A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2049 เรื่องยุ่งยาก

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2049 เรื่องยุ่งยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ที่เดินเข้ามาคือหญิงรูปร่างสูง ผมสีม่วง อายุราวๆ ยี่สิบปี มีเขาสั้นสีขาวบนหน้าผากของนาง นางมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม กำลังมองมาที่หานลี่ด้วยรอยยิ้มจางๆ

ใบหน้าที่แท้จริงของบรรพชนตระกูลไป๋ ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ

“ทำไมหรือ หรือว่าท่านไม่รู้มาก่อนว่าข้าเป็นผู้หญิง” หญิงสาวผมสีม่วงพูดกับหานลี่ด้วยเสียงหัวเราะ

“สหายไป๋อวิ๋นซินไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับข้า ข้าเสียมารยาทแล้ว ทำให้ท่านเซียนขบขันแล้ว” อย่างไรก็ตาม หานลี่ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากคารวะหญิงสาว สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติทันที แต่ความประหลาดใจนั้นยังคงอยู่ในดวงตาของเขา

“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าได้ประสบ ชื่อคฤหัสถ์ฟู่เทียนง่ายต่อการเข้าใจผิดจริงๆ ทว่าตำแหน่งนี้ตกทอดมาจากบรรพชนของตระกูลไป๋หลายชั่วอายุคน แม้ว่าข้าจะประสบความสำเร็จ ก็ไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนตามความประสงค์” หญิงสาวผมสีม่วงยิ้มและอธิบายอย่างนุ่มนวล

เรื่องนี้ทำให้หานลี่ตระหนักถึงบางสิ่ง

ในบางตระกูล เป็นเรื่องจริงที่บางตำแหน่งจะคงอยู่จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเพิ่มความสามัคคีและการสืบทอดของตระกูลในบางแง่มุม

วิธีการนี้อาจดูเหมือนไม่สำคัญ แต่ตามความเห็นของหานลี่ เขาถือว่าวิธีการนี้ใช้ได้ทีเดียว

ในเวลานี้ หญิงสาวผมสีม่วงนั่งลงตรงข้ามกับหานลี่ จากนั้นนางก็โบกมือ สาวใช้หลายคนที่อยู่รอบๆ พลันออกไป พวกนางออกจากห้องโถงอย่างเชื่อฟังทันที พร้อมทั้งปิดประตูเบาๆ

“ได้ยินจากอนุชนผู้ไร้ความสามารถของข้ามาว่าสหายหานเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ไม่ได้ออกเดินทางมากนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ข้าได้ยินชื่อสหายหานเป็นครั้งแรก ทว่าวิทยายุทธ์ของสหายหานดูเหมือนจะยอดเยี่ยม และคงจะบรรลุสู่ระดับจอมมารมาเป็นเวลานาน ไม่อย่างนั้นความลึกล้ำในระดับพลังยุทธ์ของสหายหาน ข้าจะมองไม่ออกได้อย่างไร” จิตสัมผัสของหญิงสาวแผ่ไปทั่วร่างของหานลี่ ดวงตาที่สวยงามของนางวาบประกายอยู่ครู่หนึ่ง

“ข้าบำเพ็ญในมรรคาแห่งการสังหาร ข้าชอบฝึกวิชาในดินแดนรกร้างและสถานที่ที่มีอสูรมารมากมายจึงติดต่อกับบุคคลภายนอกน้อยไปบ้าง ส่วนระยะเวลาที่ข้าบรรลุสู่ระดับจอมมารนั้น สหายเดาผิดแล้ว ข้าเพิ่งจะบรรลุสู่ระดับจอมมารได้เพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ที่สหายระดับพลังยุทธ์ของข้าไม่ออก เป็นเพียงเพราะวิชาที่ข้าฝึกฝนนั้นค่อนข้างพิเศษ” หานลี่ยิ้มและตอบอย่างแสแสร้ง

ในเวลาเดียวกัน เขายังใช้จิตสัมผัสกวาดสำรวจร่างกายของคฤหัสถ์ฟู่เทียนอีกด้วย ผลก็คือจิตสัมผัสหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้ผลเช่นกัน นี่ทำให้เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีสมบัติล้ำค่าที่มีพลังในการปกปิดร่างกาย หรือไม่ก็ฝึกฝนวิชาพิเศษที่สามารถปิดบังลมปราณได้

หากจะบอกว่าพลังยุทธ์ของนางยังสูงกว่าเขามาก ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะพลังยุทธ์ของหานลี่นั้นเหนือล้ำกว่าเกือบสองเท่าในบรรดาผู้ที่อยู่ระดับเดียวกัน

เขาไม่เชื่อว่าพลังยุทธ์ของหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า จะลึกล้ำมากกว่าตัวเขา

“มรรคาแห่งการสังหาร! แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยได้สัมผัสกับเคล็ดวิชาประเภทนี้มากนัก แต่ก็รู้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งการสังหารนั้น มีทักษะต่อสู้เหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปมาก หากเป็นเช่นนั้น ข้าเสียมารยาทแล้ว!” หญิงสาวผมสีม่วงตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ความสงสัยที่มีอยู่ในใจของนางหายไปจนหมดสิ้น แต่ยังคงมีร่องรอยของปีติที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้บนใบหน้าของนาง

“แม้ว่าวิชายุทธ์ของมรรคาแห่งการสังหารจะมีอานุภาพสูง แต่ก็ยากจะฝึกฝน หากไม่ฝึกอย่างหนักและไม่ฆ่าอสูรมาร ก็จะไม่สามารถผ่านจุดที่คอขวดได้” หานลี่พูดอย่างเรียบเฉย

“การฝึกฝนของข้าไม่ใช่มรรคาแห่งการสังหาร! แต่มันก็ติดอยู่ในจุดคอขวดมาหลายพันปีแล้ว เมื่อบรรลุสู่ระดับจอมมารแล้ว การคิดจะก้าวหน้านั้นเป็นเรื่องยากเสียยิ่งกว่ายาก ส่วนใหญ่จำเป็นต้องพึงพาวาสนาจึงสำเร็จ”

ดูเหมือนว่าคำพูดของหานลี่จะสัมผัสไปถึงความปวดใจของหญิงสาวผมสีม่วง นางจึงถอนหายใจอย่างเห็นด้วย

“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามที่มีชื่อเสียงในแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่ และหวังว่าหลังจากพักอยู่ในเมืองสักพัก ข้าจะเข้าไปในทะเลทรายแห่งนี้เพื่อฝึกฝน หากสามารถหาโอกาสในนั้นได้ มันจะดียิ่งขึ้นไปอีก” หานลี่เปลี่ยนหัวข้อหลังจากพยักหน้า

“แม้ว่าตระกูลไป๋ของเราจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ แต่เราก็ยังมีอำนาจอยู่บ้างในพื้นที่ และเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว ถ้าท่านต้องการสิ่งใด จงบอกข้า ข้าจะสั่งคนของตระกูลใอำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่ท่าน” หญิงสาวผมสีม่วงพูดด้วยดวงตาเป็นประกายหลังจากได้ยินเรื่องนี้

“ในเมื่อสหายพูดเช่นนี้ ข้ามีบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋” หานลี่วางฝ่ามือบนเข่าของเขาเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“โอ้ ว่ามาเถิด ตราบใดที่อยู่ในความสามารถตระกูลไป๋ ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน” หญิงสาวผมสีม่วงดูเคร่งขรึมและพูดโดยไม่ลังเล

“ข้าได้ยินมาว่าไม่ว่ามีพลังจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่อเข้าไปในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว จะไม่สามารถเปิดใช้พลังเหาะเหินใดๆ ได้ และต้องใช้เวลาห้าสิบหรือหกสิบปีในการเดินเท้าข้ามทะเลทรายทั้งผืน แม้ว่าข้าจะต้องการฝึกฝนในทะเลยทรายฮ่วนเซี่ยว แต่ข้าก็ไม่อยากเสียเวลานานขนาดนั้น ข้าจึงคิดที่จะซื้อกิ้งก่ามารแปดขาจากตระกูลไป๋เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง ข้าสงสัยว่าตระกูลไป๋จะขายให้ข้าได้หรือไม่” หานลี่จ้องไปที่ใบหน้าหญิงสาวผมสีม่วง และพูดในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ

“กิ้งก่ามารแปดขา! สหายต้องการมันดังคาด อันที่จริงข้าเคยได้ยินอวิ๋นเอ๋อร์พูดเรื่องนี้มาก่อน” หลังจากได้ยินคำพูดของหานลี่ หญิงสาวผมสีม่วงก็ถอนหายใจยาว

“ทำไมรึ เรื่องนี้ทำให้สหายฟู่เทียนลำบากใจจริงๆ หรือ” การแสดงออกของหานลี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าดวงตาของเขาหรี่ลง พร้องทั้งถามออกมา

“ไม่เพียงแค่ลำบากใจ! หากสหายหานไม่ใช่จอมมารผู้แข็งแกร่ง ยามพูดเรื่องนี้ออกมา เกรงว่าข้าจะขับไล่ให้ออกไปในทันที” หญิงสาวผมม่วงพูดพลางส่ายหน้า

“ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่ากิ้งก่ามารแปดขามีความสำคัญมากต่อหลายตระกูลในเมืองของท่าน และจะไม่ขายพวกมันให้คนภายนอก ท่านช่วยอธิบายเหตุผลให้ข้าฟังได้หรือไม่” หานลี่ลูบคางด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

“ไม่ใช่ความลับ แน่นอนว่าพูดได้” หญิงสาวผมสีม่วงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตกลงอย่างง่ายดาย

“คุณค่าในร่างกายกิ้งก่ามารแปดขามีมาก ไม่ต้องพูดถึงแก่นมาร กระดูก แม้แต่เนื้อและเลือดของมันก็สามารถกลั่นเป็นยาฝึกปราณที่หายากได้ แต่เพียงแค่สิ่งนี้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลใหญ่ของเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก สหายหานควรจะรู้ว่าเหตุใดที่เมืองฮ่วนเย่ถึงถูกสร้างขึ้นที่นี่ เป็นเพราะสินแร่และสมุนไพรวิญญาณบางชนิดที่หาได้ในบริเวณ และการขายของเหล่านี้ทำเงินมากมายให้เมืองนี้ทุกปี เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตระกูลใหญ่ของเรา แต่สิ่งที่สหายไม่รู้ก็คือ เนื่องจากเมืองนี้ดำรงอยู่มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี สินแร่และสมุนไพรวิญญาณดั้งเดิมในบริเวณใกล้เคียงได้ถูกขุดออกไปนานแล้ว ตอนนี้วัตถุดิบพิเศษที่เมืองนี้หาได้ทั้งหมดเป็นสินแร่และสมุนไพรวิญญาณที่เราเพิ่งค้นพบในส่วนลึกของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว แม้ว่าแหล่งทรัพยากรใหม่เหล่านี้จะผลิตได้มาก แต่การที่พวกเขาจะนำสิ่งเหล่านี้กลับมาอย่างปลอดภัยได้ จะต้องพึ่งพากิ้งก่ามารแปดขา มิฉะนั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินไปมาด้วยการเดินเท้า ท่ามกลางอันตรายในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว ถึงอย่างไร ทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามที่มีชื่อเสียงในแดนศักดิ์สิทธิ์ และเป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะเข้าและออกจากทะเลทรายได้โดนง่าย ตระกูลใหญ่ของเราให้ความสำคัญกับอสูรมารตัวนี้ และความสามารถในการเดินทางอย่างอิสระในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวของมัน หากขาดอสูรมารอาจทำให้รายได้ประจำปีของตระกูลผันผวนอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลของเราจะขายกิ้งก่ามารแปดขาไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร” หญิงสาวผมสีม่วงพูดช้าๆ โดยไม่มีเจตนาปกปิด

