[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 13 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน2)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 13 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 13

แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน2)

 

“ที่นี่แหละ”

“ใหญ่!”

 

  สนามฝึกที่มารีและเซเลนเพิ่งจะมาถึงโดยรถม้าสำหรับใช้ภายในราชวังนั้น เป็นสถานที่ที่ใหญ่โตกว่าเซเลนจินตนาการไว้มาก

 

  มันเป็นสิ่งปลูกสร้างแบบเรียบง่ายที่ดูเหมือนลานกว้างของโรงเรียนที่กว้างกว่าปรกติ แต่เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยทหาร จึงดูเหมือนสนามประลองมากกว่า

 

   นักดาบที่เผชิญหน้ากันสวมชุดเกราะเบาที่ทำจากหนัง บางคนก็สวมชุดเกราะสำหรับฝึกพลังกาย บ้างก็ฝึกขี่ม้า แต่ละคนจะจับกลุ่มกันฝึกตามแต่ละประเภท ทั้งหมดทำการฝึกกันอยู่อย่างจริงจัง

 

“เจ้าชายล่ะ?”

“ท่านพี่… อ๊ะ อยู่ตรงนั้นไง! นี่ ท่านพี่!”

 

  มารีชี้ไปจังจุดที่เห็นมิลาน

   มิลานกำลังฝึกวิชาดาบร่วมกับกลุ่มคนที่สวมชุดเกราะหนัง

   ผมสีแพลตตินั่มบลอนด์เช่นเดียวกับของมารี ส่องสว่างเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์ รูปลักษณ์ที่สง่างามนั้นทำให้โดดเด่นแม้จะมองจากระยะไกล เซเลนที่เห็นเข้าก็แผ่จิตสังหารออกมาเล็กน้อย

 

  อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการเรียกของมารี มิลานพูดบางอย่างกับทหารคู่ซ้อมรอบๆตัวเขาและแยกตัวเดินออกมาทางเซเลนและคนอื่นๆ

 

“มารี แล้วก็…เซเลน? เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ตรงนี้มันไม่ปลอดภัยนะ”

“คนที่อยากมาไม่ใช่หนูหรอกค่ะ เซเลนต่างหาก”

“เซเลนเหรอ?”

“อือ”

 

   มิลานหันไปหาเซเลนด้วยความสงสัย เซเลนก็พยักหน้าเล็กน้อย

 

“มาดู เจ้าชาย”

“ผมเหรอ? ผมไม่คิดว่าเซเลนจะเจออะไรที่น่าสนใจจากที่นี่หรอกนะ”

“นั่น ไม่จริงหรอก”

 

  ท่าทางของเซเลนดูจริงจัง มิลานไม่อยากให้เซเลนที่แพ้แสงแดดต้องมายืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ช่วงเที่ยงนี้ แต่เธอก็เตรียมหมวกสีขาวใบใหญ่สำหรับกันแดดมาด้วย เมื่อเห็นเซเลนแสดงออกถึงความตั้งใจก็ไม่ควรทำให้ผิดหวัง มิลานจึงพาเธอไปยังใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆอย่างช่วยไม่ได้

 

  สนามฝึกนี้สร้างขึ้นมาโดยการถางป่าส่วนหนึ่งในพื้นที่ของพระราชวังทำให้ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ให้ทหารที่เหนื่อยจากการฝึกได้มาพัก และยังเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การพักผ่อน คลายความเหนื่อยล้าหลังการฝึก

 

“เซเลนนี่น้า ฉันชวนไปที่สวนกุหลาบแล้วก็ยังอยากมาที่นี่อีก ฉันต้องไปแล้วล่ะ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ก็กลับได้เลยนะ”

 “ขอบคุณ มารี”

 

   เซเลนพูดขอบคุณ มารีโบกมือลา หันหลังและเดินจากไป

 

“ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ สำหรับเด็กผู้หญิงแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจให้เธอดูหรอก เห็นไหม?”

“ไม่เป็นไร”

 

  เซเลนตอบสั้นๆแล้วนั่งลงบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ มิลานไม่เข้าใจในเจตนาและได้เดินกลับไปตำแหน่งเดิม

 

  การฝึกที่ถูกขัดจังหวะไปก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เท่าที่เห็นก็เข้าใจได้ว่ามิลานกำลังฝึกแบบทำการประลองตัวต่อตัว โดยที่ต้องเอาชนะคู้ต่อสู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะแพ้

 

    จากที่เซเลนเห็น ทหารส่วนใหญ่ตัวใหญ่กว่ามิลาน ทำให้มิลานดูผอมบางจนอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงได้

 

   เพียงแค่การกวัดแกว่งดาบอย่างง่ายๆของมิลานก็ทำให้ทหารที่ดูแข็งแกร่งล้มคว่ำจนต้องก้มหัวขอยอมแพ้ไปทีละคนอย่างกับการแสดงละคร ถึงทหารทุกคนจะใช้ดาบไม้ที่ทำมาสำหรับการฝึกซ้อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาออมมือให้เจ้าชายแต่อย่างใด

 

“อะไรกัน…?”

 

  แม้ว่าจะประลองอย่างต่อเนื่องกับคู่ต่อสู้นับสิบคน การเคลื่อนไหวของมิลานก็ไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย เซเลนที่เป็นยิ่งกว่ามือสมัครเล่นในเรื่องวิชาดาบ ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่

 

  ยิ่งพยายามหาจุดอ่อนของมิลานก็ยิ่งเจอแต่ความสมบูรณ์แบบ จะปกป้องพี่สาวสุดที่รักได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่งเป็นสัตว์ประหลาดขนาดนี้? แม้ว่าท้องฟ้าจะสว่างสดใส แต่ภายในใจของเซเลนมีแต่เมฆหมอกสีดำ

 

“โอ๊ะ? ท่านเซเลนมิใช่รึขอรับ?”

“หืม? หมี(คุมะ)นี่นา”

 

   เซเลนที่กำลังมองตามเจ้าชายอยู่ ได้ถูกคุมะฮาจิพบตัวเข้า

  เขากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเสร็จจากการฝีกมาจากสักมุมหนึ่งของสนาม คุมะฮาจิเช็ดเหงื่อเสร็จแล้วก็นั่งลงข้างๆเซเลน

 

“ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับทหารไว้ฝึกซ้อมขอรับ สำหรับท่านเซเลนอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่น่าเยี่ยมชมสักเท่าไหร่”

“มาดู เจ้าชาย”

“องค์ชายมิลานสินะขอรับ? จะว่าไป ท่วงท่าการต่อสู้ขององค์ชายดูงดงามมากจริงๆ แตกต่างจากข้าน้อยมากเลยขอรับ”

 

   คุมะฮาจิไม่ได้สื่อว่าตนเองด้อยกว่า เพราะรูปแบบการต่อสู้ของเขาเป็นประเภทใช้พละกำลังและการถ่ายเทน้ำหนัก เขาจะใช้แขนที่ทรงพลังจัดการคู่ต่อสู้ในดาบเดียว ส่วนมิลานจะต่อสู้ด้วยความคล่องตัวและเทคนิค แม้ว่าแนวทางในวิชาดาบของทั้งคู่จะแตกต่างกันแต่ต่างฝ่ายก็ยอมรับในฝีมือของกันและกัน

 

   เซเลนได้ยินว่าก็เข้าใจว่าเขาถูกองค์ชายแบ่งแยก คุมะฮาจิที่น่าสงสาร เซเลนเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขา

 

“หมี”

“หืม? มีอะไรรึขอรับ?” 

“สักวัน ทุกๆอย่าง จะดีขึ้นเอง”

“หืม? เอ่อ ขอบคุณขอรับ”

 

  เขาไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่ามันมาจากเจตนาดี คุมะฮาจิจึงพยักหน้าให้ในตอนนั้น

 

“เจ้าชาย สุดยอด หาจุดอ่อน ไม่เจอ”

“องค์ชายมิลานนับว่าเป็นหนึ่งในยอดนักดาบของประเทศ ทั้งความแม่นยำในการลงดาบแต่ละครั้ง ทั้งการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว แล้วยังมี ‘เสริมความแข็งแกร่ง’ อีก ก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานได้จริงๆนั่นแหละขอรับ”

“เสริม ความแข็งแกร่ง?”

“อ่า มันคือเวทย์มนต์ขององค์ชายน่ะขอรับ อย่างที่อาร์คุยล่าบ้านเกิดของท่านเซเลนก็ขึ้นชื่อเรื่องการสลักตราเวทย์มิใช่หรือขอรับ?”

 

   เซเลนก็นึกถึงลวดลายบนประตูที่เคยผนึกตนไว้ อีกทั้งหมวกกับเสื้อผ้าที่สวมอยู่ มีร่องรอยของพลังเวทย์ที่ถักทอมันขึ้นมา แต่ยังไงเซเลนก็ใช้เวทย์มนต์ที่ว่านั่นไม่เป็นอยู่ดี

 

“‘เสริมความแข็งแกร่ง’เป็นเวทย์มนต์ที่คนในราชวงศ์เฮลิฟาเต้เชี่ยวชาญขอรับ เป็นการใช้เวทย์มนต์กับร่างกายตนเองเพื่อเพิ่มพลังให้กับร่างกายรวมถึงประสาทสัมผัสทั้งห้าก็เฉียบคมขึ้น ถึงจะดูเรียบง่าย แต่ในการสู้รบแล้วเป็นของที่มีประโยชน์อย่างยิ่งขอรับ”

 

  เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซเลนที่มองคุมะฮาจิอยู่ก็หันกลับไปจ้องที่เจ้าชาย เพราะมีของขี้โกงแบบนี้อยู่สินะ มิน่าล่ะพวกทหารถึงสู้ไม่ได้

 

“ถึงอย่างงั้น องค์ชายก็แทบจะไม่เคยแสดงเวทย์มนต์ให้เห็นเลยนะขอรับ”

“……หะ?”

 

  เพื่อคลายความสงสัยของเซเลนที่เพิ่งจะส่งเสียงแปลกๆออกมา คุมะฮาจิทำการอธิบายต่อไป จากน้ำเสียงของเขาก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นกับเซเลน แต่กำลังพูดแบบจริงจัง

 

“เวทย์มนต์ขององค์ชายคือสิ่งที่เอาไว้ขยายความสามารถพื้นฐานของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความสามารถอยู่ก่อนแล้ว ถึงจะขยายไปมันก็ไม่มีความหมาย อย่างเช่นดาบวิเศษในนิทานก็ไม่ใช่สิ่งที่จะให้ใครดึงขึ้นมาได้ง่ายๆ เป็นเยี่ยงนั้นแหละขอรับ”

“แย่จัง”

 

  คุมะฮาจิลูบหัวของเซเลนเบาๆ เธอคงผิดหวังที่ไม่ได้เห็นองค์ชายที่เธอเคารพในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด

 

   ที่ทำไปก็เพื่อเป็นการฝึกฝน ไม่ควรต้องใช้เวทย์มนต์ไปกับเรื่องแค่นี้ เพราะถ้าเอาแต่พึ่งพาเวทย์มนต์ ก็จะศูนย์เสียพื้นฐาน เป็นเหตุผลที่มิลานจะไม่ใช้เวทย์มนต์จนกว่ามีเหตุจำเป็นจริงๆเท่านั้น และคุมะฮาจิก็ชื่นชมในความตั้งใจนั้น

 

 แต่ที่เซเลนผิดหวังจริงๆนั้นกลับเป็นเพราะสาเหตุอื่น นั่นก็เพราะสัตว์ประหลาดตัวนั้นแสดงให้เห็นแค่ความสามารถพื้นฐาน แล้วยังมีท่าไม้ตายเป็นเวทย์มนต์อะไรนั่นเป็นปัญหาน่าเวียนหัวเพิ่มขึ้นมาอีก จะกำจัดไอ้ตัวขี้โกงแบบนั้นยังไง

 

“นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ท่านเซเลนก็ล่วงหน้าไปก่อนได้เลยนะขอรับ เพราะองค์ชายเป็นประเภทที่หากไฟติดแล้วจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ คงจะตามมาร่วมด้วยไม่ได้อีกพักใหญ่เลยล่ะขอรับ”

 

  คุมะฮาจิหัวเราะและเดินออกไปเพื่อรับประทานมื้อกลางวัน

  ไม่ใช่แค่คุมะฮาจิเท่านั้น ทหารทั่วลานฝึกก็ทยอยวางมือและหยุดพักด้วยเช่นกัน

  จากบทสนทนาที่เซเลนได้ยินอยู่รอยๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมอาหารกลางวันมาเอง ไม่ก็ไปทานที่ค่ายทหารที่อยู่ห่างออกไป

 

   จากทั้งหมด มีเพียงคนเดียวที่ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดพัก ซึ่งก็คือมิลานนั่นเอง

  หลังจากมิลานขอบคุณทหารที่มาเป็นคู่ซ้อมให้ เขาก็เริ่มฝึกเหวี่ยงดาบเพียงคนเดียวต่อไปอีก

  เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่คิดจะหยุดพักหรือรับประทานมื้อกลางวันในตอนนี้

 

  เมื่อเห็นอย่างนั้น ความขุ่นเคืองในจิตใจของเซเลนก็มีมากขึ้นไปอีก พอได้แล้วน่า แค่นี้ก็หาวิธีรับมือไม่ไหวแล้ว ยังคิดจะเก่งขึ้นอีกเหรอ

   

   หากเป็นแค่ ‘คนโง่’ ที่หลงมัวเมาไปกับอำนาจ ก็ยังมีโอกาสที่จะเผยช่องว่างให้ใช้ประโยชน์ได้

  แต่ถ้าเป็น ‘ทรชน’ ที่มีทั้งอำนานและความสามารถที่คู่ควรกับอำนาจนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าชายยังจะฝึกต่อไปอีกสินะครับ”

 

  เซเลนที่กำลังจะเอามือก่ายหน้าฝาก ได้ยินเสียงพูดออกมาจากบริเวณหน้าอก มันคือเสียงของบัตเลอร์ที่โผล่ออกมาแต่หัวจากเสื้อของเธอ ปรกติแล้วบัตเลอร์มักจะยกย่องในความพยายามของผู้คน จึงคาดว่าเดี๋ยวคงเอ่ยปากชื่นชมองค์ชายมิลาน

 

“แต่ว่า… เข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป เกรงว่าคงฝืนได้อีกไม่นาน”

 “เอ๋?”

 

  เซเลยเอียงคอมองไปยังบัตเลอร์เพราะคำตอบที่คาดไม่ถึง

 

“หมายความว่า ยังไง?”

“การที่มุ่งหน้าอย่างไม่ย่อท้อหรือการที่พัฒนาตนเองไม่หยุดหย่อนมันก็เป็นเรื่องที่ดีแหละครับ แต่ถ้าคิดได้แค่นั้น สักวันก็จะล้มลง การพักผ่อนที่เพียงพอและอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ถึงจุดหมายนั้นได้ ดูเหมือนว่าเจ้าชายคนนั้นถูกครอบงำด้วยแรงจูงใจบางอย่าง”

 

  บัตเลอร์พูดได้ตรงจุดพอดี

  มิลานไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีนิสัยชอบฝืนตัวจนถึงที่สุดโดยที่ไม่สนขีดจำกัดของตัวเอง ด้วยตำแหน่งเจ้าชายองค์แรกของประเทศมหาอำนาจ จึงเป็นหน้าที่ที่ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ตามความคาดหวังของคนอื่นๆ เป็นรัชทายาทที่ไม่มีใครมาดูแคลน เขาจึงใช้ความพยายามมากเกินไปอยู่เสมอ

 

“อาหาร ที่เหมาะสม… สารอาหาร… อ๊า!?”

 

  เซเลนส่งเสียงดังกระทันหันจนบัตเลอร์ตกใจกระพริบตาสีดำๆของเขา 

 

“เกิดอะไรเหรอครับ องค์หญิง? จู่ๆก็ส่งเสียงดัง”

“บัตเลอร์ ขอบคุณ!”

 

  เซเลนวิ่งออกไปโดยที่ยังไม่ได้อธิบายให้กับบัตเลอร์

  เธอรีบไปยังรถม้าที่จอดรออยู่และกระโดดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 ◆◇ ◆ ◇ ◆

 

 

“…เฮ้อ ได้แค่นี้สินะ”

“องค์ชาย ไม่ว่าท่านจะฝึกหนักแค่ไหน แต่ถ้าปล่อยให้สุภาพสตรีรออยู่คนเดียวแล้วมาเหวี่ยงดาบแบบไม่สนใจใคร ในฐานะสุภาพบุรุษแล้ว มันยังไงยังไงอยู่นะขอรับ”

“คุมะฮาจิเหรอ แล้วเซเลนล่ะ?”

