[นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน 170 เพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิของโลลิชั้นประถมสาม และโชตะชั้นประถมห้า

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน Chapter 170 เพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิของโลลิชั้นประถมสาม และโชตะชั้นประถมห้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

170 เพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ห้า

 

หลังจากวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ฉันก็ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่สามในแผนกประถม

สิ่งเดียวที่ฉันจำได้เกี่ยวกับวันหยุดนี้คือ「หัวหมุนกับการถ่ายทำ」เช่นเดิม แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ฉันทำอยู่เสมอมา แน่นอนว่าเบนเดลิโอ้จัไม่ได้รับการให้อภัย

 

วันนี้หลังจากที่ฉันกลับมาถึงเมืองหลวงจากดินแดนลิสตัน ก็เหลือเวลาเพียงสองวันก่อนที่จะเปิดภาคเรียนใหม่ ก่อนอื่นฉันจะไปรับเครื่องแบบที่สั่งตัดขึ้นมาใหม่จึงมุ่งหน้าไปยังบริษัทเซโดนี

 

“เดี๋ยวนี้ เนียเคลื่อนไหวทำหลายสิ่งหลายอย่างจังเลยนะ”

 

กับพี่นีล

 

 

 

ก่อนวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ฉันได้ไปพูดคุยกับบริษัทเซโดนี การปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิงค์โร้ดได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว

พูดตามตรง ฉันก็ไม่ได้คาดว่าจะได้ข้อสรุปรวดเร็วขนาดนี้ แต่สอดคล้องกันพอดี ใช่ ทุกอย่างสอดคล้องกัน

 

เนื่องจาก มาร์จู・เซโดนี ประธานของบริษัทเซโดนีก็กำลังคิดถึงการนำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้าวิงค์โร้ดให้แพร่หลายอยู่เช่นกัน

 

เมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากเขาได้จ้างวิศวกรเรือเหาะไว้เป็นจำนวนมาก เขาจึงมองหาธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จากงานด้านนี้ คำตอบที่เห็นได้ชัดก็คือ วิงค์โร้ด

ทรัพยากรมนุษย์เหล่านี้ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้มากนัก ยังไงก็ตาม ก็คงน่าเสียดาย ถ้าปล่อยพวกเขาไว้ไม่ใช้งาน ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจึงมีการหารือกันกับเหล่าวิศวกรเพื่อดูว่าจะทำอะไรกันได้บ้าง

――ฉันรู้สึกเหมือนกับจะรู้ว่าวิศวกรพวกนั้นมาจากไหน แต่ไม่มีความจำเป็นต้องพูดหรือถาม

 

ในช่วงเวลาดังกล่าว ฉันที่มีปัญหาคล้ายคลึงกันก็เข้ามาหา

 

คงจะมีปัญหาถ้าความสนใจพุ่งเป้ามาที่ฉันมากเกินไป แต่ถ้าฉันเป็นเพียงแค่ผู้ให้ความร่วมมือ ก็จะดูเหมือนกับว่าฉันกำลังคาดหวังว่าจะได้สิทธิ์นำเสนอในช่องเมจิกวิชั่นของดินแดนลิสตัน

นอกเหนือจากนั้นแล้ว จากมุมมองของมาร์จูแล้ว เห็นได้ชัดว่าจังหวะค่อนข้างดี

 

ต้องขอบคุณงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับอาณาจักรซึ่งกว่าจะเริ่มก็อีกกว่าครึ่งปี แต่ปัจจุบันอาร์ตัวร์กำลังประสบกับปัญหานักท่องเที่ยวบูมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่านักผจญภัยที่มีชื่อเสียง นักศิลปะการต่อสู้ และผู้คนที่แข็งแกร่งที่เร้นกาย กำลังมารวมตัวกันจากทั่วทุกมุมโลกจะดึงดูดผู้มาเยือนจากทุกสาขาอาชีพ

แน่นอนว่าต้องมีคนร่ำรวยจำนวนไม่น้อยที่วางแผนต้องการจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงวันงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ ดูเหมือนเงินจำนวนมากกำลังหลั่งไหลเข้ามาในประเทศนี้ทุกวัน

 

หากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าว ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เมจิกวิชั่นก็กำลังดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

หากวิงค์โร้ดถูกนำเสนอในจังหวะนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นที่นิมในรวดเดียว

 

ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกว่าจะได้ลองลงมือ แต่ ――ทว่า มาร์จูได้เริ่มเคลื่อนไหวเรื่องนี้ก่อนที่ฉันจะมาปรึกษาเขาเสียอีก

 

ในวันเปิดงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับอาณาจักร เขาคิดที่จะทำการบินรูปขบวนให้เป็นจุดไคลแม็กซ์โดยใช้「ฟอร์เมชั่น」ที่เป็นหนึ่งในประเภทการแข่งของวิงค์โร้ด ดูเหมือนว่าเขากำลังเริ่มทำงานเบื้องหลังเพื่อจุดประสงค์นั้น

 

และในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ

เมื่อฉันพยายามคุยรายละเอียดเรื่องวิงค์โร้ดกับพ่อแม่ พวกท่านก็ไม่ถามอะไร และบอกเพียงแค่ว่า「ถ้าเนียต้องการทำเรื่องนั้นก็ไม่มีปัญหา」

 

เพื่อเห็นแก่เนียซึ่งทำงานให้กับดินแดนลิสตันโดยไม่บ่น(ยกเว้นเบนเดริโอ้)จนถึงตอนนี้ พวกท่านพยายามจะมีความยืดหยุ่นให้มากที่สุด

นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวซึ่งทำงานอย่างหนักทุกครั้งที่ถึงวันหยุดจะขออะไรบางอย่าง ดังนั้นพวกท่านจึงอยากจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อตอบสนองคำขอของเธอ

 

ในฐานะคนที่มาใช้ชีวิตแทนที่เนีย・ลิสตัน ฉันคิดว่าคำพูดเหล่านี้แทงทะลุผ่านเข้ามาในตัวฉัน แต่เมื่อพิจารณาว่าจะนำมาซึ่งผลประโยชน์อันมหาศาลให้กับตินแดนลิสตันในอนาคตแล้ว ตอนนี้ฉันจึงตัดสินใจยอมรับความใจดีของพ่อแม่เอาไว้

 

” ――พี่ก็อยากเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน”

 

สิ่งที่ฉันไม่เคยคาดหวังไว้เลยก็คือ แม้แต่พี่นีลก็รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้ด้วย

 

 

 

เมื่อฉันกับพี่ชายมาเยี่ยมเยือนบริษัทเซโดนีพร้อมกับสาวใช้ของตัวเอง พวกเราก็ถูกพาเข้าไปในห้องรับแขกทันทีโดยไม่ต้องรอเลย

การมาเยือนในวันนี้เป็นสัญญาที่ให้ไว้ก่อนที่เริ่มวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

 

“ยินต้อนรับครับ นีลซามะ เนียซามะ”

 

เนื่องจากฉันได้เขียนจดหมายส่งมาล่วงหน้าเพื่อแจ้งให้ทราบว่าพี่ชายจะมาด้วยก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเข้ามาในห้อง คำทักทายที่ราบรื่นของประธานมาร์จูก็ดังขึ้นก่อนที่จะได้นั่งลงบนเก้าอี้

 

“ผมชื่อมาร์จู・เซโดนีเป็นตัวแทนของบริษัทเซโดนีครับ”

 

“ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณ ผมชื่อว่านีล・ลิสตัน เป็นลูกชายคนโตของตระกูลลิสตัน”

 

หลังจากการแนะนำตัวเองสั้น ๆ ระหว่างทั้งสองคนที่พึ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก บทสนทนาก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

 

“ผมได้ลองพยายามสอบถามไปแล้ว แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีเรือเดี่ยวสำหรับเด็กเลยครับ”

 

งั้นเหรอ

ครั้งก่อนที่ฉันมาที่นี่ ฉันได้ขอให้เขาช่วยมองหาเรือเดี่ยวสำหรับวิงคโร้ดที่แม้แต่ฉันก็สามารถขับได้ แต่

 

เหมือนที่มาร์จูเคยบอกฉันไว้ตอนนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีสำหรับเด็กเลย

 

“เนื่องจากเดิมราคาก็สูงมากอยู่แล้ว หากพูดถึงรุ่นสั่งทำเป็นพิเศษ ต่อให้เป็นของพื้น ๆ ก็อาจจะมีราคาสูงเกินกว่าห้าสิบล้านครัมเลยได้เลยครับ “

 

ห้าสิบล้านครัม

ฉันได้ยินมาว่าถ้าเลือกซื้อแบบมาตรฐานปกติก็จะมีราคาอย่างน้อย ยี่สิบล้านครัมแล้ว และราคาสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตามตัวเลือกที่คุณเลือก

 

ไม่ใช่จำนวนเงินที่คนทั่วไปจะสามารถจ่ายได้

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชาร์ลถึงพยายามสร้างมันขึ้นมาโดยการซื้อชิ้นส่วนทีละชิ้น และทำให้เสร็จด้วยตัวเองทีละน้อย

 

“นอกจากเรื่องเงินแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องของเวลาด้วยครับ”

 

“นั่นสิสิน๊า”

 

ไม่ว่าฉันจะเก่งด้านศิลปะการต่อสู้แค่ไหน แต่ฉันไม่เคยขับเรือเดี่ยวมาก่อนเลย ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถขับเป็นได้ในทันที

ม๊า ฉันคิดว่าจะชินกับมันได้อย่างรวดเร็ว ถ้าใช้ร่างกายเข้าแลก แต่เวลาฝึกฝนก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ

 

“เดิมที เรือเดี่ยวสำหรับวิงค์โร้ดก็มีขนาดเล็กมากกว่าปกติอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเหมาะสมสำหรับนักขับขี่ที่มีน้ำหนักเบาเพื่อให้ได้ความเร็วที่มากขึ้น

ผมคิดว่ายังคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเนียซามะ แต่บางทีนีลซามะอาจจะขับได้ครับ”

 

โอะ พี่ชายขับได้เหรอ พี่ชายอายุสิบขวบ ทั้งยังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยล่ะน๊า

 

“ทราบว่าต้องการสั่งซื้อสินะครับ?”

 

“ใช่แล้ว ผมอยากจะขอลองดูสักสองสามลำก่อน หากการบำรุงรักษาสมบูรณ์แบบจะสามารถขับได้ตลอดเวลา”

 

โห๊ว ปลอดภัยสิน๊า

ถ้าเขาพูดอย่างนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ถูกกำหนดแล้ว

 

 

 

“เนีย”

 

“อะไรเหรอคะ?”

 

“เมื่อกี้น้องพึ่งพูดเหมือนกับว่าเงินห้าสิบล้านครัมไม่สำคัญเลย เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

 

เอ๊ะ? อ้า……อืม ดูเหมือนว่าพี่ชายจะสับสนกับที่ฉันตอบไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนหน้านี้ว่า「เวลามีค่ามากกว่าเงิน」

ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เพราะไม่มีทางที่ฉันจะบอกออกไปได้ว่าฉันสามารถหาเงินห้าสิบล้านครัมได้ง่ายดายแค่ไหนภายในไม่กี่วัน

 

――เนื่องจากพวกเราไม่สามารถขับเรือเดี่ยวภายในเมืองได้ ตอนนี้จึงขึ้นรถม้าของบริษัทเซโดนีเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตท่าเรือเหาะ

 

ดูเหมือนว่าเรือเดี่ยวสำหรับวิงค์โร้ดจะอยู่ในโกดังที่ท่าเรือ

และดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อจำกันในการใช้เรือเดี่ยวในพื้นที่นี้ เพราะที่ดินจุดนี้เป็นของบริษัทเซโดนี เข้าเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย

 

พวกเราแยกรถม้าออกเป็นสองคัน มาร์จูกับลูกน้องหลายคน และ คนจากตระกูลลิสตัน ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปตามถนนที่มีการจราจรหนาแน่นจากแขกต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน 「เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?」พี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันก็พูดแบบนั้นขึ้นมา

 

อนึ่ง ริโนกิสกับลินเนตต์นั่งคู่กันอยู่ตรงข้ามกับฉัน

และทั้งสองคนคงกำลังคิดว่า「คุณหนูสามารถหาเงินห้าสิบล้านได้อย่างง่ายดายในไม่กี่วัน」อยู่อย่างแน่นอน

 

“ก็แบบนั้นแบบนี้ หนูแค่ไม่มีความรู้สึกเรื่องเงินเท่านั้นเองค่ะ ก็หนูไม่เคยถือเงินสดไว้เลย”

 

“เอ๊ะ …….น้องไม่ได้ไปซื้อของบ้างเลยเหรอ?”

 

“ก็ปกติถ้าหนูบอกว่าอยากได้อะไร ริโนกิสก็จะเป็นคนไปซื้อมาให้ตลอด หนูไม่เคยซื้อของด้วยตัวเองเลยสักครั้งค่ะ”

 

“แล้วงานอดิเรกล่ะ? ไม่ได้ซื้อของกระจุกกระจิกอะไรเลยเหรอ?”

 

“เพราะว่าหนูยุ่งอยู่กับงานถ่ายทำ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีงานอดิเรกที่กินเวลา การเลือกสินค้าเบ็ดเตล็ดก็ใช้เวลามากเหมือนกัน แล้วก็หนูไม่อยากกลับไปป่วยอีกแล้ว ดังนั้นพอว่างก็แค่ฝึกร่างกายเท่านั้นเองค่ะ”

 

“…………”

 

พี่ชายพูดไม่ออก

เห็นได้ชัดว่า เขาพี่งค้นพบว่าชีวิตของฉันไม่ได้มีสีสันอย่างที่คิดไว้

 

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิค่ะ ก็มีหลายอย่างที่หนูชอบทำเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ จริง ๆ นะคะ ถ้าจะมีก็มีเพียงแค่ปัญหาในการทำความคุ้นเคยเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ หนูยังเป็นหนี้ชีวิตที่หยิบยืมมาล่วงหน้ามากมาย หนูแค่ตอบแทนหนี้เหล่านั้นก็เท่านั้นเอง”

 

ในขณะที่พูดแบบนั้น จู่ ๆ ฉันก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเงินของดินแดนลิสตันบ้าง

 

ฉันต้องเริ่มต้นวิงค์โร้ดโดยหลีกเลี่ยงการสร้างภาระทางการเงินให้กับทางบ้านให้มากที่สุด ――หากจำเป็นฉันก็จะออกไปทำงานต่างประเทศอีกครั้ง

 

“……พี่คิดว่าในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ถึงยอมรับเรื่องราวได้อย่างง่ายดายแบบนั้น”

 

หืม?

 

“ในขณะที่พี่มัวแต่กำลังเล่นและหลงใหลกับวิชาดาบ เนียก็กำลังพยายามทำงานอย่างเต็มที่อยู่ พวกท่านทั้งสองเข้าใจได้อย่างถูกต้องแล้ว

พี่เองก็เข้าใจเหมือนกัน แต่…..ไม่สิ พี่เข้าใจเรื่องที่อยู่ตรงหน้านั่นดี ทุกครั้งที่กลับบ้านในช่วงวันหยุดยาว ก็น่าจะรู้ดีว่าเนียใช้เวลาช่วงวันหยุดไปแบบไหน ทั้งอย่างงั้นพี่ก็ไม่แม้แต่จะดูแล

ช่วยยกโทษให้พี่ชายคนนี้ที่ไม่ใส่ใจได้ไหม”

 

…………

 

“หนูภูมิใจในตัวโอนี่ซามะที่คิดเช่นนั้น”

 

ที่จริงเขาคิดมากไป สิ่งที่เด็ก ๆ ควรทำ……ก็คือ เล่นสนุกทุกวัน หมกมุ่นอยู่กับงานอดิเรก และเรียนหนังสือแค่สั้น ๆ แม้ว่าพี่ชายจะยังเด็ก แต่เขาก็เติบโตขึ้นแล้ว

 

“อย่างที่บอกไปค่ะ หนูทำก็เพราะหนูชอบ ดังนั้นแล้วจะปล่อยเรื่องของหนูไปก็ได้ค่ะ”

 

“ทำแบบนั้นไม่ได้จริงไหม พี่ไม่สามารถทิ้งน้องไว้เพียงลำพังได้ ยิ่งได้ยินว่าน้องสาวของตัวเองไม่เคยออกไปซื้อของด้วยซ้ำแบบนี้”

 

เอ๊ะ เหรอ?

 

“จ๊า ถ้าอย่างงั้นจะมาปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่นกับหนูได้ไหมคะ?”

 

ด้วยหน้าตาความงามของพี่ชาย จะเพิ่มดอกไม้สีสันสดใดให้กับช่องของดินแดนลิสตันที่น่าเบื่อให้รู้สึกถูกผลักดัน ฉันแน่ใจว่าจะต้องมีประโยชน์สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการของวิงค์โร้ดด้วย

 

โอ้โอ้ การให้พี่ชายเข้าร่วมมีประโยชน์มากมาย!

 

“เรื่องนั้นพี่ขอคิดให้มากกว่านี้อีกหน่อย”

 

ความฝันที่ขยายออกไปถูกทำให้หายไปในพริบตา

 

อืม

นั่นคือสิ่งที่ฉันรอให้เขาพูดมานานแล้ว และก็รอมาจนถึงวันนี้

นั่นคงไม่ใช่สไตล์การปฏิเสธความรับผิดชอบของพี่ชายใช่ไหม?

 

ก็ย่อมได้ เด็ก ๆ ควรเล่นให้หนักทุกวัน

 

ใช่แล้ว สำหรับพี่ชายแค่ให้มาแทนที่ฉันเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอแล้ว เหมือนกับตอนเทศกาลจับปลาใหญ่

 

 

 

พี่ชายซึ่งบินไปรอบ ๆ อย่างมีความสุขด้วยเรือเดี่ยว น่ารักและน่าเอ็นดูเหมือนเด็กธรรมดา ไม่ใช่ลูกหลานของขุนนางที่มีด้านที่ต้องเป็นผู้ใหญ่

 

อืม ฉันคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ดีสำหรับเด็ก ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด