[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 57

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 57 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 57

เส้นแบ่งบางๆ

 

 

[“เอาล่ะ กระผมรอฟังอยู่”]

[“………”]

[“ถ้าพูดยากนัก ลองเป็นคำตอบสั้นๆคงได้สินะครับ? พวกคุณมาเพื่อทำร้ายองค์หญิงใช่หรือไม่?”]

[“เก่งจัง เดาถูกด้วย”]

 

   เมื่อเห็นว่าโคคุมารุไม่คิดจะตอบอย่างจริงจัง บัตเลอร์จึงเผยฟันหน้าอันแหลมคมและตั้งท่าพร้อมจู่โจม

 

[“เจ้าพวกคนชั่ว! คิดจะมาล้างค้านให้ผู้สาปแช่ง เจ้านายของคุณที่ถูกกำจัดไปสินะ!”]

[“เฮ้ยเฮ้ย! ช้าก่อน คุณพ่อบ้าน ข้าก็แค่ติดร่างแหมาด้วยเท่านั้น”]

[“…หมายความว่ายังไง?”]

 

   โคคุมารุยืดตัวตรงพร้อมกับกางปีกออก ถ้าเป็นมนุษย์ก็เหมือนกับยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อแสดงออกว่าไม่คิดจะสู้ แม้จะแข็งแกร่งจากการเป็นสัตว์อสูรด้วยพลังเวทย์ที่นำมาเสริมความสามารถในทุกด้าน  แต่โดยพื้นฐานแล้ว หน้าที่หลักของโคคุมารุคือการสอดแนม จึงไม่ถนัดการต่อสู้ และนิสัยของเขาก็ไม่ชอบเรื่องเจ็บตัว

 

[“ระหว่างยายแก่กับข้า ไม่มีความรู้สึกผูกพันแม้แต่น้อย นี่มันเป็นเรื่องของไอ้เด็กมีปัญหานั่น… คนที่คิดจะฆ่าเจ้าหญิงแสงจันทร์มีแต่ชินนิคนเดียว”]

[“หืม ชินนิคือชื่อของเด็กคนนั้นสินะ ทั้งที่อยู่ในวัยเดียวกับองค์หญิง เพราะอะไรถึงได้มีจิตใจชั่วร้ายได้ขนาดนั้น?”]

 

  แรงกดดันที่ออกมาจากบัตเลอร์เบาบางลงเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยท่าทางใจเย็นลง โคคุมารุจึงโล่งใจได้ระดับหนึ่ง พับปีกที่กางไว้และเริ่มอธิบาย

 

[“ถ้าจะให้เล่า เรื่องมันก็ยาว…”]

 

   โคคุมารุบอกทุกอย่างให้บัตเลอร์ได้ฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ชินนิถูกเลี้ยงดูโดยผู้สาปแช่งตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากผู้สาปแช่งเสียชีวิต ตัวเขาเองก็ย้ายมาเป็นกาฝากของชินนิ และยังบอกอีกว่าชินนิหลงใหลในตัวผู้สาปแช่งไม่ต่างกับถูกครอบงำ จนเมื่อรู้ว่าเซเลนยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ออกเดินทางมาไกลมาถึงที่ตรงนี้

 

[“อื่ม กระผมพอเข้าใจสถานการณ์ของพวกคุณบ้างแล้ว ไม่ใช่แผนการขององค์กร แต่เป็นเป้าหมายของเด็กคนนั้นเพียงคนเดียว”]

[“หืม เชื่อข้ออ้างเห็นแก่ตัวของข้าง่ายๆแบบนี้ คุณพ่อบ้านนี่ก็อ่อนหัดเหมือนเจ้านายเลยนะ”]

[“องค์หญิงไม่ได้อ่อนหัด เธอช่วยเด็กคนนั้นไว้ด้วยความเมตตา และที่กระผมเชื่อก็เพราะคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวนั่นแหละ”]

 

  บัตเลอร์ตอบกลับโคคุมารุด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

[“ทุกคนที่คุณใกล้ชิด คือผู้ได้รับผลประโยชน์ร่วม ไม่ใช่พวกพ้อง ตราบใดที่ไม่ไปขัดกับผลประโยชน์ส่วนตัวของคุณ คุณก็ไว้ใจได้ ทำให้รับมือง่ายกว่าคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์”]

[“อื่ม เข้าใจได้แบบนั้นก็ดี ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าหญิงแสงจันทร์จะอยู่หรือตาย แต่ถ้าชินนิตาย ข้าจะมีปัญหา”]

[“ถ้าอย่างนั้น มาเริ่มการเจรจาต่อรองกันเลยดีกว่า”]

[“กับข้าเนี่ยนะ? ดูเหมือนข้าพกเงินมาด้วยหรือไง?”]

 

   โคคุมารุตอบด้วยคำพูดล้อเล่นอีกครั้ง แต่ท่าทางของบัตเลอร์จริงจังจนโคคุมารุเห็นแล้วยังต้องตั้งใจฟัง

 

[“เด็กคนนั้น… กระผมอยากให้คุณไปเปลี่ยนใจชินนิ ได้หรือเปล่า?”]

[“อ้าว? นั่นมันศัตรูของพวกแกไม่ใช่เหรอ? มาช่วยกันไล่กลับไปดีกว่า”]

[“อาศัยตัวกระผมกับเหล่าหนูขาว และพลังของมังกรแดง จะให้ไล่ไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่องค์หญิงไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น และเหนือสิ่งอื่นใด ปัญหาที่แท้จริงยังไม่ถูกแก้ไข”]

[“ปัญหาอะไรอีก?”]

 

   บัตเลอร์ยืนขึ้นด้วยขาหลัง มีความหมายว่าไม่คิดจะต่อสู้อีกต่อไป หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมา

 

[“เด็กที่ชื่อชินนิเองก็เป็นแค่เหยื่อที่ถูกผู้สาปแช่งหลอกใช้ หากทำให้เธอตาสว่างได้ ก็จะเห็นว่ายังมีอนาคตที่ดีกว่านี้รอเธออยู่อีกมากมาย เพราะตอนนี้ ต่อให้เธอสังหารองค์หญิงได้สำเร็จ ก็จะต้องแบกรับผลกรรมอันหนักหนาไปจนตาย”]

[“ก็ยายแก่ก็ตั้งใจสอนเด็กนั่นให้เป็นแบบนี้นี่นา เรียกว่าล้างสมองจะถูกกว่านะ”]

 

   โคคุมารุเห็นด้วยกับบัตเลอร์ ทั้งหมดคือความปรารถนาของผู้สาปแช่ง เพื่อให้องค์กรผู้ใช้คำสาปกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ชินนิเป็นแค่เครื่องมือที่สร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น

 

  เพราะชินนิไม่เคยถูกสอนเรื่องอื่นใดนอกจากคำสาป ไม่รู้จักการใช้ชีวิตของคนปรกติ หากแยกโลกของคำสาปออกจากชินนิ ก็จะไม่เหลือเหตุผลในการดำรงอยู่ของเธออีกเลย

 

[“ก่อนที่กระผมจะได้รู้จักกับองค์หญิง ก็ไม่ต่างไม่ต่างกับเด็กคนนั้นสักเท่าไหร่ เป็นเพียงหนูตัวเล็กๆที่ได้แต่ทนถูกเหยียบย่ำอยู่ในโลกของหนู จนกระทั้งได้รู้ว่าฝูงหนูที่เคยอยู่มันกะจ้อยร่อยเพียงใด จึงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”]

 

   บัตเลอร์พูดถึงอดีตของตน หากโคคุมารุพูดความจริง ก็หมายความว่าชินนิยังไม่เคยลงมือฆ่าใครมาก่อน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของเธอ เพราะฉะนั้น มันยังไม่สายเกินไปที่จะเลือกทางเดินใหม่

 

[“จะให้ข้าไปเกลี้ยกล่อมไอ้เด็กนั่นเนี่ยนะ? เอาจริงดิ? น่าหัวเราะชะมัด”]

[“หากพวกคุณลงมือกับองค์หญิงเมื่อไหร่ กระผมและหนูขาวอีกนับไม่ถ้วนจะทำการตอบโต้เต็มกำลัง ยิ่งไปว่านั้น ถ้าองค์หญิงเป็นอะไรขึ้นมา มังกรแดงไม่อยู่เฉยแน่… หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น คุณคงรู้สินะครับ?”]

[“ก่อนหน้านี้บอกว่าขอเจรจา พอเอาเข้าจริงก็ข่มขู่ด้วยกำลัง บังคับให้ทำตามกันชัดๆเลยนี่หว่า ไอ้ขี้โม้เอ๊ย”]

[“กระผมแค่พูดตามความเป็นจริง นอกจากนั้น กระผมไม่คิดว่าตนเองจะสามารถสื่อสารกับเด็กคนนั้นได้ อีกทั้งระหว่างพวกคุณก็ยังมีสายสัมพันธ์เพียงพอที่เธอจะรับฟัง จึงมีแต่คุณเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ได้ คุณโคคุมารุ”]

 

  คนที่เข้าใจคำพูดของสัตว์อสูรจะมีเพียงคนที่ทำสัญญาด้วยเท่านั้น คล้ายกับคลื่นความถี่สัญญาณวิทยุ หากไม่ตรงกันก็จะได้ยินเพียงเสียงร้องของสัตว์ บัตเลอร์เข้าใจในเรื่องนี้หลังจากเหตุการณ์ในป่าสีขาว ในตอนที่บัตเลอร์ไม่สามารถสื่อสารกับพวกเอลฟ์ได้ ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือเวทมนตร์ของมังกร ที่จะส่งเสียงเข้าไปในหัวโดยตรง

 

  การที่บัตเลอร์พูดคุยกับโคคุมารุอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะบัตเลอร์ได้ศึกษาภาษาของสัตว์ป่าไว้หลายชนิดให้อยู่ในระดับที่สื่อสารกันได้ กลายเป็นเหมือนล่ามผู้เชี่ยวชาญหลายภาษา แตกต่างกับเจ้านายที่พอฟังไม่ออกก็ไม่คิดจะสื่อสารจนกลายมาเป็นคนพูดไม่เก่ง

   เพราะฉะนั้น คนที่พูดกับชินนิได้ ในที่นี้จึงมีเพียงโคคุมารุเท่านั้น   

 

[“ทำเป็นพูดดี มีทางอื่นให้ข้าเลือกหรือไง? อย่าเพิ่งหวังอะไรมากนักล่ะ ข้าไม่ถนัดการเกลี้ยกล่อม และถ้าสถานการณ์มันเลวร้ายขึ้นมาจริงๆ ข้าก็จะทิ้งเด็กนั่นไว้แล้วหนีไปคนเดียว เข้าใจไหม?”]

[“สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว คุณแค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด หากไม่สำเร็จ กระผมก็จะทำหน้าทีของกระผมให้ดีที่สุด ถึงจะทำเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิง แต่การส่งเด็กสาวเข้าไปในส่วนลึกของป่าสีขาวตามลำพังก็ไมใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ”]

 

   เมื่อตกลงกันได้แล้ว บัตเลอร์ก็ออกจากที่ตรงนั้น เหลือเพียงโคคุมารุที่ก้มหน้าถอนหายใจอยู่บนก้อนหิน

 

[“กับคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตจนมาถึงตรงนี้ มันคงฟังที่ข้าพูดหรอก…”]

 

   นี่คงจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการเดินทางในครั้งนี้ แต่โคคุมารุก็ต้องทำให้สำเร็จ และเขาก็ออกบินไปทำเรื่องที่ต้องทำ

 

 

   ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆

 

 

   ในเวลาเดียวกัน หลังจากเซเลนและชินนิขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อน ก็ไปหยุดพักอยู่ที่โขดหินริมลำธาร น้ำสะอาดอุณหภูมิต่ำที่ไหลลงมาจากยอดเขา เซเลนนั่งแช่เท้าลงในลำธารนั้น

 

“ดีนะ ลองไหม?”

“แบบนี้เหรอ?”

 

  เมื่อเซเลนที่ยังตามประกบติดเอ่ยปากชวน ชินนิก็แช่เท้าลงไปในลำธารเช่นเดียวกัน ร่างกายที่ยังอุ่นจากอุณหภูมิของน้ำพุร้อนก็ได้สายน้ำจากลำธารมาช่วยให้เย็นลง เป็นความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายจนยากที่จะหาคำบรรยาย

 

“หิวหรือยัง?”

“อื่ม.. ก็นิดหน่อย”

 

   ราวกับหมอกดำที่ปกคลุมจิตใจได้ถูกล้างไปกับสายน้ำ ทำให้ชินนิตอบกลับเซเลนได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ จึงตั้งสติและย้ำกับตนเองว่าเธอเสี่ยงตายมาที่ยอดเขามังกรเพื่อฆ่าคนคนนี้ แต่เพราะบรรยากาศและน้ำเสียงของคนคนนี้ที่คอยพูดกับเธอ ทำให้หลงลืมเป้าหมายไปชั่วขณะ

 

“แอปเปิ้ล ชอบไหม?”

“…ได้”

 

   ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ต้องรักษาตัวให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด ชินนิจึงตอบรับเซเลนไปอย่างง่ายๆ เมื่อเห็นชินนิพยักหน้า เซเลนจึงหยิบนกหวีดไม้สีขาวออกมาจากในเสื้อและป่าให้เกิดเสียง มันคือนกหวีดที่แกะสลักจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ สมบัติของเอลฟ์ที่ได้รับมาจากกี

 

  เสียงนกหวีดที่ดังออกไปเป็นสัญญาณ ก้อนกลมสีแดงบนก้อนกลมสีขาววิ่งเข้ามาหาอย่างพร้อมเพรียง พวกมันคือหนูขาวแบกลูกแอปเปิ้ลที่ได้มาจากของถวาย นำมามอบให้ถึงที่

 

   แม้จะเป็นนกหวีดที่ทำมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์เวทมนตร์อันล้ำค่า แต่มันก็ถูกใช้เพื่อลอบสังหารมิลาน ถูกใช้เป็นนกหวีดธรรมดา การเก็บรักษาก็ค่อนข้างทิ้งขว้าง จึงเป็นนกหวีดเสียของที่น่าสงสาร

 

“ชื่อเธอ อะไร?”

“ชื่อฉัน… เรียกว่าชินนิก็พอ”

 

  ชินนิยังลังเลที่จะบอกชื่อกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็บอกชื่อนี้ไป

 

“นี่นี่ ชินนิ! ชินนิ!”

“…อะไร?”

“หน้าอกล่ะ! หน้าอก!”

 

   เมื่อหันไปตามเสียงเรียกก็ได้เห็นเซเลนยัดลูกแอปเปิ้ลสองลูกเอาไว้ในเสื้อบริเวณหน้าอก ทำให้สัดส่วนร่างกายดูแปลกไม่สมดุล ชินนิจึงตอบสนองโดยการใช้มือสับลงไปกลางหัวของเซเลน

 

“…โอ๊ย”

“เล่นเป็นเด็กไปได้! นี่เธอบ้าหรือเปล่าเนี่ย!?”

“ไม่ได้บ้า สักหน่อย!”

 

   จริงๆก็บ้าพอตัว

 

“(นี่มันเด็กบ้าธรรมดาชัดๆ… ไม่สิ ไม่น่าใช่)”

 

  ชินนิเกือบจะได้รู้ความจริงว่าเซเลนเป็นแค่คนบ้าๆบอๆคนหนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนความคิดนั้นทันที ถึงจะดูเหมือนคนบ้า แต่ผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาก็เป็นของจริง ทำให้ชินนิยิ่งสับสนกับตัวตนของคนที่อยู่ตรงหน้า

 

“(ว่ากันว่า ระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้าแตกต่างกันแค่เส้นบางๆกั้น หรือไม่ก็… เพราะเห็นเราหดหู่จึงอยากให้ยิ้มออกสินะ)”

 

   ในที่สุด ชินนิก็เข้าใจ เจ้าหญิงแสงจันทร์เป็นผู้มีความสามารถที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวตนอันสูงส่งทัดเทียมเทวดาที่ไร้ความรู้สึกของมนุษย์ เธอมีหัวใจที่ยังเป็นเด็กสมวัย ชอบเล่นสนุกร่าเริง ไม่ต่างกับเด็กสาวน่ารักธรรมดาคนหนึ่ง นี่คือเซเลนในความคิดของชินนิในตอนนี้

  อาจจะจริงที่มีเส้นกั้นบางๆเพื่อแยกอัจฉริยะกับคนบ้าออกจากกัน… แต่จะให้เซเลนอยู่ฝั่งไหนคงต้องคิดให้ดี

 

   จากนั้น ทั้งสองก็นั่งกินแอปเปิ้ลด้วยกันอยู่ริมลำธาร

   เสียงน้ำจากลำธาร กับสายลมอ่อนๆที่พัดมาให้ใบไม้สีขาวบนต้นไม้สั้นไหว และสาวน้อยผู้ร่าเริงที่นั่งกินแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ ชินนิไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงมาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ได้

 

   สำหรับเซเลน เธอคิดว่าที่ชินนิโมโหก่อนหน้านี้เพราะตนได้เผลอลวนลามหนักเกินไปที่บ่อน้ำพุร้อน ดังนั้นจึงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อให้ใจเย็นลงทั้งสองฝ่าย

 

“ไปก่อนนะ”

“จะไปแล้วเหรอ? ไปไหน?”

“ชาโดว์บ็อกซิ่ง* ”

“ชะโด… อะไรนะ?”

 

   วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน เซเลนกลับไปทำการฝึกซ้อมประจำวันของเธอต่อ เพื่อให้สุดยอดท่าไม้ตาย มัดเซเลน ออกมาได้สมบูรณ์แบบ

 

 ถึงจะเรียกว่าการฝึกซ้อมประจำวัน แต่มันก็มักจะถูกเลื่อนไปเป็นหลายวันต่อครั้ง ตามแต่อารมณ์และความขี้เกียจของเธอ เป็นการฝึกที่หละหลวมจนหวังผลไม่ได้ แต่เซเลนก็ยังใช้วิธีนี้ต่อไป

 

   เซเลนจับมือของชินนิขึ้นมาเขย่าและบอกไปว่า ‘เดี๋ยวมานอนด้วยกันอีกนะ’ และวิ่งกลับไปยังยอดเขามังกร หลังจากออกไปได้ไม่ไกล เธอสะดุดล้มจนฝูงหนูขาวต้องวิ่งเข้ามารับตัวเธอและแบกกลับไป ชินนิที่มองอยู่ได้แต่ถอนหายใจ

 

“จริงๆเลย… แล้วจะให้ฉันทำตัวยังไง”

 

  ในใจของชินนิเคยวาดฝันเอาไว้ให้เหมือนฉากในละคร เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าขาน จอมวายร้ายผู้หวังทำลายโลกมุ่งหน้าไปยังยอดเขามังกรเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามซึ่งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน

 

‘ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าคือชินนิ แม่มดชั่วร้ายผู้ใช้คำสาป! เจ้าหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงจันทร์เอ๋ย วันนี้จะเป็นวันตายของแก!’

‘ช่างชั่วร้ายอะไรอย่างนี้… แต่ธรรมะไม่มีวันแพ้ให้กับอธรรมหรอกค่ะ!’

 

   …หลังจากการต่อสู้อันยาวนานและยากลำบาก ในที่สุด เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็สูญสลาย นี่คือฉากจบที่ดีที่สุดตามที่เธอจินตนาการไว้

 

   แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้ากัน เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้อ่อนโยนกลับแตกต่างจากที่คิดไว้ ในเรื่องของนิสัยก็เรียกได้ว่าผิดคาดอย่างมาก ทั้งที่รู้ว่าตนเป็นศัตรูที่เข้ามาทำร้าย แต่ก็ยังพยายามดูแลเอาใจใส่ หยอกล้อ เล่นด้วย เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง 

 

“ที่เจ้าชายบอกว่า ‘ความลึกลับก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง’ คือแบบนี้เองสินะ…”

 

   ชินนินึกถึงคำพูดของมิลานที่สุสานนักบุญเซเลน เซเลนเป็นคนที่มีรูปแบบความคิดที่เข้าใจได้ยากและคาดเดาไม่ได้ด้วยสามัญสำนึกของคนทั่วไป ทำให้อยากคิดทำความเข้าใจในพฤติกรรมของเธอให้ลึกซึ้ง ต้องยอมรับว่าเขาพูดได้ถูกต้องเลยทีเดียว แม้ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการก็ตาม

 

[“ดูเหมือนแกกับท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์จะสนิทกันดีนี่นา”]

 

   ขณะที่ชินนินั่งคิดเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว ก็ถูกทักด้วยเสียงที่ดังจากข้างบน เมื่อเงยหน้าไปตามเสียงก็พบกับโคคุมารุบนกิ่งไม้

 

“ตอนที่แกไม่อยู่ เกิดเรื่องขึ้นตั้งเยอะ! หายหัวไปไหนมา!?”

[“ทางข้าเองก็ลำบากเหมือนกันแหละน่า! แล้วแอปเปิ้ลนั่น หาอาหารมาได้แล้วสินะ?”]

“หน้าอกข้างหนึ่งของท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์เชียวนะ ตอนกินก็สำนึกเอาไว้ด้วยล่ะ”

[“…มามุขไหนอีก?”]

 

   ชินนิลุกออกจากลำธาร วางแอปเปิ้ลที่เซเลนทิ้งไว้ให้ลงที่พื้น และโคคุมารุก็บินลงมาจิกกินอย่างตะกละตะกลาม ต้องแต่มาถึงยอดเขามังกร นี่เป็นอาหารมื้อแรกของเขานอกจากน้ำเปล่า

 

[“อร่อยชะมัด! สมกับเป็นของถวายจากสุสานนักบุญเซเลน! มีแต่ของชั้นหนึ่งจริงๆ!”]

“ชั่งมันสิ แค่กินได้ไม่ตายก็พอ แล้วไปสืบได้อะไรมาบ้างล่ะ? เจอจุดอ่อนที่ใช้ฆ่าเจ้าหญิงแสงจันทร์หรือเปล่า?”

 

   ชินิจ้องมาอย่างจริงจัง โคคุมารุจึงนิ่งไปครู่หนึ่งและหันมาหาชินนิอย่างเงียบๆอยู่บนพื้น

 

[“อืม ก็ จริงๆแล้ว เรื่องนั้นน่ะ…”]

“ว่าไง? มีอะไรก็พูดมา”

 

   สำหรับอีกาที่ชอบต่อปากต่อคำ การพูดอ้ำอึ้งเช่นนี้เป็นเรื่องผิดปรกติ เมื่อชินนิพูดเพื่อกระตุ้นก็ยิ่งทำให้โคคุมารุเงียบลงไปอีกครั้ง สักพักก็ทำท่าเหมือนตัดสินใจได้ และเอ่ยปากพูดกับชินนิอย่างตรงไปตรงมา

 

[“แผนสังหารเจ้าหญิงแสงจันทร์นั่นน่ะ… ยอมแพ้ซะเถอะ… ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่าไหม?”]

“…หา?”

 

  คำพูดของโคคุมารุทำให้ชินนิถึงกับพูดไม่ออก

 

 

____________________

* シャドーボクシング (ชาโดว์บ็อกซิ่ง) = Shadow boxing = ฝึกชกเงา, ชกลม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 57

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 57 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 57

เส้นแบ่งบางๆ

 

 

[“เอาล่ะ กระผมรอฟังอยู่”]

[“………”]

[“ถ้าพูดยากนัก ลองเป็นคำตอบสั้นๆคงได้สินะครับ? พวกคุณมาเพื่อทำร้ายองค์หญิงใช่หรือไม่?”]

[“เก่งจัง เดาถูกด้วย”]

 

   เมื่อเห็นว่าโคคุมารุไม่คิดจะตอบอย่างจริงจัง บัตเลอร์จึงเผยฟันหน้าอันแหลมคมและตั้งท่าพร้อมจู่โจม

 

[“เจ้าพวกคนชั่ว! คิดจะมาล้างค้านให้ผู้สาปแช่ง เจ้านายของคุณที่ถูกกำจัดไปสินะ!”]

[“เฮ้ยเฮ้ย! ช้าก่อน คุณพ่อบ้าน ข้าก็แค่ติดร่างแหมาด้วยเท่านั้น”]

[“…หมายความว่ายังไง?”]

 

   โคคุมารุยืดตัวตรงพร้อมกับกางปีกออก ถ้าเป็นมนุษย์ก็เหมือนกับยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อแสดงออกว่าไม่คิดจะสู้ แม้จะแข็งแกร่งจากการเป็นสัตว์อสูรด้วยพลังเวทย์ที่นำมาเสริมความสามารถในทุกด้าน  แต่โดยพื้นฐานแล้ว หน้าที่หลักของโคคุมารุคือการสอดแนม จึงไม่ถนัดการต่อสู้ และนิสัยของเขาก็ไม่ชอบเรื่องเจ็บตัว

 

[“ระหว่างยายแก่กับข้า ไม่มีความรู้สึกผูกพันแม้แต่น้อย นี่มันเป็นเรื่องของไอ้เด็กมีปัญหานั่น… คนที่คิดจะฆ่าเจ้าหญิงแสงจันทร์มีแต่ชินนิคนเดียว”]

[“หืม ชินนิคือชื่อของเด็กคนนั้นสินะ ทั้งที่อยู่ในวัยเดียวกับองค์หญิง เพราะอะไรถึงได้มีจิตใจชั่วร้ายได้ขนาดนั้น?”]

 

  แรงกดดันที่ออกมาจากบัตเลอร์เบาบางลงเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยท่าทางใจเย็นลง โคคุมารุจึงโล่งใจได้ระดับหนึ่ง พับปีกที่กางไว้และเริ่มอธิบาย

 

[“ถ้าจะให้เล่า เรื่องมันก็ยาว…”]

 

   โคคุมารุบอกทุกอย่างให้บัตเลอร์ได้ฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ชินนิถูกเลี้ยงดูโดยผู้สาปแช่งตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากผู้สาปแช่งเสียชีวิต ตัวเขาเองก็ย้ายมาเป็นกาฝากของชินนิ และยังบอกอีกว่าชินนิหลงใหลในตัวผู้สาปแช่งไม่ต่างกับถูกครอบงำ จนเมื่อรู้ว่าเซเลนยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ออกเดินทางมาไกลมาถึงที่ตรงนี้

 

[“อื่ม กระผมพอเข้าใจสถานการณ์ของพวกคุณบ้างแล้ว ไม่ใช่แผนการขององค์กร แต่เป็นเป้าหมายของเด็กคนนั้นเพียงคนเดียว”]

[“หืม เชื่อข้ออ้างเห็นแก่ตัวของข้าง่ายๆแบบนี้ คุณพ่อบ้านนี่ก็อ่อนหัดเหมือนเจ้านายเลยนะ”]

[“องค์หญิงไม่ได้อ่อนหัด เธอช่วยเด็กคนนั้นไว้ด้วยความเมตตา และที่กระผมเชื่อก็เพราะคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวนั่นแหละ”]

 

  บัตเลอร์ตอบกลับโคคุมารุด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

[“ทุกคนที่คุณใกล้ชิด คือผู้ได้รับผลประโยชน์ร่วม ไม่ใช่พวกพ้อง ตราบใดที่ไม่ไปขัดกับผลประโยชน์ส่วนตัวของคุณ คุณก็ไว้ใจได้ ทำให้รับมือง่ายกว่าคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์”]

[“อื่ม เข้าใจได้แบบนั้นก็ดี ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าหญิงแสงจันทร์จะอยู่หรือตาย แต่ถ้าชินนิตาย ข้าจะมีปัญหา”]

[“ถ้าอย่างนั้น มาเริ่มการเจรจาต่อรองกันเลยดีกว่า”]

[“กับข้าเนี่ยนะ? ดูเหมือนข้าพกเงินมาด้วยหรือไง?”]

 

   โคคุมารุตอบด้วยคำพูดล้อเล่นอีกครั้ง แต่ท่าทางของบัตเลอร์จริงจังจนโคคุมารุเห็นแล้วยังต้องตั้งใจฟัง

 

[“เด็กคนนั้น… กระผมอยากให้คุณไปเปลี่ยนใจชินนิ ได้หรือเปล่า?”]

[“อ้าว? นั่นมันศัตรูของพวกแกไม่ใช่เหรอ? มาช่วยกันไล่กลับไปดีกว่า”]

[“อาศัยตัวกระผมกับเหล่าหนูขาว และพลังของมังกรแดง จะให้ไล่ไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่องค์หญิงไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น และเหนือสิ่งอื่นใด ปัญหาที่แท้จริงยังไม่ถูกแก้ไข”]

[“ปัญหาอะไรอีก?”]

