ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1483 : อย่างมากก็แค่เริ่มต้นใหม่!

Now you are reading ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar Chapter 1483 : อย่างมากก็แค่เริ่มต้นใหม่! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1483 : อย่างมากก็แค่เริ่มต้นใหม่!

เขามองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่ผ่านของตนเอง

สี่ปีในวงการบันเทิงหรืออาจมากกว่านั้นนิดหน่อย?

ในสี่ปีที่ผ่านมา เขาได้รับชื่อเสียงอย่างมหาศาล คว้ารางวัลมามากมาย ตั้งแต่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการสื่อสารกระจายเสียงนครหลวง ก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการบันเทิงในประเทศทีละก้าว และก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเอเชีย จนเกือบขึ้นไปถึงยอดพิระมิดของเอเชีย อีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถหัวเราะเย้ยแผ่นดินเอเชียได้แล้ว นี่คือจุดสูงสุดในอาชีพของเขาในปัจจุบัน ทั้งเขายังได้รับความรัก มีครอบครัว มีลูกน้อยที่กำลังจะเกิดในอีกไม่กี่เดือน เขาจะได้เป็นพ่อคนในไม่ช้า นี่คือช่วงเวลาที่เขาเจริญรุ่งเรืองที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และเป็นช่วงเวลาอันงดงามที่สุด

แต่ตอนนี้จะให้เขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป?

การงาน?

ภรรยา?

ลูกน้อย?

ยากเหลือเกินจริงๆ

ตลอดหลายปีนี้ชีวิตจางเย่ไม่เคยราบรื่น เขารบราฆ่าฟันมาตลอดทาง ทั้งยังเผชิญกับการตัดสินใจอย่างยากลำบากมากมาย ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ครั้งนี้เขาตัดสินได้ยากมากจริงๆ และยังกระชั้นชิดมาก จางเย่ไม่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตาม ในใจเขามีคำตอบอันชัดเจนแล้ว

แต่เขารู้สึกว่าตนเองไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวคนเดียว แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมกับใครอีกหลายๆ คน

……

ช่วงบ่าย

ที่เรือนสี่ประสานของคุณอู๋

ทันทีที่จางเย่ขับรถเข้ามาในลานบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงพ่อแม่ของเขา เป็นเสียงหัวเราะที่ดังมาจากห้องทางทิศเหนือ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไร

เขาผลักประตูเข้าไปในห้อง

แม่หันมองมา “มาแล้วเหรอ?”

จางเย่ยิ้ม “พ่อกับแม่มาถึงตั้งแต่เมื่อไร?”

พ่อหัวเราะ “พวกเราเพิ่งมาถึง มาดูเจ๋อชิงน่ะ”

“เย่น้อย รีบนั่งเถอะ ดื่มชาอะไรดี?” หลี่ฉินฉินทักทาย

แม่กลับฮึดฮัด “ไม่ต้องสนใจเขา ให้เขาไปชงเอง เด็กคนนี้แย่มาก ไม่กลับมาตั้งสองวัน ไร้ประโยชน์จริงๆ”

หลี่ฉินฉินพูดอย่างอ่อนโยน “เย่น้อยงานยุ่งมากนะ พวกเราเข้าใจดี”

แม่พูด “ฉันไม่เห็นเขาจะยุ่งตรงไหน เห็นแต่ล็อตเต้ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ยุ่งจะตายแล้ว”

อู๋ฉางเหอเบ้ปาก “เย่น้อย ทำไมช่วงนี้แกถึงซวยขนาดนั้น? ตกบ่อน้ำก็ยังตกตั้งสองรอบ เดินบนถนนก็ดูหน่อยสิ อ้อใช่ กลุ่มแฟนคลับของแกเกิดเรื่องแล้ว แกรู้ไหม? หัวหน้ากลุ่มแฟนคลับแกเป็นแฮกเกอร์ชื่อดังของโลก นี่คงไม่กระทบมาถึงแกหรอกนะ?”

จางเย่หัวเราะ “ไม่หรอกครับ”

หลี่ฉินฉิน “งั้นก็ดี”

ทุกคนต่างนั่งสนทนาอยู่ด้วยกัน

จางเย่ก็นั่งลง พูดแทรกเป็นระยะ

แต่อู๋เจ๋อชิงกลับไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่ตอนที่จางเย่เข้าประตูมา เธอก็เหลือบมองเพียงแวบเดียว จากนั้นก็นิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า

เวลาผ่านไปไม่นาน

หลี่ฉินฉินลุกขึ้น “ได้เวลาไปทำกับข้าวแล้ว ทุกคนอยู่กินด้วยกันนะ”

แม่ “ฉันไปช่วย”

เวลานี้อู๋เจ๋อชิงจึงหัวเราะและพูดออกมา “งั้นหนูกับเย่น้อยกลับไปคุยกันที่ห้องหน่อยนะคะ”

อู๋ฉางเหอ “พวกเธอตามสบายเลย”

จางเย่รีบช่วยพยุงเธอ “ช้าหน่อย”

อู๋เจ๋อชิงยิ้ม “ระวังอยู่ ไม่เป็นไรหรอก”

พอก้าวข้ามธรณีประตู ทั้งสองคนก็กลับมาถึงห้องตะวันตก

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้อง อู๋เจ๋อชิงก็เก็บรอยยิ้มและจ้องมองจางเย่ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

จางเย่สะดุ้ง เขาคิดว่าวันนี้ทำตัวไม่แตกต่างจากปกติแล้ว ทั้งพ่อแม่เขาและพ่อแม่ของคุณอู๋ไม่มีใครมองออก แต่คุณอู๋ฉลาดเกินไป ไม่ว่าจะเป็นด้าน IQ หรือ EQ เอาจางเย่ร้อยคนมัดรวมกันก็ยังเทียบเธอไม่ได้ จางเย่ไม่จำเป็นต้องพูด เธอก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

จางเย่ยิ้มอย่างขมขื่น “มีปัญหาจริงๆ”

อู๋เจ๋อชิงถาม “ร้ายแรงมากหรือ?”

จางเย่ส่งเสียงอืม “ร้ายแรงมาก”

เขาเล่าให้คุณอู๋ฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ต้น เริ่มจากสาเหตุที่เขาต่อยลีอันซูหลังคืนส่งปี ถึงตอนที่เขาเข้าหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ จนถึงวันนี้ที่เรื่องเกิดแดงขึ้นมา จางเย่รู้ดีว่าเขายังมีทางเลือกอีกหนึ่งทาง นั่นก็คือปิดปากเงียบ ตอนนี้เวลาความโชคร้ายห้าเท่าสิ้นสุดลงแล้ว แม้ว่าหลักฐานจะชี้ไปที่สำนักงานของหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ แต่เป้าหมายที่ทุกคนสงสัยคือฟ่านอิงอวิ๋น ทั้งฝั่งเกาหลีและฝั่งจีน ไม่มีใครนึกถึงจางเย่ ถ้าจางเย่ไม่พูด สุดท้ายฟ่านอิ่งอวิ๋นก็ต้องรับผิดชอบแทน

ทางเลือกนี้ดีที่สุดสำหรับเขา

แต่ทางเลือกนี้ ไม่ได้อยู่ในตัวเลือกของจางเย่ตั้งแต่แรก

แต่จางเย่ยังคงบอกแก่คุณอู๋ เขานึกว่าคุณอู๋จะลังเล แต่อู๋เจ๋อชิงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ประโยคแรกที่เธอพูดหลังจากฟังจบก็คือ “ปัญหาของตัวเราเอง ไม่มีเหตุผลที่ให้คนอื่นมาแบกรับแทน” จากนั้นเธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ฉันเข้าใจแล้ว”

จางเย่อยากจะพูดอะไรต่อแต่ก็ชะงัก “แต่ว่า…”

อู๋เจ๋อชิง “เธอตัดสินใจแล้ว ไม่ต้องถามฉันหรอก”

จางเย่ “จะได้ยังไงกัน นี่มันเรื่องใหญ่นะ”

อู๋เจ๋อชิงพูด “คนยังอยู่ไหม?”

จางเย่ตะลึง “ยังอยู่ ไม่ถึงชีวิต”

คุณอู๋ยิ้ม “ขอเพียงคนยังอยู่ ทุกอย่างก็ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ทำสิ่งที่เธอคิดว่าถูกต้องเถอะ ฉันจะสนับสนุนเธอเสมอ”

“แต่ว่าจะตั้งกี่ปีก็…” จางเย่ไม่รู้จะพูดอะไรดี

คุณอู๋กุมมือเขาอย่างอ่อนโยน “เรื่องอื่นเธอไม่ต้องกังวล ที่บ้านยังมีฉันอยู่”

จางเย่ลังเล “อู๋ ขอ…”

เขาพูดยังไม่ทันจบก็ถูกอู๋เจ๋อชิงขัดขึ้น “ไม่ต้องขอโทษ สามีฉันเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยว ไม่ทำเรื่องชั่วร้าย และไม่จำเป็นต้องขอโทษใครทั้งนั้น”

แต่ยิ่งเธอพูดแบบนี้จางเย่ก็ยิ่งรู้สึกผิด ถ้าจางเย่อยู่ตัวคนเดียว เขาสามารถตามใจตนเอง อยากทำอะไรก็ทำ เรื่องใหญ่แค่ไหนก็กล้ารับ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป แต่มีเมีย มีลูก เขาเป็นหนี้ครอบครัวมาก ทั้งในฐานะสามี ลูกชาย หรือในฐานะพ่อ เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถจริงๆ

อู๋เจ๋อชิงถาม “จะไปเมื่อไรเหรอ?”

จางเย่ “ผมคิดว่าหลังงานคอนเสิร์ต เรื่องนี้กระทบหลายคนเกินไป ต้องให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน”

อู๋เจ๋อชิงพยักหน้า “โอเค”

“ช่วงหลายวันนี้จะไม่ออกไปไหนแล้ว ผมจะอยู่บ้านกับคุณ” จางเย่พูด

อู๋เจ๋อชิงกลับหัวเราะ “ไม่ต้องหรอก คอนเสิร์ตยังมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ การเตรียมการอื่นๆ ก่อนจากไปอีก จัดการธุระของเธอให้เรียบร้อยเถอะ”

จางเย่ “ทางด้านพ่อแม่เรา ผมต้องบอกพวกท่านไหม?”

อู๋เจ๋อชิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “อย่าบอกพวกท่านเลย ถึงเวลานั้นฉันจะบอกเอง”

จางเย่ร้องอืมตอบ แต่การแสดงออกกลับยังลังเล

“ทิ้งไม่ลงเหรอ?” คุณอู๋ถาม

จางเย่ยิ้มขื่น เขานั่งยองๆ บนพื้น และกอดช่วงท้องของคุณอู๋ไว้หลวมๆ “อะไรผมก็ทิ้งได้หมด แต่ทิ้งพ่อแม่ผมไม่ได้ และปล่อยวางจากพวกคุณสองคนไม่ได้”

อู๋เจ๋อชิงหัวเราะ “พวกเราสองคนก็หนีไม่ได้อยู่ดี”

จางเย่ “ช่างเป็นภรรยาที่แสนดีอะไรเช่นนี้ ผมไม่ได้กลัวพวกคุณจะหนีสักหน่อย”

อู๋เจ๋อชิงรู้สึกโล่งอก “เดิมทีเธอก็ตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงไปสักพักในสองเดือนนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ก็แค่เปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่นเท่านั้น มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เธอน่ะ ช่วงหลายปีนี้เหนื่อยมามากแล้ว ใช้โอกาสนี้พักผ่อนไม่กี่ปี หลังจากกลับมา ก็แค่เริ่มใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง”

จางเย่พูด “โอเค”

เขาตัดสินใจได้แล้ว

แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาทั้งคู่ก็ตาม

ทันใดนั้นอู๋เจ๋อชิงก็พูดขึ้นมา “เย่น้อย ร้องเพลงสักเพลงสิ”

จางเย่ “ร้องเพลงเหรอ?”

อู๋เจ๋อชิงหัวเราะ “อยากฟังขึ้นมากะทันหันน่ะ”

จางเย่ก็หัวเราะเช่นกัน “ได้เลย”

กีตาร์ตัวหนึ่งวางอยู่บนเตียง

จางเย่หยิบมันขึ้นมาและปรับโทนเสียง ดีดสายกีตาร์หลายครั้งแต่กลับไม่ได้เล่นเป็นเพลง เขาหลับตาลง อารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก ภาพนับไม่ถ้วนฉายผ่านความคิดของเขา

อาชีพการงาน

ถ้วยรางวัล

ภรรยา

ลูก

ทุกสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง วันนี้เขาต้องสละทิ้งทั้งหมดแล้ว

นี่มันเป็นความรู้สึกแบบไหน?

น่ากลัวว่าตัวจางเย่เองก็อธิบายไม่ได้

ทว่าตรงนั้น มีฝ่ามือของผู้หญิงคนหนึ่งจับมือเขาไว้อย่างแนบแน่น

จางเย่มองไปข้างๆ และยิ้มออกมา ในรอยยิ้มนั้นมีความสง่างามเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน

สายกีตาร์ขยับ

ในห้องครัว

แม่และหลี่ฉินฉินเอียงหูฟังเสียง

“ใครดีดกีตาร์อยู่?”

“เย่น้อยมั้ง”

“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากร้องเพลงขึ้นมาได้ล่ะ?”

“เหอะๆ น่าจะซ้อมก่อนขึ้นคอนเสิร์ตน่ะ”

ที่เรือนตะวันตก

เสียงร้องเพลงดังขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

“เกียรติยศทั้งมวลในเมื่อวาน”

“จะแปรผันเป็นความทรงจำที่ห่างไกล”

“กรำงานหนักมาถึงครึ่งชีวิตได้”

“คืนนี้ต้องเดินเข้าไปในพายุอีกครา”

“ฉันไม่อาจลอยถลาไปกับเกลียวคลื่น”

“เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รัก”

“ไม่ว่ายากลำบากแค่ไหนจักแข็งขืน”

“เพื่อวันคืนข้างหน้าที่รอคอยคาดหวัง”

“หากหัวใจยังอยู่ความฝันก็ยังคงอยู่!”

“ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ยังมีรักแท้!”

“มองดูชีวิตที่แพ้ชนะอย่างกล้าหาญ”

“ก็แค่เริ่มใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด