A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2225 ตะปูจักรพรรดิธรณ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2225 ตะปูจักรพรรดิธรณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ในเมื่อข้ามอบจานนี้ให้แล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลจะเอากลับมา!” เป่าฮวาได้ยินก็ฉีกยิ้มเบิกบาน

“มีสิ่งนี้คอยคุ้มกัน ประกอบกับสมบัติสวรรค์ทมิฬที่สหายเป่าฮวายืมมา ดูแล้วคงเพียงพอที่จะต่อกรกับมารดาแมลงตัวนั้น เช่นนั้นตาเฒ่าจะไปสักครั้ง” ชายชราหน้าตาโบราณแววตาเปล่งประกายพลางตอบรับ

ส่วนฮูหยินชุดดำครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้า

“พี่หาน ความดีของเจ้าล่ะ!” เป่าฮวาพลันดีใจ แต่ยังคงไม่ลืมให้ความสำคัญกับหานลี่มากที่สุด พลางหันหน้ามาเอ่ยถาม

“สหายทุกท่านไป ข้าน้อยจะถอยได้อย่างไร” หานลี่เก็บของที่อยู่ในมือ เอ่ยด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งความประหลาดใจ

จากอิทธิฤทธิ์ของเขาในยามนี้ ประกอบกับมีกระบี่วิญญาณสวรรค์ทมิฬคุ้มครองร่าง ต่อให้เผชิญหน้ากับเทพเซียนจริงๆ ก็รักษาชีวิตได้อย่างแน่นอน ไม่มีทางหวาดกลัวมารดาแมลงที่สูญเสียปราณแท้ไปจำนวนมากตัวนี้แน่

“เยี่ยม เช่นนั้นข้าก็จะให้วิญญาณผนึกส่งพวกเราไป สหายทั้งสองของแดนราตรีทมิฬก็น่าจะอยู่แถวนั้น เช่นนี้หลังจากที่พวกเรารวมตัวกันแล้ว ก็มั่นใจเพิ่มขึ้นได้อีกหนึ่งส่วนแล้ว” เป่าฮวาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ

จากนั้นหญิงสาวผู้นี้ก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมไปทางหมอกสีเทาอย่างไม่ลังเลอีก

พริบตานั้นม่านหมอกก็หมุนวนแยกออกทั้งซ้ายและขวา คาดไม่ถึงว่าจะมีทางเดินสายหนึ่งปรากฏขึ้น

เป่าฮวาพลิ้วกาย ลอยเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

คนอื่นๆ ก็รีบตามเข้าไป

ไม่นานทุกคนก็ออกมาจากทางเดิน เบื้องหน้ามีแสงเจิดจ้า พื้นดินว่างเปล่าปรากฏขึ้น ตรงหน้ามีเขตอาคมส่งตัวสีเทาขาวเพิ่มขึ้นมาเขตหนึ่ง

เสียงหึ่งๆ ดังก้องไปมารอบด้าน ราวกับว่ามีคนกำลังพูดคุยอันใดสักอย่างอยู่

แต่หานลี่และพวกล้วนงุนงงฟังไม่ออก มีเพียงเป่าฮวาที่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วสาวเท้าเข้าไปในเขตอาคมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น ก็มีสีหน้าหลากหลาย แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ทยอยกันเดินไป

เมื่อสองเท้าของฮูหยินชุดดำคนสุดท้ายเหยียบเข้าไปในเขตอาคม เสียง “พรึ่บ” ก็ดังขึ้น เขตอาคมทั้งเขตถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติ

หลังจากที่รัศมีลำแสงหมุนวนรอบด้าน ร่างของทุกคนก็หายวับไปกลางอากาศ

ในเวลาเดียวกันบนแท่นบวงสรวงสีโลหิตในป่าหินลึกลับ บาตรสีดำสนิทที่เดิมนิ่งสนิทก็สั่นเทา เสียงบุรุษทุ้มต่ำดังพึมพำขึ้น