“ท่านเซเลน เห็นรีบร้อนขึ้นรถม้าออกไปนานแล้วขอรับ คงมีนัดกับท่านมารีไว้กระมัง”

 

   มิลานที่เสร็จจากการเหวี่ยงดาบก็ฝึกซ้อมต่อสู้กับศัตรูในจินตนาการต่อไปอีกจนร่างกายอ่อนล้าไม่มีแรงที่จะฝึกอีกต่อไป จึงไม่ทันสังเกตว่าเซเลนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว 

 

“งั้นเหรอ… ผมทำเรื่องไม่ดีลงไปแล้วสิ”

“ก็ดูจะเป็นเช่นนั้นแหละขอรับ แต่ยังไง สำหรับเด็กผู้หญิงแล้ว การต่อสู้ถือว่าเป็นเรื่องป่าเถื่อน จะรู้สึกรังเกียจขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ขอรับ”

“ก็รู้อยู่หรอก”

“ถึงจะรู้ แต่ก็รู้สึกเหงาอยู่ดีใช่ไหมล่ะขอรับ”

“ดูออกจริงๆด้วยสินะ”

“ก็ข้าน้อยกับองค์ชายเป็นคู่แข่งกันอยู่นิขอรับ ถ้าคิดจะนำหน้าอีกฝ่าย ก็ต้องอ่านสถานการณ์ของทางนั้นให้ขาดขอรับ”

 

  คุมะฮาจิหัวเราะออกมาทำลายความตึงเครียดในบทสนทนา ทำให้มิลานหัวเราะออกมาด้วย

  มิลานเป็นคนที่มีความสามารถมากมายทั้งบุ๋นและบู๊ แต่สิ่งที่เขาถนัดและชอบที่สุดก็คือวิชาดาบ การที่ทุ่มเทให้กับมันทำให้เขามีความสุขได้

 

   แต่มารี น้องสาวของเขาไม่คิดเช่นนั้น ‘เหม็นเหงื่อ ป่าเถื่อน เจ็บตัว สกปรก’ เธอมองด้วยความคิดแบบนั้น

  ถึงจะไม่ได้คาดหวังว่าจะให้สนับสนุน แต่เมื่อสิ่งที่ตนชอบ ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีต่อหน้า มันก็น่าเศร้า 

 

“ถ้าเป็นเซเลนก็ไม่แน่ว่า…”

 

   มิลานหัวเราะให้กับความคิดอ่อนหัดของตนเอง

   เซเลนก็เป็นเด็กผู้หญิง เป็นเรื่องปรกติที่จะชอบของที่ดูน่ารักสวยงามมากกว่าสถานที่ที่มีแต่ความรุนแรงเช่นนี้

   ที่เธอมาที่นี่ก็คงเพราะไม่เคยเห็นจึงแค่อยากรู้ ซึ่งตอนนี้ก็คงเบื่อจนกลับไปแล้ว

 

   แต่ในใจลึกๆแล้ว เขายังคงอยากให้สตรีชนชั้นสูงที่สามารถชื่นชมงานอดิเรกของเขาอย่างจริงใจได้ มันเป็นความเห็นแก่ตัวเล็กๆของเขา มิลานส่ายหัวให้กับความรู้สึกนั้น

 

“เจ้า- ชาย-!”

 

  ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงเล็กๆอันไพเราะของเด็กสาว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปรกติสำหรับสนามฝึกที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์

   ทหารที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดรู้สึกประหลาดใจ รวมถึงมิลานและคุมะฮาจิ

 

“เซเลน!?”

 

   ที่ตรงนี้มีเซเลนยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก เธอยังคงอยู่ในชุดสีขาวนวลและหมวกปีกกว้างสีขาวสำหรับกันแดด สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือเธอหิ้วตะกร้าสานใบใหญ่เอาไว้ด้วย เทียบกับขนาดตัวเธอแล้วมันดูไม่สมส่วนเอาเสียเลย

 

  แม้จะหิ้วของที่ดูหนักอย่างตะกร้าใบนั้น แต่เธอก็ยังสามารถเดินมาหามิลานและคุมะฮาจิได้ด้วยตัวเอง

 

“เซเลน ไม่ใช่ว่าเธอกลับไปแล้วเหรอ?”

“นี่ ของเจ้าชาย…”

 

  เมื่อเซเลนปรับลมหายใจได้ เธอก็ยื่นตะกร้าที่ใหญ่กว่าหัวของเธอมาทางมิลาน

 

“ให้ผมเหรอ?”

 

   มิลานเปิดผ้าคลุมตะกร้าออกด้วยความสงสัย จึงเห็นว่ามันบรรจุชุดอาหารมื้อใหญ่ไว้ข้างใน มีทั้งขนมปัง เนื้อย่าง ขวดน้ำ จาน และอื่นๆ ถูกเรียงไว้อย่างมีระเบียบในตะกร้า

 

 “ไปยืม ห้องครัว ทำอาหารกลางวัน มาให้”

“เธอกลับไปที่วังเพื่อเตรียมอาหารพวกนี้มาให้ผมเหรอ?”

 

  มิลานถามเพราะความประหลาดใจ เซเลนก็พยักหน้า

  คุมะฮาจิที่อยู่ข้างๆก็มองเข้าไปในตะกร้าด้วย

 

“ท่าเซเลนทำทั้งหมดนี่ด้วยตัวเองรึขอรับ!? ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

 

  คุมะฮาจิประทับใจกับอาหารที่เซเลนนำมา มันเป็นอาหารที่ทำออกมาแบบง่ายๆ เช่นเนื้อสัตว์ย่างให้สุกแล้วปรุงรสจัด เมื่อเทียบกับอาหารจากคนครัวประจำวังหลวงมันก็ดูไม่น่าดึงดูดเอาเสียเลย ถึงอย่างงั้น มันก็เป็นอาหารที่คนหนุ่มสาวจะทำให้กัน ซึ่งชนชั้นสูงและราชวงศ์จะเข้าครัวไปลงมือทำตัวตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

   ยิ่งไปกว่านั้น เซเลนที่เป็นแค่เด็กและยังไม่เคยมีโอกาสทำอาหารมาก่อน ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าครัว แต่ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ตามธรรมชาติ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มิลานและคุมะฮาจิประหลาดใจได้แล้ว

 

   ในชีวิตก่อน เซเลนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครทำอาหารให้ ถ้าอยากกินของอร่อยในราคาที่คุ้มค่าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเอง จึงมีความสามารถในการทำอาหารได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับทำของยากๆที่ต้องใช้เวลานานได้ ส่วนใหญ่ก็แค่นำเนื้อมาหั่นเป็นชิ้นและนำไปปรุงสุกตามใจอยากเท่านั้น นั่นก็ทำให้เซเลนเป็นชายแก่ที่มีความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่พอประมาณ

 

“(พระเจ้ามอบพรสวรรค์ให้เด็กคนนี้มากแค่ไหนกันนะ?)”

“เจ้าชาย กินสิ”

 

  เธอลืมนึกถึงคุมะฮาจิซะสนิทโดยที่ยังยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับเจ้าชาย อาหารที่นำมามีอัตราส่วนของผักน้อยมาก มีแต่เนื้อสัตว์ที่กลบส่วนประกอบอื่นจนมิด มิลานเป็นเด็กหนุ่มวัยกำลังโตจึงชื่นชอบเนื้อสัตว์เป็นพิเศษ ประกอบกับการที่ฝึกจนเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ทำให้มีความอยากอาหารสูงตามไปด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นกรณีเดียวกับคุมะฮาจิด้วยเช่นกัน

 

“ส่วนของข้าน้อยล่ะขอรับ?”

“ไม่มี”

 

  เมื่อเซเลนตอบอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่คุมะฮาจิก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาก็รู้ดีว่าเจ้าชายต้องพิเศษกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าได้คำตอบออกมาทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด มันก็น่าเศร้าอยู่เหมือนกัน

 

“คุมะฮาจิ ให้ผมแบ่งให้ไหม?”

“หืม! ถ้ารับประทานแต่ของเลี่ยนๆก็ลงพุงกันพอดีสิขอรับ!”

 

  เพื่อโต้ตอบคำพูดล้อเลียนของมิลาน คุมะฮาจิพูดตัดบทและเดินไปรวมกับทหารคนอื่นๆที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ อาหารที่แจกจ่าย ปริมาณก็เพียงพอสำหรับทหารทุกคนรวมถึงคุมะฮาจิด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นอาหารทำมือของเจ้าหญิงแสนสวยตัวน้อย ก็อาจจะมีคาดหวังบ้าง

 

“กินซะ กินซะ!”

“หวา เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้ครับ”

 

  จากเดิมที่คิดไว้คือหลังจากหยุดพักสั้นๆจะกลับไปฝึกซ้อมต่อทันทีที่หายเหนื่อย แต่ตอนนี้มิลานถูกเซเลนบังคับให้นั่งลงใต้ร่มไม้ที่ต้นไม้ใหญ่ คุมะฮาจิพูดถูก อาหารขาดความสมดุลจนเลี่ยน ปริมาณไขมันก็สูง ถ้ากินเข้าไปต้องทำให้อ้วนขึ้นแน่ ถึงจะลังแล แต่ต่อหน้าเซเลนที่จ้องมองตาเป็นประกายอยู่ข้างๆมันก็ไม่มีทางเลือก

 

“เครื่องดื่ม ก็มี”

“อ่า ขอบคุณครับ”

 

   มิลานใส่ชิ้นเนื้อเข้าปาก โดยปกติแล้วเขาจะได้กินแต่อาหารชั้นเลิศสำหรับชนชั้นสูง แม้ระหว่างการเดินทางที่จะมีแค่อาหารแห้งก็ยังมีคนทำอาหารฝีมือดีติดตามไปด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินอาหารทำมือในระดับทั่วไปจริงๆ

 

“หืม!? นี่มัน!?”

“เป็นยังไง?”

“อืม ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงภายนอกจะดูแปลกหน่อย แต่เรื่องรสชาติเรียกได้ว่าอร่อยได้เลยครับ”

“ดีจัง”

 

  เซเลนลูบอกอย่างสบายใจและส่งรอยยิ้มที่งดงามชวนให้นึกถึงดอกไม้แรกแย้ม

  สายลมที่พัดมาทำให้เส้นผมสีขาวของเธอปลิวไสว กระทบกับแสงแดดที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ลงมา จนดูเหมือนเหล่าภูติ

 

“กินสิ กินอีก กินเยอะๆ”

“ไม่ไหวหรอกครับ ถึงจะอร่อยก็จริง แต่ถ้าให้กินเยอะขนาดนี้มันก็…”

“กินซะ!”

 

  คำพูดของเจ้าชายถูกเมิน เซเลนโกยเนื้อลงไปบนจานของเขามากขึ้นไปอีก

  มิลานลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานอาหารตะกร้าก็ได้หมดลง อาจเป็นเพราะรสชาติของอาหารที่ทำให้ทานง่ายประกอบกับร่างกายที่ต้องการที่กำลังต้องการสารอาหาร

 

“กินมากเกินไปแล้วครับ ขยับตัวไม่ไหวแล้ว”

“อร่อยนี่นา?”

“อือ ถ้าได้ทานอีกครั้งก็ดีนะครับ”

“จริงเหรอ!? ถ้าอย่างงั้น วันพรุ่งนี้ จะทำมาอีก”

“ไม่ต้องฝืนตัวเองเพื่อผมก็ได้ เซเลนร่างกายอ่อนแอในช่วงกลางวันไม่ใช่หรือครับ?”

“เจ้าชาย กำลังพยายาม ฉันก็ จะช่วย”

 

 คำพูดนั้นทำให้มิลานตื้นตัน

 นอกจากชวานผู้เป็นบิดาแล้ว เหล่าชนชั้นสูงโดยเฉพาะสตรีจะสนใจแต่ความสามารถทางศิลป์ของมิลานเท่านั้น ไม่เคยพูดถึงความสามารถทางวิชาดาบของเขาเลย แม้กระทั่งแม่กับน้องสาวก็ไม่ค่อยยินดีกับงานอดิเรกของเขานัก ที่ยังปล่อยให้ทำอยู่ก็เพราะยังมีเหตุผลที่ว่า ‘ในเมื่อเป็นเจ้าชาย อย่างน้อยก็ควรฝึกร่างกายเพื่อรักษารูปร่างเอาไว้ด้วย’

 

  แต่เซเลนนั้นต่างออกไป เธอไม่ได้ดูแคลนด้านนี้ของเขา อีกทั้งยังบอกว่าจะสนับสนุนอีก เป็นผู้หญิงคนแรกที่พบเห็นจากการเดินทางมาทั่วทวีป

 

“ถ้าอย่างงั้น… ก็อย่าหักโหมล่ะ”

“ไว้ใจได้เลย!”

 

   เซเลนพยักหน้า ท่าทางมีความสุข

 

“(เสร็จฉันล่ะ ไอ้โง่เอ๊ย!)”

 

  เบื้องหลังรอยยิ้มอันสดใส เซเลนกำลังได้ใจจากการที่ขั้นตอนแรกของแผนร้ายสำเร็จไปได้ด้วยดี

 

   ตามที่ได้สอดแนมมา ทำให้รู้ว่าจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีใส่ตรงๆนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าอย่างงั้นก็ต้องทำให้ตายด้วยพิษ แต่การที่จะได้ยาพิษที่มีประสิทธิภาพมาครอบครองมันก็เป็นเรื่องยาก

 

  มันไม่ใช่ของที่จะวางขายตามร้านทั่วไปในเมือง ถึงมันจะมีขายอยู่จริงก็พูดออกไปไม่ได้ว่า ‘ขอโทษค่ะ ขอซื้อยาพิษสำหรับฆ่าชายหนุ่มสุขภาพดีหน่อย’ ‘ได้เลย’ แล้วยังไงต่อล่ะ ถ้าลองคิดให้ลึกลงไปอีกขั้น

 

 ก็คือ ‘กินของอร่อยที่ไม่มีประโยชน์ให้เยอะๆ’ ไงล่ะ

 

  คำพูดของบัตเลอร์ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ในชีวิตก่อนตอนที่ไปตรวจร่างกาย ตอนนั้นได้ถูกหมอเตือนว่า ภาวะโภชนาการแย่มาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ‘เป็นอันตรายถึงชีวิต!’ แต่ก็ไม่ได้สนใจคำเตือนของแพทย์ สุขภาพจึงทรุดโทรม และได้มาเป็นเซเลน อาร์คุยล่าอย่างทุกวันนี้ มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วด้วยชีวิตของตัวเอง

 

“หมีรู้ เหมือนกัน”

 

  เซเลนพูดออกมาเบาๆ แม้ว่าเจ้าชายจะไม่ได้สังเกตความหมายในคำพูดนั้นแต่คุมะฮาจิก็ได้พูดออกไปแล้ว อาหารมื้อนี้เน้นที่ปริมาณไขมันและการปรุงรสก็เน้นเค็มเป็นหลัก หากรับประทานอาหารแบบนี้เข้าไปมากๆ ระดับคอเลสเตอรอลก็จะขึ้นสูงและยังเป็นโรคความดันโลหิตสูงพ่วงด้วยอีกแน่นอน มันเป็นพิษที่จะออกฤทธิ์อย่างช้าๆ สมแล้วที่เป็นคุมะฮาจิ

 

  ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ผลตามที่ต้องการ แต่การเดินทางหมื่นลี้ต้องเริ่มที่ก้าวแรกเสมอ เซเลนถอนหายใจด้วนความโล่งอกเพราะในที่สุด แผนการกำจัดเจ้าชายที่ไร้จุดอ่อนนั่นก็ได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

 

 ――แต่เซเลนก็ได้ทำผิดอย่างมหันต์

 

   มันก็จริงที่ว่า หากได้รับคอเลสเตอรอลและโซเดี้ยมมากเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ แต่นั่นคือสำหรับชายวัยกลางคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย อย่างเซเลนในชีวิตก่อน

 

    สำหรับมิลาน ที่ฝึกจนร่างกายเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าถึงขีดสุดอยู่เป็นประจำโดยที่ไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสม โปรตีน ไขมัน และเกลือแร่ เป็นสิ่งจำเป็น อาหารของเซเลนชดเชยสารอาหารที่ขาดไปของมิลานได้เป็นอย่างดี

 

  มิลานที่ไม่ได้รู้ตัวเรื่องนั้นเลย กำลังคิดอยู่ว่า เจ้าหญิงผู้น่ารักจะทำอาหารแบบไหนมาให้ทานในวันพรุ่งนี้ ส่วนเซเลนก็กำลังคิดว่า พรุ่งนี้จะทำอาหารประเภทไหนที่จะทำให้สุขภาพของเจ้าชายทรุดโทรมได้ดีที่สุด

 

  มิลานเละเซเลนรู้สึกตื่นเต้นจนยิ้มออกมาให้กัน ทั้งคู่ความคาดหวังให้ถึงวันพรุ่งนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 13 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน2)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 13 แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 13

แผนลอบสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ (ตอน2)

 

“ที่นี่แหละ”

“ใหญ่!”

 

  สนามฝึกที่มารีและเซเลนเพิ่งจะมาถึงโดยรถม้าสำหรับใช้ภายในราชวังนั้น เป็นสถานที่ที่ใหญ่โตกว่าเซเลนจินตนาการไว้มาก

 

  มันเป็นสิ่งปลูกสร้างแบบเรียบง่ายที่ดูเหมือนลานกว้างของโรงเรียนที่กว้างกว่าปรกติ แต่เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยทหาร จึงดูเหมือนสนามประลองมากกว่า

 

   นักดาบที่เผชิญหน้ากันสวมชุดเกราะเบาที่ทำจากหนัง บางคนก็สวมชุดเกราะสำหรับฝึกพลังกาย บ้างก็ฝึกขี่ม้า แต่ละคนจะจับกลุ่มกันฝึกตามแต่ละประเภท ทั้งหมดทำการฝึกกันอยู่อย่างจริงจัง

 

“เจ้าชายล่ะ?”

“ท่านพี่… อ๊ะ อยู่ตรงนั้นไง! นี่ ท่านพี่!”

 

  มารีชี้ไปจังจุดที่เห็นมิลาน

   มิลานกำลังฝึกวิชาดาบร่วมกับกลุ่มคนที่สวมชุดเกราะหนัง

   ผมสีแพลตตินั่มบลอนด์เช่นเดียวกับของมารี ส่องสว่างเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์ รูปลักษณ์ที่สง่างามนั้นทำให้โดดเด่นแม้จะมองจากระยะไกล เซเลนที่เห็นเข้าก็แผ่จิตสังหารออกมาเล็กน้อย

 

  อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการเรียกของมารี มิลานพูดบางอย่างกับทหารคู่ซ้อมรอบๆตัวเขาและแยกตัวเดินออกมาทางเซเลนและคนอื่นๆ

 

“มารี แล้วก็…เซเลน? เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ตรงนี้มันไม่ปลอดภัยนะ”

“คนที่อยากมาไม่ใช่หนูหรอกค่ะ เซเลนต่างหาก”

“เซเลนเหรอ?”

“อือ”

 

   มิลานหันไปหาเซเลนด้วยความสงสัย เซเลนก็พยักหน้าเล็กน้อย

 

“มาดู เจ้าชาย”

“ผมเหรอ? ผมไม่คิดว่าเซเลนจะเจออะไรที่น่าสนใจจากที่นี่หรอกนะ”

“นั่น ไม่จริงหรอก”

 

  ท่าทางของเซเลนดูจริงจัง มิลานไม่อยากให้เซเลนที่แพ้แสงแดดต้องมายืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ช่วงเที่ยงนี้ แต่เธอก็เตรียมหมวกสีขาวใบใหญ่สำหรับกันแดดมาด้วย เมื่อเห็นเซเลนแสดงออกถึงความตั้งใจก็ไม่ควรทำให้ผิดหวัง มิลานจึงพาเธอไปยังใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆอย่างช่วยไม่ได้

 

  สนามฝึกนี้สร้างขึ้นมาโดยการถางป่าส่วนหนึ่งในพื้นที่ของพระราชวังทำให้ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ให้ทหารที่เหนื่อยจากการฝึกได้มาพัก และยังเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การพักผ่อน คลายความเหนื่อยล้าหลังการฝึก

 

“เซเลนนี่น้า ฉันชวนไปที่สวนกุหลาบแล้วก็ยังอยากมาที่นี่อีก ฉันต้องไปแล้วล่ะ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ก็กลับได้เลยนะ”

 “ขอบคุณ มารี”

 

   เซเลนพูดขอบคุณ มารีโบกมือลา หันหลังและเดินจากไป

 

“ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ สำหรับเด็กผู้หญิงแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจให้เธอดูหรอก เห็นไหม?”

“ไม่เป็นไร”

 

  เซเลนตอบสั้นๆแล้วนั่งลงบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ มิลานไม่เข้าใจในเจตนาและได้เดินกลับไปตำแหน่งเดิม

 

  การฝึกที่ถูกขัดจังหวะไปก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เท่าที่เห็นก็เข้าใจได้ว่ามิลานกำลังฝึกแบบทำการประลองตัวต่อตัว โดยที่ต้องเอาชนะคู้ต่อสู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะแพ้

 

    จากที่เซเลนเห็น ทหารส่วนใหญ่ตัวใหญ่กว่ามิลาน ทำให้มิลานดูผอมบางจนอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงได้

 

   เพียงแค่การกวัดแกว่งดาบอย่างง่ายๆของมิลานก็ทำให้ทหารที่ดูแข็งแกร่งล้มคว่ำจนต้องก้มหัวขอยอมแพ้ไปทีละคนอย่างกับการแสดงละคร ถึงทหารทุกคนจะใช้ดาบไม้ที่ทำมาสำหรับการฝึกซ้อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาออมมือให้เจ้าชายแต่อย่างใด

 

“อะไรกัน…?”

 

  แม้ว่าจะประลองอย่างต่อเนื่องกับคู่ต่อสู้นับสิบคน การเคลื่อนไหวของมิลานก็ไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย เซเลนที่เป็นยิ่งกว่ามือสมัครเล่นในเรื่องวิชาดาบ ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่

 

  ยิ่งพยายามหาจุดอ่อนของมิลานก็ยิ่งเจอแต่ความสมบูรณ์แบบ จะปกป้องพี่สาวสุดที่รักได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่งเป็นสัตว์ประหลาดขนาดนี้? แม้ว่าท้องฟ้าจะสว่างสดใส แต่ภายในใจของเซเลนมีแต่เมฆหมอกสีดำ

 

“โอ๊ะ? ท่านเซเลนมิใช่รึขอรับ?”

“หืม? หมี(คุมะ)นี่นา”

 

   เซเลนที่กำลังมองตามเจ้าชายอยู่ ได้ถูกคุมะฮาจิพบตัวเข้า

  เขากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเสร็จจากการฝีกมาจากสักมุมหนึ่งของสนาม คุมะฮาจิเช็ดเหงื่อเสร็จแล้วก็นั่งลงข้างๆเซเลน

 

“ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับทหารไว้ฝึกซ้อมขอรับ สำหรับท่านเซเลนอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่น่าเยี่ยมชมสักเท่าไหร่”

“มาดู เจ้าชาย”

“องค์ชายมิลานสินะขอรับ? จะว่าไป ท่วงท่าการต่อสู้ขององค์ชายดูงดงามมากจริงๆ แตกต่างจากข้าน้อยมากเลยขอรับ”

 

   คุมะฮาจิไม่ได้สื่อว่าตนเองด้อยกว่า เพราะรูปแบบการต่อสู้ของเขาเป็นประเภทใช้พละกำลังและการถ่ายเทน้ำหนัก เขาจะใช้แขนที่ทรงพลังจัดการคู่ต่อสู้ในดาบเดียว ส่วนมิลานจะต่อสู้ด้วยความคล่องตัวและเทคนิค แม้ว่าแนวทางในวิชาดาบของทั้งคู่จะแตกต่างกันแต่ต่างฝ่ายก็ยอมรับในฝีมือของกันและกัน

 

   เซเลนได้ยินว่าก็เข้าใจว่าเขาถูกองค์ชายแบ่งแยก คุมะฮาจิที่น่าสงสาร เซเลนเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขา

 

“หมี”

“หืม? มีอะไรรึขอรับ?” 

“สักวัน ทุกๆอย่าง จะดีขึ้นเอง”

“หืม? เอ่อ ขอบคุณขอรับ”

 

  เขาไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่ามันมาจากเจตนาดี คุมะฮาจิจึงพยักหน้าให้ในตอนนั้น

 

“เจ้าชาย สุดยอด หาจุดอ่อน ไม่เจอ”

“องค์ชายมิลานนับว่าเป็นหนึ่งในยอดนักดาบของประเทศ ทั้งความแม่นยำในการลงดาบแต่ละครั้ง ทั้งการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว แล้วยังมี ‘เสริมความแข็งแกร่ง’ อีก ก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานได้จริงๆนั่นแหละขอรับ”

“เสริม ความแข็งแกร่ง?”

“อ่า มันคือเวทย์มนต์ขององค์ชายน่ะขอรับ อย่างที่อาร์คุยล่าบ้านเกิดของท่านเซเลนก็ขึ้นชื่อเรื่องการสลักตราเวทย์มิใช่หรือขอรับ?”

 

   เซเลนก็นึกถึงลวดลายบนประตูที่เคยผนึกตนไว้ อีกทั้งหมวกกับเสื้อผ้าที่สวมอยู่ มีร่องรอยของพลังเวทย์ที่ถักทอมันขึ้นมา แต่ยังไงเซเลนก็ใช้เวทย์มนต์ที่ว่านั่นไม่เป็นอยู่ดี

 

“‘เสริมความแข็งแกร่ง’เป็นเวทย์มนต์ที่คนในราชวงศ์เฮลิฟาเต้เชี่ยวชาญขอรับ เป็นการใช้เวทย์มนต์กับร่างกายตนเองเพื่อเพิ่มพลังให้กับร่างกายรวมถึงประสาทสัมผัสทั้งห้าก็เฉียบคมขึ้น ถึงจะดูเรียบง่าย แต่ในการสู้รบแล้วเป็นของที่มีประโยชน์อย่างยิ่งขอรับ”

 

  เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซเลนที่มองคุมะฮาจิอยู่ก็หันกลับไปจ้องที่เจ้าชาย เพราะมีของขี้โกงแบบนี้อยู่สินะ มิน่าล่ะพวกทหารถึงสู้ไม่ได้

 

“ถึงอย่างงั้น องค์ชายก็แทบจะไม่เคยแสดงเวทย์มนต์ให้เห็นเลยนะขอรับ”

“……หะ?”

 

  เพื่อคลายความสงสัยของเซเลนที่เพิ่งจะส่งเสียงแปลกๆออกมา คุมะฮาจิทำการอธิบายต่อไป จากน้ำเสียงของเขาก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นกับเซเลน แต่กำลังพูดแบบจริงจัง

 

“เวทย์มนต์ขององค์ชายคือสิ่งที่เอาไว้ขยายความสามารถพื้นฐานของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความสามารถอยู่ก่อนแล้ว ถึงจะขยายไปมันก็ไม่มีความหมาย อย่างเช่นดาบวิเศษในนิทานก็ไม่ใช่สิ่งที่จะให้ใครดึงขึ้นมาได้ง่ายๆ เป็นเยี่ยงนั้นแหละขอรับ”

“แย่จัง”

 

  คุมะฮาจิลูบหัวของเซเลนเบาๆ เธอคงผิดหวังที่ไม่ได้เห็นองค์ชายที่เธอเคารพในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด

 

   ที่ทำไปก็เพื่อเป็นการฝึกฝน ไม่ควรต้องใช้เวทย์มนต์ไปกับเรื่องแค่นี้ เพราะถ้าเอาแต่พึ่งพาเวทย์มนต์ ก็จะศูนย์เสียพื้นฐาน เป็นเหตุผลที่มิลานจะไม่ใช้เวทย์มนต์จนกว่ามีเหตุจำเป็นจริงๆเท่านั้น และคุมะฮาจิก็ชื่นชมในความตั้งใจนั้น

 

 แต่ที่เซเลนผิดหวังจริงๆนั้นกลับเป็นเพราะสาเหตุอื่น นั่นก็เพราะสัตว์ประหลาดตัวนั้นแสดงให้เห็นแค่ความสามารถพื้นฐาน แล้วยังมีท่าไม้ตายเป็นเวทย์มนต์อะไรนั่นเป็นปัญหาน่าเวียนหัวเพิ่มขึ้นมาอีก จะกำจัดไอ้ตัวขี้โกงแบบนั้นยังไง

 

“นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ท่านเซเลนก็ล่วงหน้าไปก่อนได้เลยนะขอรับ เพราะองค์ชายเป็นประเภทที่หากไฟติดแล้วจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ คงจะตามมาร่วมด้วยไม่ได้อีกพักใหญ่เลยล่ะขอรับ”

 

  คุมะฮาจิหัวเราะและเดินออกไปเพื่อรับประทานมื้อกลางวัน

  ไม่ใช่แค่คุมะฮาจิเท่านั้น ทหารทั่วลานฝึกก็ทยอยวางมือและหยุดพักด้วยเช่นกัน

  จากบทสนทนาที่เซเลนได้ยินอยู่รอยๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมอาหารกลางวันมาเอง ไม่ก็ไปทานที่ค่ายทหารที่อยู่ห่างออกไป

 

   จากทั้งหมด มีเพียงคนเดียวที่ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดพัก ซึ่งก็คือมิลานนั่นเอง

  หลังจากมิลานขอบคุณทหารที่มาเป็นคู่ซ้อมให้ เขาก็เริ่มฝึกเหวี่ยงดาบเพียงคนเดียวต่อไปอีก

  เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่คิดจะหยุดพักหรือรับประทานมื้อกลางวันในตอนนี้

 

  เมื่อเห็นอย่างนั้น ความขุ่นเคืองในจิตใจของเซเลนก็มีมากขึ้นไปอีก พอได้แล้วน่า แค่นี้ก็หาวิธีรับมือไม่ไหวแล้ว ยังคิดจะเก่งขึ้นอีกเหรอ

   

   หากเป็นแค่ ‘คนโง่’ ที่หลงมัวเมาไปกับอำนาจ ก็ยังมีโอกาสที่จะเผยช่องว่างให้ใช้ประโยชน์ได้

  แต่ถ้าเป็น ‘ทรชน’ ที่มีทั้งอำนานและความสามารถที่คู่ควรกับอำนาจนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าชายยังจะฝึกต่อไปอีกสินะครับ”

 

  เซเลนที่กำลังจะเอามือก่ายหน้าฝาก ได้ยินเสียงพูดออกมาจากบริเวณหน้าอก มันคือเสียงของบัตเลอร์ที่โผล่ออกมาแต่หัวจากเสื้อของเธอ ปรกติแล้วบัตเลอร์มักจะยกย่องในความพยายามของผู้คน จึงคาดว่าเดี๋ยวคงเอ่ยปากชื่นชมองค์ชายมิลาน

 

“แต่ว่า… เข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป เกรงว่าคงฝืนได้อีกไม่นาน”

 “เอ๋?”

 

  เซเลยเอียงคอมองไปยังบัตเลอร์เพราะคำตอบที่คาดไม่ถึง

 

“หมายความว่า ยังไง?”

“การที่มุ่งหน้าอย่างไม่ย่อท้อหรือการที่พัฒนาตนเองไม่หยุดหย่อนมันก็เป็นเรื่องที่ดีแหละครับ แต่ถ้าคิดได้แค่นั้น สักวันก็จะล้มลง การพักผ่อนที่เพียงพอและอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ถึงจุดหมายนั้นได้ ดูเหมือนว่าเจ้าชายคนนั้นถูกครอบงำด้วยแรงจูงใจบางอย่าง”

 

  บัตเลอร์พูดได้ตรงจุดพอดี

  มิลานไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีนิสัยชอบฝืนตัวจนถึงที่สุดโดยที่ไม่สนขีดจำกัดของตัวเอง ด้วยตำแหน่งเจ้าชายองค์แรกของประเทศมหาอำนาจ จึงเป็นหน้าที่ที่ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ตามความคาดหวังของคนอื่นๆ เป็นรัชทายาทที่ไม่มีใครมาดูแคลน เขาจึงใช้ความพยายามมากเกินไปอยู่เสมอ

 

“อาหาร ที่เหมาะสม… สารอาหาร… อ๊า!?”

 

  เซเลนส่งเสียงดังกระทันหันจนบัตเลอร์ตกใจกระพริบตาสีดำๆของเขา 

 

“เกิดอะไรเหรอครับ องค์หญิง? จู่ๆก็ส่งเสียงดัง”

“บัตเลอร์ ขอบคุณ!”

 

  เซเลนวิ่งออกไปโดยที่ยังไม่ได้อธิบายให้กับบัตเลอร์

  เธอรีบไปยังรถม้าที่จอดรออยู่และกระโดดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 ◆◇ ◆ ◇ ◆

 

 

“…เฮ้อ ได้แค่นี้สินะ”

“องค์ชาย ไม่ว่าท่านจะฝึกหนักแค่ไหน แต่ถ้าปล่อยให้สุภาพสตรีรออยู่คนเดียวแล้วมาเหวี่ยงดาบแบบไม่สนใจใคร ในฐานะสุภาพบุรุษแล้ว มันยังไงยังไงอยู่นะขอรับ”

“คุมะฮาจิเหรอ แล้วเซเลนล่ะ?”

“ท่านเซเลน เห็นรีบร้อนขึ้นรถม้าออกไปนานแล้วขอรับ คงมีนัดกับท่านมารีไว้กระมัง”

 

   มิลานที่เสร็จจากการเหวี่ยงดาบก็ฝึกซ้อมต่อสู้กับศัตรูในจินตนาการต่อไปอีกจนร่างกายอ่อนล้าไม่มีแรงที่จะฝึกอีกต่อไป จึงไม่ทันสังเกตว่าเซเลนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว 

 

“งั้นเหรอ… ผมทำเรื่องไม่ดีลงไปแล้วสิ”

“ก็ดูจะเป็นเช่นนั้นแหละขอรับ แต่ยังไง สำหรับเด็กผู้หญิงแล้ว การต่อสู้ถือว่าเป็นเรื่องป่าเถื่อน จะรู้สึกรังเกียจขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ขอรับ”

“ก็รู้อยู่หรอก”

“ถึงจะรู้ แต่ก็รู้สึกเหงาอยู่ดีใช่ไหมล่ะขอรับ”

“ดูออกจริงๆด้วยสินะ”

“ก็ข้าน้อยกับองค์ชายเป็นคู่แข่งกันอยู่นิขอรับ ถ้าคิดจะนำหน้าอีกฝ่าย ก็ต้องอ่านสถานการณ์ของทางนั้นให้ขาดขอรับ”

 

  คุมะฮาจิหัวเราะออกมาทำลายความตึงเครียดในบทสนทนา ทำให้มิลานหัวเราะออกมาด้วย

  มิลานเป็นคนที่มีความสามารถมากมายทั้งบุ๋นและบู๊ แต่สิ่งที่เขาถนัดและชอบที่สุดก็คือวิชาดาบ การที่ทุ่มเทให้กับมันทำให้เขามีความสุขได้

 

   แต่มารี น้องสาวของเขาไม่คิดเช่นนั้น ‘เหม็นเหงื่อ ป่าเถื่อน เจ็บตัว สกปรก’ เธอมองด้วยความคิดแบบนั้น

  ถึงจะไม่ได้คาดหวังว่าจะให้สนับสนุน แต่เมื่อสิ่งที่ตนชอบ ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีต่อหน้า มันก็น่าเศร้า 

 

“ถ้าเป็นเซเลนก็ไม่แน่ว่า…”

 

   มิลานหัวเราะให้กับความคิดอ่อนหัดของตนเอง

   เซเลนก็เป็นเด็กผู้หญิง เป็นเรื่องปรกติที่จะชอบของที่ดูน่ารักสวยงามมากกว่าสถานที่ที่มีแต่ความรุนแรงเช่นนี้

   ที่เธอมาที่นี่ก็คงเพราะไม่เคยเห็นจึงแค่อยากรู้ ซึ่งตอนนี้ก็คงเบื่อจนกลับไปแล้ว

 

   แต่ในใจลึกๆแล้ว เขายังคงอยากให้สตรีชนชั้นสูงที่สามารถชื่นชมงานอดิเรกของเขาอย่างจริงใจได้ มันเป็นความเห็นแก่ตัวเล็กๆของเขา มิลานส่ายหัวให้กับความรู้สึกนั้น

 

“เจ้า- ชาย-!”

 

  ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงเล็กๆอันไพเราะของเด็กสาว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปรกติสำหรับสนามฝึกที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์

   ทหารที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดรู้สึกประหลาดใจ รวมถึงมิลานและคุมะฮาจิ

 

“เซเลน!?”

 

   ที่ตรงนี้มีเซเลนยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก เธอยังคงอยู่ในชุดสีขาวนวลและหมวกปีกกว้างสีขาวสำหรับกันแดด สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือเธอหิ้วตะกร้าสานใบใหญ่เอาไว้ด้วย เทียบกับขนาดตัวเธอแล้วมันดูไม่สมส่วนเอาเสียเลย

 

  แม้จะหิ้วของที่ดูหนักอย่างตะกร้าใบนั้น แต่เธอก็ยังสามารถเดินมาหามิลานและคุมะฮาจิได้ด้วยตัวเอง

 

“เซเลน ไม่ใช่ว่าเธอกลับไปแล้วเหรอ?”

“นี่ ของเจ้าชาย…”

 

  เมื่อเซเลนปรับลมหายใจได้ เธอก็ยื่นตะกร้าที่ใหญ่กว่าหัวของเธอมาทางมิลาน

 

“ให้ผมเหรอ?”

 

   มิลานเปิดผ้าคลุมตะกร้าออกด้วยความสงสัย จึงเห็นว่ามันบรรจุชุดอาหารมื้อใหญ่ไว้ข้างใน มีทั้งขนมปัง เนื้อย่าง ขวดน้ำ จาน และอื่นๆ ถูกเรียงไว้อย่างมีระเบียบในตะกร้า

 

 “ไปยืม ห้องครัว ทำอาหารกลางวัน มาให้”

“เธอกลับไปที่วังเพื่อเตรียมอาหารพวกนี้มาให้ผมเหรอ?”

 

  มิลานถามเพราะความประหลาดใจ เซเลนก็พยักหน้า

  คุมะฮาจิที่อยู่ข้างๆก็มองเข้าไปในตะกร้าด้วย

 

“ท่าเซเลนทำทั้งหมดนี่ด้วยตัวเองรึขอรับ!? ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

 

  คุมะฮาจิประทับใจกับอาหารที่เซเลนนำมา มันเป็นอาหารที่ทำออกมาแบบง่ายๆ เช่นเนื้อสัตว์ย่างให้สุกแล้วปรุงรสจัด เมื่อเทียบกับอาหารจากคนครัวประจำวังหลวงมันก็ดูไม่น่าดึงดูดเอาเสียเลย ถึงอย่างงั้น มันก็เป็นอาหารที่คนหนุ่มสาวจะทำให้กัน ซึ่งชนชั้นสูงและราชวงศ์จะเข้าครัวไปลงมือทำตัวตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

   ยิ่งไปกว่านั้น เซเลนที่เป็นแค่เด็กและยังไม่เคยมีโอกาสทำอาหารมาก่อน ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าครัว แต่ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ตามธรรมชาติ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มิลานและคุมะฮาจิประหลาดใจได้แล้ว

 

   ในชีวิตก่อน เซเลนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครทำอาหารให้ ถ้าอยากกินของอร่อยในราคาที่คุ้มค่าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเอง จึงมีความสามารถในการทำอาหารได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับทำของยากๆที่ต้องใช้เวลานานได้ ส่วนใหญ่ก็แค่นำเนื้อมาหั่นเป็นชิ้นและนำไปปรุงสุกตามใจอยากเท่านั้น นั่นก็ทำให้เซเลนเป็นชายแก่ที่มีความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่พอประมาณ

 

“(พระเจ้ามอบพรสวรรค์ให้เด็กคนนี้มากแค่ไหนกันนะ?)”

“เจ้าชาย กินสิ”

 

  เธอลืมนึกถึงคุมะฮาจิซะสนิทโดยที่ยังยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้กับเจ้าชาย อาหารที่นำมามีอัตราส่วนของผักน้อยมาก มีแต่เนื้อสัตว์ที่กลบส่วนประกอบอื่นจนมิด มิลานเป็นเด็กหนุ่มวัยกำลังโตจึงชื่นชอบเนื้อสัตว์เป็นพิเศษ ประกอบกับการที่ฝึกจนเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ทำให้มีความอยากอาหารสูงตามไปด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นกรณีเดียวกับคุมะฮาจิด้วยเช่นกัน

 

“ส่วนของข้าน้อยล่ะขอรับ?”

“ไม่มี”

 

  เมื่อเซเลนตอบอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่คุมะฮาจิก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาก็รู้ดีว่าเจ้าชายต้องพิเศษกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าได้คำตอบออกมาทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด มันก็น่าเศร้าอยู่เหมือนกัน

 

“คุมะฮาจิ ให้ผมแบ่งให้ไหม?”

“หืม! ถ้ารับประทานแต่ของเลี่ยนๆก็ลงพุงกันพอดีสิขอรับ!”

 

  เพื่อโต้ตอบคำพูดล้อเลียนของมิลาน คุมะฮาจิพูดตัดบทและเดินไปรวมกับทหารคนอื่นๆที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ อาหารที่แจกจ่าย ปริมาณก็เพียงพอสำหรับทหารทุกคนรวมถึงคุมะฮาจิด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นอาหารทำมือของเจ้าหญิงแสนสวยตัวน้อย ก็อาจจะมีคาดหวังบ้าง

 

“กินซะ กินซะ!”

“หวา เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้ครับ”

 

  จากเดิมที่คิดไว้คือหลังจากหยุดพักสั้นๆจะกลับไปฝึกซ้อมต่อทันทีที่หายเหนื่อย แต่ตอนนี้มิลานถูกเซเลนบังคับให้นั่งลงใต้ร่มไม้ที่ต้นไม้ใหญ่ คุมะฮาจิพูดถูก อาหารขาดความสมดุลจนเลี่ยน ปริมาณไขมันก็สูง ถ้ากินเข้าไปต้องทำให้อ้วนขึ้นแน่ ถึงจะลังแล แต่ต่อหน้าเซเลนที่จ้องมองตาเป็นประกายอยู่ข้างๆมันก็ไม่มีทางเลือก

 

“เครื่องดื่ม ก็มี”

“อ่า ขอบคุณครับ”

 

   มิลานใส่ชิ้นเนื้อเข้าปาก โดยปกติแล้วเขาจะได้กินแต่อาหารชั้นเลิศสำหรับชนชั้นสูง แม้ระหว่างการเดินทางที่จะมีแค่อาหารแห้งก็ยังมีคนทำอาหารฝีมือดีติดตามไปด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินอาหารทำมือในระดับทั่วไปจริงๆ

 

“หืม!? นี่มัน!?”

“เป็นยังไง?”

“อืม ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงภายนอกจะดูแปลกหน่อย แต่เรื่องรสชาติเรียกได้ว่าอร่อยได้เลยครับ”

“ดีจัง”

 

  เซเลนลูบอกอย่างสบายใจและส่งรอยยิ้มที่งดงามชวนให้นึกถึงดอกไม้แรกแย้ม

  สายลมที่พัดมาทำให้เส้นผมสีขาวของเธอปลิวไสว กระทบกับแสงแดดที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ลงมา จนดูเหมือนเหล่าภูติ

 

“กินสิ กินอีก กินเยอะๆ”

“ไม่ไหวหรอกครับ ถึงจะอร่อยก็จริง แต่ถ้าให้กินเยอะขนาดนี้มันก็…”

“กินซะ!”

 

  คำพูดของเจ้าชายถูกเมิน เซเลนโกยเนื้อลงไปบนจานของเขามากขึ้นไปอีก

  มิลานลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานอาหารตะกร้าก็ได้หมดลง อาจเป็นเพราะรสชาติของอาหารที่ทำให้ทานง่ายประกอบกับร่างกายที่ต้องการที่กำลังต้องการสารอาหาร

 

“กินมากเกินไปแล้วครับ ขยับตัวไม่ไหวแล้ว”

“อร่อยนี่นา?”

“อือ ถ้าได้ทานอีกครั้งก็ดีนะครับ”

“จริงเหรอ!? ถ้าอย่างงั้น วันพรุ่งนี้ จะทำมาอีก”

“ไม่ต้องฝืนตัวเองเพื่อผมก็ได้ เซเลนร่างกายอ่อนแอในช่วงกลางวันไม่ใช่หรือครับ?”

“เจ้าชาย กำลังพยายาม ฉันก็ จะช่วย”

 

 คำพูดนั้นทำให้มิลานตื้นตัน

 นอกจากชวานผู้เป็นบิดาแล้ว เหล่าชนชั้นสูงโดยเฉพาะสตรีจะสนใจแต่ความสามารถทางศิลป์ของมิลานเท่านั้น ไม่เคยพูดถึงความสามารถทางวิชาดาบของเขาเลย แม้กระทั่งแม่กับน้องสาวก็ไม่ค่อยยินดีกับงานอดิเรกของเขานัก ที่ยังปล่อยให้ทำอยู่ก็เพราะยังมีเหตุผลที่ว่า ‘ในเมื่อเป็นเจ้าชาย อย่างน้อยก็ควรฝึกร่างกายเพื่อรักษารูปร่างเอาไว้ด้วย’

 

  แต่เซเลนนั้นต่างออกไป เธอไม่ได้ดูแคลนด้านนี้ของเขา อีกทั้งยังบอกว่าจะสนับสนุนอีก เป็นผู้หญิงคนแรกที่พบเห็นจากการเดินทางมาทั่วทวีป

 

“ถ้าอย่างงั้น… ก็อย่าหักโหมล่ะ”

“ไว้ใจได้เลย!”

 

   เซเลนพยักหน้า ท่าทางมีความสุข

 

“(เสร็จฉันล่ะ ไอ้โง่เอ๊ย!)”

 

  เบื้องหลังรอยยิ้มอันสดใส เซเลนกำลังได้ใจจากการที่ขั้นตอนแรกของแผนร้ายสำเร็จไปได้ด้วยดี

 

   ตามที่ได้สอดแนมมา ทำให้รู้ว่าจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีใส่ตรงๆนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าอย่างงั้นก็ต้องทำให้ตายด้วยพิษ แต่การที่จะได้ยาพิษที่มีประสิทธิภาพมาครอบครองมันก็เป็นเรื่องยาก

 

  มันไม่ใช่ของที่จะวางขายตามร้านทั่วไปในเมือง ถึงมันจะมีขายอยู่จริงก็พูดออกไปไม่ได้ว่า ‘ขอโทษค่ะ ขอซื้อยาพิษสำหรับฆ่าชายหนุ่มสุขภาพดีหน่อย’ ‘ได้เลย’ แล้วยังไงต่อล่ะ ถ้าลองคิดให้ลึกลงไปอีกขั้น

 

 ก็คือ ‘กินของอร่อยที่ไม่มีประโยชน์ให้เยอะๆ’ ไงล่ะ

 

  คำพูดของบัตเลอร์ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ในชีวิตก่อนตอนที่ไปตรวจร่างกาย ตอนนั้นได้ถูกหมอเตือนว่า ภาวะโภชนาการแย่มาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ‘เป็นอันตรายถึงชีวิต!’ แต่ก็ไม่ได้สนใจคำเตือนของแพทย์ สุขภาพจึงทรุดโทรม และได้มาเป็นเซเลน อาร์คุยล่าอย่างทุกวันนี้ มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วด้วยชีวิตของตัวเอง

 

“หมีรู้ เหมือนกัน”

 

  เซเลนพูดออกมาเบาๆ แม้ว่าเจ้าชายจะไม่ได้สังเกตความหมายในคำพูดนั้นแต่คุมะฮาจิก็ได้พูดออกไปแล้ว อาหารมื้อนี้เน้นที่ปริมาณไขมันและการปรุงรสก็เน้นเค็มเป็นหลัก หากรับประทานอาหารแบบนี้เข้าไปมากๆ ระดับคอเลสเตอรอลก็จะขึ้นสูงและยังเป็นโรคความดันโลหิตสูงพ่วงด้วยอีกแน่นอน มันเป็นพิษที่จะออกฤทธิ์อย่างช้าๆ สมแล้วที่เป็นคุมะฮาจิ

 

  ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ผลตามที่ต้องการ แต่การเดินทางหมื่นลี้ต้องเริ่มที่ก้าวแรกเสมอ เซเลนถอนหายใจด้วนความโล่งอกเพราะในที่สุด แผนการกำจัดเจ้าชายที่ไร้จุดอ่อนนั่นก็ได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

 

 ――แต่เซเลนก็ได้ทำผิดอย่างมหันต์

 

   มันก็จริงที่ว่า หากได้รับคอเลสเตอรอลและโซเดี้ยมมากเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ แต่นั่นคือสำหรับชายวัยกลางคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย อย่างเซเลนในชีวิตก่อน

 

    สำหรับมิลาน ที่ฝึกจนร่างกายเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าถึงขีดสุดอยู่เป็นประจำโดยที่ไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสม โปรตีน ไขมัน และเกลือแร่ เป็นสิ่งจำเป็น อาหารของเซเลนชดเชยสารอาหารที่ขาดไปของมิลานได้เป็นอย่างดี

 

  มิลานที่ไม่ได้รู้ตัวเรื่องนั้นเลย กำลังคิดอยู่ว่า เจ้าหญิงผู้น่ารักจะทำอาหารแบบไหนมาให้ทานในวันพรุ่งนี้ ส่วนเซเลนก็กำลังคิดว่า พรุ่งนี้จะทำอาหารประเภทไหนที่จะทำให้สุขภาพของเจ้าชายทรุดโทรมได้ดีที่สุด

 

  มิลานเละเซเลนรู้สึกตื่นเต้นจนยิ้มออกมาให้กัน ทั้งคู่ความคาดหวังให้ถึงวันพรุ่งนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+