A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2088 ราชาวิญญาณกับหินอุกกาบาต

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2088 ราชาวิญญาณกับหินอุกกาบาต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ยินเช่นนี้ บรรพชนตระกูลหล่งขบคิดเล็กน้อย ก็พุ่งแสงล่องหนไปหาหานลี่ หลังจากกะพริบไม่กี่ครั้ง ก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ พร้อมสีหน้าเคร่งขรึม

ส่วนสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกที่อยู่อีกด้าน หลังจากกะพริบตาสวยปริบๆ ไม่กี่ครั้ง ก็กระทืบเท้าข้างหนึ่งทันที ปีกเปลวแสงคู่ที่อยู่ด้านหลังกระพือ พอสั่นไหว ก็หายวับไปในที่ว่าง

สักพัก ที่ว่างข้างๆ หานลี่ก็ผันผวน สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง

ส่วนไป๋ชี พอได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็เพียงเหลือบมองมา แล้วนิ่งเฉยต่อ

“พี่หาน น้องต้องฝากทั้งชีวิตไว้กับพี่แล้ว หวังว่าสหายยังมีไพ่เด็ดที่พอจะต่อกรกับบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง มิเช่นนั้น เราก็คงได้แต่เอาไข่ไปกระทบหินจริงๆ แล้ว”

พอสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกปรากฏตัว ก็ยิ้มขมขื่นพลางพูดกับหานลี่

“ไพ่เด็ด? เป็นไปไม่ได้ที่ท่านทั้งสองจะไม่เหลือไว้เลย อีกอย่างสหายทั้งสองค้นพบหรือไม่ว่า บรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ ตอนเริ่มต้นลงมือ นอกจากมีพลังอันน่าทึ่งแล้ว การจู่โจมหลังจากนั้น กลับพึ่งกริชอาคมทมิฬในมือเล่มนั้นทั้งหมด มิได้ใช้อิทธิฤทธิ์วิชามารอื่นใดอีกเลย”

วานรยักษ์ร่างแปลงของหานลี่จ้องมองเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขม็ง พลางถ่ายทอดเสียงดังเวิ้งว้างโดยไม่หันไปมองทั้งสอง

“ความหมายของพี่หานคือ…” สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกใจเต้นขึ้นมา จึงสะดุ้งเล็กน้อย

“ท่านเซียนเยี่ยอย่าลืมว่า ที่นี่คือที่ตั้งของสระชำระวิญญาณ เป็นสถานที่กักวิญญาณ ซึ่งน่าจะเป็นที่ที่มีไอวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดในแดนมาร และเป็นที่ที่เราอยู่กันในตอนนี้ มารตนหนึ่ง แม้เป็นบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าต่อสู้กับคนในสถานที่เช่นนี้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้รับการกำราบจากไอวิญญาณฟ้าดิน”

วานรยักษ์แค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่งก่อนพูด

“พี่หานพูดไม่ผิด เมื่อครู่ แม้เขากระตุ้นกริชอาคมทมิฬ ก็ต้องทำลายกรงขังไอวิญญาณของที่นี่ก่อน จึงจะสามารถดูดซับไอมารจากภายนอก มาทำการจู่โจมเรา ถ้าข้าเดาไม่ผิด พลังยุทธ์ทั้งร่างของมารเฒ่าตนนี้ ไม่สามารถเติมไอมารเข้าไปในร่างโดยตรงเมื่ออยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่ใช้ พลังจะลดลงส่วนหนึ่ง สมบัติสวรรค์ทมิฬในมือของเขากว่าครึ่งก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เช่นกัน ขอเพียงทำให้วัตถุชิ้นนี้ไม่สามารถดูดซับไอมารจากภายนอกต่อ ลำพังพลังจากตัวกริชอาคมทมิฬเอง เราร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะต้านทานไม่ได้เสียทีเดียว”

บรรพชนตระกูลหล่งคล้ายหวั่นไหวไปกับคำพูดของหานลี่แล้ว หลังจากคลายสีหน้าที่เคร่งขรึมลงเล็กน้อย ก็พูดออกมาอย่างใจเย็น

พอได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกพลันเปลี่ยนความคิด แอบรู้สึกว่ามีเหตุผล ความกลัวจึงหายไปกว่าครึ่งโดยปริยาย

ขณะนั้น พอเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินคำพูดของพวกหานลี่ ก็หรี่ตาทั้งสองข้างลง พลางยิ้มบางๆ

“ไม่ผิด ไม่ผิด! สามารถมองสิ่งเหล่านี้ออกในระยะเวลาอันสั้น ในบรรดามนุษย์บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ พวกเจ้าทั้งสามน่าจะดำรงอยู่ในชั้นยอดสุดแล้ว ซึ่งการบำเพ็ญเพียรของข้าในเกาะวิญญาณรันทด ก็ได้รับการกำราบจริง อิทธิฤทธิ์กับสมบัติวิเศษบางอย่าง ไม่สะดวกที่จะนำออกมาใช้โดยตรง แต่พวกเจ้าคิดว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬคืออะไร พวกเจ้าจะสกัดกั้นข้าในการใช้มันดูดซับไอมารแท้จากภายนอกได้อย่างไร จริงสิ เจ้าหนุ่มเผ่าวิญญาณนั่น เมื่อครู่ข้ามิได้ลงมือกับเจ้าเลย เพราะรู้สึกว่า ในร่างของเจ้ามีพลังปราณของสหายเก่า ราชาวิญญาณส่งเจ้ามาที่นี่ มีเจตนาอะไร มิใช่ตั้งใจนำหุ่นเซียนปลอมมาถวายข้าด้วยสองมือหรอกนะ”

พอเด็กหนุ่มชุดดำพูดอย่างไม่นำพากับพวกหานลี่จบ สายตาก็ขยับ มาตกอยู่บนร่างของไป๋ชี พลางถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มชุดดำถามเช่นนี้ พวกบรรพชนตระกูลหล่งก็เอะใจ หัน ‘ขวับ’ ทันที จ้องมองไป๋ชีเช่นกัน

การแสดงออกของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าวิญญาณท่านนี้แปลกประหลาดตั้งแต่ต้น เมื่อพวกหานลี่ตัดสินใจร่วมมือกันต่อกรกับเด็กหนุ่มชุดดำ ย่อมต้องชัดเจนในเจตนาที่แท้จริงของไป๋ชีก่อน

ในแสงขมุกขมัวสีขาว แม้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของไป๋ชีได้ชัดเจน แต่พอได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มชุดดำ แสงบนผิวกายของเขาก็กะพริบน้อยๆ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นเสียงขรึม

“ตอนที่ข้าจากมา ใต้เท้าในเผ่าท่านนั้นได้กำชับข้าไม่กี่ประโยคจริงๆ และยังปักยันต์แบ่งวิญญาณต้นหนึ่งไว้ในร่างข้า อย่างไรให้ใต้เท้าท่านนั้นพูดคุยกับผู้อาวุโสด้วยตนเองจะดีกว่า”

สิ้นเสียง แสงสีขาวบนร่างของไป๋ชีก็เก็บลง โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาจึงปรากฏ

เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าแพรคนหนึ่ง!

ใบหน้าธรรมดายิ่ง แต่ดวงตาเป็นประกายสีเงินแวววาว หว่างคิ้วมีจุดวิญญาณสีม่วงจางๆ กะพริบแสงอยู่หนึ่งจุด

ชุดผ้าแพรบนร่างเขาไม่เหมือนใครอย่างเห็นได้ชัด บนนั้นไม่เพียงพิมพ์ลายวิญญาณสีเงินไว้มากมาย พอขยับเล็กน้อย แสงสีขาวนับไม่ถ้วนก็สั่นไหวไม่หยุด สะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง

“เฮอะ เฒ่าประหลาดเผ่าวิญญาณของพวกเจ้านั่น มีชีวิตยืนยาวกว่าข้ามาก ข้าชักอยากดูสักหน่อยว่าเขามีอะไรจะพูดกับข้า” เด็กหนุ่มชุดดำกลับไม่รู้สึกแปลกใจ แค่นเสียงเย็นชาออกมา ก่อนพูดเรียบๆ

ไป๋ชียิ้มน้อยๆ แล้วรีบใช้มือข้างหนึ่งตบศีรษะ

เสียงดังเบาๆ กบาลของเขาพลันเปิด ยันต์สีเงินแถวหนึ่งลอยออก

ยันต์รับลมฝนแล้วสั่น รัศมีแสงเจิดจ้า กลายเป็นเงาร่างสูงราวหนึ่งจั้ง

หานลี่เห็นดังนี้ สายตาก็นิ่ง จ้องมองเงาร่างนั้นให้ชัดเจน เป็นชายชราชุดขาวผมขาว หน้าเด็กคนหนึ่ง

พอเห็นภาพนี้ บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกก็อดไม่ได้ที่จะหันมาสบตากัน ความคิดต่างๆ ในใจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกระทำการผลีผลาม

ท้ายที่สุด ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต่อสู้กับบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์