“คนเหล่านี้คิดจะต่อกรกับมารดาแมลงตัวนั้นดังคาด หึๆ ช่างไม่รู้จักความเป็นตายเสียจริงๆ! จากพลังของพวกเขาก็เป็นแค่การรนหาที่ตายเท่านั้น ทว่ายามนี้เจ้าเด็กนั้นยังตายไม่ได้ ดูท่าทางแล้วต้องหาวิธีช่วยชีวิตเขา อ่า ครานี้ไม่ใช้สิ่งนี้ไม่ได้แล้ว…”

เสียงบุรุษดังยาวๆ ออกมาอย่างไม่เต็มใจ ราวกับว่าจะถูกบีบให้ละทิ้งของที่ทะนุถนอมที่สุดไปก็ไม่ปาน

กลางอากาศมีเสียงทองคำกระทบกัน!

บนแท่นมีลำแสงสว่างวาบ เผยโซ่เล็กๆ สีเงินอ่อนออกมาแปดเส้น

ทุกเส้นด้านหนึ่งล้วนรัดบาตรเอาไว้ อีกด้านหนึ่งอยู่ตรงยอดเสาสำริดแปดต้น จมหายเข้าไปในตะเกียงโบราณเหล่านั้น

เสียงบริกรรมคาถาที่ยากจะเข้าใจดังออกมาจากบาตร โซ่เส้นเล็กที่ติดอยู่กับตะเกียงโบราณเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะสั่นเทาเบาๆ

ตะเกียงโบราณมีอักขระยันต์สีทองอ่อนขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และส่งผ่านโซ่เส้นเล็กสีเงินตรงไปยังแท่นบวงสรวง และทยอยกันจมหายเข้าไปในบาตรสีดำแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ผิวของบาตรสีดำมีหมอกสีดำอ่อนพันรัดอยู่ แล้วค่อยๆ หนาขึ้น เริ่มแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งที่น่ากลัวยิ่งออกมา และขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุดด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

“นี่คือจุดพักพิงของมารดาแมลง!” หานลี่กวาดตามองรอบด้าน ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

ไม่ใช่แค่เขาเป่าฮวาและระดับมหายานคนอื่นๆ พิจารณาทัศนียภาพรอบด้าน ใบหน้าก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

พวกเขาอยู่เหนือมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ กวาดตามองรอบด้านเป็นผิวทะเลสีฟ้าที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา และมีลมทะเลพัดเข้ามาเป็นระยะๆ

“นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาลวงตา! นี่มันเรื่องอันใด ในวังธรณีมีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ?” ชายชราหน้าตาโบราณขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามเป่าฮวา

“แน่นอนว่าไม่มี วังธรณีกว้างใหญ่แค่นี้ จะสร้างผืนน้ำกว้างใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร!” เป่าฮวาสั่นศีรษะแล้วปฏิเสธ

“เช่นนั้นที่นี่คือที่ไหน หรือว่าถูกส่งมาในจุดผนึก?” ชายร่างใหญ่หน้าแดงมองซ้ายทีขวาทีอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยถามอย่างลังเลเล็กน้อย

“น่าจะไม่ใช่ มิเช่นนั้นจิตสัมผัสของพวกเราคงไม่ถูกผนึกกดเอาไว้ และยังคงไม่อาจแผ่ออกไปไกลได้” ฮูหยินชุดดำกลับชิงเอ่ยขึ้น

เห็นได้ชัดว่านางลองใช้จิตสัมผัสนานแล้ว

“ทุกท่านเงยหน้ามองด้านบนหน่อย!” หานลี่กลับเอ่ยอย่างสงบเงียบ

“ด้านบน? เมื่อครู่ตาเฒ่าดูแล้ว ไม่มีอันใดผิดปกติ!” ชายชราหน้าตาโบราณได้ยินพลันตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเทาแล้วเอ่ย

ฮูหยินชุดดำและชายร่างใหญ่หน้าแดงก็เงยหน้าขึ้นเช่นกัน แล้วเผยสีหน้าไม่เข้าใจออกมา

เป่าฮวามองท้องฟ้าสีเทา กลับร้องเอ๋ออกมาเบาๆ เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

