[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 3 สวรรค์

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 3 สวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซเลเน่ อาคุยล่าร์นั้นมีความทรงจำของชาติก่อนอยู่

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่สำคัญขนาดนั้น ประเทศที่เกิดก็คือญี่ปุ่น คนธรรมดาที่ไม่มีพรสวรรค์ไม่มีอะไรแปลกๆเลย เพศของชาติก่อนก็เป็นผู้ชายอะไรประมาณนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนั่นก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตัวตนที่อยู่ตรงนี้มีเพียงแค่เซเลเน่ อาคุยล่าร์เท่านั้น

ในตอนที่ยังไม่เกิดที่ราชอาณาจักรอาคุยล่าร์ ความทรงจำในฐานะคนญี่ปุ่นของเซเลเน่นั้น ก็คิดไว้ว่าชีวิตใหม่นี้จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ แต่ว่าความเป็นจริงนั้นการที่มีความทรงจำในอดีตถือเป็นสิ่งที่ค่อยข้างเป็นปัญหา ถึงจะด้วยการที่ใช้ชีวิตในร่างผู้หญิงมาถึง8ปีแล้วความรู้สึกแปลกๆกับร่างเนื้อก็หายไปแล้ว แต่ว่าปัญหาก็คือด้านจิตใจ

สำหรับเซเลเน่ที่เกิดมาก็มีความทรงจำในอดีตอยู่แล้วนั้น แม่แท้ๆก็เป็นเหมือนกับ[คุณป้าสายเลือดเดียวกันที่ไม่รู้จัก] สำหรับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่นั้นเธอเลยสร้างระยะห่างเนื่องจากไม่รู้จะต้องคุยอย่างไรดี แถมการกระทำที่เป็นเรื่องที่ควรสำหรับคนญี่ปุ่นนั้น ที่ต่างโลกแล้ว โดยเฉพาะเด็กมันถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ตอนที่เขารู้ตัวคือตอนหลังจากนั้น

แล้วก็เกี่ยวกับเรื่องการพูด สำหรับเซเลเน่แล้วถือเป็นเรื่องยาก
สำหรับเธอที่เรียนภาษาอังกฤษมาถึงหกปีแล้วยังรู้แค่งูๆปลาๆแล้วภาษาต่างโลกนั้น ก็ไม่ต่างกับให้ไปคุยกับมนุษย์ต่างดาวสักนิด

แถมปกติก็ไม่ค่อยได้สัมผัสผู้คนด้วยโอกาสที่จะฝึกก็เลยไม่มี ความลำบากแปดปีนั้น จนในที่สุดก็ฟังได้ก็จริง แต่การนำคำมารวมกันในหัวแล้วพุดออกจากปากนั้นทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผลสุดท้ายก็เลยเป็นพูดได้แต่แบบเด็กอ่อน

แล้วก็ด้วยเรื่องหลายๆอย่างเซเลเน่ก็ถูกองค์ราชินีทำให้กลายเป็นนักโทษ แต่ว่าสำหรับเซเลเน่นั้นถ้าถามว่าความทรงจำในชาติก่อนเป็นคำสาปหรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ สำหรับเซเลเน่สิ่งที่เหลือจากชาติก่อนนั้นถือว่าเป็นดั่งคำอวยพร

ถ้าเกิดเซเลเน่ไม่มีความทรงจำเป็นเด็กสาวธรรมดาล่ะก็คงไม่อาจจะทนการกักกันเช่นนี้ได้แน่ อาจจะบ้าคลั่งไปก็ได้ แต่สำหรับเซเลเน่ที่ชาติก่อนเป็นฮิคิโคโมริอัจฉริยะแล้ว การถูกกักกันแบบตอนนี้ถือเป็นพื้นที่ที่รู้สึกสบายใจเป็นที่สุด

ถึงจะบอกว่ามันคับแคบสกปรกเกินไปสำหรับชนชั้นสูงก็เถอะ แต่เมื่อเทียบกับห้องแฟลตโกโรโกโสที่ตัวเองในอดีตเคยอยู่แล้วถือว่ากว้างและสะอาดกว่ามาก แค่นอนอย่างเดียวก็มีอาหารสามมื้อมาเสริฟถึงที่ แถมไม่จำเป็นต้องแข่งกับเวลา เดินทางหรือไปทำงานอะไร

นอกจากนั้นบางครั้งพี่สาวผู้งดงามและอ่อนโยนก็มาแสดงความเห็นใจ แล้วก็เอาของพวกหนังสืออย่างนิทานภาพหรือขนมมาให้ ยิ่งกว่านั้นยังเอาหน้าอกนุ่มๆหอมๆนั่นมากอดตัวเองอีก สำหรับเซเลเน่ที่โตมาโดยเครียดแค้นคำว่าคริสมาสอีฟและวาเลนไทน์แล้วนั้นราวกับได้เข้าไปในแดนต้องห้ามเลยทีเดียว

หรือก็คือห้องขังที่เรียกว่านรกได้นี่สำหรับเซเลเน่แล้วก็คือสวรรค์ดีๆนั่นเอง แต่ว่าถึงเซเลเน่จะเป็นฮิคิโคโมริของแท้แค่ไหนพอถูกขังอยู่อยู่มาหลายปีในห้องมืดๆทั้งวันคนเดียวแน่นอนว่าสุดท้ายก็ต้องเบื่อ

การมาของอัลเลนั้นถือว่าเป็นการแอบเข้ามาดังนั้นก็เลยมาสักครั้งในรอบหลายวัน แต่ว่าเซเลเน่นั้นก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอะไร–เซเลเน่ยื่นมือออกไปรับเงาสีดำเล็กๆที่เข้ามาใกล้

"มาสิ บัตเลอร์"
[ขอรับ มาตามที่เรียกแล้วขอรับ องค์หญิง]

ร่างจริงของเงาดำก็คือ หนูหนึ่งตัวที่ขนาดพอๆกับฝ่ามือของเซเลเน่
ทั่วร่างปกคลุมด้วยขนมันเงาสีดำ บริเวณคอถึงท้องมีขนสีขาวงอกออกมา แล้วก็บริเวณหน้าอกนั้นติดริบบิ้นสีแดงราวกับว่ากำลังพ่อบ้านสวมชุดทักซิโด้อยู่ สิ่งนี้คือสิ่งที่เซเลเน่เรียกว่าบัตเลอร์

[ไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องน่าเศร้านะขอรับ คุณพี่สาวก็เป็นผู้ที่งดงามอยู่หรอก แต่ผู้ที่งามเลิศแบบองค์หญิงกับไม่ได้ออกไปงานเต้นรำเนี่ย…]
"ไม่อยากออก สักหน่อย"

บัตเลอร์พึมพำด้วยความไม่พอใจ แต่เซเลเน่ก็ส่ายหน้าให้โดยไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าอะไร ไม่ใช่ว่าเข้มแข็งอะไร แต่สำหรับเธอที่ไม่ชอบการออกสังคมแล้วย่อมไม่อยากที่จะออกไปในแวดวงสังคมภายนอก

[แต่ว่าองค์หญิง! บัตเลอร์ผู้นี้ยังไงก็รับไม่ได้ขอรับ! คนอ่อนโยนแบบองค์หญิงทำไมถึงต้องโดนกระทำแบบนี้กันขอรับ ผู้ที่ยื่นมือมาหากระผมผู้ที่ถูกเรียกว่าสัตว์น่าขยะแขยงมีแต่ท่านแท้ๆนะขอรับ!]
"ไม่ได้อ่อนโยน สักหน่อย"

เทียบกับบัตเลอร์ที่กำลังหัวร้อนเซเลเน่นั้นก็ยังคงใจเย็นตอบ ความจริงตอนที่ได้พบบัตเลอร์ครั้งแรกมันก็ไม่ได้โรแมนติกอะไร ก็แค่เซเลเน่ช่วยบัตเลอร์ออกมาจากกับดักหนูที่ตั้งอยู่มุมห้องเท่านั้นเอง พอได้เห็นหนูที่กำลังกลัวถูกขังในกับดักแคบๆทรมานๆแล้วก็รู้สึกหัวอกเดียวกันขึ้นมา แถมก็ว่างด้วย ก็เลยแค่คิดไว้ว่าจะแอบเลี้ยงดูสักหน่อย

[องค์หญิงผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่ช่วยชีวิตของกระผม แบ่งพลัง และมอบสติปัญญามาให้ อา ถ้ากระผมมีพลังของมังกรล่ะก็คงจะสามารถทำลายคุกพรรค์นี้ได้ง่ายๆแท้ๆ!]

