผ่นหินร่อนลงในมืออีกครั้ง

 

 

หานลี่กลับเงียบขรึมไม่พูดไม่จาอยู่ที่เดิม ดูเหมือนว่าจะกำลังขบคิดอะไรอยู่

 

 

ฮูหยินไม่ได้ทันได้เอ่ยอะไรรบกวน แค่นั่งอยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มบางๆ ไม่พูดไม่จา

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หานลี่พลันเงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบว่า

 

 

“เช่นนี้ที่นี่ก็อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีสินะ ขอแค่บินไปสักสองสามปีก็จะถึงแผ่นดินใหญ่”

 

 

“ครึ่งปี! นั่นคือความเร็วของท่านอาวุโสสินะ หากเป็นเหล่าชนรุ่นหลัง ไม่ใช้เวลายี่สิบสามสิบปี คงไม่อาจไปถึงแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันตรายต่างๆ ระหว่างทางเลย” ฮูหยินหางตากระตุก ทันใดนั้นพลันหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

 

 

หานลี่พยักหน้า นับว่ายอมรับคำพูดของฮูหยินโดยดุษณี แต่พลันเอ่ยอีกว่า

 

 

“ดูจากในแผ่นที่มหาสมุทร เผ่าเพลิงอาทิตย์ของพวกเจ้าครอบครองหมู่เกาะเอาไว้ไม่มากนัก หมู่เกาะอื่นๆ ล้วนมีคนอยู่แล้วงั้นหรือ?”

 

 

“ความจริงแล้วก็มีไม่มากนัก มีอยู่แค่สองสามเกาะเท่านั้น หนึ่งในนั้นเกาะที่เป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าเรา ก็มีเพียงเกาะเมฆาเพลิงเท่านั้น ส่วนเกาะที่เหลือเป็นแค่ที่เอาไว้หาอาหารเก็บรวบรวมวัตถุดิบสมุนไพรเท่านั้น ปกติแล้วไม่อาจส่งใครไปตั้งถิ่นที่อยู่ได้ เกาะอื่นๆ ส่วนใหญ่ล้วนถูกเผ่าที่แข็งแกร่งอื่นๆ ยึดครองไว้ ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ถูกอาวุโสของเผ่าเช่นท่านอาวุโสยึดครองเอาไว้ ในละแวกน่านน้ำนี้เผ่าเพลิงอาทิตย์อย่างพวกเราไม่ใช่เผ่าที่ใหญ่โตอะไรจริงๆ” ฮูหยินถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยยอมรับ

 

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!” หานลี่พยักหน้า ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

 

 

แต่หลังจากฮูหยินลังเลไปเล็กน้อย พลันเอ่ยปากถามหานลี่ว่า

 

 

“ชนรุ่นหลังดูท่าทางของท่านอาวุโสแล้ว ดูเหมือนว่าจะมาจากที่ที่ไกลแสนไกล ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมาที่นี่ด้วยเหตุใด? แม้นว่าพลังยุทธ์ของชนรุ่นหลังจะไม่สูงส่งนัก แต่ในเผ่าก็นับว่ามีกำลังพลที่พอจะช่วยเหลือท่านได้อยู่ไม่น้อย”

 

 

ฮูหยินเผยท่าทีมีไมตรีจิตเป็นพิเศษออกมา

 

 

“ผู้แซ่หานไม่ใช่คนแถวนี้จริงๆ แค่บังเอิญไปโดนเขตอาคมประหลาดเข้าด้วยความบังเอิญ จึงถูกส่งตัวมาที่นี่ และระหว่างการส่งตัวกลับเกิดความผิดพลาดขึ้น ถึงได้ทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในสถานที่จนตรอกเช่นนี้ ช่างทำให้สหายเห็นเรื่องขบขันแล้ว” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“ท่านอาวุโสล้อเล่นแล้ว แม้ว่าร่างกายของท่านอาวุโสจะเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก ชนรุ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ล้ำลึกยากจะคาดเดาของท่านอาวุโส เอาเช่นนี้ก็แล้วกันเจ้าค่ะ ท่านอาวุโสคงต้องการสถานที่ฝึกบำเพ็ญเพียรที่มีไอวิญญาณหนาแน่นอย่างแน่นอน แม้ว่าเกาะเพลิงอาทิตย์ของพวกเราจะไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็มีชีพจรวิญญาณที่ยอดเยี่ยมอยู่สองสามแห่ง หากท่านอาวุโสไม่รังเกียจ ชนรุ่นหลังสามารถแบ่งให้ท่านเป็นการส่วนตัวได้ ให้ท่านอาวุโสได้ฟื้นฟูพลังลมปราณ” หลังจากที่ฮูหยินระบายยิ้มออกมาแล้ว พลันเอ่ยอย่างนอบน้อม

 

 

“พักรักษาตัวบนเกาะของเจ้า?” หานลี่หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา ท่าทางไม่คิดเช่นนั้น

 

 

ฮูหยินเห็นเช่นนั้นในใจพลันรู้สึกร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นพลันฉีกยิ้มอย่างใจดีสู้เสือแล้วเอ่ยว่า

 

 

“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ชีพจรวิญญาณบนเกาะของชนรุ่นหลังไม่ได้ด้อยไปกว่าเกาะอื่นๆ ในละแวกนี้เลย และยิ่งไปกว่านั้นบนยังมีสมุนไพรหายากอยู่สองสามชนิดและศิลาวิญญาณที่เก็บสะสมอยู่อีกด้วย ล้วนยินดีให้ท่านอาวุโสใช้สอยได้”

 

 

หานลี่ได้ยินคำนี้ รอยยิ้มบนใบหน้ากลับหม่นหมองลง

 

 

“ผู้แซ่หานไม่มีทางรับบุญคุณจากใครโดยเปล่าประโยชน์ สหายมีสิ่งใดอยากบอกผู้แซ่หาน ก็พูดมาตามตรงเถิด ข้าน้อยไม่ชินกับการอ้อมไปอ้อนมา” หานลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

ฮูหยินถึงได้พบว่าคำพูดก่อนหน้าของตนเองนั้นเสียกิริยาไปเล็กน้อย หน้าพลันเปลี่ยนสีสองสามครั้ง สุดท้ายก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

 

“ในเมื่อท่านอาวุโสรู้สึกว่าชนรุ่นหลังมีเจตนาอื่นแอบแฝง เช่นนั้นชนรุ่นหลังก็จะไม่ปิดบังอะไรอีก พวกเจ้าออกไปก่อน!” ประโยคสุดท้ายของฮูหยิน กลับเป็นการออกคำสั่งกับมนุษย์อสรพิษที่ยืนอยู่ด้านข้าง

 

 

ชั่วขณะนั้นมนุษย์อสรพิษสวมชุดคลุมสีขาวพลันค้อมกายลง ทยอยกันถอยออกไปจากวิหาร

 

 

หานลี่จับจ้องทุกอย่างด้วยสีหน้าราบเรียบโดยไม่ปริปากใดๆ

 

 

ส่วนฮูหยินนั้นรอให้มนุษย์อสรพิษทั้งหมดหายไปจากวิหารแล้ว ถึงได้เอ่ยถามหานลี่ด้วยความเคร่งขรึมว่า

 

 

“ท่านอาวุโสคิดว่าพลังยุทธ์ของชนรุ่นหลังเป็นอย่างไร?”

 

 

“ก็นับว่าใช้ได้นะ!” หานลี่กวาดสายตาไปที่ฮูหยินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา

 

 

“แต่หนึ่งเดือนก่อน ชนรุ่นหลังก็เป็นเหมือนกับเผ่าอื่นๆ ยังสร้างขามายาไม่ได้จึงยังไม่จัดอยู่ในประเภทชนชั้นสูงของเผ่า” ฮูหยินมีสีหน้าแปลกประหลาดไปเล็กน้อย

 

 

“ชนชั้นสูงของเผ่าที่เจ้าหมายถึงคือ…” หานลี่ขมวดคิ้วมุ่น แล้วเอ่ยปากซักถาม

 

 

“แน่นอนว่าหมายถึงผู้ที่สามารถฝึกฝนร่างกายให้เป็นชนชั้นสูง มีเพียงผู้ฝึกฝนที่ฝึกฝนจนมาถึงขั้นนี้อย่างข้า ถึงจะสามารถหลุดพ้นจากการเป็นคนธรรมดาในเผ่าอย่างเป็นทางการได้ แล้วกลายเป็นชนชั้นสูงของเผ่าได้” ฮูหยินกลับเปล่งเสียงหัวเราะออกมา

 

 

“อ๋อ ฟังจากคำพูดของเจ้าแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติที่ฝึกฝนจนมาถึงขั้นนี้ได้ หรือว่ากินยาลูกกลอนอะไรหรือใช้เคล็ดวิชาลับอะไรทำให้พลังยุทธ์ของตนเองเพิ่มสูงขึ้นจนมาอยู่ในระดับนี้ได้” หานลี่ได้ฟังคำนี้ ใจพลันหายวาบ แต่ยังพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่มีสีหน้าประหลาดใจอะไรผุดขึ้นมา

 

 

ส่วนฮูหยินนั้นก็ไม่ได้สนใจความตกตะลึงระคนสงสัยของหานลี่ดังคาด ตอบกลับอย่างสัตย์จริงว่า

 

 

“ท่านอาวุโสช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก! ชนรุ่นหลังใช้ยาลูกกลอนล้ำค่าสองสามชนิดที่เผ่าเก็บสะสมไว้จริงๆ และใช้เคล็ดวิชาลับที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง ถึงได้บีบให้พลังยุทธ์ขึ้นมาในจุดนี้ ทว่าด้วยเหตุนี้วันข้างหน้าชนรุ่นหลังไม่เพียงจะไม่มีทางพัฒนาพลังยุทธ์ได้อีกแล้ว อายุขัยก็ยังน้อยกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันครึ่งหนึ่ง แต่ที่ข้าทำเช่นนี้ความจริงแล้วเป็นเพราะเวลานี้เผ่าเพลิงอาทิตย์กำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ชนรุ่นหลังจึงจำใจต้องพยายามดูสักตั้ง” ฮูหยินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ

 

 

“ภัยพิบัติ? ไหนลองเล่ามาซิ” หานลี่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะรู้สึกสนใจขึ้นมาสองสามส่วน

 

 

“ครึ่งปีก่อน เผ่าย่อยจากเผ่าตระกูลวาอย่าง ‘เผ่าฟันแหลม’ ที่อยู่ติดกันกับพวกเรา ล้วนถูกทำลายล้างเผ่าพันธุ์แล้ว สตรีทั้งหมดในเผ่าล้วนถูกกินจนหมดเกลี้ยง เหลือเพียงกระดูกกองหนึ่ง ส่วนบุรุษล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่นานนัก ‘เผ่าหางแมงป่อง’ ที่อยู่ในละแวกนี้ก็พบกับชะตากรรมเช่นกัน เผ่าตระกูลวาในน่านน้ำแห่งนี้มีเพียงพวกเราสามเผ่าเท่านั้น แม้นว่าทั้งสามเผ่าจะไม่นับว่ายิ่งใหญ่นัก แต่เมื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว ก็นับว่าแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่เวลานี้ถูกทำลายล้างไปสองเผ่า เกรงว่าต่อไปก็คงถึงตาเผ่าเพลิงอาทิตย์ของพวกเราแล้ว ส่วนสาเหตุที่ถูกทำลายเผ่า ชนรุ่นหลังกลับหาไม่พบเลยสักนิด รู้เพียงว่าผู้ที่ลงมือน่าจะไม่ได้มีเพียงคนเดียว น่าจะเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งเผ่าอื่นกระมัง ส่วนมหาปุโรหิตของเผ่าที่เหลืออีกสองเผ่า จากพลังยุทธ์ความสามารถแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย ชนรุ่นหลังช่างจนปัญญานัก ถึงได้ยอมเพิ่มพลังลมปราณของตนเองให้ถึงระดับเทพแปลงชั่วคราวอย่างไม่เสียดาย” ฮูหยินเอ่ยอย่างหมดเปลือก

 

 

“อ๋อ เช่นนั้นข้าอยู่ที่นี่ อยากให้ข้าช่วยต้านทานเคราะห์นี้แทนพวกเจ้าหรือ! เจ้าเชื่อใจข้าขนาดนี้ ไม่กลัวว่าข้าเองก็รักษาชีวิตตัวเองได้ยากหรือ?” หลังจากหานลี่ฟังจบ ก็ฉีกยิ้มออกมา

 

 

“แม้ชนรุ่นหลังจะไม่รู้ว่าพลังยุทธ์ที่แท้จริงของท่านอาวุโสเป็นอย่างไร แต่ระดับพลังปราณจะต้องสูงกว่าชนรุ่นหลังแน่ ส่วนอาการบาดเจ็บของท่านอาวุโสนั้น เผ่าเพลิงอาทิตย์ของพวกเรายังมียาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดอยู่หนึ่งเม็ด สรรพคุณของยาเพียงพอที่จะทำให้กระดูกและเนื้อหนังฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง หากท่านอาวุโสยอมช่วยชนรุ่นหลังอีกแรง ชนรุ่นหลังยินดีมองยาลูกกลอนชนิดนี้ให้ท่านอาวุโสได้พักรักษาอาการบาดเจ็บได้ในระยะเวลาอันสั้น” ฮูหยินกัดฟัน ในที่สุดก็เผยไพ่ตายของตนเองออกมา

 

 

“ยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือด! เป็นยาลูกกลอนธาตุเพลิงสินะ! อาการบาดเจ็บของข้ารุนแรงมาก ไม่เหมือนกับที่สหายคาดการณ์ไว้ เกรงว่ายาลูกกลอนเทวะของเผ่าเจ้าเม็ดนี้คงมีผลต่อข้าไม่มากนัก” หานลี่ขมวดคิ้วแน่น พลางเอ่ยอย่างแช่มช้า