ในทันที แต่ขณะนี้ สถานการณ์ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งพวกเขาย่อมต้องการเป็นอย่างยิ่ง

พอเงาร่างของชายชราเหาะออกมา ก็ลอยอยู่เหนือศีรษะไป๋ชีเงียบๆ หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ และสุดท้ายสายตาตกอยู่บนร่างของเด็กหนุ่มชุดดำฝั่งตรงข้าม สีหน้าก็สงบนิ่งเป็นพิเศษ

“สหายหยวนเหยี่ยน ไม่ได้เจอกันนาน ข้ากลับนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเจ้าในฐานะหนึ่งในสามบรรพชนผู้บุกเบิกที่นี่ สหายสองท่าน เมี่ยชิง และอู๋ฉาง ที่รับผิดชอบเฝ้าเกาะอยู่แต่เดิม เหตุใดถึงไม่อยู่แล้ว”

เห็นชัดว่า เงาร่างชายชราผมขาวมีร่องรอยความทรงจำของใครบางคนแฝงอยู่ในนั้น หลังจากประสานมือคารวะเด็กหนุ่ม ก็ถามขึ้นราวกับเป็นคนจริงๆ

ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในระดับมหาเมธีแห่งเผ่าวิญญาณท่านนี้ เหมือนรู้จักบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนท่านนี้

และพอหานลี่ได้ยินคำว่า “บรรพชนผู้บุกเบิก” แม้สงบนิ่งมาตลอด ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี

บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกยิ่งเกิดอาการ ‘ฮะ’ จิตใจจมดิ่งจนถึงก้นบึ้งอีกครั้ง

“เมี่ยชิงกับอู๋ฉางต่างมีธุระ ข้าจึงผู้ดูแลเกาะแห่งนี้ในพันปีที่ผ่านมา ใต้เท้าราชาวิญญาณอย่างเจ้า จู่ๆ ก็ส่งเด็กรุ่นหลังไม่กี่คนรุกล้ำเข้ามาที่นี่ เห็นทียังคงไม่ตายใจไปจากวัตถุวิญญาณสองชนิดนั่น แต่เจ้าควรชัดเจนว่า การมาของผู้ดำรงอยู่ในระดับผสานอินทรีย์จิ๊บจ๊อยเหล่านี้ เป็นการมารนหาที่ตายเอง แต่ถ้าใต้เท้าราชาวิญญาณอย่างเจ้ามาคุ้มกันด้วยตัวเอง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

พอเด็กหนุ่มชุดดำเห็นเงาร่างของชายชราชุดขาว ม่านตาก็หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างเย็นชา

“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกเจ้าเผ่ามารบุกเข้ามาตีอาณาเขตเผ่าวิญญาณอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ไม่แน่ว่าข้าสนใจจะมาสักตั้งจริงๆ ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ข้าอยากรู้เหลือเกินว่า วิชามารของสหายหยวนเหยี่ยนบรรลุไปถึงไหนแล้ว แต่ตอนนี้ยุ่งมาก จึงได้แต่ให้เด็กรุ่นหลังพวกนี้มาเสี่ยงอันตราย แต่ดูๆ ไป นอกจากไป๋ชีแล้ว คนอื่น ล้วนประสบภัยกะทันหัน สหายลงมือเร็วไปหน่อยจริงๆ!”

ราชาวิญญาณพูดอย่างสงบ

“จนถึงตอนนี้ ที่ข้าเหลือคนเผ่าวิญญาณของพวกเจ้าไว้คนหนึ่ง ก็ถือว่าไว้หน้าเจ้าแล้ว ขืนยังพูดจาไร้สาระต่อ ข้าจะสังหารเขาในฝ่ามือเดียวไปด้วย อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาส ก็แล้วกัน”

เด็กหนุ่มชุดดำมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ไม่คิดเจรจาด้วย พลันมีท่าทีจะลงมืออีก

“นิสัยของสหายหยวนเหยี่ยน เมื่อเทียบกับเมื่อหมื่นปีที่แล้ว กลับไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเลย ดีล่ะ ข้าจะพูดย่อๆ ก็แล้วกัน ข้าคิดที่จะทำเพื่อคนรุ่นหลังในเผ่า โดยการใช้ของสิ่งหนึ่ง แลกกับดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์หนึ่งดอกกับโอกาสเข้าไปในสระชำระวิญญาณหนึ่งครั้ง ไม่ทราบว่าสหายคิดเห็นอย่างไร เดิมทีข้าคิดจะเจรจากับเมี่ยชิงและอู๋ฉาง นึกไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนเป็นสหาย!”

