[นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน 96 หมีตัดสินใจมุ่งหน้าสู่รักต้องห้ามขั้นถัดไป

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน Chapter 96 หมีตัดสินใจมุ่งหน้าสู่รักต้องห้ามขั้นถัดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

96 เมื่อถึงช่วงเวลานั้นจะยกเลิกการจองตัว ตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ขั้นถัดไป

 

“……ฟู๊ว”

 

ฉันพักหายใจภายนห้องของคฤหาสน์ที่ถูกนำทางมา

สมกับเป็นวิลล่าที่ใช้โดยราชวงศ์ ห้องพักกว้างขวางและหรูหราจนสามารถใช้รับรองใครก็ตามที่มาได้

 

“เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นองค์ราชาเลยค่ะ”

 

ทันทีที่ฉันนั่งลงที่โต๊ะตัวเล็ก ริโนกิสก็ชงชามาให้ มีอุปกรณ์อย่าง แก้วและหม้อต้มอยู่อย่างครบครัน

 

“ฉันก็ด้วย”

 

ฉันแน่ใจว่าพ่อแม่น่าจะเคยเจอมาก่อน แต่ไม่มีทางที่เนีย・ลิสตันจะเคยมาก่อน พี่ชายเองก็คงคาดไม่ถึงแน่ ๆ เลย

 

“คุณหนูทราบไหมคะว่าพระองค์เป็นคนแบบไหน? พอจะได้ยินเรื่องจากฮิลเดโทร่าซามะบ้างไหมคะ”

 

“ไม่เลย”

 

จนถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพระราชาจะเป็นคนแบบไหน

เพราะฉันไม่ได้สนใจ และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันด้วย

 

“ฮิลเด้ดูไม่ค่อยดีนักเมื่อพูดถึงพ่อของเธอ ดังนั้นพวกเราจึงเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้กัน”

 

ในทางกลับกัน เมื่อฉันถามกลับไปว่า 「แล้วเธอรู้ไหมว่าเขาเป็นคนแบบไหน? 」ริโนกิสก็ตอบกลับว่า 「เท่าที่ดิฉันได้ยินข่าวลือมา」

 

“พระองค์ค่อนข้างที่จะทะเยอทะยาน แต่ก็มีความเยือกเย็น และคลั่งผู้หญิงเอามาก ๆ ดิฉันได้ยินข่าวลือมาเช่นนั้นค่ะ”

 

เห๊

พระราชามีบุคลิกที่ถูกประเมินไว้แบบนั้นเองเหรอ

 

“ยังไงก็ตามทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือล่ะค่ะ”

 

ความประทับใจแรกของฉันคือเขามีทักษะทางการเมืองที่ดี และฉันก็สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของเขาแม้จะได้คุยด้วยกันเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น

แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาคลั่งผู้หญิงจริงหรือเปล่า

 

ยังไงก็ตามแม้แต่วีรบุรุษก็ยังชอบแสงสี ดังนั้นฉันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า……ก็ไม่เห็นแปลกเลย ก็คาดไม่ถึงนิดหน่อย

 

ตัวตนที่เรียกว่าราชาดูเหมือนว่าไม่มีอะไรนอกจากงานที่อยู่ในสายตา

ดังนั้น ฉันรู้สึกเหมือนทั้งครอบครัวทั้งผู้มีสายเลือดร่วมกันก็ไม่ได้อยู่ในหัวใจของเขา แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้หญิง

 

“――เช่นนั้นแล้ววันนี้คุณหนูมีแผนที่จะทำอะไรต่อไปดีคะ?”

 

การปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการใช้เวลาทั้งวันกับฮิลเดโทร่าและเรเลียเรดค่อนข้างมีชีวิตชีวา แต่แม้จะมีตัวเลือกมากมาย ก็แทบไม่ได้มีข้อสรุปออกมา

 

ก่อนอื่น ตอนแรกก็ไปเดินเล่นรอบ ๆ หลังจากมาถึงคฤหาสน์แล้ว แต่ถึงอยากจะพูดแบบนั้น……

 

“ในเมื่อเรเลียอยู่สภาพแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรดี”

 

ความปั่นป่วนของเรเลียเรดนั้นน่าทึ่งมาก

 

