[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.1: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน2)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.1: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 10

เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน2)

 

 

“…อย่างที่บอกไป เธอจะถูกแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูต และเดินทางไปพร้อมกับคุมะฮาจิที่กำลังจะกลับไปที่บ้านเกิดของเขา”

“เห…”

 

   หลังจากพูดคุยจนได้ข้อสรุปเบื้องต้นกับคุมะฮาจิแล้ว มิลานก็มาบอกกับมารีที่ห้องของเธอ เกี่ยวกับแผนการคร่าวๆของเรื่องที่ได้ไปคุยมา ในช่วงแรกมารีก็ดูเหมือนจะสนใจแต่เมื่ออธิบายจนจบ เธอก็เริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจ

 

“ให้หนูไปคนเดียวเนี่ยนะ?”

“มีผู้ติดตามกับคนรับใช้ไปคอยดูแลด้วยครับ แล้วเดี๋ยวจะมีการคัดเลือกผู้คุ้มกันฝีมือดีให้อีก”

“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ท่านพี่ล่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย”

 

  เนื่องจากมารีเป็นคนที่ชอบเป็นจุดเด่นให้คนสนใจ เมื่อได้ยินว่าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตก็รู้สึกดีใจ เพราะทุกวันนี้มารียังไม่มีหน้าที่ที่ชัดเจน จนบางครั้งถูกมองว่าเป็นเจ้าหญิงไม้ประดับของเฮลิฟาลเต้เท่านั้น จึงคิดว่ามีโอกาสได้ทำผลงานบ้างแล้ว

 

  แต่รายระเอียดของหน้าที่นั้นทำให้เธอต้องคิดหนัก เพราะเป้าหมายคือประเทศปิดซึ่งเป็นเกาะที่อยู่นอกทวีป ไม่มีใครให้พึ่งพา พี่ชายก็ไม่ได้ไปด้วยกัน หากเกิดอะไรขึ้นมาก็ไปขอพ่อกับแม่ให้ช่วยก็ไม่ได้ ไม่ต่างกับตัวคนเดียว จึงรู้สึกท้อแท้มากกว่ามีความสุข

 

“(ไม่ผิดจากที่คาดสักเท่าไหร่)”

 

  มิลานรู้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อขอให้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศที่ไม่ต้อนรับชาวต่างชาติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แต่ก็เป็นเหตุผลที่มิลานต้องการจะให้มารีรับภารกิจนี้

 

  การที่น้องสาวมักถูกนำไปเปรียบเทียบว่า ‘เด็กที่อาศัยบารมีขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์’ มิลานก็เคยได้ยินมาบ้าง และก็รู้ว่ามารีเองก็ต้องเคยได้ยินมาเหมือนกันและมีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่มารีจะต้องสร้างชื่อด้วยตนเอง เพราะเหตุนี้ จึงต้องให้เธอได้รับแรงสนับสนุนจากประเทศอื่น และต้องเป็นประเทศที่ห่างไกลจากอคติที่มีต่อมารีให้มากที่สุด

 

  ซึ่งประเทศบ้านเกิดของคุมะฮาจินี่เอง ไม่มีการรับข่าวสารจากประเทศอื่น แม้กระทั้งชื่อขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เป็นที่รู้จัก จึงเหมาะกับการให้มารีไปแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องถูกเปรียบเทียบกับใคร แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเธอเองก็ยังลังเลที่จะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่รู้จักโดยที่ต้องแบกรับชื่อเฮลิฟาลเต้ไว้ด้วย

 

“เป็นแค่การร่วมเดินทางไปกับคุมะฮาจิที่กลับไปเยี่ยมครอบครัวเท่านั้นครับ อาจจะมีการพบปะกับขุนนางในพื้นที่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องทำการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ แค่ไปทำความรู้จักกันธรรมดา ระวังอย่าทำอะไรที่เป็นการลบหลู่อีกฝ่ายก็พอครับ”

“ไม่รู้ว่าจะทำให้ทางนั้นประทับใจได้หรือเปล่านี่สิ”

“ไม่จำเป็นต้องให้ประทับใจเลยครับ ที่สำคัญคือการให้เกียรติอีกฝ่าย วัฒนธรรมของพวกเขาก็ต่างกับของเรามาก ย่อมเกิดความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่แสดงพฤติกรรมที่เป็นการลบหลู่ออกไปตรงๆไม่มีปัญหาหรอกครับ การประจบประแจงเพื่อเอาใจอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลย”

“พูดเหมือนกับว่าหนูจะไปทำให้เสียเรื่องเลยนะคะ? เสียมารยาทจัง!”

“…ยุ่งยากจริงๆเลยน้า”

 

   มิลานพูดออกไปด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘อย่าได้รู้สึกกดดันไปเลย ต่อให้ทำอะไรผิดพลาดก็ไม่เป็นไร’ แต่ดูเหมือนว่ามารีจะเข้าใจว่าการที่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเธอหมายถึงตัดสินไปแล้วว่าเธอจะล้มเหลว โดยพื้นฐานแล้วมารีเป็นเด็กที่เอาใจยาก จะพูดจาตรงเกินไปหรืออ้อมค้อมเกินไปก็ล้วนแต่จะทำให้เธออารมณ์เสีย มิลานคิดนับถือเซเลนที่รับมือน้องสาวคนนี้อยู่ทุกวันได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“คิดว่าไปท่องเที่ยวกับคุมะฮาจิ ไปดูวัฒนธรรมของประเทศนั้นว่าแตกต่างกับที่รู้จักอย่างไรก็แล้วกันครับ”

“เหมือนจะเคยได้ยินว่าที่นั่นกินของดิบกันหรือเปล่านะ? น่าขยะแขยงจะตาย”

 

  คุมาฮาจิเคยพูดถึงเรื่องราวในบ้านเกิดของเขาให้มารีฟังอยู่บ่อยครั้ง และเธอก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุมะฮาจิพูดว่าอยากกินอาหารจากบ้านเกิดที่เรียกว่า ‘ซาซิมิ’ เธอจึงถามว่าสิ่งนั้นคืออะไร และได้คำตอบมาว่า มันคือปลาสดๆที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำและนำมากินทั้งดิบๆ ทำให้มารีรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที

 

“ถึงหนูจะไม่ค่อยได้กินปลาก็เถอะ แต่ก็รู้ว่าคนปรกติเขาไม่กินกันดิบๆกันหรอกค่ะ ไม่ใช่สัตว์ป่าสักหน่อย หรือคุมะฮาจิจะเป็นหมีจริงๆกันนะ?”

“ก็จริง กินปลาดิบแบบนั้นผมเองก็คงต้องขอผ่านเหมือนกัน แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นอีกเยอะแยะ ที่เรียกว่า ‘เม่นทะเล(หอยเม่น)’ นั่นอีก ได้ยินว่าอร่อยจนต้องแนะนำเลยทีเดียว”

“เม่นทะเล อะไรน่ะ?”

 

  เป็นอีกเมนูที่มารีไม่รู้ว่ามันคืออะไร ถึงเธอจะสนใจ แต่ซาซิมิก็ทำให้มารีไม่ไว้ใจอาหารของประเทศนั้นไปแล้ว

 

“ผมก็ไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกัน ฟังจากคุมะฮาจิมาอีกที ว่ามันทำมาจากก้อนกลมสีดำ มีหนามแหลมอยู่รอบ ต้องผ่าออกมากินเนื้อข้างใน มันก็น่าจะเป็นเกาลัดที่อยู่ในทะเลแหละมั้ง?”

“เกาลัดทะเล… น่าจะพอกินได้อยู่นะ เกาลัดก็อร่อยอยู่แล้วด้วย”

 

  มิลานพยายามเปลี่ยนหัวข้อเพื่อเกลี้ยกล่อมมารีทีละน้อย ถึงเธอจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงสักแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจไปทุกเรื่อง ดังนั้น การจะให้เธอเดินทางออกนอกประเทศด้วยตนเอง ต้องมีสิ่งล่อตาล่อใจเธอได้ระดับหนึ่ง มิลานถามคุมะฮาจิมาก่อนแล้วว่าประเทศนั้นมีอะไรที่ทำให้มารีสนใจได้บ้าง

 

“ชุดประจำชาติที่เรียกกันว่า ‘กิโมโน’ นั่นก็น่าสนใจนะ กิโมโนของผู้หญิงจะมีสีสันสดใสและมีลวดลายเป็นดอกไม้ ว่ากันว่า งดงามชวนหลงใหลเหมือนสวมใส่งานศิลปะเลยทีเดียว ไม่คิดว่าชุดแบบนั้นจะเหมาะกับเธอบ้างหรือครับ?”

“กิโมโน… งดงามชวนหลงใหล…”

 

  มิลานเห็นการแสดงออกของมารีก็รู้ได้ว่าเธอเริ่มมีความตั้งใจขึ้นมาบ้างแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับมีผลกับการตัดสินใจของมารีมากกว่าอาหาร และจริงๆแล้ว ถ้าเป็นกรณีของเซเลนก็จะตอบตกลงตั้งแต่คำว่าซาซิมิ

  ในใจของมารีเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สมองของเธอจะปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมา ซึ่งก็คือคุมะฮาจิในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มสภาพเก่าโทรม

 

“ออ… กิโมโนที่ว่าก็คือไอ้นั่นเองสินะ?”

 

  เมื่อนึกถึงสิ่งที่คุมะฮาจิสวมใส่อยู่เป็นประจำ มารีก็ถอนหายใจและเริ่มหมดไฟอีกครั้ง เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะตัวอย่างผู้สวมกิโมโนเพียงหนึ่งเดียวในประเทศคือคุมะฮาจิผู้ที่ไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกของตนจนออกมาเป็นสภาพเช่นนั้น มารีจินตนาการไม่ออกเลยว่าชุดนั้นจะ ‘งดงามชวนหลงใหล’ ได้อย่างไร

 

“นี่ ท่านพี่ ยกเลิกกำหนดการนี้ไม่ได้เหรอ?”

“(ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วสิ)”

 

   ทั้งที่มิลานคิดว่าจะปิดเกมได้แล้ว แต่ก็เลือกใช้ไพ่ผิดใบจนสถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เขารู้สึกว่าการเจรจากับมารีในตอนนี้ยังยากกว่าพูดคุยนักการทูตจากต่างประเทศเสียอีก

 

“ถ้าว่าง่ายเหมือนเซเลนก็คงจะดีไม่น้อย…”

 

   มิลานเงยหน้าบ่นพึมพำเบาๆไม่ให้มารีได้ยิน ตอนนี้คุมะฮาจิก็คงไปแจ้งข่าวให้เซเลนรับทราบแล้วว่าเขาจะออกเดินทางออกนอกเฮลิฟาลเต้เป็นการชั่วคราว ถ้ามารีเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนเซเลนก็คงจะคุยกันรู้เรื่องกันไปนานแล้ว

 

   ในสายตาของมิลาน เซเลนเป็นผู้หญิงที่มีมารยาท สุภาพเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี หากแต่งตั้งให้เซเลนเป็นทูตแทนมารีได้ก็ไม่ต้องมาปวดหัวหาวิธีเกลี้ยกล่อมเธออยู่อย่างตอนนี้

 

   มิลานนึกโทษคุมะฮาจิอยู่ในใจ ที่หนีไปจัดการเรื่องง่ายๆและปล่อยให้เขามารับผิดชอบน้องสาวผู้เรื่องมากอยู่คนเดียว แม้จะเป็นน้องสาวของเขาจริงๆก็เถอะ และอันที่จริง ถึงจะเป็นเซเลน ก็ไม่คิดจะเคลื่อนไหวทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยไม่มีสิ่งล่อตาล่อใจยิ่งกว่า เพราะฉะนั้น หากเป็นการเกลี้ยกล่อม ก็จะเรียกได้ว่าคุมะฮาจิโชคร้ายเช่นกัน

 

 

   ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

 

“เร็วๆนี้ ข้าน้อยจะต้องกลับบ้านเกิดสักพักหนึ่งขอรับ?”

“โดนไล่ออก!?”

 

   ในเวลาเดียวกัน คุมะอาจิกำลังอธิบายสถานการณ์กับเซเลนที่ห้องของเธอ พูดถึงเรื่องที่มิลานต้องไปเกลี้ยกล่อมมารีให้ฟัง และยังบอกด้วยว่ามารีรู้สึก ‘รังเกียจ’ เมื่อรู้ว่าซาซิมิคืออะไร แต่เซเลนก็ตั้งใจฟังด้วยท่าทางสนใจเต็มที่

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! อย่างข้าน้อยไม่มีทางถูกเนรเทศง่ายๆหรอกขอรับ กลับไปแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากจัดการธุระขององค์ชายกับหาซื้อของที่ต้องการได้เรียบร้อยแล้วก็กลับมาขอรับ”

“ทำธุระ หาของ ให้เจ้าชาย…”

 

   ชีวิตในวัยเด็กของเซเลนรู้จักแค่คุกที่ขังตนไว้ โลกอันกว้างใหญ่นี้มีแต่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเธอ ความจริงในข้อนี้คือเรื่องที่คุมะฮาจิเห็นว่าน่าเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความสงสารออกไปและยังพูดคุยด้วยอย่างร่าเริงเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้ โดนรวมแล้วก็คือการคุ้มกันมารีตามที่ได้รับการขอร้องมา หลังจากนั้นก็หาร้านตีดาบเพื่อซื้อดาบเล่มใหม่ที่เหมาะมือ

 

“เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ขอรับ โปรดอภัยที่มารบกวนเวลาพักผ่อน ข้าน้อยขอลา”

 

  หลังจากแจ้งข่าวให้รับทราบแล้ว คุมะฮาจิก็กลับออกจากห้อง เหลือไว้เพียงเซเลนที่เปลี่ยนกลับมาสวมชุดสีขาวตามปรกติ นั่งทบทวนข้อมูลอยู่บนเตียง วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาจากคุมะฮาจิด้วยสมองที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยของเธอ

 

[“องค์หญิง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”]

“แย่แล้ว! ไปกันเถอะ!”

[“องค์หญิง!? มีเรื่องอะไร!?”]

 

   ทันใดนั้น เซเลนลุกลงจากเตียงและวิ่งออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนขนาดทำให้คิดว่าการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าตามปรกติของเธอจนถึงตอนนี้เป็นเรื่องโกหก และบัตเลอร์ก็ติดตามเธอไปโดยที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์

 

 

   ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

 

“มารี ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเธอเลยนะครับ เธออาจจะยังไม่มั่นใจ แต่หากทำสำเร็จ ผู้คนจะยกย่องเธอเทียบเท่ากับผมได้เลย เพียงแค่ผ่านขั้นตอนง่ายๆนี้ไปเท่านั้น”

“ถึงจะจริงแต่ก็ยัง…”

 

   จนถึงตอนนี้ มิลานเสนอของที่มารีน่าจะชอบมาหว่านล้อมทุกอย่างแล้ว

บางครั้งก็อ่อนโยน บางครั้งก็แข็งกร้าว แต่ก็ยังทำให้เธอเปลี่ยนใจไม่ได้ วัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารที่ไม่ถูกปากของต่างแดน และเธอต้องเผชิญทั้งหมดนั้นด้วยตัวคนเดียว นี่คือความวิตกกังวลของเธอ

 

“(คงต้องยอมรับว่ายังเร็วไปสำหรับเธอแล้วล่ะ…)”

 

   ตอนนี้มารีเข้าใจแล้วว่านี่เป็นก้าวแรกให้เธอได้สร้างผลงานต่อไปอีกในอนาคต ถึงอย่างนั้น ความกล้าที่จะก้าวออกไปของเธอก็ยังมีไม่เพียงพอ ถ้าบังคับกันเกินไปจะเป็นผลร้ายเอาได้ จึงควรให้คุมะฮาจิเดินทางกลับประเทศไปคนเดียวก่อนจะดีกว่า

   ขณะที่มิลานกำลังตัดสินใจ ประตูห้องของมารีก็ถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะหรือเรียกทัก คนที่กล้ากระทำการอุกอาจกับเจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาลเต้ก็คือ…เซเลน!

 

“ช้าก่อน!”

““เอ๋!? เซเลน!?””

 

  มิลานและมารีตกใจจนพูดออกมาพร้อมกัน หันไปหาเซเลนที่เหนื่อยหอบเหมือนรีบวิ่งมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซเลนปรับลมหายใจสักพักก่อนจะจ้องไปทีมิลานและพูดออกมา

 

“ฉัน ไปด้วย!”

“ไปด้วย? หรือว่าหมายถึงเดินทางไปกับมารีและคุมะฮาจิหรือครับ?”

 

  มิลานตีความคำพูดของเธอและถามย้ำ ซึ่งเซเลนก็พยักหน้า

 

“เซเลนไม่เคยเดินทางด้วยเรือใช่ไหมครับ? แล้วยังวัฒนธรรมที่ไม่รู้จักอีก ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ครับ…”

“ไม่มีปัญหา! จะไป!”

 

 เมื่อมิลานพยายามอธิบาย เซเลนก็ยังยืนยันคำเดิมกลับมาอย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็หันไปหามารี

 

“มารี”

“อ-อะไรเหรอ?”

“เที่ยวให้สนุก ด้วยกัน”

“เอ๋”

 

   เพียงเท่านี้ เซเลนก็ปิดประตูกลับออกไปโดยที่มิลานและมารียังไม่ข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปที่บานประตูที่ปิดอยู่อย่างงงงวย หลังจากตั้งสติได้ ทั้งสองก็กลับมาคุยกันต่อ

 

“แล้วมารีล่ะครับ ได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่แล้วคิดอย่างไรบ้าง?”

“…ถ้าทำถึงขนาดนั้น ไปด้วยกันก็ได้”

 

  ถึงในใจจริงมารีก็ยังรู้สึกไม่ยินดีนัก แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็จะทำตามคำแนะนำของมิลาน

   อาจเป็นเพราะเซเลนได้ยินมาจากคุมะฮาจิว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่ และคาดเดาคำตอบได้เพราะรู้ถึงนิสัยของเธอ ก่อนที่จะยืนยันคำตอบก็รีบมาบอกว่า ‘ช้าก่อน’ เพื่อห้ามไว้

 

“เซเลนบอกให้ ‘สนุก’ ด้วยไม่ใช่เหรอ? เธอเป็นพี่สาวใช่ไหม? ถ้าตามไปด้วยแล้วจะไม่พยายามให้เห็นไม่ได้นะครับ”

“เข้าใจแล้วน่า เป็นไงเป็นกัน! คอยดูให้ดีล่ะ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ มารีเบลคนนี้ ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงในหมู่เจ้าหญิงกันเล่นๆ จะประเทศไหนก็มาเถอะค่ะ!”

 

   ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็แล้วแต่ มารีที่คิดปฏิเสธมาจนถึงตอนนี้ก็ได้ประกาศออกมาว่าจะลงมือทำ เพราะสุดท้ายแล้ว มารีก็เป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้เป็นที่สุด

  ในเมื่อน้องสาวอย่างเซเลนยังพูดออกมาว่าจะ ‘เที่ยวให้สนุก’ ก็มีแต่ต้องทำให้เป็นเช่นนั้น สายเลือดของราชวงศ์เฮลิฟาลเต้อันน่าภาคภูมิใจที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนี้คือหลักฐานว่ามารีไม่ใช่คนที่ไร้ความสามารถถึงขนาดทำตามความคาดหวังของผู้คนไม่ได้

 

[“(องค์หญิงรีบมาแสดงเจตนาว่าต้องการสนับสนุนเจ้าหญิงมารีเบลสินะครับ)”]

 

   บัตเลอร์ที่ตามมา ขึ้นมาอยู่บนไหล่ของเซเลน กำลังทำความเข้าใจในความคิดและการกระทำของเซเลนอยู่บนไหล่ของเธอ การที่คุมะฮาจิมาแจ้งข่าวกับเซเลนทันทีที่หารือกันในห้องประชุมเสร็จ แสดงว่า ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งของมิลานก็กำลังพูดเรื่องเดียวกันนี้กับมารี

 

   ว่ากันตามตรง มีความเป็นไปได้สูงที่มารีจะปฏิเสธ และคนอย่างมารีเมื่อพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ หากปฏิเสธไปแล้ว หลังจากนี้จะไม่มาบอกว่า ‘เปลี่ยนใจแล้ว ไปดีกว่า ขอตำแหน่งเอกอัครราชทูตด้วย’ อย่างแน่นอน เซเลนจึงต้องไปช่วยพูดให้กำลังใจมารีโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น มารีจะสูญเสียโอกาสอันล้ำค่านี้ไป

 

[“(เพราะเป็นเพื่อนคนสำคัญ…)”]

 

  ข้อมูลที่ได้ฟังจากคุมะฮาจิทำให้บัตเลอร์รู้ได้ว่าประเทศที่เป็นเกาะนั้น มีการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรมแตกต่างกับประเทศบนแผ่นดินใหญ่อย่างสิ้นเชิง เพื่อไม่ให้เพื่อนสนิทอย่างมารีต้องเผชิญกับดินแดนที่ไม่รู้จักตามลำพังจึงต้องทำเช่นนั้น บัตเลอร์พยักหน้าให้กับน้ำใจอันกว้างใหญ่ของเธอ

 

[“องค์หญิง ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านเกิดของท่านคุมะฮาจิมีน้อยมาก แม้ในกรณีที่ป่าสีขาว ความอ่อนหัดของกระผมทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรได้รับการให้อภัยมาแล้ว แต่ตราบใดที่บัตเลอร์คนนี้ยังอยู่ข้างกายท่าน กระผมจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกครับ”]

“อือ”

 

   บัตเลอร์เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนเซเลนกำลังร่าเริงเพราะได้ไปเรียกร้องขอเข้าร่วมสำเร็จตามแผน เรื่องแบบนี้ เซเลนไม่ยอมพลาดอยู่แล้ว

 

   เท่าที่ฟังมา เซเลนเข้าใจได้ว่า ‘มิลานให้คุมะฮาจิ พามารีไปเลี้ยงอาหารหรู เช่นซาซิมิและเม่นทะเล’ เพียงแค่อยากให้น้องสาว มารี ได้กินของหายาก ถึงกับใช้คุมะฮาจิพาข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลโดยอ้างว่าให้ไปทำธุระ และยังสั่งให้ซื้อของฝากกลับมาอีก

 

  ตอนที่คุมะฮาจิพูดถึง ‘จัดการธุระขององค์ชายกับหาซื้อของที่ต้องการ’  ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนเขาค่อนข้างลำบากใจสำหรับการเดินทางนี้

   หากเป็นการ ‘หาซื้อของที่ต้องการ’ จริง ก็แค่ส่งใครก็ได้ไปเดินหาที่เมืองรอบปราสาทก็จะได้ของทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมถึงต้องให้มารีที่เป็นเจ้าหญิงไปด้วยกัน เหตุผลง่ายๆ คือให้พาไปเที่ยวนั่นเอง

 

  เซเลนรู้สึกหงุดหงิดที่เพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างคุมะฮาจิถูกเอาเปรียบ อีกตั้งตัวเซเลนเองก็ยังไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมมื้ออาหารแสนอร่อย ซาซิมิและเม่นทะเล เธอทำงานหนัก(รู้สึกเอาเอง)เพื่อประเทศนี้มามากแล้ว ทำไมเวลามีเรื่องดีๆถึงไม่ชวนกันบ้าง

 

  ของโปรดของมิลานคือผู้หญิง ไม่ใช่อาหาร เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ไปด้วย ทั้งๆที่มีซาซิมิและเม่นทะเลอยู่ปลายทางแท้ๆ ยังมาบ่นเรื่องการเดินทางให้ฟังอีก ตายไปซะ ไอ้เจ้าเด็กติดหรูคนนี้

 

   เพราะฉะนั้น เซเลนจึงต้องรีบไปหามิลานกับมารีเพื่อบอกว่าเธอรู้ทันและจะขอเข้าร่วมด้วย ก่อนที่จะตกลงกันลับหลังเธอ

  เธอยืนยันหนักแน่นว่าจะไปและหนีออกมาก่อนที่จะให้ตั้งตัวและพูดอะไรกลับมาได้ จากนั้นก็จะขอลางาน ไม่เข้าร่วมประชุมตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เพื่อไม่ให้ทางนั้นบอกปฏิเสธ และในตอนนี้ เซเลนก็กลับห้องไปนอนต่ออย่างสบายใจ

 

 

   ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าเซเลนจะขอตามไปด้วย เด็กที่ไม่ชอบออกไปไหนคนนั้น”

“ก็เพราะถูกขังมานานจนไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั่นแหละขอรับ แต่ก็เพราะเหตุนั้น จึงสนใจโลกภายนอกที่ไม่เคยได้เห็น แม้แต่อาหารแปลกๆที่ข้าน้อยพูดถึง อย่างซาซิมิและเม่นทะเล เธอยังตั้งใจฟังตาเป็นประกายเลยขอรับ”

“ก็จริง… ถึงจะทำให้เซเลนต้องลำบาก แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจที่เธอจะไปด้วยกันกับมารี แค่มีเด็กคนนั้นอยู่ด้วย อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามารีจะต้องตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแน่นอน”

 

  มิลานและคุมะฮาจิกลับมาพูดคุยสรุปเรื่องราวและวางกำหนดการณ์กันต่อ ทั้งมิลานและคุมะฮาจิต่างก็ไว้วางใจเซเลนผู้ที่ทำให้มิตรภาพระหว่างมนุษย์และเอลฟ์เกิดขึ้นมาได้สำเร็จมาแล้ว

   ด้วยการสนับสนุนของเซเลน จะทำให้มารีทำงานให้สมกับตำแหน่งเอกอัครราชทูตได้อย่างไม่มีปัญหา โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่า ปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเพราะมีเธอเป็นเหตุ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.1: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน2)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.1: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 10

เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน2)

 

 

“…อย่างที่บอกไป เธอจะถูกแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูต และเดินทางไปพร้อมกับคุมะฮาจิที่กำลังจะกลับไปที่บ้านเกิดของเขา”

“เห…”

 

   หลังจากพูดคุยจนได้ข้อสรุปเบื้องต้นกับคุมะฮาจิแล้ว มิลานก็มาบอกกับมารีที่ห้องของเธอ เกี่ยวกับแผนการคร่าวๆของเรื่องที่ได้ไปคุยมา ในช่วงแรกมารีก็ดูเหมือนจะสนใจแต่เมื่ออธิบายจนจบ เธอก็เริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจ

 

“ให้หนูไปคนเดียวเนี่ยนะ?”

“มีผู้ติดตามกับคนรับใช้ไปคอยดูแลด้วยครับ แล้วเดี๋ยวจะมีการคัดเลือกผู้คุ้มกันฝีมือดีให้อีก”

“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ท่านพี่ล่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย”

 

  เนื่องจากมารีเป็นคนที่ชอบเป็นจุดเด่นให้คนสนใจ เมื่อได้ยินว่าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตก็รู้สึกดีใจ เพราะทุกวันนี้มารียังไม่มีหน้าที่ที่ชัดเจน จนบางครั้งถูกมองว่าเป็นเจ้าหญิงไม้ประดับของเฮลิฟาลเต้เท่านั้น จึงคิดว่ามีโอกาสได้ทำผลงานบ้างแล้ว

 

  แต่รายระเอียดของหน้าที่นั้นทำให้เธอต้องคิดหนัก เพราะเป้าหมายคือประเทศปิดซึ่งเป็นเกาะที่อยู่นอกทวีป ไม่มีใครให้พึ่งพา พี่ชายก็ไม่ได้ไปด้วยกัน หากเกิดอะไรขึ้นมาก็ไปขอพ่อกับแม่ให้ช่วยก็ไม่ได้ ไม่ต่างกับตัวคนเดียว จึงรู้สึกท้อแท้มากกว่ามีความสุข

 

“(ไม่ผิดจากที่คาดสักเท่าไหร่)”

 

  มิลานรู้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อขอให้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศที่ไม่ต้อนรับชาวต่างชาติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แต่ก็เป็นเหตุผลที่มิลานต้องการจะให้มารีรับภารกิจนี้

 

  การที่น้องสาวมักถูกนำไปเปรียบเทียบว่า ‘เด็กที่อาศัยบารมีขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์’ มิลานก็เคยได้ยินมาบ้าง และก็รู้ว่ามารีเองก็ต้องเคยได้ยินมาเหมือนกันและมีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่มารีจะต้องสร้างชื่อด้วยตนเอง เพราะเหตุนี้ จึงต้องให้เธอได้รับแรงสนับสนุนจากประเทศอื่น และต้องเป็นประเทศที่ห่างไกลจากอคติที่มีต่อมารีให้มากที่สุด

 

  ซึ่งประเทศบ้านเกิดของคุมะฮาจินี่เอง ไม่มีการรับข่าวสารจากประเทศอื่น แม้กระทั้งชื่อขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เป็นที่รู้จัก จึงเหมาะกับการให้มารีไปแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องถูกเปรียบเทียบกับใคร แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเธอเองก็ยังลังเลที่จะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่รู้จักโดยที่ต้องแบกรับชื่อเฮลิฟาลเต้ไว้ด้วย

 

“เป็นแค่การร่วมเดินทางไปกับคุมะฮาจิที่กลับไปเยี่ยมครอบครัวเท่านั้นครับ อาจจะมีการพบปะกับขุนนางในพื้นที่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องทำการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ แค่ไปทำความรู้จักกันธรรมดา ระวังอย่าทำอะไรที่เป็นการลบหลู่อีกฝ่ายก็พอครับ”

“ไม่รู้ว่าจะทำให้ทางนั้นประทับใจได้หรือเปล่านี่สิ”

“ไม่จำเป็นต้องให้ประทับใจเลยครับ ที่สำคัญคือการให้เกียรติอีกฝ่าย วัฒนธรรมของพวกเขาก็ต่างกับของเรามาก ย่อมเกิดความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่แสดงพฤติกรรมที่เป็นการลบหลู่ออกไปตรงๆไม่มีปัญหาหรอกครับ การประจบประแจงเพื่อเอาใจอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลย”

“พูดเหมือนกับว่าหนูจะไปทำให้เสียเรื่องเลยนะคะ? เสียมารยาทจัง!”

“…ยุ่งยากจริงๆเลยน้า”

 

   มิลานพูดออกไปด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘อย่าได้รู้สึกกดดันไปเลย ต่อให้ทำอะไรผิดพลาดก็ไม่เป็นไร’ แต่ดูเหมือนว่ามารีจะเข้าใจว่าการที่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเธอหมายถึงตัดสินไปแล้วว่าเธอจะล้มเหลว โดยพื้นฐานแล้วมารีเป็นเด็กที่เอาใจยาก จะพูดจาตรงเกินไปหรืออ้อมค้อมเกินไปก็ล้วนแต่จะทำให้เธออารมณ์เสีย มิลานคิดนับถือเซเลนที่รับมือน้องสาวคนนี้อยู่ทุกวันได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“คิดว่าไปท่องเที่ยวกับคุมะฮาจิ ไปดูวัฒนธรรมของประเทศนั้นว่าแตกต่างกับที่รู้จักอย่างไรก็แล้วกันครับ”

“เหมือนจะเคยได้ยินว่าที่นั่นกินของดิบกันหรือเปล่านะ? น่าขยะแขยงจะตาย”

 

  คุมาฮาจิเคยพูดถึงเรื่องราวในบ้านเกิดของเขาให้มารีฟังอยู่บ่อยครั้ง และเธอก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุมะฮาจิพูดว่าอยากกินอาหารจากบ้านเกิดที่เรียกว่า ‘ซาซิมิ’ เธอจึงถามว่าสิ่งนั้นคืออะไร และได้คำตอบมาว่า มันคือปลาสดๆที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำและนำมากินทั้งดิบๆ ทำให้มารีรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที

 

“ถึงหนูจะไม่ค่อยได้กินปลาก็เถอะ แต่ก็รู้ว่าคนปรกติเขาไม่กินกันดิบๆกันหรอกค่ะ ไม่ใช่สัตว์ป่าสักหน่อย หรือคุมะฮาจิจะเป็นหมีจริงๆกันนะ?”

“ก็จริง กินปลาดิบแบบนั้นผมเองก็คงต้องขอผ่านเหมือนกัน แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นอีกเยอะแยะ ที่เรียกว่า ‘เม่นทะเล(หอยเม่น)’ นั่นอีก ได้ยินว่าอร่อยจนต้องแนะนำเลยทีเดียว”

“เม่นทะเล อะไรน่ะ?”

 

  เป็นอีกเมนูที่มารีไม่รู้ว่ามันคืออะไร ถึงเธอจะสนใจ แต่ซาซิมิก็ทำให้มารีไม่ไว้ใจอาหารของประเทศนั้นไปแล้ว

 

“ผมก็ไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกัน ฟังจากคุมะฮาจิมาอีกที ว่ามันทำมาจากก้อนกลมสีดำ มีหนามแหลมอยู่รอบ ต้องผ่าออกมากินเนื้อข้างใน มันก็น่าจะเป็นเกาลัดที่อยู่ในทะเลแหละมั้ง?”

“เกาลัดทะเล… น่าจะพอกินได้อยู่นะ เกาลัดก็อร่อยอยู่แล้วด้วย”

 

  มิลานพยายามเปลี่ยนหัวข้อเพื่อเกลี้ยกล่อมมารีทีละน้อย ถึงเธอจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงสักแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจไปทุกเรื่อง ดังนั้น การจะให้เธอเดินทางออกนอกประเทศด้วยตนเอง ต้องมีสิ่งล่อตาล่อใจเธอได้ระดับหนึ่ง มิลานถามคุมะฮาจิมาก่อนแล้วว่าประเทศนั้นมีอะไรที่ทำให้มารีสนใจได้บ้าง

 

“ชุดประจำชาติที่เรียกกันว่า ‘กิโมโน’ นั่นก็น่าสนใจนะ กิโมโนของผู้หญิงจะมีสีสันสดใสและมีลวดลายเป็นดอกไม้ ว่ากันว่า งดงามชวนหลงใหลเหมือนสวมใส่งานศิลปะเลยทีเดียว ไม่คิดว่าชุดแบบนั้นจะเหมาะกับเธอบ้างหรือครับ?”

“กิโมโน… งดงามชวนหลงใหล…”

 

  มิลานเห็นการแสดงออกของมารีก็รู้ได้ว่าเธอเริ่มมีความตั้งใจขึ้นมาบ้างแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับมีผลกับการตัดสินใจของมารีมากกว่าอาหาร และจริงๆแล้ว ถ้าเป็นกรณีของเซเลนก็จะตอบตกลงตั้งแต่คำว่าซาซิมิ

  ในใจของมารีเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สมองของเธอจะปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมา ซึ่งก็คือคุมะฮาจิในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มสภาพเก่าโทรม

 

“ออ… กิโมโนที่ว่าก็คือไอ้นั่นเองสินะ?”

 

  เมื่อนึกถึงสิ่งที่คุมะฮาจิสวมใส่อยู่เป็นประจำ มารีก็ถอนหายใจและเริ่มหมดไฟอีกครั้ง เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะตัวอย่างผู้สวมกิโมโนเพียงหนึ่งเดียวในประเทศคือคุมะฮาจิผู้ที่ไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกของตนจนออกมาเป็นสภาพเช่นนั้น มารีจินตนาการไม่ออกเลยว่าชุดนั้นจะ ‘งดงามชวนหลงใหล’ ได้อย่างไร

 

“นี่ ท่านพี่ ยกเลิกกำหนดการนี้ไม่ได้เหรอ?”

“(ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วสิ)”

 

   ทั้งที่มิลานคิดว่าจะปิดเกมได้แล้ว แต่ก็เลือกใช้ไพ่ผิดใบจนสถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เขารู้สึกว่าการเจรจากับมารีในตอนนี้ยังยากกว่าพูดคุยนักการทูตจากต่างประเทศเสียอีก

 

“ถ้าว่าง่ายเหมือนเซเลนก็คงจะดีไม่น้อย…”

 

   มิลานเงยหน้าบ่นพึมพำเบาๆไม่ให้มารีได้ยิน ตอนนี้คุมะฮาจิก็คงไปแจ้งข่าวให้เซเลนรับทราบแล้วว่าเขาจะออกเดินทางออกนอกเฮลิฟาลเต้เป็นการชั่วคราว ถ้ามารีเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนเซเลนก็คงจะคุยกันรู้เรื่องกันไปนานแล้ว

 

   ในสายตาของมิลาน เซเลนเป็นผู้หญิงที่มีมารยาท สุภาพเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี หากแต่งตั้งให้เซเลนเป็นทูตแทนมารีได้ก็ไม่ต้องมาปวดหัวหาวิธีเกลี้ยกล่อมเธออยู่อย่างตอนนี้

 

   มิลานนึกโทษคุมะฮาจิอยู่ในใจ ที่หนีไปจัดการเรื่องง่ายๆและปล่อยให้เขามารับผิดชอบน้องสาวผู้เรื่องมากอยู่คนเดียว แม้จะเป็นน้องสาวของเขาจริงๆก็เถอะ และอันที่จริง ถึงจะเป็นเซเลน ก็ไม่คิดจะเคลื่อนไหวทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยไม่มีสิ่งล่อตาล่อใจยิ่งกว่า เพราะฉะนั้น หากเป็นการเกลี้ยกล่อม ก็จะเรียกได้ว่าคุมะฮาจิโชคร้ายเช่นกัน

 

 

   ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

 

“เร็วๆนี้ ข้าน้อยจะต้องกลับบ้านเกิดสักพักหนึ่งขอรับ?”

“โดนไล่ออก!?”

 

   ในเวลาเดียวกัน คุมะอาจิกำลังอธิบายสถานการณ์กับเซเลนที่ห้องของเธอ พูดถึงเรื่องที่มิลานต้องไปเกลี้ยกล่อมมารีให้ฟัง และยังบอกด้วยว่ามารีรู้สึก ‘รังเกียจ’ เมื่อรู้ว่าซาซิมิคืออะไร แต่เซเลนก็ตั้งใจฟังด้วยท่าทางสนใจเต็มที่

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! อย่างข้าน้อยไม่มีทางถูกเนรเทศง่ายๆหรอกขอรับ กลับไปแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากจัดการธุระขององค์ชายกับหาซื้อของที่ต้องการได้เรียบร้อยแล้วก็กลับมาขอรับ”

“ทำธุระ หาของ ให้เจ้าชาย…”

 

   ชีวิตในวัยเด็กของเซเลนรู้จักแค่คุกที่ขังตนไว้ โลกอันกว้างใหญ่นี้มีแต่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเธอ ความจริงในข้อนี้คือเรื่องที่คุมะฮาจิเห็นว่าน่าเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความสงสารออกไปและยังพูดคุยด้วยอย่างร่าเริงเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้ โดนรวมแล้วก็คือการคุ้มกันมารีตามที่ได้รับการขอร้องมา หลังจากนั้นก็หาร้านตีดาบเพื่อซื้อดาบเล่มใหม่ที่เหมาะมือ

 

“เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ขอรับ โปรดอภัยที่มารบกวนเวลาพักผ่อน ข้าน้อยขอลา”

 

  หลังจากแจ้งข่าวให้รับทราบแล้ว คุมะฮาจิก็กลับออกจากห้อง เหลือไว้เพียงเซเลนที่เปลี่ยนกลับมาสวมชุดสีขาวตามปรกติ นั่งทบทวนข้อมูลอยู่บนเตียง วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาจากคุมะฮาจิด้วยสมองที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยของเธอ

 

[“องค์หญิง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”]

“แย่แล้ว! ไปกันเถอะ!”

[“องค์หญิง!? มีเรื่องอะไร!?”]

 

   ทันใดนั้น เซเลนลุกลงจากเตียงและวิ่งออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนขนาดทำให้คิดว่าการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าตามปรกติของเธอจนถึงตอนนี้เป็นเรื่องโกหก และบัตเลอร์ก็ติดตามเธอไปโดยที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์

 

 

   ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

 

“มารี ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเธอเลยนะครับ เธออาจจะยังไม่มั่นใจ แต่หากทำสำเร็จ ผู้คนจะยกย่องเธอเทียบเท่ากับผมได้เลย เพียงแค่ผ่านขั้นตอนง่ายๆนี้ไปเท่านั้น”

“ถึงจะจริงแต่ก็ยัง…”

 

   จนถึงตอนนี้ มิลานเสนอของที่มารีน่าจะชอบมาหว่านล้อมทุกอย่างแล้ว

บางครั้งก็อ่อนโยน บางครั้งก็แข็งกร้าว แต่ก็ยังทำให้เธอเปลี่ยนใจไม่ได้ วัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารที่ไม่ถูกปากของต่างแดน และเธอต้องเผชิญทั้งหมดนั้นด้วยตัวคนเดียว นี่คือความวิตกกังวลของเธอ

 

“(คงต้องยอมรับว่ายังเร็วไปสำหรับเธอแล้วล่ะ…)”

 

   ตอนนี้มารีเข้าใจแล้วว่านี่เป็นก้าวแรกให้เธอได้สร้างผลงานต่อไปอีกในอนาคต ถึงอย่างนั้น ความกล้าที่จะก้าวออกไปของเธอก็ยังมีไม่เพียงพอ ถ้าบังคับกันเกินไปจะเป็นผลร้ายเอาได้ จึงควรให้คุมะฮาจิเดินทางกลับประเทศไปคนเดียวก่อนจะดีกว่า

   ขณะที่มิลานกำลังตัดสินใจ ประตูห้องของมารีก็ถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะหรือเรียกทัก คนที่กล้ากระทำการอุกอาจกับเจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาลเต้ก็คือ…เซเลน!

 

“ช้าก่อน!”

““เอ๋!? เซเลน!?””

 

  มิลานและมารีตกใจจนพูดออกมาพร้อมกัน หันไปหาเซเลนที่เหนื่อยหอบเหมือนรีบวิ่งมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เซเลนปรับลมหายใจสักพักก่อนจะจ้องไปทีมิลานและพูดออกมา

 

“ฉัน ไปด้วย!”

“ไปด้วย? หรือว่าหมายถึงเดินทางไปกับมารีและคุมะฮาจิหรือครับ?”

 

  มิลานตีความคำพูดของเธอและถามย้ำ ซึ่งเซเลนก็พยักหน้า

 

“เซเลนไม่เคยเดินทางด้วยเรือใช่ไหมครับ? แล้วยังวัฒนธรรมที่ไม่รู้จักอีก ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ครับ…”

“ไม่มีปัญหา! จะไป!”

 

 เมื่อมิลานพยายามอธิบาย เซเลนก็ยังยืนยันคำเดิมกลับมาอย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็หันไปหามารี

 

“มารี”

“อ-อะไรเหรอ?”

“เที่ยวให้สนุก ด้วยกัน”

“เอ๋”

 

   เพียงเท่านี้ เซเลนก็ปิดประตูกลับออกไปโดยที่มิลานและมารียังไม่ข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปที่บานประตูที่ปิดอยู่อย่างงงงวย หลังจากตั้งสติได้ ทั้งสองก็กลับมาคุยกันต่อ

 

“แล้วมารีล่ะครับ ได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่แล้วคิดอย่างไรบ้าง?”

“…ถ้าทำถึงขนาดนั้น ไปด้วยกันก็ได้”

 

  ถึงในใจจริงมารีก็ยังรู้สึกไม่ยินดีนัก แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็จะทำตามคำแนะนำของมิลาน

   อาจเป็นเพราะเซเลนได้ยินมาจากคุมะฮาจิว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่ และคาดเดาคำตอบได้เพราะรู้ถึงนิสัยของเธอ ก่อนที่จะยืนยันคำตอบก็รีบมาบอกว่า ‘ช้าก่อน’ เพื่อห้ามไว้

 

“เซเลนบอกให้ ‘สนุก’ ด้วยไม่ใช่เหรอ? เธอเป็นพี่สาวใช่ไหม? ถ้าตามไปด้วยแล้วจะไม่พยายามให้เห็นไม่ได้นะครับ”

“เข้าใจแล้วน่า เป็นไงเป็นกัน! คอยดูให้ดีล่ะ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งของเฮลิฟาลเต้ มารีเบลคนนี้ ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงในหมู่เจ้าหญิงกันเล่นๆ จะประเทศไหนก็มาเถอะค่ะ!”

 

   ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็แล้วแต่ มารีที่คิดปฏิเสธมาจนถึงตอนนี้ก็ได้ประกาศออกมาว่าจะลงมือทำ เพราะสุดท้ายแล้ว มารีก็เป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้เป็นที่สุด

  ในเมื่อน้องสาวอย่างเซเลนยังพูดออกมาว่าจะ ‘เที่ยวให้สนุก’ ก็มีแต่ต้องทำให้เป็นเช่นนั้น สายเลือดของราชวงศ์เฮลิฟาลเต้อันน่าภาคภูมิใจที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนี้คือหลักฐานว่ามารีไม่ใช่คนที่ไร้ความสามารถถึงขนาดทำตามความคาดหวังของผู้คนไม่ได้

 

[“(องค์หญิงรีบมาแสดงเจตนาว่าต้องการสนับสนุนเจ้าหญิงมารีเบลสินะครับ)”]

 

   บัตเลอร์ที่ตามมา ขึ้นมาอยู่บนไหล่ของเซเลน กำลังทำความเข้าใจในความคิดและการกระทำของเซเลนอยู่บนไหล่ของเธอ การที่คุมะฮาจิมาแจ้งข่าวกับเซเลนทันทีที่หารือกันในห้องประชุมเสร็จ แสดงว่า ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งของมิลานก็กำลังพูดเรื่องเดียวกันนี้กับมารี

 

   ว่ากันตามตรง มีความเป็นไปได้สูงที่มารีจะปฏิเสธ และคนอย่างมารีเมื่อพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ หากปฏิเสธไปแล้ว หลังจากนี้จะไม่มาบอกว่า ‘เปลี่ยนใจแล้ว ไปดีกว่า ขอตำแหน่งเอกอัครราชทูตด้วย’ อย่างแน่นอน เซเลนจึงต้องไปช่วยพูดให้กำลังใจมารีโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น มารีจะสูญเสียโอกาสอันล้ำค่านี้ไป

 

[“(เพราะเป็นเพื่อนคนสำคัญ…)”]

 

  ข้อมูลที่ได้ฟังจากคุมะฮาจิทำให้บัตเลอร์รู้ได้ว่าประเทศที่เป็นเกาะนั้น มีการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรมแตกต่างกับประเทศบนแผ่นดินใหญ่อย่างสิ้นเชิง เพื่อไม่ให้เพื่อนสนิทอย่างมารีต้องเผชิญกับดินแดนที่ไม่รู้จักตามลำพังจึงต้องทำเช่นนั้น บัตเลอร์พยักหน้าให้กับน้ำใจอันกว้างใหญ่ของเธอ

 

[“องค์หญิง ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านเกิดของท่านคุมะฮาจิมีน้อยมาก แม้ในกรณีที่ป่าสีขาว ความอ่อนหัดของกระผมทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรได้รับการให้อภัยมาแล้ว แต่ตราบใดที่บัตเลอร์คนนี้ยังอยู่ข้างกายท่าน กระผมจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกครับ”]

“อือ”

 

   บัตเลอร์เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนเซเลนกำลังร่าเริงเพราะได้ไปเรียกร้องขอเข้าร่วมสำเร็จตามแผน เรื่องแบบนี้ เซเลนไม่ยอมพลาดอยู่แล้ว

 

   เท่าที่ฟังมา เซเลนเข้าใจได้ว่า ‘มิลานให้คุมะฮาจิ พามารีไปเลี้ยงอาหารหรู เช่นซาซิมิและเม่นทะเล’ เพียงแค่อยากให้น้องสาว มารี ได้กินของหายาก ถึงกับใช้คุมะฮาจิพาข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลโดยอ้างว่าให้ไปทำธุระ และยังสั่งให้ซื้อของฝากกลับมาอีก

 

  ตอนที่คุมะฮาจิพูดถึง ‘จัดการธุระขององค์ชายกับหาซื้อของที่ต้องการ’  ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนเขาค่อนข้างลำบากใจสำหรับการเดินทางนี้

   หากเป็นการ ‘หาซื้อของที่ต้องการ’ จริง ก็แค่ส่งใครก็ได้ไปเดินหาที่เมืองรอบปราสาทก็จะได้ของทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมถึงต้องให้มารีที่เป็นเจ้าหญิงไปด้วยกัน เหตุผลง่ายๆ คือให้พาไปเที่ยวนั่นเอง

 

  เซเลนรู้สึกหงุดหงิดที่เพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างคุมะฮาจิถูกเอาเปรียบ อีกตั้งตัวเซเลนเองก็ยังไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมมื้ออาหารแสนอร่อย ซาซิมิและเม่นทะเล เธอทำงานหนัก(รู้สึกเอาเอง)เพื่อประเทศนี้มามากแล้ว ทำไมเวลามีเรื่องดีๆถึงไม่ชวนกันบ้าง

 

  ของโปรดของมิลานคือผู้หญิง ไม่ใช่อาหาร เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ได้ไปด้วย ทั้งๆที่มีซาซิมิและเม่นทะเลอยู่ปลายทางแท้ๆ ยังมาบ่นเรื่องการเดินทางให้ฟังอีก ตายไปซะ ไอ้เจ้าเด็กติดหรูคนนี้

 

   เพราะฉะนั้น เซเลนจึงต้องรีบไปหามิลานกับมารีเพื่อบอกว่าเธอรู้ทันและจะขอเข้าร่วมด้วย ก่อนที่จะตกลงกันลับหลังเธอ

  เธอยืนยันหนักแน่นว่าจะไปและหนีออกมาก่อนที่จะให้ตั้งตัวและพูดอะไรกลับมาได้ จากนั้นก็จะขอลางาน ไม่เข้าร่วมประชุมตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เพื่อไม่ให้ทางนั้นบอกปฏิเสธ และในตอนนี้ เซเลนก็กลับห้องไปนอนต่ออย่างสบายใจ

 

 

   ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าเซเลนจะขอตามไปด้วย เด็กที่ไม่ชอบออกไปไหนคนนั้น”

“ก็เพราะถูกขังมานานจนไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั่นแหละขอรับ แต่ก็เพราะเหตุนั้น จึงสนใจโลกภายนอกที่ไม่เคยได้เห็น แม้แต่อาหารแปลกๆที่ข้าน้อยพูดถึง อย่างซาซิมิและเม่นทะเล เธอยังตั้งใจฟังตาเป็นประกายเลยขอรับ”

“ก็จริง… ถึงจะทำให้เซเลนต้องลำบาก แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจที่เธอจะไปด้วยกันกับมารี แค่มีเด็กคนนั้นอยู่ด้วย อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามารีจะต้องตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแน่นอน”

 

  มิลานและคุมะฮาจิกลับมาพูดคุยสรุปเรื่องราวและวางกำหนดการณ์กันต่อ ทั้งมิลานและคุมะฮาจิต่างก็ไว้วางใจเซเลนผู้ที่ทำให้มิตรภาพระหว่างมนุษย์และเอลฟ์เกิดขึ้นมาได้สำเร็จมาแล้ว

   ด้วยการสนับสนุนของเซเลน จะทำให้มารีทำงานให้สมกับตำแหน่งเอกอัครราชทูตได้อย่างไม่มีปัญหา โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่า ปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเพราะมีเธอเป็นเหตุ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+