เงาร่างราชาวิญญาณถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้

“ฮ่าๆ ไม่นึกว่าราชาวิญญาณก็พูดเล่นเป็นเหมือนกัน! เจ้านึกว่าใช้สำบัดสำนวนเช่นนี้ หยวนเหยี่ยนก็เชื่อแล้ว อย่าว่าแต่เมี่ยชิงกับอู๋ฉางไม่อยู่ที่นี่ทั้งสองคนเลย ต่อให้อยู่ พวกเขาก็ไม่มีทางเจรจาอะไรกับคนจากแดนวิญญาณหรอก เอาล่ะ พูดจบแล้ว ข้าก็จะส่งคนรุ่นหลังของเจ้าไปปรโลกก่อนล่ะนะ ส่วนเศษเสี้ยววิญญาณแบ่งของเจ้า ข้าก็จะรับเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน”

พอเด็กหนุ่มชุดดำฟังจบ กลับมีท่าทีไม่เชื่อ หลังจากหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ก็วาดกระบี่ยักษ์ในมืออีกครั้ง

บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกเห็นดังนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยน เกร็งพลังยุทธ์ในร่างโดยปริยาย

ร่างแปลงวานรยักษ์ของหานลี่ก็มองนิ่ง แสงสีทองบนผิวกายไหลเวียนขึ้นมา

แต่ชั่วขณะนั้น เงาร่างราชาวิญญาณกลับไม่รีบร้อน อ้าปากพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เด็กหนุ่มชุดดำตกใจ

“ทำไม หรือกระทั่งหินอุกกาบาต สหายหยวนเหยี่ยนก็ไม่อยากได้แล้ว”

“อะไรนะ หินอุกกาบาต? เจ้ามีสิ่งนี้อยู่ในมือ? ไม่ถูก เจ้ารู้อะไรมาบ้าง”

เด็กหนุ่มชุดดำพลันร้องเสียงหลง แต่จู่ๆ ก็มีสติ นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าแสดงท่าทางดุร้ายออกมา!

“หึๆ สิ่งที่ข้ารู้ เยอะกว่าที่สหายคาดเดามากมาย อย่างไรการดำรงอยู่ของข้ากับผู้ที่อยู่ในระดับมหาเมธีเผ่าอื่นๆในแดนวิญญาณไม่เหมือนกัน ข้าผ่านวันเวลามามากกว่าพวกเขาหลายเท่า ย่อมรู้อะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน ถ้ามีหินชนิดนี้ ภัยพิบัติอันใหญ่หลวงที่อยู่ตรงหน้าเผ่ามารของพวกเจ้า อย่างน้อยอาจล่าช้าไปอีกหมื่นปี นอกจากความล้ำค่าของมันแล้ว ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากอีก สหาย เจ้าคิดให้ดีๆ ค่อยให้คำตอบข้าก็ยังไม่สาย”

ราชาวิญญาณเผยท่าทีที่ล้ำลึกออกมา พูดอย่างผู้ที่มีแผนการในใจ

สีหน้าของเด็กหนุ่มชุดดำเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขณะลอยไม่ขยับอยู่เหนือสระน้ำ

หานลี่ บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ พอได้ยินบทสนทนานี้ ย่อมเกิดความสงสัยในใจไม่หยุดเช่นเดียวกัน แต่ละคนจึงอดไม่ได้ที่จะเดานัยที่แท้จริงของคำพูดเมื่อครู่

“ดี ดีมาก ข้าเดาได้ตั้งแต่เมื่อก่อนนานมาแล้วว่าเจ้ามีความเป็นมาที่ไม่เหมือนใคร มิได้ถือกำเนิดขึ้นในแดนวิญญาณธรรมดาแน่ ตอนนี้กระทั่งความลับในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังกระจ่างถึงเพียงนี้ เห็นทีข้ามิได้เดาผิดแต่แรก เพียงแต่ เสียดายมากเลย…”

เด็กหนุ่มชุดดำพลันหันมามอง พลางส่ายศีรษะเบาๆ

“เสียดายอะไร หรือเจ้าไม่รู้ว่าหินอุกกาบาตสำคัญกับแดนมารของพวกเจ้า” ชายชราขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

“เสียดาย ที่วันนี้คนที่เจ้าเจอคือข้า ยิ่งไม่ควรบอกเรื่องนี้กับข้า!”

