[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 69

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 69 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 69

ช่วงเวลาของแม่ลูก

 

 

   ถัดจากคืนนั้นที่อาลัวไปไปคุยกับไอโรเน่เป็นการส่วนตัว มื้อเย็นของวันนี้เกิดเหตุการณ์ไม่ธรรมดานิดหน่อย ซึ่งก็คือการร่วมโต๊ะระหว่างราชินี ไอโรเน่ กับเจ้าหญิงแสงจันทร์ หรือก็คือเด็กที่มากด้วยปัญหา เซเลน

 

   ทั้งหมดจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่ต่างกับวันปรกติทั่วไป รอบตัวไอโรเน่ไม่มีทั้งบริกรและคนรับใช้ อาหารก็ไม่ใช่ของเลิศหรูมีระดับ แต่ดูไม่ต่างกับอาหารสำหรับชาวบ้านธรรมดา จึงให้บรรยากาศสมเป็นมื้ออาหารกับครอบครัว

 

“……”

“……”

 

   ไอโรเน่กินอาหารที่อยู่ในจานของตนอย่างเงียบๆ เซเลนก็ทำเช่นเดียวกัน

  บัตเลอร์แอบมองทั้งสองจากใต้โต๊ะไม่ไกล

 

[“(หวังว่าความคิดของเจ้าหญิงมารีเบลจะได้ผล)”]

 

   บัตเลอร์คิดถึงเรื่องที่มารีแนะนำมาก่อนหน้านี้

 

 

   ตลอดช่วงกลางวัน ไอโรเน่จะมีงานบริหารบ้านเมืองที่ต้องทำ อาลัวเองก็ช่วยในสิ่งที่เธอทำได้ขณะอยู่ที่นี่ มิลานกับคนอื่นๆกำลังวางแผนกระชับความสัมพันธ์ระหว่าไอโรเน่และเซเลนในช่วงเวลาดังกล่าว

 

   ในขณะที่เซเลนยังนอนหลับพักผ่อนเนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอ (ตามที่ทุกคนเชื่อ) เพราะเมื่อวานเธอออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวันมากกว่าปรกติ โดยทั่วไปเซเลนจะไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง ต่อให้ตื่นอยู่ก็จะขี้เกียจไร้แรงจูงใจเหมือนตัวคาปิบาร่าในสวนสัตว์

 

“หนูมีความคิดดีๆอยู่ค่ะ!”

 

   เรื่องราวยังดำเนินต่อไปโดยไม่สนเซเลนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง มารีพูดออกมาอย่างมั่นใจ

 

“ถ้าดูจากความคิดดีๆของเธอจากเรื่องที่ผ่านๆมา คงต้องขอให้ลองทบทวนดูก่อนอีกสักรอบครับ”

“เสียมารยาท หนูยังไม่ทันบอกเลยนะคะ”

 

  คำท้วงติงจากมิลานทำให้มารีงอนแก้มป่อง แม้มารีจะดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่ก็ยังขาดประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่ได้คาดหวังจากมารีมากไปกว่าการให้เธอคอยให้กำลังใจเซเลนอยู่ข้างๆ

 

“แล้วมีความคิดอะไรหรือเจ้าคะ?”

 

  โชคดีที่ฮิโนเอะรู้สึกตัวได้ก่อนว่า ถ้าปล่อยให้มิลานกับมารีโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไป ทั้งสองจะเริ่มทะเลาะกัน ฮิโนเอะที่ฟังอยู่เงียบๆแต่ก็คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำแม้จะยังไม่ได้ใช่ความสามารถพิเศษของเธอ จึงรีบหยุดก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น

 

“สนใจแล้วล่ะสิ จะบอกให้ก็ได้ ให้ราชินีไอโรเน่กินข้าวร่วมโต๊ะกับเซเลนแค่สองคนไงล่ะ”

“ร่วมโต๊ะอาหาร แค่นี้?”

 

   มารีบอกแผนการของเธอมาอย่างสั้นๆ มิลานได้ยินแล้วถึงกับผงะ ถ้าการร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแล้วทำให้เข้าใจกันและกันขึ้นมาได้ง่ายๆ โลกนี้ก็ไม่มี ‘ครอบครัวแตกแยก’ หลงเหลืออยู่แล้ว

 

“ก็ลองคิดดูสิ เซเลนไม่เคยกินข้าวร่วมกับครอบครัวเลย โดยเฉพาะกับแม่ของเธอ อย่างพวกเราตอนที่กินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้า ก็มีการพูดคุยในเรื่องที่ปรกติจะไม่ได้เอามาพูดกันด้วยใช่ไหมล่ะ?”

 

   อย่างที่มารีว่าไว้ ครอบครัวเฮลิฟาลเต้จะให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะราชาชวานถือคติว่า ‘ถ้ากับครอบครัวยังทำให้มีความสุขไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้’

 

   แม้ว่าจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ แต่ก็ใช้เวลามื้ออาหารร่วมกับครอบครัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาทำเช่นนี้ด้วยกันจนเป็นเรื่องปรกติ

 

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น…”

“ไม่สิ เรื่องง่ายๆมักได้ผลดีนะขอรับ”

“คุมะฮาจิ!?”

 

   เป็นคำแนะนำที่แม้แต่มิลานยังแปลกใจ แม้จะอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าคุมะฮาจิจะเข้าข้างมารี

 

“มีคำกล่าวว่า ‘กินข้าวหม้อเดียวกัน’ เพื่อบอกให้คนสนิทกันขอรับ แน่นอนว่าไม่ได้หวังให้แก้ปัญหาได้ในทันที แต่ก็เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ท่านไอโรเน่กับท่านเซเลนได้คุยกันตามประสาแม่ลูก ดีกว่าให้คนนอกอย่างพวกเราคิดกันเองต่างๆนาๆขอรับ”

“แต่พวกเรายังไม่รู้ว่าความเกลียดชังของราชินีไอโรเน่ที่มีต่อเซเลน รุนแรงแค่ไหน…”

“กังวลว่าท่านเซเลนจะถูกราชินีทำร้ายหรือขอรับ?”

“มันก็เป็นไปได้”

 

   สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่มิลานเป็นห่วง แน่นอนว่ามันแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่โอกาสก็ไม่ใช่ศูนย์ ใครจะรู้ว่ามีดที่อยู่บนจานอาหารจะไม่ถูกใช้กับเซเลน 

 

“หืม องค์ชายทะนุถนอมท่านเซเลนเต็มที่เลยขอรับ ทำตัวสมเป็นคนรักจริงๆ”

“ไม่ต้องล้อก็ได้น่า”

 

   คุมะฮาจิหัวเราะเยอะมิลานที่ยังทำหน้านิ่งอยู่

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยจะประจำการอยู่ใกล้ๆ เข้าถึงตัวได้ทันก่อนเกิดเหตุร้ายแรง ในเมื่อข้าน้อยเป็นคนคุ้มกันขององค์ชายมิลาน จึงมีหน้าที่ต้องปกป้องสิ่งที่สำคัญขององค์ชายด้วยขอรับ”

“แต่ถ้าเซเลนไม่ได้อยู่กับราชินีไอโนเร่ตามลำพัง แผนนี้ก็ไม่มีประโยชน์สิ…”

 

   ขณะที่มิลานกำลังหาข้อสรุป ก็มีเสียงร้องแหลมๆของสัตว์ดังขึ้นใกล้ๆ

   เมื่อหันไปทางต้นตอของเสียง ก็พบกับหนูสีดำขาว ผูกริบบินสีแดง จ้องมองมาจากขอบหน้าต่าง

 

“หนู ของเซเลน… บัตเลอร์สินะครับ”

 

   มิลานพูดชื่อเรียกหนูตัวนี้ที่เคยได้ยิน บัตเลอร์ก็ส่งเสียร้องตอบกลับราวกับพูดคุยกัน จากนั้น บัตเลอร์ก็ลงมาจากขอบหน้าต่าง วิ่งไต่ขึ้นไปบนตัวคุมะฮาจิจนถึงไหล่ ด้วยความเร็วผิดธรรมชาติจนแทบมองไม่ทัน

 

“อื่ม ท่านบัตเลอร์อาสาคุ้มครองท่านเซเลนสินะขอรับ”

 

   คุมะฮาจิหันไปพูดกับบัตเลอร์เหมือนเข้าใจกันได้ และบัตเลอร์ก็ผงกหัว

 

“เท่านี้ ท่านเซเลนก็มีผู้คุ้มกันอยู่ข้างกายแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงขอรับ”

“ให้ผู้คุ้มกันเป็นหนูเนี่ยนะ”

“ถ้าไม่มีท่านบัตเลอร์ในวันนั้น กว่าทุกคนจะรู้ตัวถึงคำสาปก็สายเกินไปแล้วนะขอรับ”

 

   ต้องยอมรับว่า คำสาปจากผู้สาปแช่งเมื่อสองปีก่อน ถูกจำกัดความเสียหายได้มาก เพราะหนูตัวนี้ตามคุมะฮาจิและคนอื่นๆให้ไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว มันแสนรู้กว่าหนูทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับเจ้านายของมันที่ฉลาดกว่าคนปรกติ

 

   ในความจริง มันเป็นหนูที่ฉลาดกว่าปรกติจริง แต่นั่นตรงกันข้ามกับเจ้านายของมันมากกว่า

 

“บัตเลอร์ ช่วยปกป้องเซเลนให้ได้ใช่ไหมครับ?”

 

   เมื่อมิลานหันไปพูดดัวย บัตเลอร์ก็ลุกยืนสองขา เอามือตบหน้าอก ราวกับต้องการบอกว่า ‘ไว้ใจได้’ บางครั้งหนูตัวนี้ก็ชอบเลียบแบบท่าทางของมนุษย์จนหลายคนหลุดหัวเราะออกมา

 

“เข้าใจแล้วครับ เรื่องการคุ้มกันก็ปล่อยให้เห็นหน้าที่ของหนูตัวนี้ นอกนั้นก็ทำให้มั่นใจว่าพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในฐานะแม่ลูก ไม่ใช่เข้าพบอย่างเป็นทางการ”

“นี่! นี่! ตกลงกันเรียบร้อยซะแล้ว! ทำอย่างกับท่านพี่คิดแผนนี้ออกมาเองเลยนะคะ”

 

   แน่นอนว่าไม่ได้หวังพึ่งพาหนูตัวหนึ่งสำหรับงานคุ้มกัน เพราะไอโรเน่เป็นถึงราชินีของประเทศหนึ่ง ต่อให้ถูกอารมณ์ครอบงำก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรรุนแรงกับเซเลนที่เป็นถึงเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้โด่งดังไปทั้งทวีป มิลานได้คิดอย่างใจเย็นแล้วก็ปล่อยวาง ให้เซเลนกับไอโรเน่ร่วมรับประทานมื้ออาหารกันเพียงสองคน

 

 

[“(ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ลดลงเลย… หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี)”]

 

   กลับมาปัจจุบัน บัตเลอร์หลบอยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น ทำหน้าที่คุ้มกันอย่างเงียบๆ แม้ว่ามิลานกับคุมะฮาจิจะไม่ได้จริงจัง แต่ความแข็งแกร่งของบัตเลอร์ก็เป็นของจริง เป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในตอนนี้

 

  หากเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบของมีคมขึ้นมาด้วยจิตคิดร้าย บัตเลอร์จะพุ่งเข้าชนเพื่อผลักให้ล้มกระเด็นในทันที ไม่ใช้เรื่องยากสำหรับบัตเลอร์ที่เคยจับลูกธนูที่แหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงได้ทัน

 

   แต่บัตเลอร์ก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น นี่เป็นมื้ออาหารเพื่อให้เซเลนกับไอโรเน่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่มีเหตุการณ์ให้บัตเลอร์ต้องเคลื่อนไหว

 

“…เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับประทานอาหารร่วมกันสินะ”

“อือ”

 

  ในตอนที่บัตเลอร์เริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไอโรเน่ก็เริ่มพูดเป็นคนแรก ส่วนเซเลนก็แค่ตอบสั้นๆโดยไม่เงยหน้ามอง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันในลักษณะนี้มาก่อน จึงต้องมีความรู้สึกบางอย่างอยู่บ้าง

 

   สำหรับเซเลนแล้ว ไอโรเน่คือผู้ที่ให้กำเนิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบเป็นพิเศษ เซเลนจึงเห็นเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มีสายเลือดเดียวกัน

 

   ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด เป็นความรู้สึกแปลกๆที่คล้ายกับการไม่รู้สึกอะไรเลย 

 

“ในตอนที่พวกเจ้าเดินทางไปเฮลิฟลาเต้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะตกหลุมรักเจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า”

“ไม่เข้ากัน!”

“ไม่รู้สิ ข้าว่าเหมาะสมกันดีนะ”

“ไม่จริง ไม่คู่ควร!”

 

   เซเลนได้ลืมไปแล้วว่า ‘เจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า’ มีอยู่สองคน เพราะตลอดเวลาเธอคิดถึงแต่อาลัวเพียงคนเดียว ทั้งที่ไอโรเน่กำลังบอกว่ามิลานหลงรักเซเลน

 

“…ทำไมถึงมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น? ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงเห็นด้วย แต่ฐานะในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าทัดเทียมกัน”

 

   เจ้าหญิงลำดับสองจากอาร์คุยล่า ประเทศเล็กๆห่างไกลความเจริญ กับเจ้าชายลำดับหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าไม่เหมาะสมกันเลย แต่ในปัจจุบัน เซเลนสร้างชื่อให้กับตนเอง เป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่คนทั้งทวีปยกย่อง ไม่ว่าใครก็คิดเหมือนกันหมดว่า คู่ที่เหมาะสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แม้อายุจะต่างกันมากก็เถอะ

 

   ในความคิดของเซเลน เธอต้องคัดค้านสุดชีวิต เพื่อไม่ให้อาลัวลงเอยกับมิลาน แต่สถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายลง เพราะแม้แต่ไอโรเน่ก็ยังบอกว่ามิลานกับอาลัวเหมาะสมกันดี

 

“ปกป้อง พี่สาว แต่งงาน กับเจ้าชาย ไม่ยอม”

“…ปกป้องอาลัวหรือ?”

 

  ไอโรเน่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างจริงจัง เริ่มตีความคำพูดไม่เป็นประโยคของเซเลน เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ปราดเปรื่อง(ฮา) มองเห็นอะไรที่ทุกคนมองข้ามไป

 

   ――แต่ตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปมาแล้วหนึ่งอย่าง

 

“(เด็กคนนี้… ให้ความสำคัญกับอาลัว ไม่สิ อาจจะทั้งครอบครัว ซึ่งรวมถึงตัวข้าด้วย!)”

 

  เซเลนกับมิลานเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดี ในข้อนี้ไอโรเน่ก็ยอมรับ และความฝันของเด็กสาวทุกคนคือเป็นเจ้าสาวให้กับชายที่รัก ซึ่งสำหรับเซเลนก็คือมิลานแน่นอนอยู่แล้ว

 

   แต่จากที่เห็น เซเลนไม่แม้แต่พยายามไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ หากมิลานกับเซเลนได้แต่งงานกัน เจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลนกับองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน ทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากคนทั้งทวีป

 

  แล้วผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับอาลัวที่ยังอยู่ในอาร์คุยล่าคืออะไร เมื่อถึงเวลานั้น อาร์คุยล่าจะกลายเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้ คุณค่าทางการเมืองของอาลัวจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในฐานะพี่สาวแท้ๆที่เจ้าหญิงแสงจันทร์สนิทด้วยมากที่สุด

 

  จะต้องมีขุนนางระดับสูงมากมายมาขอแต่งงานกับอาลัว แทบทั้งหมดจะคิดถึงแต่ผลประโยชน์โดยปราศจากความรัก และไอโรเน่ก็ยังตระหนักดีว่า เธอทำได้เพียงแค่รักษาประเทศเล็กๆนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป

 

   อีกทั้งการเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้จะทำให้ถูกประเทศข้างเคียงเพ่งเล็ง ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกนั้นจะไม่พยายามเข้าแทรกแซงจนทำให้ไอโรเน่และอาร์คุยล่าเกิดความเสียหาย

 

   นี่อาจเป็นสาเหตุให้เซเลนปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าชายมิลาน แม้ว่าเจ้าชายมิลานต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่เซเลนจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง เพื่อพี่สาวของเธอ จนกว่าจะถึงวันที่อาลัวได้แต่งงานสร้างครอบครัวและประเทศที่มั่นคง

 

“(ถ้าอย่างนั้น เด็กคนนี้กำลังสละความสุขของตนเองเพื่อครอบครัวและบ้านเกิด!?)”

 

   แน่นอนว่าความจริงแล้วไม่ใช่เลย

 

  ไอโรเน่ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับเซเลน ลูกสาวของเธอ ตั้งแต่แรกมันคือความรู้สึกรังเกียจ แต่ความเกลียดชังนั้น ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอื่นอย่างช้าๆ

 

“บางที ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอาจไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความกลัว”

“หืม?”

 

  เซเลนก้มหน้าก้มตากินสตูว์โดยไม่ทันได้ฟัง เมื่อได้ยินไอโรเน่พูดอะไรบางอย่างกับเธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ไอโนเน่ได้มองตรงไปยังใบหน้าอันงดงามไร้เดียงสาของเธอ

 

  สาวน้อยผู้งดงามราวกับได้รับความรักจากพระเจ้า แต่มีอะไรบางอย่างนอกเหนือความเข้าใจซ่อนอยู่ภายใน ไอโรเน่ไม่เคยได้รู้ว่ามันคืออะไร เพราะไม่รู้จึงได้กลัว ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆก็ได้

 

  เช่นเดียวกับมนุษย์ไม่เข้าใจในความประสงค์ของเหล่าทวยเทพ ยกเว้นผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์และตีความออกมาได้

 

“…ดีจริงๆที่วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้า ข้าเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว สบายใจขึ้นมามากจริงๆ”

“อื่ม? ดีแล้ว”

 

   หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้น เซเลนไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไร แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะพอใจ เธอจึงตอบรับประมาณว่า ถ้าบอกว่าดี ก็ดีแล้ว

 

“…สำหรับวันนี้ พอแค่นี้กันก่อนเถอะ”

 

   หลังสิ้นสุดมื้ออาหาร เมื่อเห็นเซเลนกินอิ่มดี ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นและช่วงเวลาของทั้งสองก็จบลง

 

“อ๊ะ! เซเลน! เป็นยังไงบ้าง!? เข้ากับคุณแม่ได้ดีหรือเปล่า?”

“ปรกติ”

“อือ ดีจัง ถ้าทานข้าวดัวยกันได้เป็นปรกติ ก็แปลว่ามีความคืบหน้าแล้วสินะ?”

 

   ทันทีที่กลับมาหาทุกคน มารีก็เข้ามาถามคำถามมากมาย พอได้คำตอบก็กอดเซเลนด้วยความโล่งใจที่ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี สำหรับเซเลนที่แค่ไปกินมื้อเย็นก็ถูกมารีกอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่คิดว่าโชคดีจริงๆ

 

  เซเลนไม่รู้สึกเลยว่าวันนี้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น จึงถือเป็นวันธรรมดาอีกวันโดยไม่ได้คิดอะไรต่อจากนี้ แต่บัตเลอร์ที่อยู่ในชุดของเซเลนกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

 

[“…ในน้ำเสียงของราชินีไอโรเน่มีบางอย่างแปลกๆ ฟังดูน่าเป็นห่วง หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบ”]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 69

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 69 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 69

ช่วงเวลาของแม่ลูก

 

 

   ถัดจากคืนนั้นที่อาลัวไปไปคุยกับไอโรเน่เป็นการส่วนตัว มื้อเย็นของวันนี้เกิดเหตุการณ์ไม่ธรรมดานิดหน่อย ซึ่งก็คือการร่วมโต๊ะระหว่างราชินี ไอโรเน่ กับเจ้าหญิงแสงจันทร์ หรือก็คือเด็กที่มากด้วยปัญหา เซเลน

 

   ทั้งหมดจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่ต่างกับวันปรกติทั่วไป รอบตัวไอโรเน่ไม่มีทั้งบริกรและคนรับใช้ อาหารก็ไม่ใช่ของเลิศหรูมีระดับ แต่ดูไม่ต่างกับอาหารสำหรับชาวบ้านธรรมดา จึงให้บรรยากาศสมเป็นมื้ออาหารกับครอบครัว

 

“……”

“……”

 

   ไอโรเน่กินอาหารที่อยู่ในจานของตนอย่างเงียบๆ เซเลนก็ทำเช่นเดียวกัน

  บัตเลอร์แอบมองทั้งสองจากใต้โต๊ะไม่ไกล

 

[“(หวังว่าความคิดของเจ้าหญิงมารีเบลจะได้ผล)”]

 

   บัตเลอร์คิดถึงเรื่องที่มารีแนะนำมาก่อนหน้านี้

 

 

   ตลอดช่วงกลางวัน ไอโรเน่จะมีงานบริหารบ้านเมืองที่ต้องทำ อาลัวเองก็ช่วยในสิ่งที่เธอทำได้ขณะอยู่ที่นี่ มิลานกับคนอื่นๆกำลังวางแผนกระชับความสัมพันธ์ระหว่าไอโรเน่และเซเลนในช่วงเวลาดังกล่าว

 

   ในขณะที่เซเลนยังนอนหลับพักผ่อนเนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอ (ตามที่ทุกคนเชื่อ) เพราะเมื่อวานเธอออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวันมากกว่าปรกติ โดยทั่วไปเซเลนจะไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง ต่อให้ตื่นอยู่ก็จะขี้เกียจไร้แรงจูงใจเหมือนตัวคาปิบาร่าในสวนสัตว์

 

“หนูมีความคิดดีๆอยู่ค่ะ!”

 

   เรื่องราวยังดำเนินต่อไปโดยไม่สนเซเลนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง มารีพูดออกมาอย่างมั่นใจ

 

“ถ้าดูจากความคิดดีๆของเธอจากเรื่องที่ผ่านๆมา คงต้องขอให้ลองทบทวนดูก่อนอีกสักรอบครับ”

“เสียมารยาท หนูยังไม่ทันบอกเลยนะคะ”

 

  คำท้วงติงจากมิลานทำให้มารีงอนแก้มป่อง แม้มารีจะดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่ก็ยังขาดประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่ได้คาดหวังจากมารีมากไปกว่าการให้เธอคอยให้กำลังใจเซเลนอยู่ข้างๆ

 

“แล้วมีความคิดอะไรหรือเจ้าคะ?”

 

  โชคดีที่ฮิโนเอะรู้สึกตัวได้ก่อนว่า ถ้าปล่อยให้มิลานกับมารีโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไป ทั้งสองจะเริ่มทะเลาะกัน ฮิโนเอะที่ฟังอยู่เงียบๆแต่ก็คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำแม้จะยังไม่ได้ใช่ความสามารถพิเศษของเธอ จึงรีบหยุดก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น

 

“สนใจแล้วล่ะสิ จะบอกให้ก็ได้ ให้ราชินีไอโรเน่กินข้าวร่วมโต๊ะกับเซเลนแค่สองคนไงล่ะ”

“ร่วมโต๊ะอาหาร แค่นี้?”

 

   มารีบอกแผนการของเธอมาอย่างสั้นๆ มิลานได้ยินแล้วถึงกับผงะ ถ้าการร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแล้วทำให้เข้าใจกันและกันขึ้นมาได้ง่ายๆ โลกนี้ก็ไม่มี ‘ครอบครัวแตกแยก’ หลงเหลืออยู่แล้ว

 

“ก็ลองคิดดูสิ เซเลนไม่เคยกินข้าวร่วมกับครอบครัวเลย โดยเฉพาะกับแม่ของเธอ อย่างพวกเราตอนที่กินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้า ก็มีการพูดคุยในเรื่องที่ปรกติจะไม่ได้เอามาพูดกันด้วยใช่ไหมล่ะ?”

 

   อย่างที่มารีว่าไว้ ครอบครัวเฮลิฟาลเต้จะให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะราชาชวานถือคติว่า ‘ถ้ากับครอบครัวยังทำให้มีความสุขไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้’

 

   แม้ว่าจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ แต่ก็ใช้เวลามื้ออาหารร่วมกับครอบครัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาทำเช่นนี้ด้วยกันจนเป็นเรื่องปรกติ

 

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น…”

“ไม่สิ เรื่องง่ายๆมักได้ผลดีนะขอรับ”

“คุมะฮาจิ!?”

 

   เป็นคำแนะนำที่แม้แต่มิลานยังแปลกใจ แม้จะอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าคุมะฮาจิจะเข้าข้างมารี

 

“มีคำกล่าวว่า ‘กินข้าวหม้อเดียวกัน’ เพื่อบอกให้คนสนิทกันขอรับ แน่นอนว่าไม่ได้หวังให้แก้ปัญหาได้ในทันที แต่ก็เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ท่านไอโรเน่กับท่านเซเลนได้คุยกันตามประสาแม่ลูก ดีกว่าให้คนนอกอย่างพวกเราคิดกันเองต่างๆนาๆขอรับ”

“แต่พวกเรายังไม่รู้ว่าความเกลียดชังของราชินีไอโรเน่ที่มีต่อเซเลน รุนแรงแค่ไหน…”

“กังวลว่าท่านเซเลนจะถูกราชินีทำร้ายหรือขอรับ?”

“มันก็เป็นไปได้”

 

   สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่มิลานเป็นห่วง แน่นอนว่ามันแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่โอกาสก็ไม่ใช่ศูนย์ ใครจะรู้ว่ามีดที่อยู่บนจานอาหารจะไม่ถูกใช้กับเซเลน 

 

“หืม องค์ชายทะนุถนอมท่านเซเลนเต็มที่เลยขอรับ ทำตัวสมเป็นคนรักจริงๆ”

“ไม่ต้องล้อก็ได้น่า”

 

   คุมะฮาจิหัวเราะเยอะมิลานที่ยังทำหน้านิ่งอยู่

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยจะประจำการอยู่ใกล้ๆ เข้าถึงตัวได้ทันก่อนเกิดเหตุร้ายแรง ในเมื่อข้าน้อยเป็นคนคุ้มกันขององค์ชายมิลาน จึงมีหน้าที่ต้องปกป้องสิ่งที่สำคัญขององค์ชายด้วยขอรับ”

“แต่ถ้าเซเลนไม่ได้อยู่กับราชินีไอโนเร่ตามลำพัง แผนนี้ก็ไม่มีประโยชน์สิ…”

 

   ขณะที่มิลานกำลังหาข้อสรุป ก็มีเสียงร้องแหลมๆของสัตว์ดังขึ้นใกล้ๆ

   เมื่อหันไปทางต้นตอของเสียง ก็พบกับหนูสีดำขาว ผูกริบบินสีแดง จ้องมองมาจากขอบหน้าต่าง

 

“หนู ของเซเลน… บัตเลอร์สินะครับ”

 

   มิลานพูดชื่อเรียกหนูตัวนี้ที่เคยได้ยิน บัตเลอร์ก็ส่งเสียร้องตอบกลับราวกับพูดคุยกัน จากนั้น บัตเลอร์ก็ลงมาจากขอบหน้าต่าง วิ่งไต่ขึ้นไปบนตัวคุมะฮาจิจนถึงไหล่ ด้วยความเร็วผิดธรรมชาติจนแทบมองไม่ทัน

 

“อื่ม ท่านบัตเลอร์อาสาคุ้มครองท่านเซเลนสินะขอรับ”

 

   คุมะฮาจิหันไปพูดกับบัตเลอร์เหมือนเข้าใจกันได้ และบัตเลอร์ก็ผงกหัว

 

“เท่านี้ ท่านเซเลนก็มีผู้คุ้มกันอยู่ข้างกายแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงขอรับ”

“ให้ผู้คุ้มกันเป็นหนูเนี่ยนะ”

“ถ้าไม่มีท่านบัตเลอร์ในวันนั้น กว่าทุกคนจะรู้ตัวถึงคำสาปก็สายเกินไปแล้วนะขอรับ”

 

   ต้องยอมรับว่า คำสาปจากผู้สาปแช่งเมื่อสองปีก่อน ถูกจำกัดความเสียหายได้มาก เพราะหนูตัวนี้ตามคุมะฮาจิและคนอื่นๆให้ไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว มันแสนรู้กว่าหนูทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับเจ้านายของมันที่ฉลาดกว่าคนปรกติ

 

   ในความจริง มันเป็นหนูที่ฉลาดกว่าปรกติจริง แต่นั่นตรงกันข้ามกับเจ้านายของมันมากกว่า

 

“บัตเลอร์ ช่วยปกป้องเซเลนให้ได้ใช่ไหมครับ?”

 

   เมื่อมิลานหันไปพูดดัวย บัตเลอร์ก็ลุกยืนสองขา เอามือตบหน้าอก ราวกับต้องการบอกว่า ‘ไว้ใจได้’ บางครั้งหนูตัวนี้ก็ชอบเลียบแบบท่าทางของมนุษย์จนหลายคนหลุดหัวเราะออกมา

 

“เข้าใจแล้วครับ เรื่องการคุ้มกันก็ปล่อยให้เห็นหน้าที่ของหนูตัวนี้ นอกนั้นก็ทำให้มั่นใจว่าพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในฐานะแม่ลูก ไม่ใช่เข้าพบอย่างเป็นทางการ”

“นี่! นี่! ตกลงกันเรียบร้อยซะแล้ว! ทำอย่างกับท่านพี่คิดแผนนี้ออกมาเองเลยนะคะ”

 

   แน่นอนว่าไม่ได้หวังพึ่งพาหนูตัวหนึ่งสำหรับงานคุ้มกัน เพราะไอโรเน่เป็นถึงราชินีของประเทศหนึ่ง ต่อให้ถูกอารมณ์ครอบงำก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรรุนแรงกับเซเลนที่เป็นถึงเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้โด่งดังไปทั้งทวีป มิลานได้คิดอย่างใจเย็นแล้วก็ปล่อยวาง ให้เซเลนกับไอโรเน่ร่วมรับประทานมื้ออาหารกันเพียงสองคน

 

 

[“(ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ลดลงเลย… หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี)”]

 

   กลับมาปัจจุบัน บัตเลอร์หลบอยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น ทำหน้าที่คุ้มกันอย่างเงียบๆ แม้ว่ามิลานกับคุมะฮาจิจะไม่ได้จริงจัง แต่ความแข็งแกร่งของบัตเลอร์ก็เป็นของจริง เป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในตอนนี้

 

  หากเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบของมีคมขึ้นมาด้วยจิตคิดร้าย บัตเลอร์จะพุ่งเข้าชนเพื่อผลักให้ล้มกระเด็นในทันที ไม่ใช้เรื่องยากสำหรับบัตเลอร์ที่เคยจับลูกธนูที่แหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงได้ทัน

 

   แต่บัตเลอร์ก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น นี่เป็นมื้ออาหารเพื่อให้เซเลนกับไอโรเน่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่มีเหตุการณ์ให้บัตเลอร์ต้องเคลื่อนไหว

 

“…เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับประทานอาหารร่วมกันสินะ”

“อือ”

 

  ในตอนที่บัตเลอร์เริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไอโรเน่ก็เริ่มพูดเป็นคนแรก ส่วนเซเลนก็แค่ตอบสั้นๆโดยไม่เงยหน้ามอง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันในลักษณะนี้มาก่อน จึงต้องมีความรู้สึกบางอย่างอยู่บ้าง

 

   สำหรับเซเลนแล้ว ไอโรเน่คือผู้ที่ให้กำเนิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบเป็นพิเศษ เซเลนจึงเห็นเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มีสายเลือดเดียวกัน

 

   ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด เป็นความรู้สึกแปลกๆที่คล้ายกับการไม่รู้สึกอะไรเลย 

 

“ในตอนที่พวกเจ้าเดินทางไปเฮลิฟลาเต้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะตกหลุมรักเจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า”

“ไม่เข้ากัน!”

“ไม่รู้สิ ข้าว่าเหมาะสมกันดีนะ”

“ไม่จริง ไม่คู่ควร!”

 

   เซเลนได้ลืมไปแล้วว่า ‘เจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า’ มีอยู่สองคน เพราะตลอดเวลาเธอคิดถึงแต่อาลัวเพียงคนเดียว ทั้งที่ไอโรเน่กำลังบอกว่ามิลานหลงรักเซเลน

 

“…ทำไมถึงมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น? ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงเห็นด้วย แต่ฐานะในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าทัดเทียมกัน”

 

   เจ้าหญิงลำดับสองจากอาร์คุยล่า ประเทศเล็กๆห่างไกลความเจริญ กับเจ้าชายลำดับหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าไม่เหมาะสมกันเลย แต่ในปัจจุบัน เซเลนสร้างชื่อให้กับตนเอง เป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่คนทั้งทวีปยกย่อง ไม่ว่าใครก็คิดเหมือนกันหมดว่า คู่ที่เหมาะสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แม้อายุจะต่างกันมากก็เถอะ

 

   ในความคิดของเซเลน เธอต้องคัดค้านสุดชีวิต เพื่อไม่ให้อาลัวลงเอยกับมิลาน แต่สถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายลง เพราะแม้แต่ไอโรเน่ก็ยังบอกว่ามิลานกับอาลัวเหมาะสมกันดี

 

“ปกป้อง พี่สาว แต่งงาน กับเจ้าชาย ไม่ยอม”

“…ปกป้องอาลัวหรือ?”

 

  ไอโรเน่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างจริงจัง เริ่มตีความคำพูดไม่เป็นประโยคของเซเลน เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ปราดเปรื่อง(ฮา) มองเห็นอะไรที่ทุกคนมองข้ามไป

 

   ――แต่ตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปมาแล้วหนึ่งอย่าง

 

“(เด็กคนนี้… ให้ความสำคัญกับอาลัว ไม่สิ อาจจะทั้งครอบครัว ซึ่งรวมถึงตัวข้าด้วย!)”

 

  เซเลนกับมิลานเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดี ในข้อนี้ไอโรเน่ก็ยอมรับ และความฝันของเด็กสาวทุกคนคือเป็นเจ้าสาวให้กับชายที่รัก ซึ่งสำหรับเซเลนก็คือมิลานแน่นอนอยู่แล้ว

 

   แต่จากที่เห็น เซเลนไม่แม้แต่พยายามไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ หากมิลานกับเซเลนได้แต่งงานกัน เจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลนกับองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน ทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากคนทั้งทวีป

 

  แล้วผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับอาลัวที่ยังอยู่ในอาร์คุยล่าคืออะไร เมื่อถึงเวลานั้น อาร์คุยล่าจะกลายเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้ คุณค่าทางการเมืองของอาลัวจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในฐานะพี่สาวแท้ๆที่เจ้าหญิงแสงจันทร์สนิทด้วยมากที่สุด

 

  จะต้องมีขุนนางระดับสูงมากมายมาขอแต่งงานกับอาลัว แทบทั้งหมดจะคิดถึงแต่ผลประโยชน์โดยปราศจากความรัก และไอโรเน่ก็ยังตระหนักดีว่า เธอทำได้เพียงแค่รักษาประเทศเล็กๆนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป

 

   อีกทั้งการเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้จะทำให้ถูกประเทศข้างเคียงเพ่งเล็ง ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกนั้นจะไม่พยายามเข้าแทรกแซงจนทำให้ไอโรเน่และอาร์คุยล่าเกิดความเสียหาย

 

   นี่อาจเป็นสาเหตุให้เซเลนปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าชายมิลาน แม้ว่าเจ้าชายมิลานต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่เซเลนจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง เพื่อพี่สาวของเธอ จนกว่าจะถึงวันที่อาลัวได้แต่งงานสร้างครอบครัวและประเทศที่มั่นคง

 

“(ถ้าอย่างนั้น เด็กคนนี้กำลังสละความสุขของตนเองเพื่อครอบครัวและบ้านเกิด!?)”

 

   แน่นอนว่าความจริงแล้วไม่ใช่เลย

 

  ไอโรเน่ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับเซเลน ลูกสาวของเธอ ตั้งแต่แรกมันคือความรู้สึกรังเกียจ แต่ความเกลียดชังนั้น ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอื่นอย่างช้าๆ

 

“บางที ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอาจไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความกลัว”

“หืม?”

 

  เซเลนก้มหน้าก้มตากินสตูว์โดยไม่ทันได้ฟัง เมื่อได้ยินไอโรเน่พูดอะไรบางอย่างกับเธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ไอโนเน่ได้มองตรงไปยังใบหน้าอันงดงามไร้เดียงสาของเธอ

 

  สาวน้อยผู้งดงามราวกับได้รับความรักจากพระเจ้า แต่มีอะไรบางอย่างนอกเหนือความเข้าใจซ่อนอยู่ภายใน ไอโรเน่ไม่เคยได้รู้ว่ามันคืออะไร เพราะไม่รู้จึงได้กลัว ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆก็ได้

 

  เช่นเดียวกับมนุษย์ไม่เข้าใจในความประสงค์ของเหล่าทวยเทพ ยกเว้นผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์และตีความออกมาได้

 

“…ดีจริงๆที่วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้า ข้าเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว สบายใจขึ้นมามากจริงๆ”

“อื่ม? ดีแล้ว”

 

   หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้น เซเลนไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไร แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะพอใจ เธอจึงตอบรับประมาณว่า ถ้าบอกว่าดี ก็ดีแล้ว

 

“…สำหรับวันนี้ พอแค่นี้กันก่อนเถอะ”

 

   หลังสิ้นสุดมื้ออาหาร เมื่อเห็นเซเลนกินอิ่มดี ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นและช่วงเวลาของทั้งสองก็จบลง

 

“อ๊ะ! เซเลน! เป็นยังไงบ้าง!? เข้ากับคุณแม่ได้ดีหรือเปล่า?”

“ปรกติ”

“อือ ดีจัง ถ้าทานข้าวดัวยกันได้เป็นปรกติ ก็แปลว่ามีความคืบหน้าแล้วสินะ?”

 

   ทันทีที่กลับมาหาทุกคน มารีก็เข้ามาถามคำถามมากมาย พอได้คำตอบก็กอดเซเลนด้วยความโล่งใจที่ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี สำหรับเซเลนที่แค่ไปกินมื้อเย็นก็ถูกมารีกอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่คิดว่าโชคดีจริงๆ

 

  เซเลนไม่รู้สึกเลยว่าวันนี้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น จึงถือเป็นวันธรรมดาอีกวันโดยไม่ได้คิดอะไรต่อจากนี้ แต่บัตเลอร์ที่อยู่ในชุดของเซเลนกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

 

[“…ในน้ำเสียงของราชินีไอโรเน่มีบางอย่างแปลกๆ ฟังดูน่าเป็นห่วง หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบ”]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 69

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 69 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 69

ช่วงเวลาของแม่ลูก

 

 

   ถัดจากคืนนั้นที่อาลัวไปไปคุยกับไอโรเน่เป็นการส่วนตัว มื้อเย็นของวันนี้เกิดเหตุการณ์ไม่ธรรมดานิดหน่อย ซึ่งก็คือการร่วมโต๊ะระหว่างราชินี ไอโรเน่ กับเจ้าหญิงแสงจันทร์ หรือก็คือเด็กที่มากด้วยปัญหา เซเลน

 

   ทั้งหมดจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่ต่างกับวันปรกติทั่วไป รอบตัวไอโรเน่ไม่มีทั้งบริกรและคนรับใช้ อาหารก็ไม่ใช่ของเลิศหรูมีระดับ แต่ดูไม่ต่างกับอาหารสำหรับชาวบ้านธรรมดา จึงให้บรรยากาศสมเป็นมื้ออาหารกับครอบครัว

 

“……”

“……”

 

   ไอโรเน่กินอาหารที่อยู่ในจานของตนอย่างเงียบๆ เซเลนก็ทำเช่นเดียวกัน

  บัตเลอร์แอบมองทั้งสองจากใต้โต๊ะไม่ไกล

 

[“(หวังว่าความคิดของเจ้าหญิงมารีเบลจะได้ผล)”]

 

   บัตเลอร์คิดถึงเรื่องที่มารีแนะนำมาก่อนหน้านี้

 

 

   ตลอดช่วงกลางวัน ไอโรเน่จะมีงานบริหารบ้านเมืองที่ต้องทำ อาลัวเองก็ช่วยในสิ่งที่เธอทำได้ขณะอยู่ที่นี่ มิลานกับคนอื่นๆกำลังวางแผนกระชับความสัมพันธ์ระหว่าไอโรเน่และเซเลนในช่วงเวลาดังกล่าว

 

   ในขณะที่เซเลนยังนอนหลับพักผ่อนเนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอ (ตามที่ทุกคนเชื่อ) เพราะเมื่อวานเธอออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวันมากกว่าปรกติ โดยทั่วไปเซเลนจะไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง ต่อให้ตื่นอยู่ก็จะขี้เกียจไร้แรงจูงใจเหมือนตัวคาปิบาร่าในสวนสัตว์

 

“หนูมีความคิดดีๆอยู่ค่ะ!”

 

   เรื่องราวยังดำเนินต่อไปโดยไม่สนเซเลนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง มารีพูดออกมาอย่างมั่นใจ

 

“ถ้าดูจากความคิดดีๆของเธอจากเรื่องที่ผ่านๆมา คงต้องขอให้ลองทบทวนดูก่อนอีกสักรอบครับ”

“เสียมารยาท หนูยังไม่ทันบอกเลยนะคะ”

 

  คำท้วงติงจากมิลานทำให้มารีงอนแก้มป่อง แม้มารีจะดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่ก็ยังขาดประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่ได้คาดหวังจากมารีมากไปกว่าการให้เธอคอยให้กำลังใจเซเลนอยู่ข้างๆ

 

“แล้วมีความคิดอะไรหรือเจ้าคะ?”

 

  โชคดีที่ฮิโนเอะรู้สึกตัวได้ก่อนว่า ถ้าปล่อยให้มิลานกับมารีโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไป ทั้งสองจะเริ่มทะเลาะกัน ฮิโนเอะที่ฟังอยู่เงียบๆแต่ก็คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำแม้จะยังไม่ได้ใช่ความสามารถพิเศษของเธอ จึงรีบหยุดก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น

 

“สนใจแล้วล่ะสิ จะบอกให้ก็ได้ ให้ราชินีไอโรเน่กินข้าวร่วมโต๊ะกับเซเลนแค่สองคนไงล่ะ”

“ร่วมโต๊ะอาหาร แค่นี้?”

 

   มารีบอกแผนการของเธอมาอย่างสั้นๆ มิลานได้ยินแล้วถึงกับผงะ ถ้าการร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแล้วทำให้เข้าใจกันและกันขึ้นมาได้ง่ายๆ โลกนี้ก็ไม่มี ‘ครอบครัวแตกแยก’ หลงเหลืออยู่แล้ว

 

“ก็ลองคิดดูสิ เซเลนไม่เคยกินข้าวร่วมกับครอบครัวเลย โดยเฉพาะกับแม่ของเธอ อย่างพวกเราตอนที่กินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้า ก็มีการพูดคุยในเรื่องที่ปรกติจะไม่ได้เอามาพูดกันด้วยใช่ไหมล่ะ?”

 

   อย่างที่มารีว่าไว้ ครอบครัวเฮลิฟาลเต้จะให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะราชาชวานถือคติว่า ‘ถ้ากับครอบครัวยังทำให้มีความสุขไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้’

 

   แม้ว่าจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ แต่ก็ใช้เวลามื้ออาหารร่วมกับครอบครัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาทำเช่นนี้ด้วยกันจนเป็นเรื่องปรกติ

 

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น…”

“ไม่สิ เรื่องง่ายๆมักได้ผลดีนะขอรับ”

“คุมะฮาจิ!?”

 

   เป็นคำแนะนำที่แม้แต่มิลานยังแปลกใจ แม้จะอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าคุมะฮาจิจะเข้าข้างมารี

 

“มีคำกล่าวว่า ‘กินข้าวหม้อเดียวกัน’ เพื่อบอกให้คนสนิทกันขอรับ แน่นอนว่าไม่ได้หวังให้แก้ปัญหาได้ในทันที แต่ก็เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ท่านไอโรเน่กับท่านเซเลนได้คุยกันตามประสาแม่ลูก ดีกว่าให้คนนอกอย่างพวกเราคิดกันเองต่างๆนาๆขอรับ”

“แต่พวกเรายังไม่รู้ว่าความเกลียดชังของราชินีไอโรเน่ที่มีต่อเซเลน รุนแรงแค่ไหน…”

“กังวลว่าท่านเซเลนจะถูกราชินีทำร้ายหรือขอรับ?”

“มันก็เป็นไปได้”

 

   สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่มิลานเป็นห่วง แน่นอนว่ามันแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่โอกาสก็ไม่ใช่ศูนย์ ใครจะรู้ว่ามีดที่อยู่บนจานอาหารจะไม่ถูกใช้กับเซเลน 

 

“หืม องค์ชายทะนุถนอมท่านเซเลนเต็มที่เลยขอรับ ทำตัวสมเป็นคนรักจริงๆ”

“ไม่ต้องล้อก็ได้น่า”

 

   คุมะฮาจิหัวเราะเยอะมิลานที่ยังทำหน้านิ่งอยู่

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยจะประจำการอยู่ใกล้ๆ เข้าถึงตัวได้ทันก่อนเกิดเหตุร้ายแรง ในเมื่อข้าน้อยเป็นคนคุ้มกันขององค์ชายมิลาน จึงมีหน้าที่ต้องปกป้องสิ่งที่สำคัญขององค์ชายด้วยขอรับ”

“แต่ถ้าเซเลนไม่ได้อยู่กับราชินีไอโนเร่ตามลำพัง แผนนี้ก็ไม่มีประโยชน์สิ…”

 

   ขณะที่มิลานกำลังหาข้อสรุป ก็มีเสียงร้องแหลมๆของสัตว์ดังขึ้นใกล้ๆ

   เมื่อหันไปทางต้นตอของเสียง ก็พบกับหนูสีดำขาว ผูกริบบินสีแดง จ้องมองมาจากขอบหน้าต่าง

 

“หนู ของเซเลน… บัตเลอร์สินะครับ”

 

   มิลานพูดชื่อเรียกหนูตัวนี้ที่เคยได้ยิน บัตเลอร์ก็ส่งเสียร้องตอบกลับราวกับพูดคุยกัน จากนั้น บัตเลอร์ก็ลงมาจากขอบหน้าต่าง วิ่งไต่ขึ้นไปบนตัวคุมะฮาจิจนถึงไหล่ ด้วยความเร็วผิดธรรมชาติจนแทบมองไม่ทัน

 

“อื่ม ท่านบัตเลอร์อาสาคุ้มครองท่านเซเลนสินะขอรับ”

 

   คุมะฮาจิหันไปพูดกับบัตเลอร์เหมือนเข้าใจกันได้ และบัตเลอร์ก็ผงกหัว

 

“เท่านี้ ท่านเซเลนก็มีผู้คุ้มกันอยู่ข้างกายแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงขอรับ”

“ให้ผู้คุ้มกันเป็นหนูเนี่ยนะ”

“ถ้าไม่มีท่านบัตเลอร์ในวันนั้น กว่าทุกคนจะรู้ตัวถึงคำสาปก็สายเกินไปแล้วนะขอรับ”

 

   ต้องยอมรับว่า คำสาปจากผู้สาปแช่งเมื่อสองปีก่อน ถูกจำกัดความเสียหายได้มาก เพราะหนูตัวนี้ตามคุมะฮาจิและคนอื่นๆให้ไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว มันแสนรู้กว่าหนูทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับเจ้านายของมันที่ฉลาดกว่าคนปรกติ

 

   ในความจริง มันเป็นหนูที่ฉลาดกว่าปรกติจริง แต่นั่นตรงกันข้ามกับเจ้านายของมันมากกว่า

 

“บัตเลอร์ ช่วยปกป้องเซเลนให้ได้ใช่ไหมครับ?”

 

   เมื่อมิลานหันไปพูดดัวย บัตเลอร์ก็ลุกยืนสองขา เอามือตบหน้าอก ราวกับต้องการบอกว่า ‘ไว้ใจได้’ บางครั้งหนูตัวนี้ก็ชอบเลียบแบบท่าทางของมนุษย์จนหลายคนหลุดหัวเราะออกมา

 

“เข้าใจแล้วครับ เรื่องการคุ้มกันก็ปล่อยให้เห็นหน้าที่ของหนูตัวนี้ นอกนั้นก็ทำให้มั่นใจว่าพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในฐานะแม่ลูก ไม่ใช่เข้าพบอย่างเป็นทางการ”

“นี่! นี่! ตกลงกันเรียบร้อยซะแล้ว! ทำอย่างกับท่านพี่คิดแผนนี้ออกมาเองเลยนะคะ”

 

   แน่นอนว่าไม่ได้หวังพึ่งพาหนูตัวหนึ่งสำหรับงานคุ้มกัน เพราะไอโรเน่เป็นถึงราชินีของประเทศหนึ่ง ต่อให้ถูกอารมณ์ครอบงำก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรรุนแรงกับเซเลนที่เป็นถึงเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้โด่งดังไปทั้งทวีป มิลานได้คิดอย่างใจเย็นแล้วก็ปล่อยวาง ให้เซเลนกับไอโรเน่ร่วมรับประทานมื้ออาหารกันเพียงสองคน

 

 

[“(ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ลดลงเลย… หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี)”]

 

   กลับมาปัจจุบัน บัตเลอร์หลบอยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น ทำหน้าที่คุ้มกันอย่างเงียบๆ แม้ว่ามิลานกับคุมะฮาจิจะไม่ได้จริงจัง แต่ความแข็งแกร่งของบัตเลอร์ก็เป็นของจริง เป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในตอนนี้

 

  หากเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบของมีคมขึ้นมาด้วยจิตคิดร้าย บัตเลอร์จะพุ่งเข้าชนเพื่อผลักให้ล้มกระเด็นในทันที ไม่ใช้เรื่องยากสำหรับบัตเลอร์ที่เคยจับลูกธนูที่แหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงได้ทัน

 

   แต่บัตเลอร์ก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น นี่เป็นมื้ออาหารเพื่อให้เซเลนกับไอโรเน่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่มีเหตุการณ์ให้บัตเลอร์ต้องเคลื่อนไหว

 

“…เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับประทานอาหารร่วมกันสินะ”

“อือ”

 

  ในตอนที่บัตเลอร์เริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไอโรเน่ก็เริ่มพูดเป็นคนแรก ส่วนเซเลนก็แค่ตอบสั้นๆโดยไม่เงยหน้ามอง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันในลักษณะนี้มาก่อน จึงต้องมีความรู้สึกบางอย่างอยู่บ้าง

 

   สำหรับเซเลนแล้ว ไอโรเน่คือผู้ที่ให้กำเนิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบเป็นพิเศษ เซเลนจึงเห็นเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มีสายเลือดเดียวกัน

 

   ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด เป็นความรู้สึกแปลกๆที่คล้ายกับการไม่รู้สึกอะไรเลย 

 

“ในตอนที่พวกเจ้าเดินทางไปเฮลิฟลาเต้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะตกหลุมรักเจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า”

“ไม่เข้ากัน!”

“ไม่รู้สิ ข้าว่าเหมาะสมกันดีนะ”

“ไม่จริง ไม่คู่ควร!”

 

   เซเลนได้ลืมไปแล้วว่า ‘เจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า’ มีอยู่สองคน เพราะตลอดเวลาเธอคิดถึงแต่อาลัวเพียงคนเดียว ทั้งที่ไอโรเน่กำลังบอกว่ามิลานหลงรักเซเลน

 

“…ทำไมถึงมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น? ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงเห็นด้วย แต่ฐานะในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าทัดเทียมกัน”

 

   เจ้าหญิงลำดับสองจากอาร์คุยล่า ประเทศเล็กๆห่างไกลความเจริญ กับเจ้าชายลำดับหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าไม่เหมาะสมกันเลย แต่ในปัจจุบัน เซเลนสร้างชื่อให้กับตนเอง เป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่คนทั้งทวีปยกย่อง ไม่ว่าใครก็คิดเหมือนกันหมดว่า คู่ที่เหมาะสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แม้อายุจะต่างกันมากก็เถอะ

 

   ในความคิดของเซเลน เธอต้องคัดค้านสุดชีวิต เพื่อไม่ให้อาลัวลงเอยกับมิลาน แต่สถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายลง เพราะแม้แต่ไอโรเน่ก็ยังบอกว่ามิลานกับอาลัวเหมาะสมกันดี

 

“ปกป้อง พี่สาว แต่งงาน กับเจ้าชาย ไม่ยอม”

“…ปกป้องอาลัวหรือ?”

 

  ไอโรเน่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างจริงจัง เริ่มตีความคำพูดไม่เป็นประโยคของเซเลน เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ปราดเปรื่อง(ฮา) มองเห็นอะไรที่ทุกคนมองข้ามไป

 

   ――แต่ตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปมาแล้วหนึ่งอย่าง

 

“(เด็กคนนี้… ให้ความสำคัญกับอาลัว ไม่สิ อาจจะทั้งครอบครัว ซึ่งรวมถึงตัวข้าด้วย!)”

 

  เซเลนกับมิลานเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดี ในข้อนี้ไอโรเน่ก็ยอมรับ และความฝันของเด็กสาวทุกคนคือเป็นเจ้าสาวให้กับชายที่รัก ซึ่งสำหรับเซเลนก็คือมิลานแน่นอนอยู่แล้ว

 

   แต่จากที่เห็น เซเลนไม่แม้แต่พยายามไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ หากมิลานกับเซเลนได้แต่งงานกัน เจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลนกับองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน ทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากคนทั้งทวีป

 

  แล้วผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับอาลัวที่ยังอยู่ในอาร์คุยล่าคืออะไร เมื่อถึงเวลานั้น อาร์คุยล่าจะกลายเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้ คุณค่าทางการเมืองของอาลัวจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในฐานะพี่สาวแท้ๆที่เจ้าหญิงแสงจันทร์สนิทด้วยมากที่สุด

 

  จะต้องมีขุนนางระดับสูงมากมายมาขอแต่งงานกับอาลัว แทบทั้งหมดจะคิดถึงแต่ผลประโยชน์โดยปราศจากความรัก และไอโรเน่ก็ยังตระหนักดีว่า เธอทำได้เพียงแค่รักษาประเทศเล็กๆนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป

 

   อีกทั้งการเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้จะทำให้ถูกประเทศข้างเคียงเพ่งเล็ง ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกนั้นจะไม่พยายามเข้าแทรกแซงจนทำให้ไอโรเน่และอาร์คุยล่าเกิดความเสียหาย

 

   นี่อาจเป็นสาเหตุให้เซเลนปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าชายมิลาน แม้ว่าเจ้าชายมิลานต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่เซเลนจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง เพื่อพี่สาวของเธอ จนกว่าจะถึงวันที่อาลัวได้แต่งงานสร้างครอบครัวและประเทศที่มั่นคง

 

“(ถ้าอย่างนั้น เด็กคนนี้กำลังสละความสุขของตนเองเพื่อครอบครัวและบ้านเกิด!?)”

 

   แน่นอนว่าความจริงแล้วไม่ใช่เลย

 

  ไอโรเน่ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับเซเลน ลูกสาวของเธอ ตั้งแต่แรกมันคือความรู้สึกรังเกียจ แต่ความเกลียดชังนั้น ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอื่นอย่างช้าๆ

 

“บางที ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอาจไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความกลัว”

“หืม?”

 

  เซเลนก้มหน้าก้มตากินสตูว์โดยไม่ทันได้ฟัง เมื่อได้ยินไอโรเน่พูดอะไรบางอย่างกับเธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ไอโนเน่ได้มองตรงไปยังใบหน้าอันงดงามไร้เดียงสาของเธอ

 

  สาวน้อยผู้งดงามราวกับได้รับความรักจากพระเจ้า แต่มีอะไรบางอย่างนอกเหนือความเข้าใจซ่อนอยู่ภายใน ไอโรเน่ไม่เคยได้รู้ว่ามันคืออะไร เพราะไม่รู้จึงได้กลัว ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆก็ได้

 

  เช่นเดียวกับมนุษย์ไม่เข้าใจในความประสงค์ของเหล่าทวยเทพ ยกเว้นผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์และตีความออกมาได้

 

“…ดีจริงๆที่วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้า ข้าเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว สบายใจขึ้นมามากจริงๆ”

“อื่ม? ดีแล้ว”

 

   หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้น เซเลนไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไร แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะพอใจ เธอจึงตอบรับประมาณว่า ถ้าบอกว่าดี ก็ดีแล้ว

 

“…สำหรับวันนี้ พอแค่นี้กันก่อนเถอะ”

 

   หลังสิ้นสุดมื้ออาหาร เมื่อเห็นเซเลนกินอิ่มดี ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นและช่วงเวลาของทั้งสองก็จบลง

 

“อ๊ะ! เซเลน! เป็นยังไงบ้าง!? เข้ากับคุณแม่ได้ดีหรือเปล่า?”

“ปรกติ”

“อือ ดีจัง ถ้าทานข้าวดัวยกันได้เป็นปรกติ ก็แปลว่ามีความคืบหน้าแล้วสินะ?”

 

   ทันทีที่กลับมาหาทุกคน มารีก็เข้ามาถามคำถามมากมาย พอได้คำตอบก็กอดเซเลนด้วยความโล่งใจที่ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี สำหรับเซเลนที่แค่ไปกินมื้อเย็นก็ถูกมารีกอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่คิดว่าโชคดีจริงๆ

 

  เซเลนไม่รู้สึกเลยว่าวันนี้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น จึงถือเป็นวันธรรมดาอีกวันโดยไม่ได้คิดอะไรต่อจากนี้ แต่บัตเลอร์ที่อยู่ในชุดของเซเลนกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

 

[“…ในน้ำเสียงของราชินีไอโรเน่มีบางอย่างแปลกๆ ฟังดูน่าเป็นห่วง หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบ”]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 69

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 69 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 69

ช่วงเวลาของแม่ลูก

 

 

   ถัดจากคืนนั้นที่อาลัวไปไปคุยกับไอโรเน่เป็นการส่วนตัว มื้อเย็นของวันนี้เกิดเหตุการณ์ไม่ธรรมดานิดหน่อย ซึ่งก็คือการร่วมโต๊ะระหว่างราชินี ไอโรเน่ กับเจ้าหญิงแสงจันทร์ หรือก็คือเด็กที่มากด้วยปัญหา เซเลน

 

   ทั้งหมดจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่ต่างกับวันปรกติทั่วไป รอบตัวไอโรเน่ไม่มีทั้งบริกรและคนรับใช้ อาหารก็ไม่ใช่ของเลิศหรูมีระดับ แต่ดูไม่ต่างกับอาหารสำหรับชาวบ้านธรรมดา จึงให้บรรยากาศสมเป็นมื้ออาหารกับครอบครัว

 

“……”

“……”

 

   ไอโรเน่กินอาหารที่อยู่ในจานของตนอย่างเงียบๆ เซเลนก็ทำเช่นเดียวกัน

  บัตเลอร์แอบมองทั้งสองจากใต้โต๊ะไม่ไกล

 

[“(หวังว่าความคิดของเจ้าหญิงมารีเบลจะได้ผล)”]

 

   บัตเลอร์คิดถึงเรื่องที่มารีแนะนำมาก่อนหน้านี้

 

 

   ตลอดช่วงกลางวัน ไอโรเน่จะมีงานบริหารบ้านเมืองที่ต้องทำ อาลัวเองก็ช่วยในสิ่งที่เธอทำได้ขณะอยู่ที่นี่ มิลานกับคนอื่นๆกำลังวางแผนกระชับความสัมพันธ์ระหว่าไอโรเน่และเซเลนในช่วงเวลาดังกล่าว

 

   ในขณะที่เซเลนยังนอนหลับพักผ่อนเนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอ (ตามที่ทุกคนเชื่อ) เพราะเมื่อวานเธอออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวันมากกว่าปรกติ โดยทั่วไปเซเลนจะไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง ต่อให้ตื่นอยู่ก็จะขี้เกียจไร้แรงจูงใจเหมือนตัวคาปิบาร่าในสวนสัตว์

 

“หนูมีความคิดดีๆอยู่ค่ะ!”

 

   เรื่องราวยังดำเนินต่อไปโดยไม่สนเซเลนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง มารีพูดออกมาอย่างมั่นใจ

 

“ถ้าดูจากความคิดดีๆของเธอจากเรื่องที่ผ่านๆมา คงต้องขอให้ลองทบทวนดูก่อนอีกสักรอบครับ”

“เสียมารยาท หนูยังไม่ทันบอกเลยนะคะ”

 

  คำท้วงติงจากมิลานทำให้มารีงอนแก้มป่อง แม้มารีจะดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่ก็ยังขาดประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่ได้คาดหวังจากมารีมากไปกว่าการให้เธอคอยให้กำลังใจเซเลนอยู่ข้างๆ

 

“แล้วมีความคิดอะไรหรือเจ้าคะ?”

 

  โชคดีที่ฮิโนเอะรู้สึกตัวได้ก่อนว่า ถ้าปล่อยให้มิลานกับมารีโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไป ทั้งสองจะเริ่มทะเลาะกัน ฮิโนเอะที่ฟังอยู่เงียบๆแต่ก็คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำแม้จะยังไม่ได้ใช่ความสามารถพิเศษของเธอ จึงรีบหยุดก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น

 

“สนใจแล้วล่ะสิ จะบอกให้ก็ได้ ให้ราชินีไอโรเน่กินข้าวร่วมโต๊ะกับเซเลนแค่สองคนไงล่ะ”

“ร่วมโต๊ะอาหาร แค่นี้?”

 

   มารีบอกแผนการของเธอมาอย่างสั้นๆ มิลานได้ยินแล้วถึงกับผงะ ถ้าการร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแล้วทำให้เข้าใจกันและกันขึ้นมาได้ง่ายๆ โลกนี้ก็ไม่มี ‘ครอบครัวแตกแยก’ หลงเหลืออยู่แล้ว

 

“ก็ลองคิดดูสิ เซเลนไม่เคยกินข้าวร่วมกับครอบครัวเลย โดยเฉพาะกับแม่ของเธอ อย่างพวกเราตอนที่กินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้า ก็มีการพูดคุยในเรื่องที่ปรกติจะไม่ได้เอามาพูดกันด้วยใช่ไหมล่ะ?”

 

   อย่างที่มารีว่าไว้ ครอบครัวเฮลิฟาลเต้จะให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะราชาชวานถือคติว่า ‘ถ้ากับครอบครัวยังทำให้มีความสุขไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้’

 

   แม้ว่าจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ แต่ก็ใช้เวลามื้ออาหารร่วมกับครอบครัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาทำเช่นนี้ด้วยกันจนเป็นเรื่องปรกติ

 

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น…”

“ไม่สิ เรื่องง่ายๆมักได้ผลดีนะขอรับ”

“คุมะฮาจิ!?”

 

   เป็นคำแนะนำที่แม้แต่มิลานยังแปลกใจ แม้จะอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าคุมะฮาจิจะเข้าข้างมารี

 

“มีคำกล่าวว่า ‘กินข้าวหม้อเดียวกัน’ เพื่อบอกให้คนสนิทกันขอรับ แน่นอนว่าไม่ได้หวังให้แก้ปัญหาได้ในทันที แต่ก็เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ท่านไอโรเน่กับท่านเซเลนได้คุยกันตามประสาแม่ลูก ดีกว่าให้คนนอกอย่างพวกเราคิดกันเองต่างๆนาๆขอรับ”

“แต่พวกเรายังไม่รู้ว่าความเกลียดชังของราชินีไอโรเน่ที่มีต่อเซเลน รุนแรงแค่ไหน…”

“กังวลว่าท่านเซเลนจะถูกราชินีทำร้ายหรือขอรับ?”

“มันก็เป็นไปได้”

 

   สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่มิลานเป็นห่วง แน่นอนว่ามันแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่โอกาสก็ไม่ใช่ศูนย์ ใครจะรู้ว่ามีดที่อยู่บนจานอาหารจะไม่ถูกใช้กับเซเลน 

 

“หืม องค์ชายทะนุถนอมท่านเซเลนเต็มที่เลยขอรับ ทำตัวสมเป็นคนรักจริงๆ”

“ไม่ต้องล้อก็ได้น่า”

 

   คุมะฮาจิหัวเราะเยอะมิลานที่ยังทำหน้านิ่งอยู่

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยจะประจำการอยู่ใกล้ๆ เข้าถึงตัวได้ทันก่อนเกิดเหตุร้ายแรง ในเมื่อข้าน้อยเป็นคนคุ้มกันขององค์ชายมิลาน จึงมีหน้าที่ต้องปกป้องสิ่งที่สำคัญขององค์ชายด้วยขอรับ”

“แต่ถ้าเซเลนไม่ได้อยู่กับราชินีไอโนเร่ตามลำพัง แผนนี้ก็ไม่มีประโยชน์สิ…”

 

   ขณะที่มิลานกำลังหาข้อสรุป ก็มีเสียงร้องแหลมๆของสัตว์ดังขึ้นใกล้ๆ

   เมื่อหันไปทางต้นตอของเสียง ก็พบกับหนูสีดำขาว ผูกริบบินสีแดง จ้องมองมาจากขอบหน้าต่าง

 

“หนู ของเซเลน… บัตเลอร์สินะครับ”

 

   มิลานพูดชื่อเรียกหนูตัวนี้ที่เคยได้ยิน บัตเลอร์ก็ส่งเสียร้องตอบกลับราวกับพูดคุยกัน จากนั้น บัตเลอร์ก็ลงมาจากขอบหน้าต่าง วิ่งไต่ขึ้นไปบนตัวคุมะฮาจิจนถึงไหล่ ด้วยความเร็วผิดธรรมชาติจนแทบมองไม่ทัน

 

“อื่ม ท่านบัตเลอร์อาสาคุ้มครองท่านเซเลนสินะขอรับ”

 

   คุมะฮาจิหันไปพูดกับบัตเลอร์เหมือนเข้าใจกันได้ และบัตเลอร์ก็ผงกหัว

 

“เท่านี้ ท่านเซเลนก็มีผู้คุ้มกันอยู่ข้างกายแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงขอรับ”

“ให้ผู้คุ้มกันเป็นหนูเนี่ยนะ”

“ถ้าไม่มีท่านบัตเลอร์ในวันนั้น กว่าทุกคนจะรู้ตัวถึงคำสาปก็สายเกินไปแล้วนะขอรับ”

 

   ต้องยอมรับว่า คำสาปจากผู้สาปแช่งเมื่อสองปีก่อน ถูกจำกัดความเสียหายได้มาก เพราะหนูตัวนี้ตามคุมะฮาจิและคนอื่นๆให้ไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว มันแสนรู้กว่าหนูทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับเจ้านายของมันที่ฉลาดกว่าคนปรกติ

 

   ในความจริง มันเป็นหนูที่ฉลาดกว่าปรกติจริง แต่นั่นตรงกันข้ามกับเจ้านายของมันมากกว่า

 

“บัตเลอร์ ช่วยปกป้องเซเลนให้ได้ใช่ไหมครับ?”

 

   เมื่อมิลานหันไปพูดดัวย บัตเลอร์ก็ลุกยืนสองขา เอามือตบหน้าอก ราวกับต้องการบอกว่า ‘ไว้ใจได้’ บางครั้งหนูตัวนี้ก็ชอบเลียบแบบท่าทางของมนุษย์จนหลายคนหลุดหัวเราะออกมา

 

“เข้าใจแล้วครับ เรื่องการคุ้มกันก็ปล่อยให้เห็นหน้าที่ของหนูตัวนี้ นอกนั้นก็ทำให้มั่นใจว่าพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในฐานะแม่ลูก ไม่ใช่เข้าพบอย่างเป็นทางการ”

“นี่! นี่! ตกลงกันเรียบร้อยซะแล้ว! ทำอย่างกับท่านพี่คิดแผนนี้ออกมาเองเลยนะคะ”

 

   แน่นอนว่าไม่ได้หวังพึ่งพาหนูตัวหนึ่งสำหรับงานคุ้มกัน เพราะไอโรเน่เป็นถึงราชินีของประเทศหนึ่ง ต่อให้ถูกอารมณ์ครอบงำก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรรุนแรงกับเซเลนที่เป็นถึงเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้โด่งดังไปทั้งทวีป มิลานได้คิดอย่างใจเย็นแล้วก็ปล่อยวาง ให้เซเลนกับไอโรเน่ร่วมรับประทานมื้ออาหารกันเพียงสองคน

 

 

[“(ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ลดลงเลย… หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี)”]

 

   กลับมาปัจจุบัน บัตเลอร์หลบอยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น ทำหน้าที่คุ้มกันอย่างเงียบๆ แม้ว่ามิลานกับคุมะฮาจิจะไม่ได้จริงจัง แต่ความแข็งแกร่งของบัตเลอร์ก็เป็นของจริง เป็นคนที่พึ่งพาได้มากที่สุดในตอนนี้

 

  หากเห็นว่าอีกฝ่ายหยิบของมีคมขึ้นมาด้วยจิตคิดร้าย บัตเลอร์จะพุ่งเข้าชนเพื่อผลักให้ล้มกระเด็นในทันที ไม่ใช้เรื่องยากสำหรับบัตเลอร์ที่เคยจับลูกธนูที่แหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงได้ทัน

 

   แต่บัตเลอร์ก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น นี่เป็นมื้ออาหารเพื่อให้เซเลนกับไอโรเน่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่มีเหตุการณ์ให้บัตเลอร์ต้องเคลื่อนไหว

 

“…เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับประทานอาหารร่วมกันสินะ”

“อือ”

 

  ในตอนที่บัตเลอร์เริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไอโรเน่ก็เริ่มพูดเป็นคนแรก ส่วนเซเลนก็แค่ตอบสั้นๆโดยไม่เงยหน้ามอง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันในลักษณะนี้มาก่อน จึงต้องมีความรู้สึกบางอย่างอยู่บ้าง

 

   สำหรับเซเลนแล้ว ไอโรเน่คือผู้ที่ให้กำเนิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบเป็นพิเศษ เซเลนจึงเห็นเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มีสายเลือดเดียวกัน

 

   ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด เป็นความรู้สึกแปลกๆที่คล้ายกับการไม่รู้สึกอะไรเลย 

 

“ในตอนที่พวกเจ้าเดินทางไปเฮลิฟลาเต้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะตกหลุมรักเจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า”

“ไม่เข้ากัน!”

“ไม่รู้สิ ข้าว่าเหมาะสมกันดีนะ”

“ไม่จริง ไม่คู่ควร!”

 

   เซเลนได้ลืมไปแล้วว่า ‘เจ้าหญิงจากอาร์คุยล่า’ มีอยู่สองคน เพราะตลอดเวลาเธอคิดถึงแต่อาลัวเพียงคนเดียว ทั้งที่ไอโรเน่กำลังบอกว่ามิลานหลงรักเซเลน

 

“…ทำไมถึงมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น? ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงเห็นด้วย แต่ฐานะในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าทัดเทียมกัน”

 

   เจ้าหญิงลำดับสองจากอาร์คุยล่า ประเทศเล็กๆห่างไกลความเจริญ กับเจ้าชายลำดับหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าไม่เหมาะสมกันเลย แต่ในปัจจุบัน เซเลนสร้างชื่อให้กับตนเอง เป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่คนทั้งทวีปยกย่อง ไม่ว่าใครก็คิดเหมือนกันหมดว่า คู่ที่เหมาะสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แม้อายุจะต่างกันมากก็เถอะ

 

   ในความคิดของเซเลน เธอต้องคัดค้านสุดชีวิต เพื่อไม่ให้อาลัวลงเอยกับมิลาน แต่สถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายลง เพราะแม้แต่ไอโรเน่ก็ยังบอกว่ามิลานกับอาลัวเหมาะสมกันดี

 

“ปกป้อง พี่สาว แต่งงาน กับเจ้าชาย ไม่ยอม”

“…ปกป้องอาลัวหรือ?”

 

  ไอโรเน่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างจริงจัง เริ่มตีความคำพูดไม่เป็นประโยคของเซเลน เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ปราดเปรื่อง(ฮา) มองเห็นอะไรที่ทุกคนมองข้ามไป

 

   ――แต่ตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปมาแล้วหนึ่งอย่าง

 

“(เด็กคนนี้… ให้ความสำคัญกับอาลัว ไม่สิ อาจจะทั้งครอบครัว ซึ่งรวมถึงตัวข้าด้วย!)”

 

  เซเลนกับมิลานเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดี ในข้อนี้ไอโรเน่ก็ยอมรับ และความฝันของเด็กสาวทุกคนคือเป็นเจ้าสาวให้กับชายที่รัก ซึ่งสำหรับเซเลนก็คือมิลานแน่นอนอยู่แล้ว

 

   แต่จากที่เห็น เซเลนไม่แม้แต่พยายามไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ หากมิลานกับเซเลนได้แต่งงานกัน เจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลนกับองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน ทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากคนทั้งทวีป

 

  แล้วผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับอาลัวที่ยังอยู่ในอาร์คุยล่าคืออะไร เมื่อถึงเวลานั้น อาร์คุยล่าจะกลายเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้ คุณค่าทางการเมืองของอาลัวจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในฐานะพี่สาวแท้ๆที่เจ้าหญิงแสงจันทร์สนิทด้วยมากที่สุด

 

  จะต้องมีขุนนางระดับสูงมากมายมาขอแต่งงานกับอาลัว แทบทั้งหมดจะคิดถึงแต่ผลประโยชน์โดยปราศจากความรัก และไอโรเน่ก็ยังตระหนักดีว่า เธอทำได้เพียงแค่รักษาประเทศเล็กๆนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป

 

   อีกทั้งการเป็นเครือญาติกับเฮลิฟาลเต้จะทำให้ถูกประเทศข้างเคียงเพ่งเล็ง ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกนั้นจะไม่พยายามเข้าแทรกแซงจนทำให้ไอโรเน่และอาร์คุยล่าเกิดความเสียหาย

 

   นี่อาจเป็นสาเหตุให้เซเลนปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าชายมิลาน แม้ว่าเจ้าชายมิลานต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่เซเลนจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง เพื่อพี่สาวของเธอ จนกว่าจะถึงวันที่อาลัวได้แต่งงานสร้างครอบครัวและประเทศที่มั่นคง

 

“(ถ้าอย่างนั้น เด็กคนนี้กำลังสละความสุขของตนเองเพื่อครอบครัวและบ้านเกิด!?)”

 

   แน่นอนว่าความจริงแล้วไม่ใช่เลย

 

  ไอโรเน่ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆให้กับเซเลน ลูกสาวของเธอ ตั้งแต่แรกมันคือความรู้สึกรังเกียจ แต่ความเกลียดชังนั้น ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอื่นอย่างช้าๆ

 

“บางที ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอาจไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความกลัว”

“หืม?”

 

  เซเลนก้มหน้าก้มตากินสตูว์โดยไม่ทันได้ฟัง เมื่อได้ยินไอโรเน่พูดอะไรบางอย่างกับเธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ไอโนเน่ได้มองตรงไปยังใบหน้าอันงดงามไร้เดียงสาของเธอ

 

  สาวน้อยผู้งดงามราวกับได้รับความรักจากพระเจ้า แต่มีอะไรบางอย่างนอกเหนือความเข้าใจซ่อนอยู่ภายใน ไอโรเน่ไม่เคยได้รู้ว่ามันคืออะไร เพราะไม่รู้จึงได้กลัว ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆก็ได้

 

  เช่นเดียวกับมนุษย์ไม่เข้าใจในความประสงค์ของเหล่าทวยเทพ ยกเว้นผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์และตีความออกมาได้

 

“…ดีจริงๆที่วันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้า ข้าเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว สบายใจขึ้นมามากจริงๆ”

“อื่ม? ดีแล้ว”

 

   หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้น เซเลนไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไร แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะพอใจ เธอจึงตอบรับประมาณว่า ถ้าบอกว่าดี ก็ดีแล้ว

 

“…สำหรับวันนี้ พอแค่นี้กันก่อนเถอะ”

 

   หลังสิ้นสุดมื้ออาหาร เมื่อเห็นเซเลนกินอิ่มดี ไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นและช่วงเวลาของทั้งสองก็จบลง

 

“อ๊ะ! เซเลน! เป็นยังไงบ้าง!? เข้ากับคุณแม่ได้ดีหรือเปล่า?”

“ปรกติ”

“อือ ดีจัง ถ้าทานข้าวดัวยกันได้เป็นปรกติ ก็แปลว่ามีความคืบหน้าแล้วสินะ?”

 

   ทันทีที่กลับมาหาทุกคน มารีก็เข้ามาถามคำถามมากมาย พอได้คำตอบก็กอดเซเลนด้วยความโล่งใจที่ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี สำหรับเซเลนที่แค่ไปกินมื้อเย็นก็ถูกมารีกอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่คิดว่าโชคดีจริงๆ

 

  เซเลนไม่รู้สึกเลยว่าวันนี้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น จึงถือเป็นวันธรรมดาอีกวันโดยไม่ได้คิดอะไรต่อจากนี้ แต่บัตเลอร์ที่อยู่ในชุดของเซเลนกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

 

[“…ในน้ำเสียงของราชินีไอโรเน่มีบางอย่างแปลกๆ ฟังดูน่าเป็นห่วง หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบ”]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+