A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2129 แผนลับ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2129 แผนลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้ากับข้านัดกันไว้ตั้งนานแล้ว ขอแค่เจ้าช่วยข้าครั้งหนึ่งก็จะไม่ติดต่อกันอีก ยามนี้พลันเอ่ยถึงเรื่องนี้ หรือว่าอยากบีบข้า?” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าเอ่ยถามด้วยความเคร่งขรึม

“บีบบังคับไม่ได้ไม่น่าฟังขนาดนั้น ข้าจะใช้วิธีนี้กับพี่หญิงหลันได้อย่างไร ที่ข้ามาในครั้งนี้ความจริงแล้วคือเตือนเจ้า เป่าฮวากลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว และยังลงมือสู้กับเทียนชี่และเฮ่อเหยียนอีก” ลิ่วจี๋เอ่ยอย่างราบเรียบ

“เป่าฮวากลับมาแล้ว เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ! สู้กับเทียนชี่ เฮ่อเหยียน รหือว่านางฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แล้ว?” เห็นได้ชัดว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูที่กลายร่างเป็นฮูหยินหวาดกลัวเป่าฮวาเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินก็หน้าซีดเผือด

“ฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้หรือไม่ ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่การที่นางกลับมาแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ไม่เพียงจะต่อสู้กับมารที่ตนที่พบในทะเลสาบกำเนิดมารอย่างเทียนชี่และเฮ่อเหยียน จนทำให้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนัก จากนั้นก็หายตัวไป แต่จากนั้นข้าส่งคนไปซักถามเทียนชี่และเฮ่อเหยียน ดูเหมือนว่าเป่าฮวาจะอาศัยต้นสวรรค์ทมิฬ ฝึกฝนแดนสวรรค์ทมิฬในตำนานได้แล้ว” หญิงสาววัยดรุณีครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ

“แดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ! นั่นไม่ใช่เซียนแดนเบื้องบนถึงจะมีอิทธิฤทธิ์นี้หรือ เหตุใดเป่าฮวาถึงฝึกฝนได้!” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“เรื่องนี้…ตอนแรกยามที่ข้ารู้จักกับเป่าฮวา ก็ได้ยินนางพูดอยู่บ้าง จากที่นางพูดนางเคยได้คัมภีร์ลับเกี่ยวกับแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬมาม้วนหนึ่ง เดาว่าคงเป็นสิ่งที่แดนเบื้องบนบังเอิญทิ้งไว้ในอดีต ตอนนั้นนางกล่าวว่าสนใจคาถานี้ หากอาศัยพลังของต้นสวรรค์ทมิฬ ก็อาจจะมีประโยชน์ แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าคำว่ามีประโยชน์ของนาง คาดไม่ถึงว่าจะหลอมแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ แม้ว่าจากการอธิบายของเทียนชี่และพวกทั้งสอง นั่นจะเป็นแค่ระดับต่ำที่สุดเท่านั้น แต่เป็นแดนวิญญาณที่สมบูรณ์แบบไม่ผิดแน่” ลิ่วจี๋ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น

“ไม่ถูก หากนางฟื้นฟูพลังปราณได้แล้ว และฝึกฝนแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ จะซ่อนตัวอยู่ทำไม จากนิสัยของนางและอิทธิฤทธิ์ในยามนี้น่าจะเพียงพอให้มาสังหารข้าถึงถ้ำพำนักได้อย่างเปิดเผย แล้วชิงตำแหน่งบรรพชนแรกเริ่มกลับไปแล้ว นางน่าจะฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แค่ส่วนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้กับเทียนชี่ มิเช่นนั้นคงไม่ทำเช่นนี้!” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูดูเหมือนว่าจะเข้าใจเป่าฮวาเป็นอย่างดี หลังจากที่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ก็เอ่ยอย่างมั่นใจ

