[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 70

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 70 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 70

แหวน

 

 

   หลังมื้ออาหารแห่งการปรับความเข้าใจสำหรับเซเลนก็ผ่านมาได้อีกวัน กลุ่มของมิลานขอเข้าพบราชินีไอโรเน่เพื่อหารืออีกครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า วันนี้สุขภาพของไอโรเน่ไม่ค่อยสู้ดี คณะทูตจากเฮลิฟาลเต้จึงได้แต่รอไปอีกวัน

 

   คนที่ยินดีกับเหตุการณ์นี้ที่สุดก็คือเซเลน… หรือก็คือเข้าทางเธอมากที่สุด เพราะเป็นการถ่วงเวลาให้การสู่ขออาลัวล่าช้า ถ้าจะให้ดี ต้องไม่มีความคืบหน้าจนถึงวันเดินทางกลับ

 

  ดังนั้น เซเลนจะยังพักผ่อนอยู่ในห้องของเธอตลอดช่วงวันตามปรกติ จนกระทั่งบัตเลอร์เข้ามาหาในช่วงบ่ายแก่ๆ

 

[“องค์หญิง ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อน กระผมมีเรื่องอยากจะขอ”]

“อนุมัติ”

[“ทั้งที่ยังไม่ทราบเรื่องราวเลยหรือครับ!?”]

 

  เซเลนเปิดเปลือกตาหนักๆและตอบตกลงทันทีโดยไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่เพราะเซเลนขี้เกียจฟัง แต่เธอเชื่อใจบัตเลอร์เป็นที่สุด ไม่ว่าเขาต้องการทำอะไรก็ไม่มีผลเสียสำหรับเธอแน่

 

  บัตเลอร์เองก็รู้สึกได้ และรู้สึกภูมิใจที่เซเลนไว้ใจเขาขนาดนี้ แต่ก็หละหลวมเกินไปจนบัตเลอร์ยอมรับไม่ได้เช่นกัน จึงต้องบอกกล่าวกับเจ้านายให้ชัดเจน

 

[“เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายต้องการฉลองให้กับการกลับมาของกระผม ถึงจะปฏิเสธไปแล้วเพราะกระผมต้องอยู่รับใช้องค์หญิง แต่พวกเขาก็ยังยืนกราน…”]

 

  เพราะเขาคือราชาตัวจิ๋วแห่งป่า บัตเลอร์คือผู้ที่จัดระเบียบสัตว์น้อยใหญ่ทุกตัวให้สมดุล ถูกนับถือเป็นผู้ปกครองของสรรพสัตว์ทุกตัวที่อาศัยอยู่โดยรอบปราสาทอาร์คุยล่า เป็นราชาที่แท้จริงไม่ใช่แค่ฉายา แต่ราชาผู้นี้กำลังคอตกหูลู่เพราะรู้สึกผิด

 

  เขาได้จากไปเป็นเวลานานและค่อนข้างกะทันกัน เมื่อบัตเลอร์ได้กลับมา สัตว์ป่าทั้งหลายจึงมารวมตัวกันเพราะความดีใจ และอาจไหลทะลักเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้เกิดความวุ่นวาย เขาจึงต้องไปลงมือควบคุมจัดการด้วยตนเอง

 

“ได้”

[“ขอบพระคุณครับ ทั้งที่กระผมควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงแท้ๆ ต้องขออภัยจริงๆ…”]

 

   ก่อนจะออกไป บัตเลอร์ได้บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด และยืนโค้งทำความเคารพให้กับเซเลน

 

“นอนล่ะ”

 

  เซเลนโบกมือให้บัตเลอร์และขดตัวนอนต่อบนเตียง ระยะนี้ถูกมิลานรบกวนเวลามากเกินไป และบางครั้งก็ต้องออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวัน เพราะฉะนั้น เธอจึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสกลับมาทำตัวขี้เกียจเป็นปรกติได้อีกครั้ง

 

  สามัญสำนึกของทุกคนบนโลกเรื่องนอนกลางคืนตื่นกลางวันกำลังถูกเซเลนตั้งมาตรฐานใหม่โดยไม่สนใจใคร

 

 

   ◆ ◆ ◆

 

 

   อีกด้านหนึ่ง ในเวลาเดียวกับที่เซเลนกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข มีคนคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องของไอโรเน่ อาลัว พี่สาวของเซเลน

 

“ได้ยินว่าท่านแม่ไม่สบาย อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“ไม่เป็นไร แม่แค่เหนื่อย ระยะนี้มีหลายเรื่องให้คิดมาก แต่ก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร”

“ถ้าเช่นนั้นก็เบาใจได้…”

 

  ใบหน้าของไอโรเน่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาชัดเจน ทั้งซีดเซียวและหม่นหมอง อาลัวจึงรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วและยื่นให้เธอ ซึ่งไอโรเน่ก็รับไปดื่มอย่างว่าง่าย

 

   เป็นการโต้ตอบระหว่างแม่ลูกตามปรกติ ไม่เหมือนลูกสาวอีกคนที่เน้นนิ่งเงียบถามคำตอบคำ

 

“…คิดว่าแม่เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลยสินะ”

“ท่านแม่?”

 

   อยู่ดีๆไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นกับอาลัวที่นั่งอยู่ข้างเตียง และพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง 

 

“เหล่านานาประเทศไม่เคยคิดปิดบังเลยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับแม่ ‘ราชินีผู้โง่เขลา พยายามปิดกั่นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนยุคสมัยของทั้งทวีป’ เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้อยู่บ่อยๆ”

“นั่นมัน…”

 

   อาลัวเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่ในบางกรณี ความเงียบคือคำตอบที่ดี ไอโรเน่ถอนหายใจและพูดต่อ

 

“ตอนนั้นแม่มีทางเลือกไม่มาก ความผิดปรกติของเด็กคนนั้นทำให้เธอโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยตั้งแต่ยังเล็ก ผู้คนอาจไม่ยอมรับในตัวเธอ และคำพูดดูถูกทั้งหลายมีโอกาสถูกเหมารวมไปถึงตัวเจ้าซึ่งเป็นพี่สาวของเด็กคนนั้น”

“แต่หนูก็ไม่เคยใส่ใจกับเสียงนินทา”

“ต่อให้เจ้าไม่ใส่ใจ แต่เจ้าก็เป็นถึงเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง แม้เป็นประเทศเล็กๆก็ตาม เป็นหน้าที่ของราชวงศ์ต้องค้ำจุนประเทศและประชาชน จะทำตัวให้โดนดูถูกไม่ได้”

“นั่นก็จริง แต่เพื่อการนั้นแล้วก็ยังไม่ควรตัดสินให้เด็กตัวเล็กๆไร้ความผิดต้องถูกขังอยู่แต่ในความมืดนะคะ”

“แม่ฆ่าเธอไม่ลง แต่ถ้าให้ขับไล่เด็กคนนั้นออกไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความโดดเด่นของเธอจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนพูดถึงไม่ได้ มีเพียงทางเดียวที่จะจบจบปัญหาได้เงียบที่สุด”

 

  คำอธิบายของไอโรเน่ยังทำให้อาลัวยอมรับจากใจจริงไม่ได้ น้องสาวของเธอแปลกถึงขั้นนั้นจริง แต่อาลัวไม่ได้ใจร้ายขนาดทอดทิ้งน้องสาวเพื่อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างเฉิดฉายแต่เพียงผู้เดียว

 

   อย่างไรก็ตาม ไอโรเน่ได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสมดีแล้ว เพราะมีแววว่า ถ้าบังคับให้เซเลนเรียนรู้หน้าที่ของราชวงศ์และปฏิบัติตัวให้เหมาะสมอยู่แต่ในกรอบ เธออาจต่อต้านจนอาละวาดรุนแรงได้

 

  อันที่จริงก็เป็นคนที่ชอบต่อต้านสังคมมาตั้งแต่ชีวิตก่อน แม้จะแก้ไม่หายแต่ก็ยังโชคดีที่การต่อต้านของเธอเป็นแบบดื้อเงียบ ไม่ออกแรงอาละวาดให้เหนื่อย

 

   เดิมที ประเทศอาร์คุยล่าก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศเล็กๆไร้อำนาจ ถ้าเซเลนแสดงพฤติกรรมผ่าเหล่าออกมาหลังจากเปิดตัวสู่สังคม ชื่อเสียงของอาร์คุยล่าจะไม่ใช่แค่ร่วงหล่นสู่ผืนดิน แต่เพราะอยู่ติดดินอยู่แล้ว จึงจะจมหายเข้าไปในดิน ฝังกลบจนมิด และอาร์คุยล่าจะตกที่นั่งลำบากจนอาจไม่เหลือจุดยืนอีกเลย

 

   ด้วยเหตุนี้ ราชินีไอโรเน่ต้องตัดสินใจเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของเซเลนตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยการปิดผนึกทั้งตัวตนและชื่อเสียงของเธอตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งต้องขอบคุณราชินีไอโรเน่ที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด

 

“แต่เซเลนก็เติบโตได้อย่างงดงาม ความสามารถของเธอยิ่งใหญ่กว่าหนูมากนัก แม้แต่เจ้าชายมิลานก็ยังชื่นชม”

“…ใช่ ซึ่งก็หมายความว่าแม่ได้ทำผิดพลาดตั้งแต่ตอนนั้น”

 

   ในทางปฏิบัติ ไอโรเน่ได้ทำการคัดแยกและควบคุมส่วนที่น่าจะเป็นอันตรายก่อนก่อให้เกิดความเสียหาย ในส่วนนี้ถือว่าน่าชื่นชม แต่อาลัวกับไอโรเน่เองก็ยังรู้สึกผิดกับเซเลนอยู่ดี

 

“เจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว แม่มีบางอย่างจะให้”

“ให้หนูหรือคะ?”

 

   ไอโรเน่ลุกลงจากเตียง เปิดสิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งใกล้ๆและหยิบกล่องขนาดเล็กแต่ดูหรูหราออกมาเปิดต่อหน้าอาลัว

 

“แหวน… หรือคะ? หรือว่ามัน…”

“ถูกต้องแล้ว มันคือแหวนหมั้นที่แม่ได้รับมาจากชายผู้นั้น ถึงมูลค่าของมันจะไม่มากนักก็เถอะ”

 

   ไอโรเน่พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ภายในประเทศเล็กๆอย่างอาร์คุยล่า มันเป็นแหวนที่มีราคาแพงเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของทั้งทวีปโดยรวม มันเป็นของธรรมดาที่มีอยู่ดาษดื่น ในฐานะเครื่องประดับก็เป็นเพียงแหวนเงินทั่วไปที่ไม่ได้ลงเวทมนตร์ มีลายแกะสลักรูปกวางซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของอาร์คุยล่า แต่ก็ไม่ได้สวยงามหรือมีความหมายใดๆเป็นพิเศษ

 

“อาลัว ตัวเจ้าในตอนเด็กชอบแอบเอาออกไปเล่นอยู่บ่อยๆ”

“ค่ะ และถูกท่านแม่ดุทุกครั้งที่ถูกจับได้”

 

  อาลัวยิ้มในขณะคิดถึงเรื่องในอดีต แหวนหมั้นวงนี้เป็นของขวัญจากคนสำคัญของแม่ ในตอนนี้เธอเข้าใจคุณค่าของมันแล้ว

 

  กล่องแหวนถูกใส่เข้าไปในมือของอาลัว และไอโรเน่กุมมือที่ถือไว้ด้วยสองมือของเธอ

 

“ตอนนี้ มันเป็นของเจ้าแล้ว อาลัว”

“เอ๋!?”

 

   ดวงตาของอาลัวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ มันเป็นของสำคัญที่ไอโรเน่เก็บรักษาอย่างดีนานนับสิบปี อาลัวยังลังเลที่จะรับแหวนวงนั้นไว้ ไอโรเน่จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

“เจ้าเติบโตเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนชี้นำประเทศนี้ให้เดินหน้าต่อไป เจ้าก็รับมันไว้โดยตระหนักถึงเรื่องนั้นก็แล้วกัน”

“แต่… ท่านแม่หวงแหนมันมาตลอด…!”

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แม่หวังให้เจ้าได้คู่ชีวิตเป็นมหาบุรุษที่แม่ฝากฝังตัวเจ้าให้กับเขาได้เหมือนที่แม่ให้แหวนวงนี้กับเจ้า”

“…ให้หนูรับมันไว้ ดีแล้วหรือคะ?”

 

  สำหรับอาลัว มันเป็นของดูต่างหน้าพ่อของเธอ เธอจึงเข้าใจความรู้สึกที่ต้องปล่อยมือจากมันไป แต่ไอโรเน่แค่ยิ้มและพยักหน้า อาลัวจึงรับมันมาแม้ยังลังเล

 

“เข้าใจแล้วค่ะ แหวนวงนี้ หนูจะรักษามันไว้อย่างดี”

“ดีแล้ว ปล่อยให้มันได้มองเห็นอนาคตของโลกกว้าง ดีกว่าให้แม่เก็บเอาไว้จนถูกหลงลืม”

 

   หลังจากนั้น ไอโรเน่ได้บอกว่ารู้สึกเหนื่อยและอยากพักผ่อน อาลัวจึงขอตัวออกจากห้องพร้อมกับกล่องแหวนที่ถืออยู่อย่างทะนุถนอม 

 

“ให้เซเลนได้เห็นด้วยดีกว่า”

 

  เพราะเซเลนไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าของพ่อ อาลัวจึงไปหาเซเลนที่น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง อย่างน้อยก็อยากให้เธอรู้จักกับพ่อผ่านแหวนวงนี้

 

“เซเลน ตื่นอยู่หรือเปล่า?”

“อยู่!”

 

   แน่นอนว่าเซเลนไม่ได้ตื่นอยู่ แต่สัมผัสได้ว่าอาลัวกำลังมาหา จึงรีบตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้า แม้ว่าเรื่องอื่นจะรู้สึกตัวช้า แต่เรื่องนี้กลับไม่เคยพลาด อาจเป็นเพราะใกล้ได้เวลาดวงอาทิตย์ตกดิน เซเลนจึงรู้สึกตื่นตัวเป็นเศษ

 

   เนื่องจากเพิ่งตื่น เซเลนจึงยังอยู่ในชุดนอนหน้าตาไม่เรียบร้อย อาลัวจึงช่วยเธอจัดเสื้อผ้าทรงผมให้ดูสมเป็นแขกคนสำคัญของอาร์คุยล่า อาลัวจัดการช่วยแต่งตัวให้จนเสร็จ เซเลนได้แต่ยืนแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาแต่งตัว

 

“พี่อยากให้เซเลนได้เห็นอะไรบางอย่างน่ะ”

“อะไร!? หน้าอก!?”

“ไม่ใช่ค่ะ เซเลนยังไม่ตื่นดีสินะ? นี่ต่างหาก”

 

   ความปรารถนาของเซเลนถูกมองเป็นเรื่องล้อเล่นของคนเพิ่งตื่น อาลัวหัวเราะและเปิดกล่องแหวนแสดงของที่อยู่ข้างในให้เห็น แต่เซเลนก็มองดูมันด้วยสีหน้านิ่งเฉย แตกต่างจากกรณีของอาลัว 

 

“ให้ดู อะไร?”

“ก็แหวนนี่ไงคะ”

“อืม”

 

   ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆจากเซเลน เพราะมันไม่น่าสนใจ ถ้าเป็นของรูปร่างวงกลมมีรู เซเลนจะตื่นเต้นกับโดนัทมากกว่า เพราะเซเลนไม่สนใจเครื่องประดับอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์หรือไม่ มันก็เป็นแค่ชิ้นโลหะอยู่ดี เจ้าหญิงผู้นี้สนใจแค่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความต้องการพื้นฐานทั้งสามอย่างของมนุษย์เท่านั้น

 

“ไม่ใช่แหวนธรรมดา… มันคือแหวนหมั้นค่ะ”

“อิหยังวะ!?”

 

   คำพูดของอาลัวทำให้เซเลนตกใจถึงขั้นเผลอพูดออกมาเสียงดังเป็นสำเนียงคันไซ

 

“จ-จากใคร?”

“จากท่านแม่ของพวกเรา บอกว่าอยากให้พี่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ”

 

   อาลัวพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เซเลนที่ได้ฟังก็ตื่นตระหนกและหน้าซีดลงเรื่อยๆจนอาลัวมองด้วยความสงสัย 

 

“ท-ท่านพี่! ขอดูหน่อย!”

“เอ๋!? สนใจแหวนนี่หรือคะ?”

 

   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีปฏิกิริยาเลยแท้ๆ พอบอกว่าเป็นแหวนหมั้นก็เปลี่ยนท่าทีกันง่ายๆ แต่อาลัวก็เข้าใจน้องสาวของตน

 

“(เพราะเซเลนอยู่ในช่วงสำคัญระหว่างงานหมั้นกับเจ้าชายมิลาน)”

 

  แหวนวงสำคัญที่ทำให้พ่อและแม่เป็นหนึ่งเดียวกัน สำหรับเซเลนมันเป็นยิ่งกว่าของดูต่างหน้า มันคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเซเลนที่ไม่เคยได้รู้จักพ่อของตนเอง ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกถึงคุณค่าของมันมากกว่าคนอื่น 

 

“ถ้าชอบขนาดนั้น เซเลนเก็บเอาไว้เถอะ”

“ได้!”

 

  อาลัวส่งกล่องหวนที่อยู่ในมือให้และเซเลนก็คว้ามันไปจากมือของอาลัวอย่างรวดเร็ว แหวนวงนี้ความหมายสำหรับเซเลนมากกว่า เธอต้องชอบมันมากแน่ จากนั้นก็ลูบหัวของเซเลนเบาๆก่อนจะกลับออกจากห้องไป

 

“แย่แล้ว…”

 

   ทันทีที่อาลัวออกไป สัมผัสจากอาลัวขาดหายทำให้เซเลนแสดงอาการแตกตื่นขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่

 

   แม่ให้แหวนหมั้นกับลูกสาว แล้วยังบอกอาลัวว่าอยากให้แต่งงาน เท่ากับยอมรับมิลานให้แต่งกับอาลัวด้วยความยินดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะสนับสนุนถึงขั้นเตรียมแหวนให้ด้วย

 

  ทั้งที่มันเป็นแหวนหมั้นของไอโรเน่กับชายผู้ที่เป็นพ่อของเซเลน แต่เซเลนกลับไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัว รับรู้เพียงว่ามันเป็นแหวนหมั้นที่ไอโรเน่เตรียมไว้ให้อาลัวสำหรับแต่งงานกับมิลาน

 

  ยอมให้อาลัวรับของแบบนี้มาไม่ได้ น่าจะได้รับมาจากราชินีไอโนเน่สดๆร้อนๆ เอาไปคืนตอนนี้ยังทัน ต้องพูดกับราชินีไอโนเน่อีกรอบให้รู้เรื่อง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

 

“เพย์ออฟ*!”

 

   เซเลนออกเคลื่อนไหวในทันทีด้วยความฉุนเฉียว มุ่งหน้าไปยังห้องของไอโนเน่ผู้แปรพักตร์เข้าร่วมกับศัตรู แม้ว่าความหมายของคำว่าเพย์ออฟ* จะแตกต่างกับคูลลิ่งออฟ* อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่รับรู้อีกต่อไปและจะขอใช้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้

 

 

____________________

*

Pay off (ペイオフ) = ระบบที่ทำให้ได้รับเงินฝากคืนเป็นจำนวนที่แน่นอนในกรณีที่ธนาคารล้มละลาย

Cooling off (クーリングオフ) = ช่วงเวลารับประกันความพึงพอใจสินค้าที่ลูกค้าสามารถคืนสินค้าได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 70

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 70 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 70

แหวน

 

 

   หลังมื้ออาหารแห่งการปรับความเข้าใจสำหรับเซเลนก็ผ่านมาได้อีกวัน กลุ่มของมิลานขอเข้าพบราชินีไอโรเน่เพื่อหารืออีกครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า วันนี้สุขภาพของไอโรเน่ไม่ค่อยสู้ดี คณะทูตจากเฮลิฟาลเต้จึงได้แต่รอไปอีกวัน

 

   คนที่ยินดีกับเหตุการณ์นี้ที่สุดก็คือเซเลน… หรือก็คือเข้าทางเธอมากที่สุด เพราะเป็นการถ่วงเวลาให้การสู่ขออาลัวล่าช้า ถ้าจะให้ดี ต้องไม่มีความคืบหน้าจนถึงวันเดินทางกลับ

 

  ดังนั้น เซเลนจะยังพักผ่อนอยู่ในห้องของเธอตลอดช่วงวันตามปรกติ จนกระทั่งบัตเลอร์เข้ามาหาในช่วงบ่ายแก่ๆ

 

[“องค์หญิง ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อน กระผมมีเรื่องอยากจะขอ”]

“อนุมัติ”

[“ทั้งที่ยังไม่ทราบเรื่องราวเลยหรือครับ!?”]

 

  เซเลนเปิดเปลือกตาหนักๆและตอบตกลงทันทีโดยไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่เพราะเซเลนขี้เกียจฟัง แต่เธอเชื่อใจบัตเลอร์เป็นที่สุด ไม่ว่าเขาต้องการทำอะไรก็ไม่มีผลเสียสำหรับเธอแน่

 

  บัตเลอร์เองก็รู้สึกได้ และรู้สึกภูมิใจที่เซเลนไว้ใจเขาขนาดนี้ แต่ก็หละหลวมเกินไปจนบัตเลอร์ยอมรับไม่ได้เช่นกัน จึงต้องบอกกล่าวกับเจ้านายให้ชัดเจน

 

[“เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายต้องการฉลองให้กับการกลับมาของกระผม ถึงจะปฏิเสธไปแล้วเพราะกระผมต้องอยู่รับใช้องค์หญิง แต่พวกเขาก็ยังยืนกราน…”]

 

  เพราะเขาคือราชาตัวจิ๋วแห่งป่า บัตเลอร์คือผู้ที่จัดระเบียบสัตว์น้อยใหญ่ทุกตัวให้สมดุล ถูกนับถือเป็นผู้ปกครองของสรรพสัตว์ทุกตัวที่อาศัยอยู่โดยรอบปราสาทอาร์คุยล่า เป็นราชาที่แท้จริงไม่ใช่แค่ฉายา แต่ราชาผู้นี้กำลังคอตกหูลู่เพราะรู้สึกผิด

 

  เขาได้จากไปเป็นเวลานานและค่อนข้างกะทันกัน เมื่อบัตเลอร์ได้กลับมา สัตว์ป่าทั้งหลายจึงมารวมตัวกันเพราะความดีใจ และอาจไหลทะลักเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้เกิดความวุ่นวาย เขาจึงต้องไปลงมือควบคุมจัดการด้วยตนเอง

 

“ได้”

[“ขอบพระคุณครับ ทั้งที่กระผมควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงแท้ๆ ต้องขออภัยจริงๆ…”]

 

   ก่อนจะออกไป บัตเลอร์ได้บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด และยืนโค้งทำความเคารพให้กับเซเลน

 

“นอนล่ะ”

 

  เซเลนโบกมือให้บัตเลอร์และขดตัวนอนต่อบนเตียง ระยะนี้ถูกมิลานรบกวนเวลามากเกินไป และบางครั้งก็ต้องออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวัน เพราะฉะนั้น เธอจึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสกลับมาทำตัวขี้เกียจเป็นปรกติได้อีกครั้ง

 

  สามัญสำนึกของทุกคนบนโลกเรื่องนอนกลางคืนตื่นกลางวันกำลังถูกเซเลนตั้งมาตรฐานใหม่โดยไม่สนใจใคร

 

 

   ◆ ◆ ◆

 

 

   อีกด้านหนึ่ง ในเวลาเดียวกับที่เซเลนกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข มีคนคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องของไอโรเน่ อาลัว พี่สาวของเซเลน

 

“ได้ยินว่าท่านแม่ไม่สบาย อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“ไม่เป็นไร แม่แค่เหนื่อย ระยะนี้มีหลายเรื่องให้คิดมาก แต่ก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร”

“ถ้าเช่นนั้นก็เบาใจได้…”

 

  ใบหน้าของไอโรเน่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาชัดเจน ทั้งซีดเซียวและหม่นหมอง อาลัวจึงรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วและยื่นให้เธอ ซึ่งไอโรเน่ก็รับไปดื่มอย่างว่าง่าย

 

   เป็นการโต้ตอบระหว่างแม่ลูกตามปรกติ ไม่เหมือนลูกสาวอีกคนที่เน้นนิ่งเงียบถามคำตอบคำ

 

“…คิดว่าแม่เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลยสินะ”

“ท่านแม่?”

 

   อยู่ดีๆไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นกับอาลัวที่นั่งอยู่ข้างเตียง และพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง 

 

“เหล่านานาประเทศไม่เคยคิดปิดบังเลยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับแม่ ‘ราชินีผู้โง่เขลา พยายามปิดกั่นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนยุคสมัยของทั้งทวีป’ เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้อยู่บ่อยๆ”

“นั่นมัน…”

 

   อาลัวเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่ในบางกรณี ความเงียบคือคำตอบที่ดี ไอโรเน่ถอนหายใจและพูดต่อ

 

“ตอนนั้นแม่มีทางเลือกไม่มาก ความผิดปรกติของเด็กคนนั้นทำให้เธอโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยตั้งแต่ยังเล็ก ผู้คนอาจไม่ยอมรับในตัวเธอ และคำพูดดูถูกทั้งหลายมีโอกาสถูกเหมารวมไปถึงตัวเจ้าซึ่งเป็นพี่สาวของเด็กคนนั้น”

“แต่หนูก็ไม่เคยใส่ใจกับเสียงนินทา”

“ต่อให้เจ้าไม่ใส่ใจ แต่เจ้าก็เป็นถึงเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง แม้เป็นประเทศเล็กๆก็ตาม เป็นหน้าที่ของราชวงศ์ต้องค้ำจุนประเทศและประชาชน จะทำตัวให้โดนดูถูกไม่ได้”

“นั่นก็จริง แต่เพื่อการนั้นแล้วก็ยังไม่ควรตัดสินให้เด็กตัวเล็กๆไร้ความผิดต้องถูกขังอยู่แต่ในความมืดนะคะ”

“แม่ฆ่าเธอไม่ลง แต่ถ้าให้ขับไล่เด็กคนนั้นออกไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความโดดเด่นของเธอจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนพูดถึงไม่ได้ มีเพียงทางเดียวที่จะจบจบปัญหาได้เงียบที่สุด”

 

  คำอธิบายของไอโรเน่ยังทำให้อาลัวยอมรับจากใจจริงไม่ได้ น้องสาวของเธอแปลกถึงขั้นนั้นจริง แต่อาลัวไม่ได้ใจร้ายขนาดทอดทิ้งน้องสาวเพื่อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างเฉิดฉายแต่เพียงผู้เดียว

 

   อย่างไรก็ตาม ไอโรเน่ได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสมดีแล้ว เพราะมีแววว่า ถ้าบังคับให้เซเลนเรียนรู้หน้าที่ของราชวงศ์และปฏิบัติตัวให้เหมาะสมอยู่แต่ในกรอบ เธออาจต่อต้านจนอาละวาดรุนแรงได้

 

  อันที่จริงก็เป็นคนที่ชอบต่อต้านสังคมมาตั้งแต่ชีวิตก่อน แม้จะแก้ไม่หายแต่ก็ยังโชคดีที่การต่อต้านของเธอเป็นแบบดื้อเงียบ ไม่ออกแรงอาละวาดให้เหนื่อย

 

   เดิมที ประเทศอาร์คุยล่าก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศเล็กๆไร้อำนาจ ถ้าเซเลนแสดงพฤติกรรมผ่าเหล่าออกมาหลังจากเปิดตัวสู่สังคม ชื่อเสียงของอาร์คุยล่าจะไม่ใช่แค่ร่วงหล่นสู่ผืนดิน แต่เพราะอยู่ติดดินอยู่แล้ว จึงจะจมหายเข้าไปในดิน ฝังกลบจนมิด และอาร์คุยล่าจะตกที่นั่งลำบากจนอาจไม่เหลือจุดยืนอีกเลย

 

   ด้วยเหตุนี้ ราชินีไอโรเน่ต้องตัดสินใจเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของเซเลนตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยการปิดผนึกทั้งตัวตนและชื่อเสียงของเธอตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งต้องขอบคุณราชินีไอโรเน่ที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด

 

“แต่เซเลนก็เติบโตได้อย่างงดงาม ความสามารถของเธอยิ่งใหญ่กว่าหนูมากนัก แม้แต่เจ้าชายมิลานก็ยังชื่นชม”

“…ใช่ ซึ่งก็หมายความว่าแม่ได้ทำผิดพลาดตั้งแต่ตอนนั้น”

 

   ในทางปฏิบัติ ไอโรเน่ได้ทำการคัดแยกและควบคุมส่วนที่น่าจะเป็นอันตรายก่อนก่อให้เกิดความเสียหาย ในส่วนนี้ถือว่าน่าชื่นชม แต่อาลัวกับไอโรเน่เองก็ยังรู้สึกผิดกับเซเลนอยู่ดี

 

“เจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว แม่มีบางอย่างจะให้”

“ให้หนูหรือคะ?”

 

   ไอโรเน่ลุกลงจากเตียง เปิดสิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งใกล้ๆและหยิบกล่องขนาดเล็กแต่ดูหรูหราออกมาเปิดต่อหน้าอาลัว

 

“แหวน… หรือคะ? หรือว่ามัน…”

“ถูกต้องแล้ว มันคือแหวนหมั้นที่แม่ได้รับมาจากชายผู้นั้น ถึงมูลค่าของมันจะไม่มากนักก็เถอะ”

 

   ไอโรเน่พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ภายในประเทศเล็กๆอย่างอาร์คุยล่า มันเป็นแหวนที่มีราคาแพงเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของทั้งทวีปโดยรวม มันเป็นของธรรมดาที่มีอยู่ดาษดื่น ในฐานะเครื่องประดับก็เป็นเพียงแหวนเงินทั่วไปที่ไม่ได้ลงเวทมนตร์ มีลายแกะสลักรูปกวางซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของอาร์คุยล่า แต่ก็ไม่ได้สวยงามหรือมีความหมายใดๆเป็นพิเศษ

 

“อาลัว ตัวเจ้าในตอนเด็กชอบแอบเอาออกไปเล่นอยู่บ่อยๆ”

“ค่ะ และถูกท่านแม่ดุทุกครั้งที่ถูกจับได้”

 

  อาลัวยิ้มในขณะคิดถึงเรื่องในอดีต แหวนหมั้นวงนี้เป็นของขวัญจากคนสำคัญของแม่ ในตอนนี้เธอเข้าใจคุณค่าของมันแล้ว

 

  กล่องแหวนถูกใส่เข้าไปในมือของอาลัว และไอโรเน่กุมมือที่ถือไว้ด้วยสองมือของเธอ

 

“ตอนนี้ มันเป็นของเจ้าแล้ว อาลัว”

“เอ๋!?”

 

   ดวงตาของอาลัวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ มันเป็นของสำคัญที่ไอโรเน่เก็บรักษาอย่างดีนานนับสิบปี อาลัวยังลังเลที่จะรับแหวนวงนั้นไว้ ไอโรเน่จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

“เจ้าเติบโตเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนชี้นำประเทศนี้ให้เดินหน้าต่อไป เจ้าก็รับมันไว้โดยตระหนักถึงเรื่องนั้นก็แล้วกัน”

“แต่… ท่านแม่หวงแหนมันมาตลอด…!”

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แม่หวังให้เจ้าได้คู่ชีวิตเป็นมหาบุรุษที่แม่ฝากฝังตัวเจ้าให้กับเขาได้เหมือนที่แม่ให้แหวนวงนี้กับเจ้า”

“…ให้หนูรับมันไว้ ดีแล้วหรือคะ?”

 

  สำหรับอาลัว มันเป็นของดูต่างหน้าพ่อของเธอ เธอจึงเข้าใจความรู้สึกที่ต้องปล่อยมือจากมันไป แต่ไอโรเน่แค่ยิ้มและพยักหน้า อาลัวจึงรับมันมาแม้ยังลังเล

 

“เข้าใจแล้วค่ะ แหวนวงนี้ หนูจะรักษามันไว้อย่างดี”

“ดีแล้ว ปล่อยให้มันได้มองเห็นอนาคตของโลกกว้าง ดีกว่าให้แม่เก็บเอาไว้จนถูกหลงลืม”

 

   หลังจากนั้น ไอโรเน่ได้บอกว่ารู้สึกเหนื่อยและอยากพักผ่อน อาลัวจึงขอตัวออกจากห้องพร้อมกับกล่องแหวนที่ถืออยู่อย่างทะนุถนอม 

 

“ให้เซเลนได้เห็นด้วยดีกว่า”

 

  เพราะเซเลนไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าของพ่อ อาลัวจึงไปหาเซเลนที่น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง อย่างน้อยก็อยากให้เธอรู้จักกับพ่อผ่านแหวนวงนี้

 

“เซเลน ตื่นอยู่หรือเปล่า?”

“อยู่!”

 

   แน่นอนว่าเซเลนไม่ได้ตื่นอยู่ แต่สัมผัสได้ว่าอาลัวกำลังมาหา จึงรีบตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้า แม้ว่าเรื่องอื่นจะรู้สึกตัวช้า แต่เรื่องนี้กลับไม่เคยพลาด อาจเป็นเพราะใกล้ได้เวลาดวงอาทิตย์ตกดิน เซเลนจึงรู้สึกตื่นตัวเป็นเศษ

 

   เนื่องจากเพิ่งตื่น เซเลนจึงยังอยู่ในชุดนอนหน้าตาไม่เรียบร้อย อาลัวจึงช่วยเธอจัดเสื้อผ้าทรงผมให้ดูสมเป็นแขกคนสำคัญของอาร์คุยล่า อาลัวจัดการช่วยแต่งตัวให้จนเสร็จ เซเลนได้แต่ยืนแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาแต่งตัว

 

“พี่อยากให้เซเลนได้เห็นอะไรบางอย่างน่ะ”

“อะไร!? หน้าอก!?”

“ไม่ใช่ค่ะ เซเลนยังไม่ตื่นดีสินะ? นี่ต่างหาก”

 

   ความปรารถนาของเซเลนถูกมองเป็นเรื่องล้อเล่นของคนเพิ่งตื่น อาลัวหัวเราะและเปิดกล่องแหวนแสดงของที่อยู่ข้างในให้เห็น แต่เซเลนก็มองดูมันด้วยสีหน้านิ่งเฉย แตกต่างจากกรณีของอาลัว 

 

“ให้ดู อะไร?”

“ก็แหวนนี่ไงคะ”

“อืม”

 

   ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆจากเซเลน เพราะมันไม่น่าสนใจ ถ้าเป็นของรูปร่างวงกลมมีรู เซเลนจะตื่นเต้นกับโดนัทมากกว่า เพราะเซเลนไม่สนใจเครื่องประดับอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์หรือไม่ มันก็เป็นแค่ชิ้นโลหะอยู่ดี เจ้าหญิงผู้นี้สนใจแค่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความต้องการพื้นฐานทั้งสามอย่างของมนุษย์เท่านั้น

 

“ไม่ใช่แหวนธรรมดา… มันคือแหวนหมั้นค่ะ”

“อิหยังวะ!?”

 

   คำพูดของอาลัวทำให้เซเลนตกใจถึงขั้นเผลอพูดออกมาเสียงดังเป็นสำเนียงคันไซ

 

“จ-จากใคร?”

“จากท่านแม่ของพวกเรา บอกว่าอยากให้พี่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ”

 

   อาลัวพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เซเลนที่ได้ฟังก็ตื่นตระหนกและหน้าซีดลงเรื่อยๆจนอาลัวมองด้วยความสงสัย 

 

“ท-ท่านพี่! ขอดูหน่อย!”

“เอ๋!? สนใจแหวนนี่หรือคะ?”

 

   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีปฏิกิริยาเลยแท้ๆ พอบอกว่าเป็นแหวนหมั้นก็เปลี่ยนท่าทีกันง่ายๆ แต่อาลัวก็เข้าใจน้องสาวของตน

 

“(เพราะเซเลนอยู่ในช่วงสำคัญระหว่างงานหมั้นกับเจ้าชายมิลาน)”

 

  แหวนวงสำคัญที่ทำให้พ่อและแม่เป็นหนึ่งเดียวกัน สำหรับเซเลนมันเป็นยิ่งกว่าของดูต่างหน้า มันคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเซเลนที่ไม่เคยได้รู้จักพ่อของตนเอง ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกถึงคุณค่าของมันมากกว่าคนอื่น 

 

“ถ้าชอบขนาดนั้น เซเลนเก็บเอาไว้เถอะ”

“ได้!”

 

  อาลัวส่งกล่องหวนที่อยู่ในมือให้และเซเลนก็คว้ามันไปจากมือของอาลัวอย่างรวดเร็ว แหวนวงนี้ความหมายสำหรับเซเลนมากกว่า เธอต้องชอบมันมากแน่ จากนั้นก็ลูบหัวของเซเลนเบาๆก่อนจะกลับออกจากห้องไป

 

“แย่แล้ว…”

 

   ทันทีที่อาลัวออกไป สัมผัสจากอาลัวขาดหายทำให้เซเลนแสดงอาการแตกตื่นขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่

 

   แม่ให้แหวนหมั้นกับลูกสาว แล้วยังบอกอาลัวว่าอยากให้แต่งงาน เท่ากับยอมรับมิลานให้แต่งกับอาลัวด้วยความยินดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะสนับสนุนถึงขั้นเตรียมแหวนให้ด้วย

 

  ทั้งที่มันเป็นแหวนหมั้นของไอโรเน่กับชายผู้ที่เป็นพ่อของเซเลน แต่เซเลนกลับไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัว รับรู้เพียงว่ามันเป็นแหวนหมั้นที่ไอโรเน่เตรียมไว้ให้อาลัวสำหรับแต่งงานกับมิลาน

 

  ยอมให้อาลัวรับของแบบนี้มาไม่ได้ น่าจะได้รับมาจากราชินีไอโนเน่สดๆร้อนๆ เอาไปคืนตอนนี้ยังทัน ต้องพูดกับราชินีไอโนเน่อีกรอบให้รู้เรื่อง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

 

“เพย์ออฟ*!”

 

   เซเลนออกเคลื่อนไหวในทันทีด้วยความฉุนเฉียว มุ่งหน้าไปยังห้องของไอโนเน่ผู้แปรพักตร์เข้าร่วมกับศัตรู แม้ว่าความหมายของคำว่าเพย์ออฟ* จะแตกต่างกับคูลลิ่งออฟ* อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่รับรู้อีกต่อไปและจะขอใช้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้

 

 

____________________

*

Pay off (ペイオフ) = ระบบที่ทำให้ได้รับเงินฝากคืนเป็นจำนวนที่แน่นอนในกรณีที่ธนาคารล้มละลาย

Cooling off (クーリングオフ) = ช่วงเวลารับประกันความพึงพอใจสินค้าที่ลูกค้าสามารถคืนสินค้าได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 70

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 70 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 70

แหวน

 

 

   หลังมื้ออาหารแห่งการปรับความเข้าใจสำหรับเซเลนก็ผ่านมาได้อีกวัน กลุ่มของมิลานขอเข้าพบราชินีไอโรเน่เพื่อหารืออีกครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า วันนี้สุขภาพของไอโรเน่ไม่ค่อยสู้ดี คณะทูตจากเฮลิฟาลเต้จึงได้แต่รอไปอีกวัน

 

   คนที่ยินดีกับเหตุการณ์นี้ที่สุดก็คือเซเลน… หรือก็คือเข้าทางเธอมากที่สุด เพราะเป็นการถ่วงเวลาให้การสู่ขออาลัวล่าช้า ถ้าจะให้ดี ต้องไม่มีความคืบหน้าจนถึงวันเดินทางกลับ

 

  ดังนั้น เซเลนจะยังพักผ่อนอยู่ในห้องของเธอตลอดช่วงวันตามปรกติ จนกระทั่งบัตเลอร์เข้ามาหาในช่วงบ่ายแก่ๆ

 

[“องค์หญิง ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อน กระผมมีเรื่องอยากจะขอ”]

“อนุมัติ”

[“ทั้งที่ยังไม่ทราบเรื่องราวเลยหรือครับ!?”]

 

  เซเลนเปิดเปลือกตาหนักๆและตอบตกลงทันทีโดยไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่เพราะเซเลนขี้เกียจฟัง แต่เธอเชื่อใจบัตเลอร์เป็นที่สุด ไม่ว่าเขาต้องการทำอะไรก็ไม่มีผลเสียสำหรับเธอแน่

 

  บัตเลอร์เองก็รู้สึกได้ และรู้สึกภูมิใจที่เซเลนไว้ใจเขาขนาดนี้ แต่ก็หละหลวมเกินไปจนบัตเลอร์ยอมรับไม่ได้เช่นกัน จึงต้องบอกกล่าวกับเจ้านายให้ชัดเจน

 

[“เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายต้องการฉลองให้กับการกลับมาของกระผม ถึงจะปฏิเสธไปแล้วเพราะกระผมต้องอยู่รับใช้องค์หญิง แต่พวกเขาก็ยังยืนกราน…”]

 

  เพราะเขาคือราชาตัวจิ๋วแห่งป่า บัตเลอร์คือผู้ที่จัดระเบียบสัตว์น้อยใหญ่ทุกตัวให้สมดุล ถูกนับถือเป็นผู้ปกครองของสรรพสัตว์ทุกตัวที่อาศัยอยู่โดยรอบปราสาทอาร์คุยล่า เป็นราชาที่แท้จริงไม่ใช่แค่ฉายา แต่ราชาผู้นี้กำลังคอตกหูลู่เพราะรู้สึกผิด

 

  เขาได้จากไปเป็นเวลานานและค่อนข้างกะทันกัน เมื่อบัตเลอร์ได้กลับมา สัตว์ป่าทั้งหลายจึงมารวมตัวกันเพราะความดีใจ และอาจไหลทะลักเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้เกิดความวุ่นวาย เขาจึงต้องไปลงมือควบคุมจัดการด้วยตนเอง

 

“ได้”

[“ขอบพระคุณครับ ทั้งที่กระผมควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงแท้ๆ ต้องขออภัยจริงๆ…”]

 

   ก่อนจะออกไป บัตเลอร์ได้บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด และยืนโค้งทำความเคารพให้กับเซเลน

 

“นอนล่ะ”

 

  เซเลนโบกมือให้บัตเลอร์และขดตัวนอนต่อบนเตียง ระยะนี้ถูกมิลานรบกวนเวลามากเกินไป และบางครั้งก็ต้องออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวัน เพราะฉะนั้น เธอจึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสกลับมาทำตัวขี้เกียจเป็นปรกติได้อีกครั้ง

 

  สามัญสำนึกของทุกคนบนโลกเรื่องนอนกลางคืนตื่นกลางวันกำลังถูกเซเลนตั้งมาตรฐานใหม่โดยไม่สนใจใคร

 

 

   ◆ ◆ ◆

 

 

   อีกด้านหนึ่ง ในเวลาเดียวกับที่เซเลนกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข มีคนคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องของไอโรเน่ อาลัว พี่สาวของเซเลน

 

“ได้ยินว่าท่านแม่ไม่สบาย อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“ไม่เป็นไร แม่แค่เหนื่อย ระยะนี้มีหลายเรื่องให้คิดมาก แต่ก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร”

“ถ้าเช่นนั้นก็เบาใจได้…”

 

  ใบหน้าของไอโรเน่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาชัดเจน ทั้งซีดเซียวและหม่นหมอง อาลัวจึงรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วและยื่นให้เธอ ซึ่งไอโรเน่ก็รับไปดื่มอย่างว่าง่าย

 

   เป็นการโต้ตอบระหว่างแม่ลูกตามปรกติ ไม่เหมือนลูกสาวอีกคนที่เน้นนิ่งเงียบถามคำตอบคำ

 

“…คิดว่าแม่เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลยสินะ”

“ท่านแม่?”

 

   อยู่ดีๆไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นกับอาลัวที่นั่งอยู่ข้างเตียง และพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง 

 

“เหล่านานาประเทศไม่เคยคิดปิดบังเลยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับแม่ ‘ราชินีผู้โง่เขลา พยายามปิดกั่นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนยุคสมัยของทั้งทวีป’ เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้อยู่บ่อยๆ”

“นั่นมัน…”

 

   อาลัวเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่ในบางกรณี ความเงียบคือคำตอบที่ดี ไอโรเน่ถอนหายใจและพูดต่อ

 

“ตอนนั้นแม่มีทางเลือกไม่มาก ความผิดปรกติของเด็กคนนั้นทำให้เธอโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยตั้งแต่ยังเล็ก ผู้คนอาจไม่ยอมรับในตัวเธอ และคำพูดดูถูกทั้งหลายมีโอกาสถูกเหมารวมไปถึงตัวเจ้าซึ่งเป็นพี่สาวของเด็กคนนั้น”

“แต่หนูก็ไม่เคยใส่ใจกับเสียงนินทา”

“ต่อให้เจ้าไม่ใส่ใจ แต่เจ้าก็เป็นถึงเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง แม้เป็นประเทศเล็กๆก็ตาม เป็นหน้าที่ของราชวงศ์ต้องค้ำจุนประเทศและประชาชน จะทำตัวให้โดนดูถูกไม่ได้”

“นั่นก็จริง แต่เพื่อการนั้นแล้วก็ยังไม่ควรตัดสินให้เด็กตัวเล็กๆไร้ความผิดต้องถูกขังอยู่แต่ในความมืดนะคะ”

“แม่ฆ่าเธอไม่ลง แต่ถ้าให้ขับไล่เด็กคนนั้นออกไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความโดดเด่นของเธอจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนพูดถึงไม่ได้ มีเพียงทางเดียวที่จะจบจบปัญหาได้เงียบที่สุด”

 

  คำอธิบายของไอโรเน่ยังทำให้อาลัวยอมรับจากใจจริงไม่ได้ น้องสาวของเธอแปลกถึงขั้นนั้นจริง แต่อาลัวไม่ได้ใจร้ายขนาดทอดทิ้งน้องสาวเพื่อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างเฉิดฉายแต่เพียงผู้เดียว

 

   อย่างไรก็ตาม ไอโรเน่ได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสมดีแล้ว เพราะมีแววว่า ถ้าบังคับให้เซเลนเรียนรู้หน้าที่ของราชวงศ์และปฏิบัติตัวให้เหมาะสมอยู่แต่ในกรอบ เธออาจต่อต้านจนอาละวาดรุนแรงได้

 

  อันที่จริงก็เป็นคนที่ชอบต่อต้านสังคมมาตั้งแต่ชีวิตก่อน แม้จะแก้ไม่หายแต่ก็ยังโชคดีที่การต่อต้านของเธอเป็นแบบดื้อเงียบ ไม่ออกแรงอาละวาดให้เหนื่อย

 

   เดิมที ประเทศอาร์คุยล่าก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศเล็กๆไร้อำนาจ ถ้าเซเลนแสดงพฤติกรรมผ่าเหล่าออกมาหลังจากเปิดตัวสู่สังคม ชื่อเสียงของอาร์คุยล่าจะไม่ใช่แค่ร่วงหล่นสู่ผืนดิน แต่เพราะอยู่ติดดินอยู่แล้ว จึงจะจมหายเข้าไปในดิน ฝังกลบจนมิด และอาร์คุยล่าจะตกที่นั่งลำบากจนอาจไม่เหลือจุดยืนอีกเลย

 

   ด้วยเหตุนี้ ราชินีไอโรเน่ต้องตัดสินใจเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของเซเลนตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยการปิดผนึกทั้งตัวตนและชื่อเสียงของเธอตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งต้องขอบคุณราชินีไอโรเน่ที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด

 

“แต่เซเลนก็เติบโตได้อย่างงดงาม ความสามารถของเธอยิ่งใหญ่กว่าหนูมากนัก แม้แต่เจ้าชายมิลานก็ยังชื่นชม”

“…ใช่ ซึ่งก็หมายความว่าแม่ได้ทำผิดพลาดตั้งแต่ตอนนั้น”

 

   ในทางปฏิบัติ ไอโรเน่ได้ทำการคัดแยกและควบคุมส่วนที่น่าจะเป็นอันตรายก่อนก่อให้เกิดความเสียหาย ในส่วนนี้ถือว่าน่าชื่นชม แต่อาลัวกับไอโรเน่เองก็ยังรู้สึกผิดกับเซเลนอยู่ดี

 

“เจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว แม่มีบางอย่างจะให้”

“ให้หนูหรือคะ?”

 

   ไอโรเน่ลุกลงจากเตียง เปิดสิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งใกล้ๆและหยิบกล่องขนาดเล็กแต่ดูหรูหราออกมาเปิดต่อหน้าอาลัว

 

“แหวน… หรือคะ? หรือว่ามัน…”

“ถูกต้องแล้ว มันคือแหวนหมั้นที่แม่ได้รับมาจากชายผู้นั้น ถึงมูลค่าของมันจะไม่มากนักก็เถอะ”

 

   ไอโรเน่พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ภายในประเทศเล็กๆอย่างอาร์คุยล่า มันเป็นแหวนที่มีราคาแพงเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของทั้งทวีปโดยรวม มันเป็นของธรรมดาที่มีอยู่ดาษดื่น ในฐานะเครื่องประดับก็เป็นเพียงแหวนเงินทั่วไปที่ไม่ได้ลงเวทมนตร์ มีลายแกะสลักรูปกวางซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของอาร์คุยล่า แต่ก็ไม่ได้สวยงามหรือมีความหมายใดๆเป็นพิเศษ

 

“อาลัว ตัวเจ้าในตอนเด็กชอบแอบเอาออกไปเล่นอยู่บ่อยๆ”

“ค่ะ และถูกท่านแม่ดุทุกครั้งที่ถูกจับได้”

 

  อาลัวยิ้มในขณะคิดถึงเรื่องในอดีต แหวนหมั้นวงนี้เป็นของขวัญจากคนสำคัญของแม่ ในตอนนี้เธอเข้าใจคุณค่าของมันแล้ว

 

  กล่องแหวนถูกใส่เข้าไปในมือของอาลัว และไอโรเน่กุมมือที่ถือไว้ด้วยสองมือของเธอ

 

“ตอนนี้ มันเป็นของเจ้าแล้ว อาลัว”

“เอ๋!?”

 

   ดวงตาของอาลัวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ มันเป็นของสำคัญที่ไอโรเน่เก็บรักษาอย่างดีนานนับสิบปี อาลัวยังลังเลที่จะรับแหวนวงนั้นไว้ ไอโรเน่จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

“เจ้าเติบโตเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนชี้นำประเทศนี้ให้เดินหน้าต่อไป เจ้าก็รับมันไว้โดยตระหนักถึงเรื่องนั้นก็แล้วกัน”

“แต่… ท่านแม่หวงแหนมันมาตลอด…!”

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แม่หวังให้เจ้าได้คู่ชีวิตเป็นมหาบุรุษที่แม่ฝากฝังตัวเจ้าให้กับเขาได้เหมือนที่แม่ให้แหวนวงนี้กับเจ้า”

“…ให้หนูรับมันไว้ ดีแล้วหรือคะ?”

 

  สำหรับอาลัว มันเป็นของดูต่างหน้าพ่อของเธอ เธอจึงเข้าใจความรู้สึกที่ต้องปล่อยมือจากมันไป แต่ไอโรเน่แค่ยิ้มและพยักหน้า อาลัวจึงรับมันมาแม้ยังลังเล

 

“เข้าใจแล้วค่ะ แหวนวงนี้ หนูจะรักษามันไว้อย่างดี”

“ดีแล้ว ปล่อยให้มันได้มองเห็นอนาคตของโลกกว้าง ดีกว่าให้แม่เก็บเอาไว้จนถูกหลงลืม”

 

   หลังจากนั้น ไอโรเน่ได้บอกว่ารู้สึกเหนื่อยและอยากพักผ่อน อาลัวจึงขอตัวออกจากห้องพร้อมกับกล่องแหวนที่ถืออยู่อย่างทะนุถนอม 

 

“ให้เซเลนได้เห็นด้วยดีกว่า”

 

  เพราะเซเลนไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าของพ่อ อาลัวจึงไปหาเซเลนที่น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง อย่างน้อยก็อยากให้เธอรู้จักกับพ่อผ่านแหวนวงนี้

 

“เซเลน ตื่นอยู่หรือเปล่า?”

“อยู่!”

 

   แน่นอนว่าเซเลนไม่ได้ตื่นอยู่ แต่สัมผัสได้ว่าอาลัวกำลังมาหา จึงรีบตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้า แม้ว่าเรื่องอื่นจะรู้สึกตัวช้า แต่เรื่องนี้กลับไม่เคยพลาด อาจเป็นเพราะใกล้ได้เวลาดวงอาทิตย์ตกดิน เซเลนจึงรู้สึกตื่นตัวเป็นเศษ

 

   เนื่องจากเพิ่งตื่น เซเลนจึงยังอยู่ในชุดนอนหน้าตาไม่เรียบร้อย อาลัวจึงช่วยเธอจัดเสื้อผ้าทรงผมให้ดูสมเป็นแขกคนสำคัญของอาร์คุยล่า อาลัวจัดการช่วยแต่งตัวให้จนเสร็จ เซเลนได้แต่ยืนแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาแต่งตัว

 

“พี่อยากให้เซเลนได้เห็นอะไรบางอย่างน่ะ”

“อะไร!? หน้าอก!?”

“ไม่ใช่ค่ะ เซเลนยังไม่ตื่นดีสินะ? นี่ต่างหาก”

 

   ความปรารถนาของเซเลนถูกมองเป็นเรื่องล้อเล่นของคนเพิ่งตื่น อาลัวหัวเราะและเปิดกล่องแหวนแสดงของที่อยู่ข้างในให้เห็น แต่เซเลนก็มองดูมันด้วยสีหน้านิ่งเฉย แตกต่างจากกรณีของอาลัว 

 

“ให้ดู อะไร?”

“ก็แหวนนี่ไงคะ”

“อืม”

 

   ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆจากเซเลน เพราะมันไม่น่าสนใจ ถ้าเป็นของรูปร่างวงกลมมีรู เซเลนจะตื่นเต้นกับโดนัทมากกว่า เพราะเซเลนไม่สนใจเครื่องประดับอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์หรือไม่ มันก็เป็นแค่ชิ้นโลหะอยู่ดี เจ้าหญิงผู้นี้สนใจแค่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความต้องการพื้นฐานทั้งสามอย่างของมนุษย์เท่านั้น

 

“ไม่ใช่แหวนธรรมดา… มันคือแหวนหมั้นค่ะ”

“อิหยังวะ!?”

 

   คำพูดของอาลัวทำให้เซเลนตกใจถึงขั้นเผลอพูดออกมาเสียงดังเป็นสำเนียงคันไซ

 

“จ-จากใคร?”

“จากท่านแม่ของพวกเรา บอกว่าอยากให้พี่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ”

 

   อาลัวพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เซเลนที่ได้ฟังก็ตื่นตระหนกและหน้าซีดลงเรื่อยๆจนอาลัวมองด้วยความสงสัย 

 

“ท-ท่านพี่! ขอดูหน่อย!”

“เอ๋!? สนใจแหวนนี่หรือคะ?”

 

   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีปฏิกิริยาเลยแท้ๆ พอบอกว่าเป็นแหวนหมั้นก็เปลี่ยนท่าทีกันง่ายๆ แต่อาลัวก็เข้าใจน้องสาวของตน

 

“(เพราะเซเลนอยู่ในช่วงสำคัญระหว่างงานหมั้นกับเจ้าชายมิลาน)”

 

  แหวนวงสำคัญที่ทำให้พ่อและแม่เป็นหนึ่งเดียวกัน สำหรับเซเลนมันเป็นยิ่งกว่าของดูต่างหน้า มันคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเซเลนที่ไม่เคยได้รู้จักพ่อของตนเอง ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกถึงคุณค่าของมันมากกว่าคนอื่น 

 

“ถ้าชอบขนาดนั้น เซเลนเก็บเอาไว้เถอะ”

“ได้!”

 

  อาลัวส่งกล่องหวนที่อยู่ในมือให้และเซเลนก็คว้ามันไปจากมือของอาลัวอย่างรวดเร็ว แหวนวงนี้ความหมายสำหรับเซเลนมากกว่า เธอต้องชอบมันมากแน่ จากนั้นก็ลูบหัวของเซเลนเบาๆก่อนจะกลับออกจากห้องไป

 

“แย่แล้ว…”

 

   ทันทีที่อาลัวออกไป สัมผัสจากอาลัวขาดหายทำให้เซเลนแสดงอาการแตกตื่นขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่

 

   แม่ให้แหวนหมั้นกับลูกสาว แล้วยังบอกอาลัวว่าอยากให้แต่งงาน เท่ากับยอมรับมิลานให้แต่งกับอาลัวด้วยความยินดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะสนับสนุนถึงขั้นเตรียมแหวนให้ด้วย

 

  ทั้งที่มันเป็นแหวนหมั้นของไอโรเน่กับชายผู้ที่เป็นพ่อของเซเลน แต่เซเลนกลับไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัว รับรู้เพียงว่ามันเป็นแหวนหมั้นที่ไอโรเน่เตรียมไว้ให้อาลัวสำหรับแต่งงานกับมิลาน

 

  ยอมให้อาลัวรับของแบบนี้มาไม่ได้ น่าจะได้รับมาจากราชินีไอโนเน่สดๆร้อนๆ เอาไปคืนตอนนี้ยังทัน ต้องพูดกับราชินีไอโนเน่อีกรอบให้รู้เรื่อง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

 

“เพย์ออฟ*!”

 

   เซเลนออกเคลื่อนไหวในทันทีด้วยความฉุนเฉียว มุ่งหน้าไปยังห้องของไอโนเน่ผู้แปรพักตร์เข้าร่วมกับศัตรู แม้ว่าความหมายของคำว่าเพย์ออฟ* จะแตกต่างกับคูลลิ่งออฟ* อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่รับรู้อีกต่อไปและจะขอใช้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้

 

 

____________________

*

Pay off (ペイオフ) = ระบบที่ทำให้ได้รับเงินฝากคืนเป็นจำนวนที่แน่นอนในกรณีที่ธนาคารล้มละลาย

Cooling off (クーリングオフ) = ช่วงเวลารับประกันความพึงพอใจสินค้าที่ลูกค้าสามารถคืนสินค้าได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 70

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 70 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 70

แหวน

 

 

   หลังมื้ออาหารแห่งการปรับความเข้าใจสำหรับเซเลนก็ผ่านมาได้อีกวัน กลุ่มของมิลานขอเข้าพบราชินีไอโรเน่เพื่อหารืออีกครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า วันนี้สุขภาพของไอโรเน่ไม่ค่อยสู้ดี คณะทูตจากเฮลิฟาลเต้จึงได้แต่รอไปอีกวัน

 

   คนที่ยินดีกับเหตุการณ์นี้ที่สุดก็คือเซเลน… หรือก็คือเข้าทางเธอมากที่สุด เพราะเป็นการถ่วงเวลาให้การสู่ขออาลัวล่าช้า ถ้าจะให้ดี ต้องไม่มีความคืบหน้าจนถึงวันเดินทางกลับ

 

  ดังนั้น เซเลนจะยังพักผ่อนอยู่ในห้องของเธอตลอดช่วงวันตามปรกติ จนกระทั่งบัตเลอร์เข้ามาหาในช่วงบ่ายแก่ๆ

 

[“องค์หญิง ขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อน กระผมมีเรื่องอยากจะขอ”]

“อนุมัติ”

[“ทั้งที่ยังไม่ทราบเรื่องราวเลยหรือครับ!?”]

 

  เซเลนเปิดเปลือกตาหนักๆและตอบตกลงทันทีโดยไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่เพราะเซเลนขี้เกียจฟัง แต่เธอเชื่อใจบัตเลอร์เป็นที่สุด ไม่ว่าเขาต้องการทำอะไรก็ไม่มีผลเสียสำหรับเธอแน่

 

  บัตเลอร์เองก็รู้สึกได้ และรู้สึกภูมิใจที่เซเลนไว้ใจเขาขนาดนี้ แต่ก็หละหลวมเกินไปจนบัตเลอร์ยอมรับไม่ได้เช่นกัน จึงต้องบอกกล่าวกับเจ้านายให้ชัดเจน

 

[“เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายต้องการฉลองให้กับการกลับมาของกระผม ถึงจะปฏิเสธไปแล้วเพราะกระผมต้องอยู่รับใช้องค์หญิง แต่พวกเขาก็ยังยืนกราน…”]

 

  เพราะเขาคือราชาตัวจิ๋วแห่งป่า บัตเลอร์คือผู้ที่จัดระเบียบสัตว์น้อยใหญ่ทุกตัวให้สมดุล ถูกนับถือเป็นผู้ปกครองของสรรพสัตว์ทุกตัวที่อาศัยอยู่โดยรอบปราสาทอาร์คุยล่า เป็นราชาที่แท้จริงไม่ใช่แค่ฉายา แต่ราชาผู้นี้กำลังคอตกหูลู่เพราะรู้สึกผิด

 

  เขาได้จากไปเป็นเวลานานและค่อนข้างกะทันกัน เมื่อบัตเลอร์ได้กลับมา สัตว์ป่าทั้งหลายจึงมารวมตัวกันเพราะความดีใจ และอาจไหลทะลักเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้เกิดความวุ่นวาย เขาจึงต้องไปลงมือควบคุมจัดการด้วยตนเอง

 

“ได้”

[“ขอบพระคุณครับ ทั้งที่กระผมควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงแท้ๆ ต้องขออภัยจริงๆ…”]

 

   ก่อนจะออกไป บัตเลอร์ได้บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด และยืนโค้งทำความเคารพให้กับเซเลน

 

“นอนล่ะ”

 

  เซเลนโบกมือให้บัตเลอร์และขดตัวนอนต่อบนเตียง ระยะนี้ถูกมิลานรบกวนเวลามากเกินไป และบางครั้งก็ต้องออกเคลื่อนไหวในตอนกลางวัน เพราะฉะนั้น เธอจึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสกลับมาทำตัวขี้เกียจเป็นปรกติได้อีกครั้ง

 

  สามัญสำนึกของทุกคนบนโลกเรื่องนอนกลางคืนตื่นกลางวันกำลังถูกเซเลนตั้งมาตรฐานใหม่โดยไม่สนใจใคร

 

 

   ◆ ◆ ◆

 

 

   อีกด้านหนึ่ง ในเวลาเดียวกับที่เซเลนกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข มีคนคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องของไอโรเน่ อาลัว พี่สาวของเซเลน

 

“ได้ยินว่าท่านแม่ไม่สบาย อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“ไม่เป็นไร แม่แค่เหนื่อย ระยะนี้มีหลายเรื่องให้คิดมาก แต่ก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร”

“ถ้าเช่นนั้นก็เบาใจได้…”

 

  ใบหน้าของไอโรเน่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาชัดเจน ทั้งซีดเซียวและหม่นหมอง อาลัวจึงรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วและยื่นให้เธอ ซึ่งไอโรเน่ก็รับไปดื่มอย่างว่าง่าย

 

   เป็นการโต้ตอบระหว่างแม่ลูกตามปรกติ ไม่เหมือนลูกสาวอีกคนที่เน้นนิ่งเงียบถามคำตอบคำ

 

“…คิดว่าแม่เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลยสินะ”

“ท่านแม่?”

 

   อยู่ดีๆไอโรเน่ก็พูดออกมาเช่นนั้นกับอาลัวที่นั่งอยู่ข้างเตียง และพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง 

 

“เหล่านานาประเทศไม่เคยคิดปิดบังเลยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับแม่ ‘ราชินีผู้โง่เขลา พยายามปิดกั่นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนยุคสมัยของทั้งทวีป’ เจ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้อยู่บ่อยๆ”

“นั่นมัน…”

 

   อาลัวเงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่ในบางกรณี ความเงียบคือคำตอบที่ดี ไอโรเน่ถอนหายใจและพูดต่อ

 

“ตอนนั้นแม่มีทางเลือกไม่มาก ความผิดปรกติของเด็กคนนั้นทำให้เธอโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยตั้งแต่ยังเล็ก ผู้คนอาจไม่ยอมรับในตัวเธอ และคำพูดดูถูกทั้งหลายมีโอกาสถูกเหมารวมไปถึงตัวเจ้าซึ่งเป็นพี่สาวของเด็กคนนั้น”

“แต่หนูก็ไม่เคยใส่ใจกับเสียงนินทา”

“ต่อให้เจ้าไม่ใส่ใจ แต่เจ้าก็เป็นถึงเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง แม้เป็นประเทศเล็กๆก็ตาม เป็นหน้าที่ของราชวงศ์ต้องค้ำจุนประเทศและประชาชน จะทำตัวให้โดนดูถูกไม่ได้”

“นั่นก็จริง แต่เพื่อการนั้นแล้วก็ยังไม่ควรตัดสินให้เด็กตัวเล็กๆไร้ความผิดต้องถูกขังอยู่แต่ในความมืดนะคะ”

“แม่ฆ่าเธอไม่ลง แต่ถ้าให้ขับไล่เด็กคนนั้นออกไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความโดดเด่นของเธอจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนพูดถึงไม่ได้ มีเพียงทางเดียวที่จะจบจบปัญหาได้เงียบที่สุด”

 

  คำอธิบายของไอโรเน่ยังทำให้อาลัวยอมรับจากใจจริงไม่ได้ น้องสาวของเธอแปลกถึงขั้นนั้นจริง แต่อาลัวไม่ได้ใจร้ายขนาดทอดทิ้งน้องสาวเพื่อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างเฉิดฉายแต่เพียงผู้เดียว

 

   อย่างไรก็ตาม ไอโรเน่ได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสมดีแล้ว เพราะมีแววว่า ถ้าบังคับให้เซเลนเรียนรู้หน้าที่ของราชวงศ์และปฏิบัติตัวให้เหมาะสมอยู่แต่ในกรอบ เธออาจต่อต้านจนอาละวาดรุนแรงได้

 

  อันที่จริงก็เป็นคนที่ชอบต่อต้านสังคมมาตั้งแต่ชีวิตก่อน แม้จะแก้ไม่หายแต่ก็ยังโชคดีที่การต่อต้านของเธอเป็นแบบดื้อเงียบ ไม่ออกแรงอาละวาดให้เหนื่อย

 

   เดิมที ประเทศอาร์คุยล่าก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศเล็กๆไร้อำนาจ ถ้าเซเลนแสดงพฤติกรรมผ่าเหล่าออกมาหลังจากเปิดตัวสู่สังคม ชื่อเสียงของอาร์คุยล่าจะไม่ใช่แค่ร่วงหล่นสู่ผืนดิน แต่เพราะอยู่ติดดินอยู่แล้ว จึงจะจมหายเข้าไปในดิน ฝังกลบจนมิด และอาร์คุยล่าจะตกที่นั่งลำบากจนอาจไม่เหลือจุดยืนอีกเลย

 

   ด้วยเหตุนี้ ราชินีไอโรเน่ต้องตัดสินใจเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของเซเลนตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยการปิดผนึกทั้งตัวตนและชื่อเสียงของเธอตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งต้องขอบคุณราชินีไอโรเน่ที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด

 

“แต่เซเลนก็เติบโตได้อย่างงดงาม ความสามารถของเธอยิ่งใหญ่กว่าหนูมากนัก แม้แต่เจ้าชายมิลานก็ยังชื่นชม”

“…ใช่ ซึ่งก็หมายความว่าแม่ได้ทำผิดพลาดตั้งแต่ตอนนั้น”

 

   ในทางปฏิบัติ ไอโรเน่ได้ทำการคัดแยกและควบคุมส่วนที่น่าจะเป็นอันตรายก่อนก่อให้เกิดความเสียหาย ในส่วนนี้ถือว่าน่าชื่นชม แต่อาลัวกับไอโรเน่เองก็ยังรู้สึกผิดกับเซเลนอยู่ดี

 

“เจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว แม่มีบางอย่างจะให้”

“ให้หนูหรือคะ?”

 

   ไอโรเน่ลุกลงจากเตียง เปิดสิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งใกล้ๆและหยิบกล่องขนาดเล็กแต่ดูหรูหราออกมาเปิดต่อหน้าอาลัว

 

“แหวน… หรือคะ? หรือว่ามัน…”

“ถูกต้องแล้ว มันคือแหวนหมั้นที่แม่ได้รับมาจากชายผู้นั้น ถึงมูลค่าของมันจะไม่มากนักก็เถอะ”

 

   ไอโรเน่พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ภายในประเทศเล็กๆอย่างอาร์คุยล่า มันเป็นแหวนที่มีราคาแพงเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของทั้งทวีปโดยรวม มันเป็นของธรรมดาที่มีอยู่ดาษดื่น ในฐานะเครื่องประดับก็เป็นเพียงแหวนเงินทั่วไปที่ไม่ได้ลงเวทมนตร์ มีลายแกะสลักรูปกวางซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของอาร์คุยล่า แต่ก็ไม่ได้สวยงามหรือมีความหมายใดๆเป็นพิเศษ

 

“อาลัว ตัวเจ้าในตอนเด็กชอบแอบเอาออกไปเล่นอยู่บ่อยๆ”

“ค่ะ และถูกท่านแม่ดุทุกครั้งที่ถูกจับได้”

 

  อาลัวยิ้มในขณะคิดถึงเรื่องในอดีต แหวนหมั้นวงนี้เป็นของขวัญจากคนสำคัญของแม่ ในตอนนี้เธอเข้าใจคุณค่าของมันแล้ว

 

  กล่องแหวนถูกใส่เข้าไปในมือของอาลัว และไอโรเน่กุมมือที่ถือไว้ด้วยสองมือของเธอ

 

“ตอนนี้ มันเป็นของเจ้าแล้ว อาลัว”

“เอ๋!?”

 

   ดวงตาของอาลัวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ มันเป็นของสำคัญที่ไอโรเน่เก็บรักษาอย่างดีนานนับสิบปี อาลัวยังลังเลที่จะรับแหวนวงนั้นไว้ ไอโรเน่จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

“เจ้าเติบโตเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนชี้นำประเทศนี้ให้เดินหน้าต่อไป เจ้าก็รับมันไว้โดยตระหนักถึงเรื่องนั้นก็แล้วกัน”

“แต่… ท่านแม่หวงแหนมันมาตลอด…!”

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แม่หวังให้เจ้าได้คู่ชีวิตเป็นมหาบุรุษที่แม่ฝากฝังตัวเจ้าให้กับเขาได้เหมือนที่แม่ให้แหวนวงนี้กับเจ้า”

“…ให้หนูรับมันไว้ ดีแล้วหรือคะ?”

 

  สำหรับอาลัว มันเป็นของดูต่างหน้าพ่อของเธอ เธอจึงเข้าใจความรู้สึกที่ต้องปล่อยมือจากมันไป แต่ไอโรเน่แค่ยิ้มและพยักหน้า อาลัวจึงรับมันมาแม้ยังลังเล

 

“เข้าใจแล้วค่ะ แหวนวงนี้ หนูจะรักษามันไว้อย่างดี”

“ดีแล้ว ปล่อยให้มันได้มองเห็นอนาคตของโลกกว้าง ดีกว่าให้แม่เก็บเอาไว้จนถูกหลงลืม”

 

   หลังจากนั้น ไอโรเน่ได้บอกว่ารู้สึกเหนื่อยและอยากพักผ่อน อาลัวจึงขอตัวออกจากห้องพร้อมกับกล่องแหวนที่ถืออยู่อย่างทะนุถนอม 

 

“ให้เซเลนได้เห็นด้วยดีกว่า”

 

  เพราะเซเลนไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าของพ่อ อาลัวจึงไปหาเซเลนที่น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง อย่างน้อยก็อยากให้เธอรู้จักกับพ่อผ่านแหวนวงนี้

 

“เซเลน ตื่นอยู่หรือเปล่า?”

“อยู่!”

 

   แน่นอนว่าเซเลนไม่ได้ตื่นอยู่ แต่สัมผัสได้ว่าอาลัวกำลังมาหา จึงรีบตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้า แม้ว่าเรื่องอื่นจะรู้สึกตัวช้า แต่เรื่องนี้กลับไม่เคยพลาด อาจเป็นเพราะใกล้ได้เวลาดวงอาทิตย์ตกดิน เซเลนจึงรู้สึกตื่นตัวเป็นเศษ

 

   เนื่องจากเพิ่งตื่น เซเลนจึงยังอยู่ในชุดนอนหน้าตาไม่เรียบร้อย อาลัวจึงช่วยเธอจัดเสื้อผ้าทรงผมให้ดูสมเป็นแขกคนสำคัญของอาร์คุยล่า อาลัวจัดการช่วยแต่งตัวให้จนเสร็จ เซเลนได้แต่ยืนแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาแต่งตัว

 

“พี่อยากให้เซเลนได้เห็นอะไรบางอย่างน่ะ”

“อะไร!? หน้าอก!?”

“ไม่ใช่ค่ะ เซเลนยังไม่ตื่นดีสินะ? นี่ต่างหาก”

 

   ความปรารถนาของเซเลนถูกมองเป็นเรื่องล้อเล่นของคนเพิ่งตื่น อาลัวหัวเราะและเปิดกล่องแหวนแสดงของที่อยู่ข้างในให้เห็น แต่เซเลนก็มองดูมันด้วยสีหน้านิ่งเฉย แตกต่างจากกรณีของอาลัว 

 

“ให้ดู อะไร?”

“ก็แหวนนี่ไงคะ”

“อืม”

 

   ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆจากเซเลน เพราะมันไม่น่าสนใจ ถ้าเป็นของรูปร่างวงกลมมีรู เซเลนจะตื่นเต้นกับโดนัทมากกว่า เพราะเซเลนไม่สนใจเครื่องประดับอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์หรือไม่ มันก็เป็นแค่ชิ้นโลหะอยู่ดี เจ้าหญิงผู้นี้สนใจแค่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความต้องการพื้นฐานทั้งสามอย่างของมนุษย์เท่านั้น

 

“ไม่ใช่แหวนธรรมดา… มันคือแหวนหมั้นค่ะ”

“อิหยังวะ!?”

 

   คำพูดของอาลัวทำให้เซเลนตกใจถึงขั้นเผลอพูดออกมาเสียงดังเป็นสำเนียงคันไซ

 

“จ-จากใคร?”

“จากท่านแม่ของพวกเรา บอกว่าอยากให้พี่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ”

 

   อาลัวพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เซเลนที่ได้ฟังก็ตื่นตระหนกและหน้าซีดลงเรื่อยๆจนอาลัวมองด้วยความสงสัย 

 

“ท-ท่านพี่! ขอดูหน่อย!”

“เอ๋!? สนใจแหวนนี่หรือคะ?”

 

   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีปฏิกิริยาเลยแท้ๆ พอบอกว่าเป็นแหวนหมั้นก็เปลี่ยนท่าทีกันง่ายๆ แต่อาลัวก็เข้าใจน้องสาวของตน

 

“(เพราะเซเลนอยู่ในช่วงสำคัญระหว่างงานหมั้นกับเจ้าชายมิลาน)”

 

  แหวนวงสำคัญที่ทำให้พ่อและแม่เป็นหนึ่งเดียวกัน สำหรับเซเลนมันเป็นยิ่งกว่าของดูต่างหน้า มันคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเซเลนที่ไม่เคยได้รู้จักพ่อของตนเอง ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกถึงคุณค่าของมันมากกว่าคนอื่น 

 

“ถ้าชอบขนาดนั้น เซเลนเก็บเอาไว้เถอะ”

“ได้!”

 

  อาลัวส่งกล่องหวนที่อยู่ในมือให้และเซเลนก็คว้ามันไปจากมือของอาลัวอย่างรวดเร็ว แหวนวงนี้ความหมายสำหรับเซเลนมากกว่า เธอต้องชอบมันมากแน่ จากนั้นก็ลูบหัวของเซเลนเบาๆก่อนจะกลับออกจากห้องไป

 

“แย่แล้ว…”

 

   ทันทีที่อาลัวออกไป สัมผัสจากอาลัวขาดหายทำให้เซเลนแสดงอาการแตกตื่นขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่

 

   แม่ให้แหวนหมั้นกับลูกสาว แล้วยังบอกอาลัวว่าอยากให้แต่งงาน เท่ากับยอมรับมิลานให้แต่งกับอาลัวด้วยความยินดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะสนับสนุนถึงขั้นเตรียมแหวนให้ด้วย

 

  ทั้งที่มันเป็นแหวนหมั้นของไอโรเน่กับชายผู้ที่เป็นพ่อของเซเลน แต่เซเลนกลับไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัว รับรู้เพียงว่ามันเป็นแหวนหมั้นที่ไอโรเน่เตรียมไว้ให้อาลัวสำหรับแต่งงานกับมิลาน

 

  ยอมให้อาลัวรับของแบบนี้มาไม่ได้ น่าจะได้รับมาจากราชินีไอโนเน่สดๆร้อนๆ เอาไปคืนตอนนี้ยังทัน ต้องพูดกับราชินีไอโนเน่อีกรอบให้รู้เรื่อง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

 

“เพย์ออฟ*!”

 

   เซเลนออกเคลื่อนไหวในทันทีด้วยความฉุนเฉียว มุ่งหน้าไปยังห้องของไอโนเน่ผู้แปรพักตร์เข้าร่วมกับศัตรู แม้ว่าความหมายของคำว่าเพย์ออฟ* จะแตกต่างกับคูลลิ่งออฟ* อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่รับรู้อีกต่อไปและจะขอใช้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้

 

 

____________________

*

Pay off (ペイオフ) = ระบบที่ทำให้ได้รับเงินฝากคืนเป็นจำนวนที่แน่นอนในกรณีที่ธนาคารล้มละลาย

Cooling off (クーリングオフ) = ช่วงเวลารับประกันความพึงพอใจสินค้าที่ลูกค้าสามารถคืนสินค้าได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+