ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1413 : จางเย่ทุบรถ! (ต้น)

Now you are reading ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar Chapter 1413 : จางเย่ทุบรถ! (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1413 : จางเย่ทุบรถ! (ต้น)

 

วันต่อมา

วันอาทิตย์

แบรนด์รถยนต์ที่ลีอันซูเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ได้อัปเกรดโปรโมชั่น ด้วยรถยนต์กันกระสุนระดับไฮเอนด์ พวกเขาต้องการใช้โมเดลนี้เปิดตลาดของจีน โฆษณาที่ฉายทั้งวันของลีอันซูเมื่อวานก็พยายามเสนอรุ่นนี้ ตอนนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกอย่างทุบรถได้รถออกมาอย่างโอหัง ใครสามารถทุบกระจกรถกันกระสุนใหม่ของพวกเขาในงานให้แตกได้ ก็จะแจกรถยนต์กันกระสุนใหม่เอี่ยมให้ฟรี

การประชาสัมพันธ์

ลุกลามอย่างรวดเร็ว

ราวกับไฟที่โหมไหม้

……

เหล่าชาวเน็ตจับตาดูอย่างเงียบๆ

“เล่นใหญ่อะไรขนาดนี้?”

“แจกรถให้ฟรีๆ จริงอ่ะ?”

“รถกันกระสุน? รถยนต์ของลีอันซู?”

“อาจารย์จางจะไม่ออกโรงแล้วจริงๆ เหรอ?”

“เฮ้อ รอบนี้ไม่ได้เห็นความคึกคักแล้วสิ”

“ใช่ จิตใจจอมตอกหน้าจางไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว!”

“ต้องเป็นพ่อคนแล้วนี่ ยังไงก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน”

“ฉันขอประกาศว่า จอมตอกหน้าจางได้ถอนตัวจากเวทีตอกหน้าอย่างเป็นทางการแล้ว!”

“พรูด นี่มันเป็นสิ่งที่พวกนายสร้างขึ้นเองทั้งนั้น เมื่อวานจางเย่เขาอยู่กับครอบครัวดูแลเมียอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกมาวิวาทด้วย พวกนายก็ถึงกับไปแจ้งตำรวจ แค่เรื่องนี้ก็พอให้ฉันหัวเราะไปได้ทั้งปีแล้ว!”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“สาเหตุหลักก็เพราะอารมณ์รุนแรงของหมอนี่มันฮอตเกินไปนั่นแหละ!”

……

อีกด้านหนึ่ง

ทีมของลีอันซู

“อันซูฮยอง ผลตอบรับจากโฆษณาดีมากเลยนะครับ”

“ใช่แล้ว คนจีนส่วนใหญ่ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านอะไรด้วย”

“พายุของปีนั้นดูท่าจะพัดผ่านไปแล้ว”

“ตอนนี้เราสามารถสงบสติอารมณ์ และกลับมาเติบโตในประเทศจีนได้อีกครั้ง”

“ถูกต้อง คนแซ่จางก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรแล้ว!”

ทีมงานทุกคนตื่นเต้นมาก

หลังถอนตัวออกจากตลาดจีน ชีวิตของพวกเขาก็ผ่านไปอย่างยากลำบาก คะแนนนิยมลดลงอย่างฮวบฮาบ สุดท้ายก็รอดชีวิตมาได้อย่างทุลักทุเล จางเย่แค่คนเดียวเกือบทำลายอาชีพศิลปินของลีอันซู หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งจุดสูงสุดในเอเชียแล้ว แม้กระทั่งตำแหน่งปัจจุบันลีอันซูก็อาจรักษาเอาไว้ไม่ได้ ดังนั้นคราวนี้ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องตั้งหลักในประเทศจีนให้ได้

ปืนนัดนี้ยิงออกไปแล้ว สถานการณ์เป็นไปด้วยดี ลีอันซูก็ยิ้มออกมา

จางเย่แล้วยังไงล่ะ?

เคยมีชื่อเสียในจีนแล้วมันยังไง?

ตอนนี้เขากลับมาอีกครั้งแล้วไม่ใช่รึ?

……

ทางด้านญี่ปุ่นและเกาหลี

ศิลปินหลายคนที่มุ่งเน้นไปที่ตลาดจีนก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ของลีอันซูเช่นกัน

มองเห็นตลาดในจีนคลื่นลมสงบเงียบ

มองเห็นตลาดในจีนดำเนินไปได้อย่างเป็นปกติ

ดาราญี่ปุ่นและเกาหลีหลายคนที่เคยกลัวจางเย่ก็พร้อมจะเคลื่อนไหวแล้ว!

……

ตอนเที่ยง

ในเขตที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง

ห้องวีไอพีชั้นบนของร้านอาหาร จางเย่เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงพนักงานในสตูดิโอ ผู้จัดการครึ่งตัวอย่างเหราอ้ายหมิ่นก็พาเจ้าตัวเล็กเฉินเฉินมาร่วมทานอาหารด้วย

เสี่ยวหวังหัวเราะคิกคัก “ผู้กำกับจางคะ ยินดีด้วยค่ะ!”

