I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 100 เหตุการณ์หน้าต่างกระจก!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 100 เหตุการณ์หน้าต่างกระจก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานหลิงหลานก็มาถึงจุดภารกิจ อันที่จริงถ้าเกิดไม่มองให้ละเอียดก็จะแยกไม่ออกเลยว่าเป็นที่ไหน เนื่องจากถนนหุ่นรบสายนี้ต่างเต็มไปด้วยผู้คน มองไม่เห็นปลายสุดของหัวมุมถนนทั้งสองฝั่ง แต่สายตาของหลิงหลานยังคงเฉียบแหลมมาก เธอมองเห็นพวกเด็กๆ กำลังต่อแถวเข้าไปที่หน้าประตูร้านค้าแห่งหนึ่งทีละคน เธอก็รู้ว่าหาจุดภารกิจเจอแล้ว

หลิงหลานไม่เลือกลงไป เธอเดาว่าถ้าลงไปแทรกแถวในตอนนี้คงได้ดึงดูดความแค้นของผู้คนแน่นอน พอถึงตอนนั้นต่อให้เธอร้ายกาจอีกสักแค่ไหนก็ถูกนักเรียนทั้งหมดตีจนกลายเป็นหนูข้ามถนน[1]ดังนั้นเธอเลยปีนขึ้นไปบนหลังคาโผล่ศีรษะออกมามองแล้วก็เห็นชั้นสามมีหน้าต่างเหมือนกับเธอคาดคิดเอาไว้จริงๆ

ด้วยเหตุนี้เอง หลิงหลานเลยหาตำแหน่งที่แม่นยำ ห้อยหัวลงมาก็แตะกับหน้าต่างชั้นสามได้ ตอนนี้หลิงหลานหวังว่า กระจกนี้จะไม่ได้โรคจิตอย่างกระจกกันกระสุนหรือกระจกทนแรงดันสูง

เธอเคาะเบาๆ หวนนึกถึงเสียงที่กระจ่างใสมาก น่าจะเป็นกระจกธรรมดา หลิงหลานกำหมัดอย่างเด็ดขาดก่อนจะต่อยลงไปสุดแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพล้งดังก้องกังวาล กระจกถูกหลิงหลานต่อยจนแตกเป็นรู หลิงหลานต่อยติดต่อกันอีกหลายหมัด กระจกหน้าต่างบานนี้ก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ

วิธีการรุนแรงของหลิงหลานทำให้นักเรียนที่อยู่ด้านล่างสังเกตเห็น นักเรียนที่รออยู่บนถนนส่งเสียงเอะอะโวยวาย พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะสามารถเข้าไปในร้านค้าได้อย่างป่าเถื่อนขนาดนี้ นักเรียนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหงุดหงิดโมโห ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเป็นแบบนี้ พวกเขายังจะทำตัวดีต่อแถวรออยู่ด้านล่างทำไมอีกล่ะ

หลิงหลานไม่สนใจความอิจฉาริษยาเกลียดชังของพวกนักเรียนที่อยู่ด้านล่างเลย เธอปล่อยแรงของสองเท้าแล้วสองมือก็จับขอบหน้าต่างทันที จากนั้นเธอก็พลิกตัวเข้าไปในร้านค้าจากนอกหน้าต่างด้วยความคล่องแคล่ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงหลานมองเห็นเหตุการณ์ณ์ในร้าน เธอก็กลุ้มใจทันที เนื่องจากเธอบังเอิญเข้าไปตรงที่ตั้งประตูเทเลพอร์ตของการทดสอบพอดี พวกอาจารย์ที่เฝ้ารักษาลำดับอยู่ตรงนั้นก็จับเธอไว้ได้คาหนังคาเขา

อาจารย์เฒ่าที่มีหนวดสีขาวใช้นิ้วชี้มาที่เธออย่างสั่นเทาและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เธอเป็นใคร? อยู่ชั้นปีไหน? ทำไมถึงไม่รู้จักกฎระเบียบขนาดนี้?” ชุดที่หลิงหลานสวมอยู่เป็นเครื่องแบบสีแดงที่นักเรียนห้องสเปเชียลเอมีกัน ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นพวกอัจฉริยะที่ได้รับพรจากสวรรค์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ชั้นปีไหน

หลิงหลานกวาดมองไปรอบหนึ่งอย่างรวดเร็วก่อนจะพบว่านอกจากอาจารย์เฒ่าที่โกรธมากแล้ว อาจารย์คนอื่นๆ โดยเฉพาะอาจารย์ที่อยู่ในรุ่นหนุ่มๆ ไม่ได้โกรธเธออย่างที่จินตนาการไว้ขนาดนั้น ถึงขนาดที่ยังมีอาจารย์บางคนยิ้มน้อยๆ เผยร่องรอยความชมเชยออกมาด้วยซ้ำ

เอ๋? เห็นได้ชัดว่าการกระทำแบบนี้ของเธอเป็นการทำลายลำดับที่กำหนดไว้ชัดๆ ถึงขนาดที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายได้ ทำไมพวกอาจารย์ถึงไม่โกรธล่ะ? ถึงขนาดที่มีคนชมเชยด้วย หลิงหลานพลันนึกได้ว่านี่เป็นโลกที่เคารพผู้แข็งแกร่ง ทุกอย่างว่าไปตามความแข็งแกร่ง สติปัญญาก็เป็นความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ ทางสถาบันเปิดภารกิจมรดกแบบสาธารณะ แต่ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะให้พวกเด็กๆ เข้าไปทดสอบตามเส้นทางปกติ? ดังนั้นวิธีการที่ดูเหมือนขัดต่อกฎระเบียบในชาติก่อนก็คือการแสดงความฉลาดของที่นี่เหรอ?