 

 

“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ยาลูกกลอนเทวะนี้ไม่เพียงปรุงขึ้นจากแก่นอสูรของมังกรวารีไฟสองหัว และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ปรุงเสร็จแล้วก็ถูกเผ่าของข้าเก็บเอาไว้ในเพลิงธรณี เวลานี้ผ่านมาสองสามพันปีแล้ว ด้านผลลัพธ์ของมันนั้น ชนรุ่นหลังมั่นใจอยู่บ้าง” ฮูหยินได้ยินน้ำเสียงผ่อนคลายในคำพูดของหานลี่ ทันใดนั้นก็รีบร้อนอธิบายด้วยความยินดี

 

 

หานลี่ได้ฟังแล้ว ใบหน้ากลับยังคงเผยสีหน้าลังเลใจออกมา ราวกับว่ายังมีอะไรที่ตัดสินใจไม่ได้อยู่

 

 

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้ท่านอาวุโสพักอยู่ในเผ่าของพวกเราก่อน รอจนกินยาลูกกลอนเทวะแล้วดูผลมันว่าเป็นอย่างไร? หากยาลูกกลอนนี้ไม่มีประสิทธิภาพรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอาวุโส ชนรุ่นหลังก็จะไม่ขอให้ช่วยอะไรอีก แต่ถ้าหากมีละก็…”

 

 

“หากยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดนี้มีผลในการรักษาอาการบาดเจ็บของข้า ข้าช่วยพวกเจ้าฟาดเคราะห์ของเผ่าเพลิงอาทิตย์ครั้งนี้ไป ย่อมเป็นเรื่องที่สมควร แต่บอกเอาไว้ก่อนว่า หากศัตรูที่พวกเจ้าต้องประสบมีกำลังแข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่ผู้แซ่หานจะลงมือแก้ไขได้ สัญญานี้ก็จะถูกยกเลิก!” หานลี่ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจเอาไว้แล้ว ไม่รอให้ฮูหยินเอ่ยจบ พลันเอ่ยตัดคำพูดของนางขึ้น

 

 

“นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว! ต่อให้ข้าโง่เขลาแค่ไหน ก็ไม่มีทางขอร้องให้ท่านอาวุโสเสี่ยงชีวิตช่วยเผ่าเล็กๆ อย่างพวกเรา” ฮูหยินกลับไม่ใส่ใจคำพูดส่วนท้ายของหานลี่ กลับรู้สึกยินดีขึ้นมา

 

 

หานลี่พยักหน้า นับว่าเป็นการตอบรับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ

 

 

ดังนั้นเรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายขึ้นมากแล้ว หานลี่ซักถามเรื่องราวของชนต่างเผ่าในน่านน้ำละแวกนี้ ฮูหยินล้วนตอบคำถามทั้งหมด ทันใดนั้นก็เตรียมส่งหานลี่ไปยังแดนฝึกบำเพ็ญเพียร

 

 

ฮูหยินควานหาในอกเสื้อ ควักอาวุธที่เป็นดังผ้าพันคอสีขาวบางออกมา โบกสะบัดเล็กน้อย กลายเป็นก้อนเมฆยักษ์ขนาดสองสามจั้ง

 

 

เมฆก้อนนี้กะพริบวาบ ชั่วครู่ก็รองหานลี่รวมทั้งเก้าอี้ใต้เรือนร่างขึ้นสูงไปสองสามจั้ง

 

 

ร่างกายของมนุษย์อสรพิษพลิ้วไหว ยืนอยู่ด้านบนอย่างแปลกประหลาด จากนั้นปากพลันบริกรรมคาถา หลังจากที่เมฆสีขาวหมุนวน ก็พุ่งออกมาจากประตูวิหาร

 

 

เมื่อเมฆสีขาวพุ่งออกจากวิหาร มนุษย์อสรพิษที่รออยู่ด้านนอกประตูวิหารต่างค้อมกายลงส่งฮูหยินจากไปด้วยความเคารพนบน้อม

 

 

แม้นว่าความเร็วของเมฆก้อนนี้จะไม่นับว่ารวดเร็วนัก แต่เดิมทีเกาะแห่งนี้มีขนาดแค่สองสามร้อยลี้เท่านั้น

 

 

ดังนั้นหลังจากผ่านไปแค่หนึ่งมื้ออาหาร ฮูหยินก็ขับเคลื่อนเมฆก้อนนี้มาส่งหานลี่ที่ตีนเขาขนาดย่อมซึ่งมีวิวทิวทัศน์สวยสดงดงาม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด