ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstarตอนพิเศษ : คำตาม 5

Now you are reading ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar Chapter ตอนพิเศษ : คำตาม 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนพิเศษ : คำตาม 5

สามปีต่อมา

วันที่สองของตรุษจีนปีใหม่

ผ่านตรุษจีนไปอีกปี ที่ฐานทัพอากาศซานย่า เครื่องบินทหารที่เพิ่งมาถึงลงจอดบนรันเวย์ช้าๆ ก่อนหยุดลง เมื่อช่องบรรทุกด้านหลังเปิดออก คนกลุ่มแรกที่เดินออกมาคือนายทหารระดับสูง ก่อนเป็นชายในวัยราวสามสิบที่เดินออกมาพร้อมหรี่ตาประหนึ่งแดดภายนอกนั้นจ้าเกินไป เขาใช้มือบังแสงแดดที่หน้าผาก อีกมือหนึ่งเอาแว่นกันแดดออกมา สวมลงพร้อมรอยยิ้มที่ยินดี

ฟ้าสีคราม

เมฆสีขาว

และอิสระ

ผ่านไปสามปี แต่ลูกพี่กลับมาแล้ว!

จางเย่ยิ้มก่อนว่า “งั้นผมไปก่อนนะครับ”

ทหารนายหนึ่งถามขึ้น “บัณฑิตจาง ไม่ให้เราไปส่งจริงเหรอครับ?”

จางเย่ยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องครับ”

นายทหารอีกคนว่า “แต่ว่าผ่านไปหลายปี โลกเปลี่ยนไปมากนะครับ”

จางเย่โบกมือปฏิเสธ “พอเถอะ ผมอยู่กับพวกคุณมาสามปี ถึงคุณไม่เบื่อผม ผมก็เบื่อคุณแล้ว ยังไงตอนนี้ผมออกมาแล้วก็ช่วยอยู่ห่างๆ กันแล้วกันนะครับ”

อีกฝ่ายยิ้มเจื่อน ก่อนจางเย่จะกระชับเสื้อผ้าแล้วเดินออกไป

ด้านหลัง เสียงของเหล่านายทหารหนุ่มดังขึ้น

“ตรง!”

“วันทยาหัตถ์!”

พรึ่บ

พรึ่บ

พรึ่บ

เหล่านายทหารยืนตรง วันทยหัตถ์เคารพจางเย่ขณะที่เขาเดินห่างออกไป แม้ผ่านไปห้าสิบเมตร ทุกคนก็ยังไม่ลดมือลง นี่ไม่ใช่การอำลาตามมารยาท แต่คือการแสดงความเคารพอย่างที่สุด เพราะทุกคนล้วนทราบว่าบัณฑิตจางท่านนี้ทำอะไรให้กับพวกเขา ให้กับประเทศ และให้กับประชาชนตลอดสามปีที่ผ่านมา

*******************

นอกฐานทัพอากาศ

เป็นพื้นที่นอกเมืองพอสมควร

จางเย่เดินตรงไปตามถนน ผ่านไปยี่สิบนาที อย่าว่าแต่แท็กซี่ แม้แต่รถก็ยังไม่มีสักคัน สุดท้ายจึงมีรถบัสนำนักท่องเที่ยวผ่านมา จางเย่รีบยื่นมือโบกรถทันที รถขับผ่านเขาไปก่อนหยุดกะทันหันอีกร้อยเมตรถัดมา

จางเย่วิ่งตามไป “คุณคนขับ ผมขอติดรถไปด้วยได้ไหม?”

คนขับรถ “เรียกกับมือถือเองสิ”

จางเย่ “เฮ้อ มือถือผมแบตหมดนี่สิ”

คนขับนั้นว่า “แถวนี้น่ะไม่มีทางหารถได้หรอก รถผ่านไปผ่านมาน้อยเหลือเกิน ฉันต้องไปส่งคนพวกนี้ที่อื่นนี่สิ ฉันว่าเธอรอรถคันอื่นแล้วกันนะ”

ด้านหลังรถนั้นคือเด็กหนุ่มสาวสิบกว่าคน ดูเหมือนอายุยังไม่ถึงยี่สิบ

เฉินฉีฉีถามขึ้น “จะไปไหนคะ?”

จางเย่ยิ้ม “ผมจะไปหาดย่าหลงน่ะ?”

เฉินเหนียนเหนียนซึ่งนั่งข้างเธอว่า “เอ๊ะ พวกเราก็จะไปหาดย่าหลงเหมือนกันเลยค่ะ”

จางเย่ยินดีอย่างยิ่ง “เยี่ยมเลย”

หั่วเอี้ยนกะพริบตาปริบ “คุณเป็นคนปักกิ่งเหรอ?”

จางเย่ยิ้ม “พวกเธอก็มาจากปักกิ่งเหมือนกันเหรอ?”

หั่วเอี้ยน “ใช่ครับ”

สุดท้ายเฉินฉีฉีพูดขึ้น “คุณคนขับคะ ให้เขาขึ้นมากับเราเลยก็ได้ค่ะ”

คนขับรถย่อมไม่ขัด เพราะรถคันนี้เป็นพวกเธอเช่าเหมามาแล้ว

ดังนั้นจางเย่จึงได้ขึ้นรถ เขาคุยกับวัยรุ่นเหล่านั้น “ขอบคุณมากนะทุกคน ผมไม่นั่งเปล่าแน่ ขอจ่ายค่ารถด้วยเถอะ” เขาเอาแบงค์ร้อยหยวนออกมา

กลุ่มเด็กวัยรุ่นตะลึงไปเมื่อได้เห็น

จางเย่เองก็ชะงักไปครู่ ว่าไงนะ? ไม่พอเหรอ?

สุดท้ายเฉินฉีฉีก็เอ่ยปาก จางเย่ต้องตะลึงไปเมื่อเธอมองแบงค์ร้อยในมือจางเย่แล้วว่า “พี่ชาย เก่าไปหน่อยไหมแบงค์นี้น่ะ?”

จางเย่สะบัดแบงค์ในมือ “เอ๋? ไม่ได้เก่าขนาดนั้นนี่ ยังดูใหม่อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

เฉินเหนียนเหนียนก็พูดไม่ออก “แบงค์รุ่นนี้น่ะหยุดตีพิมพ์มาสามปีแล้ว ธนาคารเรียกคืนไปจนใช้รุ่นใหม่มาสามปีแล้ว ถ้าไปจ่ายคนอื่น ไม่รู้เขาจะรับกันรึเปล่าล่ะ ทำไมถึงยังเก็บไว้ล่ะคะ? จะสะสมของเก่าเหรอ? เป็นนักสะสมรึเปล่า?”

หา?

เปลี่ยนรุ่นแล้วเหรอ?

เชี่ย ทำไมไม่มีคนบอกฉันเลยล่ะ?

จางเย่ได้แต่เก็บเงินกลับลงไปด้วยความอับอาย “สงสัยผมต้องแบกหน้าขอนั่งเปล่าแล้วสิ”

เฉินฉีฉีว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รถนี่อาจารย์เถียนเป็นคนเช่า พวกเราก็ไม่ได้จ่ายเงินสักหน่อย มาพักตากอากาศที่ซานย่าเหรอคะ?”

จางเย่ยิ้ม “จะว่างั้นก็ได้ พ่อแม่ฉัน ภรรยาฉัน ลูกฉันมาพักที่ซานย่า ฉันมาหาพวกเขาน่ะ แล้วพวกเธอล่ะ? มาเที่ยวกันเหรอ?”

หั่วเอี้ยน “ชมรมหมากพักร้อนน่ะครับ”

จางเย่ชะงัก “ชมรมหมาก?”

เฉินฉีฉีประกาศอย่างภาคภูมิใจ “สมาคมหมากแห่งประเทศจีนค่ะ”

จางเย่ตื่นตะลึง “มืออาชีพเหรอเนี่ย?”

หั่วเอี้ยนหัวเราะ “ใช่ครับ ผมเป็นนักเล่นหมากรุกจีน ฉีฉีกับเหนียนเหยียนเป็นนักเล่นหมากล้อม”

นักหมากล้อมมืออาชีพ?

แฝดหญิง?

จางเย่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “เซี่ยงหรงยังเป็นมือหนึ่งในวงการรึเปล่า?”

ทุกคนพูดไม่ออกอีกแล้ว

หั่วเอี้ยน “ปรมาจารย์เซี่ยง?”

เฉินเหนียนเหนียน “ประวัติศาสตร์ยุคไหนกันเนี่ย?”

เฉินฉีฉี “ปรมาจารย์เซี่ยงอำลาวงการไปสองปีแล้วค่ะ”

จางเย่ “หือ?”

เฉินฉีฉี “มือหนึ่งตอนนี้คืออาจารย์เถียนค่ะ”

จางเย่ “อาจารย์เถียน? ใครกันน่ะ?”

เฉินฉีฉี “เถียนเว่ยเว่ยไงคะ!”

จางเย่ตะลึงไป “เสี่ยวเถียนน่ะเหรอ?”

แน่นอนว่าเขารู้จักเถียนเว่ยเว่ย ตอนนั้นเขาถือเป็นทายาทของเซี่ยงหรง เป็นความหวังของวงการหมากล้อมจีน ปัญหาเดียวคือทักษะของเถียนเว่ยเว่ยในตอนนั้นยังไม่เติบโตเต็มที่ ยังแสดงฝีมือการเล่นได้ไม่มั่นคง ใครจะไปคิดว่าผ่านไปไม่กี่ปี เสี่ยวเถียนเด็กน้อยคนนั้นจะขึ้นสู่จุดสูงสุดได้?

เฉินฉีฉี “เสี่ยวเถียนอะไรกันคะ? ยังกะรู้จักเขางั้นแหละ”

จางเย่หัวเราะ “ทำไมฉันจะไม่รู้จักล่ะ?”