เด็กหนุ่มชุดดำยกมุมปากขึ้นอย่างมีเลศนัย และในเวลาถัดมา พลันใช้กระบี่ยักษ์สีดำในมือฟันไปที่ไป๋ชี ขณะที่มือยักษ์อีกข้าง ยื่นเข้าไปจับชายชราชุดขาว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2088 ราชาวิญญาณกับหินอุกกาบาต

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2088 ราชาวิญญาณกับหินอุกกาบาต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ยินเช่นนี้ บรรพชนตระกูลหล่งขบคิดเล็กน้อย ก็พุ่งแสงล่องหนไปหาหานลี่ หลังจากกะพริบไม่กี่ครั้ง ก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ พร้อมสีหน้าเคร่งขรึม

ส่วนสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกที่อยู่อีกด้าน หลังจากกะพริบตาสวยปริบๆ ไม่กี่ครั้ง ก็กระทืบเท้าข้างหนึ่งทันที ปีกเปลวแสงคู่ที่อยู่ด้านหลังกระพือ พอสั่นไหว ก็หายวับไปในที่ว่าง

สักพัก ที่ว่างข้างๆ หานลี่ก็ผันผวน สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง

ส่วนไป๋ชี พอได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็เพียงเหลือบมองมา แล้วนิ่งเฉยต่อ

“พี่หาน น้องต้องฝากทั้งชีวิตไว้กับพี่แล้ว หวังว่าสหายยังมีไพ่เด็ดที่พอจะต่อกรกับบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง มิเช่นนั้น เราก็คงได้แต่เอาไข่ไปกระทบหินจริงๆ แล้ว”

พอสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกปรากฏตัว ก็ยิ้มขมขื่นพลางพูดกับหานลี่

“ไพ่เด็ด? เป็นไปไม่ได้ที่ท่านทั้งสองจะไม่เหลือไว้เลย อีกอย่างสหายทั้งสองค้นพบหรือไม่ว่า บรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ ตอนเริ่มต้นลงมือ นอกจากมีพลังอันน่าทึ่งแล้ว การจู่โจมหลังจากนั้น กลับพึ่งกริชอาคมทมิฬในมือเล่มนั้นทั้งหมด มิได้ใช้อิทธิฤทธิ์วิชามารอื่นใดอีกเลย”

วานรยักษ์ร่างแปลงของหานลี่จ้องมองเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขม็ง พลางถ่ายทอดเสียงดังเวิ้งว้างโดยไม่หันไปมองทั้งสอง

“ความหมายของพี่หานคือ…” สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกใจเต้นขึ้นมา จึงสะดุ้งเล็กน้อย

“ท่านเซียนเยี่ยอย่าลืมว่า ที่นี่คือที่ตั้งของสระชำระวิญญาณ เป็นสถานที่กักวิญญาณ ซึ่งน่าจะเป็นที่ที่มีไอวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดในแดนมาร และเป็นที่ที่เราอยู่กันในตอนนี้ มารตนหนึ่ง แม้เป็นบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าต่อสู้กับคนในสถานที่เช่นนี้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้รับการกำราบจากไอวิญญาณฟ้าดิน”

วานรยักษ์แค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่งก่อนพูด

“พี่หานพูดไม่ผิด เมื่อครู่ แม้เขากระตุ้นกริชอาคมทมิฬ ก็ต้องทำลายกรงขังไอวิญญาณของที่นี่ก่อน จึงจะสามารถดูดซับไอมารจากภายนอก มาทำการจู่โจมเรา ถ้าข้าเดาไม่ผิด พลังยุทธ์ทั้งร่างของมารเฒ่าตนนี้ ไม่สามารถเติมไอมารเข้าไปในร่างโดยตรงเมื่ออยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่ใช้ พลังจะลดลงส่วนหนึ่ง สมบัติสวรรค์ทมิฬในมือของเขากว่าครึ่งก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เช่นกัน ขอเพียงทำให้วัตถุชิ้นนี้ไม่สามารถดูดซับไอมารจากภายนอกต่อ ลำพังพลังจากตัวกริชอาคมทมิฬเอง เราร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะต้านทานไม่ได้เสียทีเดียว”

บรรพชนตระกูลหล่งคล้ายหวั่นไหวไปกับคำพูดของหานลี่แล้ว หลังจากคลายสีหน้าที่เคร่งขรึมลงเล็กน้อย ก็พูดออกมาอย่างใจเย็น

พอได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกพลันเปลี่ยนความคิด แอบรู้สึกว่ามีเหตุผล ความกลัวจึงหายไปกว่าครึ่งโดยปริยาย

ขณะนั้น พอเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินคำพูดของพวกหานลี่ ก็หรี่ตาทั้งสองข้างลง พลางยิ้มบางๆ

