[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 12 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 12 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12

แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1)

 

   เซเลนในชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งครั้งและบิดขี้เกียจก่อนคลานลงจากเตียง เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่อยู่นอกหน้าต่าง แสงแดดกำลังดี เหมาะแก่การออกปฏิบัติการสืบข้อมูลลับ

 

“อือ อรุณสวัสดิ์”

 

  เซเลนตื่นแต่เช้าหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน พูดออกมาอย่างพอใจ ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดไปแล้ว หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นช่วงเที่ยงแล้วนั่นเอง แต่สำหรับเซเลนที่มักจะตื่นในช่วงที่ดวงอาทิตย์แทบจะตกดิน เวลานี้ถือว่าตื่นเช้าจนน่าอัศจรรย์

 

  ดื่มน้ำเปล่าไปหนึ่งแก้วจากถังน้ำที่สาวใช้ส่วนตัวของเซเลนเตรียมไว้ให้เพื่อดับกระหายในยามเช้า หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำที่เหลือก็มุ่งหน้าไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อม

 

“เยอะเกินไป ไม่ชอบ… ”

 

  เซเลนบ่นออกมาพร้อมถอนหายใจในตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแบบประตูสองบาน ตู้ที่เคยว่างเปล่าในวันที่เธอมาถึง ตอนนี้มันอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสมากมาย ทั้งหมดนั้นเป็นของคุณภาพสูงที่สุดเท่าที่หาได้ในเฮลิฟาเต้

 

  ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วหลังจากที่ได้รับเชิญไปทานอาหารค่ำร่วมกับราชาและเหล่าราชวงศ์ หลังจากวันนั้นเซเลนก็ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแทบทุกวัน พวกเขาดูเหมือนจะถูกใจเธอด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยเฉพาะราชินี ที่ให้เสื้อผ้ากับเธอทุกวันจนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่นี้เต็ม

 

“เหมือนกัน ไม่ชอบ”

 

  แม้ว่าเบื้องหน้าจะมีเสื้อผ้ามากมาย เซเลนก็ไม่ลังเลที่จะเอื้อมือไปหยิบชุดแนวโกธิคสีขาวนวลออกมาจากเสื้อผ้าที่เรียงอยู่มากมาย เป็นชุดเดียวกับที่เธอสวมตอนที่ย้ายมาจากอาร์คุยล่า ถ้าสาวใช้เป็นเด็กน่ารักหน่อยก็คิดจะสั่นกระดิ่งเพื่อเรียกให้มาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า น่าเสียดายที่เป็นรุ่นป้า เซเลนจึงลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเอง

 

“บัตเลอร์ อยู่ไหม?”

“ครับ องค์หญิง จะออกไปไหนหรือครับ?”

“ตรวจสอบ”

“กระผมทำการตรวจสอบทุกซอกทุกมุมภายในวังนี้แล้ว แต่ท้ายที่สุดมันจะต้องตกเป็นขององค์หญิงอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองก็น่าจะดีกว่าจริงๆ”

 

  เซเลนย่อตัวลงและยื่นมือออกให้บัตเลอร์กระโดดขึ้นมา คลายชุดให้หลวมเล็กน้อยเพื่อให้บัตเลอร์เข้าไปซ่อน สำหรับเซเลนแล้ว บัตเลอร์เป็นสหายที่ไว้ใจได้แม้ในยามฉุกเฉิน เธอจึงพาเขาติดตัวไปด้วยในทุกๆโอกาสเท่าที่จะพาไปได้ในการสำรวจโครงสร้างภายในเฮลิฟาเต้

 

“ตั้งแต่วันนี้ เอาจริงแล้ว”

 

  เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย เซเลนก็สร้างความฮึกเหิมในใจขึ้นมา เซเลนที่เคยตั้งใจหาจุดอ่อนของเจ้าชายแต่ก็ทำได้แค่คิดว่า พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน มาตลอด จึงทำให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่พบแม้แต่วี่แววของจุดอ่อนที่ว่า

 

  เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์จึงจะคิดได้ว่าถ้าคิดจะเริ่มลงมือพรุ่งนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้มันก็จะกลายเป็นวันนี้ วันพรุ่งนี้จึงไม่มาถึงสักที ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะไม่ได้เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อที่จะกำจัดวันพรุ่งนี้ที่ไม่จบสิ้นนั่น เซเลนจึงตื่นแต่เช้าและเริ่มวันนี้ซะเลย

 

“ไปเงียบๆ ไม่ถูกจับ… ”

 

  ตราบใดที่ยังอยู่ในพระราชวัง การเครื่องไหวจะไม่ถูกจำกัดหรือถูกเฝ้าระวัง แต่เมื่อคิดว่าตนเองกำลังจะทำพฤติกรรมน่าสงสัยก็ย่อมรู้สึกตื่นเต้นจนประหม่าได้ จากนั้นก็แง้มประตูผลุบๆโผล่ๆออกไปสักพักให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกต

 

“เซเลนนนน♪”

“อุหวา!?”

 

  ในขณะที่ออกไปนอกห้องก็ถูกใครบางคนกอดจากด้านหลังจนเซเลนตกใจสะบัดแขน ขา

ภารกิจรอบเร้นจบลงที่ความล้มเหลวภายในเวลา 3 วินาที

 

“…อ๊ะ มารี?”

“เอ่อ ขอโทษที ขอโทษที เห็นเซเลนโผล่ออกมานอกเหนือจากช่วงเวลาปรกติของเธอ เลยอยากทำให้ตกใจนิดหน่อย”

 

  มารีหัวเราะอยู่ข้างๆหูในท่าที่กอดอยู่จากด้านหลัง

 

  เซเลนยิ้มออกมาเพราะถูกกอดโดยเจ้าหญิงโลลิผมทองในระยะที่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

 

  พอเห็นเป้าหมายที่ถูกเย้าแหย่ ไม่ถือสาแล้วยังยิ้มและหัวเราะไปกับเธอ มารีก็ยิ้มออกเช่นกัน

 

“เซเลน วันนี่ฉันมีเรียนรอบบ่ายด้วย รู้มั้ย? อยากไปเรียนด้วยกันมั้ย? ”

“วันนี้ ไม่เอา”

“เอ๋! แต่ฉันไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับเซเลนเลยนี่นา ไปเถอะน่า ไปด้วยกัน”

 

  เมื่อมารีปล่อยเซเลน เธอก็ย้ายมาเกาะอยู่ด้านหน้าแทนและทำหน้าไม่พอใจ มารีต้องได้รับการศึกษาเพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ของราชวงศ์ เซเลนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการศึกษาด้วยเหมือนเป็นของแถม ถึงอย่างงั้น เซเลนก็หลับตลอดทั้งวันจึงแทบจะไม่เคยได้เข้าเรียน

 

“นี่ ไปกันเถอะน่า ไม่ค่อยได้ทำอะไรช่วงกลางวันไม่ใช่เหรอไง? ไหนๆก็ตื่นแล้วทำไม่มาด้วยกันล่ะ?”

“เรื่องเรียน ไม่ชอบ”

 

  เซเลนปฎิเสธตรงๆเพราะเธอไม่ชอบการเรียนจริงๆ แต่มารีที่ได้ฟังก็คิดว่ามันคือข้ออ้างของเซเลน เนื่องจากการศึกษาจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เด็กสาวคนนี้มีความคิดอ่านสูงจึงรู้สึกผิดที่ได้รับมาง่ายๆเหมือนเอาเปรียบ นี่คือสิ่งที่มารีคิด

 

“เซเลนนี่ก็สุดยอดไปเลยน้า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้เรียนเลยไม่ใช่เหรอ? แต่ก็เข้าใจเรื่องต่างๆได้ในทันทีเลย”

“เพราะโตกว่า ไงล่ะ”

“คนที่เป็นพี่สาวน่ะ ฉันไม่ใช่เหรอ?”