เมื่อฉันลากเธอไปจนถึงห้องที่จัดไว้ให้ คราวนี้เธอก็ขังตัวเองอยู่ในห้องกับสาวใช้ของเธอเอง และตะโกนผ่านประตูว่า 「วันนี้ฉันจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น!」

ดูเหมือนว่าความตึงเครียดของเธอจะมาถึงขีดสูงสุดหลังจากเผชิญหน้ากับราชาอย่างกระทันหัน

 

เรเลียเรดวันนี้คงไม่ไหวแล้วจริง ๆ

 

ม๊า ก็คงต้องปล่อยไปก่อน

มาคิดเรื่องที่สามารถทำได้ก่อนดีกว่า

 

“……หนทางที่ช้า ไร้เดียงสาสินะ……”

 

――ไม่ใช่ว่ากำลังบอกว่า ฉันเป็นไก่อ่อนระดับสี่สิบห้าสิบหรอกสินะ

 

แม้ว่าฉันจะพยายามข่มใจและบังคับตัวเองให้ทำตัวเหมือนเด็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

จะบอกว่างี่เง่ากับไร้เดียงสาสินะ

 

บอกว่าหากยอมทุ่มสุดตัวโดยไม่กังวลอะไรแล้วจะไม่มีปัญหาสินะ

 

…………

 

น่ารำคาญ แต่ก็มีหลายสิ่งที่ฉันเห็นด้วยกับที่เขาพูด

 

เป็นเรื่องจริงที่ว่าโอกาสไม่อยู่ตลอดไป ตั้งแต่แรกแล้วฉันก็มีเวลาจำกัดเนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของตระกูลลิสตัน

แถมฉันไม่รู้ด้วยว่าจุดจบอย่างกระทันหันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ในรูปแบบไหน

 

ด้วยความเร็วที่ไม่หักโหม แต่ก็เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเร็วที่สุด

นั่นคือสถานการณ์ปัจจุบัน

 

ทว่า อาจจะสายเกินไปหรือเปล่า

 

……ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ด่วนตัดสินเกินไป แต่บางทีก็อาจจะช่วยไม่ได้

 

ฉันต้องรีบลงมือก่อนที่จะสายเกินไป――ใช่ หากฉันไม่เริ่มเผยแพร่อย่างจริงจังในตอนนี้ อาจได้เสียใจในสักวันหนึ่ง

 

“เชิญค่ะ”

 

ฉันมองไปที่ริโนกิสที่ถือแก้วชา

 

――ก่อนกำหนด

――ยังเร็วเกินไป

――ไม่ว่าจะมองยังไงก็ยังอ่อนด๋อย

 

ทว่า……หากพิจารณาจากเวลาที่เหลืออยู่แล้ว หากไม่ลงมือทำตอนนี้ก็อาจจะสายเกินไป

 

“เน๊ ริโนกิส”

 

ในฐานะอาจารย์ ฉันไม่มีวันอนุญาตเด็ดขาด

แต่ในฐานะเนียลิสตัน ผู้ตัดสินใจปกป้องครอบครัวแล้วก็ต้องฝืนกล้ำกลืนพูดออกไป

 

“เธออยากลองกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศนี้ไหม?”

 

“ค่ะ……คะ?

 

 

 

ฉันให้ริโนกิสนั่งลงฝั่งตรงข้าม และบอกเธอว่าฉันกำลังวางแผนที่จะทำอะไรในอนาคต

 

“เอ๊ะโตะ……โดยสรุปคือ คุณหนูตั้งใจที่จะหาเงินจากเงินรางวัลในการการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เหรอคะ?”

 

“ม๊า ก็ประมาณนั้น”

 

ท้ายที่สุด ก็เหมือนกับสิ่งที่ทำในตรอกหลัง หรือที่สังเวียนใต้ดิน จึงไม่ผิดอะไรถ้าจะตีความแบบนั้น

 

ยังไงก็ตาม สเกลจะยิ่งใหญ่กว่านั้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเก็งกำไรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไงล่ะ

 

“ไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกจะมารวมตัวกันในที่แห่งเดียวและต่อสู้เพื่อตัดสินว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในโลก ฉันกำลังคิดรูปแบบออกอากาศบนเมจิกวิชั่น

เมื่อเมจิกวิชั่นแพร่หลายมากขึ้น……และขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ฉันก็อยากจะทำเช่นนั้นจริง ๆ”