ถงฟู่ถาม “พี่สะใภ้ล่ะครับ?”

จางเย่หัวเราะฮาๆ “วันนี้เธอกลับไปหาพ่อแม่ ทานอาหารเย็นกับญาติๆ”

เฉินเฉินเงยหน้าขึ้น “จางเย่ เบบี๋ของนายจะคลอดเมื่อไรเหรอ?”

จางเย่ยิ้ม “อีกประมาณเก้าเดือนน่ะ”

เฉินเฉิน “อ๋อ”

จางเย่ “ทำไมเหรอ?”

เฉินเฉิน “รอเบบี๋เกิดมา ฉันจะพาเขาไปเล่น”

จางเย่ “เธอจะดูแลเด็กให้อาเหรอ? ดีเลย”

เหราอ้ายหมิ่นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ใครสนใจลูกของนายกัน รีบสั่งอาหารสิ หิวจะตายแล้ว”

“สั่งอาหารสั่งอาหาร วันนี้ผมเลี้ยงเองทุกคนไม่ต้องเกรงใจ”จางเย่พูดเสียงดัง

หอยเป๋าฮื้อ!

ล็อบสเตอร์!

หูฉลาม!

เหราอ้ายหมิ่นเองก็ไม่เกรงใจจริงๆ

จางเย่พอได้ยินก็มีเหงื่อท่วมทั่วตัว เขาสะกิดเธอ ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “พอประมาณก็พอแล้ว พอแล้ว กินไม่หมดนะครับ เดี๋ยวกินไม่หมด”

ทุกคนต่างหัวเราะออกมา

เหราอ้ายหมิ่นพูดด้วยท่าทีนิ่งสงบไม่เปลี่ยนแปลง “เฉินเฉินกับฉันไม่ได้กินเนื้อมาหลายวันแล้ว รอกินอาหารที่นายเลี้ยงอยู่เนี่ย” เธอสั่งอาหารในรวดเดียว จากนั้นก็พูดกับพนักงานว่า “โอเค เอาแค่นี้แหละ”

เฉินเฉินปรบมือ “ป้าใหญ่ สุดยอดเลยค่ะ!”

จางเย่กลอกตา

คนอื่นๆ ในสตูดิโอไม่กล้าหายใจ

จะอยู่ในสตูดิโอหรือที่ไหนๆ คนที่กล้าพูดกับจางเย่เช่นนี้ก็มีแต่เหราอ้ายหมิ่น เพราะถึงแม้จะเป็นการหยอกล้อกันเล่น ฝีปากของพวกเขาก็เอาชนะจางเย่ไม่ได้ เป็นต้องถูกจางเย่เหยียบย่ำทุกครั้งไป มีเพียงเหราอ้ายหมิ่นที่ไม่เหมือนคนอื่น ทุกครั้งล้วนเป็นเธอที่เหยียบย่ำจางเย่ และจางเย่ก็มักจะไม่ตอบโต้ ใครที่รู้จักนิสัยเขาคิดว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาจริงๆ จะรู้ดีว่าในช่วงเวลาอันยากลำบากที่จางเย่เพิ่งเข้าสู่วงการแรกๆ นั้น ทุกอย่างล้วนได้รับการช่วยเหลือจากเหราอ้ายหมิ่น ไม่อย่างนั้นจางเย่คงหิวตายไปนานแล้ว และคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ แน่นอนว่าถ้าคนที่รู้รายละเอียดที่แท้จริงจะบอกว่าเรื่องเหล่านั้นไร้สาระ เหตุผลแท้จริงที่จางเย่ไม่โต้ตอบเหราอ้ายหมิ่นก็เพราะว่า สู้! ไม่! ชนะ! ต่างหาก!

อาหารทุกอย่างถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว

หรูหรามาก จางเย่เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวด

จางเย่พูดว่า “มื้อนี้ถือเป็นโบนัสเดือนนี้ของทุกคนแล้วกันนะ ทุกคนกินเยอะๆ ล่ะ”

ทุกคนได้ฟังก็โอดครวญ

“ฮือ!”

“ฮือ!”

“ผู้กำกับจางขี้เหนียว!”

“ฮ่าๆๆ!”

จางเย่พูดอย่างหดหู่ “ล้อเล่น โบนัสจ่ายตามเดิมนั่นแหละ มาๆ กินเถอะ!”

ในขณะที่ทานข้าว ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดผ่านไมโครโฟนดังขึ้นมา

“กิจกรรมเริ่มอย่างเป็นทางการ!”

“ทุบรถได้รถ!”

“ร่วมสนุกได้ทุกคนเลยนะครับ ใครจะลองก่อน?”

“โอเค คุณผู้ชายท่านนั้นเชิญครับ”

ปัง!

ปัง!

จากนั้นก็มีเสียงทุบรถตามมา!

จางจั่วมองออกไปนอกหน้าต่าง “ทำอะไรกันน่ะ?”

ฮาฉีฉี “ที่ลานจัตุรัสตรงนั้นใช่ไหม?”