เพราะท่าทางแปลกๆของบัตเลอร์ที่กอดขาหน้าร่ายบทกวีอยู่บนฝ่ามือก็ทำให้เซเลเน่ยิ้มออกมา ถึงจะช่วยชีวิตก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้มอบสติปัญญากับพลังให้สักนิด อยู่ๆมันก็เป็นแบบนี้เองเท่านั้น

ราชวงศ์ส่วนใหญ่ในโลกนี้นั้นมีพลังพิเศษที่เรียกว่า[พลังเวท]อยู่
ถึงจะไม่ใช่[เวทมนต์]พวกการโจมตีด้วยลูกไฟหรือสร้างพายุ แต่เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ทำให้แผลรักษาตัวได้เร็วขึ้น เป็นความสามารถที่แตกต่างกับไปตามประเทศ ผนึกประตูที่ขังเซเลเน่ไว้ก็เช่นเดียวกัน

เซเลเน่ที่มีเลือดของเชื้อพระวงศ์นั้น แน่นอนว่ามีความสามารถแบบนั้นอยู่ แต่ว่าเรื่องนั้นแม่แต่เจ้าตัวก็ไม่ล่วงรู้

บัตเลอร์ที่ร่วมกินนอนกับเซเลเน่ แล้วก็ได้รับอาหารจากอาหารที่เหลืออยู่ของเซเลเน่ จนอยู่มาวันหนึ่งก็กลายเป็นหนูที่มีพลังเวทกับความฉลาดไป เพราะฉะนั้นในตอนที่บัตเลอร์อยู่ๆก็พูดออกมานั้นทำเอาเซเลเน่ตกใจจนตัวปลิวเลยทีเดียว

แล้วก็บัตเลอร์ที่มีความฉลาดเหมือนมนุษย์แล้ว สำหรับเซเลเน่ถือเป็นเพื่อที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาแทนได้

ในวันหนึ่ง เขาก็ขอร้องให้เซเลเน่ตั้งชื่อให้ เซเลเน่นั้นมองดูจากรูปร่างสีดำของเขาแล้วมอบนามให้ว่าบัตเลอร์(พ่อบ้าน) ตั้งแต่นั้นมาบัตเลอร์ก็คอยรับใช้อยู่ข้างๆเซเลเน่ และเชื่อฟังคำสั่งประดุจพ่อบ้านจริงๆ

"คำพูดนั้น พอสักที สวรรค์ อยากไป"
[โอ้ นั่นสินะขอรับ! ถ้าอย่างนั้นไม่รีบไม่ได้แล้วสินะขอรับ องค์หญิง เชิญที่ประตูได้เลย]
"อืม"

บัตเลอร์เตรียมพร้อมแล้ว แต่เซเลเน่นั้นไม่ได้ยืนอยู่ที่ประตูเหล็กแต่อย่างใด เธอยืนอยู่หน้าหน้าต่างเล็กๆที่ใช้รับแสงเข้ามา
เธอเขย่งเท้าเต็มที่ ปีนหน้าต่างที่ไม่ค่อยมั่นคงขึ้นไป ก็พบกับจันทร์เต็มดวงส่องประกายสีแสงสีอ่อนๆ

[คืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะขอรับ จะต้องส่องแสงปกคลุมทางเดินขององค์หญิงอย่างอ่อนโยนแน่นอนขอรับ]

บัตเลอร์กระโดลงจากไหล่ของเซเลเน่ราวกับนักกายกรรม แล้วก็ส่งเสียงร้อง คี๊ เบาๆ หลังจากนั้นก็มีหนูจำนวนมากเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดอยู่ของเซเลเน่ พวกเขาที่ปกติแล้วจะอาศัยอยู่ในป่านั้นนับถือบัตเลอร์ให้เป็นหัวหน้า

หน่วยคุ้มกับองค์หญิงเซเลเน่ จากที่บัตเลอร์พูดดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น

[พวกนาย ล้างตัวมาดีแล้วสินะ? ห้ามทิ้งขนแม้เพียงเส้นเดียวที่เตียงขององค์หญิงเด็ดขาดนะ!]

บัตเลอร์พูดออกมาด้วยเสียงที่ดูมีภูมิฐาน เหล่าหนูก็ร้องออกมาราวกับแสดงความเคารพ แล้วก็จัดแถวเรียงหนึ่งมุดเข้าไปในเตียงที่เซเลเน่ไว้นอน
ไม่กี่วินาทีต่อมา ผ้าห่มของเซเลเน่ก็นูนขึ้นมา กลายเป็นรูปร่างราวกับว่าเธอกำลังนอนอยู่ในผ้าห่มนั้น ถึงจะอยู่ในระดับแค่วางใจได้ชั่วคราวแต่ก็ถือเป็นการพรางในตอนที่เซเลเน่ไม่อยู่

"งั้น ตัวแทน ฝากด้วย"
[รับทราบขอรับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีนะขอรับ]

ในห้องนี้นั้นมีทางออกที่เชื่อมกับโลกภายนอกอยู่สองทาง ทางแรกคือประตูเหล็กปิดผนึกแข็งแรง อีกทางหนึ่งก็คือหน้าต่างนี้ ถึงจะเป็นโกดังถูกๆ แต่การลงจากห้องนี้ที่อยู่ชั้นสองนั้นก็สูงในระดับที่ผู้ใหญ่เองยังไม่สามารถที่จะปีนได้ โดยเฉพาะเด็กน้อยเซเลเน่นั้นถ้าไม่มีที่จับล่ะก็ไม่มีทางจะลงไปได้แน่

–ใช่แล้ว ถ้าไม่มีที่จับล่ะก็นะ

"อึ๊บ"

เซเลเน่เอาตัวออกมาจากหน้าต่าง จับเถาไม้เลื้อยที่อยู่ใกล้มือ เถาไม้เลื้อยนั้นค่อยข้างแข็งแรง คนที่ตัวเล็กอย่างเธอแล้วสามารถรับได้หลายคนสบายๆ

สถานที่เซเลเน่อยู่พูดได้ว่าเป็นห้องลับ มีคนจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาใกล้ แถมบริเวณรอบๆนี้เองก็ไม่ได้ถูกสนใจมาเป็นเวลาหลายต่อหลายปีแล้ว

ผลของมันก็คือที่กำแพงของห้องที่เซเลเน่อยู่ก็มีเถาไม้เลื่อยงอกปกคลุม ไม่เลื้อยที่พันทันกันหลายชั้นนั้นสำหรับเซเลเน่มันก็ได้กลายเป็นบันไดธรรมชาติไป ราวกับว่าเทพแห่งป่านั้นเห็นใจเด็กน้อยผู้น่าสงสารจึงยื่นมือออกมาช่วยเซเลเน่อย่างไรอย่างนั้น 

แล้วเซเลเน่ก็ออกมาจากหน้าต่าง ปีนกำแพงลงมาโดยใช้ไม้เลื้อย ในตอนแรกนั้นก็ค่อนข้างรู้สึกกลัวแต่ตอนนี้ก็ชินซะแล้ว ใช้เวลาไม่นานเซเลเน่ก็ลงมายืนบนหญ้านุ่มๆ แล้วก็สูดอากาศบริสุทธิ์ของป่าเข้าไปเต็มปอด

เซเลเน่ที่ร่างกายไม่มีเม็ดสีใดๆแล้ว แสงแดดที่เจิดจ้าก็เหมือนกับพิษร้าย แต่ว่าแสงจันทร์อ่อนๆนั้นคุลมร่างของเซเลเน่อย่างอ่อนโยน เซเลเน่นั้นได้กลายเป็นผู้ที่ปกครองในโลกแห่งราตรีที่ราวกับประเทศในเทศนิยายที่มีตนอยู่เพียงคนเดียว

แล้วก็ในตอนที่ก้าวขาออกไปก้าวหนึ่ง ในฝั่งตรงข้ามของหมู่ไม้ก็มีเสียงดนตรีที่จับใจแล้วก็พระราชวังที่ส่องแสงเจิดจ้าจนเห็นได้ในยามค่ำคืน ถึงจะงดงามเป็นปกติอยู่แล้ว แต่วันนี้นั้นเปล่งประกายยิ่งกว่าทุกๆวันอีก ตอนนี้จัดงานปาร์ตี้ต้อนรับใหญ่โตเพื่อต้อนรับองค์ชายที่ว่าอยู่

"องค์ชายศักดิ์สิทธิ์…" (คนแปลเสริม せいおうじ(ที่พูดช่องนี้)=聖王子(องค์ชายศักดิ์สิทธิ์)=性王子(องค์ชายโรคจิต) อ่านเหมือนกัน แต่ความหมายต่างกันนะครับ เข้าใจแล้วก็อ่านต่อครับ)

กระซิบอย่างนั้น เซเลเน่ก็ทำหน้าราวกับกำลังเคี้ยวแมลง

เรื่องเกี่ยวกับองค์ชายก็ได้ยินมาจากอัลเลหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เมื่อก่อน ดูเหมือนว่าจะลือกันว่าจะมีคิ้วที่งดงาม เชี่ยวชาญทั้งบุ๋นและบู๊ แล้วก็ได้ชื่อที่เหมือนเรื่องโกหกว่าองค์ชายแห่งประเทศมหาอำนาจแห่งหนึ่ง หรือว่าเป็นองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ผู้อยู่ในลู่ทาง ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะกำลังอยู่ในการเดินทางครั้งใหญ่เพื่อตามหาคู่หูที่เหมาะสมกับตัวเองอยู่

ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดนั้นเซเลเน่ก็รู้สึกโกรธจนกระเพาะไหม้ ถ้ามีสเปคขนาดนั้นต่อให้ไม่หาเองก็สามารถรวบรวมภรรยามาใช้แล้วทิ้งได้ตามใจชอบแล้วแท้ๆ เซเลเน่ที่รู้ดีถึงความรู้สึกของผู้ชายที่ไม่มีใครเอายิ่งกว่าใครในโลกนั้นได้แต่เดาะลิ้นด้วยความเกลียดชัง

"แก ไอ้องค์ชายโรคจิต"

อะไรกันไอ้องค์ชายเสเพล ที่ถูกเรียกว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์เนี่ยมันก็ไม่เห็นต่างอะไรกับองค์ชายโรคจิต ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันสักครั้ง แต่เซเลเน่ก็ตัดสินเอาเอง แล้วก็เกลียดเอาเองซะแล้ว

"ท่านพี่ จะเป็นไรหรือเปล่า"

จะองค์ชายศักดิ์สิทธิ์หรือองค์ชายโรคจิตก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนสักนิด เซเลเน่นั้นรู้สึกเป็นห่วงเรื่องของพี่สาว เสด็จพี่ผู้ใสซื่ออ่อนโยนคนนั้น ยอมทำทุกอย่างเพื่อตนอย่างเร่งรีบจนจะถูกเขี้ยวพิษเล่นงานเอาได้ไม่ใช่หรือไงกัน

ถึงอย่างนั้นเรื่องที่ตนทำได้ก็ไม่มี สำหรับเซเลเน่ ทั้งองค์ชาย ทั้งปาร์ตี้เลิศหรู มันก็ไม่ต่างจากเรื่องเล่าในพระราชวังแห่งหนึ่งเลยสักนิด

เซเลเน่ถอนหายใจออกมา เขย่าหัวเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกตัวเอง การเคลื่อนไหวข้างนอกของตนเองนั้นมีเวลาแค่จนกว่าจะถึงพลบค่ำที่จะไม่มีใครมาพบเท่านั้น ฉะนั้นก็มาให้ความสำคัญกับการสนุกไปกับความเป็นจริงดีกว่า

เป้าหมายก็คือสถานที่ที่เซเลเน่กับบัตเลอร์เรียกกันว่า[สวรรค์]
เซเลเน่สะบัดความคิดที่อยู่ในหัวทิ้งไป แล้วก็มุ่งเข้าไปข้างในป่าที่รู้จักดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 3 สวรรค์

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 3 สวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซเลเน่ที่ทำการแหกคุกประจำวันสำเร็จ ความรู้สึกก็ค่อยๆเย็นขึ้น ความคิดถูกชำระล้างในระหว่างที่เดินไปในป่าอันเงียบสงบ แล้วก็คิดขึ้นมาว่าโอกาสที่พี่สาวสุดที่รักจะเป็นเหยื่อขององค์ชายโรคจิตนั้นต่ำสุดๆ

หนังสือที่อัลเลเอามาให้เป็นบางครั้งนั้นส่วนมากเป็นหนังสือภาพกที่เขียนเรื่องประวัติศาสตร์แผนที่ง่ายๆเพื่อให้เซเลเน่ที่ไม่ได้รับการศึกษา ถึงจะรู้ว่าเป็นความรู้ที่ได้จากของสำหรับเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อมูลเกี่ยวกับทวีปนี้อยู่ในระดับหนึ่ง

สิ่งที่เซเลเน่ได้รู้จากหนังสือที่ได้รับมานั้นคือเรื่องที่เมื่อเทียบกับประเทศอันยิ่งใหญ่ขององค์ชายที่กินพื้นที่กว้างของทวีปแล้ว ราชอาณาจักรอาร์คุยล่าร์นั้นเป็นเพียงแค่ปลายสุดทางใต้ของทวีปเท่านั้น ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือประเทศที่เธออาศัยอยู่นั้นก็คือบ้านนอกนั่นเอง

สำหรับเซเลเน่นั้น อัลเลก็เหมือนกับเทพธิดาแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่ แต่ว่ากับองค์ชายเสเพลที่ได้ลิ้มรสสิ่งสวยงามในประเทศต่างๆแล้วนั้นคงไม่มาเลือกอัลเลจากประเทศเล็กๆมาเป็นคู่ ท่านประธานหนุ่มจากเมืองใหญ่ที่มีรถซุปเปอร์คาร์อยู่หลายต่อหลายคันนั้น คงไม่มาซื้อแมงกะไซต์จากหมู่บ้านเล็กๆหรอก พอคิดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมาทันที เซเลเน่ก็เดินเบาๆไปยังที่หมายของตน

สาวน้อยตัวคนเดียวในป่ายามค่ำคืนผู้เดินโดยพึ่งแสงจันทร์แต่เพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะถือว่าอันตรายมาก แต่ว่าเซเลเน่นั้นไม่กลัวสักนิดเดียว ก็เพราะว่ารอบๆตัวเธอนั้นมีพวกหนูจำนวนมากคอยติดตามอยู่

พวกเขาที่เป็นลูกน้องของบัตเลอร์ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญภายในป่าและก็เป็นผู้พิทักษ์ของเซเลเน่ พวกเขานั้นด้วยเครือข่ายขนาดใหญ่จากจำนวนมหาศาลแล้วเพื่อไม่ใช่เกิดอันตรายขึ้นกับเซเลเน่เมื่อเจอสัตว์อันตรายหรือพวกพืชที่ถ้าสัมผัสแล้วจะเป็นพิษแล้วจะแจ้งให้กับเซเลเน่ทันที ดังนั้นแล้วต่อให้เซเลเน่หลับตาเดินก็สามารถเดินอย่างๆสบายๆในป่าทึบแห่งนี้ได้

"ถึงแล้ว"

พอเดินมาขณะหนึ่งภายในป่าลึกที่ไม่ค่อยมีคนจากราชวังเข้ามาใกล้ เซเลเน่ก็หยุดเท้าลง

ภายในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้หนาแน่น มีที่นี่เท่านั้นที่เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆเขียวชอุ่มกว้างออกไปและมีดอกไม้สีต่างๆเบ่งบานอยู่ ตรงใจกลางนั้นก็มีบ่อน้ำเล็กๆ ผิวน้ำที่สงบนั้นก็สะท้อนจันทร์เต็มดวงออกมา บรรยากาศของสวนขนาดเล็กแห่งนี้นั้นคือสถานที่ที่เซเลเน่เรียกว่า [สวรรค์]

"อืม เมล็ด เมล็ด"

เซเลเน่ล้วงมือลงในกระเป๋า แล้วหยิบเม็ดกลมๆเล็กๆ–เมล็ดพืชออกมา ในตอนที่กินอาหารเซเลเน่ก็เห็นเมล็ดของผักและผลไม้แล้วก็เก็บพวกมันไว้ แล้วเซเลเน่ก็ไปหาที่เหมาะๆแล้วใช้สองมือขุดดินนุ่มๆแล้วใส่เมล็ดเข้าไป

ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว เซเลเน่นั้นชอบที่จะปลูกต้นไม้หรือว่าเลี้ยงสัตว์ แต่เพราะอาศัยอยู่ในห้องอพาร์ตเม้นต์ที่ไม่มีระเบียงเลยไม่สามารถทำได้ แต่ต้นไม้กระถางเล็กๆก็มีเรียงรายอยู่มากมายระดับที่ทำได้เลย แต่ว่าตอนนี้นั้นทำได้แค่ในตอนกลางคืนเท่านั้นแถมทำเพียงแค่ให้ชอนไชไปตามใจชอบในพื้นที่กว้างๆ ถึงจะเป็นแบบนั้นสภาพในตอนนี้สำหรับเซเลเน่แล้วถือได้ว่าเป็นสวรรค์

ด้วยสาวน้อยตัวคนเดียว เธอไม่ได้ทำการควบคุมมันทั้งหมด ที่ทำก็มีเพียงแค่ขุดหลุมใส่เมล็ดลงไปเท่านั้น ถึงจะเป็นการทำระดับเดียวกับกระรอก แต่ว่าด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์กับสภาพอากาศทางใต้แล้ว ก็ทำให้พืชพันธ์เจริญงอกงามขึ้นมา ตั้งแต่ที่ถูกขังมาหลายปีในโกดังนั้นเซเลเน่ก็สร้างสวนดอกไม้ลับๆขึ้นมา

"จบแล้ว เริ่ม การฝึก"