 

  ถึงจะเห็นเซเลนเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ได้รับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของญี่ปุ่นสมัยใหม่ แม้จะไม่ถนัดเรื่องภาษา แต่ถ้าเป็นอะไรที่แสดงให้อีกฝ่ายดูได้เช่น คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสุขวิทยา ก็ทำได้เป็นอย่างดี

 

  นั่นทำให้เหล่าครูผู้สอนทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เซเลนเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์โดดเด่นทั้งๆที่มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ แท้จริงแล้วเพียงเพราะเธอไดรับการศึกษาและมีประสบการณ์มามากกว่ามารี หรืออีกนัยหนึ่ง เซเลนที่อายุรวมหลายสิบปีทำได้ดีกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับมารีที่อายุ10ปี ถ้าตัดความได้เปรียบเรื่องอายุออกไปก็จะเห็นว่ามารีเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด

 

  มารีที่เกลียดความพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้ให้กับเซเลน เพราะเธอแสดงความสามารถทางศิลป์ออกมาไม่ดีนัก เช่นงานศิลปะ การเต้นรำ และดนตรี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสตรีในชนชั้นสูงและราชวงศ์

 

  เมื่อเธอวาดภาพ มันจะออกมาเป็นแนวศิลปะร่วมสมัย เมื่อเธอเต้นรำ เท้าขาวและเท้าซ้ายของเธอจะสะดุดกันเอง เมื่อเธอร้องเพลง เสียงที่น่ารักดุจเทพธิดาจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน ในแง่นี้ มารีทำได้ดีกว่าเซเลนแบบทิ้งห่าง

 

  หากมองอีกมุม เซเลนและมารีมีความเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน เซเลนเป็นน้องสาวที่น่าภาคภูมิใจของมารี และมารีก็ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาวได้ เป็นสิ่งที่รักษาสมดุลในจิตใจของมารีที่มักจะรู้สึกว่าด้อยกว่าเพราะถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายที่มีมาตรฐานสูงจนเกินไป

 

  จริงๆแล้ว ตั้งแต่เซเลนถูกพามา มารีก็ยิ้มและหัวเราะบ่อยขึ้น ความขุ่นเคืองกับพี่ชายที่เกิดจากความอิจฉาก็จางหายไปอย่างช้าๆ

 

“อ๊ะ คอเสื้อไม่เรียบร้อยแหนะ อยู่นิ่งๆนะ”

 

  มารีสังเกตเห็นคอเสื้อของเซเลนเปิดห้อยอยู่จึงเอื้อมมือไปแก้ไขให้ เนื่องจากเมื่อสักครู่เธอคลายออกให้บัตเลอร์เข้าไปซ่อน และเซเลนเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวจึงปล่อยเอาไว้อย่างนั้น มันจึงดูเหมือนเป็นการไม่ระวังตัวประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก ทำให้มารึเกิดความรู้สึกอยากที่จะปกป้องเธอ

 

“เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดีนะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันแก้ให้เอง”

“ขอบคุณ”

“แล้ว ทำไมถึงไม่อยากเข้าเรียนล่ะ? มีเรื่องอะไรที่อยากทำมากกว่าเหรอ?”

“…หาข้อมูล”

“ข้อมูล? อะไรล่ะนั่น?”

“เกี่ยวกับ เจ้าชาย”

“เอ๋? ของท่านพี่?

 

  มารีสงสัยกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็นึกขึ้นมาได้ ก็อย่างที่ทุกๆคนพูดกัน พี่ชายของเธอเป็นหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่พูดถึงกันทั้งทวีป ฉายา องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง

 

  ตั้งแต่เด็กน้อยไปจนถึงสาวใหญ่มีอายุ ไม่มีหญิงใดที่ไม่หลงใหลในตัวของเขา คำล่ำลือเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องไม่มีมูล แม้มารีจะถูกนำไปเปรียบเทียบก็ยังภูมิใจในเรื่องนั้น

 

“หรือว่า เซเลนชอบท่านพี่?”

“ไม่ใช่!!”

 

  เซเลนปฏิเสธอย่างจริงจัง จากเซเลนที่เป็นเด็กเงียบๆกลับพูดเสียงดังขนาดนี้ มารีจึงเข้าใจว่านี่อาจเป็นลางดี ผิวของเซเลนที่ขาวดุจหิมะทำให้ง่ายต่อการสังเกตเมื่อใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ลเวลาที่เธอตื่นเต้น

 

“(อืม ก็ไม่แปลกใจหรอกที่เธอจะชอบท่านพี่)”

 

  สำหรับเซเลนแล้ว ท่านพี่มิลานเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเธอ มารีชอบฉากแบบนี้มากในหนังสือนิทานหรือบทละคร เจ้าหญิงที่ถูกคุมขังถูกช่วยออกมาโดยเจ้าชายรูปงาม สำหรับคนที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์เช่นนี้โดยตรง มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะตกหลุมรัก

 

  และอีกอย่าง แม้ว่าเซเลนจะตอบปฏิเสธออกมา แต่ว่าก่อนหน้านี่เซเลนก็พูดออกมาเองว่าอยากรู้เรื่องของพี่ชายของเธอ นั่นแหละที่สำคัญ เป็นหลักฐานที่ดี

 

“เซเลน จะว่าไปก็เห็นใส่ชุดนี้ทุกครั้งเลย ทำไมเหรอ?”

“…ใส่อะไรก็ได้”

 

  จริงอย่างที่มารีพูด วันนี้เซเลนก็สวมชุดแนวโกธิคสีขาวนวล มารีที่จู้จี้เรื่องการแต่งตัวนั้นคอยดูอยู่ตลอดทุกวันว่าเซเลนจะใส่ชุดไหน ซึ้งก็เห็นว่าเซเลนชอบใส่ชุดสีขาวตัวนี้มากเป็นพิเศษ

 

  ตั้งแต่ที่เซเลนถูกพามาที่วังหลวง มารีก็รู้ว่าท่านแม่ของเธอซื้อเสื้อผ้าให้เซเลนไปแล้วมากมาย แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นของคุณภาพสูงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี

 

  แต่ว่าเซเลนก็ไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าพวกนั้นเลย เอาแต่ใส่ชุดของอาคุยล่าที่ใส่ในช่วงที่เดินทางมา เป็นชุดที่ถูกเลือกมาจากความเร่งรีบ คุณภาพไม่ถึงกับแย่แต่ถ้าเทียบกับของที่มีในเฮลิฟาเต้แล้ว มันก็ไม่ใช่ของที่ดีนัก น่าสงสัยว่าทำไมเธอถึงชอบชุดนี้นัก มารีนึกถึงเหตุผลได้ข้อเดียว

 

“(มันเป็นของชิ้นแรกที่ได้รับจากท่านพี่)”

 

  ชุดนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับจากคนที่แอบหลงรัก การที่เธอสวมชุดนี้ก็เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกพิเศษที่เซเลนมีให้กับมิลาน อย่างน้อยมันก็เป็นเหตุผลเดียวที่มารีคิดออกมาได้

 

  แต่ความจริงไม่ได้ใกล้เคียงเลย เซเลนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสวมชุดแบบไหนอยู่ ที่ชอบใส่ก็เพราะความเคยชินเท่านั้น และอีกเหตุผลก็เพราะ เวลาที่เซเลนถอดชุดออกเพื่อให้สาวใช้นำไปซัก ชุดที่ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วจะถูกนำกลับมาแขวนคืนที่ตู้เสื้อผ้าตอนที่เซเลนหลับอยู่ และชุดจะถูกแขวนที่ด้านหน้าสุดของตู้ซึ่งเป็นส่วนที่ว่างอยู่ ในมุมมองของเซเลน ส่วนนั้นเป็นจุดที่เอื้อมมือไปหยิบได้ง่ายที่สุดจึงถูกเลือกขึ้นมาก่อนเป็นประจำ เป็นวงจรที่วนซ้ำอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

  กะไว้ว่าจะใส่จนเปื่อยจนใส่ไม่ได้นั่นแหละ ถ้าเปิดมาแล้วเจอชุดอื่นข้างหน้าก็คงจะเลือกชุดนั้นเหมือนกัน แล้วถ้าเอาชุดหรูๆพวกนี้ไปแลกได้ เป็นชุดที่ใส่ง่ายๆใส่สบายอย่างชุดวอร์ม เซเลนก็จะเอาไปแลกหมดตู้โดยไม่ต้องคิด

 

“ถ้าเป็นท่านพี่ ในช่วงเวลานี้น่าจะอยู่ที่สนามฝึกซ้อม”

“สนามฝึก?”

“ที่ที่ทหารเอาไว้ออกกำลังน่ะ ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ท่านพี่ก็ไปที่นั่นทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบที่เหม็นเหงื่อแบบนั้น คงเป็นคนแปลกๆหน่อยล่ะมั้ง”

“น่าสงสาร”

“อ๊ะ เซเลนก็คิดเหมือนกันใช่มั้ย? ในเมื่อเป็นถึงเจ้าชายก็น่าจะทำอะไรที่ดูสง่างามกว่านี้สิ”

 

  ที่เซเลนบอกน่าสงสารนั้น แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงมิลาน แต่หมายถึงเหล่าทหารที่กำลังฝึกอยู่ต่างหาก ถ้าระหว่างการทำงานมีเจ้านายมาคอยเฝ้าตรวจสอบทุกๆการเคลื่อนไหวแบบนี้ มันจะทำให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเลยล่ะ

 

“นี่ มารี”

“หืม? อะไรเหรอ?”

“ที่นั้น ฉัน ไปได้ไหม?”

“เอ๋? ไปที่สนามฝึกนั่นเหรอ? ก็ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้หรอก แต่มันน่าเบื่อนะ รู้ใช่มั้ย?”

“ไม่เห็นไร ฉัน อยากดู เจ้าชาย”

“ไม่อยากไปที่เหม็นเหงื่อนั่นเลยน้า ไปสวนกุหลาบแทนกันมั้ย? ฉันรู้จักมุมดีๆในสวนกุหลาบด้วยนะ”

“ไม่ชอบ กุหลาบ”

 

  คำเชิญของมารีถูกปฏิเสธง่ายๆโดยเซเลนที่ส่ายหน้าอยู่

  มารีเอียงคอเล็กน้อย แต่เซเลนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

“งั้นเหรอ? แต่ฉันชอบกุหลาบนะ ทำเธอถึงไม่ชอบมันล่ะ?”

“มีกลิ่น เหม็น”

“เอ๋… แต่ฉันชอบกลิ่นของมันนะ แล้วที่เซเลนชอบมันเป็นแบบไหนล่ะ?”

“ยูริ(ลิลลี่)”

“ลิลลี่สินะ แต่ในวังนี้ไมมีสวนลิลลี่ซะด้วยสิ ถ้าเป็นท่านพี่ก็อาจจะรู้ก็ได้ว่าหาจากไหน”

“งั้นเหรอ…”

 

  เซเลนผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อเธอก็นึกถึงเป้าหมายดั้งเดิมของเธอได้จึงหันไปหามารี

 

“ไม่ใช่ ผิดแล้ว ไปดู เจ้าชาย”

“อยากเจอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“อือ”

“ท่านพี่น่ะ ฝึกหนักมากเลยนะ ถึงไปเจอก็คงไม่ได้คุยกันหรอก”

“ไม่เป็นไร ไปดู เฉยๆ”

 

  เซเลนทำท่าจริงจัง หลังจากที่เห็นน้องสาวยืนยันหนักแน่นถึงเพียงนี้ มารีจึงตอบรับความรู้สึกนั้น

 

“ได้สิ ถ้าอยากจะเจอท่านพี่ขนาดนั้นล่ะก็ แต่มันค่อนข้างไกลจากที่นี่นะ ถ้าจะไปก็ต้องนั่งรถม้า ฉันต้องเข้าเรียนช่วงบ่ายด้วย เลยได้แค่พาดูรอบๆเท่านั้นนะ”

“อือ!”

 

  ถ้าเป็นสนามฝึกล่ะก็ อาจจะได้เห็นว่าเจ้าชายทำได้แค่ไหนหรือไม่ถนัดอะไรด้วย อาจได้เห็นถึงจุดอ่อนของเจ้าชายเลยก็ได้ ตอนที่โดนมารีพบตัวก็นึกว่าจะล้มเหลวซะแล้ว แต่ตอนนี้เซเลนได้ผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจึงเผลอยิ้มออกมา

 

  ขณะเดียวกัน มารีที่มองดูอยู่เห็นเซเลนยิ้มอย่างดีใจก็ยิ้มออกมาบ้าง เป็นเรื่องที่หาได้ยาก เซเลนที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จะแสดงความดีใจออกมา เธอคงหลงใหลรูปโฉมของพี่ชายมากจริงๆ

 

  ได้ยินมาว่าเซเลนเป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีฐานะทางสังคม แต่พ่อของตนก็แต่งงานกับแม่ที่มาจากครอบครัวที่ยากจน ความต่างเรื่องอายุของพ่อกับแม่ก็พอๆกันกับอายุของมิลานเละเซเลน นับว่ายังมีโอกาสเข้าคู่กันได้ดีอยู่ อย่างน้อย ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ ‘ไอ้นั่น’ จากประเทศข้างๆต้องมาแย่งพี่ชายคนสำคัญไปแน่ ให้หมั้นกับเซเลนยังจะดีเสียกว่า

 

“(ฉันจะสนับสนุนเธอเอง เซเลน!)”

 

  มารีให้กำลังใจเซเลนอยู่ในใจและพาเธอที่กำลังอารมณ์ดีไปที่รถม้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 12 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 12 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12

แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1)

 

   เซเลนในชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งครั้งและบิดขี้เกียจก่อนคลานลงจากเตียง เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่อยู่นอกหน้าต่าง แสงแดดกำลังดี เหมาะแก่การออกปฏิบัติการสืบข้อมูลลับ

 

“อือ อรุณสวัสดิ์”

 

  เซเลนตื่นแต่เช้าหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน พูดออกมาอย่างพอใจ ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดไปแล้ว หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นช่วงเที่ยงแล้วนั่นเอง แต่สำหรับเซเลนที่มักจะตื่นในช่วงที่ดวงอาทิตย์แทบจะตกดิน เวลานี้ถือว่าตื่นเช้าจนน่าอัศจรรย์

 

  ดื่มน้ำเปล่าไปหนึ่งแก้วจากถังน้ำที่สาวใช้ส่วนตัวของเซเลนเตรียมไว้ให้เพื่อดับกระหายในยามเช้า หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำที่เหลือก็มุ่งหน้าไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อม

 

“เยอะเกินไป ไม่ชอบ… ”

 

  เซเลนบ่นออกมาพร้อมถอนหายใจในตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแบบประตูสองบาน ตู้ที่เคยว่างเปล่าในวันที่เธอมาถึง ตอนนี้มันอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสมากมาย ทั้งหมดนั้นเป็นของคุณภาพสูงที่สุดเท่าที่หาได้ในเฮลิฟาเต้

 

  ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วหลังจากที่ได้รับเชิญไปทานอาหารค่ำร่วมกับราชาและเหล่าราชวงศ์ หลังจากวันนั้นเซเลนก็ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแทบทุกวัน พวกเขาดูเหมือนจะถูกใจเธอด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยเฉพาะราชินี ที่ให้เสื้อผ้ากับเธอทุกวันจนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่นี้เต็ม

 

“เหมือนกัน ไม่ชอบ”

 

  แม้ว่าเบื้องหน้าจะมีเสื้อผ้ามากมาย เซเลนก็ไม่ลังเลที่จะเอื้อมือไปหยิบชุดแนวโกธิคสีขาวนวลออกมาจากเสื้อผ้าที่เรียงอยู่มากมาย เป็นชุดเดียวกับที่เธอสวมตอนที่ย้ายมาจากอาร์คุยล่า ถ้าสาวใช้เป็นเด็กน่ารักหน่อยก็คิดจะสั่นกระดิ่งเพื่อเรียกให้มาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า น่าเสียดายที่เป็นรุ่นป้า เซเลนจึงลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเอง

 

“บัตเลอร์ อยู่ไหม?”

“ครับ องค์หญิง จะออกไปไหนหรือครับ?”