 

   บัตเลอร์ยืนขึ้นด้วยขาหลัง มีความหมายว่าไม่คิดจะต่อสู้อีกต่อไป หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมา

 

[“เด็กที่ชื่อชินนิเองก็เป็นแค่เหยื่อที่ถูกผู้สาปแช่งหลอกใช้ หากทำให้เธอตาสว่างได้ ก็จะเห็นว่ายังมีอนาคตที่ดีกว่านี้รอเธออยู่อีกมากมาย เพราะตอนนี้ ต่อให้เธอสังหารองค์หญิงได้สำเร็จ ก็จะต้องแบกรับผลกรรมอันหนักหนาไปจนตาย”]

[“ก็ยายแก่ก็ตั้งใจสอนเด็กนั่นให้เป็นแบบนี้นี่นา เรียกว่าล้างสมองจะถูกกว่านะ”]

 

   โคคุมารุเห็นด้วยกับบัตเลอร์ ทั้งหมดคือความปรารถนาของผู้สาปแช่ง เพื่อให้องค์กรผู้ใช้คำสาปกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ชินนิเป็นแค่เครื่องมือที่สร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น

 

  เพราะชินนิไม่เคยถูกสอนเรื่องอื่นใดนอกจากคำสาป ไม่รู้จักการใช้ชีวิตของคนปรกติ หากแยกโลกของคำสาปออกจากชินนิ ก็จะไม่เหลือเหตุผลในการดำรงอยู่ของเธออีกเลย

 

[“ก่อนที่กระผมจะได้รู้จักกับองค์หญิง ก็ไม่ต่างไม่ต่างกับเด็กคนนั้นสักเท่าไหร่ เป็นเพียงหนูตัวเล็กๆที่ได้แต่ทนถูกเหยียบย่ำอยู่ในโลกของหนู จนกระทั้งได้รู้ว่าฝูงหนูที่เคยอยู่มันกะจ้อยร่อยเพียงใด จึงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”]

 

   บัตเลอร์พูดถึงอดีตของตน หากโคคุมารุพูดความจริง ก็หมายความว่าชินนิยังไม่เคยลงมือฆ่าใครมาก่อน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของเธอ เพราะฉะนั้น มันยังไม่สายเกินไปที่จะเลือกทางเดินใหม่

 

[“จะให้ข้าไปเกลี้ยกล่อมไอ้เด็กนั่นเนี่ยนะ? เอาจริงดิ? น่าหัวเราะชะมัด”]

[“หากพวกคุณลงมือกับองค์หญิงเมื่อไหร่ กระผมและหนูขาวอีกนับไม่ถ้วนจะทำการตอบโต้เต็มกำลัง ยิ่งไปว่านั้น ถ้าองค์หญิงเป็นอะไรขึ้นมา มังกรแดงไม่อยู่เฉยแน่… หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น คุณคงรู้สินะครับ?”]

[“ก่อนหน้านี้บอกว่าขอเจรจา พอเอาเข้าจริงก็ข่มขู่ด้วยกำลัง บังคับให้ทำตามกันชัดๆเลยนี่หว่า ไอ้ขี้โม้เอ๊ย”]

[“กระผมแค่พูดตามความเป็นจริง นอกจากนั้น กระผมไม่คิดว่าตนเองจะสามารถสื่อสารกับเด็กคนนั้นได้ อีกทั้งระหว่างพวกคุณก็ยังมีสายสัมพันธ์เพียงพอที่เธอจะรับฟัง จึงมีแต่คุณเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ได้ คุณโคคุมารุ”]

 

  คนที่เข้าใจคำพูดของสัตว์อสูรจะมีเพียงคนที่ทำสัญญาด้วยเท่านั้น คล้ายกับคลื่นความถี่สัญญาณวิทยุ หากไม่ตรงกันก็จะได้ยินเพียงเสียงร้องของสัตว์ บัตเลอร์เข้าใจในเรื่องนี้หลังจากเหตุการณ์ในป่าสีขาว ในตอนที่บัตเลอร์ไม่สามารถสื่อสารกับพวกเอลฟ์ได้ ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือเวทมนตร์ของมังกร ที่จะส่งเสียงเข้าไปในหัวโดยตรง

 

  การที่บัตเลอร์พูดคุยกับโคคุมารุอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะบัตเลอร์ได้ศึกษาภาษาของสัตว์ป่าไว้หลายชนิดให้อยู่ในระดับที่สื่อสารกันได้ กลายเป็นเหมือนล่ามผู้เชี่ยวชาญหลายภาษา แตกต่างกับเจ้านายที่พอฟังไม่ออกก็ไม่คิดจะสื่อสารจนกลายมาเป็นคนพูดไม่เก่ง

   เพราะฉะนั้น คนที่พูดกับชินนิได้ ในที่นี้จึงมีเพียงโคคุมารุเท่านั้น   

 

[“ทำเป็นพูดดี มีทางอื่นให้ข้าเลือกหรือไง? อย่าเพิ่งหวังอะไรมากนักล่ะ ข้าไม่ถนัดการเกลี้ยกล่อม และถ้าสถานการณ์มันเลวร้ายขึ้นมาจริงๆ ข้าก็จะทิ้งเด็กนั่นไว้แล้วหนีไปคนเดียว เข้าใจไหม?”]

[“สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว คุณแค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด หากไม่สำเร็จ กระผมก็จะทำหน้าทีของกระผมให้ดีที่สุด ถึงจะทำเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิง แต่การส่งเด็กสาวเข้าไปในส่วนลึกของป่าสีขาวตามลำพังก็ไมใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ”]

 

   เมื่อตกลงกันได้แล้ว บัตเลอร์ก็ออกจากที่ตรงนั้น เหลือเพียงโคคุมารุที่ก้มหน้าถอนหายใจอยู่บนก้อนหิน

 

[“กับคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตจนมาถึงตรงนี้ มันคงฟังที่ข้าพูดหรอก…”]

 

   นี่คงจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการเดินทางในครั้งนี้ แต่โคคุมารุก็ต้องทำให้สำเร็จ และเขาก็ออกบินไปทำเรื่องที่ต้องทำ

 

 

   ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆

 

 

   ในเวลาเดียวกัน หลังจากเซเลนและชินนิขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อน ก็ไปหยุดพักอยู่ที่โขดหินริมลำธาร น้ำสะอาดอุณหภูมิต่ำที่ไหลลงมาจากยอดเขา เซเลนนั่งแช่เท้าลงในลำธารนั้น

 

“ดีนะ ลองไหม?”

“แบบนี้เหรอ?”

 

  เมื่อเซเลนที่ยังตามประกบติดเอ่ยปากชวน ชินนิก็แช่เท้าลงไปในลำธารเช่นเดียวกัน ร่างกายที่ยังอุ่นจากอุณหภูมิของน้ำพุร้อนก็ได้สายน้ำจากลำธารมาช่วยให้เย็นลง เป็นความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายจนยากที่จะหาคำบรรยาย

 

“หิวหรือยัง?”

“อื่ม.. ก็นิดหน่อย”

 

   ราวกับหมอกดำที่ปกคลุมจิตใจได้ถูกล้างไปกับสายน้ำ ทำให้ชินนิตอบกลับเซเลนได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ จึงตั้งสติและย้ำกับตนเองว่าเธอเสี่ยงตายมาที่ยอดเขามังกรเพื่อฆ่าคนคนนี้ แต่เพราะบรรยากาศและน้ำเสียงของคนคนนี้ที่คอยพูดกับเธอ ทำให้หลงลืมเป้าหมายไปชั่วขณะ

 

“แอปเปิ้ล ชอบไหม?”

“…ได้”

 

   ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ต้องรักษาตัวให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด ชินนิจึงตอบรับเซเลนไปอย่างง่ายๆ เมื่อเห็นชินนิพยักหน้า เซเลนจึงหยิบนกหวีดไม้สีขาวออกมาจากในเสื้อและป่าให้เกิดเสียง มันคือนกหวีดที่แกะสลักจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ สมบัติของเอลฟ์ที่ได้รับมาจากกี

 

  เสียงนกหวีดที่ดังออกไปเป็นสัญญาณ ก้อนกลมสีแดงบนก้อนกลมสีขาววิ่งเข้ามาหาอย่างพร้อมเพรียง พวกมันคือหนูขาวแบกลูกแอปเปิ้ลที่ได้มาจากของถวาย นำมามอบให้ถึงที่

 

   แม้จะเป็นนกหวีดที่ทำมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์เวทมนตร์อันล้ำค่า แต่มันก็ถูกใช้เพื่อลอบสังหารมิลาน ถูกใช้เป็นนกหวีดธรรมดา การเก็บรักษาก็ค่อนข้างทิ้งขว้าง จึงเป็นนกหวีดเสียของที่น่าสงสาร

 

“ชื่อเธอ อะไร?”

“ชื่อฉัน… เรียกว่าชินนิก็พอ”

 

  ชินนิยังลังเลที่จะบอกชื่อกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็บอกชื่อนี้ไป

 

“นี่นี่ ชินนิ! ชินนิ!”

“…อะไร?”

“หน้าอกล่ะ! หน้าอก!”

 

   เมื่อหันไปตามเสียงเรียกก็ได้เห็นเซเลนยัดลูกแอปเปิ้ลสองลูกเอาไว้ในเสื้อบริเวณหน้าอก ทำให้สัดส่วนร่างกายดูแปลกไม่สมดุล ชินนิจึงตอบสนองโดยการใช้มือสับลงไปกลางหัวของเซเลน

 

“…โอ๊ย”

“เล่นเป็นเด็กไปได้! นี่เธอบ้าหรือเปล่าเนี่ย!?”

“ไม่ได้บ้า สักหน่อย!”

 

   จริงๆก็บ้าพอตัว

 

“(นี่มันเด็กบ้าธรรมดาชัดๆ… ไม่สิ ไม่น่าใช่)”

 

  ชินนิเกือบจะได้รู้ความจริงว่าเซเลนเป็นแค่คนบ้าๆบอๆคนหนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนความคิดนั้นทันที ถึงจะดูเหมือนคนบ้า แต่ผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาก็เป็นของจริง ทำให้ชินนิยิ่งสับสนกับตัวตนของคนที่อยู่ตรงหน้า

 

“(ว่ากันว่า ระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้าแตกต่างกันแค่เส้นบางๆกั้น หรือไม่ก็… เพราะเห็นเราหดหู่จึงอยากให้ยิ้มออกสินะ)”

 

   ในที่สุด ชินนิก็เข้าใจ เจ้าหญิงแสงจันทร์เป็นผู้มีความสามารถที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวตนอันสูงส่งทัดเทียมเทวดาที่ไร้ความรู้สึกของมนุษย์ เธอมีหัวใจที่ยังเป็นเด็กสมวัย ชอบเล่นสนุกร่าเริง ไม่ต่างกับเด็กสาวน่ารักธรรมดาคนหนึ่ง นี่คือเซเลนในความคิดของชินนิในตอนนี้

  อาจจะจริงที่มีเส้นกั้นบางๆเพื่อแยกอัจฉริยะกับคนบ้าออกจากกัน… แต่จะให้เซเลนอยู่ฝั่งไหนคงต้องคิดให้ดี

 

   จากนั้น ทั้งสองก็นั่งกินแอปเปิ้ลด้วยกันอยู่ริมลำธาร

   เสียงน้ำจากลำธาร กับสายลมอ่อนๆที่พัดมาให้ใบไม้สีขาวบนต้นไม้สั้นไหว และสาวน้อยผู้ร่าเริงที่นั่งกินแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ ชินนิไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงมาอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ได้

 

   สำหรับเซเลน เธอคิดว่าที่ชินนิโมโหก่อนหน้านี้เพราะตนได้เผลอลวนลามหนักเกินไปที่บ่อน้ำพุร้อน ดังนั้นจึงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อให้ใจเย็นลงทั้งสองฝ่าย

 

“ไปก่อนนะ”

“จะไปแล้วเหรอ? ไปไหน?”

“ชาโดว์บ็อกซิ่ง* ”

“ชะโด… อะไรนะ?”