“ไม่ผิด ไม่ผิด! สามารถมองสิ่งเหล่านี้ออกในระยะเวลาอันสั้น ในบรรดามนุษย์บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ พวกเจ้าทั้งสามน่าจะดำรงอยู่ในชั้นยอดสุดแล้ว ซึ่งการบำเพ็ญเพียรของข้าในเกาะวิญญาณรันทด ก็ได้รับการกำราบจริง อิทธิฤทธิ์กับสมบัติวิเศษบางอย่าง ไม่สะดวกที่จะนำออกมาใช้โดยตรง แต่พวกเจ้าคิดว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬคืออะไร พวกเจ้าจะสกัดกั้นข้าในการใช้มันดูดซับไอมารแท้จากภายนอกได้อย่างไร จริงสิ เจ้าหนุ่มเผ่าวิญญาณนั่น เมื่อครู่ข้ามิได้ลงมือกับเจ้าเลย เพราะรู้สึกว่า ในร่างของเจ้ามีพลังปราณของสหายเก่า ราชาวิญญาณส่งเจ้ามาที่นี่ มีเจตนาอะไร มิใช่ตั้งใจนำหุ่นเซียนปลอมมาถวายข้าด้วยสองมือหรอกนะ”

พอเด็กหนุ่มชุดดำพูดอย่างไม่นำพากับพวกหานลี่จบ สายตาก็ขยับ มาตกอยู่บนร่างของไป๋ชี พลางถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มชุดดำถามเช่นนี้ พวกบรรพชนตระกูลหล่งก็เอะใจ หัน ‘ขวับ’ ทันที จ้องมองไป๋ชีเช่นกัน

การแสดงออกของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าวิญญาณท่านนี้แปลกประหลาดตั้งแต่ต้น เมื่อพวกหานลี่ตัดสินใจร่วมมือกันต่อกรกับเด็กหนุ่มชุดดำ ย่อมต้องชัดเจนในเจตนาที่แท้จริงของไป๋ชีก่อน

ในแสงขมุกขมัวสีขาว แม้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของไป๋ชีได้ชัดเจน แต่พอได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มชุดดำ แสงบนผิวกายของเขาก็กะพริบน้อยๆ ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นเสียงขรึม

“ตอนที่ข้าจากมา ใต้เท้าในเผ่าท่านนั้นได้กำชับข้าไม่กี่ประโยคจริงๆ และยังปักยันต์แบ่งวิญญาณต้นหนึ่งไว้ในร่างข้า อย่างไรให้ใต้เท้าท่านนั้นพูดคุยกับผู้อาวุโสด้วยตนเองจะดีกว่า”

สิ้นเสียง แสงสีขาวบนร่างของไป๋ชีก็เก็บลง โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาจึงปรากฏ

เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าแพรคนหนึ่ง!

ใบหน้าธรรมดายิ่ง แต่ดวงตาเป็นประกายสีเงินแวววาว หว่างคิ้วมีจุดวิญญาณสีม่วงจางๆ กะพริบแสงอยู่หนึ่งจุด

ชุดผ้าแพรบนร่างเขาไม่เหมือนใครอย่างเห็นได้ชัด บนนั้นไม่เพียงพิมพ์ลายวิญญาณสีเงินไว้มากมาย พอขยับเล็กน้อย แสงสีขาวนับไม่ถ้วนก็สั่นไหวไม่หยุด สะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง

“เฮอะ เฒ่าประหลาดเผ่าวิญญาณของพวกเจ้านั่น มีชีวิตยืนยาวกว่าข้ามาก ข้าชักอยากดูสักหน่อยว่าเขามีอะไรจะพูดกับข้า” เด็กหนุ่มชุดดำกลับไม่รู้สึกแปลกใจ แค่นเสียงเย็นชาออกมา ก่อนพูดเรียบๆ

ไป๋ชียิ้มน้อยๆ แล้วรีบใช้มือข้างหนึ่งตบศีรษะ

เสียงดังเบาๆ กบาลของเขาพลันเปิด ยันต์สีเงินแถวหนึ่งลอยออก

ยันต์รับลมฝนแล้วสั่น รัศมีแสงเจิดจ้า กลายเป็นเงาร่างสูงราวหนึ่งจั้ง

หานลี่เห็นดังนี้ สายตาก็นิ่ง จ้องมองเงาร่างนั้นให้ชัดเจน เป็นชายชราชุดขาวผมขาว หน้าเด็กคนหนึ่ง

พอเห็นภาพนี้ บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกก็อดไม่ได้ที่จะหันมาสบตากัน ความคิดต่างๆ ในใจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกระทำการผลีผลาม

ท้ายที่สุด ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต่อสู้กับบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์