“ตรวจสอบ”

“กระผมทำการตรวจสอบทุกซอกทุกมุมภายในวังนี้แล้ว แต่ท้ายที่สุดมันจะต้องตกเป็นขององค์หญิงอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองก็น่าจะดีกว่าจริงๆ”

 

  เซเลนย่อตัวลงและยื่นมือออกให้บัตเลอร์กระโดดขึ้นมา คลายชุดให้หลวมเล็กน้อยเพื่อให้บัตเลอร์เข้าไปซ่อน สำหรับเซเลนแล้ว บัตเลอร์เป็นสหายที่ไว้ใจได้แม้ในยามฉุกเฉิน เธอจึงพาเขาติดตัวไปด้วยในทุกๆโอกาสเท่าที่จะพาไปได้ในการสำรวจโครงสร้างภายในเฮลิฟาเต้

 

“ตั้งแต่วันนี้ เอาจริงแล้ว”

 

  เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย เซเลนก็สร้างความฮึกเหิมในใจขึ้นมา เซเลนที่เคยตั้งใจหาจุดอ่อนของเจ้าชายแต่ก็ทำได้แค่คิดว่า พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน มาตลอด จึงทำให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่พบแม้แต่วี่แววของจุดอ่อนที่ว่า

 

  เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์จึงจะคิดได้ว่าถ้าคิดจะเริ่มลงมือพรุ่งนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้มันก็จะกลายเป็นวันนี้ วันพรุ่งนี้จึงไม่มาถึงสักที ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะไม่ได้เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อที่จะกำจัดวันพรุ่งนี้ที่ไม่จบสิ้นนั่น เซเลนจึงตื่นแต่เช้าและเริ่มวันนี้ซะเลย

 

“ไปเงียบๆ ไม่ถูกจับ… ”

 

  ตราบใดที่ยังอยู่ในพระราชวัง การเครื่องไหวจะไม่ถูกจำกัดหรือถูกเฝ้าระวัง แต่เมื่อคิดว่าตนเองกำลังจะทำพฤติกรรมน่าสงสัยก็ย่อมรู้สึกตื่นเต้นจนประหม่าได้ จากนั้นก็แง้มประตูผลุบๆโผล่ๆออกไปสักพักให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกต

 

“เซเลนนนน♪”

“อุหวา!?”

 

  ในขณะที่ออกไปนอกห้องก็ถูกใครบางคนกอดจากด้านหลังจนเซเลนตกใจสะบัดแขน ขา

ภารกิจรอบเร้นจบลงที่ความล้มเหลวภายในเวลา 3 วินาที

 

“…อ๊ะ มารี?”

“เอ่อ ขอโทษที ขอโทษที เห็นเซเลนโผล่ออกมานอกเหนือจากช่วงเวลาปรกติของเธอ เลยอยากทำให้ตกใจนิดหน่อย”

 

  มารีหัวเราะอยู่ข้างๆหูในท่าที่กอดอยู่จากด้านหลัง

 

  เซเลนยิ้มออกมาเพราะถูกกอดโดยเจ้าหญิงโลลิผมทองในระยะที่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

 

  พอเห็นเป้าหมายที่ถูกเย้าแหย่ ไม่ถือสาแล้วยังยิ้มและหัวเราะไปกับเธอ มารีก็ยิ้มออกเช่นกัน

 

“เซเลน วันนี่ฉันมีเรียนรอบบ่ายด้วย รู้มั้ย? อยากไปเรียนด้วยกันมั้ย? ”

“วันนี้ ไม่เอา”

“เอ๋! แต่ฉันไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับเซเลนเลยนี่นา ไปเถอะน่า ไปด้วยกัน”

 

  เมื่อมารีปล่อยเซเลน เธอก็ย้ายมาเกาะอยู่ด้านหน้าแทนและทำหน้าไม่พอใจ มารีต้องได้รับการศึกษาเพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ของราชวงศ์ เซเลนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการศึกษาด้วยเหมือนเป็นของแถม ถึงอย่างงั้น เซเลนก็หลับตลอดทั้งวันจึงแทบจะไม่เคยได้เข้าเรียน

 

“นี่ ไปกันเถอะน่า ไม่ค่อยได้ทำอะไรช่วงกลางวันไม่ใช่เหรอไง? ไหนๆก็ตื่นแล้วทำไม่มาด้วยกันล่ะ?”

“เรื่องเรียน ไม่ชอบ”

 

  เซเลนปฎิเสธตรงๆเพราะเธอไม่ชอบการเรียนจริงๆ แต่มารีที่ได้ฟังก็คิดว่ามันคือข้ออ้างของเซเลน เนื่องจากการศึกษาจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เด็กสาวคนนี้มีความคิดอ่านสูงจึงรู้สึกผิดที่ได้รับมาง่ายๆเหมือนเอาเปรียบ นี่คือสิ่งที่มารีคิด

 

“เซเลนนี่ก็สุดยอดไปเลยน้า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้เรียนเลยไม่ใช่เหรอ? แต่ก็เข้าใจเรื่องต่างๆได้ในทันทีเลย”

“เพราะโตกว่า ไงล่ะ”

“คนที่เป็นพี่สาวน่ะ ฉันไม่เหรอ?”

 

  ถึงจะเห็นเซเลนเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ได้รับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของญี่ปุ่นสมัยใหม่ แม้จะไม่ถนัดเรื่องภาษา แต่ถ้าเป็นอะไรที่แสดงให้อีกฝ่ายดูได้เช่น คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสุขวิทยา ก็ทำได้เป็นอย่างดี

 

  นั่นทำให้เหล่าครูผู้สอนทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เซเลนเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์โดดเด่นทั้งๆที่มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ แท้จริงแล้วเพียงเพราะเธอไดรับการศึกษาและมีประสบการณ์มามากกว่ามารี หรืออีกนัยหนึ่ง เซเลนที่อายุรวมหลายสิบปีทำได้ดีกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับมารีที่อายุ10ปี ถ้าตัดความได้เปรียบเรื่องอายุออกไปก็จะเห็นว่ามารีเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด

 

  มารีที่เกลียดความพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้ให้กับเซเลน เพราะเธอแสดงความสามารถทางศิลป์ออกมาไม่ดีนัก เช่นงานศิลปะ การเต้นรำ และดนตรี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสตรีในชนชั้นสูงและราชวงศ์

 

  เมื่อเธอวาดภาพ มันจะออกมาเป็นแนวศิลปะร่วมสมัย เมื่อเธอเต้นรำ เท้าขาวและเท้าซ้ายของเธอจะสะดุดกันเอง เมื่อเธอร้องเพลง เสียงที่น่ารักดุจเทพธิดาจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน ในแง่นี้ มารีทำได้ดีกว่าเซเลนแบบทิ้งห่าง

 

  หากมองอีกมุม เซเลนและมารีมีความเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน เซเลนเป็นน้องสาวที่น่าภาคภูมิใจของมารี และมารีก็ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาวได้ เป็นสิ่งที่รักษาสมดุลในจิตใจของมารีที่มักจะรู้สึกว่าด้อยกว่าเพราะถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายที่มีมาตรฐานสูงจนเกินไป

 

  จริงๆแล้ว ตั้งแต่เซเลนถูกพามา มารีก็ยิ้มและหัวเราะบ่อยขึ้น ความขุ่นเคืองกับพี่ชายที่เกิดจากความอิจฉาก็จางหายไปอย่างช้าๆ

 

“อ๊ะ คอเสื้อไม่เรียบร้อยแหนะ อยู่นิ่งๆนะ”

 

  มารีสังเกตเห็นคอเสื้อของเซเลนเปิดห้อยอยู่จึงเอื้อมมือไปแก้ไขให้ เนื่องจากเมื่อสักครู่เธอคลายออกให้บัตเลอร์เข้าไปซ่อน และเซเลนเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวจึงปล่อยเอาไว้อย่างนั้น มันจึงดูเหมือนเป็นการไม่ระวังตัวประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก ทำให้มารึเกิดความรู้สึกอยากที่จะปกป้องเธอ

 

“เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดีนะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันแก้ให้เอง”

“ขอบคุณ”

“แล้ว ทำไมถึงไม่อยากเข้าเรียนล่ะ? มีเรื่องอะไรที่อยากทำมากกว่าเหรอ?”