“ผมรู้” อู่อี้พูด “เป็นกิจกรรมของแบรนด์รถยนต์จากเกาหลี จัดอยู่ตรงด้านนั้นแหละครับ ประชาสัมพันธ์มาทั้งวันแล้ว เกี่ยวกับรถกันกระสุนอะไรสักอย่าง”

เสี่ยวหวังเบ้ปาก “โฆษณาของลีอันซูนั่นน่ะเหรอคะ?”

ถงฟู่เข้าใจเรื่องรถยนต์เป็นอย่างดี “แบรนด์นี้ชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดี มีโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่อยู่ในเกาหลี เข้าสู่ตลาดจีนเมื่อหลายปีก่อน เมื่อก่อนไม่ได้ใช้ชื่อนี้ ตอนนั้นมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับกระปุกเกียร์ของรถบางรุ่น ในเกาหลี ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเรียกคืนสินค้าให้โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ที่จีนไม่ใช่อย่างนั้น ผู้ซื้อรถชาวจีนต้องซ่อมเอง การเลือกปฏิบัตินี้ถูกประชาชนด่ากราด สุดท้ายยอดขายไม่ดีเลยถอนตัวออกจากตลาดจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตรายเดิมได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์แล้วกลับมาอีกครั้ง น่าจะคิดชุบตัว ไม่แปลกใจที่เชิญลีอันซูมาเป็นพรีเซนเตอร์ เขาเรียกปลาเหม็นมองหากุ้งเน่า พวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกันนี่เอง ต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในจีน!”

ปัง!

ปัง!

เสียงทุบรถยนต์ยังดังอย่างต่อเนื่อง!

“ฮ่าๆๆ”

“ยังมีใครอยากลองอีกไหมครับ?”

“พวกเรามีอุปกรณ์ให้ด้วยนะครับ ขอเพียงทุบกระจกให้แตกได้ ก็รับรถหนึ่งคันไปได้เลย!”

จางเย่เริ่มอารมณ์ไม่ดี “ปิดหน้าต่างเถอะ เสียงดังเกินไปแล้ว”

เสี่ยวหวังรีบปิดหน้าต่างทันที

ฮาฉีฉี “มา พวกเรากินข้าวต่อกันเถอะ”

จางจั่ว “ใช่ อย่าหมดสนุกเพราะคนพวกนั้นเลย”

ถงฟู่ชูแก้วขึ้น “ผู้กำกับจาง ผมดื่มให้คุณแก้วหนึ่ง”

หัวข้อคุยล้วนเป็นเรื่องการทำงานของผู้ใหญ่

เฉินเฉินไม่ชอบฟัง เธอยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ป้าใหญ่ หนูอยากออกไปเดินเล่นที่ห้าง”

เหราอ้ายหมิ่น “ป้ายังกินไม่เสร็จเลย”

เฉินเฉินมองไปทางจางเย่ “จางเย่ นายพาฉันไป”

จางเย่โบกมือ “ไอ้หยา กำลังคุยกันสนุกเลย”

เฉินเฉินโมโหแล้ว

เสี่ยวหวังหัวเราะ “ผู้กำกับน้อย พี่สาวจะพาหนูไปเองนะ พี่กินอิ่มพอดี”

เสี่ยวโจวก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ฉันไปด้วย”

เฉินเฉินส่งเสียงอืมตอบคำหนึ่ง

เหราอ้ายหมิ่นเตือน “อย่าปล่อยไปเธอวิ่งไปเรื่อยล่ะ”

จางเย่ก็พูดว่า “เดินเล่นแป๊บเดียวก็กลับมาได้แล้วนะ เธออยากซื้ออะไรก็ให้เธอซื้อไป พวกเธอรูดบัตรให้ก่อน กลับมาค่อยมาเก็บที่ป้าใหญ่ของเธอ”

เสี่ยวหวังและเสี่ยวโจวหัวเราะขำ “เข้าใจแล้วค่ะ”

ทั้งสามคนออกไปเดินเล่นกันแล้ว

คนที่เหลือก็ทานอาหาร และพูดคุยกันต่อ

สิบนาที

ครึ่งชั่วโมง

พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นประตูห้องวีไอพีก็ถูกเปิดเข้ามา

เห็นเพียงเสี่ยวโจวที่วิ่งกลับมาอย่างรีบร้อน พอเข้ามาได้ก็ตะโกน “เกิดเรื่อง! เกิดเรื่องแล้ว! เฉินเฉินทุบรถคนอื่น! ตอนนี้เขาไม่ยอมปล่อยเธอออกมา!”

คนทั้งโต๊ะได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที!

“อะไรนะ?”

“ทุบรถของคนอื่น?”

“อยู่ที่ไหน?”

“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ไป! ไปดูกัน!”

“ทำไมเพิ่งออกไปได้แป๊บเดียวก็เกิดเรื่องแล้ว!”

เวลานั้นคนทั้งกลุ่มก็กรูกันออกไปอย่างรีบร้อน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด