A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2046 พบเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีอีกครา

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2046 พบเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีอีกครา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าเจดีย์หมื่นทาสจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และในระดับสูงก็ไม่ขาดแคลนอาวุโสระดับจอมมาร  แต่กลับไม่มีผู้ที่ทรงพลังถึงขั้นนี้ในเมืองฮ่วนเย่ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกหดหู่ในใจ แต่มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองกลับไม่ต้องการล่วงเกินหานลี่ผู้ไม่ทราบที่มาแน่นอน ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ จอมมารผู้ไม่รู้ว่ารากเหง้าที่แท้จริงเป็นมาอย่างไรนั้น กลับทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากกว่าบรรพชนของสี่ตระกูลใหญ่เสียอีก “รายงานผู้คุมกฎทั้งสอง ทาสหญิงเมื่อครู่เป็นทาสที่ตระกูลจ้าวจับจองเอาไว้ หากถูกพรากไปเช่นนี้ ข้ากลัวว่าจะอธิบายให้ตระกูลจ้าวฟังไม่ได้” หลังจากที่หานลี่จากไป ชายชราในชุดผ้าแพรก็รีบบอกกับมารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสอง “เป็นทาสสาวที่จ้าวเหวินห่าวต้องการหรือ ตระกูลจ้าวไม่อาจปล่อยไปโดยง่ายจริงๆ เจ้าได้รับเงินมัดจำของเขามาหรือยัง” ชายชราเขาเดี่ยวถาม พร้อมทั้งขมวดคิ้ว “ไม่ขอรับ แต่จ้าวเหวินห่าวมาที่เจดีย์แห่งนี้ด้วยตนเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และเสนอซื้อสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ระดับหลอมรวมขึ้นไป ทั้งยังแสดงความเต็มใจที่จะจ่ายด้วยศิลามารจำนวนมากสำหรับสิ่งนี้ เรื่องการจับจองทาสที่เหมาะสมในเจดีย์นี้ไม่เคยมีมาก่อน” ชายชราในชุดผ้าแพรรีบอธิบาย “ไม่เคยมีมาก่อนก็คือไม่มี! ในเมื่อไม่มีเงินมัดจำ จึงไม่จำเป็นต้องขายสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ให้ตระกูลจ้าว ถ้าเขาต้องการให้ได้ เราก็แค่เสียเวลาในการหาทาสหญิงที่ตรงตามเงื่อนไขให้เขานานออกไปอีกหน่อยเท่านั้น” อาวุโสระดับหลอมสุญตาอีกคน พูดพลางลูบเคราของเขา “ถูกต้อง ในเมื่อตระกูลจ้าวอยู่ในความดูแลของเจ้า เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยว่าจะให้จบลงอย่างไร อย่าปล่อยให้ตระกูลจ้าวไม่พอใจกับเจดีย์เรา และยิ่งไปกว่านั้นอย่าทำให้อาวุโสหานโกรธเคือง เอาล่ะ พวกเราสองคนจะกลับไปเข้าฌานต่อ งานในเจดีย์ก็ส่งต่อให้พวกเจ้าสองคนต่อไป” ชายชราเขาเดี่ยวพยักหน้ากล่าว แล้วเรียกสหายของเขาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในเขตอาคมส่งตัว “น้อมรับคำสั่งผู้คุมกฎทั้งสอง!” เมื่อชายชราในชุดผ้าแพรได้ยิน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก แต่ชายวัยกลางคนกลับแอบยินดี และทั้งคู่ก็โค้งคำนับพร้อมๆ กันเพื่อแสดงแสดงความเคารพ “ใช่แล้ว หากอาวุโสหานกลับมาที่เจดีย์นี้อีก พวกเจ้าต้องแจ้งให้ข้าทราบทันที ข้าสองคนจะมารับอาวุโสหานผู้นี้ด้วยตนเอง ประเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าเจดีย์นี้ดูแลไม่ทั่วถึง” เมื่อชายชราเขาเดี่ยวกำลังจะใช้งานเขตอาคมส่งตัว เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และออกคำสั่ง “รับทราบขอรับ!” หลงจู๊เจดีย์หมื่นทาสสองคนก้มหัวลงอีกครั้งและตอบรับ แสงสีขาววาบประกาย มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองก็หายไปในเขตอาคมพร้อมกัน “ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พี่หวงต้องหนักใจแล้ว แต่เท่าที่ข้ารู้ พี่หวงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจ้าวเสมอ ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนและหัวเราะเยาะชายชราในชุดผ้าแพร จากนั้นเขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเขตอาคม และออกไปทันที ชายชราในชุดผ้าแพรมีใบหน้าโกรธเกรี้ยว หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็กระทืบเท้าและพึมพำกับตัวเอง “ช่างซวยนัก! ตอนคุมตัวสตรีนางนั้นมา ดันมีตัวประหลาดเฒ่าเข้ามาสอดมือ เช่นนี้ วิธีเดียวที่จะอธิบายกับตระกูลจ้าวได้คือการหาทาสหญิงอีกคน แต่การจะหาสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่ตรงตามเงื่อนไขของเขานั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย” …… ในเวลานี้ หานลี่นั่งอยู่บนรถเทียมอสูรขนาดเล็กกับหญิงสาวในชุดสีเหลือง และหลังจากคนขับรถเทียมอสูรกระตุ้นอสูรมาร รถเทียมอสูรก็เดินไปบนถนน หานลี่นั่งอยู่กลางรถเทียมอสูร ดวงตาปิดสนิทเพื่อทำสมาธิ หญิงสาวในชุดสีเหลืองขดตัวและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง มองดูหานลี่ด้วยดวงตาหวาดกลัว ฉากที่หญิงสาวเห็นที่เจดีย์หมื่นทาส นางก็รู้ว่าหานลี่คือตัวตนระดับจอมมาร แต่หานลี่นั้นดูอ่อนเยาว์และธรรมดามาก นี่ทำให้นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวตนระดับผสานอินทรีย์นั้นเป็นเพียงการดำรงอยู่ที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้ตกมาอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าเช่นนี้ ความคิดในการหลบหนีที่นางยังมีอยู่เพียงเล็กน้อยพลันหายไปในพริบตา หญิงสาวในชุดสีเหลืองหวาดกลัวและสิ้นหวัง นางไม่รู้จริงๆ ว่าชะตากรรมอันน่าสยดสยองที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร แม้ว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาในการอ่านใจของหญิงสาวโดยตรง แต่เขาก็ยังเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แม้ดูเหมือนว่าเขาจะสงบนิ่งมาก ทว่าอันที่จริงหัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับพายุเข้า ใบหน้าที่มีทั้งสุขทุกข์โกรธเศร้าของหญิงสาวชุดขาวพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างต่อเนื่อง ภาพเหล่านี้บางภาพพร่ามัว ขณะที่บางภาพชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้จะมีสภาพจิตใจของผู้บำเพ็ญเพียรอายุนับพันปี แต่เขากลับไม่สามารถสงบนิ่งลงได้เลย เห็นได้ชัดว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาเพื่อปัดเป่าภาพหญิงสาวในจิตใจของเขาออกไป แต่กลับค่อยๆ ลิ้มรสความเจ็บปวดซึ่งสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ในที่สุดรถเทียมอสูรก็หยุดลง และจากนั้นเสียงของคนขับก็ดังมาออกมา “ผู้อาวุโส ถึงที่ที่ท่านต้องการจะมาแล้ว