[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 58

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 58 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 58

ความตั้งใจของชินนิ

 

 

   ถูกบอกให้ยอมแพ้เรื่องการสังหารเจ้าหญิงแสงจันทร์ ชินนิไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเสนอออกมาเช่นนั้น หลังจากคิดตามอย่างช้าๆจนคำพูดนั้นเข้าไปข้างในหัว เธอก็อารมณ์เสียอย่างรุนแรง 

 

“ไอ้นกโง่! สุดท้ายแกมันก็มีแต่สมองนก ลืมแล้วหรือไงว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงตรงนี้!? เป้าหมายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว… ทั้งหมดก็เพื่อท่านผู้สาปแช่ง…”

[“ก็รู้อยู่ แล้วก็รู้ด้วยว่า ถึงจะแก้แค้นไปก็ไม่ได้อะไร…”]

“ถ้าคิดว่า ‘แก้แค้นไปก็ไม่ได้อะไร’ ล่ะก็ ก็เพื่อเป้าหมายของท่านผู้สาปแช่งไงล่ะ และการแก้แค้นก็ยังทำให้สบายใจ…”

[“เอาแต่พูด ท่านผู้สาปแช่ง ท่านผู้สาปแช่ง อย่างกับนกแก้ว!”]

 

   ชินนิใส่อารมณ์เต็มที่ โคคุมารุก็ยิ่งพูดจายั่วยุ ทำให้การโต้เถียงนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

“หนวกหูน! ไอ้สมองนกอย่างแกไม่ต้องมาสอน!”

[“ก็ใช่! ข้ามันอีกาสมองนกอยู่แล้ว! แต่สมองนกก็ยังดีกว่าเด็กไร้สมองอย่างแก! ท่านผู้สาปแช่งอย่างนั้น ท่านผู้สาปแช่งอย่างนี้ ไหนลองบอกเป้าหมายสำหรับตัวแกเองโดยไม่ต้องอ้างคนอื่นมาสักเรื่องสิ!”]

“เป้าหมายของฉัน…?”

 

   คำพูดของโคคุมารุทำให้ชินนิตกอยู่ในภวังค์ ชินนิครุ่นคิดจนลืมความโกรธไปชั่วขณะ แต่ก็ทำได้เพียงแค่พึมพำออกมาไม่กี่คำ

 

[“ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอก ว่าข้าดันมาเป็นคู่หูของมนุษย์ที่โง่ได้ขนาดนี้ ใช้ชีวิตให้นานๆอย่างคุ้มค่ามันยากนักหรือไง? แกคิดว่ายายแก่ตายอย่างน่าเสียดายอยู่สินะ? ถ้าใช่ก็แปลว่าแกมันไม่รู้อะไรเลย”]

“ว่าไงนะ!?”

[“ถึงยายแก่นั้นจะเป็นแม่มดชั่วร้ายหมดมุ่นอยู่กับคำสาป แต่ต่อให้เลยช่วงที่รุ่งเรื่องที่สุดในชีวิตมาแล้วก็ยังทุ่มเทให้กับงานอดิเรก ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมาได้ตลอดจนอายุเฉียดหลักร้อย จนมีโอกาสได้ใช้เวทมนตร์ต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าใช้มานานหลายร้อยปีได้สำเร็จ ชีวิตมันต้องแบบนี้สิ ถึงจะคุ้ม”]

 

   เมื่อได้ยินโคคุมารุพูดเช่นนั้น ชินนิก็คิดตามอย่างเงียบๆ ผู้สาปแช่งก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่หลงใหลในคำสาป ซึ่งเธอก็ได้อุทิศชีวิตเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์คำสาปจนเชี่ยวชาญ จนวาระสุดท้ายก็ได้คืนชีพให้กับเวทมนตร์ในตำนานเพื่อเข้าท้าทายคนทั้งทวีปก่อนจะพ่ายแพ้และตายจากไป

 

   ค้าพบทางเดินของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย และได้มาอยู่บนจุดสูงสุดบนเส้นทางสายนั้น เพราะฉะนั้น การได้อยู่กับสิ่งที่เลือก ทำในสิ่งที่ชอบจนถึงที่สุด จะเรียกได้ว่าผู้สาปแช่งประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็ได้

 

   แน่นอนว่าคำสาปเป็นสิ่งเลวร้ายที่ถูกรังเกียจ การเลือกเส้นทางนี้ต้องมีการเตรียมใจที่แน่วแน่ และในวาระสุดท้ายก็สามารถทำการใหญ่ให้ทั้งทวีปสั่นสะเทือน แม้จะต่างกันในแง่ของการถูกยกย่องกับการถูกประณาม แต่ก็ทำให้ตนเองเป็นที่จดจำได้สำเร็จ

 

[“ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยายแก่นั้นก็รักษาวิถีชีวิตของตัวเองไว้ ใช้ชีวิตตามใจอยากจนแก่เฒ่า ส่วนแกก็แค่เดินบนเส้นทางของคนอื่นจนไม่มีอนาคต เพียงเพราะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แกมีปัญญาทำได้แค่นี้จริงดิ?”]

“มันไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับคนอย่างฉันหรอก!”

[“ถึงได้บอกว่าแกมันไอ้เด็กไร้สมองไง เด็กน้อยที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น”]

“ไม่ใช่เด็กแล้วนะ! แกต่างหาก เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง อย่างมาพูดดีไปหน่อยเลย!”

[“คนที่ใช้อารมณ์เพราะอยากเถียงให้ชนะสัตว์ตัวหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้วเป็นอะไร? ข้าเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งก็จริง แต่รู้หรือเปล่าว่าข้าเห็นโลกเห็นผู้คนมามากมายก่อนแกจะเกิดซะอีก? คำแนะนำจากรุ่นพี่น่ะ แกคิดจะฟังบ้างไหม?”]

 

   หลังจากพูดจบ ทั้งสองต่างก็เงียบลง ชินนิก้มหน้าสักพักก่อนจะหันกลับมามองโคคุมารุและพูดด้วยน้ำเสียงปราศจากความลังเล

 

“…มันเลยจุดที่ถอนตัวได้มานานแล้ว พวกเราเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”

[“เอาเถอะ ตามใจแกก็แล้วกัน ถ้าจนป่านนี้แล้วยังคิดว่าท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์เห็นแกเป็นศัตรู แกมันก็เกินเยียวยาแล้วล่ะ”]

 

  โคคุมารุพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้และบินจากไป

 

“เดี๋-…”

 

   ชินนิเอื้อมมือออกไปเหมือนพยายามคว้าตัวโคคุมารุ แต่ก็หยุดไว้กลางคัน เพราเธอก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำเช่นนั้นทำไม

 

  หลังจากนั้น ชินนิก็ถูกทิ้งไว้คนเดียวอยู่ริมลำธาร นอกจากเสียงน้ำที่ไหลลงมาจากยอดเขามังกรแล้ว ก็ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นให้ได้ยิน ราวกับโลกนี้เหลือแต่เธอเพียงคนเดียว

 

“ท่านผู้สาปแช่ง…”

 

   ชินนินั่งลงบนก้อนหินใกล้ๆ เรียกหาอาจารย์ของเธอ และแน่นอนว่าไม่มีคำตอบ

 

   เวลาผ่านไป ชินนิยังนั่งอยู่ที่เดิม ดวงอาทิตย์ขึ้นจนสุดและลงต่ำจนหายลับไปจากท้องฟ้า ดวงจันทร์ขึ้นมาแทนที่ ชินนิตัดสินใจกลับไปที่ถ้ำ และเนื่องจากใกล้จะถึงคืนจันทร์เพ็ญ แสงสว่างจึงมากพอให้ชินนิเดินกลับได้อย่างปลอดภัย

 

   จากที่เคยคิดว่าจะได้เจอกับภูมิประเทศที่มีแต่ทางลาดชันขรุขระอันตราย จากสถานที่ที่ถูกเรียกว่า ‘ยอดเขามังกร’ แต่เส้นทางจากลำธารไปจนถึงถ้ำที่อยู่อาศัยก็มีทางเดินที่ถูกทำมาอย่างดี ชินนิเข้าใจว่าเป็นเพราะฝูงหนูทำการปรับสภาพพื้นที่เพื่อให้มนุษย์อาศัยอยู่ได้โดยไม่ลำบาก

 

   การไปให้ถึงถ้ำของเซเลนก็ทำได้ง่ายดายด้วยเส้นทางที่ชัดเจน และถึงจะอยู่ไกลก็ไม่มีทางหลงเพราะถูกนำทางด้วยแสงสว่างที่แผ่ออกมาตามทางเป็นระยะ คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำมาจากพืชเรืองแสงที่หาได้ในป่าสีขาว ชินนิถูกแสงสว่างอันอ่อนโยนเหล่านั้นล้อมรอบร่างเอาไว้ตลอดทาง

 

“ยินดี ต้อนรับกลับ!”

“…ก-กลับมาแล้ว”

 

   ทันทีที่ชินนิกลับมาถึงถ้ำที่พัก เซเลนก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ไม่แปลกที่แม้แต่โคคุมารุยังดูออก เซเลนคนนี้ถึงจะรู้ตัวจริงของเธอก็ไม่คิดรังเกียจ เธอดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นชินนิกลับมา

 

“ได้เวลา ไปนอน!”

“เอ๋?”

“สัญญาไว้ ตอนเช้า”

 

  อาจจะจะดูเหมือนเป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียวอยู่บ้าง แต่เซเลนก็จับมือชินนิดึงเข้าไปข้างใน เนื่องจากชินนิโตกว่าถึงสองปี หากคิดจะขัดขืนก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

 

   ด้านในสุดของถ้ำที่เซเลนพาเข้ามา มีเตียงทำจากฟางและใบไม้ เป็นที่ที่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ ดูเหมือนเดิมทีมันจะเตียงของเซเลน และเมื่อมาถึง เซเลนก็กระโดดขึ้นไปนอนทันที

 

“เข้ามา! เข้ามา!”

“…”

 

   เซเลนร้องเรียกด้วยรอยยิ้มอันสดใส นอนชิดขอบข้างหนึ่งของเตียงและเอามือตบลงบนเตียงอีกครึ่งที่ว่างอยู่ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คิดได้ว่าต้องการให้ไปนอนข้างๆ ดวงตาของเซเลนที่มองมามีแต่ความไร้เดียงสา กลับกัน ดวงตาของชินนิดูเลื่อนลอยยิ่งนัก

 

“(มีแต่ช่องว่าง… ตอนนี้คงฆ่าได้ง่ายๆ)”

 

   ในเสื่อคลุมของชินนิมีมีดพกอยู่หนึ่งเล่ม เป็นของที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในป่าสีขาว เป็นมีดที่มีไว้ใช้งานทั่วไป แต่มันก็เพียงพอสำหรับแทงทะลุเนื้อหนังของเด็กตัวเล็กๆอย่างเซเลนได้

 

“ชินนิ มีอะไร หรือปล่า?”

