ปล้นสวรรค์ 308 สูดกลิ่นแห่งหวงฝัน (เวินเมิ่ง)

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter 308 สูดกลิ่นแห่งหวงฝัน (เวินเมิ่ง) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPH:บทที่ 308 สูดกลิ่นแห่งหวงฝัน (เวินเมิ่ง)

 

“ซึ่งเหมิงพูดถูก!”

 

ตาหลี่อี้เฉินประกายไปด้วยความตื่นเต้น

 

“ตอนนี้ ฉันมีเย่หยุแล้ว เลยอยากจะเห็นโคแก่อย่างเทียนซวนจื่อว่าจะทําหน้าอย่างไรตอนเจอหน้ากัน!”

 

หลี่อี้เฉินมองแย่หยุพร้อมพูดอย่างตื่นเต้น

 

“ศิษย์น้อง อีกไม่กี่วันเทียนซวนจอจะมาที่นี่ เมื่อเวลานั้นมาถึง นายต้องสนับสนุนศิษย์พี่ผู้นี้ให้ฉีกหน้าเทียนซวนจือด้วย!”

 

เย่หยมองหน้าหลี่อี้เฉินอย่างหมดคําพูด เย่หยูอดไม่ได้ที่จะ

 

ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ เขาอายุมากแล้วนะ ทําไมถึงยังทําตัวเป็นเด็กอีก!

 

“งั้น ศิษย์พี่ คอยดูได้เลย! ให้พวกเขาได้เห็นว่าพ่อครัวปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นยังไง!”

 

“อาจารย์อาเย่หยู เพิ่มพลังโลหิตลงไปในโจ๊กแปดสมบัติอีกครั้งได้ไหม?”

 

ซึ่งเหมิงมองเหยูอย่างคาดหวัง

 

“หากสามารถทําโจ๊กพลังโลหิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาจารย์ลุงก็อาจจะมีวิตอยู่ต่อได้อีกสองถึงสามปี!”

 

เย่หยูพยักหน้า

 

“ใช่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องการสมุนไพรที่มีพลังมากกว่านี้ มันควรจะต้องเป็นส่วนผสมที่เป็นสมุนไพรที่อยู่มาไม่น้อยกว่าสิบปี!”

 

ความปลาบปลื้มส่องประกายผ่านดวงตาของซึ่งเหมิงขณะที่เขาร้องตะโกนออกมา

 

“นั้นช่างง่ายนัก! สิบปีหรือมากกว่านั้น พวกเขามีสมุนไพรที่อายุกว่า 100 ปีด้วยซ้ํา!”

 

เย่หยูเล็กคิ้ว

 

“โอ้? เราจะไปเอาสมุนไพรที่มีอายุถึงร้อยปีได้อย่างไร? เราต้องรู้ว่าปัจจุบันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน สมุนไพรยุคนี้หายากมาก!”

 

รอยยิ้มอันร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าซึ่งเหมิง

 

“ไม่ต้องกังวล! ในเมืองหลวงยังคงมีหลายตระกูลที่เก็บยาสมุนไพรในยุคนี้!”

 

“มันเป็นเช่นนั้นในคืนนี้ที่บ้านประมูลมังกรสง่างามจะเปิดการประมูล อาจารย์อาเพียงทําโจ๊กแปดสมบัติเพื่อการประมูล”

 

ในเวลาเดียวกัน ก็สั่งให้ระบุด้วยว่าใช้อะไรเป็นส่วนผสมยา! ครั้งนี้ เราต้องทําให้ตระกูลเหล่านั้นต้องจ่ายให้เราสักหน่อยแล้ว!

 

เย่หูตาสว่าง หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพักแล้วพยักหน้า

 

“นี่เป็นไอเดียที่ดีจริงๆ!”

 

เมื่อเห็นเย่หยุลุกขึ้น ซึ่งเหมิงก็เรียกเขาจากข้างหลัง

 

“อาจารย์อา ประสิทธิภาพมันแข็งแกร่งเกินไป จําไว้ว่าต้องเติมน้ําเพิ่มหน่อยนะครับ!”

เย่หยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ซึ่งเหมิงผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นชายที่แข็งแกร่งและกํายาทําไมช่างมีความคิดที่มืดมัวเช่นนี้

 

แต่ฉันชอบมัน!

 

ตรงกลางเมืองเหยียนจึงที่นั่นมีร้านอาหารเล็กๆ

 

ร้านอาหารโบราณที่ดูสวยงามอย่างมาก ให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ

 

ภัตตาคารวายุพิมล

 

นี่คือชื่อของร้านอาหาร

 

เอ๊ยด!

 

ประตูไม้ของภัตตาคารถูกผลักและเปิดออกจากข้างนอก ชายวัยกลางคนในชุทสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามา

 

“คุณผู้ชาย มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”

 

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนมองไปรอบๆ พนักงานเสิร์ฟก็ถามด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้ว ผมกําลังมองหาบางคนหนะ”

 

“ผมขออนุญาตทราบชื่อของคนที่คุณกําลังตามหาอยู่ได้ไหมครับ? ผมจะไปเช็คให้ครับ”

 

“เวินเหริน เมิ่งเยว่ ไม่ เรียกว่าเวินเมิ่ง!”

 

หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟได้ยิน เขาก็มองหาแล้วก็ยกยิ้ม

 

“คุณชาย ได้โปรดมากับผม คุณเป็นอยู่ที่ศาลาจันทร์สว่างครับ!”

 

ภัตตาคารวายุพิมล ศาลาจันทร์สว่าง

 

นวลหงงามหยดย้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งกุมแก้มแสนหอม ส่วนอีกข้างก็ถือถ้วยชาเล่นในมือด้วยความเบื่อหน่าย

 

ก๊อกก๊อก!

 

“เข้ามา!”

 

เสียงเคาะประตูได้ปลุกเธอออกมาจากภวังค์

 

เอ๊ยด!

 

ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปที่ศาลา เขาเห็นความเบื่อหน่ายของเวินเมิ่ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและปลาบปลื้ม

 

“เมิ่งเยว่ อยู่นี้นี่เอง!”

 

ชายวัยกลางคนพูดอย่างขอโทษ

 

“มันเป็นความผิดของลุงสองอีกแล้ว เมิ่งเยว่ เธอเป็นห่วงเปล่า?”

 

สายตาของเมิ่งเยวสงบขณะมองไปยังเวินเหรินจึงเล่ย เธอยิ้มเยาะและพูดว่า

 

“ลุงสอง คุณยุ่งตลอด ถ้าคุณลุงไม่มีเวลา แล้วทําไมถึงมาหาหนูหละ?”

 

เวินเหรินจิงเลยยิ้มตอบอย่างกระอักกระอ่วน ก้มลงนั่งตรงข้ามเธอ จากนั้นเขาก็หันไปบอกพนักงานเสิร์ฟว่า

 

“ไปเอาอะไรอร่อยมาเสิร์ฟสิ เร็วเข้า!”

 

พนักงานพยักหน้าและเดินออกไปจากศาลา

 

“เมิ่งเยว่ พูดอะไรหนะ? มันไม่ง่ายเลยนะสําหรับเธอที่จะกลับมา ไม่ว่าลุงสองจะยุ่งยังไง ก็พยายามหาเวลา มาเจอเธอไม่ใช่หรอ?”

 

เวินเมิ่งมองไปที่เห็นเห็นจึงเลยและยิ้มแสยะ

 

“พบหนู? หนูเกรงว่าคุณลุงอยากจะแนะนําหนูให้คุณชายตระกูลใดเสียอีก!”

 

เวินเหรินจิงเลยตบโต๊ะแล้วพูดอย่างซื่อตรงว่า

 

“เมิ่งเยว่ นี่หนูพูดอะไร!”

 

“ผู้ชายก็ควรดกแต่งงานกับผู้หญิง! ผู้หญิงก็ควรแต่งงานกับผู้ชาย!”

 

“ตั้งแต่พ่อเธอจากไปก่อนหน้านั้น ในฐานะลุงสองของเธอลงก็ควรจะคิดถึงอนาคตของเธอไว้บ้าง!”

 

ใบหน้าเวินเมิ่งกลับมาเฉยเมยและปากของเธอยกขึ้นจนดูเป็นยิ้มเยาะ

 

“เพื่ออนาคตของหน? หนูเกรงว่ามันทําไปเพื่ออนาคตของลุงมากกว่า!”

 

“หลายปีมานี้ มีคุณชายที่คุณลุงแนะนํามาให้หนูกคนแล้วหละ? เจ็ด? แปด?”

 

“แล้วคุณลุงยังจะมาพูดอีกหรอว่าคิดถึงอนาคตของหนู สุดท้ายไม่ใช่ว่าคุณลุงใช้หนูเพื่อความร่ํารวยไม่ใช่หรอ!”

 

“ลุงสอง คุณเป็นลุงแท้ๆของหนูนะ!”

 

หน้าเวินเหรินจิงเลยเปลี่ยนมาหม่นหมองเล็กน้อย แล้วเขาก็พยายามพูดออกมาว่า

 

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเธอทั้งนั้น! แล้วพวกเขามีอะไรผิดปกติ มีคนไหนไม่หนุ่ม ไม่รวยไม่มีอำนาจและไม่มีอิทธิพลหรอ? “

 

“ฮ่า ฮ่า!”

 

เวินเมิ่งยิ้มเยาะ

 

“พวกเขาเป็นอย่างไรหนะหรอ? หนูคิดว่าคุณลงน่าจะรู้ดีกว่าหนูนะ คุณลุงสอง!”

เวินเหรินจึงเล่ยหายใจเข้าลึกๆ มองหน้าเวินเมิ่งแล้วพูดด้วยเสียงหุ้มว่า

 

“ไม่ว่ายังไง ฉันมาที่นี่ก็เพื่อตระกูลเวินเหริน เพื่อความพยายามของพี่ใหญ่จะได้ไม่สูญเปล่า”

 

“ตระกูลเวินเหริน?”

 

แววตาของเวินเมิ่งสะท้อนถึงควมเจ็บปวด

 

“ตั้งแต่ที่คุณพ่อจากไป หนูก็ไม่ได้เปรตนของตระกูลเงินเหรินอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้หนูชื่อ เวินเมิ่ง ไม่ใช่เวินเหริน เมิ่งเยว!”

 

เวินเหรินจ้องมองอย่างโศกเศร้าและตะโกนไปว่า

 

“เธอมีเลือดของเวินเหรินอยู่ในตัว ดังนั้นเธอก็ควรจะมีส่วนช่วยช่วยเหลือพวกเขา!”

 

หลังจากพูดออกไป เวินเหรินจึงเล่ยก็เอนหลังไปมองและยิ้มให้เธอ

 

“เธอได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาสักพักละ และตอนนี้เธอก็ดูดีขึ้นมาก!”

 

“แล้วลุงก็ได้ยินมาว่าเธอมีการพัฒนาที่ดีมากในฮอลลีวูด ด้วยวิธีนี้ มูลค่าของเธอก็จะสูงขึ้น!”

 

“มั่นใจได้เลย ครั้งนี้ลุงสองได้เจอคู่หมั้นที่มีความสามารถระดับท็อปที่เหมาะกับหนู!”

 

แววตาของเมิ่งเยวโกรธเคือง

 

“คู่หมั้นอะไร? คู่หมั้นของหนูมาจากไหนอีก?!”

 

เวินเหรินจึงเล่ยหัวเราะ

 

“ลุงได้ให้สัญญากับพ่อหนุ่ม คุณชายจากตระกูลจ้าวแล้ว เขาคือจําวหมิงหยู!”

 

“เมิ่งเยว่ ตอนนี้เธอดังมาก!”

 

“ถ้ารู้ว่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ ลุงสองจะไม่ห้ามเธอพัฒนาอาชีพการแสดงเลย!”

 

“ตระกูลจ้าวไม่ใช่ตระกูลธรรมดาๆ พวกเขามีประวัติยาวนานทั้งทางด้านธุรกิจและเป็นพันธมิตรกับพวกจอมยุทธ์!”

 

“ถ้าหนูอยากจะเป็นที่นิยมเร็วๆนี้ นายน้อยจากตระกูลจ้าว ไม่แน่เขาอาจจะพอใจหนูก็ได้!”

 

ปัง!

 

เมิงเยวใช้มือของเธอตบโต๊ะ เธอจ้องไปยังเวินเหวินจึงเลยด้วยความโกรธและตะโกนด้วยเสียงหุ้มว่า

 

“ไร้ยางอาย!”

 

“หนูจะไม่ไปพบจ้าวหมิงหยูคนนี้ หรอแม้แต่แต่งงานกับเขา ยอมแพ้ซะเถอะ!”

 

เวินเหรินจิงเลยยิ้มเยาะออกมาทันที

 

“หี หี เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป! เธอคิดว่าจําวหมิงหยูคือใครกันหละ?”

 

“อย่าคิดแม้แต่จะหนีเลย ลุงได้บอกจ้าวหมิงหยไปแล้วว่าเธอต้องไปเจอเขาคืนนี้!”

 

“สารเลว!”

 

เวินเมิ่งยืนขึ้นทันที ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย เธอตะโกนออกไปอย่างเยือกเย็นว่า

“หนูอยากเจอลุง! ไม่ได้คิดแม้แต่เรื่องใช้ประโยชน์จากหนู!”

 

หลังจากเวินเมิ่งเยว่พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

 

เวินเหรินจิงเลยยังคงนั่งที่เก้าอี้ มองเธอจากไป เขายิ้มเยาะ

 

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ!”

 

สายตาของเมิ่งเยว่เต็มไปด้วยความผิดหวังและกังวล เธอแอบเสียใจกับการกลับมาของเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ต้องมาเผชิญกับปัญหาเหล่านี้

 

“ฉันต้องรีบหนีไปทันที โชคไม่ดีที่ฉันไม่สามารถกลับไปพบเขาได้อีก!”

 

เวินเมิ่งแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เธอรีบฉวยโอกาสที่ดีในการออกจากเมืองนี้ มิเช่นนั้น ใครจะไปรู้ว่าคนอย่างลุง สองจะเล่นอุบายแบบไหนกับเธอขึ้นมาอีก!

 

เสี้ยว!

 

พนักงานที่กําลังเข็นรถเข็นอาหารเข็นผ่านเวินเมิ่ง

 

“กลิ่นที่คุ้นเคยนี่มันอะไร?”

 

เสียงฝีท้าของเวินเมิ่งหยุดชะงัก สิ่งที่คุ้นเคย กลิ่นอันหอมหวานเข้ามาในความคิดของเธอ

 

“กลิ่นนี้..”

 

เวินเมิ่งหันหลังทันทีและมองพนักงานเข็นรถอาหารเข็นผ่านไป ดวงตาของเธอสว่างไสว

 

“นั่นคุณหรอ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ปล้นสวรรค์ 308 สูดกลิ่นแห่งหวงฝัน (เวินเมิ่ง)

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter 308 สูดกลิ่นแห่งหวงฝัน (เวินเมิ่ง) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPH:บทที่ 308 สูดกลิ่นแห่งหวงฝัน (เวินเมิ่ง)

 

“ซึ่งเหมิงพูดถูก!”

 

ตาหลี่อี้เฉินประกายไปด้วยความตื่นเต้น

 

“ตอนนี้ ฉันมีเย่หยุแล้ว เลยอยากจะเห็นโคแก่อย่างเทียนซวนจื่อว่าจะทําหน้าอย่างไรตอนเจอหน้ากัน!”

 

หลี่อี้เฉินมองแย่หยุพร้อมพูดอย่างตื่นเต้น

 

“ศิษย์น้อง อีกไม่กี่วันเทียนซวนจอจะมาที่นี่ เมื่อเวลานั้นมาถึง นายต้องสนับสนุนศิษย์พี่ผู้นี้ให้ฉีกหน้าเทียนซวนจือด้วย!”

 

เย่หยมองหน้าหลี่อี้เฉินอย่างหมดคําพูด เย่หยูอดไม่ได้ที่จะ

 

ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ เขาอายุมากแล้วนะ ทําไมถึงยังทําตัวเป็นเด็กอีก!

 

“งั้น ศิษย์พี่ คอยดูได้เลย! ให้พวกเขาได้เห็นว่าพ่อครัวปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นยังไง!”

 

“อาจารย์อาเย่หยู เพิ่มพลังโลหิตลงไปในโจ๊กแปดสมบัติอีกครั้งได้ไหม?”

 

ซึ่งเหมิงมองเหยูอย่างคาดหวัง

 

“หากสามารถทําโจ๊กพลังโลหิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาจารย์ลุงก็อาจจะมีวิตอยู่ต่อได้อีกสองถึงสามปี!”

 

เย่หยูพยักหน้า

 

“ใช่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องการสมุนไพรที่มีพลังมากกว่านี้ มันควรจะต้องเป็นส่วนผสมที่เป็นสมุนไพรที่อยู่มาไม่น้อยกว่าสิบปี!”

 

ความปลาบปลื้มส่องประกายผ่านดวงตาของซึ่งเหมิงขณะที่เขาร้องตะโกนออกมา

 

“นั้นช่างง่ายนัก! สิบปีหรือมากกว่านั้น พวกเขามีสมุนไพรที่อายุกว่า 100 ปีด้วยซ้ํา!”

 

เย่หยูเล็กคิ้ว

 

“โอ้? เราจะไปเอาสมุนไพรที่มีอายุถึงร้อยปีได้อย่างไร? เราต้องรู้ว่าปัจจุบันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน สมุนไพรยุคนี้หายากมาก!”

 

รอยยิ้มอันร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าซึ่งเหมิง

 

“ไม่ต้องกังวล! ในเมืองหลวงยังคงมีหลายตระกูลที่เก็บยาสมุนไพรในยุคนี้!”

 

“มันเป็นเช่นนั้นในคืนนี้ที่บ้านประมูลมังกรสง่างามจะเปิดการประมูล อาจารย์อาเพียงทําโจ๊กแปดสมบัติเพื่อการประมูล”

 

ในเวลาเดียวกัน ก็สั่งให้ระบุด้วยว่าใช้อะไรเป็นส่วนผสมยา! ครั้งนี้ เราต้องทําให้ตระกูลเหล่านั้นต้องจ่ายให้เราสักหน่อยแล้ว!

 

เย่หูตาสว่าง หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพักแล้วพยักหน้า

 

“นี่เป็นไอเดียที่ดีจริงๆ!”

 

เมื่อเห็นเย่หยุลุกขึ้น ซึ่งเหมิงก็เรียกเขาจากข้างหลัง

 

“อาจารย์อา ประสิทธิภาพมันแข็งแกร่งเกินไป จําไว้ว่าต้องเติมน้ําเพิ่มหน่อยนะครับ!”

เย่หยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ซึ่งเหมิงผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นชายที่แข็งแกร่งและกํายาทําไมช่างมีความคิดที่มืดมัวเช่นนี้

 

แต่ฉันชอบมัน!

 

ตรงกลางเมืองเหยียนจึงที่นั่นมีร้านอาหารเล็กๆ

 

ร้านอาหารโบราณที่ดูสวยงามอย่างมาก ให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ

 

ภัตตาคารวายุพิมล

 

นี่คือชื่อของร้านอาหาร

 

เอ๊ยด!

 

ประตูไม้ของภัตตาคารถูกผลักและเปิดออกจากข้างนอก ชายวัยกลางคนในชุทสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามา

 

“คุณผู้ชาย มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”

 

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนมองไปรอบๆ พนักงานเสิร์ฟก็ถามด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้ว ผมกําลังมองหาบางคนหนะ”

 

“ผมขออนุญาตทราบชื่อของคนที่คุณกําลังตามหาอยู่ได้ไหมครับ? ผมจะไปเช็คให้ครับ”

 

“เวินเหริน เมิ่งเยว่ ไม่ เรียกว่าเวินเมิ่ง!”

 

หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟได้ยิน เขาก็มองหาแล้วก็ยกยิ้ม

 

“คุณชาย ได้โปรดมากับผม คุณเป็นอยู่ที่ศาลาจันทร์สว่างครับ!”

 

ภัตตาคารวายุพิมล ศาลาจันทร์สว่าง

 

นวลหงงามหยดย้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งกุมแก้มแสนหอม ส่วนอีกข้างก็ถือถ้วยชาเล่นในมือด้วยความเบื่อหน่าย

 

ก๊อกก๊อก!

 

“เข้ามา!”

 

เสียงเคาะประตูได้ปลุกเธอออกมาจากภวังค์

 

เอ๊ยด!

 

ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปที่ศาลา เขาเห็นความเบื่อหน่ายของเวินเมิ่ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและปลาบปลื้ม

 

“เมิ่งเยว่ อยู่นี้นี่เอง!”

 

ชายวัยกลางคนพูดอย่างขอโทษ

 

“มันเป็นความผิดของลุงสองอีกแล้ว เมิ่งเยว่ เธอเป็นห่วงเปล่า?”

 

สายตาของเมิ่งเยวสงบขณะมองไปยังเวินเหรินจึงเล่ย เธอยิ้มเยาะและพูดว่า

 

“ลุงสอง คุณยุ่งตลอด ถ้าคุณลุงไม่มีเวลา แล้วทําไมถึงมาหาหนูหละ?”

 

เวินเหรินจิงเลยยิ้มตอบอย่างกระอักกระอ่วน ก้มลงนั่งตรงข้ามเธอ จากนั้นเขาก็หันไปบอกพนักงานเสิร์ฟว่า

 

“ไปเอาอะไรอร่อยมาเสิร์ฟสิ เร็วเข้า!”

 

พนักงานพยักหน้าและเดินออกไปจากศาลา

 

“เมิ่งเยว่ พูดอะไรหนะ? มันไม่ง่ายเลยนะสําหรับเธอที่จะกลับมา ไม่ว่าลุงสองจะยุ่งยังไง ก็พยายามหาเวลา มาเจอเธอไม่ใช่หรอ?”

 

เวินเมิ่งมองไปที่เห็นเห็นจึงเลยและยิ้มแสยะ

 

“พบหนู? หนูเกรงว่าคุณลุงอยากจะแนะนําหนูให้คุณชายตระกูลใดเสียอีก!”

 

เวินเหรินจิงเลยตบโต๊ะแล้วพูดอย่างซื่อตรงว่า

 

“เมิ่งเยว่ นี่หนูพูดอะไร!”

 

“ผู้ชายก็ควรดกแต่งงานกับผู้หญิง! ผู้หญิงก็ควรแต่งงานกับผู้ชาย!”

 

“ตั้งแต่พ่อเธอจากไปก่อนหน้านั้น ในฐานะลุงสองของเธอลงก็ควรจะคิดถึงอนาคตของเธอไว้บ้าง!”

 

ใบหน้าเวินเมิ่งกลับมาเฉยเมยและปากของเธอยกขึ้นจนดูเป็นยิ้มเยาะ

 

“เพื่ออนาคตของหน? หนูเกรงว่ามันทําไปเพื่ออนาคตของลุงมากกว่า!”

 

“หลายปีมานี้ มีคุณชายที่คุณลุงแนะนํามาให้หนูกคนแล้วหละ? เจ็ด? แปด?”

 

“แล้วคุณลุงยังจะมาพูดอีกหรอว่าคิดถึงอนาคตของหนู สุดท้ายไม่ใช่ว่าคุณลุงใช้หนูเพื่อความร่ํารวยไม่ใช่หรอ!”

 

“ลุงสอง คุณเป็นลุงแท้ๆของหนูนะ!”

 

หน้าเวินเหรินจิงเลยเปลี่ยนมาหม่นหมองเล็กน้อย แล้วเขาก็พยายามพูดออกมาว่า

 

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเธอทั้งนั้น! แล้วพวกเขามีอะไรผิดปกติ มีคนไหนไม่หนุ่ม ไม่รวยไม่มีอำนาจและไม่มีอิทธิพลหรอ? “

 

“ฮ่า ฮ่า!”

 

เวินเมิ่งยิ้มเยาะ

 

“พวกเขาเป็นอย่างไรหนะหรอ? หนูคิดว่าคุณลงน่าจะรู้ดีกว่าหนูนะ คุณลุงสอง!”

เวินเหรินจึงเล่ยหายใจเข้าลึกๆ มองหน้าเวินเมิ่งแล้วพูดด้วยเสียงหุ้มว่า

 

“ไม่ว่ายังไง ฉันมาที่นี่ก็เพื่อตระกูลเวินเหริน เพื่อความพยายามของพี่ใหญ่จะได้ไม่สูญเปล่า”

 

“ตระกูลเวินเหริน?”

 

แววตาของเวินเมิ่งสะท้อนถึงควมเจ็บปวด

 

“ตั้งแต่ที่คุณพ่อจากไป หนูก็ไม่ได้เปรตนของตระกูลเงินเหรินอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้หนูชื่อ เวินเมิ่ง ไม่ใช่เวินเหริน เมิ่งเยว!”

 

เวินเหรินจ้องมองอย่างโศกเศร้าและตะโกนไปว่า

 

“เธอมีเลือดของเวินเหรินอยู่ในตัว ดังนั้นเธอก็ควรจะมีส่วนช่วยช่วยเหลือพวกเขา!”

 

หลังจากพูดออกไป เวินเหรินจึงเล่ยก็เอนหลังไปมองและยิ้มให้เธอ

 

“เธอได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาสักพักละ และตอนนี้เธอก็ดูดีขึ้นมาก!”

 

“แล้วลุงก็ได้ยินมาว่าเธอมีการพัฒนาที่ดีมากในฮอลลีวูด ด้วยวิธีนี้ มูลค่าของเธอก็จะสูงขึ้น!”

 

“มั่นใจได้เลย ครั้งนี้ลุงสองได้เจอคู่หมั้นที่มีความสามารถระดับท็อปที่เหมาะกับหนู!”

 

แววตาของเมิ่งเยวโกรธเคือง

 

“คู่หมั้นอะไร? คู่หมั้นของหนูมาจากไหนอีก?!”

 

เวินเหรินจึงเล่ยหัวเราะ

 

“ลุงได้ให้สัญญากับพ่อหนุ่ม คุณชายจากตระกูลจ้าวแล้ว เขาคือจําวหมิงหยู!”

 

“เมิ่งเยว่ ตอนนี้เธอดังมาก!”

 

“ถ้ารู้ว่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ ลุงสองจะไม่ห้ามเธอพัฒนาอาชีพการแสดงเลย!”

 

“ตระกูลจ้าวไม่ใช่ตระกูลธรรมดาๆ พวกเขามีประวัติยาวนานทั้งทางด้านธุรกิจและเป็นพันธมิตรกับพวกจอมยุทธ์!”

 

“ถ้าหนูอยากจะเป็นที่นิยมเร็วๆนี้ นายน้อยจากตระกูลจ้าว ไม่แน่เขาอาจจะพอใจหนูก็ได้!”

 

ปัง!

 

เมิงเยวใช้มือของเธอตบโต๊ะ เธอจ้องไปยังเวินเหวินจึงเลยด้วยความโกรธและตะโกนด้วยเสียงหุ้มว่า

 

“ไร้ยางอาย!”

 

“หนูจะไม่ไปพบจ้าวหมิงหยูคนนี้ หรอแม้แต่แต่งงานกับเขา ยอมแพ้ซะเถอะ!”

 

เวินเหรินจิงเลยยิ้มเยาะออกมาทันที

 

“หี หี เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป! เธอคิดว่าจําวหมิงหยูคือใครกันหละ?”

 

“อย่าคิดแม้แต่จะหนีเลย ลุงได้บอกจ้าวหมิงหยไปแล้วว่าเธอต้องไปเจอเขาคืนนี้!”

 

“สารเลว!”

 

เวินเมิ่งยืนขึ้นทันที ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย เธอตะโกนออกไปอย่างเยือกเย็นว่า

“หนูอยากเจอลุง! ไม่ได้คิดแม้แต่เรื่องใช้ประโยชน์จากหนู!”

 

หลังจากเวินเมิ่งเยว่พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

 

เวินเหรินจิงเลยยังคงนั่งที่เก้าอี้ มองเธอจากไป เขายิ้มเยาะ

 

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ!”

 

สายตาของเมิ่งเยว่เต็มไปด้วยความผิดหวังและกังวล เธอแอบเสียใจกับการกลับมาของเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ต้องมาเผชิญกับปัญหาเหล่านี้

 

“ฉันต้องรีบหนีไปทันที โชคไม่ดีที่ฉันไม่สามารถกลับไปพบเขาได้อีก!”

 

เวินเมิ่งแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เธอรีบฉวยโอกาสที่ดีในการออกจากเมืองนี้ มิเช่นนั้น ใครจะไปรู้ว่าคนอย่างลุง สองจะเล่นอุบายแบบไหนกับเธอขึ้นมาอีก!

 

เสี้ยว!

 

พนักงานที่กําลังเข็นรถเข็นอาหารเข็นผ่านเวินเมิ่ง

 

“กลิ่นที่คุ้นเคยนี่มันอะไร?”

 

เสียงฝีท้าของเวินเมิ่งหยุดชะงัก สิ่งที่คุ้นเคย กลิ่นอันหอมหวานเข้ามาในความคิดของเธอ

 

“กลิ่นนี้..”

 

เวินเมิ่งหันหลังทันทีและมองพนักงานเข็นรถอาหารเข็นผ่านไป ดวงตาของเธอสว่างไสว

 

“นั่นคุณหรอ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+