ท่านจะลงตอนนี้เลยหรือไม่!” “ในเมื่อถึงแล้ว ข้าย่อมต้องลง” หานลี่แอบหายใจเข้าลึกๆ และระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจเขา แล้วจึงตอบกลับไป จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากรถเทียมอสูรโดยไม่รีบร้อน แม้ว่าหญิงสาวในชุดเหลืองจะเห็นว่าหานลี่ไม่ได้เรียกนาง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยังคงกัดฟันเดินตามต่อไป ผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดมากเช่นกัน รู้ฐานะและสถานการณ์ของตนเองดี จึงประพฤติตนอย่างว่าง่าย มิฉะนั้น ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของอีกฝ่าย คงมีวิธีทำให้ตัวเองอยู่รอดแต่ไม่ตาย! หลังจากที่หานลี่ยกมือขึ้นให้ศิลามารกับคนขับ ก็เหลือบมองไปข้างหน้าทีหนึ่ง ท่าทางพอใจปรากฏบนใบหน้าเขา สิ่งที่เขาเห็นอยู่ขณะนั้นคือกำแพงภูเขาสูงกว่าพันจั้ง มีอาคารจำนวนมากคล้ายกับห้องใต้หลังคาและถ้ำที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขาทีละหลังทั่วทั้งกำแพงภูเขา ที่ด้านหน้ากำแพงภูเขา มีซุ้มประตูขนาดใหญ่สูงหลายสิบจั้ง โดยมีตัวอักษรเงินขนาดใหญ่เขียนว่า ‘เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ด้านบน ด้านล่างซุ้มประตู มีโต๊ะไม้สีดำตัวหนึ่ง ด้านหลังมีมารชราผมหงอกเอนกายอยู่ ดูเหมือนจะอายุไม่น้อย กำลังนอนหลับสบาย มีเด็กผู้ชายหลายคนที่แต่งกายเหมือนเด็กรับใช้ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกมารชรา หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปยังมารชรา แววตาของเขาก็เย็นเยียบลงเล็กน้อย วินาทีถัดมา มารชราที่นอนอยู่บนโต๊ะก็กระโดดขึ้นและรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ทราบว่าสหายคนท่านใดมาเยือนที่เรือนแห่งนี้ ข้าไม่สามารถต้อนรับเจ้าจากระยะไกลได้ หวังว่าจะยกโทษให้ข้า” ทันทีที่มารชราพูดจบ ก็เห็นหานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองอยู่ไม่ไกล พลันได้สติในทันที แล้วทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า …… หลังเวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองปรากฏตัวในห้องใต้หลังคาที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขา ห้องใต้หลังคานี้สร้างขึ้นกลางอากาศ ครึ่งหนึ่งลึกลงไปในกำแพงหิน และอีกครึ่งหนึ่งยื่นออกไปนอกกำแพง ติดตั้งเขตอาคมต้องห้ามเอาไว้ เมื่อเปิดออกตัวห้องสามารถตัดขาดจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการรบกวนใดๆ มันคือสถานที่โปรดปรานของตัวตนระดับสูงผู้ต้องการอยู่ลำพัง เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เดิมทีก็เป็นสถานที่พำนักให้กับมารระดับสูง! อย่างไรก็ตาม ค่าเช่าที่นี่แพงกว่าที่อื่นอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีมารระดับสูงไม่มากนักที่อาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ ก่อนหน้านี้ หานลี่ไม่ได้พาหญิงสาวไปไล่สำรวจอาคารเหล่านี้ทีละชั้นๆ เพียงแค่ใช้จิตสัมผัสในการสำรวจ เขาก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับห้องใต้หลังคาและโครงสร้างของชั้นต่างๆ จากนั้นจึงส่งมอบศิลามารให้กับมารชราด้วยความพึงพอใจ และเช่าที่แห่งนี้ชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี ตอนนี้หานลี่ได้เปิดใช้งานเขตอาคมต้องห้ามทั้งหมดบนห้องใต้หลังคาแล้ว และพาหญิงสาวไปที่ชั้นบนสุด จากนั้นก็นั่งบนฟูกอย่างสงบ และผายมือให้หญิงสาวนั่งฝั่งตรงข้าม แม้ว่าหญิงสาวในชุดสีเหลืองจะกังวลอย่างมาก แต่นางก็ไม่กล้าต่อต้าน ในขณะนี้ หานลี่สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขา และธงเขอาคมหลายสิบอันก็พุ่งออกไปทุกทิศทาง และหายไปในความว่างเปล่า วินาทีถัดมา ม่านแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ครอบคลุมห้องใต้หลังคาทั้งหมด เวลานี้ หานลี่ถึงได้สางใจ และเมื่อส่งยิ้มให้กับหญิงสาวแล้ว พลันโบกฝ่ามือไปทางร่างของนาง เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น พลังยุทธ์ทรงพลังมหาศาลพลันพุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้พลังภายในร่างของหญิงสาวปั่นป่วน อักขระอาคมที่ปรากฏบนผิวหนังของหญิงสาวในชุดสีเหลืองกลายเป็นไอปราณสีดำและสลายหายไปในทันที หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายของตนสั่นคลอนชั่วขณะหนึ่ง และพลังยุทธ์ที่ถูกจำกัดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในเส้นลมปราณทั้งหมด นี่ทำให้นางรู้สึกปีติยินดี อดไม่ได้ที่จะพูดตะกุกตะกัก “ผู้อาวุโส ท่าน นี่คือ…” “เจ้าชื่ออะไร” หานลี่ไม่ได้คิดจะตอบคำถามเลย แต่เขากลับถามและส่งยิ้มให้กับหญิงสาว “ข้าชื่อจูกั่วเอ๋อร์!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตอบเขา “เมื่อดูจากปราณมารที่แปดเปื้อนแล้ว เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ เจ้าเข้ามายังแดนนี้ด้วยตนเอง หรือมีถูกคนจับมาจากแดนวิญญาณ” หานลี่ยังคงถามอย่างต่อเนื่อง “ข้าเข้ามาด้วยตนเอง!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองพึมพำ “เข้ามาด้วยตนเอง! เข้ามาได้อย่างไร ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้า ย่อมไม่สามารถกรีดผ่ามิติได้ หรือตอนเจ้าเข้ามา มาพร้อมกับสหายคนอื่นๆ” คำตอบนี้ค่อนข้างคาดไม่ถึงสำหรับหานลี่ เขาหรี่ตาและถามอีกครั้งอย่างเรียบเฉย “ไม่มี ข้าท่องแดนมารเพียงลำพัง!” “เพียงลำพังรึ นับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง ถ้าเช่นนั้นผู้ใดสอนเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีให้กับเจ้า” การแสดงออกของหานลี่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทันใดนั้นเขาก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิด “ท่านรู้เคล็ดวิชาที่ข้าฝึกด้วยหรือ วิชานี้ท่านแม่ของข้าเป็นผู้สอน!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ จากนางก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา ถึงอย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังจริงๆ “แม่ของเจ้าคือใคร และได้เคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีมาได้อย่างไร” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไป และถามอีกครั้งด้วยความเคร่งขรึม “นี่…” สีหน้าของหญิงสาวในชุดสีเหลืองเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมีสีหน้าลังเลใจ

แม้ว่าเจดีย์หมื่นทาสจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และในระดับสูงก็ไม่ขาดแคลนอาวุโสระดับจอมมาร  แต่กลับไม่มีผู้ที่ทรงพลังถึงขั้นนี้ในเมืองฮ่วนเย่

ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกหดหู่ในใจ แต่มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองกลับไม่ต้องการล่วงเกินหานลี่ผู้ไม่ทราบที่มาแน่นอน

ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ จอมมารผู้ไม่รู้ว่ารากเหง้าที่แท้จริงเป็นมาอย่างไรนั้น กลับทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากกว่าบรรพชนของสี่ตระกูลใหญ่เสียอีก

“รายงานผู้คุมกฎทั้งสอง ทาสหญิงเมื่อครู่เป็นทาสที่ตระกูลจ้าวจับจองเอาไว้ หากถูกพรากไปเช่นนี้ ข้ากลัวว่าจะอธิบายให้ตระกูลจ้าวฟังไม่ได้” หลังจากที่หานลี่จากไป ชายชราในชุดผ้าแพรก็รีบบอกกับมารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสอง

“เป็นทาสสาวที่จ้าวเหวินห่าวต้องการหรือ ตระกูลจ้าวไม่อาจปล่อยไปโดยง่ายจริงๆ เจ้าได้รับเงินมัดจำของเขามาหรือยัง” ชายชราเขาเดี่ยวถาม พร้อมทั้งขมวดคิ้ว

“ไม่ขอรับ แต่จ้าวเหวินห่าวมาที่เจดีย์แห่งนี้ด้วยตนเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และเสนอซื้อสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ระดับหลอมรวมขึ้นไป ทั้งยังแสดงความเต็มใจที่จะจ่ายด้วยศิลามารจำนวนมากสำหรับสิ่งนี้ เรื่องการจับจองทาสที่เหมาะสมในเจดีย์นี้ไม่เคยมีมาก่อน” ชายชราในชุดผ้าแพรรีบอธิบาย

“ไม่เคยมีมาก่อนก็คือไม่มี! ในเมื่อไม่มีเงินมัดจำ จึงไม่จำเป็นต้องขายสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ให้ตระกูลจ้าว ถ้าเขาต้องการให้ได้ เราก็แค่เสียเวลาในการหาทาสหญิงที่ตรงตามเงื่อนไขให้เขานานออกไปอีกหน่อยเท่านั้น” อาวุโสระดับหลอมสุญตาอีกคน พูดพลางลูบเคราของเขา

“ถูกต้อง ในเมื่อตระกูลจ้าวอยู่ในความดูแลของเจ้า เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยว่าจะให้จบลงอย่างไร อย่าปล่อยให้ตระกูลจ้าวไม่พอใจกับเจดีย์เรา และยิ่งไปกว่านั้นอย่าทำให้อาวุโสหานโกรธเคือง เอาล่ะ พวกเราสองคนจะกลับไปเข้าฌานต่อ งานในเจดีย์ก็ส่งต่อให้พวกเจ้าสองคนต่อไป” ชายชราเขาเดี่ยวพยักหน้ากล่าว แล้วเรียกสหายของเขาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในเขตอาคมส่งตัว

“น้อมรับคำสั่งผู้คุมกฎทั้งสอง!”

เมื่อชายชราในชุดผ้าแพรได้ยิน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก แต่ชายวัยกลางคนกลับแอบยินดี และทั้งคู่ก็โค้งคำนับพร้อมๆ กันเพื่อแสดงแสดงความเคารพ

“ใช่แล้ว หากอาวุโสหานกลับมาที่เจดีย์นี้อีก พวกเจ้าต้องแจ้งให้ข้าทราบทันที ข้าสองคนจะมารับอาวุโสหานผู้นี้ด้วยตนเอง ประเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าเจดีย์นี้ดูแลไม่ทั่วถึง” เมื่อชายชราเขาเดี่ยวกำลังจะใช้งานเขตอาคมส่งตัว เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และออกคำสั่ง

“รับทราบขอรับ!”

หลงจู๊เจดีย์หมื่นทาสสองคนก้มหัวลงอีกครั้งและตอบรับ

แสงสีขาววาบประกาย มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองก็หายไปในเขตอาคมพร้อมกัน

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พี่หวงต้องหนักใจแล้ว แต่เท่าที่ข้ารู้ พี่หวงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจ้าวเสมอ ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม”

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนและหัวเราะเยาะชายชราในชุดผ้าแพร จากนั้นเขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเขตอาคม และออกไปทันที

ชายชราในชุดผ้าแพรมีใบหน้าโกรธเกรี้ยว หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็กระทืบเท้าและพึมพำกับตัวเอง “ช่างซวยนัก! ตอนคุมตัวสตรีนางนั้นมา ดันมีตัวประหลาดเฒ่าเข้ามาสอดมือ เช่นนี้ วิธีเดียวที่จะอธิบายกับตระกูลจ้าวได้คือการหาทาสหญิงอีกคน แต่การจะหาสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่ตรงตามเงื่อนไขของเขานั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย”

……

ในเวลานี้ หานลี่นั่งอยู่บนรถเทียมอสูรขนาดเล็กกับหญิงสาวในชุดสีเหลือง และหลังจากคนขับรถเทียมอสูรกระตุ้นอสูรมาร รถเทียมอสูรก็เดินไปบนถนน

หานลี่นั่งอยู่กลางรถเทียมอสูร ดวงตาปิดสนิทเพื่อทำสมาธิ

หญิงสาวในชุดสีเหลืองขดตัวและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง มองดูหานลี่ด้วยดวงตาหวาดกลัว

ฉากที่หญิงสาวเห็นที่เจดีย์หมื่นทาส นางก็รู้ว่าหานลี่คือตัวตนระดับจอมมาร แต่หานลี่นั้นดูอ่อนเยาว์และธรรมดามาก นี่ทำให้นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวตนระดับผสานอินทรีย์นั้นเป็นเพียงการดำรงอยู่ที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้ตกมาอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าเช่นนี้ ความคิดในการหลบหนีที่นางยังมีอยู่เพียงเล็กน้อยพลันหายไปในพริบตา

หญิงสาวในชุดสีเหลืองหวาดกลัวและสิ้นหวัง นางไม่รู้จริงๆ ว่าชะตากรรมอันน่าสยดสยองที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร

แม้ว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาในการอ่านใจของหญิงสาวโดยตรง แต่เขาก็ยังเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

แม้ดูเหมือนว่าเขาจะสงบนิ่งมาก ทว่าอันที่จริงหัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับพายุเข้า ใบหน้าที่มีทั้งสุขทุกข์โกรธเศร้าของหญิงสาวชุดขาวพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างต่อเนื่อง

ภาพเหล่านี้บางภาพพร่ามัว ขณะที่บางภาพชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้จะมีสภาพจิตใจของผู้บำเพ็ญเพียรอายุนับพันปี แต่เขากลับไม่สามารถสงบนิ่งลงได้เลย

เห็นได้ชัดว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาเพื่อปัดเป่าภาพหญิงสาวในจิตใจของเขาออกไป แต่กลับค่อยๆ ลิ้มรสความเจ็บปวดซึ่งสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ในที่สุดรถเทียมอสูรก็หยุดลง และจากนั้นเสียงของคนขับก็ดังมาออกมา “ผู้อาวุโส ถึงที่ที่ท่านต้องการจะมาแล้ว ท่านจะลงตอนนี้เลยหรือไม่!”

“ในเมื่อถึงแล้ว ข้าย่อมต้องลง”

หานลี่แอบหายใจเข้าลึกๆ และระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจเขา แล้วจึงตอบกลับไป

จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากรถเทียมอสูรโดยไม่รีบร้อน

แม้ว่าหญิงสาวในชุดเหลืองจะเห็นว่าหานลี่ไม่ได้เรียกนาง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยังคงกัดฟันเดินตามต่อไป

ผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดมากเช่นกัน รู้ฐานะและสถานการณ์ของตนเองดี จึงประพฤติตนอย่างว่าง่าย มิฉะนั้น ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของอีกฝ่าย คงมีวิธีทำให้ตัวเองอยู่รอดแต่ไม่ตาย!

หลังจากที่หานลี่ยกมือขึ้นให้ศิลามารกับคนขับ ก็เหลือบมองไปข้างหน้าทีหนึ่ง ท่าทางพอใจปรากฏบนใบหน้าเขา

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ขณะนั้นคือกำแพงภูเขาสูงกว่าพันจั้ง

มีอาคารจำนวนมากคล้ายกับห้องใต้หลังคาและถ้ำที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขาทีละหลังทั่วทั้งกำแพงภูเขา

ที่ด้านหน้ากำแพงภูเขา มีซุ้มประตูขนาดใหญ่สูงหลายสิบจั้ง โดยมีตัวอักษรเงินขนาดใหญ่เขียนว่า ‘เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ด้านบน

ด้านล่างซุ้มประตู มีโต๊ะไม้สีดำตัวหนึ่ง ด้านหลังมีมารชราผมหงอกเอนกายอยู่ ดูเหมือนจะอายุไม่น้อย กำลังนอนหลับสบาย มีเด็กผู้ชายหลายคนที่แต่งกายเหมือนเด็กรับใช้ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกมารชรา

หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปยังมารชรา แววตาของเขาก็เย็นเยียบลงเล็กน้อย

วินาทีถัดมา มารชราที่นอนอยู่บนโต๊ะก็กระโดดขึ้นและรีบตะโกนเสียงดัง

“ไม่ทราบว่าสหายคนท่านใดมาเยือนที่เรือนแห่งนี้ ข้าไม่สามารถต้อนรับเจ้าจากระยะไกลได้ หวังว่าจะยกโทษให้ข้า”

ทันทีที่มารชราพูดจบ ก็เห็นหานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองอยู่ไม่ไกล พลันได้สติในทันที แล้วทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

……

หลังเวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองปรากฏตัวในห้องใต้หลังคาที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขา

ห้องใต้หลังคานี้สร้างขึ้นกลางอากาศ ครึ่งหนึ่งลึกลงไปในกำแพงหิน และอีกครึ่งหนึ่งยื่นออกไปนอกกำแพง ติดตั้งเขตอาคมต้องห้ามเอาไว้ เมื่อเปิดออกตัวห้องสามารถตัดขาดจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการรบกวนใดๆ

มันคือสถานที่โปรดปรานของตัวตนระดับสูงผู้ต้องการอยู่ลำพัง

เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เดิมทีก็เป็นสถานที่พำนักให้กับมารระดับสูง! อย่างไรก็ตาม ค่าเช่าที่นี่แพงกว่าที่อื่นอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีมารระดับสูงไม่มากนักที่อาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ

ก่อนหน้านี้ หานลี่ไม่ได้พาหญิงสาวไปไล่สำรวจอาคารเหล่านี้ทีละชั้นๆ เพียงแค่ใช้จิตสัมผัสในการสำรวจ เขาก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับห้องใต้หลังคาและโครงสร้างของชั้นต่างๆ จากนั้นจึงส่งมอบศิลามารให้กับมารชราด้วยความพึงพอใจ และเช่าที่แห่งนี้ชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี

ตอนนี้หานลี่ได้เปิดใช้งานเขตอาคมต้องห้ามทั้งหมดบนห้องใต้หลังคาแล้ว และพาหญิงสาวไปที่ชั้นบนสุด จากนั้นก็นั่งบนฟูกอย่างสงบ และผายมือให้หญิงสาวนั่งฝั่งตรงข้าม

แม้ว่าหญิงสาวในชุดสีเหลืองจะกังวลอย่างมาก แต่นางก็ไม่กล้าต่อต้าน

ในขณะนี้ หานลี่สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขา และธงเขอาคมหลายสิบอันก็พุ่งออกไปทุกทิศทาง และหายไปในความว่างเปล่า

วินาทีถัดมา ม่านแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ครอบคลุมห้องใต้หลังคาทั้งหมด

เวลานี้ หานลี่ถึงได้สางใจ และเมื่อส่งยิ้มให้กับหญิงสาวแล้ว พลันโบกฝ่ามือไปทางร่างของนาง

เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น พลังยุทธ์ทรงพลังมหาศาลพลันพุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้พลังภายในร่างของหญิงสาวปั่นป่วน

อักขระอาคมที่ปรากฏบนผิวหนังของหญิงสาวในชุดสีเหลืองกลายเป็นไอปราณสีดำและสลายหายไปในทันที

หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายของตนสั่นคลอนชั่วขณะหนึ่ง และพลังยุทธ์ที่ถูกจำกัดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในเส้นลมปราณทั้งหมด นี่ทำให้นางรู้สึกปีติยินดี อดไม่ได้ที่จะพูดตะกุกตะกัก

“ผู้อาวุโส ท่าน นี่คือ…”

“เจ้าชื่ออะไร” หานลี่ไม่ได้คิดจะตอบคำถามเลย แต่เขากลับถามและส่งยิ้มให้กับหญิงสาว

“ข้าชื่อจูกั่วเอ๋อร์!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตอบเขา

“เมื่อดูจากปราณมารที่แปดเปื้อนแล้ว เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ เจ้าเข้ามายังแดนนี้ด้วยตนเอง หรือมีถูกคนจับมาจากแดนวิญญาณ” หานลี่ยังคงถามอย่างต่อเนื่อง

“ข้าเข้ามาด้วยตนเอง!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองพึมพำ

“เข้ามาด้วยตนเอง! เข้ามาได้อย่างไร ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้า ย่อมไม่สามารถกรีดผ่ามิติได้ หรือตอนเจ้าเข้ามา มาพร้อมกับสหายคนอื่นๆ” คำตอบนี้ค่อนข้างคาดไม่ถึงสำหรับหานลี่ เขาหรี่ตาและถามอีกครั้งอย่างเรียบเฉย

“ไม่มี ข้าท่องแดนมารเพียงลำพัง!”