และในยามนี้หานลี่ยกแขนขึ้น วาดนิ้วไปกลางอากาศ เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงสีเขียวความยาวสองสามร้อยจั้งเปล่งแสงสว่างวาบ และสับลงมาจากกลางอากาศ

กลางอากาศมีรัศมีลำแสงสีเทาทะลักออกมา ในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้น

กระบี่ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา ท่าทางมโหฬาร คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนท้องฟ้าถูกผ่าออกก็ไม่ปาน

แต่ลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ท้องฟ้าไม่ได้แยกเป็นสองส่วนจริงๆ กลับมีเสียงอึกทึกราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น เขตอาคมสีดำสนิทที่แทบจะปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดไว้ปรากฎขึ้นลางๆ

เขตอาคมลำแสงนี้เป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก มันสร้างขึ้นจากอักขระยันต์สีดำสนิทขนาดน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน แต่มองไปปราดเดียวตรงใจกลางของเขตอาคม แมลงยักษ์สีขาวขนาดเท่าภูเขากำลังหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้น

ตัวแมลงเป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยก ไม่เห็นจุดด่างพร้อยเลยสักนิด หัวฝังอยู่ที่ร่างของตนเอง ไม่อาจเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ แต่ร่างอันอ้วนท้วมของมันมองไกลๆ กลับดูเหมือนรังไหมยักษ์ก็ไม่ปาน

ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือ แมลงยักษ์ดูเหมือนกำลังหลับฝันว่าง ร่างกายที่หมอบอยู่คาดไม่ถึงว่าจะมีอักขระยันต์สีทองปรากฏขึ้นลางๆ และหมุนโคจรไปมา

“มารดาแมลง!” ฮูหยินชุดดำพลันตกตะลึง แล้วร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

ชายร่างใหญ่หน้าแดงและชายชราหน้าตาโบราณเห็นฉากที่น่าตกตะลึง ย่อมหน้าเปลี่ยนสี รวบรวมกลิ่นอายบนเรือนร่าง ทันใดนั้นก็มีท่าทีเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่

ทว่าเป่าฮวากลับเอ่ยอย่างเยือกเย็น

“ทุกท่านไม่ต้องเครียด กว่าแมลงตัวนี้จะตื่นต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ขอแค่พวกเราไม่ประมาทเลินเล่อ ก็ไม่ปลุกมันหรอก ดูแล้วที่นี่น่าจะเป็นรอยแยกห้วงเวลาที่เปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เกรงว่าสหายทั้งสองจากแดนราตรีทมิฬคงไม่อาจมารวมตัวกับพวกเราได้”

“ห้วงมิติเวลาที่เปิดออกโดยอัตโนมัติ จากอิทธิฤทธิ์ของมารดาแมลงย่อมทำเรื่องนี้ได้ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเพราะเหตุใดที่นี่ยังคงถูกพลังผนึกควบคุมอยู่” ชายชราหน้าตาโบราณพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา แล้วตอบกลับด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง

“แต่ขาดสหายทั้งสองจากแดนราตรีทมิฬไป พลังของพวกเราก็ลดลงไปนิดหน่อย ต้องหาทางออกแล้วดึงสหายทั้งสองเข้ามาในห้วงเวลานี้ก่อนหรือไม่ คิดดูแล้วเขาสองคนน่าจะรักษาการณ์อยู่ด้านนอกห้วงเวลา” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำกวาดมองซ้ายขวากลับเอ่ยเสนอแนะออกมา

“ไม่ได้ เดิมแมลงตัวนี้ก็ใกล้จะตื่นแล้ว การเข้าๆ ออกๆ เกรงว่าจะทำให้มันตื่นทันที สหายทั้งสองจากแดนราตรีทมิฬคงกังวลถึงจุดนี้ ถึงได้ไม่กล้าเข้ามาในห้วงมิติเวลา ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่เหมือนกับพวกเรา จึงไม่ถูกพลังผนึกส่งเข้ามา” เป่าฮวาเอ่ยปฏิเสธ

คนอื่นๆ ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ทันใดนั้นก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก

แต่ในยามนี้หานลี่ที่อยู่ด้านข้างซึ่งเอาแต่มองไปในเขตอาคมลำแสงยักษ์กลับเอ่ยอย่างแช่มช้า

“ไม่ต้องพูดพล่ามไร้สาระแล้ว รีบถือโอกาสที่แมลงตัวนี้ยังไม่ตื่นลงมือเถิด หากโจมตีมารดาแมลงให้ได้รับบาดเจ็บหนักได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก”

“สหายหานพูดเช่นนี้ดูถูกพวกเราไปหน่อยกระมัง หากพวกเราร่วมมือกันโจมตี เกรงว่าต่อให้เป็นเทพเซียนที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันตัวก็ต้องเพลี้ยงพล้ำทันที” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำมองหานลี่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

“หึๆ หากสังหารมารดาแมลงได้ง่ายเช่นนั้นจริงๆ เทพเซียนสองคนในตอนนั้นคงไม่ผนึกมันไว้ที่นี่ ผู้แซ่หานทำเรื่องอันใด จะต้องขบคิดถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” หานลี่ตอบกลับอย่างเย็นชา

ฮูหยินชุดดำได้ยินก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ยามที่กำลังคิดจะเอ่ยอันใดนั้น กลับถูกเป่าฮวาโบกมือตัดบท

“สหายทั้งสองไม่ต้องเถียงกัน พวกเราพยายามให้เต็มที่ก็พอ สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่ ก็แล้วแต่ลิขิตสวรรค์ แต่ระวังหน่อย ก็ไม่ผิด ดังนั้นการโจมตีครั้งแรกไม่เพียงต้องลงมือพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าต้องกระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬที่ยืมมาเต็มอัตรา ทุกท่านมีฝีมืออันใด ก็เอาออกมาให้หมดเถิด ไม่แน่ว่ามารดาแมลงตัวนี้อาจจะให้โอกาสให้พวกเราได้โจมตีเต็มกำลังแค่ครั้งเดียว”

“สหายเป่าฮวาพูดมีเหตุผล ตาเฒ่าไม่มีความเห็น” ชายชราหน้าตาโบราณพยักหน้าเห็นด้วยเป็นพัลวัน

ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำและชายชราหน้าแดงย่อมไม่มีเจตนาคัดค้าน

หานลี่กลับครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วถึงได้พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ดังนั้นเป่าฮวาเห็นเช่นนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา สูดลมหายใจเข้าเบาๆ เฮือกหนึ่ง ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม แผ่นหลังมีลำแสงสีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาดอกไม้ยักษ์สีชมพูต้นหนึ่งปรากฏขึ้น

ในเวลาเดียวกันสตรีผู้นี้ก็ขยับริมฝีปากเบาๆ อย่างเงียบเชียบ ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งรองไว้อย่างช้าๆ นิ้วทั้งห้ากางออก ในมือกลับมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะเผยตะปูยักษ์สีเหลืองที่เต็มไปด้วยสนิมออกมา

ตะปูนี้มีความยาวแค่ครึ่งฉื่อ แต่ผิวขรุขระ สลักลายวิญญาณลางๆ เอาไว้ ราวกับฝังสมบัติโบราณที่ซ่อนเอาไว้ไม่รู้กี่ปีไว้ เห็นได้ชัดว่าเก่าแก่มาก

แต่เป่าฮวาที่มือรองสิ่งนี้เอาไว้มีสีหน้าเคร่งขรึม ปากที่ร่ายอาคมพลันหยุดลง พลางเอ่ยกับคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ตะปูจักรพรรดิธรณีแฝงไว้ด้วยพลังธรณี ขอแค่ถูกสิ่งนี้ปักอยู่บนเรือนร่าง ไม่ว่าผู้ใดก็จะไม่อาจสำแดงอิทธิฤทธิ์ธาตุธรณีได้เลยสักนิด หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ อิทธิฤทธิ์ของมารดาแมลงตัวนี้น่าจะเป็นธาตุธรณี ดังนั้นขอแค่ข้าโจมตีสำเร็จ อิทธิฤทธิ์ของมารดาแมลงตัวนี้ก็ต้องถูกกำจัดไปแปดเก้าส่วน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2225 ตะปูจักรพรรดิธรณ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2225 ตะปูจักรพรรดิธรณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ในเมื่อข้ามอบจานนี้ให้แล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลจะเอากลับมา!” เป่าฮวาได้ยินก็ฉีกยิ้มเบิกบาน

“มีสิ่งนี้คอยคุ้มกัน ประกอบกับสมบัติสวรรค์ทมิฬที่สหายเป่าฮวายืมมา ดูแล้วคงเพียงพอที่จะต่อกรกับมารดาแมลงตัวนั้น เช่นนั้นตาเฒ่าจะไปสักครั้ง” ชายชราหน้าตาโบราณแววตาเปล่งประกายพลางตอบรับ

ส่วนฮูหยินชุดดำครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้า

“พี่หาน ความดีของเจ้าล่ะ!” เป่าฮวาพลันดีใจ แต่ยังคงไม่ลืมให้ความสำคัญกับหานลี่มากที่สุด พลางหันหน้ามาเอ่ยถาม

“สหายทุกท่านไป ข้าน้อยจะถอยได้อย่างไร” หานลี่เก็บของที่อยู่ในมือ เอ่ยด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งความประหลาดใจ

จากอิทธิฤทธิ์ของเขาในยามนี้ ประกอบกับมีกระบี่วิญญาณสวรรค์ทมิฬคุ้มครองร่าง ต่อให้เผชิญหน้ากับเทพเซียนจริงๆ ก็รักษาชีวิตได้อย่างแน่นอน ไม่มีทางหวาดกลัวมารดาแมลงที่สูญเสียปราณแท้ไปจำนวนมากตัวนี้แน่

“เยี่ยม เช่นนั้นข้าก็จะให้วิญญาณผนึกส่งพวกเราไป สหายทั้งสองของแดนราตรีทมิฬก็น่าจะอยู่แถวนั้น เช่นนี้หลังจากที่พวกเรารวมตัวกันแล้ว ก็มั่นใจเพิ่มขึ้นได้อีกหนึ่งส่วนแล้ว” เป่าฮวาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ

จากนั้นหญิงสาวผู้นี้ก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมไปทางหมอกสีเทาอย่างไม่ลังเลอีก

พริบตานั้นม่านหมอกก็หมุนวนแยกออกทั้งซ้ายและขวา คาดไม่ถึงว่าจะมีทางเดินสายหนึ่งปรากฏขึ้น

เป่าฮวาพลิ้วกาย ลอยเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

คนอื่นๆ ก็รีบตามเข้าไป

ไม่นานทุกคนก็ออกมาจากทางเดิน เบื้องหน้ามีแสงเจิดจ้า พื้นดินว่างเปล่าปรากฏขึ้น ตรงหน้ามีเขตอาคมส่งตัวสีเทาขาวเพิ่มขึ้นมาเขตหนึ่ง

เสียงหึ่งๆ ดังก้องไปมารอบด้าน ราวกับว่ามีคนกำลังพูดคุยอันใดสักอย่างอยู่

แต่หานลี่และพวกล้วนงุนงงฟังไม่ออก มีเพียงเป่าฮวาที่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วสาวเท้าเข้าไปในเขตอาคมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น ก็มีสีหน้าหลากหลาย แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ทยอยกันเดินไป

เมื่อสองเท้าของฮูหยินชุดดำคนสุดท้ายเหยียบเข้าไปในเขตอาคม เสียง “พรึ่บ” ก็ดังขึ้น เขตอาคมทั้งเขตถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติ

หลังจากที่รัศมีลำแสงหมุนวนรอบด้าน ร่างของทุกคนก็หายวับไปกลางอากาศ

ในเวลาเดียวกันบนแท่นบวงสรวงสีโลหิตในป่าหินลึกลับ บาตรสีดำสนิทที่เดิมนิ่งสนิทก็สั่นเทา เสียงบุรุษทุ้มต่ำดังพึมพำขึ้น

“คนเหล่านี้คิดจะต่อกรกับมารดาแมลงตัวนั้นดังคาด หึๆ ช่างไม่รู้จักความเป็นตายเสียจริงๆ! จากพลังของพวกเขาก็เป็นแค่การรนหาที่ตายเท่านั้น ทว่ายามนี้เจ้าเด็กนั้นยังตายไม่ได้ ดูท่าทางแล้วต้องหาวิธีช่วยชีวิตเขา อ่า ครานี้ไม่ใช้สิ่งนี้ไม่ได้แล้ว…”

เสียงบุรุษดังยาวๆ ออกมาอย่างไม่เต็มใจ ราวกับว่าจะถูกบีบให้ละทิ้งของที่ทะนุถนอมที่สุดไปก็ไม่ปาน

กลางอากาศมีเสียงทองคำกระทบกัน!

บนแท่นมีลำแสงสว่างวาบ เผยโซ่เล็กๆ สีเงินอ่อนออกมาแปดเส้น

ทุกเส้นด้านหนึ่งล้วนรัดบาตรเอาไว้ อีกด้านหนึ่งอยู่ตรงยอดเสาสำริดแปดต้น จมหายเข้าไปในตะเกียงโบราณเหล่านั้น

เสียงบริกรรมคาถาที่ยากจะเข้าใจดังออกมาจากบาตร โซ่เส้นเล็กที่ติดอยู่กับตะเกียงโบราณเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะสั่นเทาเบาๆ

ตะเกียงโบราณมีอักขระยันต์สีทองอ่อนขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และส่งผ่านโซ่เส้นเล็กสีเงินตรงไปยังแท่นบวงสรวง และทยอยกันจมหายเข้าไปในบาตรสีดำแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ผิวของบาตรสีดำมีหมอกสีดำอ่อนพันรัดอยู่ แล้วค่อยๆ หนาขึ้น เริ่มแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งที่น่ากลัวยิ่งออกมา และขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุดด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

“นี่คือจุดพักพิงของมารดาแมลง!” หานลี่กวาดตามองรอบด้าน ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

ไม่ใช่แค่เขาเป่าฮวาและระดับมหายานคนอื่นๆ พิจารณาทัศนียภาพรอบด้าน ใบหน้าก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

พวกเขาอยู่เหนือมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ กวาดตามองรอบด้านเป็นผิวทะเลสีฟ้าที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา และมีลมทะเลพัดเข้ามาเป็นระยะๆ

“นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาลวงตา! นี่มันเรื่องอันใด ในวังธรณีมีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ?” ชายชราหน้าตาโบราณขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามเป่าฮวา

“แน่นอนว่าไม่มี วังธรณีกว้างใหญ่แค่นี้ จะสร้างผืนน้ำกว้างใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร!” เป่าฮวาสั่นศีรษะแล้วปฏิเสธ

“เช่นนั้นที่นี่คือที่ไหน หรือว่าถูกส่งมาในจุดผนึก?” ชายร่างใหญ่หน้าแดงมองซ้ายทีขวาทีอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยถามอย่างลังเลเล็กน้อย

“น่าจะไม่ใช่ มิเช่นนั้นจิตสัมผัสของพวกเราคงไม่ถูกผนึกกดเอาไว้ และยังคงไม่อาจแผ่ออกไปไกลได้” ฮูหยินชุดดำกลับชิงเอ่ยขึ้น

เห็นได้ชัดว่านางลองใช้จิตสัมผัสนานแล้ว

“ทุกท่านเงยหน้ามองด้านบนหน่อย!” หานลี่กลับเอ่ยอย่างสงบเงียบ

“ด้านบน? เมื่อครู่ตาเฒ่าดูแล้ว ไม่มีอันใดผิดปกติ!” ชายชราหน้าตาโบราณได้ยินพลันตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเทาแล้วเอ่ย

ฮูหยินชุดดำและชายร่างใหญ่หน้าแดงก็เงยหน้าขึ้นเช่นกัน แล้วเผยสีหน้าไม่เข้าใจออกมา

เป่าฮวามองท้องฟ้าสีเทา กลับร้องเอ๋ออกมาเบาๆ เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

และในยามนี้หานลี่ยกแขนขึ้น วาดนิ้วไปกลางอากาศ เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงสีเขียวความยาวสองสามร้อยจั้งเปล่งแสงสว่างวาบ และสับลงมาจากกลางอากาศ