เฉินเหนียนเหนียนไม่เชื่อ “คุณเล่นหมากล้อมด้วยเหรอ?”

จางเย่ยิ้ม “นิดหน่อย”

เฉินฉีฉีปรบมืออย่างยินดี “เยี่ยมเลย! มาเล่นกันเถอะ น้องสาวฉันกับฉันยังห่วงอยู่เลยว่าระหว่างทางจะไม่มีอะไรทำน่ะ”

จางเย่เองก็ไม่มีอะไรทำ จึงว่า “ได้เลย พวกเธออยู่ขั้นไหนกันน่ะ?”

เฉินเหนียนเหนียนอวด “ฉันอยู่ห้าดั้ง พี่สาวฉันสี่ดั้ง”

เฉินฉีฉีกลอกตาใส่ “ไสหัวไปเลย ทำไมชอบย้ำเรื่องนี้จัง”

“พี่ พูดเพราะๆ หน่อยสิ เป็นมืออาชีพแล้วหัดมีมาดบ้าง” เฉินเหนียนเหนียนหัวเราะคิกคัก

เฉินฉีฉีฮึ่มใส่ “อย่าได้ใจไปนัก ปีที่แล้วลงมือไม่เต็มที่หรอก ฉันต้องได้ห้าดั้งแน่ปีนี้” จากนั้นก็เอากระดานหมากล้อมแม่เหล็กออกมา ดังนั้นแม้ถนนจะไม่ดีก็ไม่ใช่ปัญหา พอตั้งกระดานเสร็จก็บอกกับหั่วเอี้ยน “เปิดเพลงๆ ฉันจะลุยแล้ว!”

ทุกคนจนใจ

“ฉีฉี พอแล้วน่า”

“ลุยเลยอะไรกันเล่า”

“อย่าลืมว่าเธอเป็นมืออาชีพแล้วนะ”

“เธอนี่นะ หาเรื่องรังแกมือใหม่ตลอดเลย”

หั่วเอี้ยนเอามือถืออกมาเปิดเพลง

จางเย่อารมณ์ดียิ่ง อีกครู่เขาก็จะได้พบครอบครัวเขาอีกครั้งแล้ว จึงฮัมเพลงตามไปแล้วว่า “เพลงนี้ไม่เลวเลยนะ ใครร้องน่ะ?”

ทุกคนมองเหมือนเขาเป็นคนโง่

หั่วเอี้ยน “กวนจ้าวหัวครับ”

จางเย่พยักหน้า “หน้าใหม่เหรอ?”

เฉินฉีฉีแทบทรุด “หน้าใหม่?”

เฉินเหนียนเหนียนเบ้ปาก “ลุง นี่น่ะสตาร์คิงนะคะ!”

จางเย่ชะงัก “เอ๋? สตาร์คิง?”

เฉินฉีฉียกมือปิดหน้า “ไม่ได้ดูทีวีเลยเหรอคะ?”

จางเย่ “ไม่ค่อยน่ะ”

เฉินฉีฉี “ไม่ได้ดูรายการคืนส่งปีเหรอ?”

จางเย่ “สองปีนี้ผมยุ่งมากๆ เลยน่ะ เลยไม่ได้ดู”

เฉินฉีฉีถอนใจ “สมเป็นเซียนในภูเขาแล้ว ไม่รู้จักแม้แต่กวนจ้าวหัว? นี่มันไอดอลของฉันเลยนะคะ? เป็นเจ้าชายที่โด่งดังที่สุดตอนนี้ สวรรค์ มีคนในประเทศเราในทวีปเอเชียนี้ไม่รู้จักกวนจ้าวหัวด้วยเหรอ? ลุง ลุงทำฉันต้องมองโลกนี้ใหม่เลยนะเนี่ย”

จางเย่สงสัย “เขาเป็นสตาร์คิงตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”

นักหมากรุกยอมแพ้ “สตาร์คิงสตาร์ควีนในความคิดคุณหยุดอยู่ที่รุ่นจางหย่วนฉีจางเย่เหรอ?”

จางเย่ “ใช่เลย”

หั่วเอี้ยน “เก่าโคตรๆ เลยนะนั่น ถ้าไม่พูดชื่อจางเย่จางหย่วนฉีขึ้นมา ผมลืมทั้งคู่ไปแล้วนะเนี่ย วงการบันเทิงเคลื่อนไหวเร็วเกินไปแล้ว ผ่านไปครึ่งปีก็เปลี่ยนยุคใหม่ เวลาสองสามปีน่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

เฉินฉีฉีเรียกเขา “มาๆ เล่นกันเถอะ”

ทุกคนได้แต่ตื่นตะลึงไปกับชายหนุ่มที่ขึ้นรถของพวกเขากลางทาง

ใช้แบงค์รุ่นเก่า?

พูดเรื่องดารายุคก่อน?

หมอนี่ออกมาจากหลังเขาลูกไหนกันเนี่ย? ทำไมถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด