[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.02: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.02: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 02

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1)

 

 

  บนถนนสายหลักของเฮลิฟาลเต้คับคั่งไปด้วยพ่อค้า นักเดินทาง นักแสดงข้างถนน และชาวเมืองมากมายเหมือนทุกที เมื่ออาทิตย์ตกดินในยามพลบค่ำก็เริ่มซบเซาไปตามเวลา แต่ก็มีสถานที่หนึ่งแตกต่างออกไป ผู้คนออกเดินตามร้านต่างๆที่เพิ่งเปิดกันอย่างคึกคักตรงข้ามกับตอนกลางวัน

 

   ย่านสถานเริงรมย์ที่อยู่อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวงซึ่งถูกยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ในยามราตรี มีทั้งบ่อนพนัน ร้านเหล้า มีแม้กระทั่งซ่องโสเภณี สิ่งกระตุ้นตัณหาของผู้คนทั้งหลายถูกรวบรวมมาไว้ในส่วนนี้ และจะเปิดบริการอย่างเต็มที่ในยามค่ำต่างจากร้านทั่วไปบนถนนสายหลัก

 

  ชายผู้หนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมผ้าคลุมทั้งตัวปิดบังใบหน้า จึงไม่สามารถบรรยายรูปลักษณ์ของเขาได้มากนัก ส่วนหนึ่งของใบหน้าที่เห็นผ่านฮู้ดคลุมเมื่อสะท้อนกับแสงเพียงเวลาสั้นๆจะเห็นผิวสีขาวกับดวงตาสีแดงซึ่งเป็นเรื่องที่หายากอย่างมาก แต่การที่เขาแต่งตัวเช่นนั้นเดินอยู่กับฝูงชนก็ไม่ได้ดูโดดเด่นเลย

 

   อันที่จริง ไม่ใช่สีผิวกับดวงตาเท่านั้นที่เป็นของแปลก เรียกได้ว่าไม่เคยมีใครในที่นี่เคยพบเห็นบุคคลแบบเขามาก่อนอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ตั้งแต่แรก

 

“เฮ้อ ที่นี่มันอะไรกัน ป่านนี้แล้วคนยังเยอะชะมัด”

 

   ชายในผ้าคลุม หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์นามว่ากี เดินเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากบนถนนในย่านสถานเริงรมย์

 

“เซเลนต้องการอะไรจากที่แบบนี้กันนะ”

 

   กีบ่นออกมา และคิดถึงเรื่องไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนที่เซเลนมาขอร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง

 

 

“กี กี”

“หืม?”

 

  หลังการประชุมระหว่างเผ่าพันธุ์กับมนุษย์ในวันนี้ ขณะที่กีกำลังจะเดินกลับไปยังห้องรับรองในปราสาทก็ถูกเรียกตัวระหว่างทาง เมื่อหันไปมองก็เห็นเซเลนหลบอยู่ที่มุมเสา กวักมือเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“ว่าไง? มีเรื่องอะไร?”

“อือ”

 

  เมื่อเข้าไปใกล้กับเซเลน กีก็ถูกเซเลนจับแขนเอาไว้และจูงไปที่ห้องของเธอ จากนั้นเธอก็โผล่หน้าออกไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้วจึงปิดประตู

 

“กี ช่วยหน่อย”

“ช่วยอะไรล่ะ? เรื่องของมนุษย์หรือเปล่า? ถ้าใช่ก็ไปขอมิลานน่าจะง่ายกว่านะ”

“ชี่!”

 

  เซเลนยกนิ้วชี้มาจ่อไว้ที่ปาก ห้ามไม่ให้พูดเสียงดัง ทำให้กียิ่งสงสัย

 

“ไอ้นั้น ไม่ได้”

“มิลานช่วยไม่ได้เหรอ หรือเป็นเรื่องที่มีแต่ผมที่ทำได้?”

“ถูกเผง!”

“ถูก-… อะไรนะ?”

 

  ถึงการที่เรียกเจ้าชายของประเทศหนึ่งว่า ไอ้นั่น จะฟังดูไม่เหมาะสม แต่เซเลนก็ดูเหมือนจะตั้งใจ ก็เลยได้แต่ปล่อยผ่านไป จากนั้นเซเลนในชุดนักบวชจากตอนประชุมก็เดินไปเปิดลิ้นชักคุ้ยหากระดาษแผ่นหนึ่งมายื่นให้กับกี

 

“อะไรอีกล่ะ? แผนที่เหรอ?”

“ดู แผนที่ เฮลิฟาลเต้”

 

  ในกระดาษที่เซเลนนำมาแสดง มีผังเมืองคร่าวๆของเมืองหลวงเฮลิฟาลเต้วาดไว้ เป็นภาพที่เธอคัดลอกมาจากข้อมูลของบัตเลอร์ ภาพวาดและตัวอักษรค่อนข้างดูยากจากลายมือที่ยุ่งเหยิงตามประสาเซเลน

 

“(อย่างกับเด็กวาดรูปเล่นแหนะ)”

 

  ถึงเซเลนจะเป็นนักบวชมังกรแต่ก็ยังเป็นแค่เด็ก นานๆทีแสดงอะไรที่ดูแล้วสมอายุให้เห็นก็ทำให้กียิ้มออกมาได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่การแสดงออกแบบเด็กๆ เป็นเพราะเธอไม่ถนัดวาดรูปกับลายมือชุ่ยอยู่แล้วต่างหาก

 

“เห็นแล้ว แล้วยังไงต่อล่ะ จะให้ไอ้นี่กับผมเหรอ?”

“นี่ ตรงนี้! สำคัญ!”

“ตรงนี้? ก็ไม่มีอะไรเขียนไว้หนิ?”

 

  บนแผนที่ของเซเลนมีตัวหนังสือลายมือยึกยือกำกับสถานที่ไว้อย่างคร่าวๆเช่น ‘สำนักงาน’ หรือ ‘ร้าน’ แต่ส่วนที่เซเลนบอกว่าสำคัญกลับไม่มีอะไรวาดหรือเขียนเอาไว้เลย เป็นการปล่อยว่างเอาไว้เฉยๆ

 

“ที่นี่ ไปดูให้หน่อย”

“หา? ให้ผมไปเนี่ยนะ?”

“อือ”

 

   เซเลนพูดอย่างจริงจัง ดูไม่เหมือนล้อเล่น น่าจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ กีจึงถามเรื่องที่เขาสงสัยมาตั้งแต่แรก

 

“ทำไมไม่ใช้มนุษย์ล่ะ? ฐานะของเธอก็ดูแล้วน่าจะสั่งการคนได้มากมายแท้ๆ”

“ไม่ได้ กี ดีกว่า”

“ทำไมต้องเป็นผมล่ะ… จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะนะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพาซานาไปด้วย…”

“ซานา ไม่ได้!”

 

   เซเลนปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้ในหัวของกีมีคำถามมากขึ้นไปอีก

 

“แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย?”

“กี ไปคนเดียว”

“ให้ไปที่ที่ไม่รู้จักคนเดียว?”

“ขอร้อง ครั้งเดียวในชีวิต!”

 

   เซเลนประสานมืออ้อนวอนกี คนฉลาดอย่างเซเลนเลือกเขาเพื่อทำเรื่องนี้ต้องมีความหมายอยู่แน่ ถามต่อไปก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี กีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ

 

“ถ้าเป็นภารกิจที่ท่านนักบวชมังกรมอบให้ก็ช่วยไม่ได้”

“เย้!”

“ทำอะไรน่ะ?”

 

  ทันทีที่กีตอบตกลง เซเลนก็ลงไปหมอบอยู่บนพรมในท่าแปลกๆ ก้มหัวจนหน้าผากติดพื้น ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นก็จะเห็นเป็นท่าโดเกสะ*แบบมาตรฐาน แต่ในที่นี่จะมีแต่ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมแปลกๆนั้น  ทั้งที่การใช้วัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างกับคนที่ไม่เข้าใจจะทำให้เธอถูกมองอย่างแบ่งแยกมาก่อน แต่เซเลนก็ไม่สนใจอยู่ดี

 

   อีกทั้ง ‘คำขอร้องครั้งเดียวในชีวิต’ ของเซเลนจะถูกใช้ปีละหลายครั้ง คนที่เคยได้ยินมาก่อนก็จะรู้ว่าไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด

                                                               

 

   ดังนั้น กีจึงต้องปกปิดตัวตนด้วยผ้าคลุม ซ่อนหูที่เป็นลักษณะของเอลฟ์ และออกมาเดินบนถนนในยามดึกอยู่เช่นนี้ เมื่อมาถึงจุดที่น่าจะตรงกับในแผนที่ก็พบกับถนนสายหนึ่งที่มีบรรยากาศเสื่อมโทรมต่างออกไป กีรู้สึกลังเลที่จะต้องเดินเข้าไปแต่เพราะมันเป็นคำขอของเซเลนจึงต้องทำ

 

“ถ้าต้องการตรวจสอบ ให้ซานาจัดการน่าจะง่ายขึ้นเยอะ”

 

   บรรยากาศเฉพาะตัวของสถานที่นี้ทำให้กีรู้สึกเวียนหัว ยืนพิงกำแพงแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าเป็นการสะกดรอยหรือค้นหาสัตว์ป่าก็จะทำได้ง่ายๆ แต่เมืองของมนุษย์แตกต่างจากป่าสีขาวมากนัก ซานาที่มีความสามารถควบคุมพลังเวทย์ได้ละเอียดอ่อนมากกว่าอีกทั้งสายตาและประสาทหูก็ดีกว่า ถ้าเป็นการตรวจสอบ ซานะจะเหมาะสมที่สุด

 

“ก็พอเข้าใจอยู่หรอก ว่าทำไมเซเลนถึงไม่อยากให้ซานามา”

 

   แม้ว่ากีจะเข้าใจวัฒนธรรมของมนุษย์เพียงเล็กน้อย แต่พอจะคิดได้ว่าจุดประสงค์ของสถานที่แห่งนี้คืออะไร จากการที่มองไปรอบๆอย่างไร้จุดหมายก็เห็นชายหญิงทำเรื่องไร้ยางอายกันอย่างโจ่งแจ้งอยู่หลายคู่ จริงๆแล้วกีเองก็ถูกผู้หญิงพวกนั้นส่งเสียงทักอยู่หลายครั้ง

 

   ตัวเขาที่เป็นผู้ชายก็ยังถูกเข้าหาขนาดนี้ ค่านิยมในความงามของเอลฟ์และมนุษย์ก็ใกล้เคียงกัน ถ้าเป็นซานาก็อาจจะถูกรุมล้อมได้ง่ายๆ เซเลนต้องการให้ตรวจสอบอย่างเงียบๆ การที่ให้เขาเคลื่อนไหวเพียงคนเดียวจะสะดวกกว่า

 

“แล้ว จะให้มาตรวจสอบอะไร…”

 

   กีเกาหัวที่อยู่ใต้ผ้าคลุม เซเลนบอกเอาไว้แค่ ‘ไปดูที่นี่ให้หน่อย ไปถึงก็รู้เอง ถ้าเห็นว่าดีก็ทำได้เลย ไม่ต้องลังเล’ ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าทำอะไร หรืออยากให้หาอะไร

 

“มีอะไรนอกจากมนุษย์ผสมพันธุ์กันด้วยเหรอไง”

“หืม พี่ชายเองก็มาเพราะเรื่องนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“แกเป็นใคร?”

 

 ขณะที่เขายืนพิงกำแพงอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยก็มีคนส่งเสียงทักจากด้านข้าง กีเตรียมตัวให้พร้อมในทันที แต่คนที่ทักเขาเป็นเพียงผู้หญิง อายุยังไม่มาก ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นศัตรู แต่งกายด้วยชุดที่ขาดแคลนเนื้อผ้า ผมยาวพอทำให้ดูดี และน้ำหอมที่ทำให้กีระคายเคืองจมูก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา

 

“นี่ พี่ชาย ตอนนี้ฉันว่างอยู่ จะมาด้วยกันไหม?”

“ไม่ล่ะ ยุ่งอยู่”

“ก็เห็นยืนอยู่ตรงนี้เฉยๆมาสักพักแล้วนี่นา? รอใครอยู่ล่ะ เจ้าประจำเหรอ?”

“ไม่ได้มาเพื่อทำเรื่องแบบนั้นสักหน่อย…”

“งั้น ถ้าแค่ไปหาร้านดีๆนั่งคุยกันล่ะ? ฉันรู้จักร้านแถวนี้ด้วยนะ”

“…แค่นั้นก็ได้อยู่”

 

   กียังคงระแวงอยู่แต่ก็ตอบรับข้อเสนอของหญิงสาวคนนั้น ที่จริงแล้ว ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เพราะที่นี่แตกต่างจากป่าสีขาวจนไม่สามารถอ้างอิงอะไรได้เลย ถ้าอย่างนั้น ลองให้ผู้หญิงคนนี้แนะนำเรื่องที่ควรรู้ให้ก่อนก็ไม่เสียหาย

 

  จากนั้นกีก็ตามหญิงสาวคนนี้ไปที่อาคารใกล้ๆ เป็นโรงแรมที่ชั้นล่างเป็นบาร์เช่นเดียวกับร้านส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้ ดูจากจำนวนลูกค้าแล้วก็คิดได้ว่าร้านนี้เป็นที่นิยมพอควร ผู้คนในนั้นถ้าไม่ดื่มเหล้าเมามายก็พูดคุยลูบคลำผู้หญิงที่อยู่ด้วยกัน จึงไม่มีใครสนใจกีที่เดินเข้ามากับหญิงสาวและนั่งลงอยู่ที่โต๊ะมุมห้องเลย

 

“พี่ชายถอดเสื้อคลุมก็ได้นะ ไม่ร้อนเหรอ?”

“ไม่จำเป็น”

“หืม เอางั้นก็ได้”

 

   จากนั้น เธอก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มตามความเหมาะสม ส่วนกีก็เหลือบมองรอบๆภายในร้านอาหารเพื่อสังเกตการณ์สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

 

“พี่ชายท่าทางเหมือนไม่เคยเข้าร้านแบบนี้เลยนะ ไม่ใช่คนเมืองนี้เหรอ?”

“อืม ก็ไม่ใช่ ‘มนุษย์’ จากแถวนี้หรอก”

“แล้วมาจากแถวไหนล่ะ?”

 

  กีไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร เพราะในระหว่างเอลฟ์ด้วยกันจะไม่มีการแบ่งแยกอาณาเขต และป่าสีขาวทั้งหมดก็คือดินแดนของเอลฟ์ จะให้เจาะจง เช่น ‘เขตการปกครองของXXX’ ไม่ได้ 

 

“ถ้าถามว่าแถวไหน… ก็คงเป็นป่าล่ะมั้ง”

“ป่า… ตอบได้กว้างจังเลยน้า แต่ก็เข้าใจนะ! เป็นคนชนบทที่เดินทางมาเมืองหลวงสินะ”

“อือ ก็ตามนั้นแหละ”

 

  ดูเหมือนเธอจะพิจารณาจากการที่กีไม่รู้เรื่องในแถบนี้เลย ว่าเขาเป็นคนจากชนบทที่เพิ่งเคยเข้าเมือง แต่จริงๆแล้ว กีมาไกลกว่าชนบทมาก และก็ไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ

 

   ระหว่างพูดคุยกัน อาการก็ถูกนำมาเสริฟจนครบ ซึ่งก็เป็นแค่ชุดอาหารที่มีเนื้อเป็นหลักกับเหล้าราคาถูก ซึ่งหญิงสาวรับเหล้าแล้วดื่มมันลงคอในทันที โดยที่กีไม่ได้สนใจอาหารเบื้องหน้าเลย อย่างมากเขาก็จิบแต่น้ำเท่านั้น แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ และยังพยายามชวนคุยต่อไป

 

“แถวนี้มีอันตรายเยอะนะ ยิ่งคนต่างถิ่นตัวคนเดียวแบบนี้ ถ้าเข้าร้านผิดขึ้นมา ได้ถูกหลอกหมดตัวแน่ แต่ไหนๆก็ได้มาเจอกันแล้ว เลือกฉันเลยไหมล่ะ? คิดไม่แพงหรอก”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ว่าง! …เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยว่ามนุษย์พวกนี้คิดอะไรอยู่”

“พูดอย่างกับพี่ชายไม่ใช่มนุษย์แหนะ”

 

   หญิงสาวหัวเราะออกมาพร้อมกับกลิ่นเหล้า แต่กีก็แค่จิบน้ำต่อไปอย่างเงียบๆ ช่วยไม่ได้ที่กีจะไม่เข้าใจ เพราะสถานที่นี้แตกต่างกับสังคมของเขามากเกินไป

 

   ในหมู่เอลฟ์จะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระดับครอบครัว ชายหญิงจะตัดสินใจเลือกคู่และอยู่ด้วยกันจนวันตาย ความคิดการหาความสุขชั่วข้ามคืนจึงไม่มีอยู่ในหัวของกี

 

“โธ่ พี่ชายทำตัวน่าเบื่อจริงๆ ทั้งที่มีผู้หญิงสวยขนาดนี้เอ่ยปากชวนแท้ๆ หรือว่าจะเป็นพวกที่มีรสนิยมแปลกๆกันล่ะ? เป็นพวกนิยมเด็กตัวเล็กๆงั้นเหรอ? ถ้าอยากได้แบบนั้นก็ต้องไปหาอีกที่แล้วล่ะ ถนนสายนี้มีแต่แบบปรกติธรรมดา”

“คิดว่าผมเป็นคนยังไงกันเนี่ย… ไม่สิ ที่พูดมาเมื่อกี้ แปลว่ามีคนทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?”

“หุหุ สนใจล่ะสิ?”

“อือ”

“อื่ม ถ้าเลี้ยงอาหารแล้วจะบอกให้ก็ได้ ถือเป็นบริการพิเศษก็แล้วกัน เกี่ยวกับช่องทางติดต่อพวกนอกกฎหมายที่รู้กันเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น”

“นอกกฎหมาย? เขตนี้อยู่ในการดูแลของราชาไม่ใช่เหรอ? แล้วยังทำเรื่องผิดกฎหมายได้อีกเนี่ยนะ”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย เมืองใหญ่ขนาดนี้ อยากซ่อนอะไรก็ซ่อนได้หมดแหละ”

 

   หญิงสาวพูดเสียงเบา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับกีเพื่อให้มีแต่เขาที่ได้ยิน กีก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูด

 

“ถ้าจะทำธุรกิจสถานบริการในย่านนี้ต้องมีใบอนุญาตจากทางวังหลวงก่อน แต่ก็มีการบริการบางประเภทที่ขออนุญาตไม่ได้ ก็เลยเปิดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นมาแทน”

“เดี๋ยวก่อน”

“หืม? ว่าไง?

“สถานรับเลี้ยง คืออะไรน่ะ?”

“สงสัยตรงนั้นเนี่ยนะ!?”

 

   หญิงสาวแทบจะล้มหมอบลงไปบนโต๊ะ คนคนนี้มาจากบ้านนอกขนาดไหนกัน เธอรู้สึกว่าตัวเองฉลาดก็ตอนนี้แหละ และหญิงสาวก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อไปอีกสักพัก

  และในที่สุดกีก็เข้าใจได้คร่าวๆว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามีไว้สำหรับดูแลเด็กกำพร้าที่ไม่มีไม่มีคนดูแล

 

  เพราะจำนวนประชากรของเอลฟ์กับมนุษย์นั้นแตกต่างกันมาก เอลฟ์ทั้งหมดในป่าสีขาวจึงอยู่กันอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน หากทั้งสามีภรรยาเสียชีวิตโดยทิ้งลูกเล็กๆไว้ เด็กก็จะถูกครอบครัวอื่นรับไปดูแล หรืออาจจะถูกรับเลี้ยงโดยหมู่บ้านอื่นเลยก็ได้ ซึ่งเอลฟ์ทั้งป่าก็สามารถเป็นพ่อแม่ให้ได้ทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแล กีจึงเห็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นเรื่องแปลก

 

“เท่าที่ฟังดูมันก็คือที่สำหรับเลี้ยงดูเด็กที่ถูกทิ้งให้เติบโตนี่นา องค์กรการกุศลแบบนี้จะทำผิดกฎหมายกันทำไม”

“นี่ไงล่ะ เพราะคิดแบบนี้กันไงล่ะ”

“อะไรอีกล่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

 

  หญิงสาวพูดให้เป็นปริศนาและหัวเราะให้กับท่าทางของกีที่ไม่เข้าใจ และกีก็ได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนี้กำลังแหย่เขาเล่น เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องกฎระเบียบในดินแดนของมนุษย์มาก่อน ไม่มีแม้กระทั้งพื้นฐาน การทำความเข้าใจจึงเป็นเรื่องยาก

 

“มีแต่คนที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานประเภทนี้ แต่สำหรับพวกที่มีรสนิยมชอบเด็กอายุน้อยก็ต้องยอมจ่ายเงินมากขึ้นไปกับเรื่องผิดกฎหมายเพื่อเติมเต็มความปรารถนา และสถานที่ที่รวบรวมเด็กๆไว้ให้คนพวกนั้นก็คือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไงล่ะ”

“หา!? ไม่ใช่ว่าไอ้โรงเลี้ยงนั่นเป็นที่สำหรับเด็กหรอกเหรอ!?”

“มันก็จริงสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าส่วนใหญ่ แต่ก็มีพวกที่ใช้เป็นฉากหน้าเพื่อรวบรวมเด็กขึ้นมาและใช้ทำธุรกิจอย่างว่าในเบื้องหลังอยู่เหมือนกัน อ๊ะ แล้วก็อย่าไปบอกใครต่อล่ะ พูดมากไปเดี๋ยวจะเป็นอันตรายเอานะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

   เมื่อได้ฟังมามากพอแล้ว กีก็ลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากร้าน

 

“นี่ เดี๋ยวสิ! จะไปไหนน่ะ!?”

“ไปโรงเลี้ยงที่ว่านั่นไง”

“เอ่อ จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ได้ยินมาเท่านั้นเอง เข้าใจไหม? ฉันเองก็ไม่รู้รายระเอียดนักหรอก”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

 

  กีเดินไปทางประตูร้านทันทีที่พูดจบ หญิงสาวเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก็รู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้จึงหยุดเขาไว้

 

“เดี๋ยวก่อน! ค่าอาหารล่ะ!”

“อ๊ะ ขอโทษที แค่นี้พอไหม?”

 

   กีหยิบเหรียญทองขนาดใหญ่ออกมาจากใต้ผ้าคลุมและยัดมันลงไปในมือของหญิงสาว

 

“นี่มัน?”

“ว่าไง? พอไหม?”

“ไม่สิ นี่มันยิ่งกว่าพออีกนะ”

“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีก ผมจะไปล่ะนะ”

“อะ อือ ขอให้โชคดี…”

 

   หญิงสาวเก็บเงินที่ได้รับมาทันทีและดูสงบเสงี่ยมขึ้น กีแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็หันหลังกลับ โบกมือ และเดินออกจากร้านอาหาร ถ้าจ่ายเงินไปครบถ้วนแล้วก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก จึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

  หลังจากหญิงสาวกลับไปจ่ายค่าอาหารทั้งที่ยังเหลืออยู่เต็มโต๊ะ เธอก็ออกจากร้านอย่างรวดเร็วราวกับต้องการหนีจากอะไรบางอย่าง เธอออกไปหลบอยู่ในมุมมืด หยิบเหรียญทองที่ได้รับขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง

   

“นี่มัน ที่พวกชนชั้นสูงเขาใช้กัน…”

 

  เหรียญที่กีให้ไปเป็นเหรียญทองคำขนาดใหญ่ประทับตรานกอินทรี เป็นเหรียญชนิดที่มีค่ามากที่สุดที่ออกโดยเฮลิฟาลเต้ รายได้จากการทำงานของหญิงสาวรวมกันหลายเดือนก็ยังไม่รู้ว่าจะมีค่าเท่ากับเหรียญนี้เหรียญเดียวหรือเปล่า แต่อยู่ดีๆก็ได้รับมาง่ายๆ คนที่ให้ก็แค่ส่งมันมาและเดินจากไปเหมือนไม่มีค่าอะไร

 

“หรือจะเป็นสายลับจากคนในวัง เมื่อกี้พูดมากไปแล้วสิ”

 

   ตอนแรกที่เธอเห็น เขาเป็นแค่คนที่ทำตัวแปลกๆไม่คุ้นกับสถานที่เหมือนเพิ่งมาจากบ้านนอก จึงลองเข้าไปทักดูเผื่อจะได้ลูกค้าที่ว่าง่ายสำหรับคืนนี้

 

  แต่หลังจากคุยกันจบแล้ว พฤติกรรมของเขาก็เปลี่ยนไป ราวกับท่าทางไร้เดียงสาในตอนแรกเป็นแค่การแสดงเพื่อล่อให้เธอพูดถึงเบื้องหลังของย่านสถานเริงรมย์ออกมา เรียกได้ว่าเชี่ยวชาญพอสมควร

 

“นี่ก็ค่าปิดปากสินะ”

 

  มือของเธอสั่นเล็กน้อย เธอเก็บเหรียญทองกลับไป มูลค่าของมันเทียบไม่ได้กับค่าอาหาร นั่นก็เพราะมันเป็นราคาสำหรับให้เธอทำเหมือนกับว่า ‘พวกเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้’ เป็นการบอกทางอ้อมว่าอย่าไปพูดกับใครอีกนั่นเอง

 

“กลับดีกว่า!”

 

   ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ถ้าเกี่ยวข้องไปมากกว่านี้ก็จะเป็นอันตรายได้ เหงื่อเย็นๆไหลไปตามแผ่นหลังของเธอ ภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรงใดๆหรือมีคนน่าสงสัยมาหาเธออีก โชคดีที่ไม่ได้ถามชื่อของเขาและไม่ได้บอกชื่อของตนเองออกไป ตราบใดที่ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วง

 

 

   อนึ่ง เธอเข้าใจผิดเรื่องเหรียญทองนั้น มันไม่ใช่ค่าปิดปากจากกี แต่เพราะเขาไม่รู้มูลค่าของเหรียญ จึงเลือกเหรียญที่ดูดีที่สุดให้ไป

 

  เธอที่ไม่รู้เรื่องดังกล่าวก็ได้แต่หวาดระแวงสุนัขรับใช้จากวังหลวง และเธอก็เดินไปปะปนกับผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในยามราตรีเพื่อซ่อนตัว

 

____________________

*

土下座(dogeza) ท่าหมอบกราบแบบญี่ปุ่น มักใช้ในการขอขมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.02: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.02: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 02

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1)

 

 

  บนถนนสายหลักของเฮลิฟาลเต้คับคั่งไปด้วยพ่อค้า นักเดินทาง นักแสดงข้างถนน และชาวเมืองมากมายเหมือนทุกที เมื่ออาทิตย์ตกดินในยามพลบค่ำก็เริ่มซบเซาไปตามเวลา แต่ก็มีสถานที่หนึ่งแตกต่างออกไป ผู้คนออกเดินตามร้านต่างๆที่เพิ่งเปิดกันอย่างคึกคักตรงข้ามกับตอนกลางวัน

 

   ย่านสถานเริงรมย์ที่อยู่อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวงซึ่งถูกยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ในยามราตรี มีทั้งบ่อนพนัน ร้านเหล้า มีแม้กระทั่งซ่องโสเภณี สิ่งกระตุ้นตัณหาของผู้คนทั้งหลายถูกรวบรวมมาไว้ในส่วนนี้ และจะเปิดบริการอย่างเต็มที่ในยามค่ำต่างจากร้านทั่วไปบนถนนสายหลัก

 

  ชายผู้หนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมผ้าคลุมทั้งตัวปิดบังใบหน้า จึงไม่สามารถบรรยายรูปลักษณ์ของเขาได้มากนัก ส่วนหนึ่งของใบหน้าที่เห็นผ่านฮู้ดคลุมเมื่อสะท้อนกับแสงเพียงเวลาสั้นๆจะเห็นผิวสีขาวกับดวงตาสีแดงซึ่งเป็นเรื่องที่หายากอย่างมาก แต่การที่เขาแต่งตัวเช่นนั้นเดินอยู่กับฝูงชนก็ไม่ได้ดูโดดเด่นเลย

 

   อันที่จริง ไม่ใช่สีผิวกับดวงตาเท่านั้นที่เป็นของแปลก เรียกได้ว่าไม่เคยมีใครในที่นี่เคยพบเห็นบุคคลแบบเขามาก่อนอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ตั้งแต่แรก

 

“เฮ้อ ที่นี่มันอะไรกัน ป่านนี้แล้วคนยังเยอะชะมัด”

 

   ชายในผ้าคลุม หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์นามว่ากี เดินเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากบนถนนในย่านสถานเริงรมย์

 

“เซเลนต้องการอะไรจากที่แบบนี้กันนะ”

 

   กีบ่นออกมา และคิดถึงเรื่องไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนที่เซเลนมาขอร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง

 

 

“กี กี”

“หืม?”

 

  หลังการประชุมระหว่างเผ่าพันธุ์กับมนุษย์ในวันนี้ ขณะที่กีกำลังจะเดินกลับไปยังห้องรับรองในปราสาทก็ถูกเรียกตัวระหว่างทาง เมื่อหันไปมองก็เห็นเซเลนหลบอยู่ที่มุมเสา กวักมือเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“ว่าไง? มีเรื่องอะไร?”

“อือ”

 

  เมื่อเข้าไปใกล้กับเซเลน กีก็ถูกเซเลนจับแขนเอาไว้และจูงไปที่ห้องของเธอ จากนั้นเธอก็โผล่หน้าออกไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้วจึงปิดประตู

 

“กี ช่วยหน่อย”

“ช่วยอะไรล่ะ? เรื่องของมนุษย์หรือเปล่า? ถ้าใช่ก็ไปขอมิลานน่าจะง่ายกว่านะ”

“ชี่!”