พอหว่านเมล็ดที่เตรียมไว้เสร็จ เซเลเน่ก็เริ่มงานประจำวันต่อไป ไปที่ริมบ่อน้ำหลับตาแล้วก็คุกเข่าภาวนา นี่คือการฝึกเวทด้วยตัวเองที่เซเลเน่คิดทึกทักเอาเอง เพราะว่ามีสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทอยู่ก็เลยอยากจะลองใช้บ้าง แต่ว่าก็ไม่มีใครสอนวิธีใช้ให้เซเลเน่ก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองดู

"ราเมง โซเมง โคเปนเฮเกง…"

เซเลเน่ท่องคาถาพึมพำโดยการเอาคำง่ายๆมาเรียงกันตามใจชอบจนดูเหมือนเวทมนต์ที่รู้จัก
ถ้าเกิดลองตั้งสมาธิสวดภาวนาอะไรแบบนี้แล้วพลังแห่งพื้นดินกับพลังวิญญาณจะทำให้เมล็ดพันธุ์มีพลังตื่นขึ้นมาทันทีได้ ด้วยความหวังเล็กๆในใจนั้น วันนี้เซเลเน่ก็ยังคงพยายามทำอะไรที่เปล่าประโยชน์อย่างขยันขันแข็ง

แต่ว่าต่อให้ผ่านไปร้อยปีก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ระหว่างทางเธอก็รู้สึกรำคาญแล้วก็เลิกไปตอนราวๆ30นาทีทุกครั้ง วันนี้หลังจากจบการฝึกนั้น ก็ไปหาจับตั๊กแตนรูปร่างดีกลับไปให้บัตเลอร์เหมือนกับทุกครั้ง

"ภาวนาอะไรขนาดนั้นเหรอครับ? หรือว่านั่นมันเป็นบทเพลงอะไรสักอย่างกันน่ะครับ? คุณภูติแห่งจันทราผู้งดงาม"

อยู่ๆก็มีเสียงมาจากข้างหลังทำเอาเซเลเน่สะดุ้งแล้วก็ตัวสั่น พอรีบหันกลับไปดูก็ต้องตกใจ

ในตอนที่เซเลเน่ตั้งสมาธิกับการฝึกภาวนาด้วยตัวเองนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ อยู่ในวัยที่เรียกได้ว่าชายหนุ่ม รูปร่างสูงเพรียว ผมสีพลาทิน่าบลอนด์สดใสภายใต้แสงจันทร์ แล้วก็รอยปักรูปนกอินทรีย์สีทองสีเดียวกันปักอยู่ กำลังสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่เท่าที่เห็นก็รู้ว่าทำจากวัตถุดิบชั้นสูง

แต่ว่าเมื่อเทียบกับใบหน้าอันงดงามนั้น ก็ทำเอาเครื่องประดับทุกชนิดที่ติดอยู่หมอง เป็นความงดงามถึงขนาดนั้นทีเดียว เพื่อไม่ให้เซเลเน่กลัวชายหนุ่มก็ยิ้มอ่อนๆขึ้นมาแล้วก็เข้าไปใกล้เซเลเน่

"ขออภัยที่อยู่ๆก็พูดเข้ามาโดยเสียมารยาทนะ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็อยากจะดูเธอใกล้ๆน่ะครับ"

ขณะที่พูดราวกับนักกวีที่ขับขานบทเพลงชายหนุ่มก็ทำการยิ้มออกมาอย่างดงาม ถ้าเป็นผู้หญิงด้วยท่าทางอย่างเดียวนี้ก็คงเป็นรอยยิ้มสเน่ห์ที่ทำให้หัวใจละลายกันเลยทีเดียว

–ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะนะ

"เกลียด!"

เซเลเน่ร้องปฏิเสธออกมาเสียงดัง แล้วก็วิ่งหนีไปราวกับกระต่าย
ถึงแม้คำพูดของหญิงสาวจะนอกเหนือจากที่คาดไว้ ชายหนุ่มแสดงสีหน้าตกใจออกมาให้เห็น แต่พอเห็นสาวน้อยที่หันหลังวิ่งแล้วก็รีบยื่นมือเพื่อดึงกลับมา แต่ว่าเซเลเน่ที่เคลื่อนที่ก่อนพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะเข้ามาถึงก็หันตัวกลับแล้วพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้

"เดี๋ยวก่อนสิ!"

ได้ยินเสียงของชายหนุ่มขอร้องมาจากด้านหลังของเซเลเน่ ถึงจะเป็นห่วงว่าจะตาม แต่ว่าเซเลเน่ก็ไม่คิดจะหันกลับไป เธอหนีสุดใจเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อที่จะหนีจากการไล่ล่าของชายหนุ่มแล้วก็คงต้องทำระดับนี้

ที่นี่เป็นที่ราบ ถ้าเป็นตอนกลางวัน สาวน้อยผู้ไร้พลังคงถูกไล่ตามได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าในสภาพที่การมองเห็นถูกความมืดบดบังอย่างนี้ เซเลเน่ที่ป่าแห่งนี้ก็เหมือนกับสวนหลังบ้านของเธอ ทำให้เซเลเน่สามารถหลบหนีจากชายหนุ่มสำเร็จอย่างไม่ลำบากอะไร ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดเท้าลงวิ่งสุดแรงจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมากลับมาที่โกดัง แล้วปีนไม้เถาราวกับกำลังถูกปีศาจไล่ตามอยู่

[โอ๊ องค์หญิง! กลับมาค่อนข้างเร็วนะขอ…]

บัตเลอร์ที่รอคอยการกลับมาของนายที่หน้าต่างมาตลอดตกใจ นายที่ปกติจะฮัมเพลงกลับมาพร้อมกับของฝากให้กับบัตเลอร์และพวกหนูที่คอยเฝ้าบ้านให้อย่างอ่อนโยน

แต่ว่า นายในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น หอบหายใจออกมาแฮ่กแฮ่ก เสื้อกับผมเองก็ยุ่งเหยิงไปหมด แล้วก็ล้มลงหมดแรงบนเตียงไปทั้งๆอย่างนั้น หนูที่เป็นตัวแทนให้เซเลเน่ก็รีบหนีออกมา

[องค์หญิง! เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ!?]
"ทุกอย่าง จบสิ้น ไปแล้ว…"
[เรื่องอะไรขอรับ!? นี่พูดเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอขอรับ!?]

พวกหนูป่าตกใจจนออกหน้าต่างไป บัตเลอร์เองก็สับสนแล้วก็เข้าไปใกล้องค์หญิงที่ฟุบลงไปในหมอน ไม่เคยเห็นนายท่านตอนที่เสียสติขนาดนี้มาก่อนเลย บัตเลอร์นั้นเดินวนไปรอบๆด้วยความเป็นห่วงเซเลเน่ที่ฟุบอยู่บนเตียง

เซเลเน่นั้นหดหู่โดยไม่ได้สนใจบัตเลอร์ทีเป็นแบบนั้นเลย
ต้นเหตุก็มีอย่างเดียว ชายหนุ่มที่พบภายในป่านั่นเอง นั่นคือองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงกันถึงเซเลเน่จะเคยได้ยินแค่จากคำล่ำลือแต่ก็รู้ได้ทันที ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง

"อู๊! พวกต้มตุ๋น! ขี้โกง! เห็นแก่ตัว!"

พอเอาหน้ามุดเข้าหมอนก็ร่ายคำสาปออกมา นั่นมันอะไรกัน นั่นมันราวกับว่าเป็นเจ้าชายเลยไม่ใช่เหรอไงกัน ไม่สิ จริงๆก็เป็นเจ้าชายจริงๆนี่นา แต่ว่าจะให้ยอมรับตัวตนบ้าๆที่ราวกับใช้กรรไกรตัดออกมาจากเกมจีบหนุ่มได้ยังไงกัน ไม่ ไม่ว่ายังไงก็ยอมรับไม่ได้

จากข่าวลือคือเรื่องที่ถูกขยายจากเรื่องจริงออกไป ข่าวลือเรื่ององค์ชายศักดิ์สิทธิ์นั้นสำหรับเซเลเน่มันออกจะดูเกินความจริงออกไปมาก แต่ว่าหมอนั่นที่ได้เห็นกับตาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่เหมาะกับนามที่สองนั้น ถึงจะเชื่อว่าอัลเลที่เป็นพี่สาวนั้นเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ แต่ว่าถ้าถูกหนุ่มรูปงานแบบนั้นมาจีบล่ะก็ต่อให้เป็นรูปปั้นหินเทพธิดาก็อาจจะหลงได้เลยทีเดียว

 

[องค์หญิง ใจเย็นๆขอรับ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าขอรับ? ถ้าไม่ว่ายังไงก็ปรึกษาบัตเลอร์ผู้นี้ได้นะขอรับ?]

เสียงของบัตเลอร์ที่เป็นห่วงนั้นไม่เข้าหูของเซเลเน่เลย ในหัวของเซเลเน่ตอนนี้นั้นมีภาพในอดีตลอยขึ้นมา มันคือเนื้อหาของเกมที่เซเลเน่ในอดีตนั้นชอบ

ใต้จันทร์เต็มดวงงดงาม อากาศเบาสบาย เจ้าชายและเจ้าหญิงวัยเหมาะสมกัน–ให้พูดก็คือสถานการณ์สุดสมบูรณ์แบบ แล้วทั้งคู่ก็จูบกัน แล้วทำอะไรที่ไม่เหมาะกับคนอายุน้อยกว่า18–

"อุว๊ากกกกกกกกกกกกกก!!"
[อะ องค์หญิง! ทำใจให้ดีๆไว้ขอรับ!]

เซเลเน่ดิ้นรนจากสถานการณ์สุดเลวร้ายที่จินตนาการขึ้นมา ขยี้ผมไปมาแล้วก็ร้องไห้ออกมา อา ทั้งๆที่คิดว่าถ้าตัวเองโตแล้วจะสร้างรักต้องห้ามกับท่านพี่แท้ๆ แต่กลับถูกนกบินมาฉกเต้าหู้ทอดไปซะแล้ว

"เซเลเน่! เกิดอะไรขึ้น!? เซเลเน่!"

พอได้ยินเสียงนั้นเซเลเน่ก็เงยหน้าขึ้น ลวดลายผนึกส่องแสงและประตูก็เปิดออก อัลเลผู้เป็นรักแรกของเซเลเน่ก็รีบพุ่งเข้ามาหา ทั้งๆที่อยู่ระหว่างงานเลี้ยงแท้ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ เซเลเน่ก็เลยสับสนและบัตเลอร์ก็รีบเข้าไปซ่อนตัวที่ใต้เตียง

"ท่านพี่ ทำไม…?"
"คือว่า คือ… ยิ่งกว่านั้นนะ เซเลเน่ สภาพนั้น เกิดอะไรขึ้นกันคะ!?"
"…ไม่มีอะไร"
"ไม่มีทางไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอไงกันคะ!"

ผมยุ่งไปมา เสื้อกระรุ่งกระริ่ง สภาพของเซเลเน่นั้นผิดปกติ อัลเลที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาใกล้แล้วเอามือลูบไปที่หน้าของเซเลเน่แล้วก็เบิกตากว้าง ถ้าถามว่าทำไมก็เพราะที่แก้มของเซเลเน่นั้นมีน้ำตาไหลออกมา การได้เห็นน้ำตาของน้องสาวที่ไม่รู้สึกอะไรขนาดถูกแม่ทิ้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกเลย

"ร้องไห้ สินะ…"
"…อืม"

เซเลเน่ยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะมีปัญหาถ้าตอบไปว่าร้องไห้เพราะจินตนาการเหลวไหลถึงเธออยู่ แต่ว่าก็ไม่สามารถบอกว่าไม่ได้ร้องได้ ก่อนที่จะถูกถามเหตุผลเซเลเน่เลยเริ่มพูดบางอย่างเพื่อเลี่ยงประเด็น

"คือว่า เกิดอะไรขึ้น กับท่านพี่?"

แค่ความเกลียดเจ้าชายก็เต็มหัวไปแล้วตอนนี้เซเลเน่เลยพูดออกไปได้เพียงแค่นี้  กับคำพูดที่ออกมาจากความสิ้นคิด อัลเลก็ตอบมาด้วยใบหน้าหม่นหมอง

"…ไม่ไหวค่ะ…องค์ชายไม่หันมามองฉันเลยค่ะ…"
"เอ๊ะ"
"ขอโทษนะคะ…ทั้งๆบอกว่าจะพยายามไปขนาดนั้นแท้ๆ พี่สาว ยั่วยวนไม่สำเร็จค่ะ…"

ราวกับเด็กน้อยที่โดนดุ อัลเลก้มหน้าแล้วพึมพำออกมา
ตอนเย็นนั้น ทั้งๆที่มั่นใจขนาดนั้น เตรียมใจที่จะมอบร่างกายให้กับองค์ชายแล้วแท้ๆ แต่อัลเลก็ทำเรื่องที่ไม่ควรทำหลายๆอย่างไปซะแล้ว ทำให้เส้นด้ายเส้นเดียวที่จะช่วยเซเลเน่นั้นขาดลงไปแล้ว ความจริงเรื่องนี้จะทำให้น้องสาวท้อแท้ลงขนาดไหนกัน

ที่เซเลเน่พูดออกมาว่าไม่ต้องขายตัวเองให้องค์ชายก็ได้ คำนั้นที่อัลเลคิดว่ามันก็คือความเข้มแข็งของเซเลเน่ หลักฐานก็คือในตอนนี้เซเลเน่นั้นกำลังร้องไห้ในห้องนี้อยู่ น้องสาวที่ปกติจะพูดคุยกับตัวเองอย่างสงบนิ่งแต่ทุกคืนนั้นต้องเผชิญกับความทุกทรมานแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเองก็ไม่สามารถทำอะได้ ในหัวใจของอัลเลนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าไม่มีคำแก้ตัวใดๆให้น้องสาวทั้งนั้น เต็มไปด้วยความคิดโทษตัวเอง

พี่สาวที่น่าสมเพชคนนี้น้องสาวจะคิดยังไงกัน ทั้งๆที่พูดออกไปขนาดนั้นแท้ๆแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้จะถูกต่อว่ารุนแรงก็ถือว่าช่วยไม่ได้ อัลเลนั้นคิดแบบนั้น

แต่ว่า มันไม่เป็นแบบนั้น แทนที่เซเลเน่จะตำหนิพี่สาวผู้น่าสมเพชแต่กลับฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา แล้วเซเลเน่ก็ตั้งตัวขึ้นแล้วนั่งบนเตียง

"ท่านพี่ นั่งยองๆ"
"เอ๊ะ…? ยะ อย่างนี้เหรอคะ?"

อัลเลที่ทำนั่งยองตามที่เซเลเน่บอกนั้น ก็สบตากับเซเลเน่ที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเซเลเน่ก็เอามือวนรอบคอของอัลเลแล้วก็กอดแน่นๆ

"จะ จะทำอะไรเหรอ? เซเลเน่?"
"ทนหน่อยนะ"

ด้วยน้ำเสียงไม่สนใจอะไร เซเลเน่ก็เข้าไปที่คอของอัลเล ร่างกายอุ่นๆของเซเลเน่มอบความรู้สึกดีให้กับร่างกายของอัลเลที่กำลังเครียดและรู้สึกแย่อยู่ พอผ่านชั่วขณะหนึ่งไปโดยที่ทั่วคู่ไม่ได้พูดอะไร อยู่ๆเซเลเน่ก็กระซิบเข้ามาที่หูของอัลเล

"เด็กดีเด็กดี"

พอได้ยินคำพูดนั้นความรู้สึกที่ปิดกลั้นในหัวใจของอัลเลก็ทะลักออกมา เซเลเน่นั้นกับพี่สาวผู้ไร้ประโยชน์คนนี้แล้วกลับส่งเสียงอ่อนโยนว่า"โอ๋โอ๋"ราวกับปลอบเด็กออกมา เซเลเน่นั้นไม่สามารถพูดได้ดีนัก เพราะฉะนั้นจึงใช้ท่าทางในการแสดงอารมณ์ค่อนข้างมาก กับตัวเองที่สมควรจะถูกว่าใส่แต่เซเลเน่นั้นกลับเข้ามากอดแล้วให้อภัย ช่างเป็นน้องสาวที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดวงตาของอัลเลนั้นมีน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกมา

"เซเลเน่ อา เซเลเน่…! ฉัน ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ…เพื่อเธอแล้วจะต้องพยายามให้ยิ่งกว่านี้ค่ะ!"
"อย่าพยายามเลย ขอร้องละ"
"ไม่ต้องกังวลก็ได้ค่ะ พวกเรา ไม่ใช่แค่สองพี่น้องธรรมดาค่ะ ตอนที่อยากร้องไห้ จะร้องก็ไม่เป็นไรค่ะ"

ต้องทำตัวสุภาพ กับผู้ชายที่ไม่คุ้นเคย สำหรับอัลเลที่เหนื่อยเต็มที่แล้วนั้น อ้อมกอดของน้องสาวผู้อ่อนโยนนั้นมอบความโล่งใจจำนวนมากให้กับอัลเล แบบนี้มันราวกับว่าตัวเองที่เป็นพี่สาวเป็นฝ่ายอายุน้อยกว่าเลย แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่อัลเลนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องสาวเท่านั้นถึงจะสามารถทำตัวแบบที่ไม่ใช่เจ้าหญิงได้ เรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกดีใจแบบถึงที่สุด

ในทางกลับกันเซเลเน่ก็รู้สึกโล่งใจในอีกความหมายหนึ่ง กับเซเลเน่ที่เป็นเด็กนั้นอัลเลพยายามเก็บเรื่องความรักของผู้ใหญ่ไว้เป็นความลับ เพื่อตรวจสอบเรื่องนั้นแล้วเซเลเน่เลยกอดไปที่คอของอัลเล ขณะที่พอใจกับผิวเนียนนุ่ม ก็ตรวจสอบที่คออย่างละเอียด รอยจูบ–รอยจากเจ้าชายพอตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มี เซเลเน่ก็เลยกระซิบอย่างพึงพอใจ

ว่า"เด็กดีเด็กดี"

อัลเลกับเซเลเน่ในห้องที่ถูกแสงจันทร์สาดส่อง องค์หญิงพี่น้องสองคนที่สนิทกันกำลังกอดกันด้วยความรักของพี่น้องอันงดงาม ทำให้บัตเลอร์ที่มองขึ้นมาจากใต้เตียงยิ้มขึ้นมา

[อืมม แต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?]

บัตเลอร์เอาขาหน้าแตะคางแบบมนุษย์แล้วคิด เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้นั้นเกินที่เขาจะจินตนาการได้ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามหัวใจของนายก็กลับมาสงบแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงถือว่าดีแล้ว พอคิดแบบนั้น บัตเลอร์ก็ยอมรับได้ การไม่สอดรู้สอดเห็นกับเรื่องในหัวใจของนายก็ถือว่าจำเป็นสำหรับตัวเองที่เป็นพ่อบ้าน

เอาล่ะ ทำไมองค์ชายที่ควรจะเข้าร่วมในปาร์ตี้แน่ๆถึงอยู่ในป่า กับทางอัลเลเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็คงต้องย้อนความกันไปสักนิด–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 3 สวรรค์

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 3 สวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซเลเน่ที่ทำการแหกคุกประจำวันสำเร็จ ความรู้สึกก็ค่อยๆเย็นขึ้น ความคิดถูกชำระล้างในระหว่างที่เดินไปในป่าอันเงียบสงบ แล้วก็คิดขึ้นมาว่าโอกาสที่พี่สาวสุดที่รักจะเป็นเหยื่อขององค์ชายโรคจิตนั้นต่ำสุดๆ

หนังสือที่อัลเลเอามาให้เป็นบางครั้งนั้นส่วนมากเป็นหนังสือภาพกที่เขียนเรื่องประวัติศาสตร์แผนที่ง่ายๆเพื่อให้เซเลเน่ที่ไม่ได้รับการศึกษา ถึงจะรู้ว่าเป็นความรู้ที่ได้จากของสำหรับเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อมูลเกี่ยวกับทวีปนี้อยู่ในระดับหนึ่ง

สิ่งที่เซเลเน่ได้รู้จากหนังสือที่ได้รับมานั้นคือเรื่องที่เมื่อเทียบกับประเทศอันยิ่งใหญ่ขององค์ชายที่กินพื้นที่กว้างของทวีปแล้ว ราชอาณาจักรอาร์คุยล่าร์นั้นเป็นเพียงแค่ปลายสุดทางใต้ของทวีปเท่านั้น ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือประเทศที่เธออาศัยอยู่นั้นก็คือบ้านนอกนั่นเอง

สำหรับเซเลเน่นั้น อัลเลก็เหมือนกับเทพธิดาแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่ แต่ว่ากับองค์ชายเสเพลที่ได้ลิ้มรสสิ่งสวยงามในประเทศต่างๆแล้วนั้นคงไม่มาเลือกอัลเลจากประเทศเล็กๆมาเป็นคู่ ท่านประธานหนุ่มจากเมืองใหญ่ที่มีรถซุปเปอร์คาร์อยู่หลายต่อหลายคันนั้น คงไม่มาซื้อแมงกะไซต์จากหมู่บ้านเล็กๆหรอก พอคิดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมาทันที เซเลเน่ก็เดินเบาๆไปยังที่หมายของตน

สาวน้อยตัวคนเดียวในป่ายามค่ำคืนผู้เดินโดยพึ่งแสงจันทร์แต่เพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะถือว่าอันตรายมาก แต่ว่าเซเลเน่นั้นไม่กลัวสักนิดเดียว ก็เพราะว่ารอบๆตัวเธอนั้นมีพวกหนูจำนวนมากคอยติดตามอยู่

พวกเขาที่เป็นลูกน้องของบัตเลอร์ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญภายในป่าและก็เป็นผู้พิทักษ์ของเซเลเน่ พวกเขานั้นด้วยเครือข่ายขนาดใหญ่จากจำนวนมหาศาลแล้วเพื่อไม่ใช่เกิดอันตรายขึ้นกับเซเลเน่เมื่อเจอสัตว์อันตรายหรือพวกพืชที่ถ้าสัมผัสแล้วจะเป็นพิษแล้วจะแจ้งให้กับเซเลเน่ทันที ดังนั้นแล้วต่อให้เซเลเน่หลับตาเดินก็สามารถเดินอย่างๆสบายๆในป่าทึบแห่งนี้ได้

"ถึงแล้ว"

พอเดินมาขณะหนึ่งภายในป่าลึกที่ไม่ค่อยมีคนจากราชวังเข้ามาใกล้ เซเลเน่ก็หยุดเท้าลง

ภายในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้หนาแน่น มีที่นี่เท่านั้นที่เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆเขียวชอุ่มกว้างออกไปและมีดอกไม้สีต่างๆเบ่งบานอยู่ ตรงใจกลางนั้นก็มีบ่อน้ำเล็กๆ ผิวน้ำที่สงบนั้นก็สะท้อนจันทร์เต็มดวงออกมา บรรยากาศของสวนขนาดเล็กแห่งนี้นั้นคือสถานที่ที่เซเลเน่เรียกว่า [สวรรค์]

"อืม เมล็ด เมล็ด"

เซเลเน่ล้วงมือลงในกระเป๋า แล้วหยิบเม็ดกลมๆเล็กๆ–เมล็ดพืชออกมา ในตอนที่กินอาหารเซเลเน่ก็เห็นเมล็ดของผักและผลไม้แล้วก็เก็บพวกมันไว้ แล้วเซเลเน่ก็ไปหาที่เหมาะๆแล้วใช้สองมือขุดดินนุ่มๆแล้วใส่เมล็ดเข้าไป

ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว เซเลเน่นั้นชอบที่จะปลูกต้นไม้หรือว่าเลี้ยงสัตว์ แต่เพราะอาศัยอยู่ในห้องอพาร์ตเม้นต์ที่ไม่มีระเบียงเลยไม่สามารถทำได้ แต่ต้นไม้กระถางเล็กๆก็มีเรียงรายอยู่มากมายระดับที่ทำได้เลย แต่ว่าตอนนี้นั้นทำได้แค่ในตอนกลางคืนเท่านั้นแถมทำเพียงแค่ให้ชอนไชไปตามใจชอบในพื้นที่กว้างๆ ถึงจะเป็นแบบนั้นสภาพในตอนนี้สำหรับเซเลเน่แล้วถือได้ว่าเป็นสวรรค์

ด้วยสาวน้อยตัวคนเดียว เธอไม่ได้ทำการควบคุมมันทั้งหมด ที่ทำก็มีเพียงแค่ขุดหลุมใส่เมล็ดลงไปเท่านั้น ถึงจะเป็นการทำระดับเดียวกับกระรอก แต่ว่าด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์กับสภาพอากาศทางใต้แล้ว ก็ทำให้พืชพันธ์เจริญงอกงามขึ้นมา ตั้งแต่ที่ถูกขังมาหลายปีในโกดังนั้นเซเลเน่ก็สร้างสวนดอกไม้ลับๆขึ้นมา

"จบแล้ว เริ่ม การฝึก"

พอหว่านเมล็ดที่เตรียมไว้เสร็จ เซเลเน่ก็เริ่มงานประจำวันต่อไป ไปที่ริมบ่อน้ำหลับตาแล้วก็คุกเข่าภาวนา นี่คือการฝึกเวทด้วยตัวเองที่เซเลเน่คิดทึกทักเอาเอง เพราะว่ามีสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทอยู่ก็เลยอยากจะลองใช้บ้าง แต่ว่าก็ไม่มีใครสอนวิธีใช้ให้เซเลเน่ก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองดู

"ราเมง โซเมง โคเปนเฮเกง…"

เซเลเน่ท่องคาถาพึมพำโดยการเอาคำง่ายๆมาเรียงกันตามใจชอบจนดูเหมือนเวทมนต์ที่รู้จัก
ถ้าเกิดลองตั้งสมาธิสวดภาวนาอะไรแบบนี้แล้วพลังแห่งพื้นดินกับพลังวิญญาณจะทำให้เมล็ดพันธุ์มีพลังตื่นขึ้นมาทันทีได้ ด้วยความหวังเล็กๆในใจนั้น วันนี้เซเลเน่ก็ยังคงพยายามทำอะไรที่เปล่าประโยชน์อย่างขยันขันแข็ง

แต่ว่าต่อให้ผ่านไปร้อยปีก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ระหว่างทางเธอก็รู้สึกรำคาญแล้วก็เลิกไปตอนราวๆ30นาทีทุกครั้ง วันนี้หลังจากจบการฝึกนั้น ก็ไปหาจับตั๊กแตนรูปร่างดีกลับไปให้บัตเลอร์เหมือนกับทุกครั้ง

"ภาวนาอะไรขนาดนั้นเหรอครับ? หรือว่านั่นมันเป็นบทเพลงอะไรสักอย่างกันน่ะครับ? คุณภูติแห่งจันทราผู้งดงาม"

อยู่ๆก็มีเสียงมาจากข้างหลังทำเอาเซเลเน่สะดุ้งแล้วก็ตัวสั่น พอรีบหันกลับไปดูก็ต้องตกใจ

ในตอนที่เซเลเน่ตั้งสมาธิกับการฝึกภาวนาด้วยตัวเองนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้ อยู่ในวัยที่เรียกได้ว่าชายหนุ่ม รูปร่างสูงเพรียว ผมสีพลาทิน่าบลอนด์สดใสภายใต้แสงจันทร์ แล้วก็รอยปักรูปนกอินทรีย์สีทองสีเดียวกันปักอยู่ กำลังสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่เท่าที่เห็นก็รู้ว่าทำจากวัตถุดิบชั้นสูง

แต่ว่าเมื่อเทียบกับใบหน้าอันงดงามนั้น ก็ทำเอาเครื่องประดับทุกชนิดที่ติดอยู่หมอง เป็นความงดงามถึงขนาดนั้นทีเดียว เพื่อไม่ให้เซเลเน่กลัวชายหนุ่มก็ยิ้มอ่อนๆขึ้นมาแล้วก็เข้าไปใกล้เซเลเน่

"ขออภัยที่อยู่ๆก็พูดเข้ามาโดยเสียมารยาทนะ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็อยากจะดูเธอใกล้ๆน่ะครับ"

ขณะที่พูดราวกับนักกวีที่ขับขานบทเพลงชายหนุ่มก็ทำการยิ้มออกมาอย่างดงาม ถ้าเป็นผู้หญิงด้วยท่าทางอย่างเดียวนี้ก็คงเป็นรอยยิ้มสเน่ห์ที่ทำให้หัวใจละลายกันเลยทีเดียว

–ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะนะ

"เกลียด!"

เซเลเน่ร้องปฏิเสธออกมาเสียงดัง แล้วก็วิ่งหนีไปราวกับกระต่าย
ถึงแม้คำพูดของหญิงสาวจะนอกเหนือจากที่คาดไว้ ชายหนุ่มแสดงสีหน้าตกใจออกมาให้เห็น แต่พอเห็นสาวน้อยที่หันหลังวิ่งแล้วก็รีบยื่นมือเพื่อดึงกลับมา แต่ว่าเซเลเน่ที่เคลื่อนที่ก่อนพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะเข้ามาถึงก็หันตัวกลับแล้วพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้

"เดี๋ยวก่อนสิ!"

ได้ยินเสียงของชายหนุ่มขอร้องมาจากด้านหลังของเซเลเน่ ถึงจะเป็นห่วงว่าจะตาม แต่ว่าเซเลเน่ก็ไม่คิดจะหันกลับไป เธอหนีสุดใจเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อที่จะหนีจากการไล่ล่าของชายหนุ่มแล้วก็คงต้องทำระดับนี้

ที่นี่เป็นที่ราบ ถ้าเป็นตอนกลางวัน สาวน้อยผู้ไร้พลังคงถูกไล่ตามได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าในสภาพที่การมองเห็นถูกความมืดบดบังอย่างนี้ เซเลเน่ที่ป่าแห่งนี้ก็เหมือนกับสวนหลังบ้านของเธอ ทำให้เซเลเน่สามารถหลบหนีจากชายหนุ่มสำเร็จอย่างไม่ลำบากอะไร ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดเท้าลงวิ่งสุดแรงจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมากลับมาที่โกดัง แล้วปีนไม้เถาราวกับกำลังถูกปีศาจไล่ตามอยู่

[โอ๊ องค์หญิง! กลับมาค่อนข้างเร็วนะขอ…]

บัตเลอร์ที่รอคอยการกลับมาของนายที่หน้าต่างมาตลอดตกใจ นายที่ปกติจะฮัมเพลงกลับมาพร้อมกับของฝากให้กับบัตเลอร์และพวกหนูที่คอยเฝ้าบ้านให้อย่างอ่อนโยน

แต่ว่า นายในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น หอบหายใจออกมาแฮ่กแฮ่ก เสื้อกับผมเองก็ยุ่งเหยิงไปหมด แล้วก็ล้มลงหมดแรงบนเตียงไปทั้งๆอย่างนั้น หนูที่เป็นตัวแทนให้เซเลเน่ก็รีบหนีออกมา

[องค์หญิง! เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ!?]
"ทุกอย่าง จบสิ้น ไปแล้ว…"
[เรื่องอะไรขอรับ!? นี่พูดเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอขอรับ!?]

พวกหนูป่าตกใจจนออกหน้าต่างไป บัตเลอร์เองก็สับสนแล้วก็เข้าไปใกล้องค์หญิงที่ฟุบลงไปในหมอน ไม่เคยเห็นนายท่านตอนที่เสียสติขนาดนี้มาก่อนเลย บัตเลอร์นั้นเดินวนไปรอบๆด้วยความเป็นห่วงเซเลเน่ที่ฟุบอยู่บนเตียง

เซเลเน่นั้นหดหู่โดยไม่ได้สนใจบัตเลอร์ทีเป็นแบบนั้นเลย
ต้นเหตุก็มีอย่างเดียว ชายหนุ่มที่พบภายในป่านั่นเอง นั่นคือองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงกันถึงเซเลเน่จะเคยได้ยินแค่จากคำล่ำลือแต่ก็รู้ได้ทันที ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง

"อู๊! พวกต้มตุ๋น! ขี้โกง! เห็นแก่ตัว!"

พอเอาหน้ามุดเข้าหมอนก็ร่ายคำสาปออกมา นั่นมันอะไรกัน นั่นมันราวกับว่าเป็นเจ้าชายเลยไม่ใช่เหรอไงกัน ไม่สิ จริงๆก็เป็นเจ้าชายจริงๆนี่นา แต่ว่าจะให้ยอมรับตัวตนบ้าๆที่ราวกับใช้กรรไกรตัดออกมาจากเกมจีบหนุ่มได้ยังไงกัน ไม่ ไม่ว่ายังไงก็ยอมรับไม่ได้

จากข่าวลือคือเรื่องที่ถูกขยายจากเรื่องจริงออกไป ข่าวลือเรื่ององค์ชายศักดิ์สิทธิ์นั้นสำหรับเซเลเน่มันออกจะดูเกินความจริงออกไปมาก แต่ว่าหมอนั่นที่ได้เห็นกับตาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่เหมาะกับนามที่สองนั้น ถึงจะเชื่อว่าอัลเลที่เป็นพี่สาวนั้นเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ แต่ว่าถ้าถูกหนุ่มรูปงานแบบนั้นมาจีบล่ะก็ต่อให้เป็นรูปปั้นหินเทพธิดาก็อาจจะหลงได้เลยทีเดียว

 

[องค์หญิง ใจเย็นๆขอรับ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าขอรับ? ถ้าไม่ว่ายังไงก็ปรึกษาบัตเลอร์ผู้นี้ได้นะขอรับ?]

เสียงของบัตเลอร์ที่เป็นห่วงนั้นไม่เข้าหูของเซเลเน่เลย ในหัวของเซเลเน่ตอนนี้นั้นมีภาพในอดีตลอยขึ้นมา มันคือเนื้อหาของเกมที่เซเลเน่ในอดีตนั้นชอบ

ใต้จันทร์เต็มดวงงดงาม อากาศเบาสบาย เจ้าชายและเจ้าหญิงวัยเหมาะสมกัน–ให้พูดก็คือสถานการณ์สุดสมบูรณ์แบบ แล้วทั้งคู่ก็จูบกัน แล้วทำอะไรที่ไม่เหมาะกับคนอายุน้อยกว่า18–

"อุว๊ากกกกกกกกกกกกกก!!"
[อะ องค์หญิง! ทำใจให้ดีๆไว้ขอรับ!]

เซเลเน่ดิ้นรนจากสถานการณ์สุดเลวร้ายที่จินตนาการขึ้นมา ขยี้ผมไปมาแล้วก็ร้องไห้ออกมา อา ทั้งๆที่คิดว่าถ้าตัวเองโตแล้วจะสร้างรักต้องห้ามกับท่านพี่แท้ๆ แต่กลับถูกนกบินมาฉกเต้าหู้ทอดไปซะแล้ว

"เซเลเน่! เกิดอะไรขึ้น!? เซเลเน่!"