 

ยังไงก็ตาม ในการที่จะทำเช่นนั้น ฉันคิดว่าจำเป็นต้องเตรียมรากฐานก่อน

 

โครงการใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถทำได้เพียงเพราะมีความแข็งแกร่ง มีเงิน หรือมีอำนาจเท่านั้น

เป็นโครงการที่ต้องสร้างขึ้นผู้คน โดยได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนมากมาย

 

เมื่อได้สัมผัสกับเมจิกวิชั่น และมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ในชีวิตนี้ฉันเข้าใจความเจ็บปวดได้อย่างลึกซึ้ง

มีหลายครั้งที่เพียงแค่พลังเพียงอย่างเดียวก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ถือไพ่เหนือกว่า

โลกนี้ไม่เรียบง่ายพอที่จะยุติทุกอย่างได้ด้วยความรุนแรงเพียงอย่างเดียว

 

ด้วยการแพร่กระจายของเมจิกวิชั่น สถานีออกอากาศแต่ละแห่งก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นตามระดับการรับรู้ที่มากขึ้น

 

ในกระบวนการนี้ ความรู้ความชำนาญจะได้รับการส่งเสริม และควรจะสามารถสร้างเส้นสายที่นำไปสู่การเชื่อมต่อกับสาขาต่าง ๆ ทั้งหมดได้

 

ในความเป็นจริง ขุนนางที่ชื่อวิกซอนซิลเวอร์ก็ได้กระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมเมจิกวิชั่นแล้ว ทั้งได้ติดต่อกับเชื้อพระวงศ์

 

ฉันคิดว่ายังไม่สายเกินไป――แต่เมื่อถึงตอนนี้ ฉันคิดว่าเรื่องนั้นกำลังจะกลายเป็นหัวข้อใหญ่

 

โลกทั้งใบ ยังเป็นไปไม่ได้

แต่ถ้าแค่จัดการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอาร์ตัวร์ล่ะ นั่นก็พอเป็นไปได้

 

แต่ว่าปัญหาคือฉันยังเด็กเกินไป

 

ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็ยังเป็นเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ

ฉันไม่สามารถเข้าร่วมในฐานะผู้เข้าแข่งขันได้ และไม่คิดว่าจะมีผู้ใหญ่จำนวนมากที่คิดจะรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ๆ อย่างจริงจัง แม้จะบอกว่าเป็นโครงการจากบุตรีขุนนางอย่างฉันก็ตาม

 

ฉันคิดว่าฉันจะสามารถมีส่วนร่วมได้ในสักวันหนึ่ง หลังจากที่เผยแพร่เมจิกวิชั่นไปได้อย่างต่อเนื่องมั่นคง และวางรากฐานสำหรับทัวร์นาเมนต์ขนาดใหญ่

ฉันคิดว่าน่าจะใช้เวลาหลายปี

 

ทว่า อาจจะสายเกินไป

ไม่ว่าฉันจะพยายามยังไง ต่อให้จะโกหกเรื่องอายุ ก็ยังต้องใช้เวลามากกว่าห้าปีอยู่ดี ไม่ว่าจะพยายามโกหกเรื่องอายุยังไงก็ไม่สามารถโกหกเกี่ยวกับร่างกายของเด็กได้

 

――เพราะอย่างงั้น จึงเป็นริโนกิส

 

“หนึ่งปี”

 

ฉันชูนิ้วชี้ขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ในหนึ่งปี ฉันจะฝึกฝนเธอให้กลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศนี้”

 

“เอ๊ะ เอ๊……ดิฉันแข็งแกร่งที่สุดเหรอคะ……?”

 

แน่นอนว่าริโนกิสรู้สึกงุนงง ม๊า ก็ควรเป็นแบบนั้น การเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ยังห่างไกลจากเธอนัก

 

“ถ้าเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฉันก็อยากให้ไปถึงระดับนั้น”

 

แม้ว่าจะก่อนเวลาเป็นอย่างมาก

แต่ว่า ฉันคิดว่าเธอมีพรสวรรค์

 

แม้จะพึ่งเริ่มฝึกมาได้ไม่นาน เธอก็สามารถจัดการ「คิ」ให้มั่นคงได้แล้ว ถ้าริโนกิสได้เวลาหนึ่งปี เธอก็สามารถกลายเป็นเหมือนมดที่คลานอยู่ที่เท้าของฉันตอนนี้ได้