ความคิดนี้แล่นวาบเข้า แต่หลิงหลานก็ไม่ได้ใคร่ครวญให้ลึกลงไปอีก เนื่องจากเธอต้องบอกประวัติของตัวเองให้อาจารย์อย่างตรงไปตรงมาเพราะว่าทางสถาบันให้ความสำคัญกับเรื่องเคารพครูบาอาจารย์มากที่สุด หลิงหลานไม่คิดจะท้าทายขนบธรรมเนียมประเพณี

“สวัสดีครับอาจารย์ ผมคือหลิงหลานจากห้องเอชั้นปีสองครับ” หลิงหลานแนะนำตัวเองอย่างใจเย็นทำให้อาจารย์บางคนยิ้มขึ้นมา เด็กคนนี้ไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยว่าถูกจับได้ที่ทำเรื่องแย่ๆ ตรงกันข้ามสีหน้ายิ่งดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา

“ต่อให้เธอเป็นเด็กห้องเอ เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้สิทธิพิเศษมากที่สุดของสถาบัน แต่ฉันจะส่งรายงานการกระทำอันเลวร้ายเช่นนี้ของเธอไปยังทางสถาบัน ให้สถาบันยกเลิกคุณสมบัติเด็กห้องเอของเธอซะ” ในที่สุดท่าทีของหลิงหลานที่ไม่ยอมรับผิดเลยสักนิดเดียวได้ยั่วโทสะของอาจารย์เฒ่าคนนั้น

คำพูดของอาจารย์เฒ่าทำให้บรรดาอาจารย์หนุ่มๆ ที่อยู่รอบข้างยิ้มฝืดเฝื่อน และลอบส่ายหัวเงียบๆ อาจารย์เฒ่าคนนี้เป็นคนหัวดื้อที่ชื่อดังในสถาบัน ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ไม่มีอคติเลยแม้แต่น้อย เป็นชายชราหัวแข็งที่ไม่เห็นแก่หน้าใคร ทางสถาบันก็ให้เขารับผิดชอบเรื่องการจัดลำดับด้วยสาเหตุนี้เช่นกัน อยากอาศัยความเข้มงวดของเขามาช่วยทำให้นักเรียนที่ดื้อรั้นในสถาบันรู้สึกเกรงกลัว ไม่นึกเลยว่ายังไม่มีโอกาสข่มขู่พวกนักเรียนที่ดื้อซนก็เจอเด็กฉลาดที่รู้จักการไปยังหนทางที่แหกคอกก่อนล่วงหน้าหนึ่งก้าว

อาจารย์หนุ่มๆ ต่างรู้สึกกลุ้มใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมีอาจารย์ท่านนี้อยู่ละก็ พวกเขาคงให้หลิงหลานเข้าไปทดสอบนานแล้ว ช่วยไม่ได้ พวกเขาชอบนักเรียนที่มีความคิดนอกกรอบ เต็มไปด้วยความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดแบบนี้

หลิงหลานเองก็กลัดกลุ้มมากเช่นกัน เธอนวดหว่างคิ้วอย่างเต็มแรง ครุ่นคิดว่าควรจะแก้ไขปัญหายังไงดี ไม่ใช่ว่าเธอกลัวการรายงานความผิดของอาจารย์เฒ่าจริงๆ แต่เธอรู้สึกทนไม่ได้จริงๆ ที่ไปยั่วโมโหชายชราผมขาวคนนี้

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เวลานี้ก็ได้ยินหลิงหลานเอ่ยปากถามว่า “ไม่ทราบว่าเจ้าของร้านนี้คือใครครับ?”

ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาแอบกระซิบกระซาบมองดูเหตุการณ์ทางด้านนี้กับชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหาร ได้ยินคำถามของเด็กน้อยที่พังหน้าต่างก็รีบชูมือพูดว่า “ฉันเอง ฉันอยู่ตรงนี้” เขารอคอยว่าหลิงหลานจะแสดงอะไรต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสนุกสนาน

หลิงหลานเห็นสีหน้าของชายหนุ่มก็ทำการตัดสินใจ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยเอ่ยด้วยความจริงใจว่า “ขอโทษด้วยครับ! ผมพังหน้าต่างร้านคุณ ไม่รู้จะติดตั้งบานใหม่ต้องใช้เงินเท่าไหร่ครับ? ผมจะจ่ายเงินชดใช้”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่หน้าต่างบานเล็กๆ เท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม ปฏิเสธโดยไม่ยี่หระเอามากๆ

หลิงหลานกลับพูดอย่างจริงจังว่า “ผมเป็นคนทำ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ทางสถาบันเคยสอนว่าจะหลีกหนีความรับผิดชอบของตัวเองไม่ได้”

คำพูดของหลิงหลานทำให้อาจารย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่พยักหน้าเงียบๆ กระทั่งอาจารย์เฒ่าที่กำลังโมโหก็ลูบเคราสีขาวของตัวเองปลื้มอกปลื้มใจอย่างหาใดเปรียบ ใบหน้าที่เคร่งขรึมพลันอ่อนโยนลงมาก

เด็กร้ายกาจ! สายตาของทหารหนุ่มที่อยู่ข้างกายชายหนุ่มฉายแววเฉียบคมขึ้นมาวูบหนึ่ง แค่คำพูดประโยคเดียวก็สลายโทสะของอาจารย์เฒ่าไปได้ เขาคาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี

“ฮ่าๆ ถ้ากระจกบานนี้แพงมากล่ะ? ฉันรู้ว่าพวกนักเรียนของสถาบันลูกเสืออย่างพวกเธอไม่มีเงินที่นี่มากเท่าไหร่นัก” ชายหนุ่มคล้ายกับจงใจก่อกวน เอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มชั่วร้าย ในขณะเดียวกันก็เตือนหลิงหลานอยู่รางๆ ว่าถ้ายังไม่ทันได้แน่ใจผลลัพธ์ก็อย่ารีบรับปากเร็วขนาดนี้

หลิงหลานสะบัดข้อมือเบาๆ ของชิ้นเล็กๆ ที่อยู่ในมือพลันถูกซัดตรงไปที่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม การกระทำนี้กะทันหันอย่างมาก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด เขายื่นมือขวาออกมารับไว้อย่างสบายๆ

การกระทำที่เฉียบคมทรงประสิทธิภาพนี้ทำให้คิ้วของหลิงหลานเลิกขึ้นน้อยๆ ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน หลิงหลานเก็บความตกใจที่อยู่ในสายตาไว้ ดวงหน้าเธอเผยรอยยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย “นี่คือเศษหน้าต่างบานนั้นของคุณ หาเครื่องมือมาวินิจฉัยส่วนประกอบของมันออกมาได้ตามใจชอบเลย นักเรียนของสถาบันลูกเสืออย่างพวกเราได้รับการคุ้มครองจากทางสถาบันลูกเสือ ผมคิดว่าพี่ชายไม่อยากยั่วโมโหสถาบันลูกเสือหรอกใช่ไหม”

นักเรียนทุกคนที่เล่าเรียนในสถาบันลูกเสือจะได้รับการคุ้มครองจากสถาบัน ไม่ว่าผู้ใหญ่คนไหนคิดจะหลอกลวงนักเรียน จะต้องได้รับการตอบโต้อย่างบ้าคลั่งจากสถาบันลูกเสือแน่นอน

ท่าทีดูถูกเหมือนกับมองดูคนโง่ของหลิงหลานทำให้ทหารหนุ่มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนชายหนุ่มก็ปิดหน้าพูดไม่ออก ‘ไม่ใช่ว่าแค่เห็นอีกฝ่ายน่ารักเลยหยอกล้อเขาเล่นสักหน่อย ต้องถึงกับตอบโต้รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่นึกเลยว่าจะถูกเด็กอายุเจ็ดขวบมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ฮือๆๆ เขาไม่อยากอยู่แล้ว’

อาจารย์เฒ่าที่ใบหน้าเดิมทีอ่อนโยนลงแล้ว พอได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา พยักหน้าติดต่อกัน เดิมทีเขาคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กซนไม่อยู่ในกฎระเบียบ ไม่นึกเลยว่าจะรู้ถูกผิดชัดเจนมาก นอกจากนี้ยังเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ ช่างเป็นเด็กที่ไม่เลวเลยจริงๆ ดูท่าเขาจะจัดการมากเกินไปไม่ได้แล้ว เพื่อไม่ให้ทำร้ายความใฝ่ฝันทะเยอทะยานของเด็ก…

ความคิดของอาจารย์เฒ่าเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการกระทำของหลิงหลานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“เอาเถอะ เอา 500 เหรียญเสมือนจริงสหพันธรัฐมาให้ฉันก็พอ” ชายหนุ่มได้แต่บอกตัวเลขที่ต่ำกว่าราคาตลาดสามสิบเปอร์เซ็นต์ หลิงหลานย่อมไม่ปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่าย ดึงดันแก้ไขราคาให้ถูกต้องกับเขาอย่างไร้สมองเพื่อพิสูจน์คุณธรรมอันสูงส่งของตัวเอง

ดังนั้นหลิงหลานเลยเก็บสีหน้าเหยียดหยามไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นทำหน้าจริงใจเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายในชั่วพริบตา ทำให้ชายหนุ่มที่เดิมทีหดหู่ใจกลายเป็นรู้สึกดีขึ้นมากทันที เขารู้สึกอีกรอบว่าเด็กตรงหน้าดูน่ารักมากเกินไปแล้ว

แงๆๆ เขาจะต้องขอแฟนแต่งงานให้เร็วที่สุด พยายามเข้าเรือนหอให้ได้ในปีนี้ ปีหน้าจะได้ให้กำเนิดเด็กจ้ำม่ำที่น่ารักเหมือนกับเด็กตรงหน้า…

หลิงหลานรีบโอนเหรียญทองไปให้ชายหนุ่ม เรื่องพังหน้าต่างก็หยุดลงตรงนี้ หลังจากนั้นเธอก็เดินไปที่ตรงหน้าอาจารย์เฒ่าแล้วพูดด้วยความจริงจังว่า “ขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอนครับ”

คำพูดของหลิงหลานทำให้อาจารย์เฒ่าหวั่นไหวในที่สุด เด็กปัจจุบันนี้มีนิสัยดื้อรั้นมาก เมื่อเผชิญหน้ากับอาจารย์ที่ตำหนิตัวเองก็จะจดจำความแค้นไว้ในใจ ไม่มีทางเอ่ยขอบคุณแน่นอน อาจารย์เฒ่ามองเห็นได้ชัดเจนว่า หลิงหลานขอบคุณอย่างจริงใจ ท่าทีของหลิงหลานทำให้อาจารย์เฒ่าไม่อาจรักษาความเคร่งขรึมที่มีอยู่แต่เดิมได้อีกต่อไป เขาจึงกล่าวเตือนเท่านั้นว่า “จำไว้นะ ไม่มีครั้งหน้าแล้ว”

เอ๋? นี่ยังเป็นตาแก่หัวดื้อที่ไม่เห็นแก่หน้าใครคนนั้นอยู่หรือเปล่า? อาจารย์ทุกคนต่างประหลาดใจมากกับการกระทำที่เข้มงวดจริงจังก่อนจะปล่อยวางได้ง่ายๆ ของอาจารย์เฒ่า เดิมทีพวกเขาคิดว่าอาจารย์เฒ่าจะรายงานความผิดไปที่ฝ่ายปกครอง ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายจบลงที่ได้ยินเสียงน้ำแต่ไม่เห็นดอกไม้น้ำ

ทหารหนุ่มยิ้มมุมปากมองดูหลิงหลานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ เป็นท่าจบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าออกจากสถาบันไปสิบกว่าปีก็มีเด็กที่ปีศาจอัจฉริยะขนาดนี้โผล่ขึ้นมาอีกคน หลินหลาน…หลิน? ลิ่น? หลิง? แซ่ของเด็กคนนี้มีเสียงเดียวกับปีศาจอัจฉริยะเมื่อตอนนั้นเลย ช่างบังเอิญเสียจริง ไม่รู้ว่าจะเป็นหลิงเหมือนกันหรือเปล่า?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทหารหนุ่มก็มีสีหน้าหม่นลง สายตาที่เขาทอดมองไปยังหลิงหลานอีกครั้งแฝงไปด้วยความปราถนาบางอย่าง หวังว่าเด็กที่ชาญฉลาดมากเช่นเดียวกันคนนี้จะสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขปลอดภัย ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นของเขาที่ยังไม่ทันได้เปล่งรัศมีความแข็งแกร่งสุดยอดก็ถูกแผนการชั่วร้ายเด็ดปีกทิ้งไปเมื่อแปดปีก่อน….

อาจารย์เฒ่าไม่สนความประหลาดใจที่อยู่บนใบหน้าของอาจารย์คนอื่นๆ เขาดูถูกในใจว่า ‘คิดว่าฉันเป็นตาแก่หูตาฝ้าฟางมองไม่เห็นความฉลาดของเด็กคนนี้จริงๆ หรือไง? ที่เข้มงวดต่อเขาขนาดนี้ก็แค่ไม่อยากให้เด็กที่ฉลาดมากเกินไปคนนี้เดินไปบนเส้นทางบิดเบี้ยวก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เด็กคนนี้ตอบได้เฉลียวฉลาดจริงๆ จับจุดอ่อนของฉันได้ ทำให้ฉันไม่สามารถเข้มงวดต่อไปได้ สมบูรณ์แบบมาก…’

ใบหน้าของอาจารย์เฒ่าปรากฏร่องรอยความกังวลและก็แฝงไปด้วยความยินดีเล็กน้อย ความรู้สึกของเขาสับสนอย่างมาก ‘เด็กคนนี้ไม่เป็นฮีโร่ ก็ต้องเป็นวายร้าย ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกเส้นทางอะไรในอนาคต…’

พอเห็นเหตุการณ์พังหน้าต่างในครั้งนี้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ที่รับหน้าที่เรียกนักเรียนเข้ามาทดสอบก็ไม่ได้เรียกคนต่อไปอีก หากแต่ทำสัญญาณบ่งบอกให้หลิงหลานเข้าไป และให้เขาเตรียมตัวอยู่ครู่หนึ่งรอเข้าไปที่ประตูเทเลพอร์ตเพื่อทำการทดสอบ

……………………………..

[1] อุปมาถึงคนที่ถูกรังเกียจจนเป็นเป้าของการต่อว่า รุมประณาม หยามเหยียด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 100 เหตุการณ์หน้าต่างกระจก!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 100 เหตุการณ์หน้าต่างกระจก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานหลิงหลานก็มาถึงจุดภารกิจ อันที่จริงถ้าเกิดไม่มองให้ละเอียดก็จะแยกไม่ออกเลยว่าเป็นที่ไหน เนื่องจากถนนหุ่นรบสายนี้ต่างเต็มไปด้วยผู้คน มองไม่เห็นปลายสุดของหัวมุมถนนทั้งสองฝั่ง แต่สายตาของหลิงหลานยังคงเฉียบแหลมมาก เธอมองเห็นพวกเด็กๆ กำลังต่อแถวเข้าไปที่หน้าประตูร้านค้าแห่งหนึ่งทีละคน เธอก็รู้ว่าหาจุดภารกิจเจอแล้ว

หลิงหลานไม่เลือกลงไป เธอเดาว่าถ้าลงไปแทรกแถวในตอนนี้คงได้ดึงดูดความแค้นของผู้คนแน่นอน พอถึงตอนนั้นต่อให้เธอร้ายกาจอีกสักแค่ไหนก็ถูกนักเรียนทั้งหมดตีจนกลายเป็นหนูข้ามถนน[1]ดังนั้นเธอเลยปีนขึ้นไปบนหลังคาโผล่ศีรษะออกมามองแล้วก็เห็นชั้นสามมีหน้าต่างเหมือนกับเธอคาดคิดเอาไว้จริงๆ

ด้วยเหตุนี้เอง หลิงหลานเลยหาตำแหน่งที่แม่นยำ ห้อยหัวลงมาก็แตะกับหน้าต่างชั้นสามได้ ตอนนี้หลิงหลานหวังว่า กระจกนี้จะไม่ได้โรคจิตอย่างกระจกกันกระสุนหรือกระจกทนแรงดันสูง

เธอเคาะเบาๆ หวนนึกถึงเสียงที่กระจ่างใสมาก น่าจะเป็นกระจกธรรมดา หลิงหลานกำหมัดอย่างเด็ดขาดก่อนจะต่อยลงไปสุดแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพล้งดังก้องกังวาล กระจกถูกหลิงหลานต่อยจนแตกเป็นรู หลิงหลานต่อยติดต่อกันอีกหลายหมัด กระจกหน้าต่างบานนี้ก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ

วิธีการรุนแรงของหลิงหลานทำให้นักเรียนที่อยู่ด้านล่างสังเกตเห็น นักเรียนที่รออยู่บนถนนส่งเสียงเอะอะโวยวาย พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะสามารถเข้าไปในร้านค้าได้อย่างป่าเถื่อนขนาดนี้ นักเรียนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหงุดหงิดโมโห ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเป็นแบบนี้ พวกเขายังจะทำตัวดีต่อแถวรออยู่ด้านล่างทำไมอีกล่ะ

หลิงหลานไม่สนใจความอิจฉาริษยาเกลียดชังของพวกนักเรียนที่อยู่ด้านล่างเลย เธอปล่อยแรงของสองเท้าแล้วสองมือก็จับขอบหน้าต่างทันที จากนั้นเธอก็พลิกตัวเข้าไปในร้านค้าจากนอกหน้าต่างด้วยความคล่องแคล่ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงหลานมองเห็นเหตุการณ์ณ์ในร้าน เธอก็กลุ้มใจทันที เนื่องจากเธอบังเอิญเข้าไปตรงที่ตั้งประตูเทเลพอร์ตของการทดสอบพอดี พวกอาจารย์ที่เฝ้ารักษาลำดับอยู่ตรงนั้นก็จับเธอไว้ได้คาหนังคาเขา

อาจารย์เฒ่าที่มีหนวดสีขาวใช้นิ้วชี้มาที่เธออย่างสั่นเทาและกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เธอเป็นใคร? อยู่ชั้นปีไหน? ทำไมถึงไม่รู้จักกฎระเบียบขนาดนี้?” ชุดที่หลิงหลานสวมอยู่เป็นเครื่องแบบสีแดงที่นักเรียนห้องสเปเชียลเอมีกัน ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นพวกอัจฉริยะที่ได้รับพรจากสวรรค์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ชั้นปีไหน

หลิงหลานกวาดมองไปรอบหนึ่งอย่างรวดเร็วก่อนจะพบว่านอกจากอาจารย์เฒ่าที่โกรธมากแล้ว อาจารย์คนอื่นๆ โดยเฉพาะอาจารย์ที่อยู่ในรุ่นหนุ่มๆ ไม่ได้โกรธเธออย่างที่จินตนาการไว้ขนาดนั้น ถึงขนาดที่ยังมีอาจารย์บางคนยิ้มน้อยๆ เผยร่องรอยความชมเชยออกมาด้วยซ้ำ

เอ๋? เห็นได้ชัดว่าการกระทำแบบนี้ของเธอเป็นการทำลายลำดับที่กำหนดไว้ชัดๆ ถึงขนาดที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายได้ ทำไมพวกอาจารย์ถึงไม่โกรธล่ะ? ถึงขนาดที่มีคนชมเชยด้วย หลิงหลานพลันนึกได้ว่านี่เป็นโลกที่เคารพผู้แข็งแกร่ง ทุกอย่างว่าไปตามความแข็งแกร่ง สติปัญญาก็เป็นความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ ทางสถาบันเปิดภารกิจมรดกแบบสาธารณะ แต่ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะให้พวกเด็กๆ เข้าไปทดสอบตามเส้นทางปกติ? ดังนั้นวิธีการที่ดูเหมือนขัดต่อกฎระเบียบในชาติก่อนก็คือการแสดงความฉลาดของที่นี่เหรอ?

ความคิดนี้แล่นวาบเข้า แต่หลิงหลานก็ไม่ได้ใคร่ครวญให้ลึกลงไปอีก เนื่องจากเธอต้องบอกประวัติของตัวเองให้อาจารย์อย่างตรงไปตรงมาเพราะว่าทางสถาบันให้ความสำคัญกับเรื่องเคารพครูบาอาจารย์มากที่สุด หลิงหลานไม่คิดจะท้าทายขนบธรรมเนียมประเพณี

“สวัสดีครับอาจารย์ ผมคือหลิงหลานจากห้องเอชั้นปีสองครับ” หลิงหลานแนะนำตัวเองอย่างใจเย็นทำให้อาจารย์บางคนยิ้มขึ้นมา เด็กคนนี้ไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยว่าถูกจับได้ที่ทำเรื่องแย่ๆ ตรงกันข้ามสีหน้ายิ่งดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา

“ต่อให้เธอเป็นเด็กห้องเอ เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้สิทธิพิเศษมากที่สุดของสถาบัน แต่ฉันจะส่งรายงานการกระทำอันเลวร้ายเช่นนี้ของเธอไปยังทางสถาบัน ให้สถาบันยกเลิกคุณสมบัติเด็กห้องเอของเธอซะ” ในที่สุดท่าทีของหลิงหลานที่ไม่ยอมรับผิดเลยสักนิดเดียวได้ยั่วโทสะของอาจารย์เฒ่าคนนั้น

คำพูดของอาจารย์เฒ่าทำให้บรรดาอาจารย์หนุ่มๆ ที่อยู่รอบข้างยิ้มฝืดเฝื่อน และลอบส่ายหัวเงียบๆ อาจารย์เฒ่าคนนี้เป็นคนหัวดื้อที่ชื่อดังในสถาบัน ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ไม่มีอคติเลยแม้แต่น้อย เป็นชายชราหัวแข็งที่ไม่เห็นแก่หน้าใคร ทางสถาบันก็ให้เขารับผิดชอบเรื่องการจัดลำดับด้วยสาเหตุนี้เช่นกัน อยากอาศัยความเข้มงวดของเขามาช่วยทำให้นักเรียนที่ดื้อรั้นในสถาบันรู้สึกเกรงกลัว ไม่นึกเลยว่ายังไม่มีโอกาสข่มขู่พวกนักเรียนที่ดื้อซนก็เจอเด็กฉลาดที่รู้จักการไปยังหนทางที่แหกคอกก่อนล่วงหน้าหนึ่งก้าว

อาจารย์หนุ่มๆ ต่างรู้สึกกลุ้มใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมีอาจารย์ท่านนี้อยู่ละก็ พวกเขาคงให้หลิงหลานเข้าไปทดสอบนานแล้ว ช่วยไม่ได้ พวกเขาชอบนักเรียนที่มีความคิดนอกกรอบ เต็มไปด้วยความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดแบบนี้

หลิงหลานเองก็กลัดกลุ้มมากเช่นกัน เธอนวดหว่างคิ้วอย่างเต็มแรง ครุ่นคิดว่าควรจะแก้ไขปัญหายังไงดี ไม่ใช่ว่าเธอกลัวการรายงานความผิดของอาจารย์เฒ่าจริงๆ แต่เธอรู้สึกทนไม่ได้จริงๆ ที่ไปยั่วโมโหชายชราผมขาวคนนี้

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เวลานี้ก็ได้ยินหลิงหลานเอ่ยปากถามว่า “ไม่ทราบว่าเจ้าของร้านนี้คือใครครับ?”

ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาแอบกระซิบกระซาบมองดูเหตุการณ์ทางด้านนี้กับชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหาร ได้ยินคำถามของเด็กน้อยที่พังหน้าต่างก็รีบชูมือพูดว่า “ฉันเอง ฉันอยู่ตรงนี้” เขารอคอยว่าหลิงหลานจะแสดงอะไรต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสนุกสนาน

หลิงหลานเห็นสีหน้าของชายหนุ่มก็ทำการตัดสินใจ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยเอ่ยด้วยความจริงใจว่า “ขอโทษด้วยครับ! ผมพังหน้าต่างร้านคุณ ไม่รู้จะติดตั้งบานใหม่ต้องใช้เงินเท่าไหร่ครับ? ผมจะจ่ายเงินชดใช้”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่หน้าต่างบานเล็กๆ เท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม ปฏิเสธโดยไม่ยี่หระเอามากๆ

หลิงหลานกลับพูดอย่างจริงจังว่า “ผมเป็นคนทำ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ทางสถาบันเคยสอนว่าจะหลีกหนีความรับผิดชอบของตัวเองไม่ได้”

คำพูดของหลิงหลานทำให้อาจารย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่พยักหน้าเงียบๆ กระทั่งอาจารย์เฒ่าที่กำลังโมโหก็ลูบเคราสีขาวของตัวเองปลื้มอกปลื้มใจอย่างหาใดเปรียบ ใบหน้าที่เคร่งขรึมพลันอ่อนโยนลงมาก

เด็กร้ายกาจ! สายตาของทหารหนุ่มที่อยู่ข้างกายชายหนุ่มฉายแววเฉียบคมขึ้นมาวูบหนึ่ง แค่คำพูดประโยคเดียวก็สลายโทสะของอาจารย์เฒ่าไปได้ เขาคาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี

“ฮ่าๆ ถ้ากระจกบานนี้แพงมากล่ะ? ฉันรู้ว่าพวกนักเรียนของสถาบันลูกเสืออย่างพวกเธอไม่มีเงินที่นี่มากเท่าไหร่นัก” ชายหนุ่มคล้ายกับจงใจก่อกวน เอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มชั่วร้าย ในขณะเดียวกันก็เตือนหลิงหลานอยู่รางๆ ว่าถ้ายังไม่ทันได้แน่ใจผลลัพธ์ก็อย่ารีบรับปากเร็วขนาดนี้

หลิงหลานสะบัดข้อมือเบาๆ ของชิ้นเล็กๆ ที่อยู่ในมือพลันถูกซัดตรงไปที่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม การกระทำนี้กะทันหันอย่างมาก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด เขายื่นมือขวาออกมารับไว้อย่างสบายๆ

การกระทำที่เฉียบคมทรงประสิทธิภาพนี้ทำให้คิ้วของหลิงหลานเลิกขึ้นน้อยๆ ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน หลิงหลานเก็บความตกใจที่อยู่ในสายตาไว้ ดวงหน้าเธอเผยรอยยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย “นี่คือเศษหน้าต่างบานนั้นของคุณ หาเครื่องมือมาวินิจฉัยส่วนประกอบของมันออกมาได้ตามใจชอบเลย นักเรียนของสถาบันลูกเสืออย่างพวกเราได้รับการคุ้มครองจากทางสถาบันลูกเสือ ผมคิดว่าพี่ชายไม่อยากยั่วโมโหสถาบันลูกเสือหรอกใช่ไหม”

นักเรียนทุกคนที่เล่าเรียนในสถาบันลูกเสือจะได้รับการคุ้มครองจากสถาบัน ไม่ว่าผู้ใหญ่คนไหนคิดจะหลอกลวงนักเรียน จะต้องได้รับการตอบโต้อย่างบ้าคลั่งจากสถาบันลูกเสือแน่นอน

ท่าทีดูถูกเหมือนกับมองดูคนโง่ของหลิงหลานทำให้ทหารหนุ่มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนชายหนุ่มก็ปิดหน้าพูดไม่ออก ‘ไม่ใช่ว่าแค่เห็นอีกฝ่ายน่ารักเลยหยอกล้อเขาเล่นสักหน่อย ต้องถึงกับตอบโต้รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่นึกเลยว่าจะถูกเด็กอายุเจ็ดขวบมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ฮือๆๆ เขาไม่อยากอยู่แล้ว’

อาจารย์เฒ่าที่ใบหน้าเดิมทีอ่อนโยนลงแล้ว พอได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา พยักหน้าติดต่อกัน เดิมทีเขาคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กซนไม่อยู่ในกฎระเบียบ ไม่นึกเลยว่าจะรู้ถูกผิดชัดเจนมาก นอกจากนี้ยังเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ ช่างเป็นเด็กที่ไม่เลวเลยจริงๆ ดูท่าเขาจะจัดการมากเกินไปไม่ได้แล้ว เพื่อไม่ให้ทำร้ายความใฝ่ฝันทะเยอทะยานของเด็ก…

ความคิดของอาจารย์เฒ่าเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการกระทำของหลิงหลานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“เอาเถอะ เอา 500 เหรียญเสมือนจริงสหพันธรัฐมาให้ฉันก็พอ” ชายหนุ่มได้แต่บอกตัวเลขที่ต่ำกว่าราคาตลาดสามสิบเปอร์เซ็นต์ หลิงหลานย่อมไม่ปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่าย ดึงดันแก้ไขราคาให้ถูกต้องกับเขาอย่างไร้สมองเพื่อพิสูจน์คุณธรรมอันสูงส่งของตัวเอง

ดังนั้นหลิงหลานเลยเก็บสีหน้าเหยียดหยามไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นทำหน้าจริงใจเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายในชั่วพริบตา ทำให้ชายหนุ่มที่เดิมทีหดหู่ใจกลายเป็นรู้สึกดีขึ้นมากทันที เขารู้สึกอีกรอบว่าเด็กตรงหน้าดูน่ารักมากเกินไปแล้ว