“เพียงลำพังรึ นับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง ถ้าเช่นนั้นผู้ใดสอนเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีให้กับเจ้า” การแสดงออกของหานลี่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทันใดนั้นเขาก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิด

“ท่านรู้เคล็ดวิชาที่ข้าฝึกด้วยหรือ วิชานี้ท่านแม่ของข้าเป็นผู้สอน!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ จากนางก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา

ถึงอย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังจริงๆ

“แม่ของเจ้าคือใคร และได้เคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีมาได้อย่างไร” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไป และถามอีกครั้งด้วยความเคร่งขรึม

“นี่…” สีหน้าของหญิงสาวในชุดสีเหลืองเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมีสีหน้าลังเลใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2046 พบเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีอีกครา

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2046 พบเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีอีกครา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าเจดีย์หมื่นทาสจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และในระดับสูงก็ไม่ขาดแคลนอาวุโสระดับจอมมาร  แต่กลับไม่มีผู้ที่ทรงพลังถึงขั้นนี้ในเมืองฮ่วนเย่ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกหดหู่ในใจ แต่มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองกลับไม่ต้องการล่วงเกินหานลี่ผู้ไม่ทราบที่มาแน่นอน ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ จอมมารผู้ไม่รู้ว่ารากเหง้าที่แท้จริงเป็นมาอย่างไรนั้น กลับทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากกว่าบรรพชนของสี่ตระกูลใหญ่เสียอีก “รายงานผู้คุมกฎทั้งสอง ทาสหญิงเมื่อครู่เป็นทาสที่ตระกูลจ้าวจับจองเอาไว้ หากถูกพรากไปเช่นนี้ ข้ากลัวว่าจะอธิบายให้ตระกูลจ้าวฟังไม่ได้” หลังจากที่หานลี่จากไป ชายชราในชุดผ้าแพรก็รีบบอกกับมารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสอง “เป็นทาสสาวที่จ้าวเหวินห่าวต้องการหรือ ตระกูลจ้าวไม่อาจปล่อยไปโดยง่ายจริงๆ เจ้าได้รับเงินมัดจำของเขามาหรือยัง” ชายชราเขาเดี่ยวถาม พร้อมทั้งขมวดคิ้ว “ไม่ขอรับ แต่จ้าวเหวินห่าวมาที่เจดีย์แห่งนี้ด้วยตนเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และเสนอซื้อสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ระดับหลอมรวมขึ้นไป ทั้งยังแสดงความเต็มใจที่จะจ่ายด้วยศิลามารจำนวนมากสำหรับสิ่งนี้ เรื่องการจับจองทาสที่เหมาะสมในเจดีย์นี้ไม่เคยมีมาก่อน” ชายชราในชุดผ้าแพรรีบอธิบาย “ไม่เคยมีมาก่อนก็คือไม่มี! ในเมื่อไม่มีเงินมัดจำ จึงไม่จำเป็นต้องขายสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ให้ตระกูลจ้าว ถ้าเขาต้องการให้ได้ เราก็แค่เสียเวลาในการหาทาสหญิงที่ตรงตามเงื่อนไขให้เขานานออกไปอีกหน่อยเท่านั้น” อาวุโสระดับหลอมสุญตาอีกคน พูดพลางลูบเคราของเขา “ถูกต้อง ในเมื่อตระกูลจ้าวอยู่ในความดูแลของเจ้า เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยว่าจะให้จบลงอย่างไร อย่าปล่อยให้ตระกูลจ้าวไม่พอใจกับเจดีย์เรา และยิ่งไปกว่านั้นอย่าทำให้อาวุโสหานโกรธเคือง เอาล่ะ พวกเราสองคนจะกลับไปเข้าฌานต่อ งานในเจดีย์ก็ส่งต่อให้พวกเจ้าสองคนต่อไป” ชายชราเขาเดี่ยวพยักหน้ากล่าว แล้วเรียกสหายของเขาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในเขตอาคมส่งตัว “น้อมรับคำสั่งผู้คุมกฎทั้งสอง!” เมื่อชายชราในชุดผ้าแพรได้ยิน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก แต่ชายวัยกลางคนกลับแอบยินดี และทั้งคู่ก็โค้งคำนับพร้อมๆ กันเพื่อแสดงแสดงความเคารพ “ใช่แล้ว หากอาวุโสหานกลับมาที่เจดีย์นี้อีก พวกเจ้าต้องแจ้งให้ข้าทราบทันที ข้าสองคนจะมารับอาวุโสหานผู้นี้ด้วยตนเอง ประเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าเจดีย์นี้ดูแลไม่ทั่วถึง” เมื่อชายชราเขาเดี่ยวกำลังจะใช้งานเขตอาคมส่งตัว เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และออกคำสั่ง “รับทราบขอรับ!” หลงจู๊เจดีย์หมื่นทาสสองคนก้มหัวลงอีกครั้งและตอบรับ แสงสีขาววาบประกาย มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองก็หายไปในเขตอาคมพร้อมกัน “ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พี่หวงต้องหนักใจแล้ว แต่เท่าที่ข้ารู้ พี่หวงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจ้าวเสมอ ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนและหัวเราะเยาะชายชราในชุดผ้าแพร จากนั้นเขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเขตอาคม และออกไปทันที ชายชราในชุดผ้าแพรมีใบหน้าโกรธเกรี้ยว หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็กระทืบเท้าและพึมพำกับตัวเอง “ช่างซวยนัก! ตอนคุมตัวสตรีนางนั้นมา ดันมีตัวประหลาดเฒ่าเข้ามาสอดมือ เช่นนี้ วิธีเดียวที่จะอธิบายกับตระกูลจ้าวได้คือการหาทาสหญิงอีกคน แต่การจะหาสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่ตรงตามเงื่อนไขของเขานั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย” …… ในเวลานี้ หานลี่นั่งอยู่บนรถเทียมอสูรขนาดเล็กกับหญิงสาวในชุดสีเหลือง และหลังจากคนขับรถเทียมอสูรกระตุ้นอสูรมาร รถเทียมอสูรก็เดินไปบนถนน หานลี่นั่งอยู่กลางรถเทียมอสูร ดวงตาปิดสนิทเพื่อทำสมาธิ หญิงสาวในชุดสีเหลืองขดตัวและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง มองดูหานลี่ด้วยดวงตาหวาดกลัว ฉากที่หญิงสาวเห็นที่เจดีย์หมื่นทาส นางก็รู้ว่าหานลี่คือตัวตนระดับจอมมาร แต่หานลี่นั้นดูอ่อนเยาว์และธรรมดามาก นี่ทำให้นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวตนระดับผสานอินทรีย์นั้นเป็นเพียงการดำรงอยู่ที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้ตกมาอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าเช่นนี้ ความคิดในการหลบหนีที่นางยังมีอยู่เพียงเล็กน้อยพลันหายไปในพริบตา หญิงสาวในชุดสีเหลืองหวาดกลัวและสิ้นหวัง นางไม่รู้จริงๆ ว่าชะตากรรมอันน่าสยดสยองที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร แม้ว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาในการอ่านใจของหญิงสาวโดยตรง แต่เขาก็ยังเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แม้ดูเหมือนว่าเขาจะสงบนิ่งมาก ทว่าอันที่จริงหัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับพายุเข้า ใบหน้าที่มีทั้งสุขทุกข์โกรธเศร้าของหญิงสาวชุดขาวพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างต่อเนื่อง ภาพเหล่านี้บางภาพพร่ามัว