“…หาข้อมูล”

“ข้อมูล? อะไรล่ะนั่น?”

“เกี่ยวกับ เจ้าชาย”

“เอ๋? ของท่านพี่?

 

  มารีสงสัยกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็นึกขึ้นมาได้ ก็อย่างที่ทุกๆคนพูดกัน พี่ชายของเธอเป็นหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่พูดถึงกันทั้งทวีป ฉายา องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง

 

  ตั้งแต่เด็กน้อยไปจนถึงสาวใหญ่มีอายุ ไม่มีหญิงใดที่ไม่หลงใหลในตัวของเขา คำล่ำลือเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องไม่มีมูล แม้มารีจะถูกนำไปเปรียบเทียบก็ยังภูมิใจในเรื่องนั้น

 

“หรือว่า เซเลนชอบท่านพี่?”

“ไม่ใช่!!”

 

  เซเลนปฏิเสธอย่างจริงจัง จากเซเลนที่เป็นเด็กเงียบๆกลับพูดเสียงดังขนาดนี้ มารีจึงเข้าใจว่านี่อาจเป็นลางดี ผิวของเซเลนที่ขาวดุจหิมะทำให้ง่ายต่อการสังเกตเมื่อใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ลเวลาที่เธอตื่นเต้น

 

“(อืม ก็ไม่แปลกใจหรอกที่เธอจะชอบท่านพี่)”

 

  สำหรับเซเลนแล้ว ท่านพี่มิลานเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเธอ มารีชอบฉากแบบนี้มากในหนังสือนิทานหรือบทละคร เจ้าหญิงที่ถูกคุมขังถูกช่วยออกมาโดยเจ้าชายรูปงาม สำหรับคนที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์เช่นนี้โดยตรง มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะตกหลุมรัก

 

  และอีกอย่าง แม้ว่าเซเลนจะตอบปฏิเสธออกมา แต่ว่าก่อนหน้านี่เซเลนก็พูดออกมาเองว่าอยากรู้เรื่องของพี่ชายของเธอ นั่นแหละที่สำคัญ เป็นหลักฐานที่ดี

 

“เซเลน จะว่าไปก็เห็นใส่ชุดนี้ทุกครั้งเลย ทำไมเหรอ?”

“…ใส่อะไรก็ได้”

 

  จริงอย่างที่มารีพูด วันนี้เซเลนก็สวมชุดแนวโกธิคสีขาวนวล มารีที่จู้จี้เรื่องการแต่งตัวนั้นคอยดูอยู่ตลอดทุกวันว่าเซเลนจะใส่ชุดไหน ซึ้งก็เห็นว่าเซเลนชอบใส่ชุดสีขาวตัวนี้มากเป็นพิเศษ

 

  ตั้งแต่ที่เซเลนถูกพามาที่วังหลวง มารีก็รู้ว่าท่านแม่ของเธอซื้อเสื้อผ้าให้เซเลนไปแล้วมากมาย แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นของคุณภาพสูงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี

 

  แต่ว่าเซเลนก็ไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าพวกนั้นเลย เอาแต่ใส่ชุดของอาคุยล่าที่ใส่ในช่วงที่เดินทางมา เป็นชุดที่ถูกเลือกมาจากความเร่งรีบ คุณภาพไม่ถึงกับแย่แต่ถ้าเทียบกับของที่มีในเฮลิฟาเต้แล้ว มันก็ไม่ใช่ของที่ดีนัก น่าสงสัยว่าทำไมเธอถึงชอบชุดนี้นัก มารีนึกถึงเหตุผลได้ข้อเดียว

 

“(มันเป็นของชิ้นแรกที่ได้รับจากท่านพี่)”

 

  ชุดนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับจากคนที่แอบหลงรัก การที่เธอสวมชุดนี้ก็เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกพิเศษที่เซเลนมีให้กับมิลาน อย่างน้อยมันก็เป็นเหตุผลเดียวที่มารีคิดออกมาได้

 

  แต่ความจริงไม่ได้ใกล้เคียงเลย เซเลนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสวมชุดแบบไหนอยู่ ที่ชอบใส่ก็เพราะความเคยชินเท่านั้น และอีกเหตุผลก็เพราะ เวลาที่เซเลนถอดชุดออกเพื่อให้สาวใช้นำไปซัก ชุดที่ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วจะถูกนำกลับมาแขวนคืนที่ตู้เสื้อผ้าตอนที่เซเลนหลับอยู่ และชุดจะถูกแขวนที่ด้านหน้าสุดของตู้ซึ่งเป็นส่วนที่ว่างอยู่ ในมุมมองของเซเลน ส่วนนั้นเป็นจุดที่เอื้อมมือไปหยิบได้ง่ายที่สุดจึงถูกเลือกขึ้นมาก่อนเป็นประจำ เป็นวงจรที่วนซ้ำอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

  กะไว้ว่าจะใส่จนเปื่อยจนใส่ไม่ได้นั่นแหละ ถ้าเปิดมาแล้วเจอชุดอื่นข้างหน้าก็คงจะเลือกชุดนั้นเหมือนกัน แล้วถ้าเอาชุดหรูๆพวกนี้ไปแลกได้ เป็นชุดที่ใส่ง่ายๆใส่สบายอย่างชุดวอร์ม เซเลนก็จะเอาไปแลกหมดตู้โดยไม่ต้องคิด

 

“ถ้าเป็นท่านพี่ ในช่วงเวลานี้น่าจะอยู่ที่สนามฝึกซ้อม”

“สนามฝึก?”

“ที่ที่ทหารเอาไว้ออกกำลังน่ะ ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ท่านพี่ก็ไปที่นั่นทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบที่เหม็นเหงื่อแบบนั้น คงเป็นคนแปลกๆหน่อยล่ะมั้ง”

“น่าสงสาร”

“อ๊ะ เซเลนก็คิดเหมือนกันใช่มั้ย? ในเมื่อเป็นถึงเจ้าชายก็น่าจะทำอะไรที่ดูสง่างามกว่านี้สิ”

 

  ที่เซเลนบอกน่าสงสารนั้น แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงมิลาน แต่หมายถึงเหล่าทหารที่กำลังฝึกอยู่ต่างหาก ถ้าระหว่างการทำงานมีเจ้านายมาคอยเฝ้าตรวจสอบทุกๆการเคลื่อนไหวแบบนี้ มันจะทำให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเลยล่ะ

 

“นี่ มารี”

“หืม? อะไรเหรอ?”

“ที่นั้น ฉัน ไปได้ไหม?”

“เอ๋? ไปที่สนามฝึกนั่นเหรอ? ก็ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้หรอก แต่มันน่าเบื่อนะ รู้ใช่มั้ย?”

“ไม่เห็นไร ฉัน อยากดู เจ้าชาย”

“ไม่อยากไปที่เหม็นเหงื่อนั่นเลยน้า ไปสวนกุหลาบแทนกันมั้ย? ฉันรู้จักมุมดีๆในสวนกุหลาบด้วยนะ”

“ไม่ชอบ กุหลาบ”

 

  คำเชิญของมารีถูกปฏิเสธง่ายๆโดยเซเลนที่ส่ายหน้าอยู่

  มารีเอียงคอเล็กน้อย แต่เซเลนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

“งั้นเหรอ? แต่ฉันชอบกุหลาบนะ ทำเธอถึงไม่ชอบมันล่ะ?”

“มีกลิ่น เหม็น”

“เอ๋… แต่ฉันชอบกลิ่นของมันนะ แล้วที่เซเลนชอบมันเป็นแบบไหนล่ะ?”

“ยูริ(ลิลลี่)”

“ลิลลี่สินะ แต่ในวังนี้ไมมีสวนลิลลี่ซะด้วยสิ ถ้าเป็นท่านพี่ก็อาจจะรู้ก็ได้ว่าหาจากไหน”

“งั้นเหรอ…”

 

  เซเลนผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อเธอก็นึกถึงเป้าหมายดั้งเดิมของเธอได้จึงหันไปหามารี

 

“ไม่ใช่ ผิดแล้ว ไปดู เจ้าชาย”

“อยากเจอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“อือ”

“ท่านพี่น่ะ ฝึกหนักมากเลยนะ ถึงไปเจอก็คงไม่ได้คุยกันหรอก”

“ไม่เป็นไร ไปดู เฉยๆ”

 

  เซเลนทำท่าจริงจัง หลังจากที่เห็นน้องสาวยืนยันหนักแน่นถึงเพียงนี้ มารีจึงตอบรับความรู้สึกนั้น

 

“ได้สิ ถ้าอยากจะเจอท่านพี่ขนาดนั้นล่ะก็ แต่มันค่อนข้างไกลจากที่นี่นะ ถ้าจะไปก็ต้องนั่งรถม้า ฉันต้องเข้าเรียนช่วงบ่ายด้วย เลยได้แค่พาดูรอบๆเท่านั้นนะ”

“อือ!”

 

  ถ้าเป็นสนามฝึกล่ะก็ อาจจะได้เห็นว่าเจ้าชายทำได้แค่ไหนหรือไม่ถนัดอะไรด้วย อาจได้เห็นถึงจุดอ่อนของเจ้าชายเลยก็ได้ ตอนที่โดนมารีพบตัวก็นึกว่าจะล้มเหลวซะแล้ว แต่ตอนนี้เซเลนได้ผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจึงเผลอยิ้มออกมา

 

  ขณะเดียวกัน มารีที่มองดูอยู่เห็นเซเลนยิ้มอย่างดีใจก็ยิ้มออกมาบ้าง เป็นเรื่องที่หาได้ยาก เซเลนที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จะแสดงความดีใจออกมา เธอคงหลงใหลรูปโฉมของพี่ชายมากจริงๆ

 

  ได้ยินมาว่าเซเลนเป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีฐานะทางสังคม แต่พ่อของตนก็แต่งงานกับแม่ที่มาจากครอบครัวที่ยากจน ความต่างเรื่องอายุของพ่อกับแม่ก็พอๆกันกับอายุของมิลานเละเซเลน นับว่ายังมีโอกาสเข้าคู่กันได้ดีอยู่ อย่างน้อย ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ ‘ไอ้นั่น’ จากประเทศข้างๆต้องมาแย่งพี่ชายคนสำคัญไปแน่ ให้หมั้นกับเซเลนยังจะดีเสียกว่า

 

“(ฉันจะสนับสนุนเธอเอง เซเลน!)”

 

  มารีให้กำลังใจเซเลนอยู่ในใจและพาเธอที่กำลังอารมณ์ดีไปที่รถม้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 12 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 12 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12

แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน1)

 

   เซเลนในชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ตื่นขึ้นมา หาวหนึ่งครั้งและบิดขี้เกียจก่อนคลานลงจากเตียง เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่อยู่นอกหน้าต่าง แสงแดดกำลังดี เหมาะแก่การออกปฏิบัติการสืบข้อมูลลับ

 

“อือ อรุณสวัสดิ์”

 

  เซเลนตื่นแต่เช้าหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน พูดออกมาอย่างพอใจ ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดไปแล้ว หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นช่วงเที่ยงแล้วนั่นเอง แต่สำหรับเซเลนที่มักจะตื่นในช่วงที่ดวงอาทิตย์แทบจะตกดิน เวลานี้ถือว่าตื่นเช้าจนน่าอัศจรรย์

 

  ดื่มน้ำเปล่าไปหนึ่งแก้วจากถังน้ำที่สาวใช้ส่วนตัวของเซเลนเตรียมไว้ให้เพื่อดับกระหายในยามเช้า หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำที่เหลือก็มุ่งหน้าไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อม

 

“เยอะเกินไป ไม่ชอบ… ”

 

  เซเลนบ่นออกมาพร้อมถอนหายใจในตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแบบประตูสองบาน ตู้ที่เคยว่างเปล่าในวันที่เธอมาถึง ตอนนี้มันอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสมากมาย ทั้งหมดนั้นเป็นของคุณภาพสูงที่สุดเท่าที่หาได้ในเฮลิฟาเต้

 

  ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วหลังจากที่ได้รับเชิญไปทานอาหารค่ำร่วมกับราชาและเหล่าราชวงศ์ หลังจากวันนั้นเซเลนก็ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแทบทุกวัน พวกเขาดูเหมือนจะถูกใจเธอด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยเฉพาะราชินี ที่ให้เสื้อผ้ากับเธอทุกวันจนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่นี้เต็ม

 

“เหมือนกัน ไม่ชอบ”

 

  แม้ว่าเบื้องหน้าจะมีเสื้อผ้ามากมาย เซเลนก็ไม่ลังเลที่จะเอื้อมือไปหยิบชุดแนวโกธิคสีขาวนวลออกมาจากเสื้อผ้าที่เรียงอยู่มากมาย เป็นชุดเดียวกับที่เธอสวมตอนที่ย้ายมาจากอาร์คุยล่า ถ้าสาวใช้เป็นเด็กน่ารักหน่อยก็คิดจะสั่นกระดิ่งเพื่อเรียกให้มาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า น่าเสียดายที่เป็นรุ่นป้า เซเลนจึงลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเอง

 

“บัตเลอร์ อยู่ไหม?”

“ครับ องค์หญิง จะออกไปไหนหรือครับ?”

“ตรวจสอบ”

“กระผมทำการตรวจสอบทุกซอกทุกมุมภายในวังนี้แล้ว แต่ท้ายที่สุดมันจะต้องตกเป็นขององค์หญิงอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองก็น่าจะดีกว่าจริงๆ”

 

  เซเลนย่อตัวลงและยื่นมือออกให้บัตเลอร์กระโดดขึ้นมา คลายชุดให้หลวมเล็กน้อยเพื่อให้บัตเลอร์เข้าไปซ่อน สำหรับเซเลนแล้ว บัตเลอร์เป็นสหายที่ไว้ใจได้แม้ในยามฉุกเฉิน เธอจึงพาเขาติดตัวไปด้วยในทุกๆโอกาสเท่าที่จะพาไปได้ในการสำรวจโครงสร้างภายในเฮลิฟาเต้

 

“ตั้งแต่วันนี้ เอาจริงแล้ว”

 

  เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย เซเลนก็สร้างความฮึกเหิมในใจขึ้นมา เซเลนที่เคยตั้งใจหาจุดอ่อนของเจ้าชายแต่ก็ทำได้แค่คิดว่า พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน มาตลอด จึงทำให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่พบแม้แต่วี่แววของจุดอ่อนที่ว่า

 

  เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์จึงจะคิดได้ว่าถ้าคิดจะเริ่มลงมือพรุ่งนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้มันก็จะกลายเป็นวันนี้ วันพรุ่งนี้จึงไม่มาถึงสักที ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะไม่ได้เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อที่จะกำจัดวันพรุ่งนี้ที่ไม่จบสิ้นนั่น เซเลนจึงตื่นแต่เช้าและเริ่มวันนี้ซะเลย

 

“ไปเงียบๆ ไม่ถูกจับ… ”

 

  ตราบใดที่ยังอยู่ในพระราชวัง การเครื่องไหวจะไม่ถูกจำกัดหรือถูกเฝ้าระวัง แต่เมื่อคิดว่าตนเองกำลังจะทำพฤติกรรมน่าสงสัยก็ย่อมรู้สึกตื่นเต้นจนประหม่าได้ จากนั้นก็แง้มประตูผลุบๆโผล่ๆออกไปสักพักให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกต

 

“เซเลนนนน♪”

“อุหวา!?”

 

  ในขณะที่ออกไปนอกห้องก็ถูกใครบางคนกอดจากด้านหลังจนเซเลนตกใจสะบัดแขน ขา

ภารกิจรอบเร้นจบลงที่ความล้มเหลวภายในเวลา 3 วินาที

 

“…อ๊ะ มารี?”

“เอ่อ ขอโทษที ขอโทษที เห็นเซเลนโผล่ออกมานอกเหนือจากช่วงเวลาปรกติของเธอ เลยอยากทำให้ตกใจนิดหน่อย”

 

  มารีหัวเราะอยู่ข้างๆหูในท่าที่กอดอยู่จากด้านหลัง

 

  เซเลนยิ้มออกมาเพราะถูกกอดโดยเจ้าหญิงโลลิผมทองในระยะที่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

 

  พอเห็นเป้าหมายที่ถูกเย้าแหย่ ไม่ถือสาแล้วยังยิ้มและหัวเราะไปกับเธอ มารีก็ยิ้มออกเช่นกัน

 

“เซเลน วันนี่ฉันมีเรียนรอบบ่ายด้วย รู้มั้ย? อยากไปเรียนด้วยกันมั้ย? ”

“วันนี้ ไม่เอา”

“เอ๋! แต่ฉันไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับเซเลนเลยนี่นา ไปเถอะน่า ไปด้วยกัน”

 

  เมื่อมารีปล่อยเซเลน เธอก็ย้ายมาเกาะอยู่ด้านหน้าแทนและทำหน้าไม่พอใจ มารีต้องได้รับการศึกษาเพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ของราชวงศ์ เซเลนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการศึกษาด้วยเหมือนเป็นของแถม ถึงอย่างงั้น เซเลนก็หลับตลอดทั้งวันจึงแทบจะไม่เคยได้เข้าเรียน

 

“นี่ ไปกันเถอะน่า ไม่ค่อยได้ทำอะไรช่วงกลางวันไม่ใช่เหรอไง? ไหนๆก็ตื่นแล้วทำไม่มาด้วยกันล่ะ?”

“เรื่องเรียน ไม่ชอบ”

 

  เซเลนปฎิเสธตรงๆเพราะเธอไม่ชอบการเรียนจริงๆ แต่มารีที่ได้ฟังก็คิดว่ามันคือข้ออ้างของเซเลน เนื่องจากการศึกษาจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เด็กสาวคนนี้มีความคิดอ่านสูงจึงรู้สึกผิดที่ได้รับมาง่ายๆเหมือนเอาเปรียบ นี่คือสิ่งที่มารีคิด

 

“เซเลนนี่ก็สุดยอดไปเลยน้า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้เรียนเลยไม่ใช่เหรอ? แต่ก็เข้าใจเรื่องต่างๆได้ในทันทีเลย”

“เพราะโตกว่า ไงล่ะ”

“คนที่เป็นพี่สาวน่ะ ฉันไม่เหรอ?”

 

  ถึงจะเห็นเซเลนเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ได้รับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของญี่ปุ่นสมัยใหม่ แม้จะไม่ถนัดเรื่องภาษา แต่ถ้าเป็นอะไรที่แสดงให้อีกฝ่ายดูได้เช่น คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสุขวิทยา ก็ทำได้เป็นอย่างดี

 

  นั่นทำให้เหล่าครูผู้สอนทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เซเลนเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์โดดเด่นทั้งๆที่มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบ แท้จริงแล้วเพียงเพราะเธอไดรับการศึกษาและมีประสบการณ์มามากกว่ามารี หรืออีกนัยหนึ่ง เซเลนที่อายุรวมหลายสิบปีทำได้ดีกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับมารีที่อายุ10ปี ถ้าตัดความได้เปรียบเรื่องอายุออกไปก็จะเห็นว่ามารีเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด

 

  มารีที่เกลียดความพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้ให้กับเซเลน เพราะเธอแสดงความสามารถทางศิลป์ออกมาไม่ดีนัก เช่นงานศิลปะ การเต้นรำ และดนตรี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสตรีในชนชั้นสูงและราชวงศ์

 

  เมื่อเธอวาดภาพ มันจะออกมาเป็นแนวศิลปะร่วมสมัย เมื่อเธอเต้นรำ เท้าขาวและเท้าซ้ายของเธอจะสะดุดกันเอง เมื่อเธอร้องเพลง เสียงที่น่ารักดุจเทพธิดาจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน ในแง่นี้ มารีทำได้ดีกว่าเซเลนแบบทิ้งห่าง

 

  หากมองอีกมุม เซเลนและมารีมีความเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน เซเลนเป็นน้องสาวที่น่าภาคภูมิใจของมารี และมารีก็ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาวได้ เป็นสิ่งที่รักษาสมดุลในจิตใจของมารีที่มักจะรู้สึกว่าด้อยกว่าเพราะถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายที่มีมาตรฐานสูงจนเกินไป

 

  จริงๆแล้ว ตั้งแต่เซเลนถูกพามา มารีก็ยิ้มและหัวเราะบ่อยขึ้น ความขุ่นเคืองกับพี่ชายที่เกิดจากความอิจฉาก็จางหายไปอย่างช้าๆ

 

“อ๊ะ คอเสื้อไม่เรียบร้อยแหนะ อยู่นิ่งๆนะ”

 

  มารีสังเกตเห็นคอเสื้อของเซเลนเปิดห้อยอยู่จึงเอื้อมมือไปแก้ไขให้ เนื่องจากเมื่อสักครู่เธอคลายออกให้บัตเลอร์เข้าไปซ่อน และเซเลนเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวจึงปล่อยเอาไว้อย่างนั้น มันจึงดูเหมือนเป็นการไม่ระวังตัวประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก ทำให้มารึเกิดความรู้สึกอยากที่จะปกป้องเธอ

 

“เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดีนะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันแก้ให้เอง”

“ขอบคุณ”

“แล้ว ทำไมถึงไม่อยากเข้าเรียนล่ะ? มีเรื่องอะไรที่อยากทำมากกว่าเหรอ?”

“…หาข้อมูล”

“ข้อมูล? อะไรล่ะนั่น?”

“เกี่ยวกับ เจ้าชาย”

“เอ๋? ของท่านพี่?

 

  มารีสงสัยกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็นึกขึ้นมาได้ ก็อย่างที่ทุกๆคนพูดกัน พี่ชายของเธอเป็นหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่พูดถึงกันทั้งทวีป ฉายา องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง

 

  ตั้งแต่เด็กน้อยไปจนถึงสาวใหญ่มีอายุ ไม่มีหญิงใดที่ไม่หลงใหลในตัวของเขา คำล่ำลือเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องไม่มีมูล แม้มารีจะถูกนำไปเปรียบเทียบก็ยังภูมิใจในเรื่องนั้น

 

“หรือว่า เซเลนชอบท่านพี่?”

“ไม่ใช่!!”

 

  เซเลนปฏิเสธอย่างจริงจัง จากเซเลนที่เป็นเด็กเงียบๆกลับพูดเสียงดังขนาดนี้ มารีจึงเข้าใจว่านี่อาจเป็นลางดี ผิวของเซเลนที่ขาวดุจหิมะทำให้ง่ายต่อการสังเกตเมื่อใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ลเวลาที่เธอตื่นเต้น

 

“(อืม ก็ไม่แปลกใจหรอกที่เธอจะชอบท่านพี่)”

 

  สำหรับเซเลนแล้ว ท่านพี่มิลานเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเธอ มารีชอบฉากแบบนี้มากในหนังสือนิทานหรือบทละคร เจ้าหญิงที่ถูกคุมขังถูกช่วยออกมาโดยเจ้าชายรูปงาม สำหรับคนที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์เช่นนี้โดยตรง มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะตกหลุมรัก

 

  และอีกอย่าง แม้ว่าเซเลนจะตอบปฏิเสธออกมา แต่ว่าก่อนหน้านี่เซเลนก็พูดออกมาเองว่าอยากรู้เรื่องของพี่ชายของเธอ นั่นแหละที่สำคัญ เป็นหลักฐานที่ดี

 

“เซเลน จะว่าไปก็เห็นใส่ชุดนี้ทุกครั้งเลย ทำไมเหรอ?”

“…ใส่อะไรก็ได้”

 

  จริงอย่างที่มารีพูด วันนี้เซเลนก็สวมชุดแนวโกธิคสีขาวนวล มารีที่จู้จี้เรื่องการแต่งตัวนั้นคอยดูอยู่ตลอดทุกวันว่าเซเลนจะใส่ชุดไหน ซึ้งก็เห็นว่าเซเลนชอบใส่ชุดสีขาวตัวนี้มากเป็นพิเศษ

 

  ตั้งแต่ที่เซเลนถูกพามาที่วังหลวง มารีก็รู้ว่าท่านแม่ของเธอซื้อเสื้อผ้าให้เซเลนไปแล้วมากมาย แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นของคุณภาพสูงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี

 

  แต่ว่าเซเลนก็ไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าพวกนั้นเลย เอาแต่ใส่ชุดของอาคุยล่าที่ใส่ในช่วงที่เดินทางมา เป็นชุดที่ถูกเลือกมาจากความเร่งรีบ คุณภาพไม่ถึงกับแย่แต่ถ้าเทียบกับของที่มีในเฮลิฟาเต้แล้ว มันก็ไม่ใช่ของที่ดีนัก น่าสงสัยว่าทำไมเธอถึงชอบชุดนี้นัก มารีนึกถึงเหตุผลได้ข้อเดียว

 

“(มันเป็นของชิ้นแรกที่ได้รับจากท่านพี่)”

 

  ชุดนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับจากคนที่แอบหลงรัก การที่เธอสวมชุดนี้ก็เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกพิเศษที่เซเลนมีให้กับมิลาน อย่างน้อยมันก็เป็นเหตุผลเดียวที่มารีคิดออกมาได้

 

  แต่ความจริงไม่ได้ใกล้เคียงเลย เซเลนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสวมชุดแบบไหนอยู่ ที่ชอบใส่ก็เพราะความเคยชินเท่านั้น และอีกเหตุผลก็เพราะ เวลาที่เซเลนถอดชุดออกเพื่อให้สาวใช้นำไปซัก ชุดที่ถูกจัดการเรียบร้อยแล้วจะถูกนำกลับมาแขวนคืนที่ตู้เสื้อผ้าตอนที่เซเลนหลับอยู่ และชุดจะถูกแขวนที่ด้านหน้าสุดของตู้ซึ่งเป็นส่วนที่ว่างอยู่ ในมุมมองของเซเลน ส่วนนั้นเป็นจุดที่เอื้อมมือไปหยิบได้ง่ายที่สุดจึงถูกเลือกขึ้นมาก่อนเป็นประจำ เป็นวงจรที่วนซ้ำอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

  กะไว้ว่าจะใส่จนเปื่อยจนใส่ไม่ได้นั่นแหละ ถ้าเปิดมาแล้วเจอชุดอื่นข้างหน้าก็คงจะเลือกชุดนั้นเหมือนกัน แล้วถ้าเอาชุดหรูๆพวกนี้ไปแลกได้ เป็นชุดที่ใส่ง่ายๆใส่สบายอย่างชุดวอร์ม เซเลนก็จะเอาไปแลกหมดตู้โดยไม่ต้องคิด

 

“ถ้าเป็นท่านพี่ ในช่วงเวลานี้น่าจะอยู่ที่สนามฝึกซ้อม”

“สนามฝึก?”

“ที่ที่ทหารเอาไว้ออกกำลังน่ะ ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ท่านพี่ก็ไปที่นั่นทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบที่เหม็นเหงื่อแบบนั้น คงเป็นคนแปลกๆหน่อยล่ะมั้ง”

“น่าสงสาร”

“อ๊ะ เซเลนก็คิดเหมือนกันใช่มั้ย? ในเมื่อเป็นถึงเจ้าชายก็น่าจะทำอะไรที่ดูสง่างามกว่านี้สิ”

 

  ที่เซเลนบอกน่าสงสารนั้น แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงมิลาน แต่หมายถึงเหล่าทหารที่กำลังฝึกอยู่ต่างหาก ถ้าระหว่างการทำงานมีเจ้านายมาคอยเฝ้าตรวจสอบทุกๆการเคลื่อนไหวแบบนี้ มันจะทำให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเลยล่ะ

 

“นี่ มารี”

“หืม? อะไรเหรอ?”

“ที่นั้น ฉัน ไปได้ไหม?”

“เอ๋? ไปที่สนามฝึกนั่นเหรอ? ก็ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้หรอก แต่มันน่าเบื่อนะ รู้ใช่มั้ย?”

“ไม่เห็นไร ฉัน อยากดู เจ้าชาย”

“ไม่อยากไปที่เหม็นเหงื่อนั่นเลยน้า ไปสวนกุหลาบแทนกันมั้ย? ฉันรู้จักมุมดีๆในสวนกุหลาบด้วยนะ”

“ไม่ชอบ กุหลาบ”

 

  คำเชิญของมารีถูกปฏิเสธง่ายๆโดยเซเลนที่ส่ายหน้าอยู่

  มารีเอียงคอเล็กน้อย แต่เซเลนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

“งั้นเหรอ? แต่ฉันชอบกุหลาบนะ ทำเธอถึงไม่ชอบมันล่ะ?”

“มีกลิ่น เหม็น”

“เอ๋… แต่ฉันชอบกลิ่นของมันนะ แล้วที่เซเลนชอบมันเป็นแบบไหนล่ะ?”

“ยูริ(ลิลลี่)”

“ลิลลี่สินะ แต่ในวังนี้ไมมีสวนลิลลี่ซะด้วยสิ ถ้าเป็นท่านพี่ก็อาจจะรู้ก็ได้ว่าหาจากไหน”

“งั้นเหรอ…”

 

  เซเลนผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อเธอก็นึกถึงเป้าหมายดั้งเดิมของเธอได้จึงหันไปหามารี

 

“ไม่ใช่ ผิดแล้ว ไปดู เจ้าชาย”

“อยากเจอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“อือ”

“ท่านพี่น่ะ ฝึกหนักมากเลยนะ ถึงไปเจอก็คงไม่ได้คุยกันหรอก”

“ไม่เป็นไร ไปดู เฉยๆ”

 

  เซเลนทำท่าจริงจัง หลังจากที่เห็นน้องสาวยืนยันหนักแน่นถึงเพียงนี้ มารีจึงตอบรับความรู้สึกนั้น

 

“ได้สิ ถ้าอยากจะเจอท่านพี่ขนาดนั้นล่ะก็ แต่มันค่อนข้างไกลจากที่นี่นะ ถ้าจะไปก็ต้องนั่งรถม้า ฉันต้องเข้าเรียนช่วงบ่ายด้วย เลยได้แค่พาดูรอบๆเท่านั้นนะ”

“อือ!”

 

  ถ้าเป็นสนามฝึกล่ะก็ อาจจะได้เห็นว่าเจ้าชายทำได้แค่ไหนหรือไม่ถนัดอะไรด้วย อาจได้เห็นถึงจุดอ่อนของเจ้าชายเลยก็ได้ ตอนที่โดนมารีพบตัวก็นึกว่าจะล้มเหลวซะแล้ว แต่ตอนนี้เซเลนได้ผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจึงเผลอยิ้มออกมา

 

  ขณะเดียวกัน มารีที่มองดูอยู่เห็นเซเลนยิ้มอย่างดีใจก็ยิ้มออกมาบ้าง เป็นเรื่องที่หาได้ยาก เซเลนที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จะแสดงความดีใจออกมา เธอคงหลงใหลรูปโฉมของพี่ชายมากจริงๆ

 

  ได้ยินมาว่าเซเลนเป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีฐานะทางสังคม แต่พ่อของตนก็แต่งงานกับแม่ที่มาจากครอบครัวที่ยากจน ความต่างเรื่องอายุของพ่อกับแม่ก็พอๆกันกับอายุของมิลานเละเซเลน นับว่ายังมีโอกาสเข้าคู่กันได้ดีอยู่ อย่างน้อย ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ ‘ไอ้นั่น’ จากประเทศข้างๆต้องมาแย่งพี่ชายคนสำคัญไปแน่ ให้หมั้นกับเซเลนยังจะดีเสียกว่า

 

“(ฉันจะสนับสนุนเธอเอง เซเลน!)”

 

  มารีให้กำลังใจเซเลนอยู่ในใจและพาเธอที่กำลังอารมณ์ดีไปที่รถม้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+