 

   วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน เซเลนกลับไปทำการฝึกซ้อมประจำวันของเธอต่อ เพื่อให้สุดยอดท่าไม้ตาย มัดเซเลน ออกมาได้สมบูรณ์แบบ

 

 ถึงจะเรียกว่าการฝึกซ้อมประจำวัน แต่มันก็มักจะถูกเลื่อนไปเป็นหลายวันต่อครั้ง ตามแต่อารมณ์และความขี้เกียจของเธอ เป็นการฝึกที่หละหลวมจนหวังผลไม่ได้ แต่เซเลนก็ยังใช้วิธีนี้ต่อไป

 

   เซเลนจับมือของชินนิขึ้นมาเขย่าและบอกไปว่า ‘เดี๋ยวมานอนด้วยกันอีกนะ’ และวิ่งกลับไปยังยอดเขามังกร หลังจากออกไปได้ไม่ไกล เธอสะดุดล้มจนฝูงหนูขาวต้องวิ่งเข้ามารับตัวเธอและแบกกลับไป ชินนิที่มองอยู่ได้แต่ถอนหายใจ

 

“จริงๆเลย… แล้วจะให้ฉันทำตัวยังไง”

 

  ในใจของชินนิเคยวาดฝันเอาไว้ให้เหมือนฉากในละคร เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าขาน จอมวายร้ายผู้หวังทำลายโลกมุ่งหน้าไปยังยอดเขามังกรเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามซึ่งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน

 

‘ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าคือชินนิ แม่มดชั่วร้ายผู้ใช้คำสาป! เจ้าหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงจันทร์เอ๋ย วันนี้จะเป็นวันตายของแก!’

‘ช่างชั่วร้ายอะไรอย่างนี้… แต่ธรรมะไม่มีวันแพ้ให้กับอธรรมหรอกค่ะ!’

 

   …หลังจากการต่อสู้อันยาวนานและยากลำบาก ในที่สุด เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็สูญสลาย นี่คือฉากจบที่ดีที่สุดตามที่เธอจินตนาการไว้

 

   แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้ากัน เจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้อ่อนโยนกลับแตกต่างจากที่คิดไว้ ในเรื่องของนิสัยก็เรียกได้ว่าผิดคาดอย่างมาก ทั้งที่รู้ว่าตนเป็นศัตรูที่เข้ามาทำร้าย แต่ก็ยังพยายามดูแลเอาใจใส่ หยอกล้อ เล่นด้วย เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง 

 

“ที่เจ้าชายบอกว่า ‘ความลึกลับก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง’ คือแบบนี้เองสินะ…”

 

   ชินนินึกถึงคำพูดของมิลานที่สุสานนักบุญเซเลน เซเลนเป็นคนที่มีรูปแบบความคิดที่เข้าใจได้ยากและคาดเดาไม่ได้ด้วยสามัญสำนึกของคนทั่วไป ทำให้อยากคิดทำความเข้าใจในพฤติกรรมของเธอให้ลึกซึ้ง ต้องยอมรับว่าเขาพูดได้ถูกต้องเลยทีเดียว แม้ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการก็ตาม

 

[“ดูเหมือนแกกับท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์จะสนิทกันดีนี่นา”]

 

   ขณะที่ชินนินั่งคิดเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว ก็ถูกทักด้วยเสียงที่ดังจากข้างบน เมื่อเงยหน้าไปตามเสียงก็พบกับโคคุมารุบนกิ่งไม้

 

“ตอนที่แกไม่อยู่ เกิดเรื่องขึ้นตั้งเยอะ! หายหัวไปไหนมา!?”

[“ทางข้าเองก็ลำบากเหมือนกันแหละน่า! แล้วแอปเปิ้ลนั่น หาอาหารมาได้แล้วสินะ?”]

“หน้าอกข้างหนึ่งของท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์เชียวนะ ตอนกินก็สำนึกเอาไว้ด้วยล่ะ”

[“…มามุขไหนอีก?”]

 

   ชินนิลุกออกจากลำธาร วางแอปเปิ้ลที่เซเลนทิ้งไว้ให้ลงที่พื้น และโคคุมารุก็บินลงมาจิกกินอย่างตะกละตะกลาม ต้องแต่มาถึงยอดเขามังกร นี่เป็นอาหารมื้อแรกของเขานอกจากน้ำเปล่า

 

[“อร่อยชะมัด! สมกับเป็นของถวายจากสุสานนักบุญเซเลน! มีแต่ของชั้นหนึ่งจริงๆ!”]

“ชั่งมันสิ แค่กินได้ไม่ตายก็พอ แล้วไปสืบได้อะไรมาบ้างล่ะ? เจอจุดอ่อนที่ใช้ฆ่าเจ้าหญิงแสงจันทร์หรือเปล่า?”

 

   ชินิจ้องมาอย่างจริงจัง โคคุมารุจึงนิ่งไปครู่หนึ่งและหันมาหาชินนิอย่างเงียบๆอยู่บนพื้น

 

[“อืม ก็ จริงๆแล้ว เรื่องนั้นน่ะ…”]

“ว่าไง? มีอะไรก็พูดมา”

 

   สำหรับอีกาที่ชอบต่อปากต่อคำ การพูดอ้ำอึ้งเช่นนี้เป็นเรื่องผิดปรกติ เมื่อชินนิพูดเพื่อกระตุ้นก็ยิ่งทำให้โคคุมารุเงียบลงไปอีกครั้ง สักพักก็ทำท่าเหมือนตัดสินใจได้ และเอ่ยปากพูดกับชินนิอย่างตรงไปตรงมา

 

[“แผนสังหารเจ้าหญิงแสงจันทร์นั่นน่ะ… ยอมแพ้ซะเถอะ… ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่าไหม?”]

“…หา?”

 

  คำพูดของโคคุมารุทำให้ชินนิถึงกับพูดไม่ออก

 

 

____________________

* シャドーボクシング (ชาโดว์บ็อกซิ่ง) = Shadow boxing = ฝึกชกเงา, ชกลม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+