“…”

 

   เพียงแค่ชักมีดออกมา แทงมันลงไปกลางหัวใจของคนที่อยู่เบื้องหน้า และทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสวยงาม ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ถูกขัดขวางไว้ด้วยความรู้สึกในใจของชินนิเอง

 

   ในหนังสือของมูลนิธินักบุญเซเลนมีถูกมารีเบลยัดเยียมาให้ มีการบรรยายถึงความรู้สึกของมารีเบล เฮลิฟลาเต้ในตอนที่เธอสูญเสียเพื่อนสนิทที่เป็นดั่งน้องสาวของเธอ ความตายของเจ้าหญิงแสงจันทร์ทำให้เธอทุกข์ทรมานกับความโศกเศร้า จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะเลิกร้องไห้ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผลงานของเซเลนคงอยู่ตลอดไป

 

   ในส่วนของอาลัว อาร์คุยล่า ที่ขายน้องสาวของตัวเองเพื่อให้ได้เข้าเรียนที่สถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ แต่ความรักของคนในครอบครัวก็ไม่มีวันถดถอย เธอจึงเห็นชินนิเป็นเหมือนตัวแทน แม้จะเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อม วางตัวได้สาบูรณ์แบบแค่ไหน หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องสาวที่เสียไปแล้วของเธอ ก็จะแสดงความหดหู่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด

 

   อีกทั้ง องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ มิลาน เฮลิฟาลเต้ ผู้มากความสามารถ ชายหนุ่มที่โด่งดังไปทั่งทวีป แต่ก็ยังยึดติดกับเรื่องเพ้อฝันที่ว่า ‘อยากให้เธอตื่นขึ้นมากล่าว อรุณสวัสดิ์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น’ จนไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ เป็นเพียงชายหนุ่มผู้ไม่รู้จักโต ห่างไกลจากการเป็นผู้นำที่ผู้คนฝากฝัง

 

   ทั้งหมดจะจบลงทันทีที่แทงมีดเล่มนี้ลงไป ใช่แล้ว มันคือการแก้แค้นให้ผู้สาปแช่งได้สำเร็จ นั่นคือเหตุผลหลัก ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อมาให้ถึงยอดเขามังกรก็เพราะการนี้

 

   —แต่ไอ้นกโง่อวดดีกลับพูดก่อนจะหนีไป ว่า

 

‘ท่านผู้สาปแช่งอย่างนั้น ท่านผู้สาปแช่งอย่างนี้ ไหนลองบอกเป้าหมายสำหรับตัวแกเองโดยไม่ต้องอ้างคนอื่นมาสักเรื่องสิ!’

 

“…สำหรับตัวเอง”

 

   ชินนิมองไปที่เซเลน ยืนนิ่งไม่ขยับ เซเลนเหมือนจะคาดหวังให้เธอเข้าไปนอนด้วยกันเป็นอย่างมาก และยิ่งรอนานก็ยิ่งงอนแก้มป่องเหมือนไม่พอใจขึ้นทุกที

   เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ และแล้ว ชินนิก็เข้าไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆเซเลน

 

“สัญญาแล้วก็ได้”

“สำเร็จ!”

 

   พอได้เห็นเซเลนแสดงอาการดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง ชินนิเก็บมืดไว้ในเสือคลุมตามเดิม จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก และเอนตัวลงนอน

 

“ดีจริงๆ ได้เจอ ชินนิ”

“พูดแบบนี้กับคนอย่างฉัน ท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์คิดอะไรอยู่กันแน่?”

 

   ไม่ว่าอย่างไร ชินนิก็ต้องการจะรู้ว่าเซเลนคิดกับตนตามที่พูดไว้จริงหรือไม่ จึงได้ถามย้ำไปอีกครั้ง หากคำตอบฟังดูมีพิรุธ ชินนิก็จะตัดสินใจทำตามแผนการของตนเองต่อหลังจากเด็กคนนี้หลับ

 

“ชินนิ”

“…อะไร?”

“จะได้ อบอุ่น”

 

   เซเลนตอบออกมาเพียงแค่นั้นและกอดชินนิเอาไว้ ถึงจะไม่ได้กอดแน่นมากนัก แต่ชินนิก็ไม่สามารถขยับตัวหนีไปจากอ้อมกอดของเซเลนได้เลย

 

   พอได้ลองคิดดูแล้ว นี่อาจจะเป็นการโอบกอดด้วยความรักที่ชินนิไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง แม้กระทั้งจากผู้สาปแช่งคนนั้นก็ตาม

 

“อบอุ่น… สินะ”

 

   ความอบอุ่นที่ได้รับจากเซเลน ละลายไปถึงหัวใจที่ถูกสาปของเธอ และแน่นอนว่า ‘อบอุ่น’ สำหรับเซเลนนั้นจะหมายถึงอุณหภูมิ ตรงตัว ไม่ได้คิดในแง่ของการเติมเต็มหรือความรู้สึกข้างในแม้แต่น้อย

 

   หลังจากเซเลนได้ชินนิมาเป็นหมอนข้าง เธอก็หลับลงไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ถึงปรกติจะเป็นคนเชื่องช้า แต่ถ้าเกี่ยวกับการนอนหลับก็ไม่มีใครเร็วไปกว่าเธอ

 

“นี่ก็ได้เวลานอนของเราแล้วเหมือนกัน”

 

   ชินนิหาวและผล็อยหลับไปไล่เลี่ยกัน ภายใต้การจับตามองของเงาดำสองเงาที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาเฝ้าดูอยู่เงียบๆจนทั้งสองหลับลงไป