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานลี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

หากเหตุผลอื่นอาจจะจัดการได้ง่าย แต่เรื่องเกี่ยวข้องกับหายนะของตระกูลนี้ ก็อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะได้กิ้งก่ามารแปดขาด้วยวิธีทั่วไป

หานลี่ครุ่นคิดในใจ และเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามเขาโดยไม่รู้ตัว พลันพบว่าหญิงสาวดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่แววตาของนางกลับฉายแววแปลกประหลาด

“สหายฟู่เทียน ที่ท่านไม่ได้ปฏิเสธคำร้องขอของข้าอย่างเด็ดขาดเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีช่องสำหรับการเจรจา สหายจะตัดใจมอบกิ้งก่ามารแปดขาให้แก่ข้าได้ด้วยวิธีใดบ้าง สหายพูดมาตามตรงเถิด ข้าเดาว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มราคากระมัง” หานลี่ถามอย่างใจเย็น

“พี่หานมองออกแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถปิดบังจากสหายได้!” หญิงสาวผมสีม่วงตกใจในตอนแรก แต่แล้วนางก็เม้มปากและหัวเราะ

อย่างไรก็ตามหานลี่กลับมองไปยังหญิงสาวตรงข้ามเขาอย่างนิ่งเฉยและไม่พูดอะไร

เมื่อเห็นท่าทางของหานลี่ หญิงสาวผมสีม่วงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดอย่างสงบ

“หากเป็นเมื่อสามปีก่อน ไม่ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร ตระกูลไป๋ของเราจะไม่ยอมละทิ้งกิ้งก่ามารแปดขาเลย แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้อีกแล้ว เพราะตอนนี้ตระกูลไป๋ของเราประสบเรื่องยุ่งยากบางอย่าง และสามารถแก้ไขได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิฤทธิ์มหาศาลอย่างพี่หานเท่านั้น”

“เรื่องยุ่งยาก? บรรพชนระดับจอมตระกูลไป๋คงไม่ได้มีแค่ท่านเซียนกระมัง มีเรื่องยุ่งยากอะไรที่ตระกูของท่านแก้ไม่ได้ด้วยหรือ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหานลี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าเขากลับถามอย่างใจเย็นมาก

“ถ้ามันเป็นปัญหาธรรมดา ข้าจะไม่พูดถึงมันในยามที่ข้าเพิ่งพบสหายเป็นครั้งแรกเช่นนี้ ข้าจะบอกแก่อย่างซื่อตรง! อันที่จริงมันเกิดบางอย่างผิดปกติขึ้นที่สายแร่ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งของตระกูลไป๋ในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จุดทรัพยากรนี้ถูกยึดครองโดยอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งระดับจอมมาร อิทธิฤทธิ์ของอสูรมารตัวนี้มีมากมายจนอาศัยเพียงตระกูลไป๋ของเราไม่สามารถขับไล่มันออกไปได้ นี่ทำได้เพียงขอให้สหายช่วยเหลือแล้ว หากพี่หานลงมือด้วย พวกเราก็จะมีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องราว ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ตัดสินใจ ข้าสามารถให้กิ้งก่ามารแปดขาเป็นรางวัลสำหรับความช่วยเหลือจากสหายได้” หญิงสาวผมสีม่วงพูดด้วยรอยยิ้ม

“สหายเชิญผู้ช่วยระดับจอมมารมากี่คน” หานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างใจเย็น

“ข้าเชิญมาแล้วสองคน ถ้ารวมกับข้าและผู้อาวุโสของตระกูลไป๋อีกคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจะมีจอมมารลงมือพร้อมกันทั้งหมดสี่คน” หญิงผมสีม่วงตอบโดยไม่ลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2049 เรื่องยุ่งยาก

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2049 เรื่องยุ่งยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ที่เดินเข้ามาคือหญิงรูปร่างสูง ผมสีม่วง อายุราวๆ ยี่สิบปี มีเขาสั้นสีขาวบนหน้าผากของนาง นางมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม กำลังมองมาที่หานลี่ด้วยรอยยิ้มจางๆ

ใบหน้าที่แท้จริงของบรรพชนตระกูลไป๋ ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ

“ทำไมหรือ หรือว่าท่านไม่รู้มาก่อนว่าข้าเป็นผู้หญิง” หญิงสาวผมสีม่วงพูดกับหานลี่ด้วยเสียงหัวเราะ

“สหายไป๋อวิ๋นซินไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับข้า ข้าเสียมารยาทแล้ว ทำให้ท่านเซียนขบขันแล้ว” อย่างไรก็ตาม หานลี่ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากคารวะหญิงสาว สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติทันที แต่ความประหลาดใจนั้นยังคงอยู่ในดวงตาของเขา

“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าได้ประสบ ชื่อคฤหัสถ์ฟู่เทียนง่ายต่อการเข้าใจผิดจริงๆ ทว่าตำแหน่งนี้ตกทอดมาจากบรรพชนของตระกูลไป๋หลายชั่วอายุคน แม้ว่าข้าจะประสบความสำเร็จ ก็ไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนตามความประสงค์” หญิงสาวผมสีม่วงยิ้มและอธิบายอย่างนุ่มนวล

เรื่องนี้ทำให้หานลี่ตระหนักถึงบางสิ่ง

ในบางตระกูล เป็นเรื่องจริงที่บางตำแหน่งจะคงอยู่จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเพิ่มความสามัคคีและการสืบทอดของตระกูลในบางแง่มุม

วิธีการนี้อาจดูเหมือนไม่สำคัญ แต่ตามความเห็นของหานลี่ เขาถือว่าวิธีการนี้ใช้ได้ทีเดียว

ในเวลานี้ หญิงสาวผมสีม่วงนั่งลงตรงข้ามกับหานลี่ จากนั้นนางก็โบกมือ สาวใช้หลายคนที่อยู่รอบๆ พลันออกไป พวกนางออกจากห้องโถงอย่างเชื่อฟังทันที พร้อมทั้งปิดประตูเบาๆ

“ได้ยินจากอนุชนผู้ไร้ความสามารถของข้ามาว่าสหายหานเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ไม่ได้ออกเดินทางมากนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ข้าได้ยินชื่อสหายหานเป็นครั้งแรก ทว่าวิทยายุทธ์ของสหายหานดูเหมือนจะยอดเยี่ยม และคงจะบรรลุสู่ระดับจอมมารมาเป็นเวลานาน ไม่อย่างนั้นความลึกล้ำในระดับพลังยุทธ์ของสหายหาน ข้าจะมองไม่ออกได้อย่างไร” จิตสัมผัสของหญิงสาวแผ่ไปทั่วร่างของหานลี่ ดวงตาที่สวยงามของนางวาบประกายอยู่ครู่หนึ่ง

“ข้าบำเพ็ญในมรรคาแห่งการสังหาร ข้าชอบฝึกวิชาในดินแดนรกร้างและสถานที่ที่มีอสูรมารมากมายจึงติดต่อกับบุคคลภายนอกน้อยไปบ้าง ส่วนระยะเวลาที่ข้าบรรลุสู่ระดับจอมมารนั้น สหายเดาผิดแล้ว ข้าเพิ่งจะบรรลุสู่ระดับจอมมารได้เพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ที่สหายระดับพลังยุทธ์ของข้าไม่ออก เป็นเพียงเพราะวิชาที่ข้าฝึกฝนนั้นค่อนข้างพิเศษ” หานลี่ยิ้มและตอบอย่างแสแสร้ง

ในเวลาเดียวกัน เขายังใช้จิตสัมผัสกวาดสำรวจร่างกายของคฤหัสถ์ฟู่เทียนอีกด้วย ผลก็คือจิตสัมผัสหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้ผลเช่นกัน นี่ทำให้เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีสมบัติล้ำค่าที่มีพลังในการปกปิดร่างกาย หรือไม่ก็ฝึกฝนวิชาพิเศษที่สามารถปิดบังลมปราณได้

หากจะบอกว่าพลังยุทธ์ของนางยังสูงกว่าเขามาก ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะพลังยุทธ์ของหานลี่นั้นเหนือล้ำกว่าเกือบสองเท่าในบรรดาผู้ที่อยู่ระดับเดียวกัน

เขาไม่เชื่อว่าพลังยุทธ์ของหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า จะลึกล้ำมากกว่าตัวเขา

“มรรคาแห่งการสังหาร! แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยได้สัมผัสกับเคล็ดวิชาประเภทนี้มากนัก แต่ก็รู้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งการสังหารนั้น มีทักษะต่อสู้เหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปมาก หากเป็นเช่นนั้น ข้าเสียมารยาทแล้ว!” หญิงสาวผมสีม่วงตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ความสงสัยที่มีอยู่ในใจของนางหายไปจนหมดสิ้น แต่ยังคงมีร่องรอยของปีติที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้บนใบหน้าของนาง

“แม้ว่าวิชายุทธ์ของมรรคาแห่งการสังหารจะมีอานุภาพสูง แต่ก็ยากจะฝึกฝน หากไม่ฝึกอย่างหนักและไม่ฆ่าอสูรมาร ก็จะไม่สามารถผ่านจุดที่คอขวดได้” หานลี่พูดอย่างเรียบเฉย

“การฝึกฝนของข้าไม่ใช่มรรคาแห่งการสังหาร! แต่มันก็ติดอยู่ในจุดคอขวดมาหลายพันปีแล้ว เมื่อบรรลุสู่ระดับจอมมารแล้ว การคิดจะก้าวหน้านั้นเป็นเรื่องยากเสียยิ่งกว่ายาก ส่วนใหญ่จำเป็นต้องพึงพาวาสนาจึงสำเร็จ”

ดูเหมือนว่าคำพูดของหานลี่จะสัมผัสไปถึงความปวดใจของหญิงสาวผมสีม่วง นางจึงถอนหายใจอย่างเห็นด้วย

“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามที่มีชื่อเสียงในแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่ และหวังว่าหลังจากพักอยู่ในเมืองสักพัก ข้าจะเข้าไปในทะเลทรายแห่งนี้เพื่อฝึกฝน หากสามารถหาโอกาสในนั้นได้ มันจะดียิ่งขึ้นไปอีก” หานลี่เปลี่ยนหัวข้อหลังจากพยักหน้า

“แม้ว่าตระกูลไป๋ของเราจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ แต่เราก็ยังมีอำนาจอยู่บ้างในพื้นที่ และเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว ถ้าท่านต้องการสิ่งใด จงบอกข้า ข้าจะสั่งคนของตระกูลใอำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่ท่าน” หญิงสาวผมสีม่วงพูดด้วยดวงตาเป็นประกายหลังจากได้ยินเรื่องนี้

“ในเมื่อสหายพูดเช่นนี้ ข้ามีบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋” หานลี่วางฝ่ามือบนเข่าของเขาเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“โอ้ ว่ามาเถิด ตราบใดที่อยู่ในความสามารถตระกูลไป๋ ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน” หญิงสาวผมสีม่วงดูเคร่งขรึมและพูดโดยไม่ลังเล

“ข้าได้ยินมาว่าไม่ว่ามีพลังจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่อเข้าไปในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว จะไม่สามารถเปิดใช้พลังเหาะเหินใดๆ ได้ และต้องใช้เวลาห้าสิบหรือหกสิบปีในการเดินเท้าข้ามทะเลทรายทั้งผืน แม้ว่าข้าจะต้องการฝึกฝนในทะเลยทรายฮ่วนเซี่ยว แต่ข้าก็ไม่อยากเสียเวลานานขนาดนั้น ข้าจึงคิดที่จะซื้อกิ้งก่ามารแปดขาจากตระกูลไป๋เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง ข้าสงสัยว่าตระกูลไป๋จะขายให้ข้าได้หรือไม่” หานลี่จ้องไปที่ใบหน้าหญิงสาวผมสีม่วง และพูดในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ

“กิ้งก่ามารแปดขา! สหายต้องการมันดังคาด อันที่จริงข้าเคยได้ยินอวิ๋นเอ๋อร์พูดเรื่องนี้มาก่อน” หลังจากได้ยินคำพูดของหานลี่ หญิงสาวผมสีม่วงก็ถอนหายใจยาว

“ทำไมรึ เรื่องนี้ทำให้สหายฟู่เทียนลำบากใจจริงๆ หรือ” การแสดงออกของหานลี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าดวงตาของเขาหรี่ลง พร้องทั้งถามออกมา

“ไม่เพียงแค่ลำบากใจ! หากสหายหานไม่ใช่จอมมารผู้แข็งแกร่ง ยามพูดเรื่องนี้ออกมา เกรงว่าข้าจะขับไล่ให้ออกไปในทันที” หญิงสาวผมม่วงพูดพลางส่ายหน้า

“ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่ากิ้งก่ามารแปดขามีความสำคัญมากต่อหลายตระกูลในเมืองของท่าน และจะไม่ขายพวกมันให้คนภายนอก ท่านช่วยอธิบายเหตุผลให้ข้าฟังได้หรือไม่” หานลี่ลูบคางด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

“ไม่ใช่ความลับ แน่นอนว่าพูดได้” หญิงสาวผมสีม่วงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตกลงอย่างง่ายดาย

“คุณค่าในร่างกายกิ้งก่ามารแปดขามีมาก ไม่ต้องพูดถึงแก่นมาร กระดูก แม้แต่เนื้อและเลือดของมันก็สามารถกลั่นเป็นยาฝึกปราณที่หายากได้ แต่เพียงแค่สิ่งนี้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลใหญ่ของเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก สหายหานควรจะรู้ว่าเหตุใดที่เมืองฮ่วนเย่ถึงถูกสร้างขึ้นที่นี่ เป็นเพราะสินแร่และสมุนไพรวิญญาณบางชนิดที่หาได้ในบริเวณ และการขายของเหล่านี้ทำเงินมากมายให้เมืองนี้ทุกปี เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตระกูลใหญ่ของเรา แต่สิ่งที่สหายไม่รู้ก็คือ เนื่องจากเมืองนี้ดำรงอยู่มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี สินแร่และสมุนไพรวิญญาณดั้งเดิมในบริเวณใกล้เคียงได้ถูกขุดออกไปนานแล้ว ตอนนี้วัตถุดิบพิเศษที่เมืองนี้หาได้ทั้งหมดเป็นสินแร่และสมุนไพรวิญญาณที่เราเพิ่งค้นพบในส่วนลึกของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว แม้ว่าแหล่งทรัพยากรใหม่เหล่านี้จะผลิตได้มาก แต่การที่พวกเขาจะนำสิ่งเหล่านี้กลับมาอย่างปลอดภัยได้ จะต้องพึ่งพากิ้งก่ามารแปดขา มิฉะนั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินไปมาด้วยการเดินเท้า ท่ามกลางอันตรายในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว ถึงอย่างไร ทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามที่มีชื่อเสียงในแดนศักดิ์สิทธิ์ และเป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะเข้าและออกจากทะเลทรายได้โดนง่าย ตระกูลใหญ่ของเราให้ความสำคัญกับอสูรมารตัวนี้ และความสามารถในการเดินทางอย่างอิสระในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวของมัน หากขาดอสูรมารอาจทำให้รายได้ประจำปีของตระกูลผันผวนอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลของเราจะขายกิ้งก่ามารแปดขาไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร” หญิงสาวผมสีม่วงพูดช้าๆ โดยไม่มีเจตนาปกปิด

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานลี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

หากเหตุผลอื่นอาจจะจัดการได้ง่าย แต่เรื่องเกี่ยวข้องกับหายนะของตระกูลนี้ ก็อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะได้กิ้งก่ามารแปดขาด้วยวิธีทั่วไป

หานลี่ครุ่นคิดในใจ และเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามเขาโดยไม่รู้ตัว พลันพบว่าหญิงสาวดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่แววตาของนางกลับฉายแววแปลกประหลาด

“สหายฟู่เทียน ที่ท่านไม่ได้ปฏิเสธคำร้องขอของข้าอย่างเด็ดขาดเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีช่องสำหรับการเจรจา สหายจะตัดใจมอบกิ้งก่ามารแปดขาให้แก่ข้าได้ด้วยวิธีใดบ้าง สหายพูดมาตามตรงเถิด ข้าเดาว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มราคากระมัง” หานลี่ถามอย่างใจเย็น

“พี่หานมองออกแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถปิดบังจากสหายได้!” หญิงสาวผมสีม่วงตกใจในตอนแรก แต่แล้วนางก็เม้มปากและหัวเราะ

อย่างไรก็ตามหานลี่กลับมองไปยังหญิงสาวตรงข้ามเขาอย่างนิ่งเฉยและไม่พูดอะไร

เมื่อเห็นท่าทางของหานลี่ หญิงสาวผมสีม่วงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดอย่างสงบ

“หากเป็นเมื่อสามปีก่อน ไม่ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร ตระกูลไป๋ของเราจะไม่ยอมละทิ้งกิ้งก่ามารแปดขาเลย แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้อีกแล้ว เพราะตอนนี้ตระกูลไป๋ของเราประสบเรื่องยุ่งยากบางอย่าง และสามารถแก้ไขได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิฤทธิ์มหาศาลอย่างพี่หานเท่านั้น”

“เรื่องยุ่งยาก? บรรพชนระดับจอมตระกูลไป๋คงไม่ได้มีแค่ท่านเซียนกระมัง มีเรื่องยุ่งยากอะไรที่ตระกูของท่านแก้ไม่ได้ด้วยหรือ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหานลี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าเขากลับถามอย่างใจเย็นมาก

“ถ้ามันเป็นปัญหาธรรมดา ข้าจะไม่พูดถึงมันในยามที่ข้าเพิ่งพบสหายเป็นครั้งแรกเช่นนี้ ข้าจะบอกแก่อย่างซื่อตรง! อันที่จริงมันเกิดบางอย่างผิดปกติขึ้นที่สายแร่ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งของตระกูลไป๋ในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จุดทรัพยากรนี้ถูกยึดครองโดยอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งระดับจอมมาร อิทธิฤทธิ์ของอสูรมารตัวนี้มีมากมายจนอาศัยเพียงตระกูลไป๋ของเราไม่สามารถขับไล่มันออกไปได้ นี่ทำได้เพียงขอให้สหายช่วยเหลือแล้ว หากพี่หานลงมือด้วย พวกเราก็จะมีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องราว ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ตัดสินใจ ข้าสามารถให้กิ้งก่ามารแปดขาเป็นรางวัลสำหรับความช่วยเหลือจากสหายได้” หญิงสาวผมสีม่วงพูดด้วยรอยยิ้ม

“สหายเชิญผู้ช่วยระดับจอมมารมากี่คน” หานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างใจเย็น

“ข้าเชิญมาแล้วสองคน ถ้ารวมกับข้าและผู้อาวุโสของตระกูลไป๋อีกคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจะมีจอมมารลงมือพร้อมกันทั้งหมดสี่คน” หญิงผมสีม่วงตอบโดยไม่ลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+