ขณะที่บางภาพชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้จะมีสภาพจิตใจของผู้บำเพ็ญเพียรอายุนับพันปี แต่เขากลับไม่สามารถสงบนิ่งลงได้เลย เห็นได้ชัดว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาเพื่อปัดเป่าภาพหญิงสาวในจิตใจของเขาออกไป แต่กลับค่อยๆ ลิ้มรสความเจ็บปวดซึ่งสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ในที่สุดรถเทียมอสูรก็หยุดลง และจากนั้นเสียงของคนขับก็ดังมาออกมา “ผู้อาวุโส ถึงที่ที่ท่านต้องการจะมาแล้ว ท่านจะลงตอนนี้เลยหรือไม่!” “ในเมื่อถึงแล้ว ข้าย่อมต้องลง” หานลี่แอบหายใจเข้าลึกๆ และระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจเขา แล้วจึงตอบกลับไป จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากรถเทียมอสูรโดยไม่รีบร้อน แม้ว่าหญิงสาวในชุดเหลืองจะเห็นว่าหานลี่ไม่ได้เรียกนาง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยังคงกัดฟันเดินตามต่อไป ผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดมากเช่นกัน รู้ฐานะและสถานการณ์ของตนเองดี จึงประพฤติตนอย่างว่าง่าย มิฉะนั้น ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของอีกฝ่าย คงมีวิธีทำให้ตัวเองอยู่รอดแต่ไม่ตาย! หลังจากที่หานลี่ยกมือขึ้นให้ศิลามารกับคนขับ ก็เหลือบมองไปข้างหน้าทีหนึ่ง ท่าทางพอใจปรากฏบนใบหน้าเขา สิ่งที่เขาเห็นอยู่ขณะนั้นคือกำแพงภูเขาสูงกว่าพันจั้ง มีอาคารจำนวนมากคล้ายกับห้องใต้หลังคาและถ้ำที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขาทีละหลังทั่วทั้งกำแพงภูเขา ที่ด้านหน้ากำแพงภูเขา มีซุ้มประตูขนาดใหญ่สูงหลายสิบจั้ง โดยมีตัวอักษรเงินขนาดใหญ่เขียนว่า ‘เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ด้านบน ด้านล่างซุ้มประตู มีโต๊ะไม้สีดำตัวหนึ่ง ด้านหลังมีมารชราผมหงอกเอนกายอยู่ ดูเหมือนจะอายุไม่น้อย กำลังนอนหลับสบาย มีเด็กผู้ชายหลายคนที่แต่งกายเหมือนเด็กรับใช้ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกมารชรา หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปยังมารชรา แววตาของเขาก็เย็นเยียบลงเล็กน้อย วินาทีถัดมา มารชราที่นอนอยู่บนโต๊ะก็กระโดดขึ้นและรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ทราบว่าสหายคนท่านใดมาเยือนที่เรือนแห่งนี้ ข้าไม่สามารถต้อนรับเจ้าจากระยะไกลได้ หวังว่าจะยกโทษให้ข้า” ทันทีที่มารชราพูดจบ ก็เห็นหานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองอยู่ไม่ไกล พลันได้สติในทันที แล้วทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า …… หลังเวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองปรากฏตัวในห้องใต้หลังคาที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขา ห้องใต้หลังคานี้สร้างขึ้นกลางอากาศ ครึ่งหนึ่งลึกลงไปในกำแพงหิน และอีกครึ่งหนึ่งยื่นออกไปนอกกำแพง ติดตั้งเขตอาคมต้องห้ามเอาไว้ เมื่อเปิดออกตัวห้องสามารถตัดขาดจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการรบกวนใดๆ มันคือสถานที่โปรดปรานของตัวตนระดับสูงผู้ต้องการอยู่ลำพัง เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เดิมทีก็เป็นสถานที่พำนักให้กับมารระดับสูง! อย่างไรก็ตาม ค่าเช่าที่นี่แพงกว่าที่อื่นอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีมารระดับสูงไม่มากนักที่อาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ ก่อนหน้านี้ หานลี่ไม่ได้พาหญิงสาวไปไล่สำรวจอาคารเหล่านี้ทีละชั้นๆ เพียงแค่ใช้จิตสัมผัสในการสำรวจ เขาก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับห้องใต้หลังคาและโครงสร้างของชั้นต่างๆ จากนั้นจึงส่งมอบศิลามารให้กับมารชราด้วยความพึงพอใจ และเช่าที่แห่งนี้ชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี ตอนนี้หานลี่ได้เปิดใช้งานเขตอาคมต้องห้ามทั้งหมดบนห้องใต้หลังคาแล้ว และพาหญิงสาวไปที่ชั้นบนสุด จากนั้นก็นั่งบนฟูกอย่างสงบ และผายมือให้หญิงสาวนั่งฝั่งตรงข้าม แม้ว่าหญิงสาวในชุดสีเหลืองจะกังวลอย่างมาก แต่นางก็ไม่กล้าต่อต้าน ในขณะนี้ หานลี่สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขา และธงเขอาคมหลายสิบอันก็พุ่งออกไปทุกทิศทาง และหายไปในความว่างเปล่า วินาทีถัดมา ม่านแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ครอบคลุมห้องใต้หลังคาทั้งหมด เวลานี้ หานลี่ถึงได้สางใจ และเมื่อส่งยิ้มให้กับหญิงสาวแล้ว พลันโบกฝ่ามือไปทางร่างของนาง เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น พลังยุทธ์ทรงพลังมหาศาลพลันพุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้พลังภายในร่างของหญิงสาวปั่นป่วน อักขระอาคมที่ปรากฏบนผิวหนังของหญิงสาวในชุดสีเหลืองกลายเป็นไอปราณสีดำและสลายหายไปในทันที หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายของตนสั่นคลอนชั่วขณะหนึ่ง และพลังยุทธ์ที่ถูกจำกัดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในเส้นลมปราณทั้งหมด นี่ทำให้นางรู้สึกปีติยินดี อดไม่ได้ที่จะพูดตะกุกตะกัก “ผู้อาวุโส ท่าน นี่คือ…” “เจ้าชื่ออะไร” หานลี่ไม่ได้คิดจะตอบคำถามเลย แต่เขากลับถามและส่งยิ้มให้กับหญิงสาว “ข้าชื่อจูกั่วเอ๋อร์!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตอบเขา “เมื่อดูจากปราณมารที่แปดเปื้อนแล้ว เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ เจ้าเข้ามายังแดนนี้ด้วยตนเอง หรือมีถูกคนจับมาจากแดนวิญญาณ” หานลี่ยังคงถามอย่างต่อเนื่อง “ข้าเข้ามาด้วยตนเอง!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองพึมพำ “เข้ามาด้วยตนเอง! เข้ามาได้อย่างไร ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้า ย่อมไม่สามารถกรีดผ่ามิติได้ หรือตอนเจ้าเข้ามา มาพร้อมกับสหายคนอื่นๆ” คำตอบนี้ค่อนข้างคาดไม่ถึงสำหรับหานลี่ เขาหรี่ตาและถามอีกครั้งอย่างเรียบเฉย “ไม่มี ข้าท่องแดนมารเพียงลำพัง!” “เพียงลำพังรึ นับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง ถ้าเช่นนั้นผู้ใดสอนเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีให้กับเจ้า” การแสดงออกของหานลี่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทันใดนั้นเขาก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิด “ท่านรู้เคล็ดวิชาที่ข้าฝึกด้วยหรือ วิชานี้ท่านแม่ของข้าเป็นผู้สอน!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ จากนางก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา ถึงอย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังจริงๆ “แม่ของเจ้าคือใคร และได้เคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีมาได้อย่างไร” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไป และถามอีกครั้งด้วยความเคร่งขรึม “นี่…” สีหน้าของหญิงสาวในชุดสีเหลืองเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมีสีหน้าลังเลใจ

แม้ว่าเจดีย์หมื่นทาสจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และในระดับสูงก็ไม่ขาดแคลนอาวุโสระดับจอมมาร  แต่กลับไม่มีผู้ที่ทรงพลังถึงขั้นนี้ในเมืองฮ่วนเย่

ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกหดหู่ในใจ แต่มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองกลับไม่ต้องการล่วงเกินหานลี่ผู้ไม่ทราบที่มาแน่นอน

ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ จอมมารผู้ไม่รู้ว่ารากเหง้าที่แท้จริงเป็นมาอย่างไรนั้น กลับทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากกว่าบรรพชนของสี่ตระกูลใหญ่เสียอีก

“รายงานผู้คุมกฎทั้งสอง ทาสหญิงเมื่อครู่เป็นทาสที่ตระกูลจ้าวจับจองเอาไว้ หากถูกพรากไปเช่นนี้ ข้ากลัวว่าจะอธิบายให้ตระกูลจ้าวฟังไม่ได้” หลังจากที่หานลี่จากไป ชายชราในชุดผ้าแพรก็รีบบอกกับมารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสอง

“เป็นทาสสาวที่จ้าวเหวินห่าวต้องการหรือ ตระกูลจ้าวไม่อาจปล่อยไปโดยง่ายจริงๆ เจ้าได้รับเงินมัดจำของเขามาหรือยัง” ชายชราเขาเดี่ยวถาม พร้อมทั้งขมวดคิ้ว

“ไม่ขอรับ แต่จ้าวเหวินห่าวมาที่เจดีย์แห่งนี้ด้วยตนเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และเสนอซื้อสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ระดับหลอมรวมขึ้นไป ทั้งยังแสดงความเต็มใจที่จะจ่ายด้วยศิลามารจำนวนมากสำหรับสิ่งนี้ เรื่องการจับจองทาสที่เหมาะสมในเจดีย์นี้ไม่เคยมีมาก่อน” ชายชราในชุดผ้าแพรรีบอธิบาย

“ไม่เคยมีมาก่อนก็คือไม่มี! ในเมื่อไม่มีเงินมัดจำ จึงไม่จำเป็นต้องขายสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ให้ตระกูลจ้าว ถ้าเขาต้องการให้ได้ เราก็แค่เสียเวลาในการหาทาสหญิงที่ตรงตามเงื่อนไขให้เขานานออกไปอีกหน่อยเท่านั้น” อาวุโสระดับหลอมสุญตาอีกคน พูดพลางลูบเคราของเขา

“ถูกต้อง ในเมื่อตระกูลจ้าวอยู่ในความดูแลของเจ้า เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าด้วยว่าจะให้จบลงอย่างไร อย่าปล่อยให้ตระกูลจ้าวไม่พอใจกับเจดีย์เรา และยิ่งไปกว่านั้นอย่าทำให้อาวุโสหานโกรธเคือง เอาล่ะ พวกเราสองคนจะกลับไปเข้าฌานต่อ งานในเจดีย์ก็ส่งต่อให้พวกเจ้าสองคนต่อไป” ชายชราเขาเดี่ยวพยักหน้ากล่าว แล้วเรียกสหายของเขาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในเขตอาคมส่งตัว

“น้อมรับคำสั่งผู้คุมกฎทั้งสอง!”

เมื่อชายชราในชุดผ้าแพรได้ยิน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก แต่ชายวัยกลางคนกลับแอบยินดี และทั้งคู่ก็โค้งคำนับพร้อมๆ กันเพื่อแสดงแสดงความเคารพ

“ใช่แล้ว หากอาวุโสหานกลับมาที่เจดีย์นี้อีก พวกเจ้าต้องแจ้งให้ข้าทราบทันที ข้าสองคนจะมารับอาวุโสหานผู้นี้ด้วยตนเอง ประเดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าเจดีย์นี้ดูแลไม่ทั่วถึง” เมื่อชายชราเขาเดี่ยวกำลังจะใช้งานเขตอาคมส่งตัว เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และออกคำสั่ง

“รับทราบขอรับ!”

หลงจู๊เจดีย์หมื่นทาสสองคนก้มหัวลงอีกครั้งและตอบรับ

แสงสีขาววาบประกาย มารชราระดับหลอมสุญตาทั้งสองก็หายไปในเขตอาคมพร้อมกัน

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พี่หวงต้องหนักใจแล้ว แต่เท่าที่ข้ารู้ พี่หวงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจ้าวเสมอ ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม”

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนและหัวเราะเยาะชายชราในชุดผ้าแพร จากนั้นเขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเขตอาคม และออกไปทันที

ชายชราในชุดผ้าแพรมีใบหน้าโกรธเกรี้ยว หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ก็กระทืบเท้าและพึมพำกับตัวเอง “ช่างซวยนัก! ตอนคุมตัวสตรีนางนั้นมา ดันมีตัวประหลาดเฒ่าเข้ามาสอดมือ เช่นนี้ วิธีเดียวที่จะอธิบายกับตระกูลจ้าวได้คือการหาทาสหญิงอีกคน แต่การจะหาสตรีบำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ที่ตรงตามเงื่อนไขของเขานั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย”

……

ในเวลานี้ หานลี่นั่งอยู่บนรถเทียมอสูรขนาดเล็กกับหญิงสาวในชุดสีเหลือง และหลังจากคนขับรถเทียมอสูรกระตุ้นอสูรมาร รถเทียมอสูรก็เดินไปบนถนน

หานลี่นั่งอยู่กลางรถเทียมอสูร ดวงตาปิดสนิทเพื่อทำสมาธิ

หญิงสาวในชุดสีเหลืองขดตัวและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง มองดูหานลี่ด้วยดวงตาหวาดกลัว

ฉากที่หญิงสาวเห็นที่เจดีย์หมื่นทาส นางก็รู้ว่าหานลี่คือตัวตนระดับจอมมาร แต่หานลี่นั้นดูอ่อนเยาว์และธรรมดามาก นี่ทำให้นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวตนระดับผสานอินทรีย์นั้นเป็นเพียงการดำรงอยู่ที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้ตกมาอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าเช่นนี้ ความคิดในการหลบหนีที่นางยังมีอยู่เพียงเล็กน้อยพลันหายไปในพริบตา

หญิงสาวในชุดสีเหลืองหวาดกลัวและสิ้นหวัง นางไม่รู้จริงๆ ว่าชะตากรรมอันน่าสยดสยองที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร

แม้ว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาในการอ่านใจของหญิงสาวโดยตรง แต่เขาก็ยังเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

แม้ดูเหมือนว่าเขาจะสงบนิ่งมาก ทว่าอันที่จริงหัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับพายุเข้า ใบหน้าที่มีทั้งสุขทุกข์โกรธเศร้าของหญิงสาวชุดขาวพลันผุดขึ้นมาในใจอย่างต่อเนื่อง

ภาพเหล่านี้บางภาพพร่ามัว ขณะที่บางภาพชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้จะมีสภาพจิตใจของผู้บำเพ็ญเพียรอายุนับพันปี แต่เขากลับไม่สามารถสงบนิ่งลงได้เลย

เห็นได้ชัดว่าหานลี่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาเพื่อปัดเป่าภาพหญิงสาวในจิตใจของเขาออกไป แต่กลับค่อยๆ ลิ้มรสความเจ็บปวดซึ่งสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ในที่สุดรถเทียมอสูรก็หยุดลง และจากนั้นเสียงของคนขับก็ดังมาออกมา “ผู้อาวุโส ถึงที่ที่ท่านต้องการจะมาแล้ว ท่านจะลงตอนนี้เลยหรือไม่!”

“ในเมื่อถึงแล้ว ข้าย่อมต้องลง”

หานลี่แอบหายใจเข้าลึกๆ และระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจเขา แล้วจึงตอบกลับไป

จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากรถเทียมอสูรโดยไม่รีบร้อน

แม้ว่าหญิงสาวในชุดเหลืองจะเห็นว่าหานลี่ไม่ได้เรียกนาง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยังคงกัดฟันเดินตามต่อไป

ผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดมากเช่นกัน รู้ฐานะและสถานการณ์ของตนเองดี จึงประพฤติตนอย่างว่าง่าย มิฉะนั้น ด้วยอิทธิฤทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของอีกฝ่าย คงมีวิธีทำให้ตัวเองอยู่รอดแต่ไม่ตาย!

หลังจากที่หานลี่ยกมือขึ้นให้ศิลามารกับคนขับ ก็เหลือบมองไปข้างหน้าทีหนึ่ง ท่าทางพอใจปรากฏบนใบหน้าเขา

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ขณะนั้นคือกำแพงภูเขาสูงกว่าพันจั้ง

มีอาคารจำนวนมากคล้ายกับห้องใต้หลังคาและถ้ำที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขาทีละหลังทั่วทั้งกำแพงภูเขา

ที่ด้านหน้ากำแพงภูเขา มีซุ้มประตูขนาดใหญ่สูงหลายสิบจั้ง โดยมีตัวอักษรเงินขนาดใหญ่เขียนว่า ‘เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ด้านบน

ด้านล่างซุ้มประตู มีโต๊ะไม้สีดำตัวหนึ่ง ด้านหลังมีมารชราผมหงอกเอนกายอยู่ ดูเหมือนจะอายุไม่น้อย กำลังนอนหลับสบาย มีเด็กผู้ชายหลายคนที่แต่งกายเหมือนเด็กรับใช้ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะปลุกมารชรา

หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปยังมารชรา แววตาของเขาก็เย็นเยียบลงเล็กน้อย

วินาทีถัดมา มารชราที่นอนอยู่บนโต๊ะก็กระโดดขึ้นและรีบตะโกนเสียงดัง

“ไม่ทราบว่าสหายคนท่านใดมาเยือนที่เรือนแห่งนี้ ข้าไม่สามารถต้อนรับเจ้าจากระยะไกลได้ หวังว่าจะยกโทษให้ข้า”

ทันทีที่มารชราพูดจบ ก็เห็นหานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองอยู่ไม่ไกล พลันได้สติในทันที แล้วทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

……

หลังเวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่และหญิงสาวในชุดสีเหลืองปรากฏตัวในห้องใต้หลังคาที่สร้างขึ้นบนกำแพงภูเขา

ห้องใต้หลังคานี้สร้างขึ้นกลางอากาศ ครึ่งหนึ่งลึกลงไปในกำแพงหิน และอีกครึ่งหนึ่งยื่นออกไปนอกกำแพง ติดตั้งเขตอาคมต้องห้ามเอาไว้ เมื่อเปิดออกตัวห้องสามารถตัดขาดจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการรบกวนใดๆ

มันคือสถานที่โปรดปรานของตัวตนระดับสูงผู้ต้องการอยู่ลำพัง

เรือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เดิมทีก็เป็นสถานที่พำนักให้กับมารระดับสูง! อย่างไรก็ตาม ค่าเช่าที่นี่แพงกว่าที่อื่นอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีมารระดับสูงไม่มากนักที่อาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ

ก่อนหน้านี้ หานลี่ไม่ได้พาหญิงสาวไปไล่สำรวจอาคารเหล่านี้ทีละชั้นๆ เพียงแค่ใช้จิตสัมผัสในการสำรวจ เขาก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับห้องใต้หลังคาและโครงสร้างของชั้นต่างๆ จากนั้นจึงส่งมอบศิลามารให้กับมารชราด้วยความพึงพอใจ และเช่าที่แห่งนี้ชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี

ตอนนี้หานลี่ได้เปิดใช้งานเขตอาคมต้องห้ามทั้งหมดบนห้องใต้หลังคาแล้ว และพาหญิงสาวไปที่ชั้นบนสุด จากนั้นก็นั่งบนฟูกอย่างสงบ และผายมือให้หญิงสาวนั่งฝั่งตรงข้าม

แม้ว่าหญิงสาวในชุดสีเหลืองจะกังวลอย่างมาก แต่นางก็ไม่กล้าต่อต้าน

ในขณะนี้ หานลี่สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขา และธงเขอาคมหลายสิบอันก็พุ่งออกไปทุกทิศทาง และหายไปในความว่างเปล่า

วินาทีถัดมา ม่านแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้น ครอบคลุมห้องใต้หลังคาทั้งหมด

เวลานี้ หานลี่ถึงได้สางใจ และเมื่อส่งยิ้มให้กับหญิงสาวแล้ว พลันโบกฝ่ามือไปทางร่างของนาง

เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น พลังยุทธ์ทรงพลังมหาศาลพลันพุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้พลังภายในร่างของหญิงสาวปั่นป่วน

อักขระอาคมที่ปรากฏบนผิวหนังของหญิงสาวในชุดสีเหลืองกลายเป็นไอปราณสีดำและสลายหายไปในทันที

หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายของตนสั่นคลอนชั่วขณะหนึ่ง และพลังยุทธ์ที่ถูกจำกัดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในเส้นลมปราณทั้งหมด นี่ทำให้นางรู้สึกปีติยินดี อดไม่ได้ที่จะพูดตะกุกตะกัก

“ผู้อาวุโส ท่าน นี่คือ…”

“เจ้าชื่ออะไร” หานลี่ไม่ได้คิดจะตอบคำถามเลย แต่เขากลับถามและส่งยิ้มให้กับหญิงสาว

“ข้าชื่อจูกั่วเอ๋อร์!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตอบเขา

“เมื่อดูจากปราณมารที่แปดเปื้อนแล้ว เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ เจ้าเข้ามายังแดนนี้ด้วยตนเอง หรือมีถูกคนจับมาจากแดนวิญญาณ” หานลี่ยังคงถามอย่างต่อเนื่อง

“ข้าเข้ามาด้วยตนเอง!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองพึมพำ

“เข้ามาด้วยตนเอง! เข้ามาได้อย่างไร ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้า ย่อมไม่สามารถกรีดผ่ามิติได้ หรือตอนเจ้าเข้ามา มาพร้อมกับสหายคนอื่นๆ” คำตอบนี้ค่อนข้างคาดไม่ถึงสำหรับหานลี่ เขาหรี่ตาและถามอีกครั้งอย่างเรียบเฉย

“ไม่มี ข้าท่องแดนมารเพียงลำพัง!”

“เพียงลำพังรึ นับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง ถ้าเช่นนั้นผู้ใดสอนเคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีให้กับเจ้า” การแสดงออกของหานลี่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทันใดนั้นเขาก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิด

“ท่านรู้เคล็ดวิชาที่ข้าฝึกด้วยหรือ วิชานี้ท่านแม่ของข้าเป็นผู้สอน!” หญิงสาวในชุดสีเหลืองลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของหานลี่ จากนางก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา

ถึงอย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังจริงๆ

“แม่ของเจ้าคือใคร และได้เคล็ดวิชาวัฏจักรหญิงพรหมจารีมาได้อย่างไร” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไป และถามอีกครั้งด้วยความเคร่งขรึม

“นี่…” สีหน้าของหญิงสาวในชุดสีเหลืองเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมีสีหน้าลังเลใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+