ในทันที แต่ขณะนี้ สถานการณ์ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งพวกเขาย่อมต้องการเป็นอย่างยิ่ง

พอเงาร่างของชายชราเหาะออกมา ก็ลอยอยู่เหนือศีรษะไป๋ชีเงียบๆ หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ และสุดท้ายสายตาตกอยู่บนร่างของเด็กหนุ่มชุดดำฝั่งตรงข้าม สีหน้าก็สงบนิ่งเป็นพิเศษ

“สหายหยวนเหยี่ยน ไม่ได้เจอกันนาน ข้ากลับนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเจ้าในฐานะหนึ่งในสามบรรพชนผู้บุกเบิกที่นี่ สหายสองท่าน เมี่ยชิง และอู๋ฉาง ที่รับผิดชอบเฝ้าเกาะอยู่แต่เดิม เหตุใดถึงไม่อยู่แล้ว”

เห็นชัดว่า เงาร่างชายชราผมขาวมีร่องรอยความทรงจำของใครบางคนแฝงอยู่ในนั้น หลังจากประสานมือคารวะเด็กหนุ่ม ก็ถามขึ้นราวกับเป็นคนจริงๆ

ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในระดับมหาเมธีแห่งเผ่าวิญญาณท่านนี้ เหมือนรู้จักบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนท่านนี้

และพอหานลี่ได้ยินคำว่า “บรรพชนผู้บุกเบิก” แม้สงบนิ่งมาตลอด ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี

บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกยิ่งเกิดอาการ ‘ฮะ’ จิตใจจมดิ่งจนถึงก้นบึ้งอีกครั้ง

“เมี่ยชิงกับอู๋ฉางต่างมีธุระ ข้าจึงผู้ดูแลเกาะแห่งนี้ในพันปีที่ผ่านมา ใต้เท้าราชาวิญญาณอย่างเจ้า จู่ๆ ก็ส่งเด็กรุ่นหลังไม่กี่คนรุกล้ำเข้ามาที่นี่ เห็นทียังคงไม่ตายใจไปจากวัตถุวิญญาณสองชนิดนั่น แต่เจ้าควรชัดเจนว่า การมาของผู้ดำรงอยู่ในระดับผสานอินทรีย์จิ๊บจ๊อยเหล่านี้ เป็นการมารนหาที่ตายเอง แต่ถ้าใต้เท้าราชาวิญญาณอย่างเจ้ามาคุ้มกันด้วยตัวเอง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

พอเด็กหนุ่มชุดดำเห็นเงาร่างของชายชราชุดขาว ม่านตาก็หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างเย็นชา

“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกเจ้าเผ่ามารบุกเข้ามาตีอาณาเขตเผ่าวิญญาณอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ไม่แน่ว่าข้าสนใจจะมาสักตั้งจริงๆ ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ข้าอยากรู้เหลือเกินว่า วิชามารของสหายหยวนเหยี่ยนบรรลุไปถึงไหนแล้ว แต่ตอนนี้ยุ่งมาก จึงได้แต่ให้เด็กรุ่นหลังพวกนี้มาเสี่ยงอันตราย แต่ดูๆ ไป นอกจากไป๋ชีแล้ว คนอื่น ล้วนประสบภัยกะทันหัน สหายลงมือเร็วไปหน่อยจริงๆ!”

ราชาวิญญาณพูดอย่างสงบ

“จนถึงตอนนี้ ที่ข้าเหลือคนเผ่าวิญญาณของพวกเจ้าไว้คนหนึ่ง ก็ถือว่าไว้หน้าเจ้าแล้ว ขืนยังพูดจาไร้สาระต่อ ข้าจะสังหารเขาในฝ่ามือเดียวไปด้วย อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาส ก็แล้วกัน”

เด็กหนุ่มชุดดำมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ไม่คิดเจรจาด้วย พลันมีท่าทีจะลงมืออีก

“นิสัยของสหายหยวนเหยี่ยน เมื่อเทียบกับเมื่อหมื่นปีที่แล้ว กลับไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเลย ดีล่ะ ข้าจะพูดย่อๆ ก็แล้วกัน ข้าคิดที่จะทำเพื่อคนรุ่นหลังในเผ่า โดยการใช้ของสิ่งหนึ่ง แลกกับดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์หนึ่งดอกกับโอกาสเข้าไปในสระชำระวิญญาณหนึ่งครั้ง ไม่ทราบว่าสหายคิดเห็นอย่างไร เดิมทีข้าคิดจะเจรจากับเมี่ยชิงและอู๋ฉาง นึกไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนเป็นสหาย!”