กลางอากาศมีรัศมีลำแสงสีเทาทะลักออกมา ในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้น

กระบี่ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา ท่าทางมโหฬาร คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนท้องฟ้าถูกผ่าออกก็ไม่ปาน

แต่ลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ท้องฟ้าไม่ได้แยกเป็นสองส่วนจริงๆ กลับมีเสียงอึกทึกราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น เขตอาคมสีดำสนิทที่แทบจะปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดไว้ปรากฎขึ้นลางๆ

เขตอาคมลำแสงนี้เป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก มันสร้างขึ้นจากอักขระยันต์สีดำสนิทขนาดน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน แต่มองไปปราดเดียวตรงใจกลางของเขตอาคม แมลงยักษ์สีขาวขนาดเท่าภูเขากำลังหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้น

ตัวแมลงเป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยก ไม่เห็นจุดด่างพร้อยเลยสักนิด หัวฝังอยู่ที่ร่างของตนเอง ไม่อาจเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ แต่ร่างอันอ้วนท้วมของมันมองไกลๆ กลับดูเหมือนรังไหมยักษ์ก็ไม่ปาน

ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือ แมลงยักษ์ดูเหมือนกำลังหลับฝันว่าง ร่างกายที่หมอบอยู่คาดไม่ถึงว่าจะมีอักขระยันต์สีทองปรากฏขึ้นลางๆ และหมุนโคจรไปมา

“มารดาแมลง!” ฮูหยินชุดดำพลันตกตะลึง แล้วร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

ชายร่างใหญ่หน้าแดงและชายชราหน้าตาโบราณเห็นฉากที่น่าตกตะลึง ย่อมหน้าเปลี่ยนสี รวบรวมกลิ่นอายบนเรือนร่าง ทันใดนั้นก็มีท่าทีเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่

ทว่าเป่าฮวากลับเอ่ยอย่างเยือกเย็น

“ทุกท่านไม่ต้องเครียด กว่าแมลงตัวนี้จะตื่นต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ขอแค่พวกเราไม่ประมาทเลินเล่อ ก็ไม่ปลุกมันหรอก ดูแล้วที่นี่น่าจะเป็นรอยแยกห้วงเวลาที่เปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เกรงว่าสหายทั้งสองจากแดนราตรีทมิฬคงไม่อาจมารวมตัวกับพวกเราได้”

“ห้วงมิติเวลาที่เปิดออกโดยอัตโนมัติ จากอิทธิฤทธิ์ของมารดาแมลงย่อมทำเรื่องนี้ได้ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเพราะเหตุใดที่นี่ยังคงถูกพลังผนึกควบคุมอยู่” ชายชราหน้าตาโบราณพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา แล้วตอบกลับด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง

“แต่ขาดสหายทั้งสองจากแดนราตรีทมิฬไป พลังของพวกเราก็ลดลงไปนิดหน่อย ต้องหาทางออกแล้วดึงสหายทั้งสองเข้ามาในห้วงเวลานี้ก่อนหรือไม่ คิดดูแล้วเขาสองคนน่าจะรักษาการณ์อยู่ด้านนอกห้วงเวลา” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำกวาดมองซ้ายขวากลับเอ่ยเสนอแนะออกมา

“ไม่ได้ เดิมแมลงตัวนี้ก็ใกล้จะตื่นแล้ว การเข้าๆ ออกๆ เกรงว่าจะทำให้มันตื่นทันที สหายทั้งสองจากแดนราตรีทมิฬคงกังวลถึงจุดนี้ ถึงได้ไม่กล้าเข้ามาในห้วงมิติเวลา ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่เหมือนกับพวกเรา จึงไม่ถูกพลังผนึกส่งเข้ามา” เป่าฮวาเอ่ยปฏิเสธ

คนอื่นๆ ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ทันใดนั้นก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก

แต่ในยามนี้หานลี่ที่อยู่ด้านข้างซึ่งเอาแต่มองไปในเขตอาคมลำแสงยักษ์กลับเอ่ยอย่างแช่มช้า