แงๆๆ เขาจะต้องขอแฟนแต่งงานให้เร็วที่สุด พยายามเข้าเรือนหอให้ได้ในปีนี้ ปีหน้าจะได้ให้กำเนิดเด็กจ้ำม่ำที่น่ารักเหมือนกับเด็กตรงหน้า…

หลิงหลานรีบโอนเหรียญทองไปให้ชายหนุ่ม เรื่องพังหน้าต่างก็หยุดลงตรงนี้ หลังจากนั้นเธอก็เดินไปที่ตรงหน้าอาจารย์เฒ่าแล้วพูดด้วยความจริงจังว่า “ขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอนครับ”

คำพูดของหลิงหลานทำให้อาจารย์เฒ่าหวั่นไหวในที่สุด เด็กปัจจุบันนี้มีนิสัยดื้อรั้นมาก เมื่อเผชิญหน้ากับอาจารย์ที่ตำหนิตัวเองก็จะจดจำความแค้นไว้ในใจ ไม่มีทางเอ่ยขอบคุณแน่นอน อาจารย์เฒ่ามองเห็นได้ชัดเจนว่า หลิงหลานขอบคุณอย่างจริงใจ ท่าทีของหลิงหลานทำให้อาจารย์เฒ่าไม่อาจรักษาความเคร่งขรึมที่มีอยู่แต่เดิมได้อีกต่อไป เขาจึงกล่าวเตือนเท่านั้นว่า “จำไว้นะ ไม่มีครั้งหน้าแล้ว”

เอ๋? นี่ยังเป็นตาแก่หัวดื้อที่ไม่เห็นแก่หน้าใครคนนั้นอยู่หรือเปล่า? อาจารย์ทุกคนต่างประหลาดใจมากกับการกระทำที่เข้มงวดจริงจังก่อนจะปล่อยวางได้ง่ายๆ ของอาจารย์เฒ่า เดิมทีพวกเขาคิดว่าอาจารย์เฒ่าจะรายงานความผิดไปที่ฝ่ายปกครอง ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายจบลงที่ได้ยินเสียงน้ำแต่ไม่เห็นดอกไม้น้ำ

ทหารหนุ่มยิ้มมุมปากมองดูหลิงหลานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ เป็นท่าจบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าออกจากสถาบันไปสิบกว่าปีก็มีเด็กที่ปีศาจอัจฉริยะขนาดนี้โผล่ขึ้นมาอีกคน หลินหลาน…หลิน? ลิ่น? หลิง? แซ่ของเด็กคนนี้มีเสียงเดียวกับปีศาจอัจฉริยะเมื่อตอนนั้นเลย ช่างบังเอิญเสียจริง ไม่รู้ว่าจะเป็นหลิงเหมือนกันหรือเปล่า?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทหารหนุ่มก็มีสีหน้าหม่นลง สายตาที่เขาทอดมองไปยังหลิงหลานอีกครั้งแฝงไปด้วยความปราถนาบางอย่าง หวังว่าเด็กที่ชาญฉลาดมากเช่นเดียวกันคนนี้จะสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขปลอดภัย ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นของเขาที่ยังไม่ทันได้เปล่งรัศมีความแข็งแกร่งสุดยอดก็ถูกแผนการชั่วร้ายเด็ดปีกทิ้งไปเมื่อแปดปีก่อน….

อาจารย์เฒ่าไม่สนความประหลาดใจที่อยู่บนใบหน้าของอาจารย์คนอื่นๆ เขาดูถูกในใจว่า ‘คิดว่าฉันเป็นตาแก่หูตาฝ้าฟางมองไม่เห็นความฉลาดของเด็กคนนี้จริงๆ หรือไง? ที่เข้มงวดต่อเขาขนาดนี้ก็แค่ไม่อยากให้เด็กที่ฉลาดมากเกินไปคนนี้เดินไปบนเส้นทางบิดเบี้ยวก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เด็กคนนี้ตอบได้เฉลียวฉลาดจริงๆ จับจุดอ่อนของฉันได้ ทำให้ฉันไม่สามารถเข้มงวดต่อไปได้ สมบูรณ์แบบมาก…’

ใบหน้าของอาจารย์เฒ่าปรากฏร่องรอยความกังวลและก็แฝงไปด้วยความยินดีเล็กน้อย ความรู้สึกของเขาสับสนอย่างมาก ‘เด็กคนนี้ไม่เป็นฮีโร่ ก็ต้องเป็นวายร้าย ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกเส้นทางอะไรในอนาคต…’

พอเห็นเหตุการณ์พังหน้าต่างในครั้งนี้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ที่รับหน้าที่เรียกนักเรียนเข้ามาทดสอบก็ไม่ได้เรียกคนต่อไปอีก หากแต่ทำสัญญาณบ่งบอกให้หลิงหลานเข้าไป และให้เขาเตรียมตัวอยู่ครู่หนึ่งรอเข้าไปที่ประตูเทเลพอร์ตเพื่อทำการทดสอบ

……………………………..

[1] อุปมาถึงคนที่ถูกรังเกียจจนเป็นเป้าของการต่อว่า รุมประณาม หยามเหยียด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+