 

[“เป็นเด็กที่ค่อนข้างหัวแข็งนะครับ”]

[“ช่วยไม่ได้ ให้เปลี่ยนใจกันทันทีคงไม่ไหว แต่อย่างน้อยก็มีแววรอดแล้วล่ะนะ”]

 

   ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด บัตเลอร์และโคคุมารุจะเข้าไปห้ามชินนิก่อนจะลงมือ ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่ใกล้ที่สุดมาตั้งแต่แรก

 

[“ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะคุณโคคุมารุก็ช่วยไปพูดให้ เรื่องนั้นคงต้องขอขอบคุณ”]

[“ข้าไม่ได้ไปพูดให้มันเปลี่ยนใจ ไอ้เด็กนั่นต้องคิดได้ด้วยตัวเอง ยังไงซะ เป้าหมายในชีวิตมันก็เป็นเรื่องของใครของมันอยู่ดี”]

[“เด็กคนนี้จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกในใจขององค์หญิงได้แน่ หากทำให้นึกถึงความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นขึ้นมาได้ องค์หญิงก็จะอยากกลับไปหาคนที่รอเธออยู่ในดินแดนของมนุษย์ นี่ก็ต้องขอบคุณคุณโคคุมารุเหมือนกัน”]

 

   บัตเลอร์พูดอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเซเลนต้องการพลัง ไม่ใช่ตัวกระตุ้น หากได้รับพลังอันแข็งแกร่งเมื่อไหร่ก็จะกลับไปเอง

 

[“เรื่องของแกสิ ข้าจะไปนอนแล้ว ไม่ใช่นกหากินกลางคืน”]

 

   โคคุมารุเข้าไปซุกตัวอยู่ที่โพรงหินที่ผนังภายในส่วนลึกของถ้ำ ตัดบทสนทนากับบัตเลอร์ไว้เพียงแค่นั้น เขามีส่วนคล้ายเจ้านายคนปัจจุบันอยู่บ้าง ตรงที่ไม่ชินกับการถูกชื่นชม

 

   เช้าวันถัดมา ชินนิตื่นขึ้นมาพร้อมกับหมอกในยามเช้า ตั้งแต่เหตุการณ์ความสูญเสียเมื่อสองปีที่แล้ว ทุกๆคืนเธอจะพบกับฝันร้ายซ้ำๆจนหลับสนิทไม่ลง แต่ครั้งนี้เธอนอนหลับอย่างเต็มอิ่มได้อย่างง่ายๆ

 

  ชินนิลูบดวงตาของเธอที่ยังเบลอจากการตื่นนอนและได้เห็นเด็กสาวสีขาวนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย เพราะไม่เคยมีเพื่อนที่ใกล้ชิดถึงขั้นที่นอนด้วยกันมาก่อน เธอค่อยๆแกะเซเลนที่กอดเธอเอาไว้ทั้งคืนออกโดยที่ไม่ทำให้ตื่น เมื่อลุกออกจากเตียงก็รู้สึกได้ว่าสภาพร่างกายของเธอสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว

 

[“ดูเหมือนจะหลับสบายทั้งคืนเลยนะ”]

“อย่าคิดเอาเองสิ”

 

   คำทักทายแรกในยามเช้าที่ชินนิได้รับ มาจากโคคุมารุที่อยู่ในโพรงหินขนาดพอดีตัว เหมือนกับว่าที่ตรงนั้นเป็นรังชั่วคราวของเขาไปแล้ว

 

[“เปลี่ยนใจล้มเลิกแผนสังหารท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์ไปแล้วสินะ เพราะข้าไปพูดแทงใจดำล่ะสิ”]

“ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก ที่ปล่อยไว้ก็เฉพาะตอนนี้เท่านั้น”

[“หา?”]

 

   โคคุมารุเอียงคอสงสัย ชินนิไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่ออธิบายเป็นคำพูด และแล้ว อีกพักหนึ่งจึงเริ่มพูดต่อ

 

“ตอนนี้ได้รับความไว้วางใจมาได้แล้วในระดับหนึ่ง จะลงมือฆ่าเมื่อไหร่ก็ทำได้ทันที ชีวิตของเธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ถ้าปล่อยให้เติบโตกว่านี้ ให้เจ้าหญิงแสงจันทร์กลับไปทำประโยชน์ให้มากกว่านี้ แล้วค่อยฆ่าในตอนที่เธอรุ่งเรื่องถึงขีดสุด ผู้คนจะสิ้นหวังยิ่งกว่า”

[“หืม… เอ๋…”]

“มีอะไรก็พูดมา! มีปัญหากับแผนของฉันหรือไง!?”

[“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ข้าก็แค่คิดว่าแกนี้มันอ้อมค้อมซะจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”]

 

   เมื่อถูกโคคุมารุหัวเราะเยอะ ชินนิหันไปคว้าไม้เท้าประจำตัวที่พิงอยู่ข้างผนังและหวดลงไปอย่างรวดเร็ว แต่โคคุมารุก็แค่หดตัวกลับเข้าไปในโพรง จึงมีเพียงเสียงทุบดินทื่อๆเท่านั้น

 

“อุ หน้าอก ไปไหนแล้ว…?”

 

   ระหว่างนั้น เซเลนละเมอหาสัมผัสอันนุ่มนิ่มที่ขาดช่วงไป ความอบอุ่นที่ลุกออกไปนั้น ส่งผลกับเธอถึงในฝัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 58

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 58 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 58

ความตั้งใจของชินนิ

 

 

   ถูกบอกให้ยอมแพ้เรื่องการสังหารเจ้าหญิงแสงจันทร์ ชินนิไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเสนอออกมาเช่นนั้น หลังจากคิดตามอย่างช้าๆจนคำพูดนั้นเข้าไปข้างในหัว เธอก็อารมณ์เสียอย่างรุนแรง 

 

“ไอ้นกโง่! สุดท้ายแกมันก็มีแต่สมองนก ลืมแล้วหรือไงว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงตรงนี้!? เป้าหมายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว… ทั้งหมดก็เพื่อท่านผู้สาปแช่ง…”

[“ก็รู้อยู่ แล้วก็รู้ด้วยว่า ถึงจะแก้แค้นไปก็ไม่ได้อะไร…”]

“ถ้าคิดว่า ‘แก้แค้นไปก็ไม่ได้อะไร’ ล่ะก็ ก็เพื่อเป้าหมายของท่านผู้สาปแช่งไงล่ะ และการแก้แค้นก็ยังทำให้สบายใจ…”

[“เอาแต่พูด ท่านผู้สาปแช่ง ท่านผู้สาปแช่ง อย่างกับนกแก้ว!”]

 

   ชินนิใส่อารมณ์เต็มที่ โคคุมารุก็ยิ่งพูดจายั่วยุ ทำให้การโต้เถียงนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

“หนวกหูน! ไอ้สมองนกอย่างแกไม่ต้องมาสอน!”

[“ก็ใช่! ข้ามันอีกาสมองนกอยู่แล้ว! แต่สมองนกก็ยังดีกว่าเด็กไร้สมองอย่างแก! ท่านผู้สาปแช่งอย่างนั้น ท่านผู้สาปแช่งอย่างนี้ ไหนลองบอกเป้าหมายสำหรับตัวแกเองโดยไม่ต้องอ้างคนอื่นมาสักเรื่องสิ!”]

“เป้าหมายของฉัน…?”

 

   คำพูดของโคคุมารุทำให้ชินนิตกอยู่ในภวังค์ ชินนิครุ่นคิดจนลืมความโกรธไปชั่วขณะ แต่ก็ทำได้เพียงแค่พึมพำออกมาไม่กี่คำ

 

[“ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอก ว่าข้าดันมาเป็นคู่หูของมนุษย์ที่โง่ได้ขนาดนี้ ใช้ชีวิตให้นานๆอย่างคุ้มค่ามันยากนักหรือไง? แกคิดว่ายายแก่ตายอย่างน่าเสียดายอยู่สินะ? ถ้าใช่ก็แปลว่าแกมันไม่รู้อะไรเลย”]

“ว่าไงนะ!?”

[“ถึงยายแก่นั้นจะเป็นแม่มดชั่วร้ายหมดมุ่นอยู่กับคำสาป แต่ต่อให้เลยช่วงที่รุ่งเรื่องที่สุดในชีวิตมาแล้วก็ยังทุ่มเทให้กับงานอดิเรก ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมาได้ตลอดจนอายุเฉียดหลักร้อย จนมีโอกาสได้ใช้เวทมนตร์ต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าใช้มานานหลายร้อยปีได้สำเร็จ ชีวิตมันต้องแบบนี้สิ ถึงจะคุ้ม”]

 

   เมื่อได้ยินโคคุมารุพูดเช่นนั้น ชินนิก็คิดตามอย่างเงียบๆ ผู้สาปแช่งก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่หลงใหลในคำสาป ซึ่งเธอก็ได้อุทิศชีวิตเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์คำสาปจนเชี่ยวชาญ จนวาระสุดท้ายก็ได้คืนชีพให้กับเวทมนตร์ในตำนานเพื่อเข้าท้าทายคนทั้งทวีปก่อนจะพ่ายแพ้และตายจากไป

 

   ค้าพบทางเดินของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย และได้มาอยู่บนจุดสูงสุดบนเส้นทางสายนั้น เพราะฉะนั้น การได้อยู่กับสิ่งที่เลือก ทำในสิ่งที่ชอบจนถึงที่สุด จะเรียกได้ว่าผู้สาปแช่งประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็ได้

 

   แน่นอนว่าคำสาปเป็นสิ่งเลวร้ายที่ถูกรังเกียจ การเลือกเส้นทางนี้ต้องมีการเตรียมใจที่แน่วแน่ และในวาระสุดท้ายก็สามารถทำการใหญ่ให้ทั้งทวีปสั่นสะเทือน แม้จะต่างกันในแง่ของการถูกยกย่องกับการถูกประณาม แต่ก็ทำให้ตนเองเป็นที่จดจำได้สำเร็จ

 

[“ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยายแก่นั้นก็รักษาวิถีชีวิตของตัวเองไว้ ใช้ชีวิตตามใจอยากจนแก่เฒ่า ส่วนแกก็แค่เดินบนเส้นทางของคนอื่นจนไม่มีอนาคต เพียงเพราะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แกมีปัญญาทำได้แค่นี้จริงดิ?”]

“มันไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับคนอย่างฉันหรอก!”

[“ถึงได้บอกว่าแกมันไอ้เด็กไร้สมองไง เด็กน้อยที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น”]

“ไม่ใช่เด็กแล้วนะ! แกต่างหาก เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง อย่างมาพูดดีไปหน่อยเลย!”

[“คนที่ใช้อารมณ์เพราะอยากเถียงให้ชนะสัตว์ตัวหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้วเป็นอะไร? ข้าเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งก็จริง แต่รู้หรือเปล่าว่าข้าเห็นโลกเห็นผู้คนมามากมายก่อนแกจะเกิดซะอีก? คำแนะนำจากรุ่นพี่น่ะ แกคิดจะฟังบ้างไหม?”]

 

   หลังจากพูดจบ ทั้งสองต่างก็เงียบลง ชินนิก้มหน้าสักพักก่อนจะหันกลับมามองโคคุมารุและพูดด้วยน้ำเสียงปราศจากความลังเล

 

“…มันเลยจุดที่ถอนตัวได้มานานแล้ว พวกเราเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”

[“เอาเถอะ ตามใจแกก็แล้วกัน ถ้าจนป่านนี้แล้วยังคิดว่าท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์เห็นแกเป็นศัตรู แกมันก็เกินเยียวยาแล้วล่ะ”]

 

  โคคุมารุพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้และบินจากไป

 

“เดี๋-…”

 

   ชินนิเอื้อมมือออกไปเหมือนพยายามคว้าตัวโคคุมารุ แต่ก็หยุดไว้กลางคัน เพราเธอก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำเช่นนั้นทำไม

 

  หลังจากนั้น ชินนิก็ถูกทิ้งไว้คนเดียวอยู่ริมลำธาร นอกจากเสียงน้ำที่ไหลลงมาจากยอดเขามังกรแล้ว ก็ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นให้ได้ยิน ราวกับโลกนี้เหลือแต่เธอเพียงคนเดียว

 

“ท่านผู้สาปแช่ง…”

 

   ชินนินั่งลงบนก้อนหินใกล้ๆ เรียกหาอาจารย์ของเธอ และแน่นอนว่าไม่มีคำตอบ

 

   เวลาผ่านไป ชินนิยังนั่งอยู่ที่เดิม ดวงอาทิตย์ขึ้นจนสุดและลงต่ำจนหายลับไปจากท้องฟ้า ดวงจันทร์ขึ้นมาแทนที่ ชินนิตัดสินใจกลับไปที่ถ้ำ และเนื่องจากใกล้จะถึงคืนจันทร์เพ็ญ แสงสว่างจึงมากพอให้ชินนิเดินกลับได้อย่างปลอดภัย

 

   จากที่เคยคิดว่าจะได้เจอกับภูมิประเทศที่มีแต่ทางลาดชันขรุขระอันตราย จากสถานที่ที่ถูกเรียกว่า ‘ยอดเขามังกร’ แต่เส้นทางจากลำธารไปจนถึงถ้ำที่อยู่อาศัยก็มีทางเดินที่ถูกทำมาอย่างดี ชินนิเข้าใจว่าเป็นเพราะฝูงหนูทำการปรับสภาพพื้นที่เพื่อให้มนุษย์อาศัยอยู่ได้โดยไม่ลำบาก

 

   การไปให้ถึงถ้ำของเซเลนก็ทำได้ง่ายดายด้วยเส้นทางที่ชัดเจน และถึงจะอยู่ไกลก็ไม่มีทางหลงเพราะถูกนำทางด้วยแสงสว่างที่แผ่ออกมาตามทางเป็นระยะ คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำมาจากพืชเรืองแสงที่หาได้ในป่าสีขาว ชินนิถูกแสงสว่างอันอ่อนโยนเหล่านั้นล้อมรอบร่างเอาไว้ตลอดทาง

 

“ยินดี ต้อนรับกลับ!”

“…ก-กลับมาแล้ว”

 

   ทันทีที่ชินนิกลับมาถึงถ้ำที่พัก เซเลนก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ไม่แปลกที่แม้แต่โคคุมารุยังดูออก เซเลนคนนี้ถึงจะรู้ตัวจริงของเธอก็ไม่คิดรังเกียจ เธอดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นชินนิกลับมา

 

“ได้เวลา ไปนอน!”

“เอ๋?”

“สัญญาไว้ ตอนเช้า”

 

  อาจจะจะดูเหมือนเป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียวอยู่บ้าง แต่เซเลนก็จับมือชินนิดึงเข้าไปข้างใน เนื่องจากชินนิโตกว่าถึงสองปี หากคิดจะขัดขืนก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

 

   ด้านในสุดของถ้ำที่เซเลนพาเข้ามา มีเตียงทำจากฟางและใบไม้ เป็นที่ที่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ ดูเหมือนเดิมทีมันจะเตียงของเซเลน และเมื่อมาถึง เซเลนก็กระโดดขึ้นไปนอนทันที

 

“เข้ามา! เข้ามา!”

“…”

 

   เซเลนร้องเรียกด้วยรอยยิ้มอันสดใส นอนชิดขอบข้างหนึ่งของเตียงและเอามือตบลงบนเตียงอีกครึ่งที่ว่างอยู่ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คิดได้ว่าต้องการให้ไปนอนข้างๆ ดวงตาของเซเลนที่มองมามีแต่ความไร้เดียงสา กลับกัน ดวงตาของชินนิดูเลื่อนลอยยิ่งนัก

 

“(มีแต่ช่องว่าง… ตอนนี้คงฆ่าได้ง่ายๆ)”

 

   ในเสื่อคลุมของชินนิมีมีดพกอยู่หนึ่งเล่ม เป็นของที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในป่าสีขาว เป็นมีดที่มีไว้ใช้งานทั่วไป แต่มันก็เพียงพอสำหรับแทงทะลุเนื้อหนังของเด็กตัวเล็กๆอย่างเซเลนได้

 

“ชินนิ มีอะไร หรือปล่า?”

“…”

 

   เพียงแค่ชักมีดออกมา แทงมันลงไปกลางหัวใจของคนที่อยู่เบื้องหน้า และทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสวยงาม ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ถูกขัดขวางไว้ด้วยความรู้สึกในใจของชินนิเอง

 

   ในหนังสือของมูลนิธินักบุญเซเลนมีถูกมารีเบลยัดเยียมาให้ มีการบรรยายถึงความรู้สึกของมารีเบล เฮลิฟลาเต้ในตอนที่เธอสูญเสียเพื่อนสนิทที่เป็นดั่งน้องสาวของเธอ ความตายของเจ้าหญิงแสงจันทร์ทำให้เธอทุกข์ทรมานกับความโศกเศร้า จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะเลิกร้องไห้ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผลงานของเซเลนคงอยู่ตลอดไป

 

   ในส่วนของอาลัว อาร์คุยล่า ที่ขายน้องสาวของตัวเองเพื่อให้ได้เข้าเรียนที่สถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ แต่ความรักของคนในครอบครัวก็ไม่มีวันถดถอย เธอจึงเห็นชินนิเป็นเหมือนตัวแทน แม้จะเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อม วางตัวได้สาบูรณ์แบบแค่ไหน หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องสาวที่เสียไปแล้วของเธอ ก็จะแสดงความหดหู่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด

 

   อีกทั้ง องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ มิลาน เฮลิฟาลเต้ ผู้มากความสามารถ ชายหนุ่มที่โด่งดังไปทั่งทวีป แต่ก็ยังยึดติดกับเรื่องเพ้อฝันที่ว่า ‘อยากให้เธอตื่นขึ้นมากล่าว อรุณสวัสดิ์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น’ จนไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ เป็นเพียงชายหนุ่มผู้ไม่รู้จักโต ห่างไกลจากการเป็นผู้นำที่ผู้คนฝากฝัง

 

   ทั้งหมดจะจบลงทันทีที่แทงมีดเล่มนี้ลงไป ใช่แล้ว มันคือการแก้แค้นให้ผู้สาปแช่งได้สำเร็จ นั่นคือเหตุผลหลัก ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อมาให้ถึงยอดเขามังกรก็เพราะการนี้

 

   —แต่ไอ้นกโง่อวดดีกลับพูดก่อนจะหนีไป ว่า

 

‘ท่านผู้สาปแช่งอย่างนั้น ท่านผู้สาปแช่งอย่างนี้ ไหนลองบอกเป้าหมายสำหรับตัวแกเองโดยไม่ต้องอ้างคนอื่นมาสักเรื่องสิ!’

 

“…สำหรับตัวเอง”

 

   ชินนิมองไปที่เซเลน ยืนนิ่งไม่ขยับ เซเลนเหมือนจะคาดหวังให้เธอเข้าไปนอนด้วยกันเป็นอย่างมาก และยิ่งรอนานก็ยิ่งงอนแก้มป่องเหมือนไม่พอใจขึ้นทุกที

   เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ และแล้ว ชินนิก็เข้าไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆเซเลน

 

“สัญญาแล้วก็ได้”

“สำเร็จ!”

 

   พอได้เห็นเซเลนแสดงอาการดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง ชินนิเก็บมืดไว้ในเสือคลุมตามเดิม จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก และเอนตัวลงนอน

 

“ดีจริงๆ ได้เจอ ชินนิ”

“พูดแบบนี้กับคนอย่างฉัน ท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์คิดอะไรอยู่กันแน่?”

 

   ไม่ว่าอย่างไร ชินนิก็ต้องการจะรู้ว่าเซเลนคิดกับตนตามที่พูดไว้จริงหรือไม่ จึงได้ถามย้ำไปอีกครั้ง หากคำตอบฟังดูมีพิรุธ ชินนิก็จะตัดสินใจทำตามแผนการของตนเองต่อหลังจากเด็กคนนี้หลับ

 

“ชินนิ”

“…อะไร?”

“จะได้ อบอุ่น”

 

   เซเลนตอบออกมาเพียงแค่นั้นและกอดชินนิเอาไว้ ถึงจะไม่ได้กอดแน่นมากนัก แต่ชินนิก็ไม่สามารถขยับตัวหนีไปจากอ้อมกอดของเซเลนได้เลย

 

   พอได้ลองคิดดูแล้ว นี่อาจจะเป็นการโอบกอดด้วยความรักที่ชินนิไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง แม้กระทั้งจากผู้สาปแช่งคนนั้นก็ตาม

 

“อบอุ่น… สินะ”

 

   ความอบอุ่นที่ได้รับจากเซเลน ละลายไปถึงหัวใจที่ถูกสาปของเธอ และแน่นอนว่า ‘อบอุ่น’ สำหรับเซเลนนั้นจะหมายถึงอุณหภูมิ ตรงตัว ไม่ได้คิดในแง่ของการเติมเต็มหรือความรู้สึกข้างในแม้แต่น้อย

 

   หลังจากเซเลนได้ชินนิมาเป็นหมอนข้าง เธอก็หลับลงไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ถึงปรกติจะเป็นคนเชื่องช้า แต่ถ้าเกี่ยวกับการนอนหลับก็ไม่มีใครเร็วไปกว่าเธอ

 

“นี่ก็ได้เวลานอนของเราแล้วเหมือนกัน”

 

   ชินนิหาวและผล็อยหลับไปไล่เลี่ยกัน ภายใต้การจับตามองของเงาดำสองเงาที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาเฝ้าดูอยู่เงียบๆจนทั้งสองหลับลงไป

 

[“เป็นเด็กที่ค่อนข้างหัวแข็งนะครับ”]

[“ช่วยไม่ได้ ให้เปลี่ยนใจกันทันทีคงไม่ไหว แต่อย่างน้อยก็มีแววรอดแล้วล่ะนะ”]

 

   ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด บัตเลอร์และโคคุมารุจะเข้าไปห้ามชินนิก่อนจะลงมือ ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่ใกล้ที่สุดมาตั้งแต่แรก

 

[“ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะคุณโคคุมารุก็ช่วยไปพูดให้ เรื่องนั้นคงต้องขอขอบคุณ”]

[“ข้าไม่ได้ไปพูดให้มันเปลี่ยนใจ ไอ้เด็กนั่นต้องคิดได้ด้วยตัวเอง ยังไงซะ เป้าหมายในชีวิตมันก็เป็นเรื่องของใครของมันอยู่ดี”]

[“เด็กคนนี้จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกในใจขององค์หญิงได้แน่ หากทำให้นึกถึงความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นขึ้นมาได้ องค์หญิงก็จะอยากกลับไปหาคนที่รอเธออยู่ในดินแดนของมนุษย์ นี่ก็ต้องขอบคุณคุณโคคุมารุเหมือนกัน”]

 

   บัตเลอร์พูดอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเซเลนต้องการพลัง ไม่ใช่ตัวกระตุ้น หากได้รับพลังอันแข็งแกร่งเมื่อไหร่ก็จะกลับไปเอง

 

[“เรื่องของแกสิ ข้าจะไปนอนแล้ว ไม่ใช่นกหากินกลางคืน”]

 

   โคคุมารุเข้าไปซุกตัวอยู่ที่โพรงหินที่ผนังภายในส่วนลึกของถ้ำ ตัดบทสนทนากับบัตเลอร์ไว้เพียงแค่นั้น เขามีส่วนคล้ายเจ้านายคนปัจจุบันอยู่บ้าง ตรงที่ไม่ชินกับการถูกชื่นชม

 

   เช้าวันถัดมา ชินนิตื่นขึ้นมาพร้อมกับหมอกในยามเช้า ตั้งแต่เหตุการณ์ความสูญเสียเมื่อสองปีที่แล้ว ทุกๆคืนเธอจะพบกับฝันร้ายซ้ำๆจนหลับสนิทไม่ลง แต่ครั้งนี้เธอนอนหลับอย่างเต็มอิ่มได้อย่างง่ายๆ

 

  ชินนิลูบดวงตาของเธอที่ยังเบลอจากการตื่นนอนและได้เห็นเด็กสาวสีขาวนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย เพราะไม่เคยมีเพื่อนที่ใกล้ชิดถึงขั้นที่นอนด้วยกันมาก่อน เธอค่อยๆแกะเซเลนที่กอดเธอเอาไว้ทั้งคืนออกโดยที่ไม่ทำให้ตื่น เมื่อลุกออกจากเตียงก็รู้สึกได้ว่าสภาพร่างกายของเธอสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว

 

[“ดูเหมือนจะหลับสบายทั้งคืนเลยนะ”]

“อย่าคิดเอาเองสิ”

 

   คำทักทายแรกในยามเช้าที่ชินนิได้รับ มาจากโคคุมารุที่อยู่ในโพรงหินขนาดพอดีตัว เหมือนกับว่าที่ตรงนั้นเป็นรังชั่วคราวของเขาไปแล้ว

 

[“เปลี่ยนใจล้มเลิกแผนสังหารท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์ไปแล้วสินะ เพราะข้าไปพูดแทงใจดำล่ะสิ”]

“ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก ที่ปล่อยไว้ก็เฉพาะตอนนี้เท่านั้น”

[“หา?”]

 

   โคคุมารุเอียงคอสงสัย ชินนิไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่ออธิบายเป็นคำพูด และแล้ว อีกพักหนึ่งจึงเริ่มพูดต่อ

 

“ตอนนี้ได้รับความไว้วางใจมาได้แล้วในระดับหนึ่ง จะลงมือฆ่าเมื่อไหร่ก็ทำได้ทันที ชีวิตของเธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ถ้าปล่อยให้เติบโตกว่านี้ ให้เจ้าหญิงแสงจันทร์กลับไปทำประโยชน์ให้มากกว่านี้ แล้วค่อยฆ่าในตอนที่เธอรุ่งเรื่องถึงขีดสุด ผู้คนจะสิ้นหวังยิ่งกว่า”

[“หืม… เอ๋…”]

“มีอะไรก็พูดมา! มีปัญหากับแผนของฉันหรือไง!?”

[“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ข้าก็แค่คิดว่าแกนี้มันอ้อมค้อมซะจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”]

 

   เมื่อถูกโคคุมารุหัวเราะเยอะ ชินนิหันไปคว้าไม้เท้าประจำตัวที่พิงอยู่ข้างผนังและหวดลงไปอย่างรวดเร็ว แต่โคคุมารุก็แค่หดตัวกลับเข้าไปในโพรง จึงมีเพียงเสียงทุบดินทื่อๆเท่านั้น

 

“อุ หน้าอก ไปไหนแล้ว…?”

 

   ระหว่างนั้น เซเลนละเมอหาสัมผัสอันนุ่มนิ่มที่ขาดช่วงไป ความอบอุ่นที่ลุกออกไปนั้น ส่งผลกับเธอถึงในฝัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+