เงาร่างราชาวิญญาณถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้

“ฮ่าๆ ไม่นึกว่าราชาวิญญาณก็พูดเล่นเป็นเหมือนกัน! เจ้านึกว่าใช้สำบัดสำนวนเช่นนี้ หยวนเหยี่ยนก็เชื่อแล้ว อย่าว่าแต่เมี่ยชิงกับอู๋ฉางไม่อยู่ที่นี่ทั้งสองคนเลย ต่อให้อยู่ พวกเขาก็ไม่มีทางเจรจาอะไรกับคนจากแดนวิญญาณหรอก เอาล่ะ พูดจบแล้ว ข้าก็จะส่งคนรุ่นหลังของเจ้าไปปรโลกก่อนล่ะนะ ส่วนเศษเสี้ยววิญญาณแบ่งของเจ้า ข้าก็จะรับเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน”

พอเด็กหนุ่มชุดดำฟังจบ กลับมีท่าทีไม่เชื่อ หลังจากหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ก็วาดกระบี่ยักษ์ในมืออีกครั้ง

บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกเห็นดังนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยน เกร็งพลังยุทธ์ในร่างโดยปริยาย

ร่างแปลงวานรยักษ์ของหานลี่ก็มองนิ่ง แสงสีทองบนผิวกายไหลเวียนขึ้นมา

แต่ชั่วขณะนั้น เงาร่างราชาวิญญาณกลับไม่รีบร้อน อ้าปากพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เด็กหนุ่มชุดดำตกใจ

“ทำไม หรือกระทั่งหินอุกกาบาต สหายหยวนเหยี่ยนก็ไม่อยากได้แล้ว”

“อะไรนะ หินอุกกาบาต? เจ้ามีสิ่งนี้อยู่ในมือ? ไม่ถูก เจ้ารู้อะไรมาบ้าง”

เด็กหนุ่มชุดดำพลันร้องเสียงหลง แต่จู่ๆ ก็มีสติ นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าแสดงท่าทางดุร้ายออกมา!

“หึๆ สิ่งที่ข้ารู้ เยอะกว่าที่สหายคาดเดามากมาย อย่างไรการดำรงอยู่ของข้ากับผู้ที่อยู่ในระดับมหาเมธีเผ่าอื่นๆในแดนวิญญาณไม่เหมือนกัน ข้าผ่านวันเวลามามากกว่าพวกเขาหลายเท่า ย่อมรู้อะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน ถ้ามีหินชนิดนี้ ภัยพิบัติอันใหญ่หลวงที่อยู่ตรงหน้าเผ่ามารของพวกเจ้า อย่างน้อยอาจล่าช้าไปอีกหมื่นปี นอกจากความล้ำค่าของมันแล้ว ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากอีก สหาย เจ้าคิดให้ดีๆ ค่อยให้คำตอบข้าก็ยังไม่สาย”

ราชาวิญญาณเผยท่าทีที่ล้ำลึกออกมา พูดอย่างผู้ที่มีแผนการในใจ

สีหน้าของเด็กหนุ่มชุดดำเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขณะลอยไม่ขยับอยู่เหนือสระน้ำ

หานลี่ บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ พอได้ยินบทสนทนานี้ ย่อมเกิดความสงสัยในใจไม่หยุดเช่นเดียวกัน แต่ละคนจึงอดไม่ได้ที่จะเดานัยที่แท้จริงของคำพูดเมื่อครู่

“ดี ดีมาก ข้าเดาได้ตั้งแต่เมื่อก่อนนานมาแล้วว่าเจ้ามีความเป็นมาที่ไม่เหมือนใคร มิได้ถือกำเนิดขึ้นในแดนวิญญาณธรรมดาแน่ ตอนนี้กระทั่งความลับในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังกระจ่างถึงเพียงนี้ เห็นทีข้ามิได้เดาผิดแต่แรก เพียงแต่ เสียดายมากเลย…”

เด็กหนุ่มชุดดำพลันหันมามอง พลางส่ายศีรษะเบาๆ

“เสียดายอะไร หรือเจ้าไม่รู้ว่าหินอุกกาบาตสำคัญกับแดนมารของพวกเจ้า” ชายชราขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

“เสียดาย ที่วันนี้คนที่เจ้าเจอคือข้า ยิ่งไม่ควรบอกเรื่องนี้กับข้า!”

เด็กหนุ่มชุดดำยกมุมปากขึ้นอย่างมีเลศนัย และในเวลาถัดมา พลันใช้กระบี่ยักษ์สีดำในมือฟันไปที่ไป๋ชี ขณะที่มือยักษ์อีกข้าง ยื่นเข้าไปจับชายชราชุดขาว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+