พอได้ยินเสียงนั้นเซเลเน่ก็เงยหน้าขึ้น ลวดลายผนึกส่องแสงและประตูก็เปิดออก อัลเลผู้เป็นรักแรกของเซเลเน่ก็รีบพุ่งเข้ามาหา ทั้งๆที่อยู่ระหว่างงานเลี้ยงแท้ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ เซเลเน่ก็เลยสับสนและบัตเลอร์ก็รีบเข้าไปซ่อนตัวที่ใต้เตียง

"ท่านพี่ ทำไม…?"
"คือว่า คือ… ยิ่งกว่านั้นนะ เซเลเน่ สภาพนั้น เกิดอะไรขึ้นกันคะ!?"
"…ไม่มีอะไร"
"ไม่มีทางไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอไงกันคะ!"

ผมยุ่งไปมา เสื้อกระรุ่งกระริ่ง สภาพของเซเลเน่นั้นผิดปกติ อัลเลที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาใกล้แล้วเอามือลูบไปที่หน้าของเซเลเน่แล้วก็เบิกตากว้าง ถ้าถามว่าทำไมก็เพราะที่แก้มของเซเลเน่นั้นมีน้ำตาไหลออกมา การได้เห็นน้ำตาของน้องสาวที่ไม่รู้สึกอะไรขนาดถูกแม่ทิ้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกเลย

"ร้องไห้ สินะ…"
"…อืม"

เซเลเน่ยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะมีปัญหาถ้าตอบไปว่าร้องไห้เพราะจินตนาการเหลวไหลถึงเธออยู่ แต่ว่าก็ไม่สามารถบอกว่าไม่ได้ร้องได้ ก่อนที่จะถูกถามเหตุผลเซเลเน่เลยเริ่มพูดบางอย่างเพื่อเลี่ยงประเด็น

"คือว่า เกิดอะไรขึ้น กับท่านพี่?"

แค่ความเกลียดเจ้าชายก็เต็มหัวไปแล้วตอนนี้เซเลเน่เลยพูดออกไปได้เพียงแค่นี้  กับคำพูดที่ออกมาจากความสิ้นคิด อัลเลก็ตอบมาด้วยใบหน้าหม่นหมอง

"…ไม่ไหวค่ะ…องค์ชายไม่หันมามองฉันเลยค่ะ…"
"เอ๊ะ"
"ขอโทษนะคะ…ทั้งๆบอกว่าจะพยายามไปขนาดนั้นแท้ๆ พี่สาว ยั่วยวนไม่สำเร็จค่ะ…"

ราวกับเด็กน้อยที่โดนดุ อัลเลก้มหน้าแล้วพึมพำออกมา
ตอนเย็นนั้น ทั้งๆที่มั่นใจขนาดนั้น เตรียมใจที่จะมอบร่างกายให้กับองค์ชายแล้วแท้ๆ แต่อัลเลก็ทำเรื่องที่ไม่ควรทำหลายๆอย่างไปซะแล้ว ทำให้เส้นด้ายเส้นเดียวที่จะช่วยเซเลเน่นั้นขาดลงไปแล้ว ความจริงเรื่องนี้จะทำให้น้องสาวท้อแท้ลงขนาดไหนกัน

ที่เซเลเน่พูดออกมาว่าไม่ต้องขายตัวเองให้องค์ชายก็ได้ คำนั้นที่อัลเลคิดว่ามันก็คือความเข้มแข็งของเซเลเน่ หลักฐานก็คือในตอนนี้เซเลเน่นั้นกำลังร้องไห้ในห้องนี้อยู่ น้องสาวที่ปกติจะพูดคุยกับตัวเองอย่างสงบนิ่งแต่ทุกคืนนั้นต้องเผชิญกับความทุกทรมานแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเองก็ไม่สามารถทำอะได้ ในหัวใจของอัลเลนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าไม่มีคำแก้ตัวใดๆให้น้องสาวทั้งนั้น เต็มไปด้วยความคิดโทษตัวเอง

พี่สาวที่น่าสมเพชคนนี้น้องสาวจะคิดยังไงกัน ทั้งๆที่พูดออกไปขนาดนั้นแท้ๆแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้จะถูกต่อว่ารุนแรงก็ถือว่าช่วยไม่ได้ อัลเลนั้นคิดแบบนั้น

แต่ว่า มันไม่เป็นแบบนั้น แทนที่เซเลเน่จะตำหนิพี่สาวผู้น่าสมเพชแต่กลับฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา แล้วเซเลเน่ก็ตั้งตัวขึ้นแล้วนั่งบนเตียง

"ท่านพี่ นั่งยองๆ"
"เอ๊ะ…? ยะ อย่างนี้เหรอคะ?"

อัลเลที่ทำนั่งยองตามที่เซเลเน่บอกนั้น ก็สบตากับเซเลเน่ที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเซเลเน่ก็เอามือวนรอบคอของอัลเลแล้วก็กอดแน่นๆ

"จะ จะทำอะไรเหรอ? เซเลเน่?"
"ทนหน่อยนะ"

ด้วยน้ำเสียงไม่สนใจอะไร เซเลเน่ก็เข้าไปที่คอของอัลเล ร่างกายอุ่นๆของเซเลเน่มอบความรู้สึกดีให้กับร่างกายของอัลเลที่กำลังเครียดและรู้สึกแย่อยู่ พอผ่านชั่วขณะหนึ่งไปโดยที่ทั่วคู่ไม่ได้พูดอะไร อยู่ๆเซเลเน่ก็กระซิบเข้ามาที่หูของอัลเล

"เด็กดีเด็กดี"

พอได้ยินคำพูดนั้นความรู้สึกที่ปิดกลั้นในหัวใจของอัลเลก็ทะลักออกมา เซเลเน่นั้นกับพี่สาวผู้ไร้ประโยชน์คนนี้แล้วกลับส่งเสียงอ่อนโยนว่า"โอ๋โอ๋"ราวกับปลอบเด็กออกมา เซเลเน่นั้นไม่สามารถพูดได้ดีนัก เพราะฉะนั้นจึงใช้ท่าทางในการแสดงอารมณ์ค่อนข้างมาก กับตัวเองที่สมควรจะถูกว่าใส่แต่เซเลเน่นั้นกลับเข้ามากอดแล้วให้อภัย ช่างเป็นน้องสาวที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดวงตาของอัลเลนั้นมีน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกมา

"เซเลเน่ อา เซเลเน่…! ฉัน ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ…เพื่อเธอแล้วจะต้องพยายามให้ยิ่งกว่านี้ค่ะ!"
"อย่าพยายามเลย ขอร้องละ"
"ไม่ต้องกังวลก็ได้ค่ะ พวกเรา ไม่ใช่แค่สองพี่น้องธรรมดาค่ะ ตอนที่อยากร้องไห้ จะร้องก็ไม่เป็นไรค่ะ"

ต้องทำตัวสุภาพ กับผู้ชายที่ไม่คุ้นเคย สำหรับอัลเลที่เหนื่อยเต็มที่แล้วนั้น อ้อมกอดของน้องสาวผู้อ่อนโยนนั้นมอบความโล่งใจจำนวนมากให้กับอัลเล แบบนี้มันราวกับว่าตัวเองที่เป็นพี่สาวเป็นฝ่ายอายุน้อยกว่าเลย แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่อัลเลนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องสาวเท่านั้นถึงจะสามารถทำตัวแบบที่ไม่ใช่เจ้าหญิงได้ เรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกดีใจแบบถึงที่สุด

ในทางกลับกันเซเลเน่ก็รู้สึกโล่งใจในอีกความหมายหนึ่ง กับเซเลเน่ที่เป็นเด็กนั้นอัลเลพยายามเก็บเรื่องความรักของผู้ใหญ่ไว้เป็นความลับ เพื่อตรวจสอบเรื่องนั้นแล้วเซเลเน่เลยกอดไปที่คอของอัลเล ขณะที่พอใจกับผิวเนียนนุ่ม ก็ตรวจสอบที่คออย่างละเอียด รอยจูบ–รอยจากเจ้าชายพอตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มี เซเลเน่ก็เลยกระซิบอย่างพึงพอใจ

ว่า"เด็กดีเด็กดี"

อัลเลกับเซเลเน่ในห้องที่ถูกแสงจันทร์สาดส่อง องค์หญิงพี่น้องสองคนที่สนิทกันกำลังกอดกันด้วยความรักของพี่น้องอันงดงาม ทำให้บัตเลอร์ที่มองขึ้นมาจากใต้เตียงยิ้มขึ้นมา

[อืมม แต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?]

บัตเลอร์เอาขาหน้าแตะคางแบบมนุษย์แล้วคิด เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้นั้นเกินที่เขาจะจินตนาการได้ แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามหัวใจของนายก็กลับมาสงบแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงถือว่าดีแล้ว พอคิดแบบนั้น บัตเลอร์ก็ยอมรับได้ การไม่สอดรู้สอดเห็นกับเรื่องในหัวใจของนายก็ถือว่าจำเป็นสำหรับตัวเองที่เป็นพ่อบ้าน

เอาล่ะ ทำไมองค์ชายที่ควรจะเข้าร่วมในปาร์ตี้แน่ๆถึงอยู่ในป่า กับทางอัลเลเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็คงต้องย้อนความกันไปสักนิด–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+