“หึๆ พี่หญิงเองก็คิดเช่นนั้น กลับเป็นน้องหญิงที่คิดไม่รอบคอบ ดังนั้นพวกเราจึงน่าจะถือโอกาสหนีรีบตามหาตัวนาง แล้วสังหารทิ้งซะ มิเช่นนั้นหากเป่าฮวาฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แล้ว พี่หญิงเองก็ไม่อาจหลบให้พ้นทางได้ ส่วนเรื่องดีที่ข้าพูดถึงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ขอแค่สังหารเป่าฮวาได้ สมบัติกว่าครึ่งในร่างของนางที่เป็นของน้องหญิง ข้าขอแค่ต้นสวรรค์ทมิฬและคาถาลับที่ใช้ฝึกฝนแดนสวรรค์ทมิฬ จากที่ข้ารู้เป่าฮวามีสมบัติที่ช่วยเหลือการฟาดเคราะห์สวรรค์ได้อยู่ไม่น้อย หากพี่หญิงได้ไป คงฟาดเคราะห์สวรรค์หลังจากนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา” ในที่สุดลิ่วจี๋ก็เอ่ยเป้าหมายออกมาอย่างแช่มช้า

“หึ เจ้าใจดีขนาดนี้! ในเมื่อเป่าฮวายังไม่ฟื้นฟูพลังยุทธ์ เหตุใดต้องลากข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้ร่างแยกของเจ้าลงมือพร้อมกัน ไม่ล้อมเป่าฮวาได้อย่างง่ายดายหรือ?” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ดูเหมือนจะไม่เคลื่อนไหว

“หากข้าทำเรื่องนี้ได้ จะมาหาพี่หญิงหรือ เจ้าก็น่าจะรู้ร่างเดิมของสามบรรพชนแรกเริ่มอย่างพวกเราควรจะยุ่งอยู่กับเคราะห์มาร ไม่อาจปลีกตัวได้ แม้ว่าข้าจะมีร่างแยกหกร่าง แต่หนึ่งในนั้นถูกเป่าฮวาสังหารไปได้ไม่นาน ร่างแยกใหม่กำลังกักตัวฝึกฝน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาร้อยกว่าปีถึงจะนำมาใช้ได้ อีกสองร่างก็ทำการรบอยู่ที่แดนมนุษย์ไม่อาจมาทันได้ ที่เหลืออีกสามร่าง หนึ่งร่างเป็นเครื่องมือสุดท้ายของข้า ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่นำมาปรากฏตัว และข้ายังต้องใช้ร่างหนึ่งคอยรักษาการณ์ที่ถ้ำพำนัก ร่างสุดท้ายก็มาขอความช่วยเหลือจากพี่หญิง และยิ่งไปกว่านั้นจากข่าวที่ข้าได้ยินมา ร่องร่อยสุดท้ายของเป่าฮวาดูเหมือนจะอยู่แถวๆ ทะเลสาบน้ำตกสีคราม และในละแวกนี้จะมีผู้ใดที่มีพลังเทียบกับพี่หญิงได้ ขอแค่เจ้ายอมลงมือ คิดดูแล้วคงหาเป่าฮวาได้ในอีกไม่ช้าก็เร็ว” เป่าฮวาอธิบาย

“ในเมื่อเจ้ามาเพราะเคราะห์ ไม่อาจปลีกตัวได้ ดูจากจุดนี้ ข้าก็ไม่ลงมือแล้วมองอยู่ด้านข้างได้ ขอแค่เป่าฮวาซ่อนตัวอยู่ละแวกนี้ ข้าย่อมมีวิธีตามหานาง ทว่านอกจากเงื่อนไขที่พูดไป เคล็ดวิชาลับที่ใช้หลอมแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ ข้าต้องได้สำเนาชุดหนึ่ง” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าขบคิดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ไม่อาจปฏิเสธความเย้ายวนจากผลประโยชน์ต่างๆ ที่ไม่มีผลเสียที่ลิ่วจี๋กล่าวมาได้ จึงกัดฟันเอ่ย

“ได้ ไม่มีปัญหา ตามที่พี่หญิงกล่าว” ลิ่วจี๋ได้ยินพลันดีใจ แล้วตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“ในเมื่อตกลงได้แล้ว หลังจากที่ข้ากลับไปเรียกร่างแยกต่างๆ มา ก็จะออกคำสั่งขุมอำนาจต่างๆ ทันที เอาล่ะ เรื่องนี้แปลกเล็กน้อย คงไม่เกี่ยวข้องกับเป่าฮวาสินะ” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูพยักหน้า ฉับพลันนั้นก็กวาดตาไปยังสิ่งที่รกระเกะระกะด้านล่างดูเหมือนจะถามส่งๆ ไปอย่างนั้น

“น่าจะไม่ใช่ แม้ว่าเจ้ากับข้าจะรีบมา แต่การต่อสู้มันจบไปแล้ว แต่จากกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่และเหมืองแร่ด้านล่าง ดูเหมือนว่าอสูรมารใต้ดินจะบุกขึ้นมาสู้กับมนุษย์ ทว่าที่น่าแปลกคือระลอกคลื่นที่สัมผัสได้ก่อนหน้า พลังยุทธ์ของทั้งสองน่าจะอยู่ในระดับผสานอินทรีย์เท่านั้น ความแตกต่างไม่น่าจะมาก แต่เหตุใดอสูรตัวนี้ถึงถูกสังหารเร็วเช่นนี้ พี่หญิงมาถึงก่อน พบอันใดหรือไม่?” หญิงสาววัยดรุณีแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ!

เสียง “สวบ” ดังขึ้น!

ใต้ดินมีแผ่นผลึกอสูรดูดลำแสงพุ่งออกมา ถูกดูดเข้ามาในมือของหญิงสาว และยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสยังกวาดไปที่มันอย่างไม่รีบร้อน

“ยามที่ข้ามาคนผู้นั้นก็จากไปแล้ว อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายที่แข็งแกร่งผ่านทางมา จึงจัดการอสูรตัวนี้ซะ! ช่วงนี้เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต มีจอมมารที่แข็งแกร่งมาที่เมืองน้ำตกสีครามก็ไม่แปลก” ฮูหยินครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตอบกลับเช่นกัน

“อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง พูดถึงเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต แม้ว่าพี่หญิงจะจัดหาสิ่งนี้ให้กับเผ่ามารธรรมดาๆ อย่างจำกัด แต่ลับๆ แล้วกลับออกคำสั่งให้ลูกน้องแอบนำมาขายให้ขุมอำนาจอื่นจำนวนมาก เพื่อแลกกับทรัพยากรอื่นในจำนวนที่น่าตกตะลึง การกระทำเช่นนี้ช่างชาญฉลาดนัก” หญิงสาววัยดรุณีหัวเราะคิกคักขณะเอ่ย

“ข้าเองก็ทำอันใดไม่ได้ ประการแรก จำนวนในการผลิตเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตนั้นมีจำกัด ไม่อาจเติมเต็มความต้องการของทุกคนได้ อีกประการหนึ่งคือข้าเองก็ไม่อยากล่วงเกินขุมอำนาจต่างๆ มีเพียงต้องใช้วิธีนี้ประคับประคองให้ทะเลสาบน้ำตกสีครามมั่นคง” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าได้ยินก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิด

“พี่หญิงทำเช่นนี้ ช่างเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดจริงๆ มิเช่นนั้นหากปล่อยเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตออกไป แม้ว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ จะไม่พูด แต่ความไม่พอใจที่มีต่อพี่หญิงย่อมเพิ่มพูนแน่ ยามนี้ในเมื่อมีวิธีขายรับๆ ย่อมไม่เกิดความแค้นอันใดนัก ใช่แล้ว ข้ามีลูกศิษย์สองคนต้องการเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตเพิ่มความแข็งแกร่งของกายเนื้อพอดี พี่หญิงมิสู้ขายให้ข้าสักหน่อยเป็นอย่างไร?” หญิงสาววัยดรุณีกลอกตาไปมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากแล้ว ข้าก็จะให้เจ้า” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าโบกมือ แล้วเอ่ยอย่างใจกว้าง

“เช่นนั้นน้องหญิงก็ขอบคุณพี่หญิงแล้ว ยามนี้พวกเราก็แยกกันเถิด ครั้งนี้ข้าพาลูกน้องมาด้วย พวกเขาจะรอคำสั่งจากข้าอยู่แถวๆ นี้” ลิ่วจี๋ได้ยินพลันยินดีแล้วรีบเอ่ยขึ้น

“ได้ เช่นนั้นข้าขอกลับเมืองน้ำตกสีครามก่อน” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าไม่มีเจตนาโต้แย้ง จึงเอ่ยอย่างราบเรียบ

จากนั้นผิวของนางพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งแหวกอากาศไป

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ที่เดิมจึงเหลือเพียงหญิงสาววัยดรุณีเพียงลำพัง

ร่างแยกลิ่วจี๋ผู้นี้มองลำแสงสีฟ้าในที่สุดก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปจากขอบฟ้า รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลง เปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึก สายตากวาดมองผลึกในมืออย่างเย็นชา ขมวดคิ้วเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนว่ามองอันใดออก แต่ก็มีเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจได้

แต่หลังจากผ่านไปสองสามชั่วลมหายใจ ร่างแยกลิ่วจี๋ก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สองมือถูกันไปมา แล้วทำให้ผลึกในมือกลายเป็นผุยผง ปากก็เอ่ยพึมพำกับตัวเอง

“ลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ถือกำเนิดแล้ว หากไม่ใช่ว่าข้ามีเรื่องสำคัญกว่า ข้าคงไม่ปล่อยให้ผู้ที่ชิงลำแสงนี้ไปหนีไปง่ายๆ เช่นนี้แน่ ยามนี้หรือมีเรื่องน้อยลงเรื่องหนึ่งก็ยังดีกว่ามีเพิ่มขึ้นมาเรื่องหนึ่ง”

สิ้นเสียงหญิงสาวผู้นี้ก็ย่ำเท้า ชั่วขณะนั้นใต้ร่างพลันมีรัศมีสีทองม้วนวนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลับไปอยู่บนสำเภาสีทอง

หลังจากผ่านไปชั่วครู่อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากผิวสมบัติ หลังจากสั่นเทาเล็กน้อย สำเภาสีทองก็กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งไปอีกด้าน

ในเวลาเดียวกันหานลี่ในยามนี้กลับมาที่เมืองน้ำตกสีครามแล้ว มือข้างหนึ่งควงแผ่นหินสีเขียวในมือเล่นไม่หยุด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

เพื่อความปลอดภัย เขากลับไม่ได้ย้อนกลับทางเดิม แต่จงใจอ้อมไปรอบหนึ่ง แล้วใช้อีกทิศทางหนึ่งกลับเมือง

หลังจากที่หานลี่ควงเล่นชั่วครู่ก็สะบัดข้อมือเล็กน้อย ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบในมือ แผ่นหินสีเขียวสลายหายไป

ในมือกลับมีศิลาแร่สีดำสลับขาวปรากฏขึ้นแทน นั่นก็คือทองคำมาร

เมื่อเห็นสิ่งนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็อดที่จะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนไม่ได้

ทองคำมารคือสิ่งที่หุ่นเชิดวานรสีเขียวขุดได้จากเหมืองย่อย ไม่เพียงจำนวนจะไม่ด้อยไปกว่าที่ได้มาจากอู๋โยว และยิ่งไปกว่านั้นไข่มุกผลึกที่ปะปนอยู่ในทองคำมารคาดไม่ถึงว่าจะมีอยู่เกือบครึ่ง

นี่จึงทำให้หานลี่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทองคำมารทั้งหมดอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้วจะตื่นเต้นดีใจแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

ทองคำมารวิเศษจำนวนมากขนาดนี้ ขอแค่หลอมไอหยินหยางธรณีชั่วร้ายในนั้นได้ ก็เพียงพอจะทำให้พลังยุทธ์ของเขาทะลวงไปอยู่ระดับยอดสุดของระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายแล้ว ลดเวลาการฝึกฝนอย่างหนักไปนับพันปี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2129 แผนลับ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2129 แผนลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้ากับข้านัดกันไว้ตั้งนานแล้ว ขอแค่เจ้าช่วยข้าครั้งหนึ่งก็จะไม่ติดต่อกันอีก ยามนี้พลันเอ่ยถึงเรื่องนี้ หรือว่าอยากบีบข้า?” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าเอ่ยถามด้วยความเคร่งขรึม

“บีบบังคับไม่ได้ไม่น่าฟังขนาดนั้น ข้าจะใช้วิธีนี้กับพี่หญิงหลันได้อย่างไร ที่ข้ามาในครั้งนี้ความจริงแล้วคือเตือนเจ้า เป่าฮวากลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว และยังลงมือสู้กับเทียนชี่และเฮ่อเหยียนอีก” ลิ่วจี๋เอ่ยอย่างราบเรียบ

“เป่าฮวากลับมาแล้ว เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ! สู้กับเทียนชี่ เฮ่อเหยียน รหือว่านางฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แล้ว?” เห็นได้ชัดว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูที่กลายร่างเป็นฮูหยินหวาดกลัวเป่าฮวาเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินก็หน้าซีดเผือด

“ฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้หรือไม่ ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่การที่นางกลับมาแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ไม่เพียงจะต่อสู้กับมารที่ตนที่พบในทะเลสาบกำเนิดมารอย่างเทียนชี่และเฮ่อเหยียน จนทำให้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บหนัก จากนั้นก็หายตัวไป แต่จากนั้นข้าส่งคนไปซักถามเทียนชี่และเฮ่อเหยียน ดูเหมือนว่าเป่าฮวาจะอาศัยต้นสวรรค์ทมิฬ ฝึกฝนแดนสวรรค์ทมิฬในตำนานได้แล้ว” หญิงสาววัยดรุณีครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ

“แดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ! นั่นไม่ใช่เซียนแดนเบื้องบนถึงจะมีอิทธิฤทธิ์นี้หรือ เหตุใดเป่าฮวาถึงฝึกฝนได้!” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“เรื่องนี้…ตอนแรกยามที่ข้ารู้จักกับเป่าฮวา ก็ได้ยินนางพูดอยู่บ้าง จากที่นางพูดนางเคยได้คัมภีร์ลับเกี่ยวกับแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬมาม้วนหนึ่ง เดาว่าคงเป็นสิ่งที่แดนเบื้องบนบังเอิญทิ้งไว้ในอดีต ตอนนั้นนางกล่าวว่าสนใจคาถานี้ หากอาศัยพลังของต้นสวรรค์ทมิฬ ก็อาจจะมีประโยชน์ แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าคำว่ามีประโยชน์ของนาง คาดไม่ถึงว่าจะหลอมแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ แม้ว่าจากการอธิบายของเทียนชี่และพวกทั้งสอง นั่นจะเป็นแค่ระดับต่ำที่สุดเท่านั้น แต่เป็นแดนวิญญาณที่สมบูรณ์แบบไม่ผิดแน่” ลิ่วจี๋ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น

“ไม่ถูก หากนางฟื้นฟูพลังปราณได้แล้ว และฝึกฝนแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ จะซ่อนตัวอยู่ทำไม จากนิสัยของนางและอิทธิฤทธิ์ในยามนี้น่าจะเพียงพอให้มาสังหารข้าถึงถ้ำพำนักได้อย่างเปิดเผย แล้วชิงตำแหน่งบรรพชนแรกเริ่มกลับไปแล้ว นางน่าจะฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แค่ส่วนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้กับเทียนชี่ มิเช่นนั้นคงไม่ทำเช่นนี้!” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูดูเหมือนว่าจะเข้าใจเป่าฮวาเป็นอย่างดี หลังจากที่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ก็เอ่ยอย่างมั่นใจ

“หึๆ พี่หญิงเองก็คิดเช่นนั้น กลับเป็นน้องหญิงที่คิดไม่รอบคอบ ดังนั้นพวกเราจึงน่าจะถือโอกาสหนีรีบตามหาตัวนาง แล้วสังหารทิ้งซะ มิเช่นนั้นหากเป่าฮวาฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แล้ว พี่หญิงเองก็ไม่อาจหลบให้พ้นทางได้ ส่วนเรื่องดีที่ข้าพูดถึงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ขอแค่สังหารเป่าฮวาได้ สมบัติกว่าครึ่งในร่างของนางที่เป็นของน้องหญิง ข้าขอแค่ต้นสวรรค์ทมิฬและคาถาลับที่ใช้ฝึกฝนแดนสวรรค์ทมิฬ จากที่ข้ารู้เป่าฮวามีสมบัติที่ช่วยเหลือการฟาดเคราะห์สวรรค์ได้อยู่ไม่น้อย หากพี่หญิงได้ไป คงฟาดเคราะห์สวรรค์หลังจากนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา” ในที่สุดลิ่วจี๋ก็เอ่ยเป้าหมายออกมาอย่างแช่มช้า

“หึ เจ้าใจดีขนาดนี้! ในเมื่อเป่าฮวายังไม่ฟื้นฟูพลังยุทธ์ เหตุใดต้องลากข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้ร่างแยกของเจ้าลงมือพร้อมกัน ไม่ล้อมเป่าฮวาได้อย่างง่ายดายหรือ?” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ดูเหมือนจะไม่เคลื่อนไหว

“หากข้าทำเรื่องนี้ได้ จะมาหาพี่หญิงหรือ เจ้าก็น่าจะรู้ร่างเดิมของสามบรรพชนแรกเริ่มอย่างพวกเราควรจะยุ่งอยู่กับเคราะห์มาร ไม่อาจปลีกตัวได้ แม้ว่าข้าจะมีร่างแยกหกร่าง แต่หนึ่งในนั้นถูกเป่าฮวาสังหารไปได้ไม่นาน ร่างแยกใหม่กำลังกักตัวฝึกฝน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาร้อยกว่าปีถึงจะนำมาใช้ได้ อีกสองร่างก็ทำการรบอยู่ที่แดนมนุษย์ไม่อาจมาทันได้ ที่เหลืออีกสามร่าง หนึ่งร่างเป็นเครื่องมือสุดท้ายของข้า ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่นำมาปรากฏตัว และข้ายังต้องใช้ร่างหนึ่งคอยรักษาการณ์ที่ถ้ำพำนัก ร่างสุดท้ายก็มาขอความช่วยเหลือจากพี่หญิง และยิ่งไปกว่านั้นจากข่าวที่ข้าได้ยินมา ร่องร่อยสุดท้ายของเป่าฮวาดูเหมือนจะอยู่แถวๆ ทะเลสาบน้ำตกสีคราม และในละแวกนี้จะมีผู้ใดที่มีพลังเทียบกับพี่หญิงได้ ขอแค่เจ้ายอมลงมือ คิดดูแล้วคงหาเป่าฮวาได้ในอีกไม่ช้าก็เร็ว” เป่าฮวาอธิบาย

“ในเมื่อเจ้ามาเพราะเคราะห์ ไม่อาจปลีกตัวได้ ดูจากจุดนี้ ข้าก็ไม่ลงมือแล้วมองอยู่ด้านข้างได้ ขอแค่เป่าฮวาซ่อนตัวอยู่ละแวกนี้ ข้าย่อมมีวิธีตามหานาง ทว่านอกจากเงื่อนไขที่พูดไป เคล็ดวิชาลับที่ใช้หลอมแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ ข้าต้องได้สำเนาชุดหนึ่ง” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าขบคิดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ไม่อาจปฏิเสธความเย้ายวนจากผลประโยชน์ต่างๆ ที่ไม่มีผลเสียที่ลิ่วจี๋กล่าวมาได้ จึงกัดฟันเอ่ย

“ได้ ไม่มีปัญหา ตามที่พี่หญิงกล่าว” ลิ่วจี๋ได้ยินพลันดีใจ แล้วตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“ในเมื่อตกลงได้แล้ว หลังจากที่ข้ากลับไปเรียกร่างแยกต่างๆ มา ก็จะออกคำสั่งขุมอำนาจต่างๆ ทันที เอาล่ะ เรื่องนี้แปลกเล็กน้อย คงไม่เกี่ยวข้องกับเป่าฮวาสินะ” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูพยักหน้า ฉับพลันนั้นก็กวาดตาไปยังสิ่งที่รกระเกะระกะด้านล่างดูเหมือนจะถามส่งๆ ไปอย่างนั้น

“น่าจะไม่ใช่ แม้ว่าเจ้ากับข้าจะรีบมา แต่การต่อสู้มันจบไปแล้ว แต่จากกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่และเหมืองแร่ด้านล่าง ดูเหมือนว่าอสูรมารใต้ดินจะบุกขึ้นมาสู้กับมนุษย์ ทว่าที่น่าแปลกคือระลอกคลื่นที่สัมผัสได้ก่อนหน้า พลังยุทธ์ของทั้งสองน่าจะอยู่ในระดับผสานอินทรีย์เท่านั้น ความแตกต่างไม่น่าจะมาก แต่เหตุใดอสูรตัวนี้ถึงถูกสังหารเร็วเช่นนี้ พี่หญิงมาถึงก่อน พบอันใดหรือไม่?” หญิงสาววัยดรุณีแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ!

เสียง “สวบ” ดังขึ้น!

ใต้ดินมีแผ่นผลึกอสูรดูดลำแสงพุ่งออกมา ถูกดูดเข้ามาในมือของหญิงสาว และยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสยังกวาดไปที่มันอย่างไม่รีบร้อน

“ยามที่ข้ามาคนผู้นั้นก็จากไปแล้ว อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายที่แข็งแกร่งผ่านทางมา จึงจัดการอสูรตัวนี้ซะ! ช่วงนี้เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต มีจอมมารที่แข็งแกร่งมาที่เมืองน้ำตกสีครามก็ไม่แปลก” ฮูหยินครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตอบกลับเช่นกัน

“อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง พูดถึงเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต แม้ว่าพี่หญิงจะจัดหาสิ่งนี้ให้กับเผ่ามารธรรมดาๆ อย่างจำกัด แต่ลับๆ แล้วกลับออกคำสั่งให้ลูกน้องแอบนำมาขายให้ขุมอำนาจอื่นจำนวนมาก เพื่อแลกกับทรัพยากรอื่นในจำนวนที่น่าตกตะลึง การกระทำเช่นนี้ช่างชาญฉลาดนัก” หญิงสาววัยดรุณีหัวเราะคิกคักขณะเอ่ย

“ข้าเองก็ทำอันใดไม่ได้ ประการแรก จำนวนในการผลิตเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตนั้นมีจำกัด ไม่อาจเติมเต็มความต้องการของทุกคนได้ อีกประการหนึ่งคือข้าเองก็ไม่อยากล่วงเกินขุมอำนาจต่างๆ มีเพียงต้องใช้วิธีนี้ประคับประคองให้ทะเลสาบน้ำตกสีครามมั่นคง” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าได้ยินก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิด

“พี่หญิงทำเช่นนี้ ช่างเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดจริงๆ มิเช่นนั้นหากปล่อยเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตออกไป แม้ว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ จะไม่พูด แต่ความไม่พอใจที่มีต่อพี่หญิงย่อมเพิ่มพูนแน่ ยามนี้ในเมื่อมีวิธีขายรับๆ ย่อมไม่เกิดความแค้นอันใดนัก ใช่แล้ว ข้ามีลูกศิษย์สองคนต้องการเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตเพิ่มความแข็งแกร่งของกายเนื้อพอดี พี่หญิงมิสู้ขายให้ข้าสักหน่อยเป็นอย่างไร?” หญิงสาววัยดรุณีกลอกตาไปมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากแล้ว ข้าก็จะให้เจ้า” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าโบกมือ แล้วเอ่ยอย่างใจกว้าง

“เช่นนั้นน้องหญิงก็ขอบคุณพี่หญิงแล้ว ยามนี้พวกเราก็แยกกันเถิด ครั้งนี้ข้าพาลูกน้องมาด้วย พวกเขาจะรอคำสั่งจากข้าอยู่แถวๆ นี้” ลิ่วจี๋ได้ยินพลันยินดีแล้วรีบเอ่ยขึ้น

“ได้ เช่นนั้นข้าขอกลับเมืองน้ำตกสีครามก่อน” ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าไม่มีเจตนาโต้แย้ง จึงเอ่ยอย่างราบเรียบ

จากนั้นผิวของนางพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งแหวกอากาศไป

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ที่เดิมจึงเหลือเพียงหญิงสาววัยดรุณีเพียงลำพัง

ร่างแยกลิ่วจี๋ผู้นี้มองลำแสงสีฟ้าในที่สุดก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปจากขอบฟ้า รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลง เปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึก สายตากวาดมองผลึกในมืออย่างเย็นชา ขมวดคิ้วเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนว่ามองอันใดออก แต่ก็มีเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจได้

แต่หลังจากผ่านไปสองสามชั่วลมหายใจ ร่างแยกลิ่วจี๋ก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สองมือถูกันไปมา แล้วทำให้ผลึกในมือกลายเป็นผุยผง ปากก็เอ่ยพึมพำกับตัวเอง

“ลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ถือกำเนิดแล้ว หากไม่ใช่ว่าข้ามีเรื่องสำคัญกว่า ข้าคงไม่ปล่อยให้ผู้ที่ชิงลำแสงนี้ไปหนีไปง่ายๆ เช่นนี้แน่ ยามนี้หรือมีเรื่องน้อยลงเรื่องหนึ่งก็ยังดีกว่ามีเพิ่มขึ้นมาเรื่องหนึ่ง”

สิ้นเสียงหญิงสาวผู้นี้ก็ย่ำเท้า ชั่วขณะนั้นใต้ร่างพลันมีรัศมีสีทองม้วนวนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลับไปอยู่บนสำเภาสีทอง

หลังจากผ่านไปชั่วครู่อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากผิวสมบัติ หลังจากสั่นเทาเล็กน้อย สำเภาสีทองก็กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งไปอีกด้าน

ในเวลาเดียวกันหานลี่ในยามนี้กลับมาที่เมืองน้ำตกสีครามแล้ว มือข้างหนึ่งควงแผ่นหินสีเขียวในมือเล่นไม่หยุด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

เพื่อความปลอดภัย เขากลับไม่ได้ย้อนกลับทางเดิม แต่จงใจอ้อมไปรอบหนึ่ง แล้วใช้อีกทิศทางหนึ่งกลับเมือง

หลังจากที่หานลี่ควงเล่นชั่วครู่ก็สะบัดข้อมือเล็กน้อย ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบในมือ แผ่นหินสีเขียวสลายหายไป

ในมือกลับมีศิลาแร่สีดำสลับขาวปรากฏขึ้นแทน นั่นก็คือทองคำมาร

เมื่อเห็นสิ่งนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็อดที่จะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนไม่ได้

ทองคำมารคือสิ่งที่หุ่นเชิดวานรสีเขียวขุดได้จากเหมืองย่อย ไม่เพียงจำนวนจะไม่ด้อยไปกว่าที่ได้มาจากอู๋โยว และยิ่งไปกว่านั้นไข่มุกผลึกที่ปะปนอยู่ในทองคำมารคาดไม่ถึงว่าจะมีอยู่เกือบครึ่ง

นี่จึงทำให้หานลี่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทองคำมารทั้งหมดอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้วจะตื่นเต้นดีใจแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

ทองคำมารวิเศษจำนวนมากขนาดนี้ ขอแค่หลอมไอหยินหยางธรณีชั่วร้ายในนั้นได้ ก็เพียงพอจะทำให้พลังยุทธ์ของเขาทะลวงไปอยู่ระดับยอดสุดของระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายแล้ว ลดเวลาการฝึกฝนอย่างหนักไปนับพันปี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+