ถ้าเธอสามารถไปได้ไกลขนาดนั้น ก็เป็นไปได้ว่าเธอจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนี้

 

――ถ้าหากว่าผู้คุ้มกันของฮิลเดโทร่าเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยมในประเทศนี้ นั่นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ

 

“อาโน๊ ดิฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่นั่นก็เพื่อคุ้มครองคุณหนูเพียงเท่านั้น

ดิฉันไม่ต้องการเป็นที่จับตามองจากการเข้าร่วมการแข่งขันหรือกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด……”

 

……งั้นเหรอ

 

“ถ้าอย่างงั้นก็ช่วยไม่ได้นะ”

 

ตามที่คาดไว้ แม้แต่ผู้เป็นอาจารย์ก็ไม่สามารถบังคับอะไรแบบนี้ได้

เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่มีเวลาว่างในการฝึกฝนผู้ที่ไม่เต็มใจ

 

“ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะคุณหนู ดิฉันอดคิดไม่ได้ว่านั่นออกจะเกินขอบเขตหน้าที่ของดิฉันไปหน่อย……”

 

“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าดูจะออกนอกลู่นอกทางของตำแหน่งสาวใช้ไป”

 

การอยู่ในการคาดการ

ฉันก็คิดอยู่ว่าน่าจะได้รับคำตอบแบบนี้

 

“ถ้าอย่างงั้นฉันจะฝึกฝนแกนดอล์ฟแทนแล้วกัน นอกจากนี้ฝั่งอันเซลเองก็ยังเติบโตได้อยู่ล่ะ”

 

ตัวแทนผู้ช่วยอาจารย์สำนักทลายสวรรค์ แกนดอล์ฟเรียกฉันเป็นอาจารย์ด้วยความเคารพแล้ว เขาต้องร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้รับการสอนแน่นอน

 

นอกจากนี้อันเซลจาก「ที่พักหนูเงาสนธยา」

เขามีพรสวรรค์สูงเช่นกัน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมีความเต็มใจหรือเปล่า แต่จะลองคุยข้อเสนอดู――

 

“รอก่อนค่ะ คุณหนู”

 

……หือ?

 

“คุณควรจะเอาใจใส่ดิฉันให้มากกว่าแกนดอล์ฟหรืออันเซลไม่ใช่หรือคะ? ดิฉันเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการของคุณหนูใช่ไหมคะ? แกนดอล์ฟเป็นคนนอก ส่วนอันเซลเป็นมาสเตอร์ของบาร์เหล้าถูกไหมคะ?”

 

“เอ๊ะ? แต่เธอไม่เต็มใจไม่ใช่เหรอ?”

 

“ทิ้งดิฉันที่เป็นลูกศิษย์แล้วไปเลี้ยงดูคนอื่น ดิฉันไม่พอใจตรงนั้นที่สุดเลยค่ะ!”

 

……เอ๊ะ? เป็นแบบนั้น?

 

“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะคะ! ดิฉันอุทิศร่างกายและจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อคุณหนู!ได้โปรดมองมาที่ดิฉันห้ามมองไปที่คนอื่น! คุณต้องเลี้ยงดิฉันให้ดีสิคะ!”

 

…………

 

“ฉันไม่เข้าใจเรื่องหัวใจของเธอหรอกนะ แต่ไม่จำเป็นต้องสังเวยร่างกายหรอกนะ”

 

“ดิฉันตกลงปลงใจจองตัวไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาก็มารับตัวดิฉันไปได้เลยค่ะ!”

 

อา เหรอ

 

ม๊า ฉันไม่ต้องการหรอก เอาไว้ฉันจะยกเลิกเมื่อถึงเวลา

 

 

 

 

 

ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แต่ริโนกิสตกลงที่จะมุ่งเป้าไปเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศแล้ว

 

ในขณะเดียวกัน โครงการการเผยแพร่เมจิกวิชั่นที่ฉันจินตนาการไว้ก็จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปด้วย

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้ตั้งใจไปซื้อของตลาดเช้าสักหน่อยฝนดันตกไม่หยุดเลย พอๆกับเมื่อวานพอตัดสินใจซักผ้าปุ๊บน้ำไม่ไหลทันที ฮา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน 96 หมีตัดสินใจมุ่งหน้าสู่รักต้องห้ามขั้นถัดไป

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน Chapter 96 หมีตัดสินใจมุ่งหน้าสู่รักต้องห้ามขั้นถัดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

96 เมื่อถึงช่วงเวลานั้นจะยกเลิกการจองตัว ตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ขั้นถัดไป

 

“……ฟู๊ว”

 

ฉันพักหายใจภายนห้องของคฤหาสน์ที่ถูกนำทางมา

สมกับเป็นวิลล่าที่ใช้โดยราชวงศ์ ห้องพักกว้างขวางและหรูหราจนสามารถใช้รับรองใครก็ตามที่มาได้

 

“เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นองค์ราชาเลยค่ะ”

 

ทันทีที่ฉันนั่งลงที่โต๊ะตัวเล็ก ริโนกิสก็ชงชามาให้ มีอุปกรณ์อย่าง แก้วและหม้อต้มอยู่อย่างครบครัน

 

“ฉันก็ด้วย”

 

ฉันแน่ใจว่าพ่อแม่น่าจะเคยเจอมาก่อน แต่ไม่มีทางที่เนีย・ลิสตันจะเคยมาก่อน พี่ชายเองก็คงคาดไม่ถึงแน่ ๆ เลย

 

“คุณหนูทราบไหมคะว่าพระองค์เป็นคนแบบไหน? พอจะได้ยินเรื่องจากฮิลเดโทร่าซามะบ้างไหมคะ”

 

“ไม่เลย”

 

จนถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพระราชาจะเป็นคนแบบไหน

เพราะฉันไม่ได้สนใจ และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันด้วย

 

“ฮิลเด้ดูไม่ค่อยดีนักเมื่อพูดถึงพ่อของเธอ ดังนั้นพวกเราจึงเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้กัน”

 

ในทางกลับกัน เมื่อฉันถามกลับไปว่า 「แล้วเธอรู้ไหมว่าเขาเป็นคนแบบไหน? 」ริโนกิสก็ตอบกลับว่า 「เท่าที่ดิฉันได้ยินข่าวลือมา」

 

“พระองค์ค่อนข้างที่จะทะเยอทะยาน แต่ก็มีความเยือกเย็น และคลั่งผู้หญิงเอามาก ๆ ดิฉันได้ยินข่าวลือมาเช่นนั้นค่ะ”

 

เห๊

พระราชามีบุคลิกที่ถูกประเมินไว้แบบนั้นเองเหรอ

 

“ยังไงก็ตามทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือล่ะค่ะ”

 

ความประทับใจแรกของฉันคือเขามีทักษะทางการเมืองที่ดี และฉันก็สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของเขาแม้จะได้คุยด้วยกันเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น

แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาคลั่งผู้หญิงจริงหรือเปล่า

 

ยังไงก็ตามแม้แต่วีรบุรุษก็ยังชอบแสงสี ดังนั้นฉันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า……ก็ไม่เห็นแปลกเลย ก็คาดไม่ถึงนิดหน่อย

 

ตัวตนที่เรียกว่าราชาดูเหมือนว่าไม่มีอะไรนอกจากงานที่อยู่ในสายตา

ดังนั้น ฉันรู้สึกเหมือนทั้งครอบครัวทั้งผู้มีสายเลือดร่วมกันก็ไม่ได้อยู่ในหัวใจของเขา แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้หญิง

 

“――เช่นนั้นแล้ววันนี้คุณหนูมีแผนที่จะทำอะไรต่อไปดีคะ?”

 

การปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการใช้เวลาทั้งวันกับฮิลเดโทร่าและเรเลียเรดค่อนข้างมีชีวิตชีวา แต่แม้จะมีตัวเลือกมากมาย ก็แทบไม่ได้มีข้อสรุปออกมา

 

ก่อนอื่น ตอนแรกก็ไปเดินเล่นรอบ ๆ หลังจากมาถึงคฤหาสน์แล้ว แต่ถึงอยากจะพูดแบบนั้น……

 

“ในเมื่อเรเลียอยู่สภาพแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรดี”

 

ความปั่นป่วนของเรเลียเรดนั้นน่าทึ่งมาก

 

เมื่อฉันลากเธอไปจนถึงห้องที่จัดไว้ให้ คราวนี้เธอก็ขังตัวเองอยู่ในห้องกับสาวใช้ของเธอเอง และตะโกนผ่านประตูว่า 「วันนี้ฉันจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น!」

ดูเหมือนว่าความตึงเครียดของเธอจะมาถึงขีดสูงสุดหลังจากเผชิญหน้ากับราชาอย่างกระทันหัน

 

เรเลียเรดวันนี้คงไม่ไหวแล้วจริง ๆ

 

ม๊า ก็คงต้องปล่อยไปก่อน

มาคิดเรื่องที่สามารถทำได้ก่อนดีกว่า

 

“……หนทางที่ช้า ไร้เดียงสาสินะ……”

 

――ไม่ใช่ว่ากำลังบอกว่า ฉันเป็นไก่อ่อนระดับสี่สิบห้าสิบหรอกสินะ

 

แม้ว่าฉันจะพยายามข่มใจและบังคับตัวเองให้ทำตัวเหมือนเด็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

จะบอกว่างี่เง่ากับไร้เดียงสาสินะ

 

บอกว่าหากยอมทุ่มสุดตัวโดยไม่กังวลอะไรแล้วจะไม่มีปัญหาสินะ

 

…………

 

น่ารำคาญ แต่ก็มีหลายสิ่งที่ฉันเห็นด้วยกับที่เขาพูด

 

เป็นเรื่องจริงที่ว่าโอกาสไม่อยู่ตลอดไป ตั้งแต่แรกแล้วฉันก็มีเวลาจำกัดเนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของตระกูลลิสตัน

แถมฉันไม่รู้ด้วยว่าจุดจบอย่างกระทันหันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ในรูปแบบไหน

 

ด้วยความเร็วที่ไม่หักโหม แต่ก็เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเร็วที่สุด

นั่นคือสถานการณ์ปัจจุบัน

 

ทว่า อาจจะสายเกินไปหรือเปล่า

 

……ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ด่วนตัดสินเกินไป แต่บางทีก็อาจจะช่วยไม่ได้

 

ฉันต้องรีบลงมือก่อนที่จะสายเกินไป――ใช่ หากฉันไม่เริ่มเผยแพร่อย่างจริงจังในตอนนี้ อาจได้เสียใจในสักวันหนึ่ง

 

“เชิญค่ะ”

 

ฉันมองไปที่ริโนกิสที่ถือแก้วชา

 

――ก่อนกำหนด

――ยังเร็วเกินไป

――ไม่ว่าจะมองยังไงก็ยังอ่อนด๋อย

 

ทว่า……หากพิจารณาจากเวลาที่เหลืออยู่แล้ว หากไม่ลงมือทำตอนนี้ก็อาจจะสายเกินไป

 

“เน๊ ริโนกิส”

 

ในฐานะอาจารย์ ฉันไม่มีวันอนุญาตเด็ดขาด

แต่ในฐานะเนียลิสตัน ผู้ตัดสินใจปกป้องครอบครัวแล้วก็ต้องฝืนกล้ำกลืนพูดออกไป

 

“เธออยากลองกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศนี้ไหม?”

 

“ค่ะ……คะ?

 

 

 

ฉันให้ริโนกิสนั่งลงฝั่งตรงข้าม และบอกเธอว่าฉันกำลังวางแผนที่จะทำอะไรในอนาคต

 

“เอ๊ะโตะ……โดยสรุปคือ คุณหนูตั้งใจที่จะหาเงินจากเงินรางวัลในการการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เหรอคะ?”

 

“ม๊า ก็ประมาณนั้น”

 

ท้ายที่สุด ก็เหมือนกับสิ่งที่ทำในตรอกหลัง หรือที่สังเวียนใต้ดิน จึงไม่ผิดอะไรถ้าจะตีความแบบนั้น

 

ยังไงก็ตาม สเกลจะยิ่งใหญ่กว่านั้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเก็งกำไรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไงล่ะ

 

“ไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกจะมารวมตัวกันในที่แห่งเดียวและต่อสู้เพื่อตัดสินว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในโลก ฉันกำลังคิดรูปแบบออกอากาศบนเมจิกวิชั่น

เมื่อเมจิกวิชั่นแพร่หลายมากขึ้น……และขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ฉันก็อยากจะทำเช่นนั้นจริง ๆ”

 

ยังไงก็ตาม ในการที่จะทำเช่นนั้น ฉันคิดว่าจำเป็นต้องเตรียมรากฐานก่อน

 

โครงการใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถทำได้เพียงเพราะมีความแข็งแกร่ง มีเงิน หรือมีอำนาจเท่านั้น

เป็นโครงการที่ต้องสร้างขึ้นผู้คน โดยได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนมากมาย

 

เมื่อได้สัมผัสกับเมจิกวิชั่น และมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ในชีวิตนี้ฉันเข้าใจความเจ็บปวดได้อย่างลึกซึ้ง

มีหลายครั้งที่เพียงแค่พลังเพียงอย่างเดียวก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ถือไพ่เหนือกว่า

โลกนี้ไม่เรียบง่ายพอที่จะยุติทุกอย่างได้ด้วยความรุนแรงเพียงอย่างเดียว

 

ด้วยการแพร่กระจายของเมจิกวิชั่น สถานีออกอากาศแต่ละแห่งก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นตามระดับการรับรู้ที่มากขึ้น

 

ในกระบวนการนี้ ความรู้ความชำนาญจะได้รับการส่งเสริม และควรจะสามารถสร้างเส้นสายที่นำไปสู่การเชื่อมต่อกับสาขาต่าง ๆ ทั้งหมดได้

 

ในความเป็นจริง ขุนนางที่ชื่อวิกซอนซิลเวอร์ก็ได้กระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมเมจิกวิชั่นแล้ว ทั้งได้ติดต่อกับเชื้อพระวงศ์

 

ฉันคิดว่ายังไม่สายเกินไป――แต่เมื่อถึงตอนนี้ ฉันคิดว่าเรื่องนั้นกำลังจะกลายเป็นหัวข้อใหญ่

 

โลกทั้งใบ ยังเป็นไปไม่ได้

แต่ถ้าแค่จัดการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอาร์ตัวร์ล่ะ นั่นก็พอเป็นไปได้

 

แต่ว่าปัญหาคือฉันยังเด็กเกินไป

 

ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็ยังเป็นเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ

ฉันไม่สามารถเข้าร่วมในฐานะผู้เข้าแข่งขันได้ และไม่คิดว่าจะมีผู้ใหญ่จำนวนมากที่คิดจะรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ๆ อย่างจริงจัง แม้จะบอกว่าเป็นโครงการจากบุตรีขุนนางอย่างฉันก็ตาม

 

ฉันคิดว่าฉันจะสามารถมีส่วนร่วมได้ในสักวันหนึ่ง หลังจากที่เผยแพร่เมจิกวิชั่นไปได้อย่างต่อเนื่องมั่นคง และวางรากฐานสำหรับทัวร์นาเมนต์ขนาดใหญ่

ฉันคิดว่าน่าจะใช้เวลาหลายปี

 

ทว่า อาจจะสายเกินไป

ไม่ว่าฉันจะพยายามยังไง ต่อให้จะโกหกเรื่องอายุ ก็ยังต้องใช้เวลามากกว่าห้าปีอยู่ดี ไม่ว่าจะพยายามโกหกเรื่องอายุยังไงก็ไม่สามารถโกหกเกี่ยวกับร่างกายของเด็กได้

 

――เพราะอย่างงั้น จึงเป็นริโนกิส

 

“หนึ่งปี”

 

ฉันชูนิ้วชี้ขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ในหนึ่งปี ฉันจะฝึกฝนเธอให้กลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศนี้”

 

“เอ๊ะ เอ๊……ดิฉันแข็งแกร่งที่สุดเหรอคะ……?”

 

แน่นอนว่าริโนกิสรู้สึกงุนงง ม๊า ก็ควรเป็นแบบนั้น การเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ยังห่างไกลจากเธอนัก

 

“ถ้าเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฉันก็อยากให้ไปถึงระดับนั้น”

 

แม้ว่าจะก่อนเวลาเป็นอย่างมาก

แต่ว่า ฉันคิดว่าเธอมีพรสวรรค์

 

แม้จะพึ่งเริ่มฝึกมาได้ไม่นาน เธอก็สามารถจัดการ「คิ」ให้มั่นคงได้แล้ว ถ้าริโนกิสได้เวลาหนึ่งปี เธอก็สามารถกลายเป็นเหมือนมดที่คลานอยู่ที่เท้าของฉันตอนนี้ได้

ถ้าเธอสามารถไปได้ไกลขนาดนั้น ก็เป็นไปได้ว่าเธอจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนี้

 

――ถ้าหากว่าผู้คุ้มกันของฮิลเดโทร่าเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยมในประเทศนี้ นั่นก็เพียงพอแล้วจริง ๆ

 

“อาโน๊ ดิฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่นั่นก็เพื่อคุ้มครองคุณหนูเพียงเท่านั้น

ดิฉันไม่ต้องการเป็นที่จับตามองจากการเข้าร่วมการแข่งขันหรือกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด……”

 

……งั้นเหรอ

 

“ถ้าอย่างงั้นก็ช่วยไม่ได้นะ”

 

ตามที่คาดไว้ แม้แต่ผู้เป็นอาจารย์ก็ไม่สามารถบังคับอะไรแบบนี้ได้

เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่มีเวลาว่างในการฝึกฝนผู้ที่ไม่เต็มใจ

 

“ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะคุณหนู ดิฉันอดคิดไม่ได้ว่านั่นออกจะเกินขอบเขตหน้าที่ของดิฉันไปหน่อย……”

 

“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าดูจะออกนอกลู่นอกทางของตำแหน่งสาวใช้ไป”

 

การอยู่ในการคาดการ

ฉันก็คิดอยู่ว่าน่าจะได้รับคำตอบแบบนี้

 

“ถ้าอย่างงั้นฉันจะฝึกฝนแกนดอล์ฟแทนแล้วกัน นอกจากนี้ฝั่งอันเซลเองก็ยังเติบโตได้อยู่ล่ะ”

 

ตัวแทนผู้ช่วยอาจารย์สำนักทลายสวรรค์ แกนดอล์ฟเรียกฉันเป็นอาจารย์ด้วยความเคารพแล้ว เขาต้องร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้รับการสอนแน่นอน

 

นอกจากนี้อันเซลจาก「ที่พักหนูเงาสนธยา」

เขามีพรสวรรค์สูงเช่นกัน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมีความเต็มใจหรือเปล่า แต่จะลองคุยข้อเสนอดู――

 

“รอก่อนค่ะ คุณหนู”

 

……หือ?

 

“คุณควรจะเอาใจใส่ดิฉันให้มากกว่าแกนดอล์ฟหรืออันเซลไม่ใช่หรือคะ? ดิฉันเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการของคุณหนูใช่ไหมคะ? แกนดอล์ฟเป็นคนนอก ส่วนอันเซลเป็นมาสเตอร์ของบาร์เหล้าถูกไหมคะ?”

 

“เอ๊ะ? แต่เธอไม่เต็มใจไม่ใช่เหรอ?”

 

“ทิ้งดิฉันที่เป็นลูกศิษย์แล้วไปเลี้ยงดูคนอื่น ดิฉันไม่พอใจตรงนั้นที่สุดเลยค่ะ!”

 

……เอ๊ะ? เป็นแบบนั้น?

 

“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะคะ! ดิฉันอุทิศร่างกายและจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อคุณหนู!ได้โปรดมองมาที่ดิฉันห้ามมองไปที่คนอื่น! คุณต้องเลี้ยงดิฉันให้ดีสิคะ!”

 

…………

 

“ฉันไม่เข้าใจเรื่องหัวใจของเธอหรอกนะ แต่ไม่จำเป็นต้องสังเวยร่างกายหรอกนะ”

 

“ดิฉันตกลงปลงใจจองตัวไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาก็มารับตัวดิฉันไปได้เลยค่ะ!”

 

อา เหรอ

 

ม๊า ฉันไม่ต้องการหรอก เอาไว้ฉันจะยกเลิกเมื่อถึงเวลา

 

 

 

 

 

ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แต่ริโนกิสตกลงที่จะมุ่งเป้าไปเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศแล้ว

 

ในขณะเดียวกัน โครงการการเผยแพร่เมจิกวิชั่นที่ฉันจินตนาการไว้ก็จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปด้วย

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้ตั้งใจไปซื้อของตลาดเช้าสักหน่อยฝนดันตกไม่หยุดเลย พอๆกับเมื่อวานพอตัดสินใจซักผ้าปุ๊บน้ำไม่ไหลทันที ฮา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+