“ไม่ต้องพูดพล่ามไร้สาระแล้ว รีบถือโอกาสที่แมลงตัวนี้ยังไม่ตื่นลงมือเถิด หากโจมตีมารดาแมลงให้ได้รับบาดเจ็บหนักได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก”

“สหายหานพูดเช่นนี้ดูถูกพวกเราไปหน่อยกระมัง หากพวกเราร่วมมือกันโจมตี เกรงว่าต่อให้เป็นเทพเซียนที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันตัวก็ต้องเพลี้ยงพล้ำทันที” ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำมองหานลี่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

“หึๆ หากสังหารมารดาแมลงได้ง่ายเช่นนั้นจริงๆ เทพเซียนสองคนในตอนนั้นคงไม่ผนึกมันไว้ที่นี่ ผู้แซ่หานทำเรื่องอันใด จะต้องขบคิดถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” หานลี่ตอบกลับอย่างเย็นชา

ฮูหยินชุดดำได้ยินก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ยามที่กำลังคิดจะเอ่ยอันใดนั้น กลับถูกเป่าฮวาโบกมือตัดบท

“สหายทั้งสองไม่ต้องเถียงกัน พวกเราพยายามให้เต็มที่ก็พอ สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่ ก็แล้วแต่ลิขิตสวรรค์ แต่ระวังหน่อย ก็ไม่ผิด ดังนั้นการโจมตีครั้งแรกไม่เพียงต้องลงมือพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าต้องกระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬที่ยืมมาเต็มอัตรา ทุกท่านมีฝีมืออันใด ก็เอาออกมาให้หมดเถิด ไม่แน่ว่ามารดาแมลงตัวนี้อาจจะให้โอกาสให้พวกเราได้โจมตีเต็มกำลังแค่ครั้งเดียว”

“สหายเป่าฮวาพูดมีเหตุผล ตาเฒ่าไม่มีความเห็น” ชายชราหน้าตาโบราณพยักหน้าเห็นด้วยเป็นพัลวัน

ฮูหยินสวมชุดคลุมสีดำและชายชราหน้าแดงย่อมไม่มีเจตนาคัดค้าน

หานลี่กลับครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วถึงได้พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ดังนั้นเป่าฮวาเห็นเช่นนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา สูดลมหายใจเข้าเบาๆ เฮือกหนึ่ง ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม แผ่นหลังมีลำแสงสีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาดอกไม้ยักษ์สีชมพูต้นหนึ่งปรากฏขึ้น

ในเวลาเดียวกันสตรีผู้นี้ก็ขยับริมฝีปากเบาๆ อย่างเงียบเชียบ ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งรองไว้อย่างช้าๆ นิ้วทั้งห้ากางออก ในมือกลับมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะเผยตะปูยักษ์สีเหลืองที่เต็มไปด้วยสนิมออกมา

ตะปูนี้มีความยาวแค่ครึ่งฉื่อ แต่ผิวขรุขระ สลักลายวิญญาณลางๆ เอาไว้ ราวกับฝังสมบัติโบราณที่ซ่อนเอาไว้ไม่รู้กี่ปีไว้ เห็นได้ชัดว่าเก่าแก่มาก

แต่เป่าฮวาที่มือรองสิ่งนี้เอาไว้มีสีหน้าเคร่งขรึม ปากที่ร่ายอาคมพลันหยุดลง พลางเอ่ยกับคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ตะปูจักรพรรดิธรณีแฝงไว้ด้วยพลังธรณี ขอแค่ถูกสิ่งนี้ปักอยู่บนเรือนร่าง ไม่ว่าผู้ใดก็จะไม่อาจสำแดงอิทธิฤทธิ์ธาตุธรณีได้เลยสักนิด หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ อิทธิฤทธิ์ของมารดาแมลงตัวนี้น่าจะเป็นธาตุธรณี ดังนั้นขอแค่ข้าโจมตีสำเร็จ อิทธิฤทธิ์ของมารดาแมลงตัวนี้ก็ต้องถูกกำจัดไปแปดเก้าส่วน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+