 

  เซเลนยกนิ้วชี้มาจ่อไว้ที่ปาก ห้ามไม่ให้พูดเสียงดัง ทำให้กียิ่งสงสัย

 

“ไอ้นั้น ไม่ได้”

“มิลานช่วยไม่ได้เหรอ หรือเป็นเรื่องที่มีแต่ผมที่ทำได้?”

“ถูกเผง!”

“ถูก-… อะไรนะ?”

 

  ถึงการที่เรียกเจ้าชายของประเทศหนึ่งว่า ไอ้นั่น จะฟังดูไม่เหมาะสม แต่เซเลนก็ดูเหมือนจะตั้งใจ ก็เลยได้แต่ปล่อยผ่านไป จากนั้นเซเลนในชุดนักบวชจากตอนประชุมก็เดินไปเปิดลิ้นชักคุ้ยหากระดาษแผ่นหนึ่งมายื่นให้กับกี

 

“อะไรอีกล่ะ? แผนที่เหรอ?”

“ดู แผนที่ เฮลิฟาลเต้”

 

  ในกระดาษที่เซเลนนำมาแสดง มีผังเมืองคร่าวๆของเมืองหลวงเฮลิฟาลเต้วาดไว้ เป็นภาพที่เธอคัดลอกมาจากข้อมูลของบัตเลอร์ ภาพวาดและตัวอักษรค่อนข้างดูยากจากลายมือที่ยุ่งเหยิงตามประสาเซเลน

 

“(อย่างกับเด็กวาดรูปเล่นแหนะ)”

 

  ถึงเซเลนจะเป็นนักบวชมังกรแต่ก็ยังเป็นแค่เด็ก นานๆทีแสดงอะไรที่ดูแล้วสมอายุให้เห็นก็ทำให้กียิ้มออกมาได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่การแสดงออกแบบเด็กๆ เป็นเพราะเธอไม่ถนัดวาดรูปกับลายมือชุ่ยอยู่แล้วต่างหาก

 

“เห็นแล้ว แล้วยังไงต่อล่ะ จะให้ไอ้นี่กับผมเหรอ?”

“นี่ ตรงนี้! สำคัญ!”

“ตรงนี้? ก็ไม่มีอะไรเขียนไว้หนิ?”

 

  บนแผนที่ของเซเลนมีตัวหนังสือลายมือยึกยือกำกับสถานที่ไว้อย่างคร่าวๆเช่น ‘สำนักงาน’ หรือ ‘ร้าน’ แต่ส่วนที่เซเลนบอกว่าสำคัญกลับไม่มีอะไรวาดหรือเขียนเอาไว้เลย เป็นการปล่อยว่างเอาไว้เฉยๆ

 

“ที่นี่ ไปดูให้หน่อย”

“หา? ให้ผมไปเนี่ยนะ?”

“อือ”

 

   เซเลนพูดอย่างจริงจัง ดูไม่เหมือนล้อเล่น น่าจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ กีจึงถามเรื่องที่เขาสงสัยมาตั้งแต่แรก

 

“ทำไมไม่ใช้มนุษย์ล่ะ? ฐานะของเธอก็ดูแล้วน่าจะสั่งการคนได้มากมายแท้ๆ”

“ไม่ได้ กี ดีกว่า”

“ทำไมต้องเป็นผมล่ะ… จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะนะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพาซานาไปด้วย…”

“ซานา ไม่ได้!”

 

   เซเลนปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้ในหัวของกีมีคำถามมากขึ้นไปอีก

 

“แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย?”

“กี ไปคนเดียว”

“ให้ไปที่ที่ไม่รู้จักคนเดียว?”

“ขอร้อง ครั้งเดียวในชีวิต!”

 

   เซเลนประสานมืออ้อนวอนกี คนฉลาดอย่างเซเลนเลือกเขาเพื่อทำเรื่องนี้ต้องมีความหมายอยู่แน่ ถามต่อไปก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี กีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ

 

“ถ้าเป็นภารกิจที่ท่านนักบวชมังกรมอบให้ก็ช่วยไม่ได้”

“เย้!”

“ทำอะไรน่ะ?”

 

  ทันทีที่กีตอบตกลง เซเลนก็ลงไปหมอบอยู่บนพรมในท่าแปลกๆ ก้มหัวจนหน้าผากติดพื้น ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นก็จะเห็นเป็นท่าโดเกสะ*แบบมาตรฐาน แต่ในที่นี่จะมีแต่ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมแปลกๆนั้น  ทั้งที่การใช้วัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างกับคนที่ไม่เข้าใจจะทำให้เธอถูกมองอย่างแบ่งแยกมาก่อน แต่เซเลนก็ไม่สนใจอยู่ดี

 

   อีกทั้ง ‘คำขอร้องครั้งเดียวในชีวิต’ ของเซเลนจะถูกใช้ปีละหลายครั้ง คนที่เคยได้ยินมาก่อนก็จะรู้ว่าไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด

                                                               

 

   ดังนั้น กีจึงต้องปกปิดตัวตนด้วยผ้าคลุม ซ่อนหูที่เป็นลักษณะของเอลฟ์ และออกมาเดินบนถนนในยามดึกอยู่เช่นนี้ เมื่อมาถึงจุดที่น่าจะตรงกับในแผนที่ก็พบกับถนนสายหนึ่งที่มีบรรยากาศเสื่อมโทรมต่างออกไป กีรู้สึกลังเลที่จะต้องเดินเข้าไปแต่เพราะมันเป็นคำขอของเซเลนจึงต้องทำ

 

“ถ้าต้องการตรวจสอบ ให้ซานาจัดการน่าจะง่ายขึ้นเยอะ”

 

   บรรยากาศเฉพาะตัวของสถานที่นี้ทำให้กีรู้สึกเวียนหัว ยืนพิงกำแพงแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าเป็นการสะกดรอยหรือค้นหาสัตว์ป่าก็จะทำได้ง่ายๆ แต่เมืองของมนุษย์แตกต่างจากป่าสีขาวมากนัก ซานาที่มีความสามารถควบคุมพลังเวทย์ได้ละเอียดอ่อนมากกว่าอีกทั้งสายตาและประสาทหูก็ดีกว่า ถ้าเป็นการตรวจสอบ ซานะจะเหมาะสมที่สุด

 

“ก็พอเข้าใจอยู่หรอก ว่าทำไมเซเลนถึงไม่อยากให้ซานามา”

 

   แม้ว่ากีจะเข้าใจวัฒนธรรมของมนุษย์เพียงเล็กน้อย แต่พอจะคิดได้ว่าจุดประสงค์ของสถานที่แห่งนี้คืออะไร จากการที่มองไปรอบๆอย่างไร้จุดหมายก็เห็นชายหญิงทำเรื่องไร้ยางอายกันอย่างโจ่งแจ้งอยู่หลายคู่ จริงๆแล้วกีเองก็ถูกผู้หญิงพวกนั้นส่งเสียงทักอยู่หลายครั้ง

 

   ตัวเขาที่เป็นผู้ชายก็ยังถูกเข้าหาขนาดนี้ ค่านิยมในความงามของเอลฟ์และมนุษย์ก็ใกล้เคียงกัน ถ้าเป็นซานาก็อาจจะถูกรุมล้อมได้ง่ายๆ เซเลนต้องการให้ตรวจสอบอย่างเงียบๆ การที่ให้เขาเคลื่อนไหวเพียงคนเดียวจะสะดวกกว่า

 

“แล้ว จะให้มาตรวจสอบอะไร…”

 

   กีเกาหัวที่อยู่ใต้ผ้าคลุม เซเลนบอกเอาไว้แค่ ‘ไปดูที่นี่ให้หน่อย ไปถึงก็รู้เอง ถ้าเห็นว่าดีก็ทำได้เลย ไม่ต้องลังเล’ ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าทำอะไร หรืออยากให้หาอะไร

 

“มีอะไรนอกจากมนุษย์ผสมพันธุ์กันด้วยเหรอไง”

“หืม พี่ชายเองก็มาเพราะเรื่องนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“แกเป็นใคร?”

 

 ขณะที่เขายืนพิงกำแพงอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยก็มีคนส่งเสียงทักจากด้านข้าง กีเตรียมตัวให้พร้อมในทันที แต่คนที่ทักเขาเป็นเพียงผู้หญิง อายุยังไม่มาก ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นศัตรู แต่งกายด้วยชุดที่ขาดแคลนเนื้อผ้า ผมยาวพอทำให้ดูดี และน้ำหอมที่ทำให้กีระคายเคืองจมูก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา

 

“นี่ พี่ชาย ตอนนี้ฉันว่างอยู่ จะมาด้วยกันไหม?”

“ไม่ล่ะ ยุ่งอยู่”

“ก็เห็นยืนอยู่ตรงนี้เฉยๆมาสักพักแล้วนี่นา? รอใครอยู่ล่ะ เจ้าประจำเหรอ?”

“ไม่ได้มาเพื่อทำเรื่องแบบนั้นสักหน่อย…”

“งั้น ถ้าแค่ไปหาร้านดีๆนั่งคุยกันล่ะ? ฉันรู้จักร้านแถวนี้ด้วยนะ”

“…แค่นั้นก็ได้อยู่”

 

   กียังคงระแวงอยู่แต่ก็ตอบรับข้อเสนอของหญิงสาวคนนั้น ที่จริงแล้ว ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เพราะที่นี่แตกต่างจากป่าสีขาวจนไม่สามารถอ้างอิงอะไรได้เลย ถ้าอย่างนั้น ลองให้ผู้หญิงคนนี้แนะนำเรื่องที่ควรรู้ให้ก่อนก็ไม่เสียหาย

 

  จากนั้นกีก็ตามหญิงสาวคนนี้ไปที่อาคารใกล้ๆ เป็นโรงแรมที่ชั้นล่างเป็นบาร์เช่นเดียวกับร้านส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้ ดูจากจำนวนลูกค้าแล้วก็คิดได้ว่าร้านนี้เป็นที่นิยมพอควร ผู้คนในนั้นถ้าไม่ดื่มเหล้าเมามายก็พูดคุยลูบคลำผู้หญิงที่อยู่ด้วยกัน จึงไม่มีใครสนใจกีที่เดินเข้ามากับหญิงสาวและนั่งลงอยู่ที่โต๊ะมุมห้องเลย

 

“พี่ชายถอดเสื้อคลุมก็ได้นะ ไม่ร้อนเหรอ?”

“ไม่จำเป็น”

“หืม เอางั้นก็ได้”

 

   จากนั้น เธอก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มตามความเหมาะสม ส่วนกีก็เหลือบมองรอบๆภายในร้านอาหารเพื่อสังเกตการณ์สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

 

“พี่ชายท่าทางเหมือนไม่เคยเข้าร้านแบบนี้เลยนะ ไม่ใช่คนเมืองนี้เหรอ?”

“อืม ก็ไม่ใช่ ‘มนุษย์’ จากแถวนี้หรอก”

“แล้วมาจากแถวไหนล่ะ?”

 

  กีไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร เพราะในระหว่างเอลฟ์ด้วยกันจะไม่มีการแบ่งแยกอาณาเขต และป่าสีขาวทั้งหมดก็คือดินแดนของเอลฟ์ จะให้เจาะจง เช่น ‘เขตการปกครองของXXX’ ไม่ได้ 

 

“ถ้าถามว่าแถวไหน… ก็คงเป็นป่าล่ะมั้ง”

“ป่า… ตอบได้กว้างจังเลยน้า แต่ก็เข้าใจนะ! เป็นคนชนบทที่เดินทางมาเมืองหลวงสินะ”

“อือ ก็ตามนั้นแหละ”

 

  ดูเหมือนเธอจะพิจารณาจากการที่กีไม่รู้เรื่องในแถบนี้เลย ว่าเขาเป็นคนจากชนบทที่เพิ่งเคยเข้าเมือง แต่จริงๆแล้ว กีมาไกลกว่าชนบทมาก และก็ไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ

 

   ระหว่างพูดคุยกัน อาการก็ถูกนำมาเสริฟจนครบ ซึ่งก็เป็นแค่ชุดอาหารที่มีเนื้อเป็นหลักกับเหล้าราคาถูก ซึ่งหญิงสาวรับเหล้าแล้วดื่มมันลงคอในทันที โดยที่กีไม่ได้สนใจอาหารเบื้องหน้าเลย อย่างมากเขาก็จิบแต่น้ำเท่านั้น แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ และยังพยายามชวนคุยต่อไป

 

“แถวนี้มีอันตรายเยอะนะ ยิ่งคนต่างถิ่นตัวคนเดียวแบบนี้ ถ้าเข้าร้านผิดขึ้นมา ได้ถูกหลอกหมดตัวแน่ แต่ไหนๆก็ได้มาเจอกันแล้ว เลือกฉันเลยไหมล่ะ? คิดไม่แพงหรอก”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ว่าง! …เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยว่ามนุษย์พวกนี้คิดอะไรอยู่”

“พูดอย่างกับพี่ชายไม่ใช่มนุษย์แหนะ”

 

   หญิงสาวหัวเราะออกมาพร้อมกับกลิ่นเหล้า แต่กีก็แค่จิบน้ำต่อไปอย่างเงียบๆ ช่วยไม่ได้ที่กีจะไม่เข้าใจ เพราะสถานที่นี้แตกต่างกับสังคมของเขามากเกินไป

 

   ในหมู่เอลฟ์จะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระดับครอบครัว ชายหญิงจะตัดสินใจเลือกคู่และอยู่ด้วยกันจนวันตาย ความคิดการหาความสุขชั่วข้ามคืนจึงไม่มีอยู่ในหัวของกี

 

“โธ่ พี่ชายทำตัวน่าเบื่อจริงๆ ทั้งที่มีผู้หญิงสวยขนาดนี้เอ่ยปากชวนแท้ๆ หรือว่าจะเป็นพวกที่มีรสนิยมแปลกๆกันล่ะ? เป็นพวกนิยมเด็กตัวเล็กๆงั้นเหรอ? ถ้าอยากได้แบบนั้นก็ต้องไปหาอีกที่แล้วล่ะ ถนนสายนี้มีแต่แบบปรกติธรรมดา”

“คิดว่าผมเป็นคนยังไงกันเนี่ย… ไม่สิ ที่พูดมาเมื่อกี้ แปลว่ามีคนทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?”

“หุหุ สนใจล่ะสิ?”

“อือ”

“อื่ม ถ้าเลี้ยงอาหารแล้วจะบอกให้ก็ได้ ถือเป็นบริการพิเศษก็แล้วกัน เกี่ยวกับช่องทางติดต่อพวกนอกกฎหมายที่รู้กันเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น”

“นอกกฎหมาย? เขตนี้อยู่ในการดูแลของราชาไม่ใช่เหรอ? แล้วยังทำเรื่องผิดกฎหมายได้อีกเนี่ยนะ”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย เมืองใหญ่ขนาดนี้ อยากซ่อนอะไรก็ซ่อนได้หมดแหละ”

 

   หญิงสาวพูดเสียงเบา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับกีเพื่อให้มีแต่เขาที่ได้ยิน กีก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูด

 

“ถ้าจะทำธุรกิจสถานบริการในย่านนี้ต้องมีใบอนุญาตจากทางวังหลวงก่อน แต่ก็มีการบริการบางประเภทที่ขออนุญาตไม่ได้ ก็เลยเปิดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นมาแทน”

“เดี๋ยวก่อน”

“หืม? ว่าไง?

“สถานรับเลี้ยง คืออะไรน่ะ?”

“สงสัยตรงนั้นเนี่ยนะ!?”

 

   หญิงสาวแทบจะล้มหมอบลงไปบนโต๊ะ คนคนนี้มาจากบ้านนอกขนาดไหนกัน เธอรู้สึกว่าตัวเองฉลาดก็ตอนนี้แหละ และหญิงสาวก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อไปอีกสักพัก

  และในที่สุดกีก็เข้าใจได้คร่าวๆว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามีไว้สำหรับดูแลเด็กกำพร้าที่ไม่มีไม่มีคนดูแล

 

  เพราะจำนวนประชากรของเอลฟ์กับมนุษย์นั้นแตกต่างกันมาก เอลฟ์ทั้งหมดในป่าสีขาวจึงอยู่กันอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน หากทั้งสามีภรรยาเสียชีวิตโดยทิ้งลูกเล็กๆไว้ เด็กก็จะถูกครอบครัวอื่นรับไปดูแล หรืออาจจะถูกรับเลี้ยงโดยหมู่บ้านอื่นเลยก็ได้ ซึ่งเอลฟ์ทั้งป่าก็สามารถเป็นพ่อแม่ให้ได้ทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแล กีจึงเห็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นเรื่องแปลก

 

“เท่าที่ฟังดูมันก็คือที่สำหรับเลี้ยงดูเด็กที่ถูกทิ้งให้เติบโตนี่นา องค์กรการกุศลแบบนี้จะทำผิดกฎหมายกันทำไม”

“นี่ไงล่ะ เพราะคิดแบบนี้กันไงล่ะ”

“อะไรอีกล่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

 

  หญิงสาวพูดให้เป็นปริศนาและหัวเราะให้กับท่าทางของกีที่ไม่เข้าใจ และกีก็ได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนี้กำลังแหย่เขาเล่น เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องกฎระเบียบในดินแดนของมนุษย์มาก่อน ไม่มีแม้กระทั้งพื้นฐาน การทำความเข้าใจจึงเป็นเรื่องยาก

 

“มีแต่คนที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานประเภทนี้ แต่สำหรับพวกที่มีรสนิยมชอบเด็กอายุน้อยก็ต้องยอมจ่ายเงินมากขึ้นไปกับเรื่องผิดกฎหมายเพื่อเติมเต็มความปรารถนา และสถานที่ที่รวบรวมเด็กๆไว้ให้คนพวกนั้นก็คือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไงล่ะ”

“หา!? ไม่ใช่ว่าไอ้โรงเลี้ยงนั่นเป็นที่สำหรับเด็กหรอกเหรอ!?”

“มันก็จริงสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าส่วนใหญ่ แต่ก็มีพวกที่ใช้เป็นฉากหน้าเพื่อรวบรวมเด็กขึ้นมาและใช้ทำธุรกิจอย่างว่าในเบื้องหลังอยู่เหมือนกัน อ๊ะ แล้วก็อย่าไปบอกใครต่อล่ะ พูดมากไปเดี๋ยวจะเป็นอันตรายเอานะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

   เมื่อได้ฟังมามากพอแล้ว กีก็ลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากร้าน

 

“นี่ เดี๋ยวสิ! จะไปไหนน่ะ!?”

“ไปโรงเลี้ยงที่ว่านั่นไง”

“เอ่อ จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ได้ยินมาเท่านั้นเอง เข้าใจไหม? ฉันเองก็ไม่รู้รายระเอียดนักหรอก”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

 

  กีเดินไปทางประตูร้านทันทีที่พูดจบ หญิงสาวเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก็รู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้จึงหยุดเขาไว้

 

“เดี๋ยวก่อน! ค่าอาหารล่ะ!”

“อ๊ะ ขอโทษที แค่นี้พอไหม?”

 

   กีหยิบเหรียญทองขนาดใหญ่ออกมาจากใต้ผ้าคลุมและยัดมันลงไปในมือของหญิงสาว

 

“นี่มัน?”

“ว่าไง? พอไหม?”

“ไม่สิ นี่มันยิ่งกว่าพออีกนะ”

“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีก ผมจะไปล่ะนะ”

“อะ อือ ขอให้โชคดี…”

 

   หญิงสาวเก็บเงินที่ได้รับมาทันทีและดูสงบเสงี่ยมขึ้น กีแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็หันหลังกลับ โบกมือ และเดินออกจากร้านอาหาร ถ้าจ่ายเงินไปครบถ้วนแล้วก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก จึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

  หลังจากหญิงสาวกลับไปจ่ายค่าอาหารทั้งที่ยังเหลืออยู่เต็มโต๊ะ เธอก็ออกจากร้านอย่างรวดเร็วราวกับต้องการหนีจากอะไรบางอย่าง เธอออกไปหลบอยู่ในมุมมืด หยิบเหรียญทองที่ได้รับขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง

   

“นี่มัน ที่พวกชนชั้นสูงเขาใช้กัน…”

 

  เหรียญที่กีให้ไปเป็นเหรียญทองคำขนาดใหญ่ประทับตรานกอินทรี เป็นเหรียญชนิดที่มีค่ามากที่สุดที่ออกโดยเฮลิฟาลเต้ รายได้จากการทำงานของหญิงสาวรวมกันหลายเดือนก็ยังไม่รู้ว่าจะมีค่าเท่ากับเหรียญนี้เหรียญเดียวหรือเปล่า แต่อยู่ดีๆก็ได้รับมาง่ายๆ คนที่ให้ก็แค่ส่งมันมาและเดินจากไปเหมือนไม่มีค่าอะไร

 

“หรือจะเป็นสายลับจากคนในวัง เมื่อกี้พูดมากไปแล้วสิ”

 

   ตอนแรกที่เธอเห็น เขาเป็นแค่คนที่ทำตัวแปลกๆไม่คุ้นกับสถานที่เหมือนเพิ่งมาจากบ้านนอก จึงลองเข้าไปทักดูเผื่อจะได้ลูกค้าที่ว่าง่ายสำหรับคืนนี้

 

  แต่หลังจากคุยกันจบแล้ว พฤติกรรมของเขาก็เปลี่ยนไป ราวกับท่าทางไร้เดียงสาในตอนแรกเป็นแค่การแสดงเพื่อล่อให้เธอพูดถึงเบื้องหลังของย่านสถานเริงรมย์ออกมา เรียกได้ว่าเชี่ยวชาญพอสมควร

 

“นี่ก็ค่าปิดปากสินะ”

 

  มือของเธอสั่นเล็กน้อย เธอเก็บเหรียญทองกลับไป มูลค่าของมันเทียบไม่ได้กับค่าอาหาร นั่นก็เพราะมันเป็นราคาสำหรับให้เธอทำเหมือนกับว่า ‘พวกเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้’ เป็นการบอกทางอ้อมว่าอย่าไปพูดกับใครอีกนั่นเอง

 

“กลับดีกว่า!”

 

   ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ถ้าเกี่ยวข้องไปมากกว่านี้ก็จะเป็นอันตรายได้ เหงื่อเย็นๆไหลไปตามแผ่นหลังของเธอ ภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรงใดๆหรือมีคนน่าสงสัยมาหาเธออีก โชคดีที่ไม่ได้ถามชื่อของเขาและไม่ได้บอกชื่อของตนเองออกไป ตราบใดที่ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วง

 

 

   อนึ่ง เธอเข้าใจผิดเรื่องเหรียญทองนั้น มันไม่ใช่ค่าปิดปากจากกี แต่เพราะเขาไม่รู้มูลค่าของเหรียญ จึงเลือกเหรียญที่ดูดีที่สุดให้ไป

 

  เธอที่ไม่รู้เรื่องดังกล่าวก็ได้แต่หวาดระแวงสุนัขรับใช้จากวังหลวง และเธอก็เดินไปปะปนกับผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในยามราตรีเพื่อซ่อนตัว

 

____________________

*

土下座(dogeza) ท่าหมอบกราบแบบญี่ปุ่น มักใช้ในการขอขมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.02: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.02: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 02

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน1)

 

 

  บนถนนสายหลักของเฮลิฟาลเต้คับคั่งไปด้วยพ่อค้า นักเดินทาง นักแสดงข้างถนน และชาวเมืองมากมายเหมือนทุกที เมื่ออาทิตย์ตกดินในยามพลบค่ำก็เริ่มซบเซาไปตามเวลา แต่ก็มีสถานที่หนึ่งแตกต่างออกไป ผู้คนออกเดินตามร้านต่างๆที่เพิ่งเปิดกันอย่างคึกคักตรงข้ามกับตอนกลางวัน

 

   ย่านสถานเริงรมย์ที่อยู่อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวงซึ่งถูกยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ในยามราตรี มีทั้งบ่อนพนัน ร้านเหล้า มีแม้กระทั่งซ่องโสเภณี สิ่งกระตุ้นตัณหาของผู้คนทั้งหลายถูกรวบรวมมาไว้ในส่วนนี้ และจะเปิดบริการอย่างเต็มที่ในยามค่ำต่างจากร้านทั่วไปบนถนนสายหลัก

 

  ชายผู้หนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมผ้าคลุมทั้งตัวปิดบังใบหน้า จึงไม่สามารถบรรยายรูปลักษณ์ของเขาได้มากนัก ส่วนหนึ่งของใบหน้าที่เห็นผ่านฮู้ดคลุมเมื่อสะท้อนกับแสงเพียงเวลาสั้นๆจะเห็นผิวสีขาวกับดวงตาสีแดงซึ่งเป็นเรื่องที่หายากอย่างมาก แต่การที่เขาแต่งตัวเช่นนั้นเดินอยู่กับฝูงชนก็ไม่ได้ดูโดดเด่นเลย

 

   อันที่จริง ไม่ใช่สีผิวกับดวงตาเท่านั้นที่เป็นของแปลก เรียกได้ว่าไม่เคยมีใครในที่นี่เคยพบเห็นบุคคลแบบเขามาก่อนอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ตั้งแต่แรก

 

“เฮ้อ ที่นี่มันอะไรกัน ป่านนี้แล้วคนยังเยอะชะมัด”

 

   ชายในผ้าคลุม หัวหน้าหมู่บ้านเอลฟ์นามว่ากี เดินเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากบนถนนในย่านสถานเริงรมย์

 

“เซเลนต้องการอะไรจากที่แบบนี้กันนะ”

 

   กีบ่นออกมา และคิดถึงเรื่องไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนที่เซเลนมาขอร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง

 

 

“กี กี”

“หืม?”

 

  หลังการประชุมระหว่างเผ่าพันธุ์กับมนุษย์ในวันนี้ ขณะที่กีกำลังจะเดินกลับไปยังห้องรับรองในปราสาทก็ถูกเรียกตัวระหว่างทาง เมื่อหันไปมองก็เห็นเซเลนหลบอยู่ที่มุมเสา กวักมือเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“ว่าไง? มีเรื่องอะไร?”

“อือ”

 

  เมื่อเข้าไปใกล้กับเซเลน กีก็ถูกเซเลนจับแขนเอาไว้และจูงไปที่ห้องของเธอ จากนั้นเธอก็โผล่หน้าออกไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้วจึงปิดประตู

 

“กี ช่วยหน่อย”

“ช่วยอะไรล่ะ? เรื่องของมนุษย์หรือเปล่า? ถ้าใช่ก็ไปขอมิลานน่าจะง่ายกว่านะ”

“ชี่!”

 

  เซเลนยกนิ้วชี้มาจ่อไว้ที่ปาก ห้ามไม่ให้พูดเสียงดัง ทำให้กียิ่งสงสัย

 

“ไอ้นั้น ไม่ได้”

“มิลานช่วยไม่ได้เหรอ หรือเป็นเรื่องที่มีแต่ผมที่ทำได้?”

“ถูกเผง!”

“ถูก-… อะไรนะ?”

 

  ถึงการที่เรียกเจ้าชายของประเทศหนึ่งว่า ไอ้นั่น จะฟังดูไม่เหมาะสม แต่เซเลนก็ดูเหมือนจะตั้งใจ ก็เลยได้แต่ปล่อยผ่านไป จากนั้นเซเลนในชุดนักบวชจากตอนประชุมก็เดินไปเปิดลิ้นชักคุ้ยหากระดาษแผ่นหนึ่งมายื่นให้กับกี

 

“อะไรอีกล่ะ? แผนที่เหรอ?”

“ดู แผนที่ เฮลิฟาลเต้”

 

  ในกระดาษที่เซเลนนำมาแสดง มีผังเมืองคร่าวๆของเมืองหลวงเฮลิฟาลเต้วาดไว้ เป็นภาพที่เธอคัดลอกมาจากข้อมูลของบัตเลอร์ ภาพวาดและตัวอักษรค่อนข้างดูยากจากลายมือที่ยุ่งเหยิงตามประสาเซเลน

 

“(อย่างกับเด็กวาดรูปเล่นแหนะ)”

 

  ถึงเซเลนจะเป็นนักบวชมังกรแต่ก็ยังเป็นแค่เด็ก นานๆทีแสดงอะไรที่ดูแล้วสมอายุให้เห็นก็ทำให้กียิ้มออกมาได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่การแสดงออกแบบเด็กๆ เป็นเพราะเธอไม่ถนัดวาดรูปกับลายมือชุ่ยอยู่แล้วต่างหาก

 

“เห็นแล้ว แล้วยังไงต่อล่ะ จะให้ไอ้นี่กับผมเหรอ?”

“นี่ ตรงนี้! สำคัญ!”

“ตรงนี้? ก็ไม่มีอะไรเขียนไว้หนิ?”

 

  บนแผนที่ของเซเลนมีตัวหนังสือลายมือยึกยือกำกับสถานที่ไว้อย่างคร่าวๆเช่น ‘สำนักงาน’ หรือ ‘ร้าน’ แต่ส่วนที่เซเลนบอกว่าสำคัญกลับไม่มีอะไรวาดหรือเขียนเอาไว้เลย เป็นการปล่อยว่างเอาไว้เฉยๆ

 

“ที่นี่ ไปดูให้หน่อย”

“หา? ให้ผมไปเนี่ยนะ?”

“อือ”

 

   เซเลนพูดอย่างจริงจัง ดูไม่เหมือนล้อเล่น น่าจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ กีจึงถามเรื่องที่เขาสงสัยมาตั้งแต่แรก

 

“ทำไมไม่ใช้มนุษย์ล่ะ? ฐานะของเธอก็ดูแล้วน่าจะสั่งการคนได้มากมายแท้ๆ”

“ไม่ได้ กี ดีกว่า”

“ทำไมต้องเป็นผมล่ะ… จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะนะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพาซานาไปด้วย…”

“ซานา ไม่ได้!”

 

   เซเลนปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้ในหัวของกีมีคำถามมากขึ้นไปอีก

 

“แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย?”

“กี ไปคนเดียว”

“ให้ไปที่ที่ไม่รู้จักคนเดียว?”

“ขอร้อง ครั้งเดียวในชีวิต!”

 

   เซเลนประสานมืออ้อนวอนกี คนฉลาดอย่างเซเลนเลือกเขาเพื่อทำเรื่องนี้ต้องมีความหมายอยู่แน่ ถามต่อไปก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี กีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ

 

“ถ้าเป็นภารกิจที่ท่านนักบวชมังกรมอบให้ก็ช่วยไม่ได้”

“เย้!”

“ทำอะไรน่ะ?”

 

  ทันทีที่กีตอบตกลง เซเลนก็ลงไปหมอบอยู่บนพรมในท่าแปลกๆ ก้มหัวจนหน้าผากติดพื้น ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นก็จะเห็นเป็นท่าโดเกสะ*แบบมาตรฐาน แต่ในที่นี่จะมีแต่ถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมแปลกๆนั้น  ทั้งที่การใช้วัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างกับคนที่ไม่เข้าใจจะทำให้เธอถูกมองอย่างแบ่งแยกมาก่อน แต่เซเลนก็ไม่สนใจอยู่ดี

 

   อีกทั้ง ‘คำขอร้องครั้งเดียวในชีวิต’ ของเซเลนจะถูกใช้ปีละหลายครั้ง คนที่เคยได้ยินมาก่อนก็จะรู้ว่าไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด

                                                               

 

   ดังนั้น กีจึงต้องปกปิดตัวตนด้วยผ้าคลุม ซ่อนหูที่เป็นลักษณะของเอลฟ์ และออกมาเดินบนถนนในยามดึกอยู่เช่นนี้ เมื่อมาถึงจุดที่น่าจะตรงกับในแผนที่ก็พบกับถนนสายหนึ่งที่มีบรรยากาศเสื่อมโทรมต่างออกไป กีรู้สึกลังเลที่จะต้องเดินเข้าไปแต่เพราะมันเป็นคำขอของเซเลนจึงต้องทำ

 

“ถ้าต้องการตรวจสอบ ให้ซานาจัดการน่าจะง่ายขึ้นเยอะ”

 

   บรรยากาศเฉพาะตัวของสถานที่นี้ทำให้กีรู้สึกเวียนหัว ยืนพิงกำแพงแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าเป็นการสะกดรอยหรือค้นหาสัตว์ป่าก็จะทำได้ง่ายๆ แต่เมืองของมนุษย์แตกต่างจากป่าสีขาวมากนัก ซานาที่มีความสามารถควบคุมพลังเวทย์ได้ละเอียดอ่อนมากกว่าอีกทั้งสายตาและประสาทหูก็ดีกว่า ถ้าเป็นการตรวจสอบ ซานะจะเหมาะสมที่สุด

 

“ก็พอเข้าใจอยู่หรอก ว่าทำไมเซเลนถึงไม่อยากให้ซานามา”

 

   แม้ว่ากีจะเข้าใจวัฒนธรรมของมนุษย์เพียงเล็กน้อย แต่พอจะคิดได้ว่าจุดประสงค์ของสถานที่แห่งนี้คืออะไร จากการที่มองไปรอบๆอย่างไร้จุดหมายก็เห็นชายหญิงทำเรื่องไร้ยางอายกันอย่างโจ่งแจ้งอยู่หลายคู่ จริงๆแล้วกีเองก็ถูกผู้หญิงพวกนั้นส่งเสียงทักอยู่หลายครั้ง

 

   ตัวเขาที่เป็นผู้ชายก็ยังถูกเข้าหาขนาดนี้ ค่านิยมในความงามของเอลฟ์และมนุษย์ก็ใกล้เคียงกัน ถ้าเป็นซานาก็อาจจะถูกรุมล้อมได้ง่ายๆ เซเลนต้องการให้ตรวจสอบอย่างเงียบๆ การที่ให้เขาเคลื่อนไหวเพียงคนเดียวจะสะดวกกว่า

 

“แล้ว จะให้มาตรวจสอบอะไร…”

 

   กีเกาหัวที่อยู่ใต้ผ้าคลุม เซเลนบอกเอาไว้แค่ ‘ไปดูที่นี่ให้หน่อย ไปถึงก็รู้เอง ถ้าเห็นว่าดีก็ทำได้เลย ไม่ต้องลังเล’ ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าทำอะไร หรืออยากให้หาอะไร

 

“มีอะไรนอกจากมนุษย์ผสมพันธุ์กันด้วยเหรอไง”

“หืม พี่ชายเองก็มาเพราะเรื่องนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“แกเป็นใคร?”

 

 ขณะที่เขายืนพิงกำแพงอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยก็มีคนส่งเสียงทักจากด้านข้าง กีเตรียมตัวให้พร้อมในทันที แต่คนที่ทักเขาเป็นเพียงผู้หญิง อายุยังไม่มาก ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นศัตรู แต่งกายด้วยชุดที่ขาดแคลนเนื้อผ้า ผมยาวพอทำให้ดูดี และน้ำหอมที่ทำให้กีระคายเคืองจมูก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา

 

“นี่ พี่ชาย ตอนนี้ฉันว่างอยู่ จะมาด้วยกันไหม?”

“ไม่ล่ะ ยุ่งอยู่”

“ก็เห็นยืนอยู่ตรงนี้เฉยๆมาสักพักแล้วนี่นา? รอใครอยู่ล่ะ เจ้าประจำเหรอ?”

“ไม่ได้มาเพื่อทำเรื่องแบบนั้นสักหน่อย…”

“งั้น ถ้าแค่ไปหาร้านดีๆนั่งคุยกันล่ะ? ฉันรู้จักร้านแถวนี้ด้วยนะ”

“…แค่นั้นก็ได้อยู่”

 

   กียังคงระแวงอยู่แต่ก็ตอบรับข้อเสนอของหญิงสาวคนนั้น ที่จริงแล้ว ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เพราะที่นี่แตกต่างจากป่าสีขาวจนไม่สามารถอ้างอิงอะไรได้เลย ถ้าอย่างนั้น ลองให้ผู้หญิงคนนี้แนะนำเรื่องที่ควรรู้ให้ก่อนก็ไม่เสียหาย

 

  จากนั้นกีก็ตามหญิงสาวคนนี้ไปที่อาคารใกล้ๆ เป็นโรงแรมที่ชั้นล่างเป็นบาร์เช่นเดียวกับร้านส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้ ดูจากจำนวนลูกค้าแล้วก็คิดได้ว่าร้านนี้เป็นที่นิยมพอควร ผู้คนในนั้นถ้าไม่ดื่มเหล้าเมามายก็พูดคุยลูบคลำผู้หญิงที่อยู่ด้วยกัน จึงไม่มีใครสนใจกีที่เดินเข้ามากับหญิงสาวและนั่งลงอยู่ที่โต๊ะมุมห้องเลย

 

“พี่ชายถอดเสื้อคลุมก็ได้นะ ไม่ร้อนเหรอ?”

“ไม่จำเป็น”

“หืม เอางั้นก็ได้”

 

   จากนั้น เธอก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มตามความเหมาะสม ส่วนกีก็เหลือบมองรอบๆภายในร้านอาหารเพื่อสังเกตการณ์สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

 

“พี่ชายท่าทางเหมือนไม่เคยเข้าร้านแบบนี้เลยนะ ไม่ใช่คนเมืองนี้เหรอ?”

“อืม ก็ไม่ใช่ ‘มนุษย์’ จากแถวนี้หรอก”

“แล้วมาจากแถวไหนล่ะ?”

 

  กีไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร เพราะในระหว่างเอลฟ์ด้วยกันจะไม่มีการแบ่งแยกอาณาเขต และป่าสีขาวทั้งหมดก็คือดินแดนของเอลฟ์ จะให้เจาะจง เช่น ‘เขตการปกครองของXXX’ ไม่ได้ 

 

“ถ้าถามว่าแถวไหน… ก็คงเป็นป่าล่ะมั้ง”

“ป่า… ตอบได้กว้างจังเลยน้า แต่ก็เข้าใจนะ! เป็นคนชนบทที่เดินทางมาเมืองหลวงสินะ”

“อือ ก็ตามนั้นแหละ”

 

  ดูเหมือนเธอจะพิจารณาจากการที่กีไม่รู้เรื่องในแถบนี้เลย ว่าเขาเป็นคนจากชนบทที่เพิ่งเคยเข้าเมือง แต่จริงๆแล้ว กีมาไกลกว่าชนบทมาก และก็ไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ

 

   ระหว่างพูดคุยกัน อาการก็ถูกนำมาเสริฟจนครบ ซึ่งก็เป็นแค่ชุดอาหารที่มีเนื้อเป็นหลักกับเหล้าราคาถูก ซึ่งหญิงสาวรับเหล้าแล้วดื่มมันลงคอในทันที โดยที่กีไม่ได้สนใจอาหารเบื้องหน้าเลย อย่างมากเขาก็จิบแต่น้ำเท่านั้น แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ และยังพยายามชวนคุยต่อไป

 

“แถวนี้มีอันตรายเยอะนะ ยิ่งคนต่างถิ่นตัวคนเดียวแบบนี้ ถ้าเข้าร้านผิดขึ้นมา ได้ถูกหลอกหมดตัวแน่ แต่ไหนๆก็ได้มาเจอกันแล้ว เลือกฉันเลยไหมล่ะ? คิดไม่แพงหรอก”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ว่าง! …เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยว่ามนุษย์พวกนี้คิดอะไรอยู่”

“พูดอย่างกับพี่ชายไม่ใช่มนุษย์แหนะ”

 

   หญิงสาวหัวเราะออกมาพร้อมกับกลิ่นเหล้า แต่กีก็แค่จิบน้ำต่อไปอย่างเงียบๆ ช่วยไม่ได้ที่กีจะไม่เข้าใจ เพราะสถานที่นี้แตกต่างกับสังคมของเขามากเกินไป

 

   ในหมู่เอลฟ์จะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระดับครอบครัว ชายหญิงจะตัดสินใจเลือกคู่และอยู่ด้วยกันจนวันตาย ความคิดการหาความสุขชั่วข้ามคืนจึงไม่มีอยู่ในหัวของกี

 

“โธ่ พี่ชายทำตัวน่าเบื่อจริงๆ ทั้งที่มีผู้หญิงสวยขนาดนี้เอ่ยปากชวนแท้ๆ หรือว่าจะเป็นพวกที่มีรสนิยมแปลกๆกันล่ะ? เป็นพวกนิยมเด็กตัวเล็กๆงั้นเหรอ? ถ้าอยากได้แบบนั้นก็ต้องไปหาอีกที่แล้วล่ะ ถนนสายนี้มีแต่แบบปรกติธรรมดา”

“คิดว่าผมเป็นคนยังไงกันเนี่ย… ไม่สิ ที่พูดมาเมื่อกี้ แปลว่ามีคนทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?”

“หุหุ สนใจล่ะสิ?”

“อือ”

“อื่ม ถ้าเลี้ยงอาหารแล้วจะบอกให้ก็ได้ ถือเป็นบริการพิเศษก็แล้วกัน เกี่ยวกับช่องทางติดต่อพวกนอกกฎหมายที่รู้กันเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น”

“นอกกฎหมาย? เขตนี้อยู่ในการดูแลของราชาไม่ใช่เหรอ? แล้วยังทำเรื่องผิดกฎหมายได้อีกเนี่ยนะ”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย เมืองใหญ่ขนาดนี้ อยากซ่อนอะไรก็ซ่อนได้หมดแหละ”

 

   หญิงสาวพูดเสียงเบา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับกีเพื่อให้มีแต่เขาที่ได้ยิน กีก็ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูด

 

“ถ้าจะทำธุรกิจสถานบริการในย่านนี้ต้องมีใบอนุญาตจากทางวังหลวงก่อน แต่ก็มีการบริการบางประเภทที่ขออนุญาตไม่ได้ ก็เลยเปิดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นมาแทน”

“เดี๋ยวก่อน”

“หืม? ว่าไง?

“สถานรับเลี้ยง คืออะไรน่ะ?”

“สงสัยตรงนั้นเนี่ยนะ!?”

 

   หญิงสาวแทบจะล้มหมอบลงไปบนโต๊ะ คนคนนี้มาจากบ้านนอกขนาดไหนกัน เธอรู้สึกว่าตัวเองฉลาดก็ตอนนี้แหละ และหญิงสาวก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อไปอีกสักพัก

  และในที่สุดกีก็เข้าใจได้คร่าวๆว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามีไว้สำหรับดูแลเด็กกำพร้าที่ไม่มีไม่มีคนดูแล

 

  เพราะจำนวนประชากรของเอลฟ์กับมนุษย์นั้นแตกต่างกันมาก เอลฟ์ทั้งหมดในป่าสีขาวจึงอยู่กันอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน หากทั้งสามีภรรยาเสียชีวิตโดยทิ้งลูกเล็กๆไว้ เด็กก็จะถูกครอบครัวอื่นรับไปดูแล หรืออาจจะถูกรับเลี้ยงโดยหมู่บ้านอื่นเลยก็ได้ ซึ่งเอลฟ์ทั้งป่าก็สามารถเป็นพ่อแม่ให้ได้ทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแล กีจึงเห็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นเรื่องแปลก

 

“เท่าที่ฟังดูมันก็คือที่สำหรับเลี้ยงดูเด็กที่ถูกทิ้งให้เติบโตนี่นา องค์กรการกุศลแบบนี้จะทำผิดกฎหมายกันทำไม”

“นี่ไงล่ะ เพราะคิดแบบนี้กันไงล่ะ”

“อะไรอีกล่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

 

  หญิงสาวพูดให้เป็นปริศนาและหัวเราะให้กับท่าทางของกีที่ไม่เข้าใจ และกีก็ได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนี้กำลังแหย่เขาเล่น เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องกฎระเบียบในดินแดนของมนุษย์มาก่อน ไม่มีแม้กระทั้งพื้นฐาน การทำความเข้าใจจึงเป็นเรื่องยาก

 

“มีแต่คนที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานประเภทนี้ แต่สำหรับพวกที่มีรสนิยมชอบเด็กอายุน้อยก็ต้องยอมจ่ายเงินมากขึ้นไปกับเรื่องผิดกฎหมายเพื่อเติมเต็มความปรารถนา และสถานที่ที่รวบรวมเด็กๆไว้ให้คนพวกนั้นก็คือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไงล่ะ”

“หา!? ไม่ใช่ว่าไอ้โรงเลี้ยงนั่นเป็นที่สำหรับเด็กหรอกเหรอ!?”

“มันก็จริงสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าส่วนใหญ่ แต่ก็มีพวกที่ใช้เป็นฉากหน้าเพื่อรวบรวมเด็กขึ้นมาและใช้ทำธุรกิจอย่างว่าในเบื้องหลังอยู่เหมือนกัน อ๊ะ แล้วก็อย่าไปบอกใครต่อล่ะ พูดมากไปเดี๋ยวจะเป็นอันตรายเอานะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

   เมื่อได้ฟังมามากพอแล้ว กีก็ลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากร้าน

 

“นี่ เดี๋ยวสิ! จะไปไหนน่ะ!?”

“ไปโรงเลี้ยงที่ว่านั่นไง”

“เอ่อ จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ได้ยินมาเท่านั้นเอง เข้าใจไหม? ฉันเองก็ไม่รู้รายระเอียดนักหรอก”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

 

  กีเดินไปทางประตูร้านทันทีที่พูดจบ หญิงสาวเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก็รู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้จึงหยุดเขาไว้

 

“เดี๋ยวก่อน! ค่าอาหารล่ะ!”

“อ๊ะ ขอโทษที แค่นี้พอไหม?”

 

   กีหยิบเหรียญทองขนาดใหญ่ออกมาจากใต้ผ้าคลุมและยัดมันลงไปในมือของหญิงสาว

 

“นี่มัน?”

“ว่าไง? พอไหม?”

“ไม่สิ นี่มันยิ่งกว่าพออีกนะ”

“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีก ผมจะไปล่ะนะ”

“อะ อือ ขอให้โชคดี…”

 

   หญิงสาวเก็บเงินที่ได้รับมาทันทีและดูสงบเสงี่ยมขึ้น กีแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็หันหลังกลับ โบกมือ และเดินออกจากร้านอาหาร ถ้าจ่ายเงินไปครบถ้วนแล้วก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก จึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

  หลังจากหญิงสาวกลับไปจ่ายค่าอาหารทั้งที่ยังเหลืออยู่เต็มโต๊ะ เธอก็ออกจากร้านอย่างรวดเร็วราวกับต้องการหนีจากอะไรบางอย่าง เธอออกไปหลบอยู่ในมุมมืด หยิบเหรียญทองที่ได้รับขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง

   

“นี่มัน ที่พวกชนชั้นสูงเขาใช้กัน…”

 

  เหรียญที่กีให้ไปเป็นเหรียญทองคำขนาดใหญ่ประทับตรานกอินทรี เป็นเหรียญชนิดที่มีค่ามากที่สุดที่ออกโดยเฮลิฟาลเต้ รายได้จากการทำงานของหญิงสาวรวมกันหลายเดือนก็ยังไม่รู้ว่าจะมีค่าเท่ากับเหรียญนี้เหรียญเดียวหรือเปล่า แต่อยู่ดีๆก็ได้รับมาง่ายๆ คนที่ให้ก็แค่ส่งมันมาและเดินจากไปเหมือนไม่มีค่าอะไร

 

“หรือจะเป็นสายลับจากคนในวัง เมื่อกี้พูดมากไปแล้วสิ”

 

   ตอนแรกที่เธอเห็น เขาเป็นแค่คนที่ทำตัวแปลกๆไม่คุ้นกับสถานที่เหมือนเพิ่งมาจากบ้านนอก จึงลองเข้าไปทักดูเผื่อจะได้ลูกค้าที่ว่าง่ายสำหรับคืนนี้

 

  แต่หลังจากคุยกันจบแล้ว พฤติกรรมของเขาก็เปลี่ยนไป ราวกับท่าทางไร้เดียงสาในตอนแรกเป็นแค่การแสดงเพื่อล่อให้เธอพูดถึงเบื้องหลังของย่านสถานเริงรมย์ออกมา เรียกได้ว่าเชี่ยวชาญพอสมควร

 

“นี่ก็ค่าปิดปากสินะ”

 

  มือของเธอสั่นเล็กน้อย เธอเก็บเหรียญทองกลับไป มูลค่าของมันเทียบไม่ได้กับค่าอาหาร นั่นก็เพราะมันเป็นราคาสำหรับให้เธอทำเหมือนกับว่า ‘พวกเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้’ เป็นการบอกทางอ้อมว่าอย่าไปพูดกับใครอีกนั่นเอง

 

“กลับดีกว่า!”

 

   ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ถ้าเกี่ยวข้องไปมากกว่านี้ก็จะเป็นอันตรายได้ เหงื่อเย็นๆไหลไปตามแผ่นหลังของเธอ ภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรงใดๆหรือมีคนน่าสงสัยมาหาเธออีก โชคดีที่ไม่ได้ถามชื่อของเขาและไม่ได้บอกชื่อของตนเองออกไป ตราบใดที่ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วง

 

 

   อนึ่ง เธอเข้าใจผิดเรื่องเหรียญทองนั้น มันไม่ใช่ค่าปิดปากจากกี แต่เพราะเขาไม่รู้มูลค่าของเหรียญ จึงเลือกเหรียญที่ดูดีที่สุดให้ไป

 

  เธอที่ไม่รู้เรื่องดังกล่าวก็ได้แต่หวาดระแวงสุนัขรับใช้จากวังหลวง และเธอก็เดินไปปะปนกับผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในยามราตรีเพื่อซ่อนตัว

 

____________________

*

土下座(dogeza) ท่าหมอบกราบแบบญี่ปุ่น มักใช้ในการขอขมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+